ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ดน บท 9 น. 128-163
  • ใครจะครองโลก?

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ใครจะครองโลก?
  • จงเอาใจใส่คำพยากรณ์ของดานิเอล
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • สัตว์​สี่​ตัว​ขึ้น​มา​จาก​ทะเล
  • ดุ​ร้าย​ราว​กับ​สิงโต รวด​เร็ว​ราว​กับ​นก​อินทรี
  • ตะกละ​ราว​กับ​หมี
  • ว่องไว​ราว​กับ​เสือ​ดาว!
  • สัตว์​ที่​น่า​กลัว​ที่​แตกต่าง​ออก​ไป
  • เขา​อัน​เล็ก​ได้​รับ​อำนาจ​ปกครอง
  • เขา​อัน​เล็ก​ต่อ​ต้าน​พระเจ้า​และ​เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระองค์
  • ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​แต่​เบื้อง​บรรพ์​ทรง​ออก​พิพากษา
  • การ​ปกครอง​ถาวร​มา​ใกล้​แล้ว!
  • ใครจะยืนขึ้นต่อต้านเจ้าแห่งเจ้าได้?
    จงเอาใจใส่คำพยากรณ์ของดานิเอล
  • จงเอาใจใส่คำกล่าวเชิงพยากรณ์ของพระเจ้าสำหรับสมัยของเรา
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2000
  • การปรากฏและการล้มของรูปปั้นมหึมา
    จงเอาใจใส่คำพยากรณ์ของดานิเอล
  • หนังสือที่คุณเชื่อถือได้ ตอน 5
    ตื่นเถิด! 2011
ดูเพิ่มเติม
จงเอาใจใส่คำพยากรณ์ของดานิเอล
ดน บท 9 น. 128-163

บท​เก้า

ใคร​จะ​ครอง​โลก?

1-3. จง​พรรณนา​ความ​ฝัน​และ​นิมิต​ที่​ดานิเอล​ได้​รับ​ใน​ปี​ที่​หนึ่ง​แห่ง​การ​ครอง​ราชย์​ของ​เบละซาซัร.

ตอน​นี้​คำ​พยากรณ์​ที่​ตรึง​ใจ​ของ​ดานิเอล​พา​เรา​กลับ​ไป​ยัง​ปี​ที่​หนึ่ง​แห่ง​การ​ครอง​ราชย์​ของ​กษัตริย์​เบละซาซัร​แห่ง​บาบูโลน. ดานิเอล​ถูก​เนรเทศ​ไป​อยู่​บาบูโลน​นาน​แล้ว แต่​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ของ​ท่าน​ที่​มี​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​ไม่​เคย​คลอนแคลน. ขณะ​นั้น​ผู้​พยากรณ์​ผู้​ซื่อ​สัตย์​มี​อายุ​กว่า 70 ปี​แล้ว ท่าน​ได้​เห็น “ความ​ฝัน​และ​นิมิต​ผุด​ขึ้น​ใน​ศีรษะ​ของ​ท่าน​เมื่อ​ท่าน​นอน​อยู่​ใน​ที่​นอน.” และ​นิมิต​เหล่า​นั้น​ทำ​ให้​ท่าน​ตกใจ​กลัว​จริง ๆ!—ดานิเอล 7:1, 15, ฉบับ​แปล​ใหม่.

2 ดานิเอล​กล่าว​ว่า “ใน​เวลา​กลางคืน​ข้าพเจ้า​ได้​ฝัน​เห็น​จัตุวาต​ของ​ท้องฟ้า​ทั้ง​สี่​ทิศ [“ลม​ทั้ง​สี่​แห่ง​ฟ้า​สวรรค์,” ล.ม.] พัด​ปลุกปั่น​มหาสมุทร. แล้ว​สัตว์​ใหญ่​สี่​ตัว​ได้​โผล่​ขึ้น​มา​จาก​ทะเล, รูป​ร่าง​ต่าง​ตัว​ต่าง​ก็​ไป​กัน​คน​ละ​อย่าง.” ช่าง​เป็น​สัตว์​ที่​แปลก​ประหลาด​เสีย​จริง! ตัว​แรก​เป็น​สิงโต​มี​ปีก, และ​ตัว​ที่​สอง​เป็น​เหมือน​หมี. แล้ว​เสือ​ดาว​ที่​มี​สี่​ปีก​และ​สี่​หัว​ก็​โผล่​ออก​มา! สัตว์​ตัว​ที่​สี่​ซึ่ง​แข็งแรง​ผิด​ธรรมดา​มี​ฟัน​เหล็ก​ซี่​ใหญ่​และ​มี​เขา​สิบ​เขา. ใน​ระหว่าง​เขา​สิบ​เขา​นั้น​มี “เขา​อัน​เล็ก” งอก​ขึ้น​ซึ่ง​มี “ตา​เหมือน​ตา​มนุษย์, และ​มี​ปาก​พูด​คุย​โต.”—ดานิเอล 7:2-8.

3 ต่อ​จาก​นั้น​นิมิต​ของ​ดานิเอล​กลับ​ไป​เป็น​เรื่อง​ราว​ใน​สวรรค์. ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​แต่​เบื้อง​บรรพ์​ประทับ​อย่าง​มี​สง่า​ราศี​ฐานะ​เป็น​ผู้​พิพากษา​ใน​ศาล​ฝ่าย​สวรรค์. “มี​คน​นับ​แสน​นับ​ล้าน​ปฏิบัติ​ท่าน; มี​คน​นับ​ล้าน​นับ​โกฏิ​ยืน​เฝ้า​ต่อ​หน้า​พระ​ที่​นั่ง.” พระองค์​ทรง​พิพากษา​ลง​โทษ​สัตว์​ทั้ง​สี่​ตัว โดย​ยึด​อำนาจ​การ​ปกครอง​ไป​จาก​มัน​และ​ทำลาย​สัตว์​ตัว​ที่​สี่​เสีย. อำนาจ​การ​ปกครอง​อัน​ถาวร​เหนือ “ทุก​ประเทศ​ทุก​ชาติ​ทุก​ภาษา” ตก​เป็น​ของ “ผู้​หนึ่ง​รูป​ร่าง​ดัง​บุตร​ของ​มนุษย์.”—ดานิเอล 7:9-14.

4. (ก) ดานิเอล​ขอ​คำ​อธิบาย​อัน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เรื่อง​นี้​จาก​ใคร? (ข) ทำไม​สิ่ง​ที่​ดานิเอล​เห็น​และ​ได้​ยิน​ใน​คืน​นั้น​จึง​สำคัญ​ต่อ​เรา?

4 ดานิเอล​กล่าว​ว่า “ฝ่าย​ข้าพเจ้า, ดานิเอล, จิตต์​ใจ​ของ​ข้าพเจ้า​ก็​หม่น​หมอง, เพราะ​ความ​ฝัน​ได้​กวน​ใจ​ข้าพเจ้า.” ท่าน​จึง​ขอ​ให้​ทูต​สวรรค์​องค์​หนึ่ง “อธิบาย​ข้อ​ความ​อัน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เรื่อง​นี้.” แท้​จริง​แล้ว​ทูต​สวรรค์​องค์​นั้น​บอก​ดานิเอล​ให้​รู้ “ความหมาย​ของ​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ทั้ง​หมด.” (ดานิเอล 7:15-28) สิ่ง​ที่​ดานิเอล​เห็น​และ​ได้​ยิน​ใน​คืน​นั้น​เป็น​เรื่อง​ที่​น่า​สนใจ​มาก​สำหรับ​เรา เพราะ​นั่น​เป็น​การ​วาง​เค้าโครง​เหตุ​การณ์​โลก​ใน​อนาคต​ที่​ทอด​ยาว​มา​จน​ถึง​สมัย​ของ​เรา เมื่อ “ผู้​หนึ่ง​รูป​ร่าง​ดัง​บุตร​ของ​มนุษย์” ได้​รับ​อำนาจ​การ​ปกครอง​เหนือ “ทุก​ประเทศ​ทุก​ชาติ​ทุก​ภาษา.” ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​คำ​และ​พระ​วิญญาณ​ของ​พระเจ้า พวก​เรา​เช่น​กัน​สามารถ​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​นิมิต​เชิง​พยากรณ์​เหล่า​นี้​ได้.a

สัตว์​สี่​ตัว​ขึ้น​มา​จาก​ทะเล

5. ทะเล​ที่​ปั่นป่วน​เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​อะไร?

5 ดานิเอล​กล่าว​ว่า “สัตว์​ใหญ่​สี่​ตัว​ได้​โผล่​ขึ้น​มา​จาก​ทะเล.” (ดานิเอล 7:3) ทะเล​ที่​ปั่นป่วน​เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​อะไร? หลาย​ปี​ต่อ​มา อัครสาวก​โยฮัน​ได้​เห็น​สัตว์​ร้าย​เจ็ด​หัว​ขึ้น​มา​จาก “ทะเล.” ทะเล​นั้น​หมาย​ถึง “ประชาชน, และ​ประเทศ, และ​ภาษา​ต่าง ๆ” ซึ่ง​ก็​คือ​มนุษยชาติ​ส่วน​ใหญ่​ที่​เหินห่าง​จาก​พระเจ้า. ดัง​นั้น ทะเล​นี้​จึง​เป็น​สัญลักษณ์​อัน​เหมาะเจาะ​ของ​มวล​หมู่​มนุษยชาติ​ที่​เหินห่าง​จาก​พระเจ้า.—วิวรณ์ 13:1, 2; 17:15; ยะซายา 57:20.

6. สัตว์​สี่​ตัว​เป็น​ภาพ​เล็ง​ถึง​อะไร?

6 ทูต​สวรรค์​ของ​พระเจ้า​กล่าว​ว่า “สัตว์​ใหญ่​สี่​ตัว​นี้​ได้​แก่​กษัตริย์​สี่​องค์​ที่​จะ​เกิด​มี​ขึ้น​ใน​แผ่นดิน​โลก​นี้.” (ดานิเอล 7:17) เห็น​ได้​ชัด​ว่า ทูต​สวรรค์​ได้​ระบุ​สัตว์​สี่​ตัว​ที่​ดานิเอล​เห็น​ว่า​เป็น “กษัตริย์​สี่​องค์.” ดัง​นั้น สัตว์​เหล่า​นี้​จึง​หมาย​ถึง​มหาอำนาจ​โลก. แต่​มหาอำนาจ​ไหน​ล่ะ?

7. (ก) ผู้​ให้​อรรถาธิบาย​คัมภีร์​ไบเบิล​บาง​คน​กล่าว​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​นิมิต​ที่​ดานิเอล​ฝัน​เห็น​เรื่อง​สัตว์​สี่​ตัว​และ​ความ​ฝัน​ของ​กษัตริย์​นะบูคัดเนซัร​เรื่อง​รูป​ปั้น​มหึมา? (ข) ส่วน​ที่​เป็น​โลหะ​สี่​ส่วน​ของ​รูป​ปั้น​นั้น แต่​ละ​ส่วน​เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​อะไร?

7 ผู้​ให้​อรรถาธิบาย​คัมภีร์​ไบเบิล​มัก​จะ​เชื่อม​นิมิต​ที่​ดานิเอล​ฝัน​เห็น​เกี่ยว​กับ​สัตว์​สี่​ตัว​เข้า​กับ​ความ​ฝัน​ของ​นะบูคัดเนซัร​เรื่อง​รูป​ปั้น​มหึมา. ยก​ตัว​อย่าง หนังสือ​คำ​อธิบาย​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​ผู้​ให้​อรรถาธิบาย (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ดัง​นี้: “[ดานิเอล] บท 7 คล้ายคลึง​กับ​บท 2.” หนังสือ​คำ​อธิบาย​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​วิคลิฟฟ์ (ภาษา​อังกฤษ) กล่าว​ว่า “เป็น​เรื่อง​ที่​เห็น​พ้อง​กัน​ทั่ว​ไป​ว่า การ​สืบ​ต่อ​ของ​สี่​อำนาจ​การ​ปกครอง​ของ​ชน​ต่าง​ชาติ . . . ใน​ที่​นี่ [ที่​ดานิเอล​บท 7] เหมือน​กัน​กับ​ที่​มี​พิจารณา​ใน [ดานิเอล] บท 2.” สี่​มหาอำนาจ​โลก​ที่​มี​สัญลักษณ์​เป็น​โลหะ​สี่​ชนิด​ใน​ความ​ฝัน​ของ​นะบูคัดเนซัร​คือ​จักรวรรดิ​บาบูโลน (ศีรษะ​ที่​เป็น​ทองคำ), มิโด-เปอร์เซีย (อก​และ​แขน​ที่​เป็น​เงิน), กรีซ (ท้อง​และ​โคน​ขา​ที่​เป็น​ทองแดง), และ​จักรวรรดิ​โรมัน (ขา​ที่​เป็น​เหล็ก).b (ดานิเอล 2:32, 33) ให้​เรา​มา​ดู​กัน​ว่า อาณาจักร​เหล่า​นี้​ตรง​กัน​กับ​สัตว์​ใหญ่​สี่​ตัว​ที่​ดานิเอล​เห็น​อย่าง​ไร.

ดุ​ร้าย​ราว​กับ​สิงโต รวด​เร็ว​ราว​กับ​นก​อินทรี

8. (ก) ดานิเอล​พรรณนา​สัตว์​ตัว​แรก​อย่าง​ไร? (ข) สัตว์​ตัว​แรก​เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​จักรวรรดิ​ใด และ​จักรวรรดิ​นี้​ทำ​ตัว​เหมือน​สิงโต​อย่าง​ไร?

8 ดานิเอล​เห็น​สัตว์​ที่​น่า​พิศวง​เสีย​จริง ๆ! ดานิเอล​พรรณนา​สัตว์​ตัว​หนึ่ง​ว่า “สัตว์​ตัว​ที่​หนึ่ง​เหมือน​สิงห์, [“สิงโต,” ล.ม.] มี​ปีก​เป็น​ปีก​นก​อินทรี, ข้าพเจ้า​ได้​มอง​ดู​จน​ขน​ปีก​ถูก​ถอน​ออก​หมด, แล้ว​มัน​ถูก​ยก​ให้​ผงก​ขึ้น​จาก​พื้น​ดิน, และ​ถูก​บังคับ​ให้​ยืน​สอง​ตีน​อย่าง​คน; และ​จิตต์​ของ​มนุษย์​ถูก​สวม​ใส่​ลง​ไป​ใน​ตัว​มัน.” (ดานิเอล 7:4) สัตว์​ตัว​นี้​เป็น​ภาพ​เล็ง​ถึง​อำนาจ​ปกครอง​เดียว​กัน​กับ​อำนาจ​ปกครอง​ที่​มี​สัญลักษณ์​เป็น​ศีรษะ​ทองคำ​ของ​รูป​ปั้น​มหึมา คือ​มหาอำนาจ​บาบูโลน (ปี 607-539 ก.ส.ศ.). เช่น​เดียว​กับ “สิงโต” ที่​ล่า​เหยื่อ​เป็น​อาหาร บาบูโลน​ขย้ำ​กลืน​ชาติ​ต่าง ๆ อย่าง​ตะกละ​ตะกลาม รวม​ทั้ง​ไพร่พล​ของ​พระเจ้า​ด้วย. (ยิระมะยา 4:5-7; 50:17) ประหนึ่ง​ติด​ปีก​นก​อินทรี “สิงโต” ตัว​นี้​พุ่ง​ทะยาน​อย่าง​รวด​เร็ว รุกราน​เอา​ชัย​ชาติ​ต่าง ๆ.—บทเพลง​ร้อง​ทุกข์ 4:19; ฮะบาฆูค 1:6-8.

9. สัตว์​ที่​เหมือน​สิงโต​เผชิญ​การ​เปลี่ยน​แปลง​อะไร และ​สิ่ง​เหล่า​นี้​ส่ง​ผล​กระทบ​ต่อ​สัตว์​ตัว​นั้น​อย่าง​ไร?

9 ต่อ​มา สิงโต​ติด​ปีก​ที่​แปลก​ประหลาด​ตัว​นี้​ก็ ‘ถูก​ถอน​ขน​ปีก.’ ช่วง​ที่​การ​ครอง​ราชย์​ของ​กษัตริย์​เบละซาซัร​ใกล้​จะ​ถึง​จุด​จบ บาบูโลน​สูญ​เสีย​ความ​รวด​เร็ว​ใน​การ​พิชิต​และ​สูญ​เสีย​อำนาจ​ดุจ​สิงโต​ที่​เคย​มี​เหนือ​ชาติ​ต่าง ๆ. มัน​ไม่​เร็ว​ไป​กว่า​มนุษย์​ที่​เดิน​สอง​ขา. เมื่อ​ใส่ “จิตต์​ของ​มนุษย์” ลง​ไป​ใน​ตัว​มัน มัน​ก็​อ่อนแอ. โดย​ที่​ไม่​มี “ใจ​ดุจ​สิงโต” บาบูโลน​ไม่​สามารถ​ทำ​ตัว​เสมือน​กษัตริย์ “ท่ามกลาง​หมู่​สัตว์​ใน​ป่า.” (เทียบ​กับ 2 ซามูเอล 17:10; มีคา 5:8.) สัตว์​ใหญ่​อีก​ตัว​หนึ่ง​ได้​โค่น​ล้ม​มัน.

ตะกละ​ราว​กับ​หมี

10. “หมี” เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​เชื้อ​สาย​แห่ง​ผู้​ครอบครอง​เชื้อ​สาย​ใด?

10 ดานิเอล​บอก​ว่า “ดู​เถิด มี​สัตว์​อีก​ตัว​หนึ่ง​เป็น​ตัว​ที่​สอง​เหมือน​หมี มัน​ขยับ​ตัว​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น มี​กระดูก​ซี่​โครง​สาม​ซี่​อยู่​ใน​ปาก​ของ​มัน​ระหว่าง​ซี่​ฟัน มี​เสียง​บอก​มัน​ว่า ‘จง​ลุก​ขึ้น​กิน​เนื้อ​ให้​มาก ๆ.’” (ดานิเอล 7:5, ฉบับ​แปล​ใหม่) กษัตริย์​ที่​มี​สัญลักษณ์​เป็น “หมี” เหมือน​กัน​ที​เดียว​กับ​กษัตริย์​ที่​มี​สัญลักษณ์​เป็น​อก​และ​แขน​ที่​เป็น​เงิน​ของ​รูป​ปั้น​ใหญ่ นั่น​ก็​คือ​เชื้อ​สาย​ของ​ผู้​ครอบครอง​แห่ง​มิโด-เปอร์เซีย (ปี 539-331 ก.ส.ศ.) ซึ่ง​เริ่ม​ตั้ง​แต่​ดาระยาศ​ชาว​มีเดีย​และ​ไซรัส​มหาราช​และ​สิ้น​สุด​ที่​ดาระยาศ​ที่ 3.

11. การ​ที่​หมี​โดย​นัย​ขยับ​ตัว​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​และ​มี​ซี่​โครง​สาม​ซี่​อยู่​ใน​ปาก​ของ​มัน​หมาย​ถึง​อะไร?

11 หมี​โดย​นัย “ขยับ​ตัว​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น” บาง​ที​เพื่อ​เตรียม​พร้อม​จะ​โจมตี​และ​ปราบ​ชาติ​ต่าง ๆ และ​โดย​วิธี​นี้​จึง​รักษา​ความ​เป็น​มหาอำนาจ​โลก​ไว้. หรือ​ไม่​ก็​อาจ​ทำ​ท่า​นี้​เพื่อ​ตั้งใจ​แสดง​ว่า​เชื้อ​สาย​ของ​ผู้​ครอบครอง​ชาว​เปอร์เซีย​จะ​ขึ้น​มา​มี​อำนาจ​เหนือ​ดาระยาศ กษัตริย์​องค์​เดียว​ที่​เป็น​ชาว​มีเดีย. ซี่​โครง​สาม​ซี่​ใน​ฟัน​ของ​หมี​ตัว​นี้​อาจ​หมาย​ถึง​สาม​ทิศ​ทาง​ที่​มัน​ได้​พิชิต. “หมี” มิโด-เปอร์เซีย​ขึ้น​ไป​ทาง​เหนือ​ยึด​กรุง​บาบูโลน​ใน​ปี 539 ก.ส.ศ. แล้ว​มัน​ก็​ไป​ทาง​ตะวัน​ตก​ผ่าน​เอเชีย​น้อย​และ​เข้า​ไป​ถึง​เทรส. ใน​ที่​สุด “หมี” ตัว​นี้​ก็​ไป​ทาง​ใต้​เพื่อ​พิชิต​อียิปต์. เนื่อง​จาก​บาง​ครั้ง​เลข​สาม​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​ความ​มุ่ง​มั่น ซี่​โครง​สาม​ซี่​อาจ​เน้น​ถึง​ความ​โลภ​ใน​ชัย​ชนะ​ของ​หมี​โดย​นัย​ตัว​นี้​ด้วย.

12. อะไร​เป็น​ผล​จาก​การ​ที่​หมี​โดย​นัย​เชื่อ​ฟัง​คำ​สั่ง​ที่​ว่า “จง​ลุก​ขึ้น​กิน​เนื้อ​ให้​มาก ๆ”?

12 “หมี” จู่​โจม​ชาติ​ต่าง ๆ สม​ตาม​ถ้อย​คำ​ที่​ว่า “จง​ลุก​ขึ้น​กิน​เนื้อ​ให้​มาก ๆ.” โดย​ขย้ำ​กลืน​บาบูโลน​ตาม​พระทัย​ประสงค์​ของ​พระเจ้า มิโด-เปอร์เซีย​จึง​อยู่​ใน​ฐานะ​ที่​จะ​ทำ​งาน​รับใช้​ที่​มี​ค่า​ต่อ​ไพร่พล​ของ​พระ​ยะโฮวา. และ​ก็​เป็น​เช่น​นั้น​จริง ๆ! (ดู “กษัตริย์​ผู้​ยอม​ทน​ให้” ใน​หน้า 149.) โดย​ทาง​ไซรัส​มหาราช, ดาระยาศ​ที่ 1 (ดาระยาศ​มหาราช), และ​อะระธาสัศธา (อาร์ทาเซอร์เซส​ที่ 1) มิโด-เปอร์เซีย​ปล่อย​เชลย​ชาว​ยิว​ของ​บาบูโลน​ให้​เป็น​อิสระ​และ​ช่วย​พวก​เขา​สร้าง​พระ​วิหาร​ของ​พระ​ยะโฮวา​ขึ้น​ใหม่​และ​ซ่อมแซม​กำแพง​กรุง​ยะรูซาเลม. ใน​ที่​สุด มิโด-เปอร์เซีย​ได้​ครอบครอง 127 เขต​การ​ปกครอง และ​อะหัศวะโรศ (เซอร์เซส​ที่ 1) พระ​สวามี​ของ​ราชินี​เอศเธระ ได้ “ครอบครอง​ตั้ง​แต่​ประเทศ​โฮดู [“อินเดีย,” ล.ม.] จน​ถึง​ประเทศ​อายธิโอบ [“เอธิโอเปีย,” ล.ม.].” (เอศเธระ 1:1) อย่าง​ไร​ก็​ตาม สัตว์​อีก​ตัว​หนึ่ง​กำลัง​จะ​โผล่​ขึ้น​มา.

ว่องไว​ราว​กับ​เสือ​ดาว!

13. (ก) สัตว์​ตัว​ที่​สาม​เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​อะไร? (ข) จะ​กล่าว​อะไร​ได้​เกี่ยว​กับ​ความ​ว่องไว​ของ​สัตว์​ตัว​ที่​สาม และ​เขต​แดน​ที่​มัน​ครอง?

13 สัตว์​ตัว​ที่​สาม “รูป​ร่าง​เหมือน​เสือ​ดาว, บน​หลัง​ของ​มัน​มี​ปีก​นก​สี่​ปีก; และ​สัตว์​นั้น​มี​สี่​หัว​ด้วย; และ​เขา​มอบ​รัช​ไว้​ให้​แก่​มัน.” (ดานิเอล 7:6) เหมือน​กับ​คู่​เทียบ​ของ​มัน—ท้อง​และ​โคน​ขา​ที่​เป็น​ทองแดง​ของ​รูป​ปั้น​มหึมา​ใน​ความ​ฝัน​ของ​นะบูคัดเนซัร—เสือ​ดาว​ที่​มี​สี่​หัว​และ​สี่​ปีก​ตัว​นี้​เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​เชื้อ​สาย​ของ​ผู้​ครอบครอง​ชาว​มาซิโดเนีย หรือ​ชาว​กรีก ซึ่ง​เริ่ม​ตั้ง​แต่​อะเล็กซานเดอร์​มหาราช. ด้วย​ความ​คล่องแคล่ว​และ​ว่องไว​เหมือน​เสือ​ดาว อะเล็กซานเดอร์​เคลื่อน​ทัพ​ผ่าน​เอเชีย​น้อย ลง​ใต้​ไป​อียิปต์ และ​ไป​ถึง​พรม​แดน​ฝั่ง​ตะวัน​ตก​ของ​อินเดีย. (เทียบ​กับ​ฮะบาฆูค 1:8.) อาณา​เขต​ของ​ท่าน​กว้าง​ใหญ่​กว่า​อาณา​เขต​ของ “หมี” เนื่อง​จาก​ครอบ​คลุม​มาซิโดเนีย, กรีซ, และ​จักรวรรดิ​เปอร์เซีย.—ดู “กษัตริย์​หนุ่ม​พิชิต​โลก” ใน​หน้า 153.

14. “เสือ​ดาว” กลาย​เป็น​สัตว์​สี่​หัว​โดย​วิธี​ใด?

14 “เสือ​ดาว” ตัว​นี้​กลาย​เป็น​สัตว์​สี่​หัว​หลัง​จาก​อะเล็กซานเดอร์​สิ้น​ชีวิต​ใน​ปี 323 ก.ส.ศ. ใน​ที่​สุด แม่ทัพ​ของ​ท่าน​สี่​คน​ได้​เป็น​ผู้​สืบ​ตำแหน่ง​ต่อ​จาก​ท่าน​ใน​อาณา​เขต​ของ​ท่าน​ที่​ถูก​แบ่ง​เป็น​สี่​ส่วน. เซเลอคุส​ยึด​เมโสโปเตเมีย​และ​ซีเรีย. ปโตเลมี​ควบคุม​อียิปต์​และ​ปาเลสไตน์. ลีซิมาคุส​ครอบครอง​เอเชีย​น้อย​และ​เทรส และ​คัสซันเดอร์​ได้​มาซิโดเนีย​และ​กรีซ. (ดู “อาณาจักร​อัน​กว้าง​ใหญ่​ถูก​แบ่ง​แยก” ใน​หน้า 162.) แล้ว​เกิด​มี​การ​คุกคาม​อย่าง​ใหม่​ขึ้น.

สัตว์​ที่​น่า​กลัว​ที่​แตกต่าง​ออก​ไป

15. (ก) จง​พรรณนา​ถึง​สัตว์​ตัว​ที่​สี่. (ข) สัตว์​ตัว​ที่​สี่​เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​อะไร และ​โดย​วิธี​ใด​ที่​มัน​กิน​และ​กัด​อะไร​ต่อ​อะไร​ที่​ขวาง​ทาง​มัน?

15 ดานิเอล​พรรณนา​สัตว์​ตัว​ที่​สี่​ว่า “น่า​กลัว​ขน​ลุก​ขนพอง, มัน​แข็งแรง​ยิ่ง​นัก.” ท่าน​กล่าว​ต่อ​ไป​ว่า มัน “มี​ฟัน​เหล็ก​ซี่​ใหญ่ ๆ, มัน​กิน​และ​กัด​อะไร​ต่อ​อะไร​ลง​เป็น​ชิ้น​เล็ก​ชิ้น​น้อย, และ​อะไร ๆ ที่​เหลือ​จาก​กัด​กิน​นั้น, มัน​ก็​เหยียบ​ลง​ยับ​อยู่​กับ​ตีน, สัตว์​ตัว​นี้​ต่าง​กัน​กับ​สัตว์​ตัว​อื่น​ทั้ง​ปวง​ที่​โผล่​ขึ้น​มา​ก่อน ๆ นั้น, และ​มี​เขา​สิบ​เขา.” (ดานิเอล 7:7) สัตว์​ที่​น่า​กลัว​นี้​เริ่ม​ต้น​ฐานะ​เป็น​อำนาจ​ทาง​การ​เมือง​และ​ทาง​ทหาร​ของ​โรม. มัน​ค่อย ๆ ยึด​ครอง​ทั้ง​สี่​ส่วน​ของ​จักรวรรดิ​กรีก และ​พอ​ถึง​ปี 30 ก.ส.ศ. โรม​ได้​ขึ้น​เป็น​มหาอำนาจ​โลก​ถัด​มา​ใน​คำ​พยากรณ์​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. โดย​ใช้​กำลัง​ทหาร​ปราบ​ทุก​สิ่ง​ที่​ขวาง​หน้า ใน​ที่​สุด จักรวรรดิ​โรมัน​ขยาย​ขึ้น​ครอบ​คลุม​เขต​แดน​ตั้ง​แต่​หมู่​เกาะ​อังกฤษ​ลง​ไป​จน​ถึง​ส่วน​ใหญ่​ของ​ยุโรป รอบ​ทะเล​เมดิเตอร์เรเนียน และ​เลย​บาบูโลน​ไป​ถึง​อ่าว​เปอร์เซีย.

16. ทูต​สวรรค์​ให้​ข้อมูล​อะไร​เกี่ยว​กับ​สัตว์​ตัว​ที่​สี่?

16 โดย​ปรารถนา​จะ​รู้​แน่​ว่า​สัตว์​ที่ “น่า​กลัว​ขน​ลุก​ขนพอง” ตัว​นี้​หมาย​ถึง​อะไร ดานิเอล​ตั้งใจ​ฟัง​ขณะ​ที่​ทูต​สวรรค์​อธิบาย​ดัง​นี้: “แต่​ฝ่าย​เขา​สัตว์​ทั้ง​สิบ​เขา​นั้น, จะ​ได้​แก่​กษัตริย์​สิบ​องค์​บังเกิด​ขึ้น​จาก​อาณาจักร​นี้, แล้ว​ภาย​หลัง​จะ​มี​กษัตริย์​อีก​องค์​หนึ่ง​บังเกิด​ขึ้น, แล้ว​จะ​แตกต่าง​กัน​กับ​องค์​ก่อน ๆ, และ​องค์​หลัง​นี้​จะ​โค่น​สาม​กษัตริย์​ลง​เสีย.” (ดานิเอล 7:19, 20, 24) “เขา​สิบ​เขา” หรือ “กษัตริย์​สิบ​องค์” นี้​หมาย​ถึง​อะไร?

17. “เขา​สิบ​เขา” ของ​สัตว์​ตัว​ที่​สี่​เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​อะไร?

17 ขณะ​ที่​โรม​มั่งคั่ง​ขึ้น​และ​เสื่อม​โทรม​ลง​เนื่อง​จาก​ชน​ชั้น​ปกครอง​ที่​ใช้​ชีวิต​อย่าง​ผิด​ศีลธรรม โรม​เสื่อม​ถอย​จาก​การ​เป็น​มหาอำนาจ​ทาง​ทหาร. ต่อ​มา ความ​ถดถอย​ของ​กำลัง​ทหาร​ของ​โรม​เห็น​ได้​อย่าง​ชัดเจน. ใน​ที่​สุด จักรวรรดิ​อัน​เกรียง​ไกร​จึง​แตก​ออก​เป็น​หลาย​อาณาจักร. เนื่อง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​มัก​ใช้​เลข​สิบ​เพื่อ​บ่ง​ถึง​ความ​ครบ​ถ้วน “เขา​สิบ​เขา” ของ​สัตว์​ตัว​ที่​สี่​จึง​เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​ทุก​อาณาจักร​ซึ่ง​เกิด​จาก​การ​ล่ม​สลาย​ของ​โรม.—เทียบ​กับ​พระ​บัญญัติ 4:13; ลูกา 15:8; 19:13, 16, 17.

18. โดย​วิธี​ใด​ที่​โรม​ทำ​การ​ครอบครอง​เหนือ​ยุโรป​ต่อ​ไป​เป็น​เวลา​หลาย​ศตวรรษ​หลัง​จาก​จักรพรรดิ​องค์​สุด​ท้าย​ถูก​ถอด​ออก​จาก​ตำแหน่ง?

18 อย่าง​ไร​ก็​ตาม มหาอำนาจ​โรมัน​ไม่​ได้​สูญ​สิ้น​ไป​ตอน​ที่​จักรพรรดิ​องค์​สุด​ท้าย​ของ​กรุง​โรม​ถูก​ถอด​จาก​ตำแหน่ง​ใน​ปี ส.ศ. 476. เป็น​เวลา​หลาย​ศตวรรษ โรม​ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​โปป​แสดง​อำนาจ​ครอบ​งำ​ทาง​การ​เมือง​และ​โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ทาง​ด้าน​ศาสนา​เหนือ​ยุโรป​ต่อ​ไป. โรม​ทำ​เช่น​นั้น​โดย​ทาง​ระบบ​ศักดินา ซึ่ง​ประชาชน​ส่วน​ใหญ่​ของ​ยุโรป​อยู่​ใต้​อำนาจ​ขุนนาง แล้ว​ก็​กษัตริย์. และ​กษัตริย์​ทุก​องค์​ยอม​รับ​อำนาจ​ของ​โปป. ด้วย​วิธี​นี้ จักรวรรดิ​โรมัน​อัน​ศักดิ์สิทธิ์​ที่​มี​โรม​ฝ่าย​โปป​เป็น​จุด​ศูนย์​รวม​จึง​ได้​ครอบ​งำ​เหตุ​การณ์​ของ​โลก​ตลอด​ช่วง​เวลา​ยาว​นาน​แห่ง​ประวัติศาสตร์​ที่​เรียก​กัน​ว่า​ยุค​มืด.

19. ตาม​ที่​นัก​ประวัติศาสตร์​คน​หนึ่ง​กล่าว โรม​เป็น​อย่าง​ไร​เมื่อ​เทียบ​กับ​จักรวรรดิ​ต่าง ๆ ก่อน​หน้า​นั้น?

19 ใคร​จะ​ปฏิเสธ​ได้​ว่า​สัตว์​ตัว​ที่​สี่​นั้น “แตกต่าง​กัน​กับ​อาณาจักร​อื่น​ทั้ง​ปวง”? (ดานิเอล 7:7, 19, 23) เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้ เอช. จี. เวลส์ นัก​ประวัติศาสตร์ ได้​เขียน​ว่า “มหาอำนาจ​โรมัน​ใหม่​นี้ . . . เป็น​สิ่ง​ที่​ต่าง​ไป​จาก​จักรวรรดิ​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​ใด ๆ ซึ่ง​ได้​ครอบครอง​โลก​ที่​เจริญ​แล้ว​จน​กระทั่ง​ถึง​ตอน​นั้น​ใน​หลาย​แง่. . . . [มหาอำนาจ​โรมัน​ใหม่] นับ​รวม​ชาว​กรีก​เกือบ​ทั้ง​หมด​ใน​โลก และ​ประชาชน​ของ​มหาอำนาจ​นี้​มี​ชาว​แฮไมต์​และ​ชาว​เซไมต์​น้อย​กว่า​ประชาชน​ของ​จักรวรรดิ​ก่อน​หน้า​นั้น​อย่าง​มาก . . . มหาอำนาจ​นี้​เป็น​รูป​แบบ​ใหม่​ใน​ประวัติศาสตร์​กระทั่ง​ถึง​ตอน​นั้น . . . จักรวรรดิ​โรมัน​เป็น​การ​เติบโต เป็น​การ​เติบโต​แบบ​ใหม่​ที่​ไม่​ได้​วาง​แผน​ล่วง​หน้า; ชาว​โรมัน​พบ​ว่า​ตน​เอง​เข้า​ไป​พัวพัน​กับ​การ​ทดลอง​ด้าน​การ​บริหาร​ที่​ใหญ่​โต​โดย​แทบ​ไม่​ทัน​รู้​ตัว.” กระนั้น สัตว์​ตัว​ที่​สี่​ยัง​จะ​ต้อง​เติบโต​ต่อ​ไป.

เขา​อัน​เล็ก​ได้​รับ​อำนาจ​ปกครอง

20. ทูต​สวรรค์​บอก​อะไร​เกี่ยว​กับ​เขา​อัน​เล็ก​ที่​งอก​ขึ้น​จาก​หัว​ของ​สัตว์​ตัว​ที่​สี่?

20 ดานิเอล​กล่าว​ว่า “ข้าพเจ้า​กำลัง​ดู​เขา​ทั้ง​สิบ​นั้น, และ​นี่​แน่ะ, ก็​มี​เขา​อัน​เล็ก​ผุด​ขึ้น​มา​หว่าง​เขา​อื่น, เลย​กะ​แซะ​สาม​เขา​ที่​ขึ้น​อยู่​ก่อน​นั้น​ให้​ถอน​หลุด​ออก​ไป​ทั้ง​ราก.” (ดานิเอล 7:8) ทูต​สวรรค์​บอก​ดานิเอล​เกี่ยว​กับ​การ​ที่​เขา​อัน​เล็ก​งอก​ขึ้น​มา​นี้​ว่า “จะ​มี​กษัตริย์​อีก​องค์​หนึ่ง​บังเกิด​ขึ้น [หลัง​จาก​กษัตริย์​สิบ​องค์], แล้ว​จะ​แตกต่าง​กัน​กับ​องค์​ก่อน ๆ, และ​องค์​หลัง​นี้​จะ​โค่น​สาม​กษัตริย์​ลง​เสีย.” (ดานิเอล 7:24) ใคร​คือ​กษัตริย์​องค์​นี้ ท่าน​ได้​ปรากฏ​ขึ้น​เมื่อ​ไร และ​กษัตริย์​สาม​องค์​ที่​ถูก​โค่น​คือ​ใคร?

21. บริเตน​กลาย​เป็น​เขา​อัน​เล็ก​โดย​นัย​ของ​สัตว์​ตัว​ที่​สี่​อย่าง​ไร?

21 ขอ​พิจารณา​เหตุ​การณ์​ต่อ​ไป​นี้. ใน​ปี 55 ก.ส.ศ. แม่ทัพ​ชาว​โรมัน​จูเลียส ซีซาร์ ได้​รุกราน​บริแทนเนีย​แต่​ไม่​อาจ​ตั้ง​อาณานิคม​ถาวร​ได้. ใน​ปี ส.ศ. 43 จักรพรรดิ​เกลาดิอุส​เริ่ม​ทำ​การ​พิชิต​ที่​ถาวร​กว่า​ที่​บริเตน​ตอน​ใต้. แล้ว​ใน​ปี ส.ศ. 122 จักรพรรดิ​ฮาเดรียน​ได้​เริ่ม​สร้าง​กำแพง​จาก​แม่น้ำ​ไทน์​จน​ถึง​ชะวาก​ทะเล​ซอลเวย์ ซึ่ง​กำหนด​จุด​สิ้น​สุด​เขต​ทาง​เหนือ​ของ​จักรวรรดิ​โรมัน. ต้น​ศตวรรษ​ที่​ห้า กอง​ทหาร​โรมัน​ไป​จาก​เกาะ. นัก​ประวัติศาสตร์​คน​หนึ่ง​อธิบาย​ว่า “ใน​ศตวรรษ​ที่​สิบ​หก อังกฤษ​เป็น​มหาอำนาจ​ระดับ​รอง. ความ​มั่งคั่ง​ของ​อังกฤษ​มี​เพียง​เล็ก​น้อย​เมื่อ​เทียบ​กับ​เนเธอร์แลนด์. ประชากร​ของ​อังกฤษ​ก็​น้อย​กว่า​ของ​ฝรั่งเศส​มาก. กำลัง​ทหาร (รวม​ทั้ง​กองทัพ​เรือ) ก็​ด้อย​กว่า​ของ​สเปน.” ดู​เหมือน​ว่า​บริเตน​เป็น​อาณาจักร​ที่​ไม่​สำคัญ​ใน​ตอน​นั้น เป็น​เขา​เล็ก​โดย​นัย​ของ​สัตว์​ตัว​ที่​สี่. แต่​กำลัง​จะ​มี​การ​เปลี่ยน​แปลง.

22. (ก) เขา​สาม​อัน​ที่​พ่าย​แพ้​แก่ “เขา​อัน​เล็ก” คือ​อะไร? (ข) ครั้น​แล้ว​บริเตน​ขึ้น​มา​เป็น​อะไร?

22 ใน​ปี 1588 ฟิลิป​ที่ 2 แห่ง​สเปน​ส่ง​กอง​เรือ​รบ​มา​ต่อ​สู้​กับ​บริเตน. กอง​เรือ​นี้​ซึ่ง​มี​เรือ 130 ลำ บรรทุก​ทหาร​กว่า 24,000 คน แล่น​มา​ทาง​ช่องแคบ​อังกฤษ แต่​แล้ว​ก็​พ่าย​แพ้​แก่​กองทัพ​เรือ​อังกฤษ​และ​เป็น​เหยื่อ​ของ​กระแส​ลม​ทวน​และ​พายุ​อัน​รุนแรง​แห่ง​มหาสมุทร​แอตแลนติก. นัก​ประวัติศาสตร์​คน​หนึ่ง​กล่าว​ว่า เหตุ​การณ์​นี้ “บ่ง​ชี้​ถึง​การ​เปลี่ยน​อำนาจ​ทาง​ทะเล​อย่าง​เด็ดขาด​จาก​สเปน​มา​สู่​อังกฤษ.” ใน​ศตวรรษ​ที่ 17 ชาว​ดัตช์​ได้​ก่อ​ตั้ง​กอง​เรือ​สินค้า​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​โลก. อย่าง​ไร​ก็​ตาม พร้อม​กับ​อาณานิคม​โพ้น​ทะเล​ที่​เพิ่ม​มาก​ขึ้น บริเตน​เอา​ชนะ​พวก​ดัตช์​ได้. ระหว่าง​ศตวรรษ​ที่ 18 อังกฤษ​และ​ฝรั่งเศส​สู้​รบ​กัน​ใน​อเมริกา​เหนือ และ​อินเดีย ซึ่ง​นำ​ไป​สู่​สนธิสัญญา​แห่ง​กรุง​ปารีส​ใน​ปี 1763. นัก​เขียน​ชื่อ วิลเลียม บี. วิลคอกซ์ กล่าว​ว่า สนธิสัญญา​ฉบับ​นี้ “ยอม​รับ​ฐานะ​ใหม่​ของ​บริเตน​ว่า​เป็น​มหาอำนาจ​ของ​ยุโรป​ใน​โลก​ที่​นอก​เหนือ​จาก​ยุโรป.” ความ​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​บริเตน​ได้​รับ​การ​ยืน​ยัน​โดย​ชัย​ชนะ​เด็ดขาด​ที่​มี​เหนือ​นโปเลียน​แห่ง​ฝรั่งเศส​ใน​ปี ส.ศ. 1815. ดัง​นั้น “สาม​กษัตริย์” ที่​บริเตน “โค่น” ก็​คือ​สเปน, เนเธอร์แลนด์, และ​ฝรั่งเศส. (ดานิเอล 7:24) ผล​คือ บริเตน​ขึ้น​มา​เป็น​มหาอำนาจ​ทาง​อาณานิคม​และ​ทาง​การ​ค้า​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​โลก. ถูก​แล้ว “เขา​อัน​เล็ก” เติบโต​ขึ้น​จน​กลาย​เป็น​มหาอำนาจ​โลก!

23. เขา​อัน​เล็ก​โดย​นัย “กลืน​ทั้ง​พิภพ​กิน​เสีย” โดย​วิธี​ใด?

23 ทูต​สวรรค์​บอก​ดานิเอล​ว่า​สัตว์​ตัว​ที่​สี่ หรือ​อาณาจักร​ที่​สี่ จะ “กลืน​ทั้ง​พิภพ​กิน​เสีย.” (ดานิเอล 7:23) เรื่อง​นี้​เป็น​จริง​กับ​แคว้น​ของ​โรม​ซึ่ง​เคย​รู้​จัก​กัน​ว่า​บริแทนเนีย. ใน​ที่​สุด​ดินแดน​นี้​ก็​กลาย​เป็น​จักรวรรดิ​อังกฤษ​และ “กลืน​ทั้ง​พิภพ​กิน​เสีย.” มี​อยู่​ช่วง​หนึ่ง จักรวรรดิ​นี้​เคย​ครอบครอง​ผืน​แผ่นดิน​และ​ประชากร​ถึง​หนึ่ง​ใน​สี่​ของ​โลก.

24. นัก​ประวัติศาสตร์​คน​หนึ่ง​กล่าว​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​การ​ที่​จักรวรรดิ​อังกฤษ​แตกต่าง​ออก​ไป?

24 จักรวรรดิ​โรมัน​แตกต่าง​จาก​มหาอำนาจ​โลก​ก่อน ๆ ฉัน​ใด กษัตริย์​ที่​มี​ภาพ​เป็น “เขา​อัน​เล็ก” ก็ “แตกต่าง​กัน​กับ​องค์​ก่อน ๆ ฉัน​นั้น.” (ดานิเอล 7:24) นัก​ประวัติศาสตร์​ชื่อ เอช. จี. เวลส์ กล่าว​เกี่ยว​กับ​จักรวรรดิ​อังกฤษ​ว่า “ไม่​เคย​มี​อะไร​เหมือน​จักรวรรดิ​นี้​มา​ก่อน​เลย. ส่วน​ที่​สำคัญ​ยิ่ง​ของ​ทั้ง​ระบบ​คือ ‘สาธารณรัฐ​ที่​มี​กษัตริย์​เป็น​ประมุข’ แห่ง​สหราชอาณาจักร​อังกฤษ . . . ไม่​เคย​มี​รัฐบาล​ใด​และ​มนุษย์​คน​ใด​เข้าใจ​จักรวรรดิ​อังกฤษ​ได้​ทั้ง​หมด. จักรวรรดิ​นี้​เป็น​ส่วน​ผสม​ของ​การ​เติบโต​และ​เก็บ​เล็ก​ผสม​น้อย​ซึ่ง​แตกต่าง​อย่าง​สิ้นเชิง​จาก​สิ่ง​ใด ๆ ที่​เคย​เรียก​กัน​ว่า​จักรวรรดิ​ก่อน​หน้า​นี้.”

25. (ก) ใน​การ​เปลี่ยน​แปลง​ล่า​สุด อะไร​ที่​ประกอบ​กัน​เป็น​เขา​อัน​เล็ก? (ข) “เขา​อัน​เล็ก” มี “ตา​เหมือน​ตา​มนุษย์” และ​มี “ปาก​พูด​คุย​โต” ใน​ความหมาย​ใด?

25 “เขา​อัน​เล็ก” ไม่​ได้​หมาย​ถึง​แค่​จักรวรรดิ​อังกฤษ​เท่า​นั้น. ใน​ปี 1783 บริเตน​ยอม​รับ​เอกราช​ของ​อาณานิคม​อเมริกัน 13 แห่ง. ใน​ที่​สุด สหรัฐ​อเมริกา​กลาย​เป็น​พันธมิตร​กับ​อังกฤษ แล้ว​ปรากฏ​ออก​มา​หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง​ใน​ฐานะ​ชาติ​ที่​โดด​เด่น​ใน​โลก. สหรัฐ ยัง​คง​ผูก​พัน​กับ​บริเตน​อย่าง​เหนียวแน่น. มหาอำนาจ​คู่​แองโกล-อเมริกัน​ที่​เป็น​ผล ประกอบ​กัน​เป็น ‘เขา​ที่​มี​ตา.’ ที่​จริง มหาอำนาจ​นี้​มี​สายตา​เฉียบ​แหลม! มหาอำนาจ​นี้ “พูด​คุย​โต” คือ​พูด​เรื่อง​นโยบาย​สำหรับ​โลก​ส่วน​ใหญ่​และ​ทำ​ตัว​เป็น​กระบอก​เสียง หรือ “ผู้​พยากรณ์​เท็จ.”—ดานิเอล 7:8, 11, 20; วิวรณ์ 16:13; 19:20.

เขา​อัน​เล็ก​ต่อ​ต้าน​พระเจ้า​และ​เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระองค์

26. ทูต​สวรรค์​บอก​ล่วง​หน้า​เช่น​ไร​เกี่ยว​กับ​คำ​พูด​และ​การ​กระทำ​ที่​เขา​โดย​นัย​แสดง​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​และ​ผู้​รับใช้​ของ​พระองค์?

26 ดานิเอล​พรรณนา​นิมิต​ของ​ท่าน​ต่อ​ไป​ดัง​นี้: “ข้าพเจ้า​กำลัง​ดู​อยู่​ก็​เห็น​เขา​สัตว์​นั้น​สู้​รบ​กับ​เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์​และ​เอา​ชนะ​ได้.” (ดานิเอล 7:21) ทูต​สวรรค์​ของ​พระเจ้า​บอก​ล่วง​หน้า​เกี่ยว​กับ “เขา” หรือ​กษัตริย์​องค์​นี้​ว่า “องค์​นี้​จะ​พูด​จา​ก้าวร้าว​ต่อ​พระ​ผู้​สูง​สุด, และ​จะ​เบียดเบียน​ข่มเหง​เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระ​ผู้​สูง​สุด​นั้น, และ​จะ​คิด​เปลี่ยน​วาระ​และ​บทบัญญัติ, และ​เขา​สัตว์​เหล่า​นั้น [“พวก​เขา,” ล.ม.] จะ​ถูก​มอบ​ไว้​ใน​มือ​ผู้​นี้​จน​ถึง​เวลา​กำหนด​สาม​ปี​กึ่ง [“หนึ่ง​วาระ สอง​วาระ กับ​ครึ่ง​วาระ,” ฉบับ​แปล​ใหม่].” (ดานิเอล 7:25) คำ​พยากรณ์​ส่วน​นี้​สำเร็จ​เป็น​จริง​อย่าง​ไร​และ​เมื่อ​ไร?

27. (ก) ใคร​คือ “เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์” ซึ่ง​ถูก “เขา​อัน​เล็ก” ข่มเหง? (ข) เขา​โดย​นัย​ได้​พยายาม “เปลี่ยน​วาระ​และ​บทบัญญัติ” อย่าง​ไร?

27 “เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์” ซึ่ง​ถูก “เขา​อัน​เล็ก”—มหาอำนาจ​แองโกล-อเมริกัน—ข่มเหง​นั้น คือ​เหล่า​ผู้​ติด​ตาม​พระ​เยซู​บน​แผ่นดิน​โลก​ที่​ได้​รับ​การ​เจิม​ด้วย​พระ​วิญญาณ. (โรม 1:7; 1 เปโตร 2:9) เป็น​เวลา​หลาย​ปี​ก่อน​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​หนึ่ง ชน​ที่​เหลือ​ของ​ผู้​ถูก​เจิม​เหล่า​นี้​ออก​คำ​เตือน​อย่าง​เปิด​เผย​ว่า​ปี 1914 จะ​เป็น​ตอน​จบ​ของ “เวลา​กำหนด​ของ​คน​ต่าง​ประเทศ.” (ลูกา 21:24) เมื่อ​สงคราม​ระเบิด​ขึ้น​ใน​ปี​นั้น ปรากฏ​ว่า “เขา​อัน​เล็ก” ได้​เพิกเฉย​ต่อ​คำ​เตือน​นี้ เพราะ​มัน​ไม่​ยอม​หยุด​ข่มเหง “เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์” ซึ่ง​ได้​รับ​การ​เจิม. มหาอำนาจ​โลก​แองโกล-อเมริกัน​ถึง​กับ​ต่อ​ต้าน​ความ​พยายาม​ของ​พวก​เขา​ที่​จะ​ทำ​ตาม​ข้อ​เรียก​ร้อง​ของ​พระ​ยะโฮวา (หรือ “บทบัญญัติ”) ที่​ให้​พยาน​ของ​พระองค์​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ไป​ทั่ว​โลก. (มัดธาย 24:14) โดย​วิธี​นี้ “เขา​อัน​เล็ก” ได้​พยายาม “เปลี่ยน​วาระ​และ​บทบัญญัติ.”

28. ช่วง​เวลา “หนึ่ง​วาระ สอง​วาระ กับ​ครึ่ง​วาระ” นาน​เท่า​ไร?

28 ทูต​สวรรค์​ของ​พระ​ยะโฮวา​กล่าว​ถึง​ช่วง​เวลา​เชิง​พยากรณ์​ที่​นาน “หนึ่ง​วาระ สอง​วาระ กับ​ครึ่ง​วาระ.” ช่วง​เวลา​นี้​นาน​เท่า​ไร? ผู้​ให้​อรรถาธิบาย​คัมภีร์​ไบเบิล​ทั่ว​ไป​เห็น​พ้อง​กัน​ว่า วลี​นี้​บ่ง​บอก​ถึง​เวลา​สาม​วาระ​ครึ่ง—ผล​บวก​ของ​หนึ่ง​วาระ, สอง​วาระ, และ​ครึ่ง​วาระ. เนื่อง​จาก​ช่วง​เวลา “เจ็ด​วาระ” แห่ง​การ​เสีย​สติ​ของ​นะบูคัดเนซัร​เท่า​กับ​เจ็ด​ปี สาม​วาระ​ครึ่ง​จึง​เป็น​เวลา​สาม​ปี​ครึ่ง.c (ดานิเอล 4:16, 25) ฉบับ​แอน อเมริกัน แทรนสเลชัน ​แปล​ประโยค​นี้​ว่า “พวก​เขา​จะ​ถูก​มอบ​ไว้​กับ​เขา​เป็น​เวลา​หนึ่ง​ปี, สอง​ปี, และ​ครึ่ง​ปี.” ฉบับ​ของ เจมส์ มอฟฟัต แปล​ว่า “เป็น​เวลา​สาม​ปี​และ​ครึ่ง​ปี.” ช่วง​เวลา​เดียว​กัน​นี้​มี​บอก​ไว้​ที่​พระ​ธรรม​วิวรณ์ 11:2-7 (ล.ม.) ซึ่ง​กล่าว​ว่า พยาน​ทั้ง​สอง​ของ​พระเจ้า​จะ​ประกาศ​โดย​สวม​ผ้า​กระสอบ​เป็น​เวลา 42 เดือน หรือ 1,260 วัน แล้ว​จะ​ถูก​ฆ่า. ช่วง​เวลา​นี้​เริ่ม​ต้น​และ​สิ้น​สุด​ลง​เมื่อ​ไร?

29. ช่วง​เวลา​เชิง​พยากรณ์​สาม​ปี​ครึ่ง​เริ่ม​เมื่อ​ไร​และ​อย่าง​ไร?

29 สำหรับ​คริสเตียน​ผู้​ถูก​เจิม สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​หนึ่ง​หมาย​ถึง​เวลา​แห่ง​การ​ทดสอบ. พอ​ถึง​ช่วง​ปลาย​ปี 1914 พวก​เขา​คาด​หมาย​ว่า​จะ​ถูก​กดขี่​ข่มเหง. ที่​จริง ข้อ​พระ​คัมภีร์​ประจำ​ปี​ที่​เลือก​ไว้​สำหรับ​ปี 1915 ซึ่ง​อาศัย​มัดธาย 20:22 เป็น​คำ​ถาม​ที่​พระ​เยซู​ทรง​ถาม​สาวก​ของ​พระองค์​ว่า “จอก​นั้น​ซึ่ง​เรา​จะ​ดื่ม ท่าน​จะ​ดื่ม​ได้​หรือ?” ดัง​นั้น เริ่ม​ตั้ง​แต่​เดือน​ธันวาคม​ปี 1914 พยาน​กลุ่ม​เล็ก ๆ ได้​ประกาศ​โดย “สวม​ผ้า​กระสอบ.”

30. คริสเตียน​ผู้​ถูก​เจิม​ถูก​มหาอำนาจ​โลก​แองโกล-อเมริกัน​โจมตี​อย่าง​ไร​ระหว่าง​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​หนึ่ง?

30 ขณะ​ที่​ความ​บ้า​คลั่ง​ของ​สงคราม​ลุก​ลาม​ไป คริสเตียน​ผู้​ถูก​เจิม​เผชิญ​การ​ต่อ​ต้าน​ขัด​ขวาง​มาก​ขึ้น. พวก​เขา​บาง​คน​ถูก​จำ​คุก. บาง​คน​อย่าง​เช่น แฟรงก์ แพลตต์​ใน​อังกฤษ​และ​โรเบิร์ต เคลกก์​ใน​แคนาดา ถูก​เจ้าหน้าที่​ที่​เหี้ยม​โหด​ทรมาน​อย่าง​ทารุณ. ใน​วัน​ที่ 12 กุมภาพันธ์ 1918 แคนาดา​ อาณาจักร​ปกครอง​ตน​เอง​ของ​อังกฤษ​สั่ง​ห้าม​หนังสือ​เล่ม​ที่​เจ็ด​ของ​คู่มือ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ ​ที่​ชื่อ​ว่า​ความ​ลึกลับ​สำเร็จ​แล้ว (ภาษา​อังกฤษ) ซึ่ง​เพิ่ง​จัด​พิมพ์​ได้​ไม่​นาน รวม​ทั้ง​แผ่น​พับ​ชื่อ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ราย​เดือน (ภาษา​อังกฤษ). ใน​เดือน​ถัด​มา กระทรวง​ยุติธรรม​ของ​สหรัฐ​ประกาศ​ว่า​การ​จำหน่าย​จ่าย​แจก​หนังสือ​เล่ม​ที่​เจ็ด​นี้​ผิด​กฎหมาย. ผล​เป็น​อย่าง​ไร? มี​การ​ค้น​บ้าน, ยึด​หนังสือ, และ​จับ​กุม​ผู้​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา!

31. ช่วง​เวลา “หนึ่ง​วาระ, สอง​วาระ, กับ​ครึ่ง​วาระ” จบ​ลง​เมื่อ​ไร​และ​อย่าง​ไร?

31 การ​ข่มเหง​ผู้​ถูก​เจิม​ของ​พระเจ้า​มา​ถึง​จุด​สุด​ยอด​ใน​วัน​ที่ 21 มิถุนายน 1918 เมื่อ​นายก​สมาคม เจ. เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด และ​สมาชิก​คน​สำคัญ​ของ​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์​ถูก​ตัดสิน​ใน​ข้อ​หา​เท็จ​ให้​จำ​คุก​ระยะ​ยาว. โดย​พยายาม​จะ “เปลี่ยน​วาระ​และ​บทบัญญัติ” “เขา​อัน​เล็ก” ราว​กับ​ว่า​ได้ “ฆ่า” งาน​ประกาศ​ที่​ได้​รับ​การ​จัด​ระเบียบ​แล้ว. (วิวรณ์ 11:7) ดัง​นั้น ช่วง​เวลา​ที่​บอก​ล่วง​หน้า​นาน “หนึ่ง​วาระ สอง​วาระ กับ​ครึ่ง​วาระ” จึง​จบ​ลง​ใน​เดือน​มิถุนายน 1918.

32. ทำไม​คุณ​จึง​บอก​ว่า “เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์” ไม่​ได้​ถูก​กวาด​ล้าง​โดย “เขา​อัน​เล็ก”?

32 แต่ “เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์” ไม่​ได้​ถูก​กวาด​ล้าง​โดย​การ​ข่มเหง​ของ “เขา​อัน​เล็ก.” ดัง​ที่​ได้​พยากรณ์​ไว้​ใน​พระ​ธรรม​วิวรณ์ ภาย​หลัง​การ​ชะงัก​งัน​ไป​ชั่ว​ระยะ​สั้น ๆ คริสเตียน​ผู้​ถูก​เจิม​ก็​คืน​ชีพ​และ​ทำ​การ​งาน​อย่าง​ขันแข็ง​อีก. (วิวรณ์ 11:11-13) ใน​วัน​ที่ 26 มีนาคม 1919 นายก​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์​และ​ผู้​ร่วม​งาน​กับ​ท่าน​ถูก​ปล่อย​ตัว​จาก​คุก และ​เวลา​ต่อ​มา​พวก​เขา​ก็​พ้น​ข้อ​กล่าว​หา​เท็จ​ทุก​ประการ​ที่​ถูก​นำ​ขึ้น​ฟ้องร้อง. ทันที​หลัง​จาก​นั้น ชน​ที่​เหลือ​ผู้​ถูก​เจิม​เริ่ม​จัด​ระเบียบ​ใหม่​สำหรับ​กิจกรรม​ต่อ​ไป. แต่​มี​อะไร​รอ “เขา​อัน​เล็ก” อยู่?

ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​แต่​เบื้อง​บรรพ์​ทรง​ออก​พิพากษา

33. (ก) ใคร​คือ​ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​แต่​เบื้อง​บรรพ์? (ข) ‘บรรดา​สมุด​ทั้ง​หลาย​ที่​ถูก​เปิด​ออก’ ใน​ศาล​แห่ง​สวรรค์​คือ​อะไร?

33 หลัง​จาก​แสดง​ให้​เห็น​สัตว์​สี่​ตัว​แล้ว ดานิเอล​ก็​ละ​สายตา​จาก​สัตว์​ตัว​ที่​สี่​ไป​ดู​ฉาก​เหตุ​การณ์​หนึ่ง​ใน​สวรรค์. ท่าน​เห็น​ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​แต่​เบื้อง​บรรพ์​ประทับ​บน​พระ​ที่​นั่ง​อัน​รุ่งเรือง​ใน​ฐานะ​ผู้​พิพากษา. ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​แต่​เบื้อง​บรรพ์​ไม่​ใช่​ใคร​อื่น​นอก​จาก​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า. (บทเพลง​สรรเสริญ 90:2) เมื่อ​การ​พิจารณา​พิพากษา​ใน​สวรรค์​เริ่ม​ขึ้น ดานิเอล​เห็น “บรรดา​สมุด​ทั้ง​หลาย​ถูก​เปิด​กาง​ออก.” (ดานิเอล 7:9, 10) เนื่อง​จาก​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ดำรง​อยู่​ตั้ง​แต่​อดีตกาล​ไม่​มี​ที่​สิ้น​สุด พระองค์​ทรง​ทราบ​ประวัติศาสตร์​ทั้ง​หมด​ของ​มนุษย์​ประหนึ่ง​ว่า​ถูก​บันทึก​ไว้​ใน​สมุด. พระองค์​ได้​ทรง​สังเกต​สัตว์​ทั้ง​สี่​ตัว​โดย​นัย​และ​ทรง​สามารถ​พิพากษา​สัตว์​ทั้ง​สี่​ตัว​ด้วย​ความ​รู้​แจ้ง.

34, 35. จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ “เขา​อัน​เล็ก” และ​มหาอำนาจ​อื่น ๆ ที่​เป็น​ประหนึ่ง​สัตว์?

34 ดานิเอล​กล่าว​ต่อ​ไป​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​เฝ้า​ดู​อยู่, ใน​ขณะ​ที่​เขา​เล็ก​นั้น​พูด​คุย​โต, ได้​ดู​จน​กะทั่ง​สัตว์​ตัว​นั้น​ถูก​ฆ่า​ตาย, และ​ตัว​มัน​ถูก​ทำลาย, มัน​ถูก​โยน​ให้​ไฟ​เผา​เสีย. ส่วน​สัตว์​ที่​เหลือ​นั้น, รัช​ก็​ถูก​ริบ​เอา​ไป​เสีย​จาก​มัน: แต่​ชีวิต​ของ​มัน​ถูก​ปล่อย​ให้​ยืน​ยาว​ไป​พัก​หนึ่ง [“หนึ่ง​วาระ​และ​หนึ่ง​ฤดู,” ล.ม.].” (ดานิเอล 7:11, 12) ทูต​สวรรค์​บอก​ดานิเอล​ว่า “แต่​ภาย​หลัง​ก็​จะ​ตั้ง​ศาล​พิจารณา​ตัดสิน​ให้​ริบ​เอา​รัช​ของ​ผู้​นี้​ไป​เผา​ทำลาย​ให้​พินาศ​จน​สิ้นเชิง.”—ดานิเอล 7:26.

35 โดย​คำ​ตัดสิน​ของ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า ผู้​พิพากษา​องค์​ยิ่ง​ใหญ่ เขา​นั้น​ที่​พูด​สบประมาท​พระเจ้า​และ​ข่มเหง “เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์” จะ​ประสบ​สิ่ง​เดียว​กัน​กับ​ที่​จักรวรรดิ​โรมัน​ซึ่ง​ข่มเหง​คริสเตียน​รุ่น​แรก​ได้​ประสบ​มา​แล้ว. การ​ปกครอง​ของ​มัน​จะ​ไม่​มี​ต่อ​ไป. แม้​แต่ “กษัตริย์” ที่​เป็น​เหมือน​เขา​ที่​ด้อย​กว่า​ซึ่ง​เกิด​จาก​จักรวรรดิ​โรมัน​ก็​จะ​ไม่​มี​ต่อ​ไป​ด้วย. แต่​จะ​เป็น​อย่าง​ไร​กับ​อำนาจ​การ​ปกครอง​ที่​ได้​รับ​มา​จาก​มหาอำนาจ​ก่อน ๆ ที่​เป็น​ประหนึ่ง​สัตว์? ดัง​ที่​มี​พยากรณ์​ไว้ ชีวิต​ของ​อำนาจ​เหล่า​นั้น​ยืน​ยาว​ไป “หนึ่ง​วาระ​และ​หนึ่ง​ฤดู.” เขต​แดน​ของ​อำนาจ​เหล่า​นั้น​ยัง​คง​มี​ผู้​คน​อาศัย​อยู่​จน​ถึง​สมัย​ของ​เรา. ยก​ตัว​อย่าง​เช่น อิรัก​ยึด​ครอง​เขต​แดน​ของ​บาบูโลน​โบราณ. เปอร์เซีย (อิหร่าน) และ​กรีซ​ยัง​มี​อยู่. ส่วน​ที่​เหลือ​ของ​มหาอำนาจ​โลก​เหล่า​นี้​เป็น​ส่วน​ของ​สหประชาชาติ. อาณาจักร​เหล่า​นี้​เช่น​กัน​จะ​สูญ​สลาย​ไป​พร้อม​กับ​การ​ทำลาย​ล้าง​มหาอำนาจ​สุด​ท้าย. รัฐบาล​มนุษย์​ทุก​รัฐบาล​จะ​สูญ​สิ้น​ไป​ใน “สงคราม​ใน​วัน​ใหญ่​ของ​พระเจ้า​ผู้​ทรง​ฤทธิ์.” (วิวรณ์ 16:14, 16) แต่​แล้ว ใคร​ล่ะ​ที่​จะ​ครอง​โลก?

การ​ปกครอง​ถาวร​มา​ใกล้​แล้ว!

36, 37. (ก)“ผู้​หนึ่ง​รูป​ร่าง​ดัง​บุตร​ของ​มนุษย์” หมาย​ถึง​ใคร และ​ผู้​นี้​ปรากฏ​ตัว​ใน​ศาล​แห่ง​สวรรค์​เมื่อ​ไร​และ​เพื่อ​จุด​ประสงค์​อะไร? (ข) มี​การ​สถาปนา​อะไร​ขึ้น​ใน​ปี 1914?

36 ดานิเอล​กล่าว​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​ฝัน​เห็น​ใน​กลางคืน​นั้น, และ​นี่​แน่ะ, มี​ผู้​หนึ่ง​รูป​ร่าง​ดัง​บุตร​ของ​มนุษย์​นั่ง​มา​บน​เมฆ, แล้ว​เข้า​มา​หา​ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​แต่​เบื้อง​บรรพ์, แล้ว​เขา​ก็​พา​ผู้​นั้น​มา​เฝ้า​ต่อ​หน้า​พระ​ที่​นั่ง.” (ดานิเอล 7:13) เมื่อ​พระ​เยซู​คริสต์​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก พระองค์​เรียก​ตน​เอง​ว่า “บุตร​มนุษย์” บ่ง​ชี้​ถึง​ความ​เกี่ยว​พัน​ของ​พระองค์​กับ​มนุษยชาติ. (มัดธาย 16:13; 25:31) พระ​เยซู​ตรัส​ต่อ​ศาล​ซันเฮดริน ศาล​สูง​ของ​พวก​ยิว​ว่า “ใน​เวลา​เบื้อง​หน้า​นั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​เห็น​บุตร​มนุษย์​นั่ง​อยู่​เบื้อง​ขวา​พระ​หัตถ์​ของ​ผู้​ทรง​ฤทธานุภาพ, และ​เสด็จ​มา​บน​เมฆ​ฟ้า.” (มัดธาย 26:64) ดัง​นั้น ใน​นิมิต​ของ​ดานิเอล ผู้​ที่​เสด็จ​มา ซึ่ง​ไม่​ประจักษ์​แก่​ตา​มนุษย์ และ​ได้​เข้า​เฝ้า​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ก็​คือ​พระ​เยซู​คริสต์​ซึ่ง​ถูก​ปลุก​ให้​คืน​พระ​ชนม์​และ​ได้​รับ​สง่า​ราศี​แล้ว. เหตุ​การณ์​นี้​เกิด​ขึ้น​เมื่อ​ไร?

37 พระเจ้า​ทรง​ทำ​สัญญา​ไมตรี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​กับ​พระ​เยซู​คริสต์ เหมือน​ที่​ทรง​ทำ​กับ​กษัตริย์​ดาวิด. (2 ซามูเอล 7:11-16; ลูกา 22:28-30) เมื่อ “เวลา​กำหนด​ของ​คน​ต่าง​ประเทศ” สิ้น​สุด​ลง​ใน​ปี ส.ศ. 1914 พระ​เยซู​คริสต์ ใน​ฐานะ​รัชทายาท​ของ​ดาวิด จึง​สามารถ​รับ​เอา​การ​ปกครอง​ราชอาณาจักร​ได้​อย่าง​ถูก​ต้อง. บันทึก​เชิง​พยากรณ์​ของ​ดานิเอล​บอก​ว่า “ผู้​นั้น​ได้​รับ​มอบ​รัช, และ​เกียรติยศ​และ​อาณาจักร, เพื่อ​ทุก​ประเทศ​ทุก​ชาติ​ทุก​ภาษา​จะ​ได้​ปฏิบัติ​ท่าน. รัช​ของ​ท่าน​ดำรง​อยู่​เป็น​นิจ, ไม่​มี​วัน​สิ้น​สุด, และ​อาณาจักร​ของ​ท่าน​ไม่​รู้​จัก​ล่ม​จม.” (ดานิเอล 7:14) ด้วย​เหตุ​นี้ ราชอาณาจักร​มาซีฮา​จึง​ถูก​สถาปนา​ขึ้น​ใน​สวรรค์​ใน​ปี 1914. อย่าง​ไร​ก็​ดี มี​การ​มอบ​อำนาจ​การ​ปกครอง​ให้​แก่​คน​อื่น​ด้วย.

38, 39. ใคร​จะ​รับ​อำนาจ​ปกครอง​อัน​ถาวร​เหนือ​โลก​นี้?

38 ทูต​สวรรค์​กล่าว​ว่า “เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระเจ้า​ผู้​สูง​สุด​นั้น​จะ​รับ​มอบ​อาณาจักร​นั้น.” (ดานิเอล 7:18, 22, 27) พระ​เยซู​คริสต์​ทรง​เป็น​ผู้​บริสุทธิ์​องค์​เอก. (กิจการ 3:14; 4:27, 30) “เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์” คน​อื่น ๆ ซึ่ง​มี​ส่วน​ใน​การ​ปกครอง​คือ​คริสเตียน​ผู้​ซื่อ​สัตย์​ที่​ได้​รับ​การ​เจิม 144,000 คน ซึ่ง​เป็น​รัชทายาท​แห่ง​ราชอาณาจักร​ร่วม​กับ​พระ​คริสต์. (โรม 1:7; 8:17; 2 เธซะโลนิเก 1:5; 1 เปโตร 2:9) พวก​เขา​ถูก​ปลุก​ให้​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​เป็น​วิญญาณ​อมตะ​เพื่อ​จะ​ปกครอง​ร่วม​กับ​พระ​คริสต์​บน​ภูเขา​ซีโอน​ทาง​ภาค​สวรรค์. (วิวรณ์ 2:10; 14:1; 20:6) ด้วย​เหตุ​นี้ พระ​คริสต์​เยซู​และ​คริสเตียน​ผู้​ถูก​เจิม​ที่​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​จะ​ปกครอง​โลก​มนุษย์.

39 ทูต​สวรรค์​ของ​พระเจ้า​กล่าว​เกี่ยว​กับ​การ​ปกครอง​ของ​บุตร​มนุษย์​และ “เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์” อื่น ๆ ที่​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​ว่า “อาณาจักร​และ​เกียรติยศ, รัช, และ​อำนาจ​ราชศักดิ์​แห่ง​รัฐ​ทั้ง​ปวง​ทั่ว​ใต้​ฟ้า​จะ​ถูก​มอบ​ไว้​แก่​เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระ​ผู้​สูง​สุด​นั้น: อาณาจักร​ของ​เขา​เป็น​อาณาจักร​ถาวร, และ​รัฐ​ทั้ง​ปวง​จะ​รับใช้​และ​เชื่อ​ฟัง​เขา.” (ดานิเอล 7:27) ช่าง​เป็น​พระ​พร​อะไร​เช่น​นี้​ที่​มนุษยชาติ​ซึ่ง​เชื่อ​ฟัง​จะ​ประสบ​ภาย​ใต้​ราชอาณาจักร​นี้!

40. เรา​จะ​ได้​รับ​ประโยชน์​อย่าง​ไร​จาก​การ​เอา​ใจ​ใส่​ความ​ฝัน​และ​นิมิต​ของ​ดานิเอล?

40 ดานิเอล​ไม่​เข้าใจ​ความ​สำเร็จ​เป็น​จริง​อัน​ยอด​เยี่ยม​ทั้ง​หมด​นี้​ใน​นิมิต​ต่าง ๆ ที่​พระเจ้า​ทรง​ประทาน​ให้. ท่าน​กล่าว​ว่า “เรื่อง​นั้น​ก็​จบ​เพียง​เท่า​นี้. ส่วน​ข้าพเจ้า, ดานิเอล, จิตต์​ใจ​ก็​ปั่นป่วน, และ​หน้า​ตา​ก็​สลด​ไป; แต่​ข้าพเจ้า​ได้​สงวน​เรื่อง​นี้​ไว้​ใน​ใจ​ของ​ข้าพเจ้า.” (ดานิเอล 7:28) กระนั้น พวก​เรา​อยู่​ใน​สมัย​ที่​เรา​สามารถ​เข้าใจ​ความ​สำเร็จ​เป็น​จริง​ของ​สิ่ง​ที่​ดานิเอล​ได้​เห็น. การ​เอา​ใจ​ใส่​ต่อ​คำ​พยากรณ์​นี้​จะ​เสริม​ความ​เชื่อ​และ​ความ​มั่น​ใจ​ของ​เรา​ให้​เข้มแข็ง​ขึ้น​ใน​เรื่อง​ที่​ว่า กษัตริย์​มาซีฮา​ของ​พระ​ยะโฮวา​จะ​ปกครอง​โลก.

[เชิงอรรถ]

a เพื่อ​ความ​ชัดเจน​และ​หลีก​เลี่ยง​การ​ซ้ำ​ซ้อน เรา​จะ​พิจารณา​นิมิต​ที่​มี​บันทึก​ใน​ดานิเอล 7:1-14 เป็น​ข้อ ๆ พร้อม​กัน​กับ​ข้อ​ที่​เป็น​คำ​อธิบาย​ที่​อยู่​ใน​ดานิเอล 7:15-28.

b ดู​บท 4 ของ​หนังสือ​นี้.

c ดู​บท 6 ของ​หนังสือ​นี้.

คุณ​ได้​เรียน​รู้​อะไร?

• ‘สัตว์​ใหญ่​สี่​ตัว​ที่​โผล่​ขึ้น​มา​จาก​ทะเล’ เป็น​สัญลักษณ์​ถึง​อะไร​บ้าง?

• อะไร​ที่​ประกอบ​กัน​เป็น “เขา​อัน​เล็ก”?

• “เหล่า​ผู้​บริสุทธิ์” ถูก​ข่มเหง​จาก​เขา​อัน​เล็ก​โดย​นัย​อย่าง​ไร​ระหว่าง​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​หนึ่ง?

• จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​เขา​อัน​เล็ก​โดย​นัย​และ​มหาอำนาจ​อื่น ๆ ที่​เป็น​ประหนึ่ง​สัตว์?

• คุณ​ได้​รับ​ประโยชน์​อะไร​จาก​การ​เอา​ใจ​ใส่​ความ​ฝัน​และ​นิมิต​ของ​ดานิเอล​เกี่ยว​กับ “สัตว์​ใหญ่​สี่​ตัว”?

[กรอบ/ภาพ​หน้า 149-152]

กษัตริย์​ผู้​ยอม​ทน​ให้

ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​นัก​เขียน​ชาว​กรีก​แห่ง​ศตวรรษ​ที่​ห้า ก.ส.ศ. ท่าน​เป็น​กษัตริย์​ที่​ดี​เยี่ยม​ผู้​ยอม​ทน​ให้. คัมภีร์​ไบเบิล​เรียก​ท่าน​ว่า ‘ผู้​ถูก​เจิม’ ของ​พระเจ้า และ “นก​กิน​เหยื่อ” มา “จาก​ทิศ​ตะวัน​ออก.” (ยะซายา 45:1; 46:11, ล.ม.) กษัตริย์​ที่​พูด​ถึง​องค์​นี้​คือ​ไซรัส​มหาราช​แห่ง​เปอร์เซีย.

ไซรัส​เริ่ม​ก้าว​ขึ้น​มา​มี​ชื่อเสียง​ตั้ง​แต่​ประมาณ​ปี 560/559 ก.ส.ศ. เมื่อ​ท่าน​ครอง​ราชย์​ต่อ​จาก​บิดา​ของ​ท่าน คือ​แคมบีซิส​ที่ 1 ขึ้น​สู่​บัลลังก์​แห่ง​แอนแชน ซึ่ง​เป็น​เมือง​หรือ​เขต​หนึ่ง​ใน​เปอร์เซีย​โบราณ. ตอน​นั้น​แอนแชน​ขึ้น​อยู่​กับ​แอสไทอาจิส กษัตริย์​มีเดีย. ไซรัส​กบฏ​ต่อ​การ​ปกครอง​ของ​มีเดีย และ​ท่าน​ได้​ชัย​ชนะ​อย่าง​รวด​เร็ว​เนื่อง​จาก​กองทัพ​ของ​แอสไทอาจิส​เอา​ใจ​ออก​หาก​มา​อยู่​ฝ่าย​ไซรัส. แล้ว​ชาว​มีเดีย​ก็​ภักดี​ต่อ​ไซรัส. ตั้ง​แต่​นั้น​มา ชาว​มีเดีย​และ​ชาว​เปอร์เซีย​ก็​ต่อ​สู้​เคียง​บ่า​เคียง​ไหล่​กัน​ภาย​ใต้​การ​นำ​ของ​ไซรัส. โดย​วิธี​นี้​จึง​เกิด​มี​การ​ปกครอง​ของ​มิโด-เปอร์เซีย​ซึ่ง​ใน​ที่​สุด​ก็​ขยาย​อาณา​เขต​จาก​ทะเล​อีเจียน​ไป​ถึง​แม่น้ำ​สินธุ.—ดู​แผนที่.

ตอน​แรก​ไซรัส​เคลื่อน​กอง​กำลัง​ผสม​ของ​มีเดีย​และ​เปอร์เซีย​ไป​ควบคุม​จุด​ที่​เป็น​ปัญหา—คือ​ส่วน​ทาง​ตะวัน​ตก​ของ​มีเดีย ซึ่ง​เครอซุส กษัตริย์​แห่ง​ลิเดีย​ได้​ขยาย​อาณา​เขต​ของ​ท่าน​เข้า​มา​ใน​อาณา​เขต​ของ​มีเดีย. ไซรัส​บุก​ไป​ที่​พรม​แดน​ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​จักรวรรดิ​ลิเดีย​ใน​เอเชีย​น้อย เอา​ชนะ​เครอซุส และ​ยึด​ซาร์ดิส​เมือง​หลวง​ของ​ท่าน. แล้ว​ไซรัส​จึง​ปราบ​เมือง​ของ​ไอโอเนีย​และ​ยึด​เอเชีย​น้อย​ทั้ง​หมด​เข้า​ไว้​ใน​อาณา​เขต​ของ​จักรวรรดิ​มิโด-เปอร์เซีย. ท่าน​จึง​กลาย​มา​เป็น​คู่​แข่ง​คน​สำคัญ​ของ​บาบูโลน​และ​นะโบไนดัส​กษัตริย์​ของ​บาบูโลน.

แล้ว​ไซรัส​ก็​เตรียม​การ​เผชิญ​หน้า​กับ​บาบูโลน​อัน​เกรียง​ไกร. ตั้ง​แต่​จุด​นั้น​เป็น​ต้น​มา ท่าน​ได้​เข้า​มา​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​สำเร็จ​สม​จริง​ของ​คำ​พยากรณ์​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. เกือบ​สอง​ศตวรรษ​ก่อน​หน้า​นั้น พระ​ยะโฮวา​ได้​ทรง​ระบุ​ชื่อ​ไซรัส​ผ่าน​ทาง​ผู้​พยากรณ์​ยะซายา​ว่า ท่าน​จะ​เป็น​ผู้​ปกครอง​ที่​จะ​โค่น​ล้ม​บาบูโลน​และ​ปลด​ปล่อย​ชาว​ยิว​จาก​พันธนาการ. เป็น​เพราะ​การ​แต่ง​ตั้ง​ล่วง​หน้า​นี้​เอง​ที่​ทำ​ให้​พระ​คัมภีร์​เรียก​ไซรัส​ว่า​เป็น “ผู้​ถูก​เจิม” ของ​พระ​ยะโฮวา.—ยะซายา 44:26-28, ล.ม.

เมื่อ​ไซรัส​ยก​มา​ต่อ​สู้​บาบูโลน​ใน​ปี 539 ก.ส.ศ. ท่าน​เผชิญ​กับ​งาน​ที่​น่า​ครั่นคร้าม. กรุง​นี้​มี​กำแพง​ใหญ่​มหึมา​ล้อม​รอบ​และ​มี​คู​เมือง​ที่​ทั้ง​ลึก​และ​กว้าง​ซึ่ง​มี​น้ำ​จาก​แม่น้ำ​ยูเฟรทิส กรุง​นี้​ดู​เหมือน​ไม่​อาจ​พิชิต​ได้. บริเวณ​ที่​แม่น้ำ​ยูเฟรทิส​ไหล​ผ่าน​เมือง​ก็​มี​กำแพง​สูง​ราว​กับ​ขุน​เขา​พร้อม​ด้วย​ประตู​ทองแดง​บาน​ใหญ่​ตลอด​แนว​บน​ริม​ฝั่ง​แม่น้ำ. ไซรัส​จะ​ตี​กรุง​บาบูโลน​ได้​อย่าง​ไร?

กว่า​หนึ่ง​ศตวรรษ​ก่อน​หน้า​นั้น พระ​ยะโฮวา​ทรง​ตรัส​ไว้​ล่วง​หน้า​ถึง “ความ​หายนะ​เหนือ​น้ำ​ของ​กรุง​นี้” และ​ทรง​ตรัส​ว่า “น้ำ​นั้น​จะ​ต้อง​แห้ง​ไป.” (ยิระมะยา 50:38, ล.ม.) จริง​ตาม​คำ​พยากรณ์​นี้ ไซรัส​เบี่ยง​แม่น้ำ​ยูเฟรทิส​ให้​ไหล​ไป​ทาง​อื่น​ช่วง​ไม่​กี่​กิโลเมตร​ทาง​เหนือ​ของ​กรุง​บาบูโลน. แล้ว​กองทัพ​ของ​ท่าน​ก็​ลุย​ก้น​แม่น้ำ​มา ปีน​ขึ้น​ฝั่ง​ไป​ที่​กำแพง และ​เข้า​กรุง​นั้น​อย่าง​ง่าย​ดาย​เนื่อง​จาก​ประตู​ทองแดง​ถูก​เปิด​ทิ้ง​ไว้. เหมือน “นก​กิน​เหยื่อ” ที่​โฉบ​เหยื่อ​อย่าง​รวด​เร็ว ผู้​ปกครอง​คน​นี้—“จาก​ทิศ​ตะวัน​ออก”—ยึด​กรุง​บาบูโลน​ได้​ใน​คืน​เดียว!

สำหรับ​ชาว​ยิว​ใน​กรุง​บาบูโลน ชัย​ชนะ​ของ​ไซรัส​หมาย​ถึง​การ​ปลด​ปล่อย​ที่​รอ​มา​นาน​จาก​การ​เป็น​เชลย และ​จุด​จบ​ของ​การ​ร้าง​เปล่า 70 ปี​ของ​มาตุภูมิ​ของ​เขา. พวก​เขา​ต้อง​ตื่นเต้น​สัก​เพียง​ไร​เมื่อ​ไซรัส​ออก​คำ​ประกาศ​อนุญาต​ให้​พวก​เขา​กลับ​ไป​กรุง​ยะรูซาเลม​และ​สร้าง​พระ​วิหาร​ขึ้น​ใหม่​ได้! ไซรัส​ยัง​ได้​คืน​ภาชนะ​ล้ำ​ค่า​ของ​พระ​วิหาร​ซึ่ง​นะบูคัดเนซัร​ได้​นำ​ไป​บาบูโลน, อนุญาต​ให้​นำ​เข้า​ไม้​จาก​เลบานอน, และ​ให้​ทุน​จาก​ราชสำนัก​เพื่อ​รอง​รับ​ค่า​ใช้​จ่าย​ใน​การ​ก่อ​สร้าง​ด้วย.—เอษรา 1:1-11; 6:3-5.

ตาม​ปกติ ไซรัส​ดำเนิน​นโยบาย​ที่​มี​มนุษยธรรม​และ​ยอม​ทน​ให้​ใน​การ​ปฏิบัติ​ต่อ​ชาว​ประเทศ​ที่​ท่าน​พิชิต​ได้. สาเหตุ​หนึ่ง​สำหรับ​ลักษณะ​นิสัย​นี้​อาจ​เป็น​เพราะ​ศาสนา​ของ​ท่าน. ไซรัส​คง​ยึด​ถือ​คำ​สอน​ของ​โซโรอัสเตอร์ ศาสดา​ชาว​เปอร์เซีย และ​นมัสการ​พระ​อหุระ มาซดะ—เทพเจ้า​ที่​คิด​กัน​ว่า​เป็น​ผู้​สร้าง​สิ่ง​ดี​ทุก​อย่าง. ฟาร์ฮัง เมร์ เขียน​ใน​หนังสือ​ของ​เขา​ชื่อ​ประเพณี​ของ​พวก​โซโรอัสเตอร์ (ภาษา​อังกฤษ) ว่า “โซโรอัสเตอร์​แสดง​ว่า​พระเจ้า​สมบูรณ์​ด้าน​ศีลธรรม. เขา​บอก​ผู้​คน​ว่า​อหุระ มาซดะ ​ไม่​ชอบ​แก้แค้น​แต่​มี​ความ​ยุติธรรม และ​จึง​ไม่​ควร​กลัว​แต่​ควร​จะ​รัก​เทพเจ้า​องค์​นี้.” ความ​เชื่อ​ใน​เทพเจ้า​ที่​มี​ศีลธรรม​และ​ยุติธรรม​อาจ​ส่ง​ผล​ต่อ​จริยธรรม​ของ​ไซรัส​และ​กระตุ้น​ให้​แสดง​ความ​ใจ​กว้าง​และ​ความ​ยุติธรรม.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม กษัตริย์​องค์​นี้​ทน​ภูมิ​อากาศ​ของ​กรุง​บาบูโลน​แทบ​ไม่​ได้. ฤดู​ร้อน​ก็​ร้อน​ระอุ​จน​เหลือ​ที่​ท่าน​จะ​ทน​ไหว. ดัง​นั้น ขณะ​ที่​กรุง​บาบูโลน​ยัง​คง​เป็น​ราชธานี​ของ​จักรวรรดิ และ​เป็น​ศูนย์กลาง​ด้าน​ศาสนา​และ​วัฒนธรรม ท่าน​ไม่​ค่อย​ได้​ใช้​กรุง​นี้​ทำ​อะไร​อื่น​นอก​เหนือ​จาก​ใช้​เป็น​เมือง​หลวง​ฤดู​หนาว​เท่า​นั้น. ที่​จริง หลัง​จาก​พิชิต​บาบูโลน​ได้​แล้ว ไม่​นาน​ไซรัส​ก็​กลับ​ไป​เมือง​หลวง​ฤดู​ร้อน​ของ​ท่าน คือ​กรุง​เอกบาทานา ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​สูง​กว่า​ระดับ​น้ำ​ทะเล 1,900 เมตร ที่​เชิง​เขา​แอลวันด์. ที่​นั่น มี​ฤดู​หนาว​อัน​หนาว​เหน็บ​แต่​มี​ฤดู​ร้อน​ที่​เย็น​สบาย​เป็น​สิ่ง​ที่​ท่าน​ชอบ​มาก​กว่า. ไซรัส​ยัง​ได้​สร้าง​วัง​อัน​งดงาม​ใน​พาซาร์กาดี (ใกล้​กรุง​เพอร์เซโพลิส) ที่​ซึ่ง​เมื่อ​ก่อน​เคย​เป็น​เมือง​หลวง​ของ​ท่าน ซึ่ง​อยู่ 650 กิโลเมตร​ทาง​ตะวัน​ออก​เฉียง​ใต้​ของ​เอกบาทานา. ที่​พัก​นี้​เป็น​สถาน​ที่​พักผ่อน​อัน​สงบ​ของ​ท่าน.

ไซรัส​จึง​ทิ้ง​ความ​ประทับใจ​ไว้​ใน​ฐานะ​เป็น​ผู้​พิชิต​ที่​กล้า​หาญ และ​กษัตริย์​ผู้​ยอม​ทน​ให้. การ​ปกครอง​ของ​ท่าน​ที่​ยาว​นาน 30 ปี​จบ​ลง​เมื่อ​ท่าน​สิ้น​ชีวิต​ใน​ปี 530 ก.ส.ศ. ขณะ​ที่​ท่าน​กำลัง​ทำ​สงคราม. บุตร​ของ​ท่าน แคมบีซิส​ที่ 2 สืบ​บัลลังก์​แห่ง​เปอร์เซีย​ต่อ​จาก​ท่าน.

คุณ​ได้​เรียน​รู้​อะไร?

• ไซรัส​ชาว​เปอร์เซีย​เป็น ‘ผู้​ถูก​เจิม’ ของ​พระ​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​ไร?

• ไซรัส​ทำ​งาน​รับใช้​ที่​มี​ค่า​อะไร​บ้าง​ต่อ​ไพร่พล​ของ​พระ​ยะโฮวา?

• ไซรัส​ปฏิบัติ​อย่าง​ไร​ต่อ​ชาว​ประเทศ​ที่​ท่าน​พิชิต​ได้?

[แผน​ที่]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​หนังสือ)

จักรวรรดิ​มิโด-เปอร์เซีย

มาซิโดเนีย

เมมฟิส

อียิปต์

เอธิโอเปีย

ยะรูซาเลม

บาบูโลน

เอกบาทานา

ซูซา

เพอร์เซโพลิส

อินเดีย

[ภาพ]

ที่​ฝัง​ศพ​ของ​ไซรัส ใน​เมือง​พาซาร์กาดี

[ภาพ]

รูป​สลัก​ลาย​นูน​ที่​เมือง​พาซาร์กาดี แสดง​ภาพ​ของ​ไซรัส

[กรอบ/ภาพ​หน้า 153-161]

กษัตริย์​หนุ่ม​พิชิต​โลก

ประมาณ 2,300 ปี​มา​แล้ว แม่ทัพ​ผม​สี​บลอนด์​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​มี​อายุ 20 กว่า​ปี​กำลัง​ยืน​อยู่​บน​ชายฝั่ง​ทะเล​เมดิเตอร์เรเนียน. สายตา​ของ​ท่าน​จ้อง​ไป​ที่​เมือง​บน​เกาะ​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​ออก​ไป​เกือบ​หนึ่ง​กิโลเมตร. เมื่อ​ถูก​ปฏิเสธ​ไม่​ให้​เข้า​เมือง แม่ทัพ​ที่​โกรธ​จัด​ผู้​นี้​จึง​ตั้งใจ​จะ​พิชิต​เมือง​นั้น​ให้​ได้. อะไร​คือ​แผนการ​ของ​ท่าน​ใน​การ​โจมตี? ก็​คือ​การ​สร้าง​ทาง​ข้าม​ไป​ถึง​เกาะ​นั้น​และ​ระดม​กำลัง​โจมตี​เมือง​นั้น. การ​สร้าง​ทาง​ข้าม​ได้​เริ่ม​ขึ้น​แล้ว.

แต่​สาสน์​จาก​กษัตริย์​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​แห่ง​จักรวรรดิ​เปอร์เซีย​เข้า​มา​ขัด​จังหวะ​แม่ทัพ​หนุ่ม. ผู้​ปกครอง​แห่ง​เปอร์เซีย​ต้องการ​สงบ​ศึก​อย่าง​ยิ่ง จึง​ยื่น​ข้อ​เสนอ​พิเศษ​คือ ทองคำ 10,000 ตะลันต์ (มูลค่า​ใน​ปัจจุบัน​คือ​กว่า​สอง​พัน​ล้าน​ดอลลาร์), ยก​บุตร​สาว​คน​หนึ่ง​ของ​กษัตริย์​ให้​สมรส, และ​ให้​ครอง​ส่วน​ทาง​ตะวัน​ตก​ทั้ง​หมด​ของ​จักรวรรดิ​เปอร์เซีย. ทั้ง​หมด​นี้​เป็น​ข้อ​เสนอ​เพื่อ​แลก​เปลี่ยน​กับ​ครอบครัว​ของ​กษัตริย์ ซึ่ง​ถูก​แม่ทัพ​จับ​ตัว​มา.

แม่ทัพ​ที่​ต้อง​เผชิญ​การ​ตัดสิน​ใจ​ว่า​จะ​รับ​หรือ​ปฏิเสธ​ข้อ​เสนอ​นี้​คือ​อะเล็กซานเดอร์​ที่ 3 แห่ง​มาซิโดเนีย. ท่าน​ควร​จะ​รับ​ข้อ​เสนอ​นี้​ไหม? นัก​ประวัติศาสตร์ อุลริค วิลค์เคน กล่าว​ว่า “มัน​เป็น​ช่วง​เวลา​ที่​สำคัญ​ยิ่ง​สำหรับ​โลก​ยุค​โบราณ. แท้​จริง ผล​จาก​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​ท่าน​นั้น​กระทบ​มา​ถึง​ยุค​กลาง​เรื่อย​มา​จน​ถึง​สมัย​ของ​เรา ทั้ง​ทาง​ตะวัน​ออก​และ​ทาง​ตะวัน​ตก.” ก่อน​ที่​เรา​จะ​พิจารณา​คำ​ตอบ​ของ​อะเล็กซานเดอร์ ขอ​ให้​เรา​ดู​ว่า​มี​เหตุ​การณ์​อะไร​บ้าง​ที่​นำ​ไป​สู่​ช่วง​หัว​เลี้ยว​หัว​ต่อ​นี้.

การ​ก้าว​สู่​ผู้​พิชิต

อะเล็กซานเดอร์​เกิด​ที่​เพล​ลา มาซิโดเนีย ใน​ปี 356 ก.ส.ศ. บิดา​ของ​ท่าน​คือ​กษัตริย์​ฟิลิป​ที่ 2 และ​มารดา​คือ​นาง​โอลิมเปียส. นาง​สอน​อะเล็กซานเดอร์​ว่า กษัตริย์​มาซิโดเนีย​สืบ​เชื้อ​สาย​มา​จาก​เฮอร์คิวลิส บุตร​ของ​ซูส เทพเจ้า​กรีก. ตาม​ที่​โอลิมเปีย​สบ​อก บรรพบุรุษ​ของ​อะเล็กซานเดอร์​คือ​อะคิลลิส วีรบุรุษ​ใน​บท​กวี​ของ​โฮเมอร์​เรื่อง​อิเลียด. โดย​ได้​รับ​การ​หล่อ​หลอม​จาก​บิดา​มารดา​ใน​เรื่อง​การ​พิชิต​และ​ใน​เรื่อง​สง่า​ราศี​ของ​กษัตริย์ อะเล็กซานเดอร์​วัย​เยาว์​แทบ​ไม่​ได้​สนใจ​เรื่อง​อื่น​เลย. เมื่อ​ถูก​ถาม​ว่า​จะ​วิ่ง​แข่ง​ใน​การ​แข่งขัน​กีฬา​โอลิมปิก​ไหม อะเล็กซานเดอร์​ตอบ​ว่า​ท่าน​จะ​ลง​หาก​ได้​วิ่ง​แข่ง​กับ​กษัตริย์. ท่าน​ทะเยอทะยาน​อยาก​ทำ​สิ่ง​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​กิจการ​ของ​บิดา​ของ​ท่าน และ​อยาก​ได้​สง่า​ราศี​จาก​ความ​สำเร็จ.

เมื่อ​อายุ 13 ปี อะเล็กซานเดอร์​ได้​รับ​การ​สอน​จาก​อาริสโตเติล นัก​ปรัชญา​กรีก​ผู้​ซึ่ง​ช่วย​ท่าน​ให้​พัฒนา​ความ​สนใจ​ด้าน​ปรัชญา, การ​แพทย์, และ​วิทยาศาสตร์. ยัง​คง​มี​การ​ถกเถียง​กัน​ว่า คำ​สอน​ทาง​ปรัชญา​ของ​อาริสโตเติล​ส่ง​ผล​ต่อ​แนว​ความ​คิด​ของ​อะเล็กซานเดอร์​มาก​น้อย​สัก​แค่​ไหน. เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์ นัก​ปรัชญา​แห่ง​ศตวรรษ​ที่ 20 ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า “ดู​เหมือน​จะ​รอบคอบ​กว่า​ที่​จะ​บอก​ว่า​มี​ไม่​มาก​นัก​ที่​ทั้ง​สอง​เห็น​พ้อง​ต้อง​กัน. แนว​คิด​ทาง​การ​เมือง​ของ​อาริสโตเติล​อยู่​บน​พื้น​ฐาน​ของ​ระบบ​นครรัฐ​กรีก ซึ่ง​กำลัง​เสื่อม​ลง.” แนว​คิด​เรื่อง​การ​ปกครอง​แบบ​นครรัฐ​เล็ก ๆ ไม่​ดึงดูด​ใจ​เจ้า​ชาย​ผู้​ทะเยอทะยาน​ซึ่ง​ต้องการ​สร้าง​จักรวรรดิ​รวม​ศูนย์​ที่​ยิ่ง​ใหญ่. นอก​จาก​นี้ อะเล็กซานเดอร์​คง​ต้อง​สงสัย​ใน​คำ​สอน​ของ​อาริสโตเติล​ที่​ให้​ปฏิบัติ​ต่อ​คน​ที่​ไม่​ใช่​ชาว​กรีก​ใน​ฐานะ​ทาส เพราะ​ท่าน​นึก​ภาพ​เห็น​จักรวรรดิ​ที่​เจริญ​รุ่งเรือง​ด้วย​ความ​ร่วม​มือ​กัน​ระหว่าง​ผู้​ชนะ​กับ​ผู้​ถูก​พิชิต.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม ไม่​มี​ข้อ​สงสัย​ว่า​อาริสโตเติล​ได้​ส่ง​เสริม​ความ​สนใจ​ของ​อะเล็กซานเดอร์​ใน​การ​อ่าน​และ​การ​เรียน​รู้. อะเล็กซานเดอร์​เป็น​นัก​อ่าน​ตัว​ยง​ตลอด​ชีวิต​ของ​ท่าน ท่าน​ชื่น​ชอบ​ข้อ​เขียน​ของ​โฮเมอร์​เป็น​พิเศษ. กล่าว​กัน​ว่า​ท่าน​จำ​เรื่อง​อิเลียด—โคลง​ทั้ง 15,693 บรรทัด—ได้​ขึ้น​ใจ.

การ​ศึกษา​จาก​อาริสโตเติล​ต้อง​ยุติ​ลง​กลาง​คัน​ใน​ปี 340 ก.ส.ศ. เมื่อ​เจ้า​ชาย​วัย 16 ปี​กลับ​ไป​เพล​ลา​เพื่อ​จะ​ปกครอง​มาซิโดเนีย​เมื่อ​บิดา​ของ​ท่าน​ไม่​อยู่. และ​ไม่​ช้า มกุฎราชกุมาร​ผู้​นี้​ก็​สำแดง​ตัว​โดด​เด่น​ใน​วีรกรรม​ทาง​ทหาร. ด้วย​ความ​ชื่นชม​ของ​ฟิลิป ท่าน​ปราบ​กบฏ​เผ่า​แมดี​แห่ง​เทรส​ได้​อย่าง​รวด​เร็ว, บุก​เข้า​ยึด​เมือง​หลัก​ของ​พวก​เขา, และ​ตั้ง​ชื่อ​ให้​ใหม่​ว่า​อะเล็กซานดรูโพลิส ตาม​ชื่อ​ของ​ท่าน​เอง.

ดำเนิน​การ​พิชิต

การ​ลอบ​สังหาร​ฟิลิป​ใน​ปี 336 ก.ส.ศ. ทำ​ให้​อะเล็กซานเดอร์​ใน​วัย 20 ปี​ได้​รับ​บัลลังก์​แห่ง​มาซิโดเนีย. อะเล็กซานเดอร์​เข้า​ทวีป​เอเชีย​ทาง​ช่องแคบ​เฮลเลสพอนต์ (ปัจจุบัน​คือ​ช่องแคบ​ดาร์ดาเนลส์) ใน​ฤดู​ใบ​ไม้​ผลิ​ปี 334 ก.ส.ศ. ท่าน​เริ่ม​ทำ​สงคราม​เพื่อ​การ​พิชิต​ด้วย​กองทัพ​เล็ก ๆ แต่​ก็​มี​ประสิทธิภาพ​ด้วย​ทหาร​ราบ 30,000 คน​และ​ทหาร​ม้า 5,000 คน. ใน​กองทัพ​ของ​ท่าน​ยัง​มี​วิศวกร, นัก​สำรวจ, สถาปนิก, นัก​วิทยาศาสตร์, และ​นัก​ประวัติศาสตร์​ร่วม​อยู่​ด้วย.

อะเล็กซานเดอร์​รบ​ชนะ​พวก​เปอร์เซีย​เป็น​ครั้ง​แรก​ที่​แม่น้ำ​แกรนิคุส​ทาง​ตะวัน​ตก​เฉียง​เหนือ​ของ​เอเชีย​น้อย (ปัจจุบัน​เป็น​ประเทศ​ตุรกี). ฤดู​หนาว​ปี​นั้น ท่าน​พิชิต​ทาง​ตะวัน​ตก​ของ​เอเชีย​น้อย. ใน​ฤดู​ใบ​ไม้​ร่วง​ถัด​มา มี​การ​สู้​รบ​ครั้ง​ใหญ่​ครั้ง​ที่​สอง​กับ​พวก​เปอร์เซีย​ที่​อิสซุส ทาง​ตะวัน​ออก​เฉียง​ใต้​ของ​เอเชีย​น้อย. กษัตริย์​ดาระยาศ​ที่ 3 ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​พร้อม​ด้วย​กอง​ทหาร​ประมาณ​ห้า​แสน​คน​มา​ที่​นั่น​เพื่อ​รบ​กับ​อะเล็กซานเดอร์. ดาระยาศ​ผู้​มั่น​ใจ​มาก​เกิน​ไป​ได้​นำ​มารดา, ภรรยา, และ​สมาชิก​คน​อื่น ๆ ใน​ครอบครัว​ของ​ท่าน​มา​ด้วย​เพื่อ​พวก​เขา​จะ​ได้​เป็น​พยาน​ถึง​สิ่ง​ที่​ท่าน​คิด​ว่า​จะ​เป็น​ชัย​ชนะ​อัน​ยิ่ง​ใหญ่. แต่​พวก​เปอร์เซีย​ไม่​ได้​เตรียม​ตัว​สำหรับ​การ​จู่​โจม​อย่าง​กะทันหัน​และ​รุนแรง​ของ​พวก​มาซิโดเนีย. กอง​กำลัง​ของ​อะเล็กซานเดอร์​เอา​ชนะ​กองทัพ​เปอร์เซีย​ได้​อย่าง​เด็ดขาด และ​ดาระยาศ​ก็​หนี​ไป ทิ้ง​ครอบครัว​ของ​ท่าน​ไว้​ใน​กำ​มือ​ของ​อะเล็กซานเดอร์.

แทน​ที่​จะ​ไล่​ตาม​พวก​เปอร์เซีย​ที่​กำลัง​หนี อะเล็กซานเดอร์​เดิน​ทัพ​ไป​ทาง​ใต้​ตาม​ชายฝั่ง​ทะเล​เมดิเตอร์เรเนียน ปราบ​ฐาน​ที่​มั่น​ของ​กองทัพ​เรือ​ที่​เกรียง​ไกร​ของ​เปอร์เซีย. แต่​ตุโร เมือง​ที่​อยู่​บน​เกาะ​ได้​ต่อ​ต้าน​การ​บุกรุก. อะเล็กซานเดอร์​ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​พิชิต​เมือง​นี้​ให้​ได้ ท่าน​เริ่ม​การ​ล้อม​เมือง​ซึ่ง​ใช้​เวลา​นาน​ถึง​เจ็ด​เดือน. ใน​ระหว่าง​การ​ล้อม​นี้​เอง​ที่​ดาระยาศ​ได้​ยื่น​ข้อ​เสนอ​เพื่อ​สงบ​ศึก​ดัง​ที่​กล่าว​ข้าง​ต้น. การ​ยินยอม​นี้​น่า​ดึงดูด​ใจ​ถึง​ขนาด​ที่​มี​บันทึก​กล่าว​ว่า ที่​ปรึกษา​ผู้​ซึ่ง​อะเล็กซานเดอร์​ไว้​ใจ​ชื่อ พาร์เมนีโอ กล่าว​ว่า ‘หาก​ข้า​ฯ​เป็น​อะเล็กซานเดอร์ ข้า​ฯ​จะ​รับ.’ แต่​แม่ทัพ​หนุ่ม​ตอบ​กลับ​ว่า ‘ข้า​ฯ​ก็​จะ​รับ​เช่น​กัน หาก​ข้า​ฯ​เป็น​พาร์เมนีโอ.’ อะเล็กซานเดอร์​ไม่​ยอม​ตก​ลง​ด้วย ท่าน​ล้อม​เมือง​ต่อ​ไป​และ​ทำลาย​เจ้า​แห่ง​น่าน​น้ำ​ที่​หยิ่ง​ผยอง​ใน​เดือน​กรกฎาคม ปี 332 ก.ส.ศ.

อะเล็กซานเดอร์​ไม่​ได้​ทำลาย​กรุง​ยะรูซาเลม​ซึ่ง​ยอม​แพ้​ท่าน ท่าน​มุ่ง​ลง​ใต้​เพื่อ​พิชิต​กาซา. ขณะ​ที่​อียิปต์​ระอา​ต่อ​การ​ปกครอง​ของ​เปอร์เซีย พวก​เขา​ยินดี​ต้อนรับ​ท่าน​ฐานะ​เป็น​ผู้​ปลด​ปล่อย. ที่​กรุง​เมมฟิส​ท่าน​ถวาย​เครื่อง​บูชา​แก่​เอพิส​ที่​เป็น​พระ​โค จึง​ทำ​ให้​พวก​ปุโรหิต​ชาว​อียิปต์​พอ​ใจ. ท่าน​ยัง​วาง​ราก​เมือง​อะเล็กซานเดรีย​ด้วย ซึ่ง​ใน​เวลา​ต่อ​มา​เมือง​นี้​เป็น​คู่​แข่ง​กับ​กรุง​เอเธนส์​ใน​ฐานะ​ศูนย์กลาง​ของ​การ​ศึกษา​และ​ยัง​คง​ใช้​ชื่อ​ของ​ท่าน​อยู่.

ต่อ​จาก​นั้น อะเล็กซานเดอร์​มุ่ง​ไป​ทาง​ตะวัน​ออก​เฉียง​เหนือ ผ่าน​ปาเลสไตน์​และ​ไป​ถึง​แม่น้ำ​ไทกริส. ใน​ปี 331 ก.ส.ศ. ท่าน​เข้า​สู่​การ​รบ​ครั้ง​ใหญ่​ครั้ง​ที่​สาม​กับ​พวก​เปอร์เซีย ที่​เกากาเมลา ไม่​ไกล​จาก​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ของ​เมือง​นีนะเว. ที่​นี่​เอง ทหาร 47,000 คน​ของ​อะเล็กซานเดอร์​ได้​เอา​ชนะ​กองทัพ​เปอร์เซีย​ที่​ได้​รับ​การ​ปฏิรูป​ใหม่​ซึ่ง​มี​ทหาร​อย่าง​น้อย 250,000 คน! ดาระยาศ​หนี​ไป​และ​ต่อ​มา​ถูก​สังหาร​โดย​คน​ของ​ท่าน​เอง.

ด้วย​ความ​ฮึกเหิม​ใน​ชัย​ชนะ อะเล็กซานเดอร์​ลง​ใต้​และ​ยึด​กรุง​บาบูโลน​เมือง​หลวง​ฤดู​หนาว​ของ​เปอร์เซีย. ท่าน​ได้​ยึด​เมือง​หลวง​ที่​กรุง​ซูซา และ​กรุง​เพอร์เซโพลิส​ด้วย ยึด​สมบัติ​มหาศาล​ของ​ชาว​เปอร์เซีย​และ​เผา​วัง​อัน​ใหญ่​โต​ของ​เซอร์เซส. สุด​ท้าย เมือง​หลวง​ที่​เอกบาทานา​ก็​ถูก​ท่าน​ยึด. แล้ว​ผู้​พิชิต​ซึ่ง​ว่องไว​คน​นี้​ก็​พิชิต​อาณา​เขต​ที่​เหลือ​ของ​เปอร์เซีย​ไป​ไกล​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ออก​ถึง​แม่น้ำ​สินธุ ซึ่ง​ปัจจุบัน​อยู่​ใน​ปากีสถาน.

เมื่อ​ข้าม​แม่น้ำ​สินธุ ที่​เขต​พรม​แดน​ของ​แคว้น​แทกซิลา​แห่ง​เปอร์เซีย อะเล็กซานเดอร์​พบ​กับ​คู่​ต่อ​สู้​ที่​น่า​เกรง​ขาม กษัตริย์​โพรุส​แห่ง​อินเดีย. อะเล็กซานเดอร์​รบ​ครั้ง​ใหญ่​เป็น​ครั้ง​ที่​สี่​และ​เป็น​ครั้ง​สุด​ท้าย​ของ​ท่าน​กับ​โพรุส​ใน​เดือน​มิถุนายน​ปี 326 ก.ส.ศ. กองทัพ​ของ​โพรุส​ประกอบ​ด้วย​ทหาร 35,000 คน​และ​ช้าง 200 เชือก​ที่​ทำ​ให้​ม้า​ของ​ชาว​มาซิโดเนีย​ตื่น​กลัว. การ​สู้​รบ​รุนแรง​และ​นอง​เลือด แต่​กอง​กำลัง​ของ​อะเล็กซานเดอร์​ได้​ชัย​ชนะ. โพรุส​ยอม​แพ้​และ​กลาย​มา​เป็น​พันธมิตร.

กว่า​แปด​ปี​ได้​ผ่าน​ไป​แล้ว​ตั้ง​แต่​กองทัพ​ชาว​มาซิโดเนีย​เข้า​มา​ใน​เอเชีย และ​ทหาร​ทั้ง​หลาย​ก็​อิดโรย​และ​คิด​ถึง​บ้าน. พวก​เขา​ท้อ​แท้​เนื่อง​จาก​การ​รบ​อัน​ดุเดือด​กับ​โพรุส พวก​เขา​จึง​อยาก​กลับ​บ้าน. ถึง​แม้​ตอน​แรก​อะเล็กซานเดอร์​ไม่​ต้องการ​ให้​กลับ ท่าน​ก็​ยอม​ตาม​ความ​ต้องการ​ของ​ทหาร. กรีซ​ได้​กลาย​เป็น​มหาอำนาจ​โลก​อย่าง​แท้​จริง. เมื่อ​มี​การ​ตั้ง​อาณานิคม​กรีก​ขึ้น​ใน​ดินแดน​ที่​พิชิต​ได้ ภาษา​และ​ประเพณี​กรีก​ก็​แพร่​ขยาย​ไป​ตลอด​ทั่ว​อาณาจักร.

บุรุษ​ที่​อยู่​หลัง​โล่

สิ่ง​ที่​ยึด​เหนี่ยว​กองทัพ​ชาว​มาซิโดเนีย​ไว้​ด้วย​กัน​ตลอด​หลาย​ปี​แห่ง​การ​พิชิต​คือ​บุคลิกภาพ​ของ​อะเล็กซานเดอร์​เอง. หลัง​จาก​การ​สู้​รบ​แต่​ละ​ครั้ง เป็น​ธรรมเนียม​ของ​อะเล็กซานเดอร์​ที่​จะ​เยี่ยม​ผู้​บาดเจ็บ, ตรวจ​ดู​บาดแผล​ของ​พวก​เขา, ยกย่อง​เหล่า​ทหาร​สำหรับ​วีรกรรม​ของ​พวก​เขา, และ​ให้​เกียรติยศ​พวก​เขา​โดย​ให้​เงิน​รางวัล​ตาม​ความ​สำเร็จ​ของ​พวก​เขา. ส่วน​คน​ที่​เสีย​ชีวิต​ใน​การ​รบ อะเล็กซานเดอร์​จัด​การ​ฝัง​ศพ​ให้​อย่าง​สง่า​งาม. บิดา​มารดา​และ​บุตร​ของ​ผู้​เสีย​ชีวิต​จะ​ได้​รับ​การ​ยก​เว้น​ภาษี​และ​งาน​หลวง​ทุก​อย่าง. สำหรับ​การ​พักผ่อน​หย่อนใจ​หลัง​จาก​การ​สู้​รบ อะเล็กซานเดอร์​จัด​การ​เล่น​กีฬา​และ​การ​แข่งขัน​ต่าง ๆ. ครั้ง​หนึ่ง ท่าน​ถึง​กับ​จัด​ให้​ทหาร​ที่​พึ่ง​สมรส​ใหม่​ลา​พัก คือ​อนุญาต​ให้​พวก​เขา​ใช้​เวลา​ช่วง​ฤดู​หนาว​กับ​ภรรยา​ใน​มาซิโดเนีย. การ​ทำ​อย่าง​นี้​ทำ​ให้​ท่าน​ได้​รับ​ความ​รักใคร่​และ​ความ​นิยม​ชม​ชอบ​จาก​ทหาร​ของ​ท่าน.

ส่วน​เรื่อง​การ​สมรส​ของ​อะเล็กซานเดอร์​กับ​เจ้า​หญิง​ร็อกซานา​ชาว​แบกเทรีย ผู้​เขียน​ชีวประวัติ​ชาว​กรีก​ชื่อ พลูทาร์ก เขียน​ว่า “นับ​ว่า​เป็น​เรื่อง​ของ​ความ​รัก​จริง ๆ กระนั้น ดู​เหมือน​ว่า​ใน​ขณะ​เดียว​กัน​เรื่อง​นี้​มี​ส่วน​ช่วย​ให้​ท่าน​บรรลุ​วัตถุ​ประสงค์​ของ​ท่าน​ด้วย. เพราะ​ผู้​ที่​ถูก​พิชิต​พอ​ใจ​ที่​เห็น​ท่าน​เลือก​ภรรยา​จาก​ท่ามกลาง​พวก​ตน และ​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​พวก​เขา​รู้สึก​ชื่น​ชอบ​ท่าน​มาก​ขึ้น​ไป​อีก​ก็​คือ การ​ที่​ได้​รู้​ว่า​ถึง​แม้​นี่​จะ​เป็น​ความ​รัก​เดียว​ที่​ท่าน​มี บุรุษ​ผู้​ระงับ​ใจ​ตน​เอง​ได้​ดี​ที่​สุด​ใน​บรรดา​บุรุษ​ทั้ง​ปวง ก็​ไม่​ได้​มี​ความ​สัมพันธ์​กับ​เธอ​จน​กระทั่ง​ท่าน​สามารถ​ได้​เธอ​มา​อย่าง​ถูก​กฎหมาย​และ​อย่าง​มี​เกียรติ.”

อะเล็กซานเดอร์​ยัง​เคารพ​ต่อ​การ​สมรส​ของ​ผู้​อื่น​ด้วย. แม้​ว่า​ราชินี​ของ​กษัตริย์​ดาระยาศ​เป็น​เชลย​ของ​ท่าน ท่าน​คอย​ดู​แล​ให้​นาง​ได้​รับ​การ​ปฏิบัติ​อย่าง​มี​เกียรติ. ทำนอง​เดียว​กัน เมื่อ​รู้​ว่า​ทหาร​ชาว​มาซิโดเนีย​สอง​คน​ข่มขืน​ภรรยา​ของ​คน​แปลก​หน้า ท่าน​สั่ง​ให้​ประหาร​คน​ทั้ง​สอง​หาก​พบ​ว่า​มี​ความ​ผิด​จริง.

อะเล็กซานเดอร์​เคร่ง​ศาสนา​เหมือน​โอลิมเปียส มารดา​ของ​ท่าน. ท่าน​จะ​ถวาย​เครื่อง​บูชา​ก่อน​และ​หลัง​การ​สู้​รบ​ทั้ง​ปรึกษา​ผู้​ทำนาย​เกี่ยว​กับ​ความหมาย​ของ​ลาง​ต่าง ๆ. ท่าน​ยัง​ได้​ปรึกษา​คน​ทรง​แห่ง​อำโมน​ใน​ลิเบีย. และ​ที่​บาบูโลน​ท่าน​ติด​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ของ​ชาว​แคลเดีย​เกี่ยว​กับ​การ​บูชา โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ต่อ​เบล (มาร์ดุก) เทพเจ้า​แห่ง​บาบูโลน.

แม้​ว่า​อะเล็กซานเดอร์​จะ​เป็น​คน​ประมาณ​ตน​ใน​นิสัย​การ​รับประทาน แต่​ใน​ที่​สุด​ท่าน​ก็​ปล่อย​ตัว​เป็น​คน​ดื่ม​จัด. ยิ่ง​ดื่ม​มาก​ท่าน​ก็​ยิ่ง​พูด​มาก​และ​โอ้อวด​ใน​ความ​สำเร็จ​ของ​ท่าน. การ​กระทำ​ที่​ชั่ว​ช้า​ที่​สุด​ครั้ง​หนึ่ง​ของ​อะเล็กซานเดอร์​คือ​การ​ประหาร​คลีทุส สหาย​ของ​ท่าน​ด้วย​อารมณ์​ชั่ว​วูบ​ตอน​ที่​เมา​สุรา. แต่​อะเล็กซานเดอร์​โทษ​ตัว​เอง​มาก​ถึง​ขนาด​ที่​ท่าน​นอน​อยู่​บน​เตียง​สาม​วัน​โดย​ไม่​รับ​อาหาร​หรือ​น้ำ​เลย. ใน​ที่​สุด สหาย​ของ​ท่าน​ก็​สามารถ​ชักจูง​ท่าน​ให้​รับประทาน​ได้.

เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป ความ​ปรารถนา​ของ​อะเล็กซานเดอร์​ต่อ​สง่า​ราศี​ทำ​ให้​เกิด​ลักษณะ​นิสัย​อื่น ๆ ที่​ไม่​พึง​ปรารถนา​ขึ้น. ท่าน​เริ่ม​เชื่อ​การ​ใส่​ร้าย​และ​พร้อม​จะ​สั่ง​ลง​โทษ​แบบ​รุนแรง​ที่​สุด. ยก​ตัว​อย่าง เมื่อ​ถูก​ชักจูง​ให้​เชื่อ​ว่า​ฟิโลทัส​พัวพัน​กับ​การ​พยายาม​จะ​สังหาร​ท่าน อะเล็กซานเดอร์​สั่ง​ประหาร​เขา​พร้อม​กับ​พาร์เมนีโอ บิดา​ของ​เขา ซึ่ง​ครั้ง​หนึ่ง​เคย​เป็น​ที่​ปรึกษา​ที่​ท่าน​ไว้​ใจ.

การ​พ่าย​แพ้​ของ​อะเล็กซานเดอร์

เมื่อ​กลับ​มา​บาบูโลน​ได้​ไม่​นาน อะเล็กซานเดอร์​ก็​ล้ม​ป่วย​เป็น​ไข้​มาลาเรีย ซึ่ง​ท่าน​ไม่​ได้​ฟื้น​ขึ้น​มา​อีก​เลย. ใน​วัน​ที่ 13 มิถุนายน 323 ก.ส.ศ. เมื่อ​อายุ​ได้​เพียง 32 ปี 8 เดือน อะเล็กซานเดอร์​ได้​ยอม​แพ้​แก่​ศัตรู​ที่​น่า​เกรง​ขาม​ที่​สุด นั่น​คือ​ความ​ตาย.

นี่​เป็น​ดัง​ที่​นัก​ปราชญ์​ชาว​อินเดีย​พวก​หนึ่ง​ได้​กล่าว​ไว้ “โอ้ กษัตริย์​อะเล็กซานเดอร์ มนุษย์​แต่​ละ​คน​เป็น​เจ้าของ​ผืน​แผ่นดิน​มาก​เท่า ๆ กับ​ที่​พวก​ข้าพเจ้า​ยืน​อยู่​นี้; และ​ท่าน​ก็​เป็น​มนุษย์​เหมือน​กัน​กับ​คน​อื่น ๆ เว้น​เสีย​แต่​ว่า​ท่าน​เต็ม​ไป​ด้วย​กิจกรรม​และ​ไม่​ยอม​ท้อ​ถอย ท่าน​ท่อง​ไป​มา​ทั่ว​โลก​ไกล​แสน​ไกล​จาก​บ้าน​ของ​ท่าน ทำ​ให้​ท่าน​เอง​ลำบาก และ​ทำ​ให้​คน​อื่น​ลำบาก. แต่​ไม่​ช้า ท่าน​ก็​จะ​สิ้น​ชีวิต และ​ท่าน​จะ​ได้​เป็น​เจ้าของ​ผืน​แผ่นดิน​มาก​พอ​แค่​จะ​ฝัง​ศพ​ของ​ท่าน​เท่า​นั้น.”

คุณ​ได้​เรียน​รู้​อะไร?

• ภูมิ​หลัง​ของ​อะเล็กซานเดอร์​มหาราช​เป็น​เช่น​ไร?

• ไม่​นาน​หลัง​จาก​ได้​สืบ​ทอด​บัลลังก์​แห่ง​มาซิโดเนีย อะเล็กซานเดอร์​เข้า​สู่​การ​ทำ​สงคราม​อะไร?

• จง​พรรณนา​การ​พิชิต​ของ​อะเล็กซานเดอร์​สัก​สอง​สาม​ตัว​อย่าง.

• อาจ​กล่าว​ได้​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​บุคลิกภาพ​ของ​อะเล็กซานเดอร์?

[แผนที่]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​หนังสือ)

การ​พิชิต​ของ​อะเล็กซานเดอร์

มาซิโดเนีย

อียิปต์

บาบูโลน

แม่น้ำ​สินธุ

[ภาพ]

อะเล็กซานเดอร์

[ภาพ]

อาริสโตเติล​และ​อะเล็กซานเดอร์ ลูก​ศิษย์

[ภาพ​เต็ม​หน้า]

[ภาพ]

เหรียญ​ที่​กล่าว​กัน​ว่า​แสดง​รูป​ของ​อะเล็กซานเดอร์​มหาราช

[กรอบ/ภาพ หน้า 162, 163]

อาณาจักร​อัน​กว้าง​ใหญ่​ถูก​แบ่ง​แยก

คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ล่วง​หน้า​เกี่ยว​กับ​อาณาจักร​ของ​อะเล็กซานเดอร์​มหาราช​ว่า​จะ​แตก​ออก​และ​ถูก​แบ่ง​แยก แต่ “ไม่​ได้​ตก​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​ทายาท​ของ​ท่าน.” (ดานิเอล 11:3, 4) เป็น​จริง​อย่าง​นั้น ภาย​ใน​ช่วง 14 ปี​หลัง​จาก​อะเล็กซานเดอร์​สิ้น​ชีวิต​อย่าง​กะทันหัน​ใน​ปี 323 ก.ส.ศ. อะเล็กซานเดอร์​ที่ 4 บุตร​ตาม​กฎหมาย​ของ​ท่าน และ​ฮีรา-คลีส​บุตร​นอก​กฎหมาย​ของ​ท่าน​ก็​ถูก​ลอบ​สังหาร.

พอ​ถึง​ปี 301 ก.ส.ศ. แม่ทัพ​สี่​คน​ของ​อะเล็กซานเดอร์​ก็​สถาปนา​ตน​เอง​ขึ้น​มา​มี​อำนาจ​เหนือ​จักรวรรดิ​อัน​กว้าง​ใหญ่​ที่​ผู้​บังคับ​บัญชา​ของ​ตน​ได้​สร้าง​ขึ้น. แม่ทัพ​คัสซันเดอร์​ยึด​ครอง​มาซิโดเนีย​และ​กรีซ. แม่ทัพ​ลีซิมาคุส​ได้​เอเชีย​น้อย​และ​เทรส. เซเลอคุส​ที่ 1 นิคาเตอร์​ได้​เมโสโปเตเมีย​และ​ซีเรีย. และ​ปโตเลมี ลากุส หรือ​ปโตเลมี​ที่ 1 ปกครอง​อียิปต์​และ​ปาเลสไตน์. จาก​อาณาจักร​ใหญ่​อาณาจักร​เดียว​ของ​อะเล็กซานเดอร์​จึง​เกิด​เป็น​อาณาจักร​กรีก​สี่​อาณาจักร.

ใน​อาณาจักร​กรีก​สี่​อาณาจักร​นี้ การ​ปกครอง​ของ​คัสซันเดอร์​มี​อายุ​สั้น​ที่​สุด. ไม่​กี่​ปี​หลัง​จาก​คัสซันเดอร์​ขึ้น​มา​มี​อำนาจ เชื้อ​สาย​ของ​ท่าน​ที่​เป็น​ชาย​ก็​หมด​ไป และ​ใน​ปี 285 ก.ส.ศ. ลีซิมาคุส​ยึด​จักรวรรดิ​กรีก​ส่วน​ใน​ยุโรป​ไว้​ได้. สี่​ปี​ต่อ​มา ลีซิมาคุส​เสีย​ชีวิต​ใน​การ​รบ​กับ​เซเลอคุส​ที่ 1 นิคาเตอร์ ทำ​ให้​เซเลอคุส​ได้​ควบคุม​ส่วน​หลัก​ของ​อาณา​เขต​ใน​เอเชีย. เซเลอคุส​กลาย​เป็น​ต้น​ตระกูล​ของ​กษัตริย์​เชื้อ​สาย​เซเลอคิด​ใน​ซีเรีย. ท่าน​ก่อ​ตั้ง​เมือง​อันติโอเกีย​ใน​ซีเรีย​และ​สร้าง​เป็น​เมือง​หลวง​แห่ง​ใหม่​ของ​ท่าน. เซเลอคุส​ถูก​ลอบ​สังหาร​ใน​ปี 281 ก.ส.ศ. แต่​ราชวงศ์​ที่​ท่าน​ก่อ​ตั้ง​ขึ้น​มี​อำนาจ​อยู่​จน​กระทั่ง​ปี 64 ก.ส.ศ. เมื่อ​ปอมปีย์ แม่ทัพ​โรมัน​ยึด​ซีเรีย​ให้​เป็น​แคว้น​หนึ่ง​ของ​โรม.

ใน​สี่​อาณาจักร​ที่​แบ่ง​แยก​ออก​มา​จาก​จักรวรรดิ​ของ​อะเล็กซานเดอร์ อาณาจักร​ของ​ปโตเลมี​ยืน​อยู่​ได้​นาน​ที่​สุด. ปโตเลมี​ที่ 1 ได้​รับ​ตำแหน่ง​กษัตริย์​ใน​ปี 305 ก.ส.ศ. และ​กลาย​เป็น​กษัตริย์​หรือ​ฟาโรห์ ชาว​มาซิโดเนีย​องค์​แรก​แห่ง​อียิปต์. ท่าน​ตั้ง​อะเล็กซานเดรีย​เป็น​เมือง​หลวง และ​เริ่ม​โครงการ​พัฒนา​เมือง​ทันที. หนึ่ง​ใน​โครงการ​ก่อ​สร้าง​ที่​ใหญ่​ที่​สุด​ของ​ท่าน​คือ​ห้อง​สมุด​อะเล็กซานเดรีย​อัน​โด่งดัง. ปโตเลมี​นำ​ดีมีตรีอุส ฟาลีรีอุส​ผู้​คง​แก่​เรียน​ซึ่ง​มี​ชื่อเสียง มา​จาก​กรีซ​เพื่อ​จะ​ดู​แล​โครงการ​ก่อ​สร้าง​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​นี้. มี​บันทึก​ว่า พอ​ถึง​ศตวรรษ​ที่​หนึ่ง​แห่ง​สากล​ศักราช ห้อง​สมุด​นี้​มี​ม้วน​หนังสือ​ถึง​หนึ่ง​ล้าน​ม้วน. ราชวงศ์​ปโตเลมี​ครอง​อียิปต์​ต่อ​ไป​จน​กระทั่ง​พ่าย​แพ้​แก่​โรม​ใน​ปี 30 ก.ส.ศ. แล้ว​โรม​จึง​แทน​ที่​กรีซ​ฐานะ​เป็น​มหาอำนาจ​โลก​ที่​ครอบ​งำ​อยู่.

คุณ​ได้​เรียน​รู้​อะไร?

• จักรวรรดิ​กว้าง​ใหญ่​ของ​อะเล็กซานเดอร์​ถูก​แบ่ง​แยก​อย่าง​ไร?

• กษัตริย์​เชื้อ​สาย​เซเลอคิด​ปกครอง​มา​จน​ถึง​เมื่อ​ไร?

• อาณาจักร​ปโตเลมี​แห่ง​อียิปต์​มา​ถึง​จุด​จบ​เมื่อ​ไร?

[แผนที่]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​หนังสือ)

การ​แบ่ง​แยก​จักรวรรดิ​ของ​อะเล็กซานเดอร์

คัสซันเดอร์

ปโตเลมี​ที่ 1

ลีซิมาคุส

เซเลอคุส​ที่ 1

[ภาพ]

ปโตเลมี​ที่ 1

เซเลอคุส​ที่ 1

[แผนผัง/ภาพ​หน้า 139]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​หนังสือ)

มหาอำนาจ​โลก​ใน​คำ​พยากรณ์​ของ​ดานิเอล

รูป​ปั้น​มหึมา (ดานิเอล 2:31-45)

สัตว์​สี่​ตัว​ขึ้น​มา​จาก​ทะเล (ดานิเอล 7:3-8, 17, 25)

บาบิโลเนีย ตั้ง​แต่​ปี 607 ก.ส.ศ.

มิโด-เปอร์เซีย ตั้ง​แต่​ปี 539 ก.ส.ศ.

กรีซ ตั้ง​แต่​ปี 331 ก.ส.ศ.

โรม ตั้ง​แต่​ปี 30 ก.ส.ศ.

มหาอำนาจ​แองโกล-อเมริกัน ตั้ง​แต่​ปี ส.ศ. 1763

โลก​ที่​แตก​แยก​ทาง​การ​เมือง ใน​เวลา​อวสาน

[ภาพ​เต็ม​หน้า 149]

[ภาพ​เต็ม​หน้า 147]

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์