ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • “มาช่วย” เป็นเวลามากกว่า 50 ปี
    หอสังเกตการณ์ 1996 | พฤศจิกายน 1
    • “มา​ช่วย” เป็น​เวลา​มาก​กว่า 50 ปี

      เล่า​โดย​เอมานวีล พาเทอราคิส

      พัน​เก้า​ร้อย​ปี​มา​แล้ว อัครสาวก​เปาโล​ได้​รับ​คำ​เชิญ​ที่​ผิด​ปกติ​ว่า “ขอ​โปรด​มา​ช่วย​พวก​ข้าพเจ้า​ใน​เมือง​มากะโดเนีย​เถิด.” เปาโล​ยอม​รับ​โอกาส​ใหม่​นี้​ด้วย​ความ​เต็ม​ใจ​ที่​จะ “ประกาศ​กิตติคุณ.” (กิจการ 16:9, 10) ถึง​แม้​คำ​เชิญ​ที่​ผม​ได้​รับ​ไม่​ได้​ย้อน​หลัง​ไป​นาน​ขนาด​นั้น​ก็​ตาม ถึง​กระนั้น​ก็​เป็น​เวลา​มาก​กว่า 50 ปี​มา​แล้ว​ที่​ผม​ตก​ลง “มา​ช่วย” ใน​เขต​ทำ​งาน​ใหม่ ๆ ด้วย​เจตนารมณ์​ของ​ยะซายา 6:8 ที่​ว่า “ข้าพเจ้า​อยู่​ที่​นี่; ทรง​ใช้​ข้าพเจ้า​เถิด.” การ​ที่​ผม​เดิน​ทาง​มาก​มาย​ทำ​ให้​ผม​ได้​รับ​สมญา​นาม​ว่า นัก​ท่อง​เที่ยว​ตลอด​ชีพ ทว่า​กิจการ​งาน​ของ​ผม​แทบ​จะ​ไม่​มี​อะไร​คล้าย​กัน​เลย​กับ​การ​ท่อง​เที่ยว. มาก​กว่า​หนึ่ง​ครั้ง เมื่อ​ผม​มา​ถึง​ห้อง​พัก​ใน​โรงแรม ผม​คุกเข่า​ลง​ขอบพระคุณ​พระ​ยะโฮวา​สำหรับ​การ​คุ้มครอง​ของ​พระองค์.

      ผม​เกิด​วัน​ที่ 16 มกราคม 1916 ที่​เมือง​ท่า​เยรัพพาตรา ใน​เกาะ​ครีต ใน​ครอบครัว​ที่​เคร่ง​ศาสนา​ออร์โทด็อกซ์. ตั้ง​แต่​ผม​เป็น​ทารก คุณ​แม่​จะ​พา​ผม​กับ​พี่​สาว​คน​หนึ่ง​และ​น้อง​สาว​สอง​คน​ของ​ผม​ไป​โบสถ์​วัน​อาทิตย์. ส่วน​คุณ​พ่อ​ของ​ผม ท่าน​ชอบ​อยู่​บ้าน​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​มาก​กว่า. ผม​นิยม​ชม​ชอบ​คุณ​พ่อ—เป็น​คน​ซื่อ​สัตย์, เที่ยงธรรม, และ​มี​ใจ​เมตตา—และ​ความ​ตาย​ของ​ท่าน ตอน​ที่​ผม​อายุ​เก้า​ขวบ กระทบ​กระเทือน​ผม​อย่าง​ยิ่ง.

      ผม​จำ​ได้​ว่า​ตอน​อายุ​ห้า​ขวบ ผม​เคย​อ่าน​ข้อ​ความ​หนึ่ง​ที่​โรง​เรียน​ซึ่ง​บอก​ว่า “ทุก​สิ่ง​รอบ​ตัว​เรา​ชี้​ชัด​ถึง​การ​ดำรง​อยู่​ของ​พระเจ้า.” ขณะ​ที่​ผม​โต​ขึ้น ผม​มั่น​ใจ​ใน​เรื่อง​นี้​จริง ๆ. ฉะนั้น ตอน​อายุ 11 ขวบ ผม​ตัดสิน​ใจ​เลือก​เขียน​เรียง​ความ​เรื่อง​หนึ่ง​โดย​ใช้​บทเพลง​สรรเสริญ 104:24 เป็น​อรรถบท: “ข้า​แต่​พระ​ยะโฮวา, พระ​ราชกิจ​ของ​พระองค์​มี​เป็น​อเนก​ประการ​จริง! พระองค์​ได้​ทรง​กระทำ​การ​นั้น​ทั้ง​สิ้น​โดย​พระ​สติ​ปัญญา: แผ่นดิน​โลก​เต็ม​บริบูรณ์​ไป​ด้วย​ทรัพย์​อัน​มั่งคั่ง​ของ​พระองค์.” ผม​รู้สึก​ตรึง​ใจ​เนื่อง​จาก​สิ่ง​มหัศจรรย์​ใน​ธรรมชาติ แม้​แต่​โดย​สิ่ง​ง่าย ๆ อย่าง​เมล็ด​พืช​ที่​มี​ปีก​เล็ก ๆ เพื่อ​ว่า​ลม​จะ​พัด​ไป​แล้ว​งอก​เป็น​ต้น​ใหม่​ห่าง​จาก​ต้น​เดิม. สัปดาห์​ภาย​หลัง​ที่​ผม​ส่ง​เรียง​ความ​แล้ว ครู​อ่าน​เรื่อง​นั้น​ให้​ทั้ง​ชั้น​ฟัง และ​จาก​นั้น​ก็​อ่าน​ให้​ทั้ง​โรง​เรียน​ฟัง. ใน​ตอน​นั้น พวก​ครู​กำลัง​ต่อ​ต้าน​แนว​คิด​แบบ​คอมมิวนิสต์ และ​ยินดี​ที่​ได้​ฟัง​การ​ที่​ผม​ปก​ป้อง​การ​ดำรง​อยู่​ของ​พระเจ้า. สำหรับ​ผม ก็​เพียง​แค่​รู้สึก​ดีใจ​ที่​ได้​แสดง​ออก​ถึง​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​ผู้​สร้าง.

      คำ​ตอบ​สำหรับ​คำ​ถาม​ของ​ผม

      การ​พบ​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ครั้ง​แรก​ใน​ช่วง​ต้น​ทศวรรษ​ปี 1930 ยัง​คง​แจ่ม​ชัด​อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​ผม. เอมานวีล ลีอานุดาคิส ได้​เผยแพร่​ตลอด​ทุก​เมือง​และ​ทุก​หมู่​บ้าน​ใน​เกาะ​ครีต. ผม​รับ​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​หลาย​เล่ม​จาก​เขา แต่​เล่ม​ที่​มี​ชื่อ​ว่า​คน​ตาย​แล้ว​อยู่​ที่​ไหน? นั่น​แหละ​ทำ​ให้​ผม​สนใจ​จริง ๆ. ผม​กลัว​ความ​ตาย​อย่าง​ขน​ลุก​ขนพอง​เสีย​จน​ผม​ไม่​กล้า​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​ที่​คุณ​พ่อ​เสีย​ชีวิต​ด้วย​ซ้ำ. เมื่อ​ผม​อ่าน​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​นี้​หลาย​ครั้ง​หลาย​หน​และ​ได้​รู้​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​สอน​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​สภาพ​ของ​คน​ตาย​แล้ว ผม​รู้สึก​ว่า​ความ​กลัว​ผี​อันตรธาน​ไป​จาก​ผม.

      ปี​ละ​ครั้ง ระหว่าง​ฤดู​ร้อน พวก​พยาน​ฯ​มา​เยี่ยม​เมือง​ของ​เรา​และ​นำ​สรรพหนังสือ​มา​ให้​ผม​อ่าน​อีก. ที​ละ​เล็ก​ที​ละ​น้อย ความ​เข้าใจ​ของ​ผม​ใน​พระ​คัมภีร์​ค่อย ๆ เพิ่ม​ขึ้น ทว่า​ผม​ยัง​คง​เข้า​ร่วม​กับ​คริสตจักร​ออร์โทด็อกซ์. อย่าง​ไร​ก็​ดี หนังสือ​การ​ช่วย​ให้​รอด (ภาษา​อังกฤษ) ก่อ​ให้​เกิด​การ​เปลี่ยน​แปลง​ครั้ง​สำคัญ. หนังสือ​นี้​แสดง​ให้​เห็น​อย่าง​ชัดเจน​ถึง​ความ​แตกต่าง​ระหว่าง​องค์การ​ของ​พระ​ยะโฮวา​กับ​องค์การ​ของ​ซาตาน. ตั้ง​แต่​นั้น​เป็น​ต้น​มา ผม​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​สรรพหนังสือ​ใด ๆ ของ​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​ที่​ผม​อาจ​รับ​ได้​นั้น​อย่าง​สม่ำเสมอ​ยิ่ง​ขึ้น. เนื่อง​จาก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​อยู่​ภาย​ใต้​การ​สั่ง​ห้าม​ใน​กรีซ ผม​จึง​ศึกษา​อย่าง​ลับ ๆ ตอน​กลางคืน. กระนั้น ผม​ก็​กระตือรือร้น​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ที่​ได้​เรียน​รู้​จน​ห้าม​ตัว​เอง​ไม่​ได้​ที่​จะ​พูด​คุย​เรื่อง​นี้​กับ​ทุก​คน. ใน​ไม่​ช้า​ตำรวจ​เริ่ม​จับตา​มอง​ผม​อย่าง​ใกล้​ชิด แวะ​เวียน​มา​หา​ผม​บ่อย ๆ ไม่​ว่า​ตอน​ไหน ๆ ทั้ง​กลางวัน​และ​กลางคืน​เพื่อ​ค้น​หา​สรรพหนังสือ.

      ใน​ปี 1936 ผม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​เป็น​ครั้ง​แรก​ใน​เมือง​อิรากลิออน อยู่​ห่าง​ออก​ไป 120 กิโลเมตร. ผม​ยินดี​จริง ๆ ที่​ได้​พบ​กับ​พยาน​ฯ. พวก​เขา​ส่วน​ใหญ่​เป็น​คน​ธรรมดา ๆ ส่วน​มาก​เป็น​ชาว​นา แต่​พวก​เขา​ทำ​ให้​ผม​เชื่อ​มั่น​ว่า​นี่​เป็น​ความ​จริง. ผม​ได้​อุทิศ​ตัว​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​ทันที.

      การ​รับ​บัพติสมา​เป็น​เหตุ​การณ์​ที่​ผม​จะ​ไม่​ลืม​เลย. คืน​หนึ่ง​ใน​ปี 1938 บราเดอร์​ลีอานุดาคิส​พา​ผม​กับ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​สอง​คน​ของ​ผม​ไป​ยัง​ชาย​หาด​ใน​ตอน​มืด​สนิท. หลัง​จาก​กล่าว​คำ​อธิษฐาน​แล้ว เขา​จับ​เรา​จุ่ม​ตัว​ลง​ใน​น้ำ.

      ถูก​จับ

      การ​ออก​ไป​เผยแพร่​ครั้ง​แรก​สุด​ของ​ผม​เป็น​เหตุ​การณ์​ที่​น่า​ตื่นเต้น ที่​พูด​มา​นี้​ยัง​น้อย​ไป. ผม​พบ​เพื่อน​นัก​เรียน​เก่า​ซึ่ง​ไป​เป็น​บาทหลวง และ​เรา​มี​การ​สนทนา​กัน​ดี​มาก. แต่​หลัง​จาก​นั้น เขา​อธิบาย​ว่า เพื่อ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​คำ​สั่ง​ของ​บิชอป เขา​ต้อง​ดำเนิน​การ​จับ​กุม​ผม. ขณะ​ที่​เรา​อยู่​ใน​สำนักงาน​ของ​นายก​เทศมนตรี​เพื่อ​คอย​ตำรวจ​ซึ่ง​มา​จาก​หมู่​บ้าน​ใกล้​เคียง​อยู่​นั้น ฝูง​ชน​ได้​มา​ชุมนุม​กัน​ข้าง​นอก. ดัง​นั้น ผม​เอา​พระ​คริสตธรรม​ใหม่​ภาษา​กรีก​ที่​อยู่​ใน​สำนักงาน​นั้น​มา​แล้ว​เริ่ม​ให้​คำ​บรรยาย​ต่อ​พวก​เขา​โดย​อาศัย​มัดธาย​บท 24. ที​แรก​ผู้​คน​ไม่​ต้องการ​ฟัง แต่​บาทหลวง​ที่​เป็น​เพื่อน​เก่า​ของ​ผม​ขัด​จังหวะ. เขา​บอก​ว่า “ให้​เขา​พูด​เถิด. นั่น​เป็น​คัมภีร์​ไบเบิล​ฉบับ​ของ​เรา.” ผม​สามารถ​พูด​เป็น​เวลา​ชั่วโมง​ครึ่ง. ด้วย​เหตุ​นี้ วัน​แรก​ของ​ผม​ใน​งาน​เผยแพร่​จึง​เป็น​โอกาส​สำหรับ​คำ​บรรยาย​สาธารณะ​ครั้ง​แรก​ของ​ผม​ด้วย. เนื่อง​จาก​ตำรวจ​ยัง​มา​ไม่​ถึง​เมื่อ​ผม​บรรยาย​เสร็จ นายก​เทศมนตรี​และ​บาทหลวง​ตัดสิน​ใจ​ให้​ผู้​ชาย​กลุ่ม​หนึ่ง​บังคับ​ผม​ออก​จาก​เมือง​ไป. ที่​โค้ง​แรก​ใน​ถนน ผม​เริ่ม​วิ่ง​เร็ว​เท่า​ที่​จะ​ทำ​ได้​เพื่อ​หลบ​เลี่ยง​ก้อน​หิน​ที่​พวก​เขา​ขว้าง​มา​นั้น.

      วัน​รุ่ง​ขึ้น​ตำรวจ​สอง​นาย ซึ่ง​มา​พร้อม​กับ​บิชอป​ได้​จับ​กุม​ผม​ใน​ที่​ทำ​งาน. ที่​สถานี​ตำรวจ ผม​สามารถ​ให้​คำ​พยาน​แก่​พวก​เขา​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล แต่​เนื่อง​จาก​สรรพหนังสือ​เกี่ยว​กับ​พระ​คัมภีร์​ของ​ผม​ไม่​ได้​รับ​ตรา​ประทับ​อนุมัติ​จาก​บิชอป​ตาม​ที่​กฎหมาย​กำหนด​ไว้ ผม​จึง​ถูก​ดำเนิน​คดี​เรื่อง​การ​ทำ​ให้​คน​เปลี่ยน​ศาสนา​และ​จำหน่าย​จ่าย​แจก​สรรพหนังสือ​ที่​ยัง​ไม่​ได้​รับ​อนุญาต. ผม​ถูก​ปล่อย​ตัว​ไป​โดย​ที่​การ​พิจารณา​คดี​ยัง​คาราคาซัง​อยู่.

      การ​พิจารณา​คดี​ของ​ผม​มี​ขึ้น​หนึ่ง​เดือน​ต่อ​มา. ใน​การ​แก้​คดี ผม​ได้​ชี้​แจง​ว่า ผม​เพียง​แค่​เชื่อ​ฟัง​พระ​บัญชา​ของ​พระ​คริสต์​ที่​ให้​ประกาศ. (มัดธาย 28:19, 20) ผู้​พิพากษา​ตอบ​อย่าง​เหน็บ​แนม​ว่า “ลูก​เอ๋ย ผู้​ที่​ให้​พระ​บัญชา​นั้น​ถูก​ตรึง​ไป​แล้ว. น่า​เสียดาย ผม​ไม่​มี​อำนาจ​ที่​จะ​ลง​โทษ​คุณแบบ​เดียว​กัน​นั้น.” อย่าง​ไร​ก็​ดี ทนาย​ความ​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ผม​ไม่​รู้​จัก​ได้​ลุก​ขึ้น​แก้​คดี​ให้​ผม โดย​บอก​ว่า เนื่อง​ด้วย​ลัทธิ​คอมมิวนิสต์​และ​ลัทธิ​อเทวนิยม​มี​อยู่​ดาษ​ดื่น​ที​เดียว ศาล​น่า​จะ​ภูมิ​ใจ​ที่​มี​ชาย​หนุ่ม​เตรียม​พร้อม​จะ​ปก​ป้อง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า. แล้ว​เขา​ก็​มา​แสดง​ความ​ยินดี​กับ​ผม​อย่าง​จริง​ใจ​เกี่ยว​กับ​การ​แก้​คดี​เป็น​ลายลักษณ์​อักษร​ของ​ผม ซึ่ง​อยู่​ใน​แฟ้ม​บันทึก​เกี่ยว​กับ​ตัว​ผม​ที่​อยู่​ใน​ศาล. เพราะ​รู้สึก​ประทับใจ​ที่​ผม​อายุ​น้อย​ที​เดียว เขา​จึง​อาสา​จะ​แก้​ต่าง​ให้​ผม​โดย​ไม่​คิด​ค่า. แทน​การ​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก​อย่าง​ต่ำ​ที่​สุด​สาม​เดือน ผม​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ​จำ​คุก​เพียง​สิบ​วัน และ​จ่าย​เงิน​ค่า​ปรับ 300 แดร็กมา. การ​ต่อ​ต้าน​เช่น​นั้น​มี​แต่​ทำ​ให้​ผม​ตั้งใจ​แน่วแน่​ยิ่ง​ขึ้น​ที่​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​และ​ปก​ป้อง​ความ​จริง.

      ใน​อีก​คราว​หนึ่ง​ที่​ผม​ถูก​จับ ผู้​พิพากษา​ได้​สังเกต​ว่า​ผม​ใช้​คัมภีร์​ไบเบิล​อ้างอิง​ด้วย​ความ​คล่องแคล่ว. เขา​ขอ​ให้​บิชอป​ออก​ไป​จาก​สำนักงาน​ของ​เขา โดย​บอก​ว่า “คุณ​ได้​ทำ​ส่วน​ของ​คุณ​แล้ว. ผม​จะ​จัด​การ​เรื่อง​ของ​เขา​ต่อ​ไป.” แล้ว​เขา​ก็​เอา​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​เขา​ออก​มา และ​เรา​คุย​กัน​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ตลอด​ช่วง​บ่าย. เหตุ​การณ์​เช่น​นั้น​หนุน​ใจ​ผม​ให้​ดำเนิน​ต่อ​ไป​ทั้ง ๆ ที่​มี​ความ​ยาก​ลำบาก.

      การ​ตัดสิน​ลง​โทษ​ประหาร​ชีวิต

      ใน​ปี 1940 ผม​ถูก​เกณฑ์​ให้​รับ​ราชการ​ทหาร และ​ผม​ได้​เขียน​จดหมาย​อธิบาย​เหตุ​ผล​ที่​ผม​ไม่​อาจ​ยินยอม​รับ​การ​เกณฑ์​ได้. สอง​วัน​ต่อ​มา​ผม​ถูก​จับ​แล้ว​ถูก​ตำรวจ​ทุบ​ตี​อย่าง​รุนแรง. ครั้น​แล้ว ผม​ถูก​ส่ง​ไป​ยัง​แนว​รบ​ใน​แอลเบเนีย ซึ่ง​ผม​ถูก​ศาล​ทหาร​พิจารณา​คดี​ที่​นั่น​เพราะ​ผม​ไม่​ยอม​สู้​รบ. เหล่า​ผู้​มี​อำนาจ​ทาง​ทหาร​บอก​ผม​ว่า พวก​เขา​เป็น​ห่วง​ว่า​ตัว​อย่าง​ของ​ผม​อาจ​มี​ผล​กระทบ​ต่อ​พวก​ทหาร​มาก​กว่า​ที่​จะ​สนใจ​ว่า​ผม​เป็น​ฝ่าย​ถูก​หรือ​ผิด. ผม​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ​ประหาร​ชีวิต แต่​เนื่อง​จาก​ช่อง​โหว่​ของ​กฎหมาย ผม​ถูก​ลด​โทษ​โดย​ให้​ทำ​งาน​หนัก​ใน​คุก​เป็น​เวลา​สิบ​ปี​ซึ่ง​ทำ​ให้​ผม​โล่ง​ใจ​มาก​ที​เดียว. ผม​ใช้​ชีวิต​สาม​สี่​เดือน​ต่อ​มา​ใน​คุก​ทหาร​ของ​กรีซ​ภาย​ใต้​สภาพการณ์​ที่​ลำบาก​ยิ่ง เนื่อง​จาก​ผม​ยัง​คงทน​ทุกข์​จาก​ความ​เจ็บ​ป่วย​ทาง​ร่าง​กาย​ที่​ยัง​ไม่​หาย.

      อย่าง​ไร​ก็​ดี คุก​ไม่​ได้​หยุด​ยั้ง​ผม​ไว้​จาก​การ​เผยแพร่. เปล่า​เลย​ที​เดียว! การ​สนทนา​เริ่ม​ต้น​ง่าย เพราะ​หลาย​คน​อยาก​รู้​ว่า​ทำไม​พลเรือน​จึง​อยู่​ใน​คุก​ทหาร. การ​สนทนา​เช่น​นี้​ครั้ง​หนึ่ง​กับ​ชาย​หนุ่ม​ผู้​จริง​ใจ​นำ​ไป​สู่​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​บริเวณ​ลาน​คุก. สาม​สิบ​แปด​ปี​ต่อ​มา​ผม​พบ​ชาย​คน​นี้​อีก​ครั้ง​หนึ่ง ณ การ​ประชุม​ใหญ่. เขา​ได้​รับ​เอา​ความ​จริง​และ​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​ประชาคม​ใน​เกาะ​เลฟคาส.

      เมื่อ​กองทัพ​ของ​ฮิตเลอร์​บุก​ยูโกสลาเวีย​ใน​ปี 1941 เรา​ถูก​ย้าย​ลง​ใต้​ไป​อีก​ถึง​คุก​ใน​เมือง​ท่า​เพรฟะซา. ระหว่าง​การ​เดิน​ทาง ขบวน​ของ​เรา​ถูก​โจมตี​โดย​เครื่องบิน​ทิ้ง​ระเบิด​เยอรมัน และ​พวก​เรา​ที่​เป็น​นัก​โทษ​ไม่​ได้​รับ​แจก​อาหาร. เมื่อ​ขนมปัง​เล็ก​น้อย​ที่​ผม​มี​อยู่​หมด​แล้ว ผม​ได้​อธิษฐาน​ต่อ​พระเจ้า​ว่า “หาก​เป็น​พระทัย​ประสงค์​ของ​พระองค์​ที่​จะ​ให้​ผม​ตาย​เนื่อง​จาก​ความ​อดอยาก​หลัง​จาก​ที่​พระองค์​ทรง​ช่วย​ผม​ให้​รอด​จาก​การ​ตัดสิน​ลง​โทษ​ประหาร​ชีวิต ถ้า​เช่น​นั้น​ก็​ขอ​ให้​พระทัย​ประสงค์​ของ​พระองค์​สำเร็จ​เถิด.”

      วัน​รุ่ง​ขึ้น​เจ้าหน้าที่​คน​หนึ่ง​เรียก​ผม​ไป​อยู่​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ระหว่าง​การ​ขาน​ชื่อ และ​หลัง​จาก​ทราบ​ว่า​ผม​มา​จาก​ไหน และ​พ่อ​แม่​ผม​เป็น​ใคร และ​ทำไม​ผม​จึง​อยู่​ใน​คุก​แล้ว จึง​สั่ง​ให้​ผม​ตาม​เขา​ไป. เขา​พา​ผม​ไป​ยัง​โรง​อาหาร​ของ​เจ้าหน้าที่​ซึ่ง​อยู่​ใน​เมือง แล้ว​นำ​ผม​ไป​ยัง​โต๊ะ​ที่​มี​ขนมปัง, เนย​แข็ง, และ​เนื้อ​ลูก​แกะ​ย่าง, และ​บอก​ให้​ผม​รับประทาน. แต่​ผม​ได้​อธิบาย​ว่า เนื่อง​จาก​นัก​โทษ​อีก 60 คน​ไม่​มี​อะไร​กิน​เลย สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​ผม​จะ​ไม่​ยอม​ให้​ผม​รับประทาน​อาหาร​นี้. เจ้าหน้าที่​ผู้​นั้น​ตอบ​ว่า “ผม​เลี้ยง​ทุก​คน​ไม่​ได้! พ่อ​ของ​คุณ​ใจ​ดี​มาก​กับ​พ่อ​ของ​ผม. ผม​มี​พันธะ​ทาง​ศีลธรรม​ต่อ​คุณ แต่​ไม่​ใช่​ต่อ​คน​อื่น.” ผม​ตอบ​ว่า “ถ้า​เช่น​นั้น ผม​จะ​กลับ​ไป​คุก​ก็​แล้ว​กัน.” เขา​คิด​อยู่​ชั่ว​ครู่ แล้ว​ก็​เอา​ถุง​ใหญ่​ใบ​หนึ่ง​ให้​ผม​ใส่​อาหาร​มาก​เท่า​ที่​จะ​เอา​ไป​ได้.

      เมื่อ​กลับ​ไป​ถึง​คุก ผม​วาง​ถุง​ลง​แล้ว​บอก​ว่า “สุภาพ​บุรุษ​ทั้ง​หลาย อาหาร​นี้​สำหรับ​พวก​คุณ.” อย่าง​ประจวบ​เหมาะ ใน​ตอน​เย็น​วัน​ก่อน ผม​ถูก​กล่าวหา​ว่า​เป็น​ต้น​เหตุ​ทำ​ให้​นัก​โทษ​คน​อื่น​ตก​อยู่​ใน​สภาพ​ลำบาก เพราะ​ผม​จะ​ไม่​เข้า​ร่วม​ใน​การ​ที่​พวก​เขา​อธิษฐาน​ถึง​พระ​แม่​มารี. อย่าง​ไร​ก็​ดี ผู้​นิยม​ลัทธิ​คอมมิวนิสต์​คน​หนึ่ง​ได้​ออก​มา​ปก​ป้อง​ผม. ตอน​นี้​เมื่อ​เห็น​อาหาร เขา​พูด​กับ​คน​อื่น ๆ ว่า “‘พระ​แม่​มารี’ ของ​พวก​คุณ​อยู่​ที่​ไหน​ล่ะ? พวก​คุณ​บอก​ว่า เรา​คง​จะ​ตาย​เพราะ​ชาย​คน​นี้ กระนั้น เขา​เป็น​ผู้​ที่​นำ​อาหารมา​ให้​พวก​เรา.” ครั้น​แล้ว​เขา​ก็​หัน​มา​ยัง​ผม​และ​บอก​ว่า “เอมานวีล! มา​อธิษฐาน​ขอบพระคุณ​กัน​เถอะ.”

      หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน การ​บุก​เข้า​โจมตี​ของ​กองทัพ​เยอรมัน​ทำ​ให้​ทหาร​ยาม​ประจำ​คุก​หนี​ไป เปิด​โอกาส​ให้​ปล่อย​ตัว​นัก​โทษ. ผม​ไป​ยัง​พาทราส​เพื่อ​ที่​จะ​พบ​พยาน​ฯ​คน​อื่น ๆ ก่อน​มุ่ง​หน้า​ไป​กรุง​เอเธนส์​ใน​ตอน​สิ้น​เดือน​พฤษภาคม 1941. ที่​เมือง​นั้น ผม​ได้​เสื้อ​ผ้า​กับ​รอง​เท้า​บ้าง และ​ผม​ได้​อาบ​น้ำ​เป็น​ครั้ง​แรก​ภาย​ใน​เวลา​กว่า​หนึ่ง​ปี. จน​กระทั่ง​การ​ยึด​ครอง​สิ้น​สุด​ลง ทหาร​เยอรมัน​มัก​เรียก​ให้​ผม​หยุด​เสมอ​ขณะ​ที่​ผม​กำลัง​เผยแพร่ ทว่า​พวก​เขา​ไม่​เคย​จับ​ผม​เลย. ทหาร​คน​หนึ่ง​บอก​ว่า “ใน​เยอรมนี​เรา​ยิง​พยาน​พระ​ยะโฮวา. แต่​ที่​นี่​เรา​อยาก​ให้​ศัตรู​ทั้ง​หมด​ของ​เรา​เป็น​พวก​พยาน​ฯ!”

      กิจกรรม​หลัง​สงคราม

      ราว​กับ​ว่า​กรีซ​ยัง​มี​การ​สู้​รบ​ไม่​เพียง​พอ ประเทศ​นี้​มี​การ​แตก​แยก​ยิ่ง​ขึ้น​อีก​เนื่อง​จาก​สงคราม​กลาง​เมือง​ตั้ง​แต่​ปี 1946 ถึง 1949 ทำ​ให้​หลาย​พัน​คน​เสีย​ชีวิต. พี่​น้อง​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​การ​หนุน​กำลังใจ​มาก​มาย​เพื่อ​จะ​คง​เข้มแข็ง​ต่อ​ไป​ใน​คราว​ที่​เพียง​แค่​การ​เข้า​ร่วม​ประชุม​เท่า​นั้น​ก็​อาจ​นำ​ไป​สู่​การ​จับ​กุม. พี่​น้อง​หลาย​คน​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ​ประหาร​ชีวิต​เนื่อง​จาก​ฐานะ​เป็น​กลาง​ของ​พวก​เขา. แต่​ทั้ง ๆ ที่​เป็น​เช่น​นี้ ผู้​คน​มาก​มาย​ได้​ตอบรับ​ข่าวสาร​เรื่อง​ราชอาณาจักร และ​เรา​มี​คน​รับ​บัพติสมา​หนึ่ง​หรือ​สอง​คน​ทุก​สัปดาห์. นับ​ตั้ง​แต่​ปี 1947 เป็น​ต้น​ไป ผม​เริ่ม​ทำ​งาน ณ สำนักงาน​ของ​สมาคม​ใน​กรุง​เอเธนส์​ตอน​กลางวัน​และ​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ใน​ตอน​กลางคืน.

      ใน​ปี 1948 ผม​ประสบ​ความ​ยินดี​จาก​การ​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​โรง​เรียน​ว็อชเทาเวอร์​ไบเบิล​แห่ง​กิเลียด ใน​สหรัฐ. แต่​มี​ปัญหา​อย่าง​หนึ่ง. เนื่อง​จาก​ผม​เคย​ต้อง​โทษ​มา​ก่อน ผม​จึง​ไม่​สามารถ​ได้​หนังสือ​เดิน​ทาง. อย่าง​ไร​ก็​ดี นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​คน​หนึ่ง​ของ​ผม​มี​ความ​สัมพันธ์​ฉัน​มิตร​กับ​นาย​พล​ท่าน​หนึ่ง. โดย​ความ​ช่วยเหลือ​ของ​นัก​ศึกษา​คน​นี้ ใน​แค่​ไม่​กี่​สัปดาห์​ผม​ก็​ได้​หนังสือ​เดิน​ทาง. แต่​ผม​รู้สึก​กังวล​เมื่อ​ผม​ถูก​จับ​เนื่อง​จาก​การ​จำหน่าย​จ่าย​แจก​หอสังเกตการณ์ ก่อน​ผม​จะ​ออก​เดิน​ทาง​ไม่​นาน. ตำรวจ​คน​หนึ่ง​พา​ผม​ไป​หา​ผู้​กำกับ​กอง​ตำรวจ​สันติบาล​ใน​กรุง​เอเธนส์. ยัง​ความ​ประหลาด​ใจ​แก่​ผม​อย่าง​ยิ่ง เขา​เป็น​เพื่อน​บ้าน​คน​หนึ่ง​ของ​ผม​เอง! ตำรวจ​อธิบาย​สาเหตุ​ที่​ผม​ถูก​จับ และ​เอา​ห่อ​วารสาร​ให้​เขา. เพื่อน​บ้าน​ของ​ผม​เอา​วารสาร​หอสังเกตการณ์ ตั้ง​หนึ่ง​จาก​โต๊ะ​เขา​มา​แล้ว​บอก​ผม​ว่า “ผม​ไม่​มี​ฉบับ​ล่า​สุด. ผม​ขอ​เล่ม​หนึ่ง​ได้​ไหม?” ผม​รู้สึก​โล่ง​อก​สัก​เพียง​ไร​ที่​เห็น​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​ยะโฮวา​ใน​สถานการณ์​เช่น​นั้น!

      ชั้น​เรียน​ที่ 16 ของ​โรง​เรียน​กิเลียด​ใน​ปี 1950 เป็น​ประสบการณ์​ที่​ทำ​ให้​เพิ่ม​พูน. ใน​ตอน​จบ​โรง​เรียน​นั้น ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ไป​ไซปรัส ซึ่ง​ใน​ไม่​ช้า​ผม​ได้​พบ​ว่า การ​ต่อ​ต้าน​ของ​นัก​เทศน์​นัก​บวช​ดุเดือด​พอ ๆ กับ​ใน​กรีซ. บ่อย​ครั้ง​เรา​ต้อง​เผชิญ​หน้า​กับ​ฝูง​ชน​ที่​คลั่ง​ศาสนา​ซึ่ง​ได้​รับ​การ​ปลุกปั่น​ให้​ปฏิบัติการ​อย่าง​บ้า​ระห่ำ​โดย​บาทหลวง​ออร์โทด็อกซ์. ใน​ปี 1953 วีซ่า​ที่​จะ​อยู่​ใน​ไซปรัส​ไม่​ได้​รับ​การ​ต่อ​อายุ และ​ผม​ได้​รับ​การ​มอบหมาย​ใหม่​ไป​อิสตันบุล, ประเทศ​ตุรกี. อีก​ครั้ง​หนึ่ง ณ ที่​นี่ ผม​อยู่​ได้​ไม่​นาน. ความ​ตึงเครียด​ทาง​การ​เมือง​ระหว่าง​ตุรกี​กับ​กรีซ​บ่ง​ชี้​ว่า แม้​จะ​มี​ผล​ดี​ใน​งาน​เผยแพร่​ก็​ตาม ผม​ต้อง​ออก​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​เขต​มอบหมาย​อีก​แห่ง​หนึ่ง​คือ อียิปต์.

      ระหว่าง​ที่​อยู่​ใน​คุก ผม​จะ​ระลึก​ถึง​บทเพลง​สรรเสริญ 55:6, 7. ที่​ข้อ​นั้น​ดาวิด​แสดง​ความ​ปรารถนา​จะ​หนี​ไป​ยัง​ทะเล​ทราย. ผม​ไม่​เคย​นึก​ภาพ​ออก​เลย​สัก​วัน​หนึ่ง​ว่า​ผม​จะ​อยู่​ที่​นั่น​จริง ๆ. ใน​ปี 1954 หลัง​จาก​การ​เดิน​ทาง​ที่​เหนื่อย​ล้า​เป็น​เวลา​หลาย​วัน​โดย​รถไฟ​และ​โดย​เรือ​ใน​แม่น้ำ​ไนล์ ใน​ที่​สุด​ผม​ก็​มา​ถึง​จุด​หมาย​ปลาย​ทาง—เมือง​คาร์ทูม ในประเทศ​ซูดาน. ที่​ผม​อยาก​ทำ​ที่​สุด​คือ อาบ​น้ำ​แล้ว​ก็​ไป​นอน. แต่​ผม​ลืม​ไป​ว่า​ขณะ​นั้น​เป็น​ตอน​เที่ยง​วัน. น้ำ​ที่​เก็บ​ไว้​ใน​แท็งก์​บน​หลังคา​ลวก​ผม ทำ​ให้​ผม​ต้อง​สวม​หมวก​กะโล่​เป็น​เวลา​หลาย​เดือน​จน​กว่า​หนัง​ศีรษะ​ของ​ผม​หาย​ดี.

      บ่อย​ครั้ง​ผม​รู้สึก​ว่า​โดด​เดี่ยว​ที่​นั่น อยู่​ตาม​ลำพัง​กลาง​ทะเล​ทราย​สะฮารา ห่าง​จาก​ประชาคม​ใกล้​ที่​สุด​พัน​หก​ร้อย​กว่า​กิโลเมตร แต่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ค้ำจุน​ผม​และ​ประทาน​กำลัง​ให้​ผม​ที่​จะ​ดำเนิน​ต่อ​ไป. บาง​ครั้ง​การ​หนุน​กำลังใจ​มา​จาก​แหล่ง​ที่​คาด​ไม่​ถึง​เลย​ที​เดียว. วัน​หนึ่ง​ผม​พบ​ผู้​อำนวย​การ​ของ​พิพิธภัณฑ์​คาร์ทูม. เขา​เป็น​คน​ที่​มี​ใจ​เปิด และ​เรา​ได้​สนทนา​กัน​อย่าง​น่า​สนใจ. เมื่อ​ทราบ​ว่า​ผม​มี​เชื้อ​สาย​กรีก เขา​ขอ​ผม​ไป​ที่​พิพิธภัณฑ์​เพื่อ​ช่วย​เขา​แปล​ข้อ​ความ​บาง​อย่าง​ที่​จารึก​บน​สิ่ง​ประดิษฐ์​ซึ่ง​พบ​ใน​โบสถ์​ที่​สร้าง​ใน​ศตวรรษ​ที่​หก. หลัง​จาก​ห้า​ชั่วโมง​ที่​อยู่​ใน​ห้อง​ใต้​ดิน​ที่​อุด​อู้ ผม​พบ​จาน​รอง​ซึ่ง​มี​เททรากรัมมาทอน พระ​นาม​ของ​พระ​ยะโฮวา​สลัก​อยู่. ขอ​นึก​ภาพ​ความ​ยินดี​ของ​ผม​ก็​แล้ว​กัน! ใน​ยุโรป ไม่​ใช่​เรื่อง​ผิด​ปกติ​ที่​พบ​พระ​นาม​ของ​พระเจ้า​ใน​โบสถ์ แต่​เป็น​เรื่อง​ผิด​ปกติ​ที่​สุด​ที่​พบ​พระ​นาม​นั้น​อยู่​ใน​ท่ามกลาง​ทะเล​ทราย​สะฮารา!

      ยัง​มี​สิทธิ​พิเศษ​อื่น ๆ อีก​ภาย​หลัง​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ใน​ปี 1958 ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​เป็น​ผู้​ดู​แล​โซน​ไป​เยี่ยม​พี่​น้อง​ใน 26 ประเทศ​และ​ภูมิภาค​ต่าง ๆ ใน​ตะวัน​ออก​กลาง, ตะวัน​ออก​ใกล้, และ​รอบ ๆ ทะเล​เมดิเตอร์เรเนียน. บ่อย​ครั้ง​ผม​ไม่​รู้​ว่า​จะ​รอด​จาก​สถานการณ์​ที่​ยาก​จะ​จัด​การ​ได้​นั้น​อย่าง​ไร ทว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​จัด​ทาง​ออก​ให้​เสมอ.

      ผม​รู้สึก​ประทับใจ​อยู่​เสมอ​เนื่อง​จาก​ความ​เอา​ใจ​ใส่​ที่​องค์การ​ของ​พระ​ยะโฮวา​แสดง​ต่อ​พยาน​ฯ​ซึ่ง​อยู่​โดด​เดี่ยว​ใน​บาง​ประเทศ. ใน​โอกาส​หนึ่ง ผม​พบ​พี่​น้อง​ชาว​อินเดีย​คน​หนึ่ง​ทำ​งาน​ใน​บ่อ​น้ำมัน. ดู​เหมือน​ว่า​เขา​เป็น​พยาน​ฯ​คน​เดียว​ใน​ประเทศ​นั้น. เขา​มี​สรรพหนังสือ 18 ภาษา​อยู่​ใน​ตู้​ใส่​ของ​ส่วน​ตัว ซึ่ง​เขา​เอา​ให้​เพื่อน​ร่วม​งาน. แม้​แต่​ใน​ประเทศ​นี้ ที่​ศาสนา​ต่าง​ประเทศ​ทั้ง​หมด​ถูก​ห้าม​อย่าง​เด็ดขาด พี่​น้อง​ของ​เรา​ก็​ไม่​ลืม​ความ​รับผิดชอบ​ของ​เขา​ที่​จะ​ประกาศ​ข่าว​ดี. เพื่อน​ร่วม​งาน​รู้สึก​ประทับใจ​ที่​เห็น​ว่า​มี​การ​ส่ง​ตัว​แทน​ใน​ศาสนา​ของ​เขา​มา​เยี่ยม​เขา.

      ปี 1959 ผม​ได้​ไป​เยี่ยม​สเปน​และ​โปรตุเกส. ทั้ง​สอง​ประเทศ​อยู่​ภาย​ใต้​ระบบ​เผด็จการ​ทหาร​ใน​ตอน​นั้น พร้อม​กับ​งาน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ถูก​สั่ง​ห้าม​อย่าง​เข้มงวด. ใน​เดือน​หนึ่ง​ผม​สามารถ​นำ​การ​ประชุม​มาก​กว่า​หนึ่ง​ร้อย​ครั้ง หนุน​กำลังใจ​พวก​พี่​น้อง​ไม่​ให้​เลิก​รา​แม้​จะ​มี​ความ​ลำบาก.

      ไม่​อยู่​เดียว​ดาย​อีก​ต่อ​ไป

      เป็น​เวลา​กว่า 20 ปี ผม​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เต็ม​เวลา​ใน​ฐานะ​ชาย​โสด ทว่า​พลัน​ผม​รู้สึก​เหนื่อย​ล้า​จาก​การ​เดิน​ทาง​อยู่​เรื่อย ๆ โดย​ไม่​มี​ที่​พัก​อาศัย​เป็น​หลัก​แหล่ง​แต่​อย่าง​ใด. ราว ๆ ช่วง​นี้​แหละ​ที่​ผม​พบ​แอนนี เบียนุชชี ไพโอเนียร์​พิเศษ​ใน​ตูนิเซีย. เรา​แต่งงาน​กัน​ใน​ปี 1963. ความ​รัก​ที่​เธอ​มี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​และ​ต่อ​ความ​จริง, การ​ที่​เธอ​ทุ่มเท​ตัว​ใน​งาน​เผยแพร่​รวม​กัน​กับ​ศิลปะ​ใน​การ​สั่ง​สอน​ของ​เธอ และ​ความ​รู้​ของ​เธอ​ใน​เรื่อง​ภาษา​นับ​ว่า​เป็น​พระ​พร​จริง ๆ ใน​งาน​มิชชันนารี​และ​งาน​หมวด​ของ​เรา​ใน​แอฟริกา​เหนือ​และ​แอฟริกา​ตะวัน​ตก​และ​ใน​อิตาลี.

      เดือน​สิงหาคม 1965 ผม​กับ​ภรรยา​ถูก​มอบหมาย​ไป​ดาการ์ ประเทศ​เซเนกัล ที่​นั่น​ผม​มี​สิทธิ​พิเศษ​ใน​การ​จัด​ตั้ง​สำนักงาน​สาขา​ใน​ประเทศ. เซเนกัล​เป็น​ประเทศ​ที่​โดด​เด่น​ใน​การ​ยอม​ผ่อนปรน​ทาง​ด้าน​ศาสนา ไม่​ต้อง​สงสัย เนื่อง​จาก​เลออพอล เซนกอร์​ประธานาธิบดี​ของ​ประเทศ​นั้น เป็น​หนึ่ง​ใน​ประมุข​ของ​รัฐ​ชาว​แอฟริกา​ไม่​กี่​คน​ที่​เขียน​จดหมาย​ถึง​ประธานาธิบดี​บันดา​ของ​มาลาวี​เพื่อ​สนับสนุน​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ระหว่าง​การ​ข่มเหง​แสน​สาหัส​ใน​มาลาวี​ใน​ทศวรรษ​ปี 1970.

      พระ​พร​อัน​อุดม​จาก​พระ​ยะโฮวา

      ใน​ปี 1950 เมื่อ​ผม​ออก​จาก​กิเลียด​ไป​ไซปรัส ผม​เดิน​ทาง​พร้อม​ด้วย​กระเป๋า​เสื้อ​ผ้า​เจ็ด​ใบ. เมื่อ​ออก​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​ตุรกี ผม​มี​กระเป๋า​เพียง​ห้า​ใบ​เท่า​นั้น. แต่​เนื่อง​จาก​เดิน​ทาง​มาก​ที​เดียว ผม​ต้อง​ทำ​ตัว​ให้​ชิน​กับ​กระเป๋า​เดิน​ทาง​ที่​มี​น้ำหนัก​จำกัด 20 กิโลกรัม ซึ่ง​นับ​รวม​แฟ้ม​ต่าง ๆ กับ​เครื่อง​พิมพ์ดีด “จิ๋ว” ของ​ผม. วัน​หนึ่ง​ผม​บอก​กับ​บราเดอร์​นอรร์ นายก​ของ​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​สมัย​นั้น​ว่า “คุณ​ป้องกัน​ผม​ไว้​จาก​ลัทธิ​วัตถุ​นิยม. คุณ​ทำ​ให้​ผม​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ด้วย​ข้าวของ 20 กิโลกรัม และ​ผม​ก็​พอ​ใจ​ที​เดียว.” ผม​ไม่​เคย​รู้สึก​ว่า​ถูก​ตัด​สิทธิ์​เนื่อง​จาก​ไม่​มี​ข้าวของ​มาก​มาย.

      ปัญหา​ใหญ่​ของ​ผม​ระหว่าง​การ​เดิน​ทาง​คือ​การ​เข้า-ออก​ประเทศ​ต่าง ๆ. วัน​หนึ่ง ใน​ดินแดน​ที่​งาน​ถูก​สั่ง​ห้าม เจ้าหน้าที่​ศุลกากร​เริ่ม​ตรวจ​ค้น​แฟ้ม​ต่าง ๆ ของ​ผม​อย่าง​ละเอียด​ยิบ. นี่​ทำ​ให้​พยาน​ฯ​ใน​ประเทศ​นั้น​เสี่ยง​อันตราย ดัง​นั้น ผม​จึง​เอา​จดหมาย​ของ​ภรรยา​ผม​ออก​มา​จาก​เสื้อ​แจ็กเกต​แล้ว​บอก​เจ้าหน้าที่​ศุลกากร​ว่า “ผม​เข้าใจ​ว่า​คุณ​อยาก​อ่าน​สิ่ง​ที่​ส่ง​ทาง​ไปรษณีย์. คุณ​อยาก​จะ​อ่าน​จดหมาย​ฉบับ​นี้​จาก​ภรรยา​ผม​ด้วย​ไหม​ครับ มัน​ไม่​ได้​อยู่​ใน​แฟ้ม​พวก​นั้น?” ด้วย​ความ​รู้สึก​อับอาย เขา​ขอ​โทษ​แล้ว​ปล่อย​ให้​ผม​ผ่าน​ไป.

      ตั้ง​แต่​ปี 1982 ผม​กับ​ภรรยา​ได้​รับใช้​ฐานะ​มิชชันนารี​ใน​เมือง​นีซ ภาค​ใต้​ของ​ฝรั่งเศส. เนื่อง​จาก​สุขภาพ​ทรุดโทรม ผม​จึง​ไม่​สามารถ​ทำ​ได้​มาก​อย่าง​ที่​ผม​เคย​ทำ. แต่​นั่น​มิ​ได้​หมาย​ความ​ว่า ความ​ยินดี​ของ​เรา​ลด​น้อย​ลง. เรา​ได้​เห็น​ว่า ‘การ​งาน​ของ​เรา​ไม่​ไร้​ประโยชน์.’ (1 โกรินโธ 15:58, ล.ม.) ผม​มี​ความ​ยินดี​ที่​เห็น​ผู้​คน​จำนวน​มาก​ซึ่ง​ผม​มี​สิทธิ​พิเศษ​ศึกษา​ด้วย​ตลอด​หลาย​ปี กับ​ทั้ง​สมาชิก​ใน​ครอบครัว​ของ​ผม​มาก​กว่า 40 คน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​ซื่อ​สัตย์.

      ผม​ไม่​เสียดาย​แม้​แต่​น้อย​ใน​การ​เสีย​สละ​ซึ่ง​ชีวิต​ของ​ผม​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ “มา​ช่วย.” ว่า​กัน​ตาม​จริง​แล้ว การ​เสีย​สละ​ที่​เรา​ทำ​นั้น​ไม่​มี​สัก​อย่าง​เดียว​อาจ​เทียบ​ได้​กับ​สิ่ง​พระ​ยะโฮวา​และ​พระ​เยซู​คริสต์ พระ​บุตร​ของ​พระองค์​ได้​ทรง​กระทำ​เพื่อ​เรา. เมื่อ​ผม​คิด​ย้อน​ดู​ตลอด 60 ปี​ที่​แล้ว​ซึ่ง​ผม​ได้​รู้​จัก​ความ​จริง ผม​พูด​ได้​ว่า พระ​ยะโฮวา​อวย​พระ​พร​ผม​อย่าง​บริบูรณ์. ดัง​ที่​สุภาษิต 10:22 กล่าว​ว่า “พระ​พร​ของ​พระ​ยะโฮวา​กระทำ​ให้​เกิด​ความ​มั่งคั่ง.”

      โดย​ปราศจาก​ข้อ​สงสัย “พระ​กรุณาคุณ” ของ​พระ​ยะโฮวา “ประเสริฐ​ยิ่ง​กว่า​ชีวิต.” (บทเพลง​สรรเสริญ 63:3) ขณะ​ที่​ความ​ไม่​สะดวก​ใน​วัย​ชรา​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อย ๆ ผม​มัก​จะ​อธิษฐาน​โดย​ใช้​ถ้อย​คำ​ของ​ผู้​ประพันธ์​เพลง​สรรเสริญ​ที่​ได้​รับ​การ​ดล​ใจ​เสมอ​ที่​ว่า “ข้า​แต่​พระ​ยะโฮวา, ข้าพเจ้า​ขอ​พึ่ง​พำนัก​ใน​พระองค์; ขอ​อย่า​ให้​ข้าพเจ้า​ได้​อับอาย​เลย. ข้า​แต่​พระ​ยะโฮวา​เจ้า, เพราะ​พระองค์​เป็น​ที่​หวัง​ใจ​ของ​ข้าพเจ้า: พระองค์​เป็น​ที่​วางใจ​ของ​ข้าพเจ้า​ตั้ง​แต่​เด็ก ๆ มา. ข้า​แต่​พระเจ้า, พระองค์​ได้​ทรง​ฝึก​สอน​ข้าพเจ้า​ตั้ง​แต่​เด็ก ๆ มา; และ​ข้าพเจ้า​เคย​พรรณนา​ถึง​การ​อัศจรรย์​ของ​พระองค์​จน​บัด​นี้. ข้า​แต่​พระเจ้า, แม้​ว่า​ข้าพเจ้า​ชรา​ผม​หงอก​แล้ว, ขอ​อย่า​ทรง​ละ​ทิ้ง​ข้าพเจ้า.”—บทเพลง​สรรเสริญ 71:1, 5, 17, 18.

      [รูป​ภาพ​หน้า 25]

      กับ​แอนนี ภรรยา​ของ​ผม​ใน​ปัจจุบัน

  • “ของประทานอันดีเยี่ยมจากพระยะโฮวา”
    หอสังเกตการณ์ 1996 | พฤศจิกายน 1
    • “ของ​ประทาน​อัน​ดี​เยี่ยม​จาก​พระ​ยะโฮวา”

      ใน​วารสาร หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 พฤษภาคม 1996 มี​การ​พิจารณา​อย่าง​ละเอียด​เกี่ยว​กับ​ความ​เป็น​กลาง​ของ​คริสเตียน และ​วิธี​จัด​ความ​รับผิดชอบ​ของ​เรา​ให้​สมดุล​ทั้ง​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​และ​ต่อ “ซีซาร์.” (มัดธาย 22:21, ล.ม.) หลาย​คน​ได้​แสดง​ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​การ​ให้​คำ​แนะ​นำ​ใหม่ ๆ. ใน​จดหมาย​เหล่า​นั้น​มี​จดหมาย​ฉบับ​หนึ่ง​เขียน​โดย​พยาน​ฯ​ใน​ประเทศ​กรีซ​ส่ง​ถึง​คณะ​กรรมการ​ปกครอง​แห่ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา ใจความ​ว่า:

      “ผม​ต้องการ​แสดง​ความ​สำนึก​บุญคุณ​อย่าง​ลึกซึ้ง​ต่อ​พวก​คุณ​ทุก​คน​ซึ่ง​เป็น​พี่​น้อง​ที่​รัก​ที่​ได้​เอา​ใจ​ใส่​พวก​เรา​ทาง​ด้าน​วิญญาณ​เป็น​อย่าง​ดี. เนื่อง​จาก​ได้​ใช้​เวลา​นาน​ถึง​เก้า​ปี​ใน​คุก​เพราะ​สาเหตุ​ที่​ผม​ยึด​ความ​เชื่อ​ฝ่าย​คริสเตียน ผม​หยั่ง​รู้​ค่า​จริง ๆ สำหรับ​แนว​คิด​อัน​ดี​เยี่ยม​ใน​หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 พฤษภาคม 1996. (ยะซายา 2:4) นี่​แหละ​เป็น​ของ​ประทาน​อัน​ดี​เยี่ยม​จาก​พระ​ยะโฮวา.—ยาโกโบ 1:17.

      “ขณะ​ที่​ผม​ชื่นชม​บทความ​เหล่า​นี้ ผม​ก็​ยัง​คง​จด​จำ​คำ​อธิบาย​ใน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ ฉบับ​ก่อน ๆ ได้ (ฉบับ 1 สิงหาคม 1994 หน้า 14) ที่​ว่า ‘เห็น​ได้​ชัด​ว่า ความ​มี​เหตุ​ผล​เป็น​คุณลักษณะ​ที่​ดี​เลิศ เป็น​คุณลักษณะ​ที่​กระตุ้น​เรา​ให้​รัก​พระ​ยะโฮวา​มาก​ยิ่ง​ขึ้น​เรื่อย ๆ.’ พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ผม​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ผม​ได้​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​แห่ง​องค์การ​ของ​พระองค์​ที่​มี​ความ​กรุณา​และ​ความ​รัก ซึ่ง​เห็น​ชัด​ว่า​ได้​สะท้อน​ถึง​พระ​สติ​ปัญญา​ของ​พระองค์.—ยาโกโบ 3:17.

      “ความ​สว่าง​ที่​เพิ่ม​ทวี​ขึ้น​ใน​หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 พฤษภาคม มี​การ​ตอบรับ​ดี​มาก​ใน​กรีซ โดย​เฉพาะ​คน​ที่​ติด​คุก​นาน​หลาย​ปี หรือ​ผู้​ที่​ยัง​ติด​คุก​อยู่​เนื่อง​ด้วย​ความ​เชื่อ​ของ​เขา. ขอ​ขอบคุณ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง. ขอ​พระ​ยะโฮวา​ทรง​หนุน​กำลัง​คุณ​ให้​เข้มแข็ง​ด้วย​พระ​วิญญาณ​ของ​พระองค์ เพื่อ​จะ​ได้​จัด​เตรียม​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​อัน​มี​คุณค่า​ให้​พวก​เรา​ต่อ​ไป​ใน​สมัย​ที่​มี​ความ​ยุ่งยาก​เดือดร้อน​นี้.”

หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
ออกจากระบบ
เข้าสู่ระบบ
  • ไทย
  • แชร์
  • การตั้งค่า
  • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
  • เงื่อนไขการใช้งาน
  • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
  • JW.ORG
  • เข้าสู่ระบบ
แชร์