ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ต่อหน้าศาลซันเฮดริน แล้วไปหาปีลาต
    บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น
    • บท 121

      ต่อ​หน้า​ศาล​ซันเฮดริน แล้ว​ไป​หา​ปีลาต

      ราตรี​กาล​จวน​จะ​สิ้น​สุด​ลง​แล้ว. เปโตร​ได้​ปฏิเสธ​พระ​เยซู​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม และ​สมาชิก​ของ​ศาล​ซันเฮดริน​ได้​เสร็จ​สิ้น​การ​พิจารณา​คดี​ที่​ไม่​ยุติธรรม​ของ​พวก​เขา แล้ว​ได้​แยก​ย้าย​กัน​ไป. อย่าง​ไร​ก็​ดี พวก​เขา​ประชุม​กัน​อีก​ใน​ตอน​เช้า​วัน​ศุกร์​ทันที​ที่​รุ่ง​อรุณ คราว​นี้​ที่​ห้อง​ประชุม​ศาล​ซันเฮดริน​ของ​พวก​เขา. จุด​ประสงค์​ของ​พวก​เขา​คง​จะ​เพื่อ​ทำ​ให้​การ​พิจารณา​คดี​ตอน​กลางคืน​ดู​เหมือน​ว่า​ถูก​ต้อง​ตาม​กฎหมาย. เมื่อ​พระ​เยซู​ถูก​นำ​มา​ต่อ​หน้า​พวก​เขา พวก​เขา​พูด​เหมือน​ที่​เขา​พูด​ระหว่าง​คืน​นั้น​ว่า “ถ้า​ท่าน​เป็น​พระ​คริสต์ จง​บอก​เรา​เถิด.”

      พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “ถึง​เรา​จะ​บอก​ท่าน ท่าน​ก็​จะ​ไม่​เชื่อ. และ​ถึง​เรา​ถาม​ท่าน ท่าน​ก็​จะ​ไม่​ตอบ​เรา.” อย่าง​ไร​ก็​ตาม พระ​เยซู​ทรง​ชี้​ถึง​เอกลักษณ์​ของ​พระองค์​อย่าง​กล้า​หาญ​ว่า “ตั้ง​แต่​นี้​ไป บุตร​มนุษย์​จะ​นั่ง​เบื้อง​ขวา​พระ​หัตถ์​แห่ง​พระเจ้า​ผู้​ทรง​ฤทธานุภาพ.”

      พวก​เขา​ทุก​คน​ต้องการ​ทราบ​ว่า “ท่าน​เป็น​บุตร​ของ​พระเจ้า​หรือ?”

      พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “ท่าน​เอง​พูด​ว่า​เรา​เป็น.”

      สำหรับ​คน​เหล่า​นี้​ที่​มุ่ง​มั่น​จะ​สังหาร​พระองค์ คำ​ตอบ​เช่น​นี้​ก็​นับ​ว่า​เพียง​พอ​แล้ว. พวก​เขา​ถือ​ว่า​นั่น​เป็น​การ​หมิ่น​ประมาท. พวก​เขา​ถาม​ว่า “เรา​ต้องการ​พยาน​อะไร​อีก​เล่า? เพราะ​ว่า​เรา​ได้​ยิน​จาก​ปาก​ของ​เขา​เอง​แล้ว.” ดัง​นั้น พวก​เขา​จึง​มัด​พระ​เยซู พา​พระองค์​ไป แล้ว​มอบ​พระองค์​ให้​แก่​ปอนเตียว ปีลาต ผู้​สำเร็จ​ราชการ​โรมัน.

      ยูดา ผู้​ทรยศ​ต่อ​พระ​เยซู ได้​สังเกต​ดู​พฤติการณ์​ต่าง ๆ. เมื่อ​เขา​เห็น​ว่า​พระ​เยซู​ถูก​ตัดสิน​ว่า​มี​ความ​ผิด เขา​สำนึก​ผิด. ดัง​นั้น เขา​จึง​ไป​หา​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​และ​ผู้​เฒ่า​ผู้​แก่​เพื่อ​คืน​เงิน 30 แผ่น โดย​ชี้​แจง​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​ผิด​แล้ว​ที่​ได้​มอบ​โลหิต​ซึ่ง​ปราศจาก​ราคี.”

      พวก​เขา​ตอบ​อย่าง​เหี้ยม​เกรียม​ว่า “การ​นั้น​ไม่​ใช่​ธุระ​อะไร​ของ​เรา เจ้า​เอง​ต้อง​รับ​ธุระ​เอา​เถอะ!” ดัง​นั้น ยูดา​จึง​โยน​เงิน​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร แล้ว​ออก​ไป พยายาม​ที่​จะ​ผูก​คอ​ตาย. อย่าง​ไร​ก็​ดี ดู​เหมือน​ว่า​กิ่ง​ไม้​ที่​ยูดา​ผูก​เชือก​นั้น​หัก แล้ว​ร่าง​ของ​เขา​จึง​หล่น​สู่​โขด​หิน​เบื้อง​ล่าง ร่าง​จึง​ฉีก​ขาด​อยู่​ที่​นั่น.

      พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​ไม่​แน่​ใจ​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​กับ​เงิน​นั้น. พวก​เขา​ลง​ความ​เห็น​ว่า “เป็น​การ​ผิด​กฎหมาย​ที่​จะ​เก็บ​เงิน​นั้น​ไว้​ใน​คลัง เพราะ​เป็น​ค่า​โลหิต.” ดัง​นั้น หลัง​จาก​ปรึกษา​หารือ​กัน​แล้ว พวก​เขา​เอา​เงิน​นั้น​ไป​ซื้อ​ทุ่ง​ของ​ช่าง​หม้อ​ไว้​สำหรับ​เป็น​ที่​ฝัง​ศพ​คน​ต่าง​บ้าน​ต่าง​เมือง. ด้วย​เหตุ​นี้​ทุ่ง​นั้น​จึง​ถูก​เรียก​ว่า “นา​เลือด.”

      ยัง​เป็น​เวลา​เช้า​ตรู่​อยู่​เมื่อ​พระ​เยซู​ถูก​พา​ไป​ทำเนียบ​ของ​ผู้​สำเร็จ​ราชการ. แต่​พวก​ยิว​ที่​ไป​กับ​พระองค์​ไม่​ยอม​เข้า​ไป​เพราะ​พวก​เขา​ถือ​ว่า​ความ​ใกล้​ชิด​กับ​คน​ต่าง​ชาติ​เช่น​นั้น​จะ​ทำ​ให้​เขา​เป็น​มลทิน. ดัง​นั้น เพื่อ​โอน​อ่อน​ผ่อน​ตาม​พวก​เขา ปีลาต​จึง​ออก​มา. ท่าน​ถาม​ว่า “พวก​ท่าน​เอา​ความ​อะไร​มา​ฟ้อง​คน​นี้?”

      พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ถ้า​เขา​มิ​ได้​เป็น​ผู้​ร้าย​แล้ว พวก​ข้าพเจ้า​คง​จะ​ไม่​มอบ​เขา​ไว้​กับ​ท่าน.”

      เพราะ​ปรารถนา​จะ​หลีก​เลี่ยง​การ​ไป​มี​ส่วน​พัวพัน​ด้วย ปีลาต​จึง​ตอบ​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เอา​คน​นี้​ไป​พิพากษา​ตาม​กฎหมาย​ของ​ท่าน​เอง.”

      โดย​เผย​ให้​ความ​มุ่ง​มั่น​ของ​พวก​เขา​ใน​การ​หมาย​ปอง​ชีวิต พวก​ยิว​อ้าง​ว่า “ซึ่ง​พวก​ข้าพเจ้า​จะ​ประหาร​ชีวิต​ผู้​หนึ่ง​ผู้​ใด​ก็​ผิด​กฎหมาย.” ที่​จริง หาก​พวก​เขา​ประหาร​พระ​เยซู​ระหว่าง​เทศกาล​ปัศคา นั่น​คง​จะ​ก่อ​ความ​วุ่นวาย​ขึ้น​ใน​ท่ามกลาง​ประชาชน เนื่อง​จาก​หลาย​คน​นับถือ​พระ​เยซู​อย่าง​ยิ่ง. แต่​ถ้า​หาก​พวก​เขา​สามารถ​ทำ​ให้​พวก​โรมัน​ประหาร​ชีวิต​พระองค์​โดย​ข้อ​กล่าวหา​ทาง​ด้าน​การ​เมือง​แล้ว นี้​ก็​จะ​ช่วย​ปลด​เปลื้อง​เขา​ให้​พ้น​จาก​ความ​รับผิดชอบ​ต่อ​หน้า​ประชาชน​ได้.

      ดัง​นั้น พวก​หัวหน้า​ศาสนา โดย​ไม่​พูด​ถึง​การ​พิจารณา​คดี​ก่อน​หน้า​นั้น​ซึ่ง​เขา​ตัดสิน​ว่า​พระ​เยซู​มี​ความ​ผิด​เพราะ​การ​หมิ่น​ประมาท บัด​นี้​จึง​ได้​ปั้น​ข้อ​กล่าวหา​ที่​ต่าง​กัน​ขึ้น​มา. พวก​เขา​ตั้ง​ข้อ​กล่าวหา​เป็น​สาม​ส่วน: “เรา​ได้​พบ​คน​นี้ [1] ยุยง​ชน​ประเทศ​ของ​เรา และ [2] ห้าม​มิ​ให้​ส่ง​ส่วย​แก่​กายะซา และ [3] ว่า​ตัว​เอง​เป็น​พระ​คริสต์ กษัตริย์​องค์​หนึ่ง.”

      ข้อ​กล่าวหา​ที่​ว่า​พระ​เยซู​อ้าง​ว่า​เป็น​กษัตริย์​นั่น​แหละ​ที่​ทำ​ให้​ปีลาต​เป็น​ห่วง. เพราะ​ฉะนั้น เขา​จึง​เข้า​ไป​ใน​ทำเนียบ​อีก เรียก​พระ​เยซู​มา​หา​เขา แล้ว​ถาม​ว่า “ท่าน​เป็น​กษัตริย์​ของ​พวก​ยูดาย​หรือ?” กล่าว​อีก​นัย​หนึ่ง ท่าน​ได้​ละเมิด​กฎหมาย​โดย​ประกาศ​ตัว​เป็น​กษัตริย์​ต่อ​ต้าน​กายะซา​หรือ?

      พระ​เยซู​ต้องการ​ทราบ​ว่า​ปีลาต​ได้​ยิน​เรื่อง​เกี่ยว​กับ​พระองค์​มา​แล้ว​มาก​น้อย​เพียง​ไร ดัง​นั้น พระองค์​จึง​ตรัส​ถาม​ว่า “ท่าน​ถาม​อย่าง​นั้น​แต่​ลำพัง​ท่าน​เอง​หรือ หรือ​มี​คน​อื่น​บอก​ท่าน​ถึง​เรา?”

      ปีลาต​ยอม​รับ​ว่า​ไม่​รู้​เกี่ยว​กับ​พระองค์ และ​ปรารถนา​ที่​จะ​ทราบ​ข้อ​เท็จ​จริง. เขา​ตอบ​ว่า “เรา​เป็น​ชาติ​ยูดาย​หรือ? ชน​ประเทศ​ของ​ท่าน​เอง​และ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​ได้​มอบ​ท่าน​ไว้​กับ​เรา. ท่าน​ได้​ทำ​อะไร?”

      พระ​เยซู​มิ​ได้​พยายาม​เลี่ยง​ประเด็น​แม้​แต่​น้อย ซึ่ง​เป็น​ประเด็น​เกี่ยว​กับ​ตำแหน่ง​กษัตริย์. คำ​ตอบ​ที่​พระ​เยซู​ทรง​ให้​ใน​ตอน​นี้​ทำ​ให้​ปีลาต​ประหลาด​ใจ​อย่าง​ไม่​ต้อง​สงสัย. ลูกา 22:66–23:3; มัดธาย 27:1-11; มาระโก 15:1; โยฮัน 18:28-35; กิจการ 1:16-20.

      ▪ ศาล​ซันเฮดริน​ประชุม​กัน​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ใน​ตอน​เช้า​โดย​มี​จุด​ประสงค์​อะไร?

      ▪ ยูดา​ตาย​อย่าง​ไร และ​มี​การ​ทำ​อย่าง​ไร​กับ​เงิน 30 แผ่น?

      ▪ ทำไม​พวก​ยิว​ต้องการ​ให้​พวก​โรมัน​ประหาร​พระ​เยซู แทน​ที่​เขา​เอง​จะ​ประหาร​พระองค์?

      ▪ พวก​ยิว​ตั้ง​ข้อ​กล่าวหา​อะไร​ต่อ​พระ​เยซู?

  • จากปีลาตไปหาเฮโรด แล้วกลับมาอีก
    บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น
    • บท 122

      จาก​ปีลาต​ไป​หา​เฮโรด แล้ว​กลับ​มา​อีก

      แม้​พระ​เยซู​มิ​ได้​พยายาม​จะ​ปิด​บัง​การ​ที่​พระองค์​เป็น​กษัตริย์ พระองค์​ก็​ทรง​ชี้​แจง​ว่า​ราชอาณาจักร​ของ​พระองค์​ไม่​เป็น​อันตราย​ต่อ​โรม. พระ​เยซู​ตรัส​แก่​ปีลาต​ว่า “อาณาจักร​ของ​เรา​ไม่​เป็น​ส่วน​ของ​โลก​นี้. ถ้า​อาณาจักร​ของ​เรา​เป็น​ส่วน​ของ​โลก​นี้ บริวาร​ของ​เรา​คง​ได้​ต่อ​สู้​เพื่อ​เรา​จะ​ไม่​ถูก​มอบ​ไว้​กับ​พวก​ยิว. แต่​ตาม​ที่​เป็น​อยู่​นั้น อาณาจักร​ของ​เรา​มิ​ได้​มา​จาก​แหล่ง​นี้.” ด้วย​เหตุ​นี้ พระ​เยซู​ทรง​ยอม​รับ​สาม​ครั้ง​ว่า​พระองค์​ทรง​มี​อาณาจักร ถึง​แม้​อาณาจักร​นั้น​มิ​ได้​มา​จาก​แหล่ง​ทาง​แผ่นดิน​โลก​ก็​ตาม.

      กระนั้น ปีลาต​ก็​รุก​เร้า​พระองค์​ต่อ​ไป​ว่า “อ้าว ถ้า​เช่น​นั้น ท่าน​เป็น​กษัตริย์​หรือ?” นั่น​ก็​คือ ท่าน​เป็น​กษัตริย์​หรือ ถึง​แม้​อาณาจักร​ของ​ท่าน​ไม่​เป็น​ส่วน​ของ​โลก​นี้.

      พระ​เยซู​ทรง​ให้​ปีลาต​ทราบ​ว่า​เขา​ลง​ความ​เห็น​ถูก​ต้อง โดย​ตรัส​ตอบ​ว่า “ท่าน​เอง​บอก​ว่า​เรา​เป็น​กษัตริย์. เพราะ​เหตุ​นี้​เรา​จึง​ได้​เกิด​มา และ​เพราะ​เหตุ​นี้​เรา​ได้​เข้า​มา​ใน​โลก เพื่อ​เรา​จะ​เป็น​พยาน​ถึง​ความ​จริง. ทุก ๆ คน​ที่​อยู่​ฝ่าย​ความ​จริง​ย่อม​ฟัง​เสียง​ของ​เรา.”

      ถูก​แล้ว จุด​ประสงค์​ของ​การ​ที่​พระ​เยซู​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก​นั้น​คือ​ที่​จะ​เป็น​พยาน “ถึง​ความ​จริง” โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ความ​จริง​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระองค์. พระ​เยซู​พร้อม​จะ​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​ความ​จริง​นั้น แม้​ว่า​นั่น​ทำ​ให้​พระองค์​สูญ​เสีย​ชีวิต​ก็​ตาม. ถึง​แม้​ปีลาต​ถาม​ว่า “ความ​จริง​คือ​อะไร?” เขา​ก็​มิ​ได้​คอย​คำ​อธิบาย​ต่อ​ไป. เขา​ได้​ยิน​มา​มาก​พอ​ที่​จะ​ดำเนิน​การ​ตัดสิน​ได้​แล้ว.

      ปีลาต​กลับ​ไป​หา​ฝูง​ชน​ที่​คอย​อยู่​ข้าง​นอก​ทำเนียบ. ดู​เหมือน​ว่า​พระ​เยซู​ทรง​ยืน​อยู่​เคียง​ข้าง เมื่อ​เขา​บอก​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​และ​คน​ที่​อยู่​กับ​พวก​เขา​ว่า “เรา​ไม่​พบ​ความ​ผิด​ใน​ตัว​คน​นี้.”

      เพราะ​โกรธ​แค้น​เนื่อง​จาก​คำ​ตัดสิน​นั้น ฝูง​ชน​เริ่ม​ยืน​ยัน​ว่า “คน​นี้​ยุยง​พลเมือง​ให้​วุ่นวาย และ​สั่ง​สอน​ทั่ว​ตลอด​ประเทศ​ยูดาย ตั้ง​แต่​ฆาลิลาย​จน​ถึง​ที่​นี่.”

      ความ​บ้า​คลั่ง​แบบ​ไร้​เหตุ​ผล​ของ​พวก​ยิว​คง​ต้อง​ทำ​ให้​ปีลาต​ตะลึงงัน. ขณะ​ที่​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​และ​ผู้​เฒ่า​ผู้​แก่​ร้อง​ตะโกน​อยู่​ต่อ​ไป ปีลาต​จึง​หัน​ไป​ทาง​พระ​เยซู​แล้ว​ถาม​ว่า “ไม่​ได้​ยิน​หรือ​ซึ่ง​เขา​เบิก​พยาน​ปรักปรำ​ท่าน​เป็น​หลาย​ประการ?” กระนั้น พระ​เยซู​ก็​ไม่​พยายาม​จะ​ตอบ. ความ​สงบ​แน่วแน่​ของ​พระองค์​แม้​เผชิญ​กับ​การ​กล่าวหา​อย่าง​บ้า​ระห่ำ​เป็น​เหตุ​ให้​ปีลาต​ประหลาด​ใจ.

      ครั้น​ท่าน​รู้​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​ชาว​ฆาลิลาย ปีลาต​เห็น​ทาง​ออก​ที่​จะ​พ้น​ความ​รับผิดชอบ​สำหรับ​ตัว​เขา. เฮโรด​อันติปา (ราชบุตร​ของ​เฮโรด​มหาราช) ผู้​ครอบครอง​มณฑล​ฆาลิลาย อยู่​ใน​กรุง​ยะรูซาเลม​เพื่อ​ฉลอง​ปัศคา ดัง​นั้น ปีลาต​จึง​ส่ง​พระ​เยซู​ไป​หา​เขา. ก่อน​หน้า​นั้น เฮโรด​ได้​ให้​ตัด​ศีรษะ​โยฮัน​ผู้​ให้​รับ​บัพติสมา และ​ครั้น​แล้ว​เฮโรด​ก็​ตกใจ​กลัว​เมื่อ​เขา​ได้​ยิน​เรื่อง​การ​อัศจรรย์​ที่​พระ​เยซู​ทรง​กระทำ เพราะ​เกรง​ว่า​พระ​เยซู​คือ​โยฮัน​จริง ๆ ผู้​ซึ่ง​ถูก​ปลุก​ขึ้น​จาก​ตาย.

      บัด​นี้ เฮโรด​รู้สึก​ยินดี​อย่าง​ยิ่ง​ใน​โอกาส​ที่​จะ​พบ​พระ​เยซู. ทั้ง​นี้​ไม่​ใช่​เพราะ​เขา​เป็น​ห่วง​เรื่อง​สวัสดิภาพ​ของ​พระ​เยซู หรือ​ใช่​ว่า​เขา​ต้องการ​ใช้​ความ​พยายาม​จริง ๆ ที่​จะ​ทราบ​ว่า​ข้อ​กล่าวหา​ต่อ​พระองค์​เป็น​จริง​หรือ​ไม่. ถ้า​จะ​พูด​ให้​ถูก​แล้ว เขา​เพียง​แต่​อยาก​รู้​อยาก​เห็น และ​หวัง​ที่​จะ​เห็น​พระ​เยซู​ทำ​การ​อัศจรรย์​บาง​อย่าง.

      อย่าง​ไร​ก็​ดี พระ​เยซู​ไม่​ยอม​สนอง​ความ​อยาก​รู้​อยาก​เห็น​ของ​เฮโรด. ที่​จริง ขณะ​ที่​เฮโรด​ซัก​ถาม​พระองค์ พระองค์​มิ​ได้​ตรัส​สัก​คำ​เดียว. ด้วย​ความ​ผิด​หวัง เฮโรด​กับ​ทหาร​ยาม​รักษา​การณ์​ของ​เขา​ได้​กระเซ้า​เย้าแหย่​พระ​เยซู. พวก​เขา​เอา​เสื้อ​ผ้า​สี​สดใส​มา​สวม​ให้​พระองค์​แล้ว​ล้อเลียน​พระองค์. ต่อ​จาก​นั้น​พวก​เขา​ก็​ส่ง​พระองค์​กลับ​ไป​หา​ปีลาต. ผล​ก็​คือ​เฮโรด​กับ​ปีลาต​ซึ่ง​แต่​ก่อน​เป็น​ศัตรู​กัน กลับ​เป็น​มิตร​ที่​ดี​ต่อ​กัน.

      เมื่อ​พระ​เยซู​กลับ​มา​ถึง ปีลาต​ก็​เรียก​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่ และ​พวก​ผู้​ครอบครอง​ชาว​ยิว และ​ประชาชน​มา​พร้อม​กัน แล้ว​พูด​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​พา​คน​นี้​มา​หา​เรา ฟ้อง​ว่า​เขา​ได้​ยุยง​ราษฎร นี่​แน่ะ! เรา​ได้​สืบ​ถาม​ต่อ​หน้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย และ​ไม่​เห็น​ว่า​คน​นี้​มี​ความ​ผิด​ใน​ข้อ​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ฟ้อง​เขา​นั้น. และ​เฮโรด​ก็​ไม่​เห็น​ว่า​เขา​มี​ความ​ผิด​ด้วย เพราะ​เฮโรด​ได้​ส่ง​ตัว​เขา​กลับ​มา​ยัง​เรา​อีก​แล้ว และ​นี่​แน่ะ! คน​นี้​ไม่​ได้​ทำ​ผิด​อะไร​ซึ่ง​สม​ควร​จะ​มี​โทษ​ถึง​ตาย. เหตุ​ฉะนั้น เมื่อ​เรา​เฆี่ยน​เขา​แล้ว เรา​ก็​จะ​ปล่อย​เสีย.”

      ด้วย​เหตุ​นี้ ปีลาต​ได้​แถลง​สอง​ครั้ง​ว่า​พระ​เยซู​ปราศจาก​ผิด. เขา​อยาก​จะ​ปล่อย​พระองค์​ให้​เป็น​อิสระ เพราะ​เขา​สำนึก​ว่า​เป็น​เพราะ​ความ​อิจฉา​เท่า​นั้น​เอง​ที่​พวก​ปุโรหิต​ได้​มอบ​พระองค์​ไว้. แต่​ขณะ​ที่​ปีลาต​พยายาม​ต่อ​ไป​ที่​จะ​ปล่อย​ตัว​พระ​เยซู เขา​ก็​ได้​รับ​แรง​กระตุ้น​อัน​มี​พลัง​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ให้​ทำ​เช่น​นั้น. ขณะ​ที่​เขา​อยู่​บน​บัลลังก์​ตัดสิน​ความ​นั้น ภรรยา​ของ​เขา​ได้​ส่ง​ข่าว​มา เร่งเร้า​เขา​ว่า “อย่า​ทำ​อะไร​แก่​คน​ชอบธรรม​นั้น ด้วย​ว่า​วัน​นี้​ฉัน​ไม่​สบาย​ใจ​มาก​เพราะ​ได้​ฝัน [ดู​เหมือน​ว่า​มี​ต้นตอ​มา​จาก​พระเจ้า] ถึง​ผู้​นั้น.”

      กระนั้น ปีลาต​จะ​ปล่อย​บุรุษ​ผู้​ปราศจาก​ผิด​คน​นี้ ตาม​ที่​เขา​รู้​ว่า​ควร​จะ​ปล่อย​นั้น​ได้​อย่าง​ไร? โยฮัน 18:36-38; ล.ม.; ลูกา 23:4-16; มัดธาย 27:12-14, 18, 19; 14:1, 2; มาระโก 15:2-5.

      ▪ พระ​เยซู​ทรง​ตอบ​คำ​ถาม​เกี่ยว​กับ​การ​เป็น​กษัตริย์​นั้น​อย่าง​ไร?

      ▪ อะไร​คือ “ความ​จริง” ซึ่ง​พระ​เยซู​ได้​ใช้​ชีวิต​ทาง​แผ่นดิน​โลก​เพื่อ​เป็น​พยาน​ถึง?

      ▪ การ​ตัดสิน​ของ​ปีลาต​คือ​อย่าง​ไร ประชาชน​ตอบรับ​อย่าง​ไร และ​ปีลาต​ทำ​ประการ​ใด​กับ​พระ​เยซู?

      ▪ เฮโรด อันติปา​คือ​ใคร ทำไม​เขา​ยินดี​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​พบ​พระ​เยซู และ​เขา​ทำ​อะไร​กับ​พระองค์?

      ▪ ทำไม​ปีลาต​อยาก​จะ​ปล่อย​พระ​เยซู?

  • “ดูนี่ซิ! ลูกผู้ชาย!”
    บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น
    • บท 123

      “ดู​นี่​ซิ! ลูก​ผู้​ชาย!”

      เพราะ​รู้สึก​ประทับใจ​เนื่อง​จาก​พฤติกรรม​ของ​พระ​เยซู และ​ยอม​รับ​ความ​บริสุทธิ์​ของ​พระองค์ ปีลาต​จึง​เสาะ​หา​อีก​วิธี​หนึ่ง​ที่​จะ​ปล่อย​พระองค์. เขา​บอก​ฝูง​ชน​ว่า “พวก​ท่าน​มี​ธรรมเนียม​ให้​เรา​ปล่อย​คน​หนึ่ง​ให้​แก่​ท่าน​เมื่อ​เวลา​ปัศคา.”

      บาระบา ฆาตกร​ผู้​ฉาวโฉ่ ถูก​คุม​ขัง​ด้วย ดัง​นั้น ปีลาต​จึง​ถาม​ว่า “เจ้า​ทั้ง​หลาย​ปรารถนา​ให้​ปล่อย​ผู้​ใด บาระบา​หรือ​เยซู​ที่​เรียก​ว่า​พระ​คริสต์?”

      เนื่อง​จาก​ถูก​โน้ม​น้าว​โดย​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​ซึ่ง​ได้​ปลุกระดม​พวก​เขา ประชาชน​จึง​ขอ​ให้​ปล่อย​บาระบา​แต่​ให้​ประหาร​พระ​เยซู. โดย​ไม่​ยอม​แพ้ ปีลาต​ถาม​อีก​ว่า “ใน​สอง​คน​นี้ เจ้า​จะ​ให้​เรา​ปล่อย​คน​ไหน?”

      พวก​เขา​ร้อง​ตะโกน​ว่า “บาระบา.”

      ปีลาต​ถาม​ด้วย​ความ​ท้อ​แท้​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น เรา​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​แก่​พระ​เยซู​ที่​เรียก​ว่า​พระ​คริสต์?”

      พวก​เขา​ตอบ ด้วย​เสียง​สนั่น​จน​ทำ​ให้​หู​อื้อ​ว่า “เอา​เขา​ไป​ตรึง​เสีย!” “ตรึง​เขา! ตรึง​เขา​เสีย!”

      โดย​ทราบ​ว่า​พวก​เขา​เรียก​ร้อง​เอา​ความ​ตาย​ของ​คน​ที่​ไม่​มี​ความ​ผิด ปีลาต​จึง​อ้อน​วอน​ว่า “เขา​ได้​ทำ​ผิด​อะไร? เรา​ไม่​เห็น​เขา​ทำ​ผิด​อะไร​ที่​สม​ควร​จะ​มี​โทษ​ถึง​ตาย เหตุ​ฉะนั้น เมื่อ​เรา​เฆี่ยน​เขา​แล้ว​ก็​จะ​ปล่อย​เขา​เสีย.”

      ทั้ง ๆ ที่​เขา​พยายาม ฝูง​ชน​ที่​เป็น​เดือด​เป็น​แค้น​ที่​ถูก​ยุยง​โดย​พวก​หัวหน้า​ศาสนา​ของ​เขา ก็​ยัง​ตะโกน​อยู่​ต่อ​ไป​ว่า “เอา​เขา​ไป​ตรึง​เสีย!” โดย​ถูก​พวก​ปุโรหิต​กระตุ้น​ให้​เกิด​ความ​บ้า​ระห่ำ ฝูง​ชน​จึง​อยาก​ให้​มี​การ​หลั่ง​เลือด. และ​คิด​ดู​ซิ เพียง​ห้า​วัน​ก่อน​เท่า​นั้น บาง​คน​ใน​พวก​เขา​คง​อยู่​ใน​ท่ามกลาง​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ยินดี​ต้อนรับ​พระ​เยซู​เข้า​สู่​กรุง​ยะรูซาเลม​ฐานะ​กษัตริย์! ระหว่าง​เวลา​นี้ พวก​สาวก​ของ​พระ​เยซู หาก​พวก​เขา​อยู่​ด้วย ก็​คง​จะ​เงียบ​อยู่​และ​ไม่​เป็น​ที่​สังเกต.

      ครั้น​ปีลาต​เห็น​ว่า​คำ​อ้อน​วอน​ของ​เขา​ไม่​เกิด​ผล​ดี​อะไร แต่​กลับ​จะ​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​ชุลมุน​วุ่นวาย​ขึ้น จึง​เอา​น้ำ​มา​ล้าง​มือ​ของ​เขา​ต่อ​หน้า​ฝูง​ชน แล้ว​บอก​ว่า “เรา​ปราศจาก​เลือด​ของ​คน​ชอบธรรม​นี้​แล้ว. เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​เป็น​ธุระ​เถิด.” ถึง​ตอน​นี้ ประชาชน​ตอบ​ว่า “ให้​เลือด​ของ​เขา​ตก​อยู่​บน​เรา ทั้ง​บุตร​ของ​เรา​ด้วย.”

      ดัง​นั้น เพื่อ​ให้​ประสาน​กับ​คำ​เรียก​ร้อง​ของ​พวก​เขา—และ​ประสงค์​จะ​สนอง​ความ​พอ​ใจ​ของ​ฝูง​ชน​ยิ่ง​กว่า​การ​ทำ​สิ่ง​ที่​เขา​รู้​ว่า​ถูก​ต้อง—ปีลาต​จึง​ปล่อย​บาระบา​ให้​พวก​เขา. เขา​สั่ง​ให้​เปลื้อง​ผ้า​พระ​เยซู​ออก แล้ว​ก็​โบย​ตี. นี้​มิ​ใช่​การ​เฆี่ยน​แบบ​ธรรมดา. เดอะ เจอร์นัล อ็อฟ ดิ อเมริกัน เมดิคัล แอสโซซิเอชัน พรรณนา​ถึง​วิธี​การ​โบย​ของ​พวก​โรมัน​ว่า:

      “อุปกรณ์​โดย​ทั่ว​ไป​เป็น​แส้​สั้น (ฟลากรุม หรือ​ฟลาเกลลุม) ซึ่ง​มี​เส้น​หนัง​เดี่ยว หรือ​เส้น​หนัง​ถัก​หลาย​เส้น​ที่​มี​ความ​ยาว​ต่าง ๆ กัน​ซึ่ง​มี​ปุ่ม​เหล็ก​เล็ก ๆ หรือ​เศษ​กระดูก​แกะ​ที่​แหลม​คม​ผูก​ติด​อยู่​สลับ​กัน​ไป​เป็น​ระยะ. . . . ขณะ​ที่​ทหาร​โรมัน​ฟาด​หลัง​ของ​นัก​โทษ​อย่าง​สุด​แรง​ซ้ำ​แล้ว​ซ้ำ​เล่า ปุ่ม​เหล็ก​จะ​ก่อ​ให้​เกิด​รอย​ฟก​ช้ำ​ดำ​เขียว​ลึก และ​แส้​หนัง​กับ​กระดูก​แกะ​จะ​บาด​เข้า​ไป​ใน​หนัง​และ​เอ็น​ใต้​ผิวหนัง. ครั้น​แล้ว เมื่อ​การ​เฆี่ยน​ดำเนิน​ต่อ​ไป รอย​แผล​จะ​ฉีก​เข้า​ไป​ใน​กล้าม​เนื้อ​เกือบ​ถึง​กระดูก และ​ทำ​ให้​เนื้อ​ฉีก​เละ​เลือด​ไหล​โทรม.”

      หลัง​การ​ตี​แบบ​ทรมาน​เช่น​นี้​แล้ว พระ​เยซู​ถูก​พา​เข้า​ไป​ใน​ทำเนียบ​ของ​ผู้​สำเร็จ​ราชการ และ​พวก​ทหาร​ถูก​เรียก​ให้​มา​ประชุม​กัน. ที่​นั่น​พวก​ทหาร​สบประมาท​ทับ​ถม​พระองค์​ต่อ​ไป​อีก​โดย​การ​เอา​หนาม​มา​สาน​เป็น​มงกุฎ​แล้ว​กด​ลง​บน​พระ​เศียร​ของ​พระองค์. พวก​เขา​เอา​ไม้​อ้อ​ใส่​ไว้​ใน​พระ​หัตถ์​ข้าง​ขวา​ของ​พระองค์​และ​เขา​เอา​เสื้อ​สี​แดง​เข้ม​มา​สวม​ให้​พระองค์ แบบ​ที่​ผู้​คน​ใน​ราชวงศ์​สวม​ใส่. ต่อ​จาก​นั้น พวก​เขา​ก็​พูด​กับ​พระองค์​อย่าง​ล้อเลียน​ว่า “กษัตริย์​ชาติ​ยูดาย ขอ​ให้​ทรง​พระ​เจริญ.” นอก​จาก​นี้ พวก​เขา​ถ่ม​น้ำลาย​รด​พระองค์ แล้ว​ตบ​พระ​พักตร์​พระองค์. พวก​เขา​เอา​ไม้​อ้อ​แข็ง​จาก​พระ​หัตถ์​ของ​พระองค์​มา ใช้​ไม้​นั้น​ตี​พระ​เศียร​ของ​พระองค์ ดัน​หนาม​แหลม​ของ “มงกุฎ” ที่​ทำ​ให้​อัปยศ​อดสู​เข้า​ไป​ใน​หนัง​พระ​เศียร​ของ​พระองค์​อีก​ด้วย​ซ้ำ.

      ความ​สง่า​ผ่าเผย​และ​พลัง​อย่าง​โดด​เด่น​ของ​พระ​เยซู​เมื่อ​เผชิญ​กับ​ทารุณกรรม​เช่น​นี้​ทำ​ให้​ปีลาต​รู้สึก​ประทับใจ​จน​กระตุ้น​เขา​ให้​ใช้​ความ​พยายาม​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ที่​จะ​ปลด​ปล่อย​พระองค์. เขา​บอก​กับ​ฝูง​ชน​ว่า “นี่​แน่ะ! เรา​พา​คน​นี้​ออก​มา​ให้​พวก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เพื่อ​ท่าน​จะ​รู้​ว่า​เรา​ไม่​ได้​เห็น​ความ​ผิด​สิ่ง​ใด​ใน​เขา​เลย.” บาง​ที​เขา​อาจ​จะ​คิด​ว่า​ภาพ​ของ​พระ​เยซู​ที่​ถูก​ทรมาน​จะ​ทำ​ให้​ใจ​ของ​พวก​เขา​อ่อน​ลง​ก็​ได้. ขณะ​ที่​พระ​เยซู​ทรง​ยืน​อยู่​ต่อ​หน้า​ฝูง​คน​ที่​เหี้ยม​โหด​บ้า​คลั่ง สวม​มงกุฎ​หนาม​และ​เสื้อ​ชั้น​นอก​สี​แดง​เข้ม และ​พร้อม​กับ​พระ​พักตร์​ที่​มี​พระ​โลหิต​ไหล​ส่อ​ถึง​ความ​เจ็บ​ปวด​นั้น ปีลาต​แถลง​ว่า “ดู​นี่​ซิ! ลูก​ผู้​ชาย!”

      แม้​จะ​บอบช้ำ​และ​ถูก​ทุบ​ตี บุคคล​ที่​เด่น​ที่​สุด​ใน​ตลอด​ประวัติศาสตร์ บุรุษ​ผู้​ใหญ่​ยิ่ง​อย่าง​แท้​จริง​เท่า​ที่​โลก​เคย​เห็น ทรง​ยืน​อยู่​ที่​นี่! ถูก​แล้ว พระ​เยซู​ทรง​พิสูจน์​ให้​เห็น​ความ​สง่า​ผ่าเผย​และ​ความ​มั่นคง​แน่วแน่​อย่าง​สงบ​ที่​แสดง​ถึง​ความ​ใหญ่​ยิ่ง​ซึ่ง​แม้​แต่​ปีลาต​ก็​ต้อง​ยอม​รับ เพราะ​คำ​พูด​ของ​เขา​ดู​เหมือน​แสดง​ถึง​ความ​รู้สึก​ทั้ง​นับถือ​และ​สงสาร​ระคน​กัน. โยฮัน 18:39–19:5, ล.ม.; มัดธาย 27:15-17, 20–30; มาระโก 15:6–19; ลูกา 23:18-25.

      ▪ ปีลาต​พยายาม​โดย​วิธี​ใด​ที่​จะ​ปล่อย​ตัว​พระ​เยซู?

      ▪ ปีลาต​พยายาม​อย่าง​ไร​ที่​จะ​ปลด​เปลื้อง​ความ​รับผิดชอบ​ให้​พ้น​ตัว?

      ▪ มี​อะไร​เกี่ยว​ข้อง​อยู่​ด้วย​ใน​การ​ถูก​โบย?

      ▪ พระ​เยซู​ถูก​เยาะ​เย้ย​อย่าง​ไร​หลัง​จาก​ถูก​โบย?

      ▪ ปีลาต​ใช้​ความ​พยายาม​ต่อ​ไป​อีก​อย่าง​ไร​เพื่อ​ปล่อย​ตัว​พระ​เยซู?

  • ถูกมอบตัวให้ แล้วพาไป
    บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น
    • บท 124

      ถูก​มอบ​ตัว​ให้ แล้ว​พา​ไป

      เมื่อ​ปีลาต ซึ่ง​รู้สึก​ถูก​กระตุ้น​ใจ​เนื่อง​จาก​ความ​สง่า​ผ่า​เผย​อย่าง​สุขุม​เยือกเย็น​ของ​พระ​เยซู​ผู้​ได้​รับ​ทุกข์​ทรมาน​นั้น พยายาม​อีก​ครั้ง​ที่​จะ​ปล่อย​พระองค์ พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กลับ​โกรธ​มาก​ขึ้น​เสีย​อีก. พวก​เขา​ตั้งใจ​ไม่​ยอม​ให้​สิ่ง​ใด​ขัด​ขวาง​จุด​มุ่ง​หมาย​อัน​ชั่ว​ร้าย​ของ​เขา. ดัง​นั้น พวก​เขา​เริ่ม​ร้อง​ตะโกน​อีก​ว่า “ตรึง​เขา​เสีย! ตรึง​เขา​เสีย!”

      ปีลาต​ตอบ​ด้วย​ความ​อิด​หนา​ระอา​ใจ​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เอา​เขา​ไป​ตรึง​เถิด.” (ตรง​กัน​ข้าม​กับ​คำ​อ้าง​ของ​พวก​เขา​ก่อน​หน้า​นี้ พวก​ยิว​อาจ​มี​อำนาจ​ที่​จะ​ประหาร​ชีวิต​อาชญากร​เนื่อง​ด้วย​ความ​ผิด​ทาง​ด้าน​ศาสนา​ซึ่ง​เป็น​เรื่อง​ร้ายแรง​พอ.) ครั้น​แล้ว อย่าง​น้อย​ที่​สุด​ก็​เป็น​ครั้ง​ที่​ห้า ปีลาต​แถลง​ว่า​พระ​เยซู​ปราศจาก​ผิด โดย​บอก​ว่า “เรา​ไม่​ได้​เห็น​ความ​ผิด​ใน​เขา​เลย.”

      ครั้น​พวก​ยิว​เห็น​ว่า​ข้อ​กล่าวหา​ทาง​การ​เมือง​ไม่​ได้​ผล จึง​หัน​ไป​ใช้​ข้อ​กล่าวหา​ทาง​ศาสนา​ฐาน​หมิ่น​ประมาท​ที่​เขา​ใช้​ไม่​กี่​ชั่วโมง​ก่อน​หน้า​นั้น ณ การ​พิจารณา​คดี​พระ​เยซู​ต่อ​หน้า​ศาล​ซันเฮดริน. พวก​เขา​บอก​ว่า “พวก​เรา​มี​กฎหมาย ตาม​กฎหมาย​นั้น​เขา​ควร​จะ​ตาย เพราะ​เขา​ได้​ตั้ง​ตัว​เป็น​บุตร​ของ​พระเจ้า.”

      ข้อ​กล่าวหา​นี้​เป็น​เรื่อง​ใหม่​สำหรับ​ปีลาต และ​นั่น​เป็น​เหตุ​ให้​เขา​หวั่น​กลัว​มาก​ขึ้น. ถึง​ตอน​นี้​เขา​ตระหนัก​ว่า​พระ​เยซู​มิ​ใช่​คน​ธรรมดา ดัง​ที่​ความ​ฝัน​ของ​ภริยา​เขา​และ​ความ​เข้มแข็ง​อัน​โดด​เด่น​แห่ง​บุคลิก​ของ​พระ​เยซู​บ่ง​ชี้​นั้น. แต่​เป็น “บุตร​ของ​พระเจ้า” หรือ? ปีลาต​ทราบ​ว่า​พระ​เยซู​มา​จาก​ฆาลิลาย. กระนั้น เป็น​ไป​ได้​ไหม​ที่​พระองค์​อาจ​เคย​มี​ชีวิต​มา​ก่อน? ครั้น​พา​พระองค์​กลับ​เข้า​ไป​ใน​ทำเนียบ​อีก ปีลาต​ถาม​ว่า “ท่าน​มา​จาก​ไหน?”

      พระ​เยซู​ทรง​เงียบ​อยู่. ก่อน​หน้า​นั้น​พระองค์​ได้​แจ้ง​แก่​ปีลาต​ว่า​พระองค์​เป็น​กษัตริย์ แต่​ว่า​ราชอาณาจักร​ของ​พระองค์​มิ​ได้​เป็น​ส่วน​ของ​โลก​นี้. บัด​นี้ คำ​ชี้​แจง​ต่อ​ไป​คง​จะ​ไม่​ส่ง​เสริม​จุด​มุ่ง​หมาย​ที่​เป็น​ประโยชน์​อัน​ใด. อย่าง​ไร​ก็​ดี การ​ไม่​ยอม​ตอบ​ทำ​ให้​ปีลาต​รู้สึก​เสีย​ศักดิ์ศรี และ​เขา​พลัน​เป็น​เดือด​เป็น​แค้น​ต่อ​พระ​เยซู​ด้วย​คำ​พูด​ว่า “ท่าน​ไม่​ตอบ​เรา​หรือ? ท่าน​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​เรา​มี​อำนาจ​ที่​จะ​ปล่อย​ท่าน​ได้ และ​มี​อำนาจ​ที่​จะ​ตรึง​ท่าน​ไว้​ได้?”

      พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ด้วย​ความ​นับถือ​ว่า “ท่าน​จะ​มี​อำนาจ​เหนือ​เรา​ก็​หา​มิ​ได้ เว้น​แต่​ทรง​ประทาน​จาก​เบื้อง​บน​ให้​แก่​ท่าน.” พระองค์​ทรง​พาด​พิง​ถึง​การ​ที่​พระเจ้า​ยอม​ให้​ผู้​ปกครอง​ที่​เป็น​มนุษย์​มี​อำนาจ​บริหาร​กิจ​ธุระ​ทาง​โลก​นี้. พระ​เยซู​ตรัส​เสริม​ว่า “เหตุ​ฉะนั้น​ผู้​ที่​มอบ​เรา​ไว้​ให้​แก่​ท่าน​ก็​มี​ความ​ผิด​มาก​กว่า​ท่าน.” ที่​จริง มหา​ปุโรหิต​กายะฟา​และ​ผู้​คบ​คิด​กับ​เขา​และ​ยูดา​อิศการิโอด ทุก​คน​แบก​ความ​รับผิดชอบ​หนัก​กว่า​ปีลาต​เพราะ​การ​ปฏิบัติ​ที่​ไม่​เที่ยงธรรม​ต่อ​พระ​เยซู.

      เพราะ​ประทับใจ​พระ​เยซู​มาก​ยิ่ง​ขึ้น​อีก และ​หวั่น​เกรง​ว่า​พระ​เยซู​อาจ​มี​ต้นตอ​มา​จาก​พระเจ้า ปีลาต​จึง​เริ่ม​พยายาม​ใหม่​ที่​จะ​ปล่อย​ตัว​พระองค์. แต่​พวก​ยิว​เมิน​เฉย​ต่อ​ปีลาต. พวก​เขา​ย้ำ​ข้อ​กล่าวหา​ของ​เขา​ทาง​การ​เมือง​อีก โดย​ขู่​แบบ​มี​เล่ห์​เหลี่ยม​แพรว​พราว​ว่า “ถ้า​ท่าน​ปล่อย​คน​นี้ ท่าน​ก็​ไม่​ได้​เป็น​มิตร​สหาย​กับ​กายะซา. ทุก​คน​ที่​ตั้ง​ตัว​เป็น​กษัตริย์​ก็​พูด​ต่อ​สู้​กายะซา.”

      แม้​จะ​เข้า​ไป​พัวพัน​แบบ​ร้ายกาจ​เช่น​นั้น​ก็​ตาม ปีลาต​ได้​พา​พระ​เยซู​ออก​มา​ข้าง​นอก​อีก​ครั้ง. เขา​ยัง​ชวน​ให้​ดู​อีก​ว่า “นี่​แน่ะ! กษัตริย์​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย!”

      คำ​ตอบ​คือ​ว่า “จง​เอา​เขา​ไป​ฆ่า​เสีย! จง​เอา​เขา​ไป​ฆ่า​เสีย! จง​ตรึง​เขา​เสีย!”

      ปีลาต​ถาม​อย่าง​หมด​หวัง​ว่า “จะ​ให้​เรา​ตรึง​กษัตริย์​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​หรือ?”

      พวก​ยิว​เคย​ขัด​เคือง​ใจ​ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​ชาว​โรมัน. ที่​จริง พวก​เขา​ชิง​ชัง​การ​ครอบครอง​ของ​โรม! กระนั้น พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​พูด อย่าง​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด​ว่า “กษัตริย์​ของ​พวก​เรา​ไม่​มี เว้น​แต่​กายะซา.”

      เพราะ​หวั่น​เกรง​ใน​เรื่อง​ตำแหน่ง​ทาง​การ​เมือง​และ​ชื่อเสียง​ของ​เขา ใน​ที่​สุด ปีลาต​จึง​ยอม​จำนน​ภาย​ใต้​คำ​เรียก​ร้อง​อย่าง​ไม่​ลด​รา​วา​ศอก​ของ​พวก​ยิว. เขา​จึง​มอบ​ตัว​พระ​เยซู​ให้. พวก​ทหาร​ถอด​เสื้อ​คลุม​สี​แดง​เข้ม​ออก​จาก​พระ​เยซู แล้ว​เอา​เสื้อ​ชั้น​นอก​ของ​พระองค์​มา​สวม​ให้. ขณะ​ที่​พระ​เยซู​ถูก​พา​ไป​ตรึง​นั้น พระองค์​ถูก​บังคับ​ให้​แบก​หลัก​ทรมาน​ของ​พระองค์​เอง.

      ถึง​ตอน​นี้​เป็น​เวลา​ช่วง​เช้า​ใน​วัน​ศุกร์​ที่ 14 เดือน​ไนซาน บาง​ที​เกือบ​จะ​เที่ยง​วัน​แล้ว. พระ​เยซู​ไม่​ได้​นอน​หลับ​ตั้ง​แต่​เช้า​ตรู่​วัน​พฤหัสบดี และ​พระองค์​ได้​ทน​ทุกข์​กับ​ประสบการณ์​อัน​เจ็บ​ปวด​รวดร้าว​ครั้น​แล้ว​ครั้ง​เล่า. เป็น​ที่​เข้าใจ​ได้​ว่า ใน​ไม่​ช้า​พระองค์​ก็​หมด​กำลัง​ภาย​ใต้​หลัก​ที่​หนัก​นั้น. ฉะนั้น ผู้​ที่​เดิน​ผ่าน​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ซีโมน​เป็น​ชาว​กุเรเน​ใน​แอฟริกา​ถูก​บังคับ​ให้​แบก​หลัก​นั้น​แทน​พระองค์. ขณะ​ที่​พวก​เขา​เดิน​ต่อ​ไป คน​จำนวน​มาก​ตาม​ไป รวม​ทั้ง​ผู้​หญิง​หลาย​คน​ที่​ตี​อก​ชก​ตัว​เอง​ด้วย​ความ​ระทม​ทุกข์​และ​คร่ำ​ครวญ​เนื่อง​ด้วย​พระ​เยซู.

      พระ​เยซู​ทรง​หัน​มา​ยัง​พวก​ผู้​หญิง ตรัส​ว่า “บุตรี​ยะรูซาเลม​เอ๋ย อย่า​ร้องไห้​สงสาร​เรา แต่​จง​ร้องไห้​สงสาร​ตน​เอง และ​สงสาร​ลูก​ทั้ง​หลาย​ของ​ตน ด้วย​ว่า นี่​แน่ะ! จะ​มี​เวลา​หนึ่ง​ที่​เขา​ทั้ง​หลาย​จะ​ว่า ‘ผู้​หญิง​เหล่า​นั้น​ที่​เป็น​หมัน และ​ครรภ์​ที่​มิ​ได้​ปฏิสนธิ และ​หัว​นม​ที่​มิ​ได้​ให้​ดูด​เลย​ก็​เป็น​สุข!’ . . . เพราะ​ว่า​ถ้า​เขา​ทำ​กับ​ต้น​ไม้​สด​อย่าง​นี้ เขา​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​กับ​ต้น​ไม้​ที่​แห้ง​แล้ว​เล่า?”

      พระ​เยซู​กำลัง​ตรัส​พาด​พิง​ถึง​ต้น​ไม้​อัน​ได้​แก่​ชาติ​ยิว​ซึ่ง​ยัง​คง​มี​ความ​ชุ่ม​ชื้น​แห่ง​ชีวิต​ใน​ต้น​นั้น​อยู่​บ้าง​เนื่อง​จาก​การ​ที่​พระ​เยซู​ประทับ​อยู่​ที่​นั่น และ​การ​ดำรง​อยู่​ของ​ชน​ที่​เหลือ​ซึ่ง​เชื่อ​ใน​พระองค์. แต่​เมื่อ​คน​เหล่า​นี้​ออก​ไป​จาก​ชาติ​นั้น​แล้ว เฉพาะ​แต่​ต้น​ไม้​ที่​ตาย​ฝ่าย​วิญญาณ​เท่า​นั้น​จะ​ยัง​คง​อยู่​ต่อ​ไป ถูก​แล้ว องค์การ​ระดับ​ชาติ​ที่​เหี่ยว​แห้ง​ไป. โอ ช่าง​จะ​เป็น​สาเหตุ​สำหรับ​การ​ร่ำไห้​อะไร​เช่น​นี้​คราว​เมื่อ​กองทัพ​โรมัน ทำ​หน้า​ที่​เป็น​เพชฌฆาต​ของ​พระเจ้า ทำลาย​ล้าง​ชาติ​ยิว! โยฮัน 19:6-17; 18:31; ลูกา 23:24-31; มัดธาย 27:31, 32; มาระโก 15:20, 21.

      ▪ พวก​หัวหน้า​ศาสนา​ตั้ง​ข้อ​กล่าวหา​อะไร​ต่อ​พระ​เยซู​เมื่อ​ข้อ​กล่าวหา​ทาง​การ​เมือง​ไม่​ได้​ผล?

      ▪ ทำไม​ปีลาต​หวั่น​กลัว​มาก​ขึ้น?

      ▪ ใคร​มี​บาป​มาก​กว่า​สำหรับ​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​กับ​พระ​เยซู?

      ▪ พวก​ปุโรหิต​ทำ​อย่าง​ไร​เพื่อ​ทำ​ให้​ปีลาต​มอบ​พระ​เยซู​ไป​เพื่อ​ประหาร​ชีวิต?

      ▪ พระ​เยซู​ทรง​แจ้ง​อะไร​แก่​พวก​ผู้​หญิง​ที่​ร้องไห้​เพราะ​พระองค์ และ​พระองค์​ทรง​หมายความ​ว่า​กระไร​โดย​การ​พาด​พิง​ถึง​ต้น​ไม้​นั้น​ว่า “สด” แล้ว​ก็ “แห้ง”?

  • ความเจ็บปวดรวดร้าวบนหลัก
    บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น
    • บท 125

      ความ​เจ็บ​ปวด​รวดร้าว​บน​หลัก

      โจร​สอง​คน​ถูก​พา​ออก​ไป​เพื่อ​ถูก​ประหาร​ชีวิต​ด้วย​กัน​กับ​พระ​เยซู. ไม่​ไกล​จาก​เมือง ขบวน​นั้น​ได้​มา​หยุด​อยู่​ตรง​สถาน​ที่​ซึ่ง​เรียก​ว่า​โฆละโฆธา หรือ​กะโหลก​ศีรษะ.

      พวก​นัก​โทษ​ถูก​เปลื้อง​เสื้อ​ผ้า​ออก. ครั้น​แล้ว​ก็​มี​การ​เตรียม​เหล้า​องุ่น​ระคน​กับ​มดยอบ​ไว้. ดู​เหมือน​ว่า​พวก​ผู้​หญิง​ชาว​กรุง​ยะรูซาเลม​จัด​เตรียม​สิ่ง​นี้​ไว้ และ​พวก​โรมัน​มิ​ได้​ปฏิเสธ​ยา​ที่​บรรเทา​ความ​เจ็บ​ปวด​นี้​สำหรับ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ถูก​ตรึง. อย่าง​ไร​ก็​ดี เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​ชิม​เหล้า​องุ่น​นั้น พระองค์​ไม่​ยอม​ดื่ม. ทำไม? ปรากฏ​ชัด​ว่า​พระองค์​ทรง​ต้องการ​มี​ความ​สามารถ​ใน​การ​คิด​อย่าง​ครบ​ถ้วน​ระหว่าง​การ​ทดลอง​ความ​เชื่อ​ของ​พระองค์​ครั้ง​สำคัญ​นี้.

      ตอน​นี้​พระ​เยซู​ถูก​ตรึง​อยู่​บน​หลัก​โดย​ที่​พระ​หัตถ์​ของ​พระองค์​อยู่​เหนือ​พระ​เศียร. ต่อ​จาก​นั้น​พวก​ทหาร​ตอก​ตะปู​ขนาด​ใหญ่​ลง​บน​พระ​หัตถ์​และ​พระ​บาท​ของ​พระองค์. พระองค์​บิด​ด้วย​ความ​เจ็บ​ปวด​ขณะ​ที่​ตะปู​แทง​ทะลุ​เนื้อ​และ​เอ็น​ของ​พระองค์. เมื่อ​พวก​ทหาร​เอา​หลัก​นั้น​ตั้ง​ตรง​ขึ้น ก็​เป็น​ความ​เจ็บ​ปวด​อย่าง​แสน​สาหัส เพราะ​น้ำหนัก​ของ​ร่าง​กาย​ทำ​ให้​บาดแผล​ตรง​ที่​ตะปู​ตอก​นั้น​ฉีก​ขาด. กระนั้น แทน​ที่​จะ​ข่มขู่ พระ​เยซู​กลับ​ทูล​อธิษฐาน​เผื่อ​ทหาร​โรมัน​ว่า “โอ​พระ​บิดา​เจ้าข้า ขอ​โปรด​ยก​โทษ​เขา เพราะ​ว่า​เขา​ไม่​รู้​ว่า​เขา​ทำ​อะไร.”

      ปีลาต​ติด​ป้าย​ไว้​บน​หลัก​ซึ่ง​อ่าน​ว่า “เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ กษัตริย์​ของ​พวก​ยูดาย.” ดู​เหมือน​ว่า เขา​เขียน​เช่น​นี้​ไม่​เพียง​แต่​เพราะ​เขา​นับถือ​พระ​เยซู​เท่า​นั้น หาก​แต่​เขา​ชิง​ชัง​พวก​ปุโรหิต​ชาว​ยิว​ใน​การ​ที่​บีบ​เขา​ให้​พิพากษา​ประหาร​ชีวิต​พระ​เยซู. เพื่อ​ทุก​คน​จะ​อ่าน​ป้าย​นั้น ปีลาต​จึง​ให้​เขียน​ป้าย​นั้น​เป็น​สาม​ภาษา—ภาษา​ฮีบรู ภาษา​ลาติน​ซึ่ง​เป็น​ภาษา​ทาง​การ และ​ภาษา​กรีก​ซึ่ง​ใช้​กัน​ทั่ว​ไป.

      พวก​ปุโรหิต​ใหญ่ รวม​ทั้ง​กายะฟา​และ​อันนาศ​ด้วย​รู้สึก​ตกตะลึง. คำ​ประกาศ​ใน​เชิง​บวก​เช่น​นี้​ทำลาย​ช่วง​เวลา​แห่ง​ชัย​ชนะ​ของ​พวก​เขา. เพราะ​ฉะนั้น พวก​เขา​ทัก​ท้วง​ว่า “อย่า​เขียน​ว่า ‘กษัตริย์​ของ​พวก​ยูดาย’ แต่​เขียน​ว่า ตัว​เขา​ว่า ‘เรา​เป็น​กษัตริย์​ของ​พวก​ยูดาย.’” เพราะ​รู้สึก​โมโห​เนื่อง​จาก​ถูก​ใช้​เป็น​เครื่อง​มือ​ของ​พวก​ปุโรหิต ปีลาต​จึง​ตอบ​อย่าง​เฉียบขาด​ด้วย​ความ​ชิง​ชัง​ว่า “ซึ่ง​เรา​ได้​เขียน เรา​ได้​เขียน.”

      ตอน​นี้​พวก​ปุโรหิต​พร้อม​กับ​ฝูง​ชน​มา​ชุมนุม​กัน​อยู่​ใน​บริเวณ​ที่​มี​การ​ประหาร​ชีวิต และ​พวก​ปุโรหิต​พยายาม​แย้ง​คำ​ให้​การ​จาก​ป้าย​นั้น. พวก​เขา​ย้ำ​คำ​ให้​การ​เท็จ​ซึ่ง​มี​การ​เสนอ​ก่อน​หน้า​นั้น ณ การ​พิจารณา​คดี​ของ​ศาล​ซันเฮดริน. เพราะ​ฉะนั้น ไม่​น่า​แปลก​ที่​ผู้​สัญจร​ไป​มา​เริ่ม​พูด​อย่าง​สบประมาท สั่น​ศีรษะ​อย่าง​เยาะเย้ย​แล้ว​พูด​ว่า “เจ้า​ผู้​จะ​ทำลาย​พระ​วิหาร​และ​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​ใน​สาม​วัน จง​ช่วย​ตัว​เอง​ให้​รอด! ถ้า​เจ้า​เป็น​บุตร​ของ​พระเจ้า จง​ลง​มา​จาก​หลัก​ทรมาน​เถิด!”

      พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​กับ​เพื่อน​สนิท​ทาง​ศาสนา​ของ​เขา​ได้​พูด​สอด​ขึ้น​มา​ว่า “เขา​ช่วย​คน​อื่น​ให้​รอด​ได้ ช่วย​ตัว​ของ​ตัว​เอง​ไม่​ได้! เขา​เป็น​กษัตริย์​ของ​ชาติ​ยิศราเอล ให้​เขา​ลง​มา​จาก​หลัก​ทรมาน​เดี๋ยว​นี้ เรา​จะ​ได้​เชื่อถือ​บ้าง. เขา​ได้​ไว้​ใจ​พระเจ้า ถ้า​พระองค์​พอ​พระทัย​ก็​ให้​ช่วย​เขา​เดี๋ยว​นี้​เถิด ด้วย​เขา​ได้​กล่าว​ว่า ‘เรา​เป็น​บุตร​ของ​พระเจ้า.’”

      โดย​ถูก​ดึง​เข้า​สู่​น้ำใจ​เช่น​นั้น พวก​ทหาร​ก็​เข้า​ร่วม​ใน​การ​เยาะเย้ย​ด้วย. พวก​เขา​ถวาย​เหล้า​องุ่น​เปรี้ยว​ให้​พระองค์​อย่าง​ล้อเลียน ดู​เหมือน​จะ​ส่ง​เหล้า​องุ่น​นั้น​เลย​พระ​โอษฐ์​อัน​แห้ง​ผาก​ของ​พระองค์​ไป​ที​เดียว. พวก​เขา​เยาะ​หยัน​พระองค์​ว่า “ถ้า​ท่าน​เป็น​กษัตริย์​ของ​ชาติ​ยูดาย จง​ช่วย​ตน​เอง​ให้​รอด​เถิด.” แม้​แต่​ผู้​ร้าย​สอง​คน—คน​หนึ่ง​ถูก​ตอก​อยู่​ข้าง​ขวา​ของ​พระ​เยซู และ​อีก​คน​หนึ่ง​อยู่​ข้าง​ซ้าย​ของ​พระองค์—ก็​เยาะเย้ย​พระองค์. คิด​ดู​ก็​แล้ว​กัน! บุรุษ​องค์​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด​เท่า​ที่​เคย​มี​ชีวิต​มา ถูก​แล้ว ผู้​ซึ่ง​มี​ส่วน​ร่วม​กับ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ใน​การ​สร้าง​สรรพสิ่ง ทน​รับ​การ​สบประมาท​ทั้ง​หมด​นี้​อย่าง​ไม่​ย่อท้อ!

      พวก​ทหาร​เอา​ฉลองพระองค์​ชั้น​นอก​ของ​พระองค์​มา แล้ว​แบ่ง​เป็น​สี่​ส่วน. พวก​เขา​จับ​สลาก​เพื่อ​ดู​ว่า​ใคร​จะ​ได้​ส่วน​ไหน. แต่​เสื้อ​ชั้น​ใน​ไม่​มี​ตะเข็บ มี​คุณภาพ​เยี่ยม. ดัง​นั้น พวก​ทหาร​จึง​พูด​ต่อ​กัน​และ​กัน​ว่า “เรา​อย่า​ฉีก​ปัน​กัน​เลย แต่​จง​จับ​สลาก​กัน​จะ​ได้​รู้​ว่า​จะ​เป็น​ของ​ผู้​ใด.” ด้วย​เหตุ​นี้ โดย​ไม่​ตั้งใจ พวก​เขา​ทำ​ให้​สม​จริง​ตาม​ข้อ​คัมภีร์​ที่​บอก​ว่า “เขา​เอา​เสื้อ​ผ้า​ของ​เรา​แบ่ง​ปัน​กัน และ​เสื้อ​ของ​เรา​เขา​จับ​สลาก.”

      ต่อ​มา ผู้​ร้าย​คน​หนึ่ง​ก็​เกิด​ความ​หยั่ง​รู้​เข้าใจ​ว่า​พระ​เยซู​ต้อง​เป็น​กษัตริย์​อย่าง​แท้​จริง. เพราะ​ฉะนั้น​เขา​พูด​ตำหนิ​เพื่อน​ของ​เขา​ว่า “เจ้า​ยัง​จะ​ไม่​เกรง​กลัว​พระเจ้า​อีก​หรือ เพราะ​เจ้า​เป็น​คน​ถูก​โทษ​เหมือน​กัน? และ​เรา​ก็​สม​กับ​โทษ​นั้น​จริง เพราะ​เรา​ได้​รับ​โทษ​สม​กับ​การ​ที่​เรา​ได้​กระทำ แต่​ท่าน​ผู้​นี้​หา​ได้​กระทำ​ผิด​ประการ​ใด​ไม่.” ครั้น​แล้ว​เขา​ทูล​พระ​เยซู​ว่า “ขอ​ทรง​ระลึก​ถึง​ข้าพเจ้า​เมื่อ​พระองค์​เสด็จ​เข้า​ใน​ราชอาณาจักร​ของ​พระองค์.”

      พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “แท้​จริง เรา​บอก​เจ้า​วัน​นี้ เจ้า​จะ​อยู่​กับ​เรา​ใน​อุทยาน.” คำ​สัญญา​ข้อ​นี้​จะ​เป็น​จริง​คราว​เมื่อ​พระ​เยซู​ปกครอง​ฐานะ​พระ​มหา​กษัตริย์​ใน​สวรรค์ และ​ทรง​ปลุก​ผู้​ร้าย​ที่​กลับ​ใจ​คน​นี้​คืน​สู่​ชีวิต​บน​แผ่นดิน​โลก​ใน​อุทยาน​ซึ่ง​บรรดา​ผู้​ผ่าน​พ้น​อาร์มาเก็ดดอน​กับ​สหาย​ของ​เขา​จะ​มี​สิทธิ​พิเศษ​ใน​การ​เพาะ​ปลูก. มัดธาย 27:33-44; มาระโก 15:22-32; ลูกา 23:27, 32–43; โยฮัน 19:17-24.

      ▪ ทำไม​พระ​เยซู​ปฏิเสธ​ที่​จะ​ดื่ม​เหล้า​องุ่น​ระคน​กับ​มดยอบ?

      ▪ ทำไม​จึง​มี​การ​ติด​ป้าย​ไว้​บน​หลัก​ของ​พระ​เยซู และ​ป้าย​นั้น​นำ​มา​ซึ่ง​การ​พูด​โต้​ตอบ​อะไร​อีก​ระหว่าง​ปีลาต​กับ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่?

      ▪ พระ​เยซู​ได้​รับ​การ​สบประมาท​อะไร​ต่อ​ไป​อีก​บน​หลัก​และ​ดู​เหมือน​ว่า​อะไร​กระตุ้น​ให้​เกิด​เหตุ​การณ์​นั้น?

      ▪ คำ​พยากรณ์​ได้​สม​จริง​อย่าง​ไร​ใน​เรื่อง​สิ่ง​ที่​ทำ​กับ​ฉลองพระองค์ ของ​พระ​เยซู?

      ▪ ผู้​ร้าย​คน​หนึ่ง​ทำ​การ​เปลี่ยน​แปลง​เช่น​ไร และ​พระ​เยซู​จะ​ทำ​ให้​คำ​ขอร้อง​ของ​เขา​เป็น​จริง​โดย​วิธี​ใด?

  • “แท้จริง ท่านผู้นี้เป็นบุตรของพระเจ้า”
    บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น
    • บท 126

      “แท้​จริง ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​บุตร​ของ​พระเจ้า”

      พระ​เยซู​มิ​ได้​อยู่​บน​หลัก​นาน เมื่อ​เกิด​ความ​มืด​อย่าง​แปลก​ประหลาด​เป็น​เวลา​นาน​สาม​ชั่วโมง​ใน​ตอน​เที่ยง​วัน. สุริยคราส​หา​ใช่​ต้น​เหตุ​ไม่ เนื่อง​จาก​ปรากฏการณ์​นี้​เกิด​ขึ้น​เฉพาะ​แต่​คราว​ที่​ดวง​จันทร์​ข้าง​ขึ้น และ​ดวง​จันทร์​เต็ม​ดวง​ใน​คราว​ปัศคา. นอก​จาก​นั้น สุริยคราส​อยู่​นาน​เพียง​ไม่​กี่​นาที. ดัง​นั้น ความ​มืด​นั้น​มี​ต้น​กำเนิด​มา​จาก​พระเจ้า! นั่น​คง​จะ​หยุด​ยั้ง​คน​เหล่า​นั้น​ที่​เยาะเย้ย​พระ​เยซู ทำ​ให้​การ​สบประมาท​ของ​พวก​เขา​ยุติ​ลง​ด้วย​ซ้ำ.

      ถ้า​หาก​ปรากฏการณ์​ประหลาด​นั้น​เกิด​ขึ้น​ก่อน​ที่​ผู้​ร้าย​คน​หนึ่ง​ว่า​กล่าว​เพื่อน​ของ​เขา​แล้ว​ทูล​ขอ​พระ​เยซู​ให้​รำลึก​ถึง​เขา​แล้ว นั่น​อาจ​เป็น​ปัจจัย​ใน​การ​กลับ​ใจ​ของ​เขา. บาง​ที​ระหว่าง​ความ​มืด​นั่น​แหละ​ที่​ผู้​หญิง​สี่​คน กล่าว​คือ​มารดา​ของ​พระ​เยซู​และ​น้อง​สาว​ของ​เธอ​ชื่อ​ซะโลเม, มาเรีย มัฆดาลา, และ​มาเรีย​มารดา​ของ​อัครสาวก​ยาโกโบ​น้อย​เดิน​ไป​ใกล้​หลัก​ทรมาน. โยฮัน อัครสาวก​ที่​รัก​ของ​พระ​เยซู​อยู่​กับ​พวก​เขา​ที่​นั่น​ด้วย.

      หัวใจ​มารดา​ของ​พระ​เยซู ‘ถูก​แทง​ทะลุ’ สัก​เพียง​ไร​ขณะ​ที่​เธอ​จ้อง​มอง​บุตร​ชาย​ที่​เธอ​เลี้ยง​ดู​และ​ทะนุถนอม​กล่อมเกลี้ยง​มา​นั้น​แขวน​อยู่​ที่​นั่น​ใน​สภาพ​เจ็บ​ปวด​รวดร้าว! กระนั้น พระ​เยซู​ทรง​คิด​ถึง มิ​ใช่​ความ​เจ็บ​ปวด​ของ​พระองค์​เอง หาก​แต่​สวัสดิภาพ​ของ​เธอ. ด้วย​ความ​พยายาม​อย่าง​ที่​สุด พระองค์​ทรง​พยัก​หน้า​ไป​ทาง​โยฮัน​แล้ว​ตรัส​แก่​มารดา​ของ​พระองค์​ว่า “หญิง​เอ๋ย จง​ดู​บุตร​ของ​ท่าน​เถิด!” ครั้น​แล้ว ทรง​หัน​ไป​ทาง​มาเรีย​พระองค์​ตรัส​แก่​โยฮัน​ว่า “จง​ดู​มารดา​ของ​ท่าน​เถิด!”

      โดย​วิธี​นี้​พระ​เยซู​ทรง​มอบ​การ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​มารดา​ของ​พระองค์ ผู้​ซึ่ง​ตอน​นี้​ดู​เหมือน​ว่า​เป็น​แม่​ม่าย​นั้น​ให้​กับ​อัครสาวก​ที่​พระองค์​ทรง​รัก​เป็น​พิเศษ. พระองค์​ทรง​ทำ​เช่น​นี้​ก็​เพราะ​ลูก​ชาย​คน​อื่น ๆ ของ​มาเรีย​ยัง​ไม่​ได้​สำแดง​ความ​เชื่อ​ใน​พระองค์. ด้วย​เหตุ​นี้ พระองค์​ทรง​วาง​ตัว​อย่าง​อัน​ดี​งาม​ไว้​ใน​เรื่อง​การ​จัด​เตรียม​การ​ไว้​ไม่​เฉพาะ​แต่​ความ​จำเป็น​ทาง​ด้าน​ร่าง​กาย​สำหรับ​มารดา​ของ​พระองค์​เท่า​นั้น หาก​แต่​ความ​จำเป็น​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เธอ​ด้วย.

      เวลา​ราว ๆ บ่าย​สาม​โมง พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “เรา​กระหาย​น้ำ.” พระ​เยซู​รู้สึก​ว่า​พระ​บิดา​ของ​พระองค์​ดู​คล้าย​กับ​ว่า​ได้​เพิกถอน​การ​คุ้มครอง​ไป​จาก​พระองค์​เพื่อ​ว่า​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ของ​พระองค์​จะ​ถูก​ทดลอง​จน​ถึง​ขีด​สุด. ดัง​นั้น พระองค์​ทรง​ร้อง​เสียง​ดัง​ว่า “พระเจ้า​ของ​ข้าพเจ้า พระเจ้า​ของ​ข้าพเจ้า เหตุ​ไฉน​พระองค์​ทรง​ทอดทิ้ง​ข้าพเจ้า​เสีย?” เมื่อ​ได้​ยิน​เช่น​นี้ บาง​คน​ซึ่ง​ยืน​อยู่​ใกล้ ๆ ได้​อุทาน​ว่า “นั่น​แน่ะ! เขา​เรียก​เอลียา.” ทันใด​นั้น คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เขา​วิ่ง​ไป​เอา​ฟองน้ำ​ชุบ​น้ำ​องุ่น​เปรี้ยว​เสียบ​ปลาย​ไม้​อ้อ​ส่ง​ให้​พระองค์​เสวย. แต่​คน​อื่น​พูด​ว่า “ให้​เรา​คอย​ดู เอลียา​จะ​มา​ปลด​เขา​ลง​หรือ​ไม่.”

      เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​รับ​เอา​น้ำ​องุ่น​เปรี้ยว​แล้ว พระองค์​ทรง​ร้อง​ว่า “สำเร็จ​แล้ว!” ถูก​แล้ว ทุก​สิ่ง​ที่​พระ​บิดา​ส่ง​พระองค์​มา​ยัง​แผ่นดิน​โลก​ให้​กระทำ​นั้น​พระองค์​ได้​ทรง​ทำ​สำเร็จ​แล้ว. ใน​ที่​สุด พระองค์​ตรัส​ว่า “พระ​บิดา​เจ้าข้า ข้าพเจ้า​ฝาก​วิญญาณ​ของ​ข้าพเจ้า​ไว้​ใน​พระ​หัตถ์​ของ​พระองค์.” โดย​วิธี​นี้ พระ​เยซู​ทรง​มอบ​พลัง​แห่ง​ชีวิต​ของ​พระองค์​ไว้​กับ​พระเจ้า​ด้วย​ความ​เชื่อ​มั่น​ว่า​พระเจ้า​จะ​ทรง​นำ​พลัง​นั้น​กลับ​คืน​สู่​พระองค์​อีก. ครั้น​แล้ว​พระองค์​ก้ม​พระ​เศียร แล้ว​สิ้น​พระ​ชนม์.

      ชั่ว​ขณะ​ที่​พระ​เยซู​สูด​ลม​หายใจ​เฮือก​สุด​ท้าย​นั้น ได้​เกิด​แผ่นดิน​ไหว​ขึ้น​อย่าง​รุนแรง ศิลา​ก็​แตก​ออก​จาก​กัน. ความ​สั่น​สะเทือน​แรง​จน​กระทั่ง​อุโมงค์​รำลึก​ภาย​นอก​กรุง​ยะรูซาเลม​แตก​ออก และ​ศพ​ทั้ง​หลาย​กระเด็น​ออก​มา​จาก​อุโมงค์​เหล่า​นั้น. ผู้​สัญจร​ซึ่ง​เห็น​ศพ​โผล่​ออก​มา​นั้น ได้​เข้า​ไป​ใน​เมือง​แล้ว​รายงาน​เรื่อง​นั้น.

      นอก​จาก​นั้น ใน​ขณะ​ที่​พระ​เยซู​สิ้น​พระ​ชนม์​นั้น ผ้า​ม่าน​ผืน​ใหญ่​ที่​แยก​ห้อง​บริสุทธิ์​จาก​ห้อง​บริสุทธิ์​ที่​สุด​ใน​พระ​วิหาร​ของ​พระเจ้า​ได้​ขาด​ออก​เป็น​สอง​ท่อน​ตั้ง​แต่​บน​ตลอด​ล่าง. ดู​เหมือน​ว่า​ผ้า​ม่าน​ที่​ประดับ​ตก​แต่ง​อย่าง​สวย​งาม​นี้​มี​ความ​สูง​ราว ๆ 18 เมตร และ​หนัก​มาก. การ​อัศจรรย์​ที่​น่า​ตกตะลึง​นั้น ไม่​เพียง​แต่​สำแดง​พระ​พิโรธ​ของ​พระเจ้า​ต่อ​เหล่า​ผู้​สังหาร​พระ​บุตร​ของ​พระองค์​เท่า​นั้น หาก​แต่​แสดง​ว่า​ทาง​เข้า​สู่​ห้อง​บริสุทธิ์​ที่​สุด คือ​สวรรค์​นั้น​เอง บัด​นี้​ทรง​ทำ​ให้​เป็น​ไป​ได้​โดย​ความ​ตาย​ของ​พระ​เยซู.

      เมื่อ​ประชาชน​รู้สึก​ถึง​แผ่นดิน​ไหว แล้ว​เห็น​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​เกิด​ขึ้น​นั้น พวก​เขา​พา​กัน​กลัว​ยิ่ง​นัก. นาย​ร้อย​ที่​ดู​แล​ใน​การ​ประหาร​ชีวิต​นั้น​ถวาย​พระ​เกียรติ​แด่​พระเจ้า. เขา​แถลง​ว่า “แท้​จริง ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​พระ​ราชบุตร​ของ​พระเจ้า.” ดู​เหมือน​เขา​อยู่​ด้วย​คราว​เมื่อ​มี​การ​ถก​กัน​เรื่อง​การ​อ้าง​ตำแหน่ง​บุตร​ของ​พระเจ้า ณ การ​พิจารณา​คดี​ต่อ​หน้า​ปีลาต. และ​บัด​นี้​เขา​มั่น​ใจ​แล้ว​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระเจ้า ถูก​แล้ว มั่น​ใจ​ว่า​พระองค์​ทรง​เป็น​บุรุษ​ใหญ่​ยิ่ง​เท่า​ที่​โลก​เคย​เห็น.

      คน​อื่น ๆ สะดุ้ง​ตกใจ​เนื่อง​จาก​เหตุ​การณ์​อัศจรรย์​เหล่า​นี้​ด้วย และ​พวก​เขา​เริ่ม​กลับ​ไป​บ้าน​ตี​อก​ตัว​เอง​อัน​เป็น​ลักษณะ​แสดง​ความ​ทุกข์​ระทม​และ​อับอาย​เป็น​ที่​สุด. ที่​เฝ้า​ดู​ภาพ​นั้น​อยู่​ห่าง ๆ ก็​คือ​สาวก​หญิง​หลาย​คน​ของ​พระ​เยซู​ผู้​ซึ่ง​รู้สึก​สะเทือน​ใจ​อย่าง​สุด​ซึ้ง​เนื่อง​จาก​เหตุ​การณ์​สำคัญ​เหล่า​นี้. อัครสาวก​โยฮัน​ก็​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย. มัดธาย 27:45-56; มาระโก 15:33-41; ลูกา 23:44-49; 2:34, 35; โยฮัน 19:25-30.

      ▪ ทำไม​เป็น​ไป​ไม่​ได้​ที่​สุริยคราส​เป็น​สาเหตุ​ของ​ความ​มืด​เป็น​เวลา​สาม​ชั่วโมง​นั้น?

      ▪ ก่อน​ความ​ตาย​ของ​พระองค์​ไม่​นาน พระ​เยซู​ทรง​จัด​เตรียม​ตัว​อย่าง​ที่​ดี​อะไร​ไว้​สำหรับ​คน​ที่​มี​บิดา​มารดา​ผู้​สูง​อายุ?

      ▪ ถ้อย​แถลง​สุด​ท้าย​ของ​พระ​เยซู​สี่​ประการ​ก่อน​พระองค์​สิ้น​พระ​ชนม์​นั้น​คือ​อะไร​บ้าง?

      ▪ แผ่นดิน​ไหว​ก่อ​ผล​อะไร​บ้าง และ​ความหมาย​ของ​การ​ที่​ผ้า​ม่าน​ใน​พระ​วิหาร​ขาด​เป็น​สอง​ท่อน​นั้น​คือ​อย่าง​ไร?

      ▪ นาย​ร้อย​ที่​ดู​แล​ใน​การ​ประหาร​ชีวิต​นั้น​ได้​รับ​ผล​กระทบ​อย่าง​ไร​จาก​การ​อัศจรรย์​นั้น?

  • ถูกฝังวันศุกร์—อุโมงค์ว่างเปล่าในวันอาทิตย์
    บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น
    • บท 127

      ถูก​ฝัง​วัน​ศุกร์—อุโมงค์​ว่าง​เปล่า​ใน​วัน​อาทิตย์

      บัด​นี้​เป็น​ตอน​เย็น​วัน​ศุกร์ และ​วัน​ซะบาโต​วัน​ที่ 15 เดือน​ไนซาน​จะ​เริ่ม​ต้น​ตอน​ดวง​อาทิตย์​ตก. พระ​ศพ​ของ​พระ​เยซู​แขวน​อย่าง​ปวกเปียก​อยู่​บน​หลัก แต่​ผู้​ร้าย​สอง​คน​ที่​อยู่​เคียง​ข้าง​พระองค์​นั้น​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่. บ่าย​วัน​ศุกร์​เรียก​ว่า​วัน​ตระเตรียม เพราะ​นี้​เป็น​คราว​เมื่อ​ประชาชน​เตรียม​อาหาร​และ​ทำ​งาน​ที่​เร่ง​ด่วน​อื่น​ใด​ให้​เสร็จ​ซึ่ง​จะ​รอ​จน​กระทั่ง​หลัง​จาก​วัน​ซะบาโต​ไม่​ได้.

      วัน​ซะบาโต​ที่​จวน​จะ​เริ่ม​ใน​ไม่​ช้า​ไม่​เพียง​แต่​เป็น​ซะบาโต​ปกติ (วัน​ที่​เจ็ด​ของ​สัปดาห์) เท่า​นั้น หาก​แต่​เป็น​วัน​ซะบาโต​สอง​ต่อ หรือ “สำคัญ.” ที่​เรียก​อย่าง​นี้​ก็​เพราะ​วัน​ที่ 15 เดือน​ไนซาน ซึ่ง​เป็น​วัน​แรก​ของ​เทศกาล​ขนมปัง​ไม่​มี​เชื้อ​เจ็ด​วัน (และ​เป็น​วัน​ซะบาโต​เสมอ​ไป ไม่​ว่า​เป็น​วัน​ใด​ของ​สัปดาห์​ก็​ตาม) ตก​ใน​วัน​เดียว​กัน​กับ​วัน​ซะบาโต​ปกติ.

      ตาม​พระ​บัญญัติ​ของ​พระเจ้า ศพ​จะ​ไม่​ถูก​แขวน​ทิ้ง​ไว้​บน​หลัก​ค้าง​คืน. ดัง​นั้น พวก​ยิว​ขอ​ปีลาต​เร่ง​ความ​ตาย​ของ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ถูก​ประหาร​ให้​เร็ว​ขึ้น​โดย​การ​ทุบ​กระดูก​ขา​ของ​พวก​เขา. เพราะ​ฉะนั้น พวก​ทหาร​จึง​ทุบ​กระดูก​ขา​ของ​ผู้​ร้าย​สอง​คน. แต่​เนื่อง​จาก​พระ​เยซู​ดู​เหมือน​สิ้น​พระ​ชนม์​แล้ว เขา​จึง​ไม่​ได้​ทุบ​กระดูก​ขา​พระองค์. ทั้ง​นี้​สม​จริง​ตาม​ข้อ​คัมภีร์​ที่​ว่า “พระ​อัฐิ​ของ​พระองค์​สัก​อัน​หนึ่ง​เขา​จะ​ไม่​ทำ​ให้​หัก​เลย.

      อย่าง​ไร​ก็​ตาม เพื่อ​ขจัด​ข้อ​สงสัย​ใด ๆ ที่​ว่า​พระ​เยซู​สิ้น​พระ​ชนม์​จริง ๆ หรือ​ไม่ ทหาร​คน​หนึ่ง​ได้​เอา​หอก​แทง​สีข้าง​ของ​พระองค์. หอก​แทง​ทะลุ​บริเวณ​หัวใจ​และ​โลหิต​กับ​น้ำ​ไหล​ออก​มา​ทันที. อัครสาวก​โยฮัน​ผู้​ซึ่ง​เป็น​ประจักษ์​พยาน รายงาน​ว่า​นี้​ทำ​ให้​ข้อ​คัมภีร์​อีก​ข้อ​หนึ่ง​สม​จริง​ที่​ว่า “เขา​จะ​มอง​ดู​พระองค์​ที่​เขา​ได้​แทง.”

      ผู้​ที่​อยู่ ณ การ​ประหาร​ชีวิต​ด้วย​คือ โยเซฟ​จาก​บ้าน​อะริมาธาย สมาชิก​ผู้​มี​ชื่อเสียง​ดี​คน​หนึ่ง​ของ​ศาล​ซันเฮดริน. เขา​ไม่​ยอม​ออก​เสียง​สนับสนุน​การ​กระทำ​แบบ​ไม่​ยุติธรรม​ของ​ศาล​สูง​ต่อ​พระ​เยซู. ที่​แท้ โยเซฟ​เป็น​สาวก​ของ​พระ​เยซู ถึง​แม้​ไม่​กล้า​แสดง​ตัว​อย่าง​เปิด​เผย​ก็​ตาม. แต่​ตอน​นี้ เขา​แสดง​ความ​กล้า​หาญ​และ​ไป​หา​ปีลาต​เพื่อ​ขอ​พระ​ศพ​ของ​พระ​เยซู. ปีลาต​เรียก​ตัว​นาย​ทหาร​ที่​รับผิดชอบ​มา และ​หลัง​จาก​นาย​ทหาร​ยืน​ยัน​ว่า​พระ​เยซู​สิ้น​พระ​ชนม์​แล้ว ปีลาต​จึง​มอบ​พระ​ศพ​ให้.

      โยเซฟ​เอา​พระ​ศพ​ไป​และ​พัน​หุ้ม​ด้วย​ผ้า​ป่าน​ที่​สะอาด ประณีต​เพื่อ​เตรียม​สำหรับ​การ​ฝัง. เขา​ได้​รับ​การ​ช่วยเหลือ​จาก​นิโกเดโม สมาชิก​อีก​คน​หนึ่ง​ของ​ศาล​ซันเฮดริน. นิโกเดโม​เคย​พลาด​ไป​ไม่​ยอม​รับ​ความ​เชื่อ​ของ​เขา​ใน​พระ​เยซู​เนื่อง​จาก​กลัว​จะ​สูญ​เสีย​ตำแหน่ง​ของ​เขา. แต่​ตอน​นี้​เขา​นำ​เอา​ผ้า​ป่าน​ที่​มี​เครื่อง​หอม​บรรจุ​อยู่​คือ​มดยอบ​กับ​อาโลเอ​ที่​ราคา​แพง หนัก​ประมาณ​หนึ่ง​ร้อย​ปอนด์​โรมัน (33 กิโลกรัม) มา. พระ​ศพ​ของ​พระ​เยซู​ถูก​ผ้า​ที่​มี​เครื่อง​หอม​เหล่า​นี้​พัน​ไว้ พวก​ยิว​มี​ธรรมเนียม​ใน​การ​เตรียม​ศพ​สำหรับ​การ​ฝัง​แบบ​นี้​แหละ.

      ครั้น​แล้ว​ก็​มี​การ​จัด​วาง​พระ​ศพ​นั้น​ใน​อุโมงค์​รำลึก​ใหม่​ของ​โยเซฟ ซึ่ง​เจาะ​ไว้​ใน​ศิลา​ที่​อยู่​ใน​สวน​ใกล้​เคียง. ใน​ที่​สุด มี​การ​กลิ้ง​หิน​ก้อน​ใหญ่​มา​ไว้​ข้าง​หน้า​อุโมงค์. เพื่อ​ทำ​ให้​การ​ฝัง​ศพ​เสร็จ​ก่อน​วัน​ซะบาโต การ​เตรียม​พระ​ศพ​จึง​เป็น​อย่าง​เร่ง​ด่วน. เพราะ​ฉะนั้น มาเรีย มัฆดาลา​และ​มาเรีย​มารดา​ของ​ยาโกโบ​น้อย ผู้​ซึ่ง​อาจ​ช่วย​ใน​การ​ตระเตรียม จึง​รีบ​กลับ​บ้าน​เพื่อ​เตรียม​เครื่อง​หอม​และ​น้ำมัน​หอม​อีก. หลัง​จาก​วัน​ซะบาโต​พวก​เขา​ตั้งใจ​จะ​ชะ​โลม​พระ​ศพ​ของ​พระ​เยซู​อีก​ต่อ​ไป​เพื่อ​ที่​จะ​รักษา​พระ​ศพ​นั้น​เป็น​ระยะ​เวลา​ที่​นาน​ขึ้น.

หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
ออกจากระบบ
เข้าสู่ระบบ
  • ไทย
  • แชร์
  • การตั้งค่า
  • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
  • เงื่อนไขการใช้งาน
  • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
  • JW.ORG
  • เข้าสู่ระบบ
แชร์