จงร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา
“ให้ข้าพเจ้าร้องเพลงถวายพระยะโฮวา เพราะพระองค์ได้รับการยกย่องไว้สูง.”—เอ็กโซโด 15:1, ล.ม.
1. คุณสมบัติและคุณลักษณะเช่นไรของพระยะโฮวาเป็นมูลเหตุให้เราสรรเสริญพระองค์?
ในเพลงสรรเสริญบท 150 มีคำสั่งสิบสามครั้งให้สรรเสริญพระยะโฮวาหรือยาห์. ข้อสุดท้ายของบทนั้นประกาศดังนี้: “ให้สรรพสัตว์ที่มีลมหายใจสรรเสริญพระยะโฮวา. ท่านทั้งหลายจงสรรเสริญพระยะโฮวาเถิด!” ในฐานะที่เป็นพยานพระยะโฮวา พวกเราทราบว่า พระยะโฮวาสมควรได้รับการสรรเสริญจากเรา. พระองค์ทรงเป็นองค์บรมมหิศร, เป็นพระผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด, เป็นพระมหากษัตริย์ชั่วนิรันดร์, เป็นผู้สร้างตัวเรา, ทรงมีพระคุณเหลือล้นต่อเรา. พระองค์ทรงเป็นเลิศ, หาผู้ใดเสมอพระองค์ไม่มี, ไม่อาจเทียบใคร ๆ กับพระองค์ได้ในหลาย ๆ ทาง. พระองค์ทรงสัพพัญญู, ทรงพลานุภาพไพศาล, เที่ยงธรรมครบถ้วน, และทรงเป็นแบบฉบับของความรัก. พระองค์ประเสริฐยิ่งกว่าบุคคลใด ๆ ทั้งสิ้น พระองค์ซื่อสัตย์ภักดี. (ลูกา 18:19; วิวรณ์ 15:3, 4) พระองค์สมควรได้รับการสรรเสริญจากพวกเราไหม? แน่นอน พระองค์สมควรได้รับอย่างยิ่ง!
2. เรามีเหตุผลอะไรที่จะแสดงการขอบพระคุณพระยะโฮวา?
2 พระยะโฮวาสมควรได้รับไม่เพียงแต่การนมัสการและการสรรเสริญจากพวกเรา แต่รวมถึงการสำนึกบุญคุณและการขอบพระคุณสำหรับสารพัดสิ่งที่พระองค์ได้กระทำเพื่อพวกเราด้วย. พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ “ของประทานอันดีทุกอย่างและของประทานอันเลิศทุกอย่าง.” (ยาโกโบ 1:17) พระองค์ทรงเป็นบ่อเกิด เป็นแหล่งกำเนิดชีวิตทั้งมวล. (บทเพลงสรรเสริญ 36:9) ทุกสิ่งที่เราได้รับในฐานะที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ล้วนมาจากพระองค์ทั้งสิ้น เนื่องจากพระองค์เป็นพระผู้สร้างองค์ใหญ่ยิ่ง. (ยะซายา 42:5) นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงเป็นผู้ประสาทพระพรฝ่ายวิญญาณแก่พวกเราโดยทางพระวิญญาณของพระองค์, ทางองค์การ, และทางพระวจนะของพระองค์. พวกเราได้รับการอภัยโทษก็โดยที่พระองค์ทรงจัดเตรียมพระบุตรของพระองค์เป็นค่าไถ่. (โยฮัน 3:16) พวกเรามีความหวังแห่งราชอาณาจักรเกี่ยวกับ ‘ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่.’ (2 เปโตร 3:13, ล.ม.) เรามีการคบหาสมาคมกับเพื่อนคริสเตียน. (โรม 1:11, 12) เรามีเกียรติและพระพรนานัปการอันเนื่องมาจากเราเป็นพยานของพระองค์. (ยะซายา 43:10-12) และเรามีสิทธิพิเศษล้ำค่าเกี่ยวกับการอธิษฐาน. (มัดธาย 6:9-13) จริง ๆ แล้ว เรามีเหตุผลหลายประการจะขอบพระคุณพระยะโฮวา!
วิธีต่าง ๆ ที่เราสามารถสรรเสริญพระยะโฮวา
3. โดยวิธีต่าง ๆ อะไรบ้างที่เราสามารถสรรเสริญพระยะโฮวาและแสดงความขอบพระคุณพระองค์?
3 พวกเราซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาที่เลื่อมใสในพระองค์จะสรรเสริญพระองค์และแสดงการขอบพระคุณพระองค์โดยวิธีใด? เราสามารถทำได้โดยการเข้าส่วนในงานรับใช้ของคริสเตียน เช่น การประกาศเป็นพยานตามบ้าน, การกลับเยี่ยมเยียนผู้สนใจ, การนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล, และการให้คำพยานตามถนน. อนึ่ง เราสามารถสรรเสริญพระองค์โดยการให้คำพยานเมื่อสบโอกาสอันควร. นอกจากนั้น เราสามารถสรรเสริญพระยะโฮวาได้อีกโดยความประพฤติที่ซื่อตรงของเรา กระทั่งโดยการแต่งกายไว้ผมแบบสุภาพ และสะอาดหมดจด. พยานพระยะโฮวามักได้รับคำชมเชยเพราะเป็นตัวอย่างในด้านเหล่านี้. ยิ่งกว่านั้น เราสามารถสรรเสริญพระยะโฮวาและขอบพระคุณพระองค์โดยการอธิษฐาน.—ดู 1 โครนิกา 29:10-13.
4. อะไรคือวิธีดีงามที่สุดวิธีหนึ่งที่เราสามารถจะสรรเสริญพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก?
4 นอกจากนั้น วิธีหนึ่งที่ดีงามเป็นเยี่ยมซึ่งเราสามารถสรรเสริญพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรัก คือการยกย่องพระองค์และคุณความดีของพระองค์ด้วยท่วงทำนองเพลงราชอาณาจักรอันไพเราะ. นักดนตรีและผู้ประพันธ์เพลงจำนวนไม่น้อยต่างเห็นพ้องกันว่า เสียงมนุษย์เป็นเครื่องดนตรีที่ไพเราะอย่างยิ่ง. บรรดาผู้จัดเจนด้านดนตรีคลาสสิกเพียรพยายามแต่งอุปรากรก็เนื่องจากมีความพึงพอใจมากเมื่อฟังการเปล่งเสียงร้องเพลงของมนุษย์.
5. เราควรจริงจังกับเรื่องการร้องเพลงราชอาณาจักรด้วยเหตุผลอะไร?
5 พระยะโฮวาคงจะปีติยินดีเพียงใดเมื่อสดับฟังการร้องเพลงของมนุษย์ โดยเฉพาะเมื่อเขาร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณ! เช่นนั้นแล้ว เป็นที่แน่นอนว่า เราควรถือเอาการร้องเพลงราชอาณาจักร ณ ที่ต่าง ๆ เมื่อเราชุมนุมกันเป็นเรื่องสำคัญอย่างแท้จริง เช่น ที่การประชุมประชาคม, การประชุมหมวด, การประชุมพิเศษ, การประชุมภาค, และการประชุมนานาชาติ. หนังสือเพลงของเราอุดมไปด้วยทำนองดนตรีอันไพเราะจริง ๆ บ่อยครั้งบุคคลภายนอกถึงกับกล่าวชมเชยความไพเราะแห่งท่วงทำนองเหล่านั้น. ยิ่งเราเข้าถึงเจตนารมณ์ของการร้องเพลงราชอาณาจักรมากเท่าไร เราก็ยิ่งจะยังความเพลิดเพลินแก่คนอื่นและเป็นคุณประโยชน์แก่ตัวเองมากเท่านั้น.
การร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาสมัยพระคัมภีร์
6. ชาวยิศราเอลได้แสดงความหยั่งรู้ค่าอย่างไรเมื่อได้รับการช่วยให้รอดที่ทะเลแดง?
6 พระวจนะของพระเจ้าแจ้งแก่เราว่า โมเซและชาวยิศราเอลทั้งปวงได้ร้องเพลงด้วยความปีติยินดีในชัยชนะเมื่อได้รับการช่วยให้พ้นกองทัพฟาโรห์ที่ทะเลแดง. บทเพลงของเขาขึ้นต้นด้วยคำร้องที่ว่า “ให้ข้าพเจ้าร้องเพลงถวายพระยะโฮวา, เพราะพระองค์ได้รับการยกย่องไว้สูง. พระองค์ได้ทรงเหวี่ยงม้าและคนขี่ม้าลงในทะเล. ยาห์ทรงเป็นกำลังและความเข้มแข็งของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นความรอดของข้าพเจ้า. นี้แหละเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์.” (เอ็กโซโด 15:1, 2, ล.ม.) เราสามารถสร้างมโนภาพความกระตือรือร้นและความยินดีของชาวยิศราเอลได้อย่างชัดเจน ขณะที่เขาเปล่งเสียงร้องถ้อยคำเหล่านั้นหลังจากรับการช่วยให้รอดอย่างน่าอัศจรรย์!
7. มีตัวอย่างเด่นอื่น ๆ อะไรอีกที่ชาวยิศราเอลร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาซึ่งบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลภาคภาษาฮีบรู?
7 เราอ่านที่พระธรรม 1 โครนิกา 16:1, 4-36 ว่า เมื่อดาวิดได้นำหีบคำสัญญาไมตรีไปที่ยะรูซาเลม ได้มีการร้องเพลงสรรเสริญพร้อมกับเครื่องดนตรีต่าง ๆ ถวายพระยะโฮวา. นับว่าเป็นวาระแห่งความชื่นชมยินดีจริง ๆ. เมื่อกษัตริย์ซะโลโมได้อุทิศพระวิหาร ณ กรุงยะรูซาเลมก็เป็นอีกวาระหนึ่งด้วยที่มีการร้องเพลงสรรเสริญพร้อมกับบรรเลงดนตรีถวายพระยะโฮวา. เราอ่านได้จาก 2 โครนิกา 5:13, 14 ดังนี้: “ครั้นพวกแตรและพวกขับเพลงทำเพลงพร้อมกันดุจเสียงเดียว, ประโคมถวายฉลองพระเดชพระคุณพระยะโฮวา, เมื่อเขาร้องเพลงขึ้นเสียงพร้อมกันกับวงแตรฉิ่งฉาบและเครื่องดนตรีต่าง ๆ นั้น, ได้ขอบพระคุณพระยะโฮวาว่า ‘เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาคุณ; และเพราะพระกรุณาคุณของพระองค์ดำรงอยู่ถาวร.’ ขณะนั้นโบสถ์วิหารของพระยะโฮวาก็เต็มไปด้วยเมฆ; เพียงปุโรหิตจะยืนปฏิบัติไม่ได้ด้วยเหตุเมฆนั้น เพราะว่ารัศมีของพระยะโฮวาทรงแผ่คลุมทั่วเต็มโบสถ์วิหารของพระเจ้า.” เหตุการณ์ครั้งนั้นแสดงถึงสิ่งใด? แสดงว่า พระยะโฮวาทรงสดับการสรรเสริญโดยเพลงไพเราะนั้นและทรงพอพระทัยด้วย ดังเห็นได้จากเมฆซึ่งเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ. ต่อมา มีนักร้องสองพวกได้พากันมาร่วมร้องเพลงเฉลิมฉลองกำแพงกรุงยะรูซาเลมในสมัยนะเฮมยา.—นะเฮมยา 12:27-42.
8. มีอะไรแสดงว่า ชาวยิศราเอลถือเอาการร้องเพลงเป็นเรื่องสำคัญ?
8 ที่จริง การร้องเพลงเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริงของการนมัสการ ณ พระวิหาร จนถึงกับมีการจัดชาวเลวี 4,000 คนไว้ต่างหากเพื่อการรับใช้โดยเล่นดนตรี. (1 โครนิกา 23:4, 5) คนเหล่านี้จะเล่นดนตรีคลอเสียงกับพวกนักร้อง. ดนตรี โดยเฉพาะกลุ่มนักร้อง ครองบทบาทสำคัญในการนมัสการ ไม่ใช่เพื่อจะซึมซาบในข้อบัญญัติที่ยาก ๆ แต่เพื่อทำให้เกิดน้ำใจที่ถูกต้องในการนมัสการ. ดนตรีช่วยชาวยิศราเอลนมัสการพระยะโฮวาอย่างมีชีวิตชีวา. จงสังเกตการตระเตรียมและการเอาใจใส่ต่อรายละเอียดซึ่งจัดไว้เฉพาะเพื่องานด้านนี้: “จำนวนคนทั้งหลายนั้นกับพี่น้องของตนบรรดาที่ได้หัดเรียนชำนาญในการร้องเพลงถวายพระยะโฮวา, นับได้สองร้อยแปดสิบแปดคน.” (1 โครนิกา 25:7) จงสังเกตว่า คนเหล่านั้นถือเอาการร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาเป็นเรื่องที่ต้องเอาจริงเอาจังเพียงใด. พวกเขาได้รับการฝึกฝนในการร้องเพลงและเป็นผู้ชำนาญ!
9. คัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกกล่าวย้ำอย่างไรเรื่องการร้องเพลง?
9 มาถึงสมัยศตวรรษแรกแห่งสากลศักราช เราได้รู้อะไร? คืนนั้นที่มีการทรยศพระเยซู พระองค์ผู้ซึ่งมีเรื่องหนักอึ้งอยู่ในพระทัยก็ยังตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องจบการฉลองปัศคาและตั้งอนุสรณ์ถึงการวายพระชนม์ของพระองค์ด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวา. (มัดธาย 26:30) อนึ่ง เราอ่านว่า “ประมาณเที่ยงคืน” หลังจากถูกเฆี่ยนและถูกจำจองไว้ในคุก เปาโลกับซีลา “ก็อธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นักโทษทั้งหลายในคุกก็ฟังอยู่.”—กิจการ 16:25.
การร้องเพลงสรรเสริญ—ส่วนสำคัญในการนมัสการของเรา
10. พระวจนะของพระเจ้ามีพระบัญชาอะไรบ้างเกี่ยวกับการร้องเพลงสรรเสริญพระองค์?
10 บางทีคุณเคยคิดว่าการร้องเพลงราชอาณาจักรนั้นไม่สำคัญพอที่คุณต้องเอาใจใส่จริงจังไหม? ถ้าคิดอย่างนั้น คุณควรประเมินค่าเรื่องนี้เสียใหม่มิใช่หรือ เมื่อคำนึงถึงการที่พระเจ้ายะโฮวาและพระเยซูคริสต์ทรงให้ความสำคัญแก่การร้องเพลงสรรเสริญ? ทั้งนี้เพราะพระวจนะของพระเจ้าเต็มไปด้วยพระบัญชาให้สรรเสริญพระยะโฮวาและร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์! ยกตัวอย่าง เราอ่านที่ยะซายา 42:10 ว่า “ให้คนทั้งหลายที่ลงไปยังทะเล, และคนทั้งหลายที่อยู่ในทะเลนั้น, ให้หมู่เกาะทั้งหลาย, และบรรดาคนที่อยู่บนหมู่เกาะนั้น, ร้องเพลงบทใหม่ถวายพระยะโฮวา, และสรรเสริญพระองค์ตั้งแต่ปลายแผ่นดินโลกมา.”—ดูบทเพลงสรรเสริญ 96:1; 98:1 ด้วย.
11. อัครสาวกเปาโลได้ให้คำแนะนำอะไรเรื่องการร้องเพลง?
11 อัครสาวกเปาโลตระหนักว่า การร้องเพลงจะหนุนใจเราได้ ดังนั้น ท่านจึงเตือนพวกเราสองครั้งเกี่ยวกับเรื่องนี้. เราอ่านที่เอเฟโซ 5:18, 19 (ล.ม.) ว่า “จงบริบูรณ์ด้วยพระวิญญาณอยู่เสมอ พูดกับตนเองด้วยเพลงสรรเสริญ และคำสดุดีแด่พระเจ้า และเพลงฝ่ายวิญญาณ ร้องเพลงและมีดนตรีคลอเสียงในหัวใจของท่านทั้งหลายแด่พระยะโฮวา.” และที่โกโลซาย 3:16 (ล.ม.) เราอ่านดังนี้: “จงให้คำของพระคริสต์อาศัยอยู่กับท่านทั้งหลายอย่างบริบูรณ์ด้วยสติปัญญาทุกประการ. จงสั่งสอนและเตือนสติกันและกันด้วยบทเพลงสรรเสริญ น้อมใจถวายสดุดีแด่พระเจ้าด้วยบทเพลงฝ่ายวิญญาณ ในหัวใจของท่านจงร้องเพลงแด่พระยะโฮวา.”
12. เรามีตัวอย่างอะไรที่ว่า บทเพลงราชอาณาจักรช่วยเราในการสั่งสอนและเตือนสติซึ่งกันและกัน?
12 จงสังเกตว่า แต่ละครั้งเปาโลกล่าวซ้ำเรื่องการร้องเพลง เมื่อท่านพูดถึง ‘เพลงสรรเสริญ, คำสดุดีแด่พระเจ้า, เพลงฝ่ายวิญญาณ, ร้องเพลงและมีดนตรีคลอเสียงในหัวใจของท่าน.’ นอกจากนั้น ท่านขึ้นต้นคำพูดกับชาวโกโลซายโดยกล่าวว่า การทำเช่นนี้หมายความว่าเราสามารถจะ “สั่งสอนและเตือนสติกันและกัน.” และแน่นอน สิ่งนี้เราทำได้ ดังเห็นได้จากชื่อบทเพลงต่าง ๆ ในหนังสือเพลงของเรา—“สรรพสิ่งทั้งปวง จงสรรเสริญพระยะโฮวา!” (บท 5) “จงตั้งมั่นคง อย่าสะเทือนสะท้าน!” (บท 10) “จงยินดีในความหวังเรื่องราชอาณาจักร!” (บท 16) “อย่ากลัวเขาเลย!” (บท 27) “จงสรรเสริญพระยะโฮวา พระเจ้าของเรา!” (บท 100) เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่าง.
13. “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ได้แสดงให้เห็นอย่างไรถึงความสำคัญของการร้องเพลงว่าเป็นส่วนหนึ่งในการนมัสการของเรา?
13 เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบัญชาเหล่านี้ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ได้เตรียมการไว้ว่า การประชุมต่าง ๆ ของเรา—การประชุมประจำประชาคม, การประชุมหมวด, การประชุมพิเศษ, การประชุมภาค, และการประชุมนานาชาติ—เปิดและปิดด้วยการร้องเพลงราชอาณาจักร. (มัดธาย 24:45) นอกจากนั้น มีการกำหนดการร้องเพลงในเวลาอื่นระหว่างการประชุมต่าง ๆ ดังกล่าว. เนื่องจากการประชุมของเราปกติแล้วเริ่มด้วยการร้องเพลงราชอาณาจักร เราก็น่าจะไปถึงที่ประชุมตรงเวลามิใช่หรือ เพื่อมีเวลาทันเข้าร่วมส่วนนั้นในการนมัสการของเรา? และเนื่องจากการประชุมต่าง ๆ จบลงด้วยการร้องเพลง เช่นนั้นแล้ว เราก็น่าจะอยู่จนกระทั่งร้องเพลงปิดประชุมซึ่งตามติดด้วยคำอธิษฐานมิใช่หรือ?
14. เรามีตัวอย่างอะไรเกี่ยวกับการเลือกเพลงให้เหมาะกับระเบียบวาระการประชุมของเรา?
14 บทเพลงที่ร้อง ณ การประชุมของเรามีการคัดเลือกอย่างรอบคอบเพื่อให้ประสานกับระเบียบวาระ. ตัวอย่างเช่น ณ การประชุมภาค “การสอนจากพระเจ้า” เมื่อปี 1993 เพลงบท 191 “ทำให้ความจริงเป็นทางของคุณเอง” ซึ่งหนุนใจคริสเตียนให้ต่อสู้กับซาตาน, โลก, และเนื้อหนังที่ผิดบาป เป็นเพลงที่ร้องทันทีหลังจากคำบรรยายสามเรื่องเกี่ยวข้องกับศัตรูเหล่านี้. ทำนองเดียวกัน เพลงบท 164 “บุตร—ของประทานอันประเสริฐจากพระเจ้า” ซึ่งมีคำแนะนำไว้เพียบสำหรับบิดามารดา เป็นเพลงที่ร้องทันทีหลังการบรรยายซึ่งเน้นภาระหน้าที่ของบิดามารดาในการอบรมบุตร. เพลงบท 70 “จงเป็นเหมือนยิระมะยา” มาก่อนชุดคำบรรยายที่อาศัยคำพยากรณ์ของยิระมะยาเป็นหลัก. และภายหลังคำบรรยายชุดเรื่องแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับงานรับใช้ราชอาณาจักรของเรา ก็เป็นเพลงบท 156 ที่ว่า “เรายินดีที่จะรักษาท่าน” ซึ่งเป็นเพลงที่สนับสนุนเราให้เข้าส่วนในงานรับใช้. การเลือกบทเพลงสำหรับการศึกษาหอสังเกตการณ์, การประชุมวิธีปฏิบัติงาน, และโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าก็ทำด้วยความระมัดระวังเช่นเดียวกัน. เพื่อให้เป็นไปตามนั้น เมื่อผู้ปกครองให้คำบรรยายสาธารณะและแจ้งบทเพลงที่จะร้องเปิดประชุม เขาก็ควรเลือกเพลงที่เข้ากับสาระสำคัญของเรื่องที่เขาจะบรรยาย.
15. ประธานการประชุมอาจทำประการใดเพื่อเสริมการหยั่งรู้ค่าบทเพลงที่จะร้อง?
15 เมื่อประกาศบทเพลงที่จะร้อง ประธานการประชุมอาจเสริมความหยั่งรู้ค่าต่อบทเพลงโดยบอกชื่อเพลงหรือสาระสำคัญของบทเพลง. เราไม่ได้ร้องตัวเลขบทแต่เราร้องสาระสำคัญจากพระคัมภีร์. นอกจากนั้น คงจะช่วยประชาคมหยั่งรู้ค่าบทเพลงมากขึ้นถ้าได้สังเกตดูข้อคัมภีร์ที่อยู่ใต้ชื่อบทเพลง. อีกอย่างหนึ่ง อาจให้ข้อสังเกต เช่น ทุกคนควรเข้าถึงเจตนารมณ์ของเพลง.
จงแสดงความหยั่งรู้ค่าคุณความดีของพระยะโฮวาด้วยการร้องเพลง
16. เราจะทำอย่างไรเพื่อเข้าถึงเจตนารมณ์ของบทเพลงที่เราร้อง?
16 เนื่องจากเนื้อร้องของเพลงราชอาณาจักรอุดมด้วยความหมาย เมื่อร้องเพลงเราต้องมุ่งความสนใจไปที่เนื้อร้อง. เราต้องการเข้าถึงเจตนารมณ์ของเพลงแต่ละบท. บางเพลง เช่น เพลงที่เกี่ยวข้องกับความรัก ซึ่งเป็นผลอย่างหนึ่งแห่งพระวิญญาณ เป็นเพลงที่กระทบหัวใจ. (ฆะลาเตีย 5:22) เพลงเหล่านี้เราร้องด้วยความรู้สึกแรงกล้าและอบอุ่น. บางเพลงบ่งบอกความชื่นชมยินดี และเราควรพยายามร้องเพลงเหล่านั้นอย่างมีความสุขเบิกบาน. เพลงอื่นคึกคักมีชีวิตชีวา, และเพลงประเภทนี้น่าจะร้องด้วยความกระตือรือร้นและความมั่นใจอันเข้มแข็ง. ในโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้า เราได้รับคำแนะนำให้แสดงความอบอุ่น ความรู้สึก และความกระตือรือร้นขณะที่เราให้คำบรรยาย. ที่จะแสดงความอบอุ่น, ความรู้สึก, และความกระตือรือร้นขณะร้องเพลงราชอาณาจักรเช่นนั้นก็ยิ่งสำคัญกว่า.
17. (ก) ชาวยิศราเอลที่ไม่ซื่อสัตย์ได้รับการตำหนิอย่างไร ซึ่งเราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับการร้องเพลงของเรา? (ข) ผลเป็นประการใดเมื่อเรารับคำแนะนำที่มีอยู่ในบทเพลงราชอาณาจักรอย่างจริงจัง?
17 หากเราร้องเพลงราชอาณาจักรโดยที่เราปล่อยใจคิดถึงเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ไตร่ตรองความหมายของเนื้อร้องอย่างจริงจัง เราจะคล้าย ๆ กับชาวยิศราเอลที่ไม่ซื่อสัตย์มิใช่หรือ ซึ่งถูกตำหนิเพราะเขาสรรเสริญพระเจ้าด้วยริมฝีปาก แต่หัวใจเขาห่างไกลจากพระองค์? (มัดธาย 15:8) พวกเราคงไม่อยากได้รับการตำหนิเนื่องจากท่าทีที่เราร้องเพลงราชอาณาจักรใช่ไหม? โดยการร้องเพลงราชอาณาจักรด้วยการหยั่งรู้ค่า เราย่อมกระตุ้นไม่เฉพาะตัวเอง แต่กระตุ้นคนอื่นที่นั่งใกล้ ๆ เรา รวมทั้งเยาวชนด้วย. ใช่แล้ว ถ้าทุกคนที่ร้องเพลงในหอประชุมราชอาณาจักรรับเอาคำตักเตือนที่แทรกอยู่ในบทเพลงเหล่านี้อย่างจริงจัง นั่นก็คงจะเป็นการหนุนใจซึ่งยังผลอันทรงพลังให้เกิดความกระตือรือร้นในงานรับใช้ และหลีกเลี่ยงการถลำกระทำผิด.
18. การร้องเพลงราชอาณาจักรมีผลกระทบเช่นไรต่อสตรีผู้หนึ่ง?
18 ครั้งแล้วครั้งเล่า บุคคลภายนอกเกิดความประทับใจเมื่อเราร้องเพลงราชอาณาจักร. คราวหนึ่ง หอสังเกตการณ์ ได้ตีพิมพ์เรื่องนี้: “ประสบการณ์ของสตรีผู้หนึ่งซึ่งได้รับบัพติสมาคราวการประชุมใหญ่ ‘ชัยชนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ ที่สนามกีฬาแยงกี นครนิวยอร์กแสดงว่า การร้องเพลงของเราอาจนำผู้คนมาสู่ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้ายะโฮวาได้. สตรีผู้นี้ได้ไปยังหอประชุมราชอาณาจักรครั้งแรกเพียงลำพัง และอยู่ร่วมประชุมทั้งสองรายการ. เมื่อประชาคมร้องเพลง . . . ‘จงจดจ้องอยู่ที่รางวัล!’ เธอรู้สึกประทับใจทั้งเนื้อร้องและอากัปกิริยาของคนร้องเพลงในหอประชุม ซึ่งทำให้เธอตัดสินใจว่า ที่นี่คือแหล่งที่เธอต้องการสมทบ. หลังจากนั้น เธอเข้าไปทักทายพยานฯคนหนึ่งและขอให้นำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับเธอ และได้ทำความก้าวหน้าตั้งแต่นั้นจนกระทั่ง [เธอ] เข้ามาเป็นคริสเตียนพยานพระยะโฮวา.”
19. เราได้รับการหนุนใจขั้นสุดท้ายอย่างไรเพื่อที่จะตั้งใจร้องเพลงราชอาณาจักรของเราด้วยสุดหัวใจ?
19 ณ การประชุมของเราส่วนใหญ่แล้ว มีโอกาสค่อนข้างน้อยสำหรับผู้ร่วมประชุมจะแสดงความรู้สึกและความหยั่งรู้ค่า. แต่พวกเราทุกคนสามารถแสดงความรู้สึกที่มีต่อคุณความดีของพระยะโฮวาได้ โดยการร่วมร้องเพลงราชอาณาจักรอย่างตั้งอกตั้งใจ. นอกจากนั้น เมื่อเราประชุมร่วมกัน เราเบิกบานใจมิใช่หรือ? ถ้าอย่างนั้น เราน่าจะรู้สึกอยากร้องเพลง! (ยาโกโบ 5:13) ตามจริงแล้ว พวกเราหยั่งรู้ค่าคุณความดีของพระยะโฮวาและความรักกรุณาอันไม่พึงได้รับของพระองค์มากเท่าไร พวกเราจะเปล่งเสียงร้องเพลงสรรเสริญพระองค์สุดชีวิตจิตใจของเรามากเท่านั้น.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ เหตุผลพื้นฐานสองประการในการสรรเสริญพระยะโฮวาคืออะไร?
▫ โดยวิธีต่าง ๆ อะไรบ้างที่เราสามารถจะสรรเสริญพระยะโฮวา?
▫ อะไรคือวิธีดีงามที่สุดวิธีหนึ่งที่เราสามารถสรรเสริญพระยะโฮวา?
▫ เรามีตัวอย่างอะไรในพระคัมภีร์ว่าด้วยการสรรเสริญพระยะโฮวาด้วยการร้องเพลง?
▫ เราจะร้องเพลงราชอาณาจักรอย่างเหมาะสมโดยวิธีใด?
[กรอบหน้า 11]
จงชื่นชมกับเพลงเหล่านั้น!
ดูเหมือนบางคนรู้สึกว่าค่อนข้างยากที่จะฝึกร้องเพลงบางบท. อย่างไรก็ตาม บางประชาคมไม่มีปัญหามากเท่าไรในการร้องเพลงเหล่านั้นส่วนใหญ่. สิ่งที่พึงกระทำก็คือ อาจจะต้องเพียรพยายามฝึกร้องเพลงซึ่งแรก ๆ ดูเหมือนไม่ค่อยจะคุ้นเคยให้มากขึ้นสักหน่อย. ถ้าได้มาคุ้นเคยกับเพลงเหล่านั้นแล้ว ประชาคมมักจะหยั่งรู้ค่าบทเพลงเหล่านั้นยิ่งกว่าเพลงที่ไม่ต้องออกความพยายามฝึกร้อง ครั้นแล้วทุกคนในประชาคมจะร้องเพลงเหล่านั้นได้ด้วยความมั่นใจ. ใช่แล้ว เขาจะชื่นชมกับเพลงเหล่านั้นได้!
[กรอบหน้า 12]
การร้องเพลงราชอาณาจักรเมื่อมีการชุมนุมสังสรรค์
ไม่จำเป็นที่การร้องเพลงราชอาณาจักรต้องจำกัดอยู่แต่ในหอประชุมเท่านั้น. เปาโลกับซีลาร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาขณะอยู่ในคุก. (กิจการ 16:25) และสาวกยาโกโบกล่าวว่า “มีผู้ใดชื่นชมยินดีหรือ ก็ให้ผู้นั้นร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า.” (ยาโกโบ 5:13, เชิงอรรถ) เมื่อมีการพบปะสังสรรค์กัน ทุกคนชื่นชมยินดี. ดังนั้น จึงสมควรจะร้องเพลงราชอาณาจักรมิใช่หรือ? ทั้งนี้คงจะเพลิดเพลินยินดีเป็นพิเศษถ้ามีการร้องเพลงคลอเสียงเปียโนหรือกีตาร์. มิฉะนั้นก็ใช้แถบบันทึกเสียงเพลงราชอาณาจักรที่เป็นการบรรเลงเปียโน ซึ่งพยานฯหลายครอบครัวมีแถบบันทึกเพลงชุดนี้อยู่แล้ว. แถบบันทึกเพลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่เหมาะที่จะใช้ร้องคลอตามเท่านั้น แต่ยังเหมาะที่จะใช้เป็นดนตรีประกอบอีกด้วย.
[รูปภาพหน้า 8, 9]
ภายหลังการช่วยพวกเขาให้รอดชีวิตที่ทะเลแดง ชาวยิศราเอลได้แสดงความยินดีด้วยการร้องเพลง
[รูปภาพหน้า 10]
การร้องเพลงด้วยความยินดีเป็นส่วนหนึ่งแห่งการนมัสการของคริสเตียนในปัจจุบัน