-
คำพยากรณ์—บันทึกที่ไร้ข้อผิดพลาดหอสังเกตการณ์ 2012 | 1 มิถุนายน
-
-
คำพยากรณ์—บันทึกที่ไร้ข้อผิดพลาด
“ในสิ่งสารพัตรอันดีนั้น, ซึ่งยะโฮวาพระเจ้าของท่านทรงตรัสถึงท่านแล้วหาได้ขาดสักสิ่งเดียวไม่.”—ยะโฮซูอะ 23:14
คัมภีร์ไบเบิลต่างจากหนังสืออื่นอย่างไร? เป็นที่รู้กันว่าคำทำนายสมัยโบราณมักคลุมเครือและเชื่อถือไม่ได้. การพยากรณ์ดวงชะตาราศีในสมัยนี้ก็ไม่ต่างกัน. วิชาอนาคตศาสตร์ก็เป็นเพียงการวิเคราะห์อนาคตโดยอาศัยสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ไม่ใช่การพยายามบอกล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายศตวรรษข้างหน้า. ในทางตรงกันข้าม คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลให้รายละเอียดมากมายและสำเร็จเป็นจริงเสมอ แม้จะบอกล่วงหน้าถึง “สิ่งซึ่งยังไม่เกิดขึ้นไว้ตั้งแต่เวลาโบราณ.”—ยะซายา 46:10
ตัวอย่าง: ในศตวรรษที่หกก่อนสากลศักราช ผู้พยากรณ์ดานิเอลได้เห็นนิมิตที่บอกล่วงหน้าว่าอาณาจักรมิโด–เปอร์เซียจะถูกจักรวรรดิกรีกโค่นอำนาจอย่างรวดเร็ว. นิมิตนั้นยังบอกด้วยว่าเมื่อ “มีกำลัง” หรือได้ชัยชนะแล้ว จักรวรรดิกรีกก็ “หัก” หรือล่มสลาย. ใครจะขึ้นมาแทนจักรวรรดินี้? ดานิเอลเขียนว่า “สี่อาณาจักรจะบังเกิดขึ้นจากประเทศของเขา, แต่ก็ไม่เรืองนามเหมือนดังตัวเขา.”—ดานิเอล 8:5-8, 20-22
นักประวัติศาสตร์กล่าวอย่างไร? มากกว่า 200 ปีหลังจากสมัยของดานิเอล อะเล็กซานเดอร์มหาราชเถลิงอำนาจขึ้นเป็นกษัตริย์ของจักรวรรดิกรีก. ภายในสิบปี อะเล็กซานเดอร์ก็โค่นจักรวรรดิมิโด-เปอร์เซียลงได้ และแผ่ขยายจักรวรรดิกรีกออกไปไกลถึงแม่น้ำสินธุ (ปัจจุบันอยู่ในปากีสถาน). แต่เขาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันในวัย 32 ปี. ในที่สุด การสู้รบที่เกิดขึ้นใกล้กับอิพซุสในเอเชียน้อยได้ทำให้อาณาจักรของเขาล่มสลาย. แม่ทัพสี่คนที่ได้ชัยชนะในสงครามครั้งนี้จึงแบ่งจักรวรรดิกรีกออกเป็นสี่ส่วนและครอบครองกันคนละส่วน. อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครในพวกเขาเรืองอำนาจเท่ากับอะเล็กซานเดอร์.
คุณคิดอย่างไร? มีหนังสือเล่มใดไหมที่สามารถพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำเช่นนี้? หรือมีเพียงคัมภีร์ไบเบิลเล่มเดียวเท่านั้น?
“คัมภีร์ไบเบิลมีคำพยากรณ์ . . . มากมายจนไม่มีทางที่ทุกข้อจะสำเร็จเป็นจริงได้โดยบังเอิญ.”—คัมภีร์ไบเบิลในมุมมองของนักกฎหมาย โดยเออร์วิน เอช. ลินทัน
-
-
ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่นิยายหอสังเกตการณ์ 2012 | 1 มิถุนายน
-
-
ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่นิยาย
“ข้าพเจ้าได้สืบเสาะทุกเรื่องตั้งแต่ต้นอย่างถูกต้องแม่นยำ.”—ลูกา 1:3
คัมภีร์ไบเบิลต่างจากหนังสืออื่นอย่างไร? ตำนานและเทพนิยายมักเล่าเรื่องราวที่ตื่นเต้นสนุกสนานโดยไม่ระบุสถานที่ วันเวลา และชื่อของบุคคลในประวัติศาสตร์. ในทางตรงกันข้าม คัมภีร์ไบเบิลมีรายละเอียดทางประวัติศาสตร์มากมายซึ่งช่วยให้ผู้อ่านมั่นใจว่าสิ่งที่เขียนไว้ “ทุกคำเป็นความจริง.”—บทเพลงสรรเสริญ 119:160, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
ตัวอย่าง: คัมภีร์ไบเบิลบันทึกว่า “นะบูคัดเนซัรกษัตริย์บาบูโลน . . . เอายะโฮยาคิน [กษัตริย์แห่งยูดาห์] ไปยังกรุงบาบูโลน.” ต่อมา “เอวิลมะโรดัดกษัตริย์บาบูโลนได้ขึ้นเสวยราชย์ในปีนั้น ท่านก็ถอดยะโฮยาคินกษัตริย์ยูดาออกจากเรือนจำ.” และได้ “ประทานอาหารให้ท่าน [ยะโฮยาคิน] เสมอทุก ๆ วันจนตลอดชีวิตของท่าน.”—2 กษัตริย์ 24:11, 15; 25:27-30
นักโบราณคดีค้นพบอะไร? ในกองซากปรักหักพังของบาบิโลนโบราณ นักโบราณคดีได้พบเอกสารราชการที่ทำขึ้นในสมัยของนะบูคัดเนซัรที่ 2. เอกสารเหล่านี้กล่าวถึงการปันส่วนอาหารให้แก่นักโทษและคนอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในวังของกษัตริย์. ในบัญชีนี้มีชื่อของ “เยาคิน [ยะโฮยาคิน]” ซึ่งเป็น “กษัตริย์แห่งแผ่นดินยาฮูด (ยูดาห์)” กับครอบครัวของเขารวมอยู่ด้วย. แล้วเอวิลมะโรดัดผู้สืบบัลลังก์ต่อจากนะบูคัดเนซัรมีตัวตนจริงไหม? ข้อความจารึกบนแจกันอันหนึ่งที่พบใกล้เมืองซูซาเขียนไว้ว่า “พระราชวังของเอมิล-มาร์ดุก [เอวิลมะโรดัด] กษัตริย์แห่งบาบิโลน โอรสของนะบูคัดเนซัรกษัตริย์แห่งบาบิโลน.”
คุณคิดอย่างไร? มีข้อเขียนเก่าแก่ทางศาสนาเล่มใดไหมที่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ได้อย่างแม่นยำและเฉพาะเจาะจงเช่นนี้? หรือมีเพียงคัมภีร์ไบเบิลเล่มเดียวเท่านั้น?
[คำโปรยหน้า 5]
“บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์และสถานที่มีความถูกต้องแม่นยำและน่าเชื่อถือยิ่งกว่าข้อมูลที่พบในข้อเขียนโบราณอื่น ๆ.”—การตรวจสอบพันธสัญญาเดิมด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยโรเบิร์ต ดี. วิลสัน
[ภาพหน้า 5]
เอกสารราชการของชาวบาบิโลนที่กล่าวถึงกษัตริย์ยะโฮยาคินแห่งยูดาห์
[ที่มาของภาพหน้า 5]
© bpk Berlin/Vorderasiatisches Museum SMB/Olaf M. Tessmer/Art Resource NY
-
-
ถูกต้องตามวิทยาศาสตร์หอสังเกตการณ์ 2012 | 1 มิถุนายน
-
-
ถูกต้องตามวิทยาศาสตร์
“เราได้เขียนข้อความเหล่านั้นประกอบด้วยคำเตือนสติและความรู้ให้เจ้าไว้แล้วไม่ใช่หรือ; เพื่อจะทำให้เจ้ารู้จักแก่นความจริงในถ้อยคำเหล่านั้น?”—สุภาษิต 22:20, 21
คัมภีร์ไบเบิลต่างจากหนังสืออื่นอย่างไร? หนังสือในยุคโบราณมักมีแนวคิดที่ไม่ถูกต้องและเป็นอันตรายซึ่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง. แม้แต่ในทุกวันนี้ผู้เขียนตำราต่าง ๆ ก็ยังต้องปรับปรุงเนื้อหาในตำราของเขาให้สอดคล้องกับการค้นพบใหม่ ๆ. แต่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าผู้ประพันธ์หนังสือเล่มนี้คือพระผู้สร้าง และพระคำของพระองค์ “ดำรงอยู่เป็นนิตย์.”—1 เปโตร 1:25
ตัวอย่าง: พระบัญญัติที่พระเจ้าประทานแก่โมเซสั่งให้ชาวอิสราเอลขับถ่ายอุจจาระลงในหลุมที่อยู่ “นอกค่าย” และกลบให้มิดชิด. (พระบัญญัติ 23:12, 13) ถ้าพวกเขาแตะต้องซากสัตว์หรือศพคนตาย ชาวอิสราเอลต้องซักเสื้อผ้าของตน. (เลวีติโก 11:27, 28; อาฤธโม 19:14-16) ในสมัยนั้นคนที่เป็นโรคเรื้อนต้องถูกกักบริเวณจนกว่าจะได้รับการตรวจและยืนยันว่าโรคเรื้อนในตัวเขาไม่สามารถแพร่ไปสู่ผู้อื่นแล้ว.—เลวีติโก 13:1-8
การแพทย์สมัยใหม่เผยให้เห็นอะไร? การขับถ่ายของเสียอย่างถูกสุขลักษณะ การล้างมือ และการกักบริเวณผู้ป่วยเป็นวิธีที่ได้ผลในการต่อสู้กับเชื้อโรค. แต่ถ้าในละแวกนั้นไม่มีห้องส้วมหรือระบบสุขาภิบาลที่ดี ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) แนะนำว่า “ให้ขับถ่ายอุจจาระห่างจากแหล่งน้ำอย่างน้อย 30 เมตรและฝังกลบทุกครั้ง.” องค์การอนามัยโลกกล่าวว่าถ้าคนในชุมชนรู้จักขจัดอุจจาระอย่างถูกวิธี พวกเขาจะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคท้องร่วงได้ถึง 36 เปอร์เซ็นต์. ไม่ถึง 200 ปีมานี้เองที่แพทย์พบว่าพวกเขาทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากติดโรค เมื่อพวกเขาไม่ได้ล้างมือหลังจากแตะต้องศพ. ปัจจุบัน ศูนย์ซีดีซียังยืนยันว่า การล้างมือเป็น “วิธีที่ได้ผลที่สุดวิธีเดียวในการป้องกันการติดเชื้อ.” แล้วการกักตัวผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อนหรือโรคติดต่ออื่น ๆ เป็นวิธีที่ได้ผลไหม? วารสารการแพทย์แห่งซาอุดี กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า “ตั้งแต่ตอนที่โรคเริ่มแพร่ระบาด การกักตัวหรือการแยกผู้ป่วยออกไปอยู่ต่างหากอาจเป็นวิธีเดียวและวิธีสุดท้ายที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ดีที่สุด.”
คุณคิดอย่างไร? มีหนังสือเก่าแก่ทางศาสนาเล่มใดไหมที่สอดคล้องลงรอยกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เช่นนี้? หรือมีเพียงคัมภีร์ไบเบิลเล่มเดียวเท่านั้น?
“ใคร ๆ ก็รู้สึกประทับใจคำแนะนำที่ละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับวิธีรักษาสุขอนามัยในสมัยของโมเซ.”—คู่มือเวชศาสตร์เขตร้อน โดยนพ. อัลโด คัสเตลลานีและนพ. อัลเบิร์ต เจ. ชัลเมอร์ส
-
-
สอดคล้องลงรอยตลอดทั้งเล่มหอสังเกตการณ์ 2012 | 1 มิถุนายน
-
-
สอดคล้องลงรอยตลอดทั้งเล่ม
“คำพยากรณ์ไม่เคยมีขึ้นตามใจมนุษย์ แต่มนุษย์พูดตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้พูดโดยได้รับการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์.”—2 เปโตร 1:21
คัมภีร์ไบเบิลต่างจากหนังสืออื่นอย่างไร? แม้แต่บันทึกเหตุการณ์ในอดีตที่เขียนขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันก็ยังขัดแย้งกันอยู่บ่อย ๆ. หนังสือที่เขียนขึ้นต่างเวลา ต่างสถานที่ โดยผู้เขียนหลายคนแทบไม่มีทางสอดคล้องลงรอยกันทั้งหมดได้. แต่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าหนังสือทั้ง 66 เล่มที่ประกอบกันเป็นคัมภีร์ไบเบิลมีผู้ประพันธ์เพียงผู้เดียว ฉะนั้น ข่าวสารที่อยู่ในหนังสือนี้จึงสอดคล้องลงรอยเป็นเรื่องเดียวกัน.—2 ติโมเธียว 3:16
ตัวอย่าง: โมเซ คนเลี้ยงแกะที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 16 ก่อน ส.ศ. ได้เขียนในหนังสือเล่มแรกของคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับ “พงศ์พันธุ์” หรือผู้สืบเชื้อสายที่จะมาช่วยมนุษยชาติให้รอด. ต่อมา ในหนังสือเล่มเดียวกันนี้มีการบอกล่วงหน้าว่าพงศ์พันธุ์นี้จะสืบเชื้อสายจากอับราฮาม ยิศฮาค และยาโคบ. (เยเนซิศ 3:15; 22:17, 18; 26:24; 28:14) หลังจากนั้น 500 ปี ผู้พยากรณ์นาธานเปิดเผยว่าพงศ์พันธุ์นี้จะมาเกิดในเชื้อวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด. (2 ซามูเอล 7:12) หนึ่งพันปีหลังจากนั้น อัครสาวกเปาโลได้อธิบายว่าพงศ์พันธุ์หรือผู้สืบเชื้อสายนี้จะประกอบด้วยพระเยซูกับเหล่าสาวกที่ถูกเลือกสรร. (โรม 1:1-4; กาลาเทีย 3:16, 29) ในที่สุด พอถึงตอนปลายศตวรรษที่หนึ่ง ส.ศ. หนังสือเล่มสุดท้ายของคัมภีร์ไบเบิลได้พยากรณ์ว่าผู้สืบเชื้อสายที่เหลืออยู่บนแผ่นดินโลกจะเป็นพยานหรือประกาศเรื่องพระเยซู และผู้สืบเชื้อสายทุกคนจะถูกปลุกขึ้นสู่ชีวิตในสวรรค์และปกครองร่วมกับพระเยซูเป็นเวลา 1,000 ปี. พระเยซูและเหล่าสาวกที่ประกอบกันเป็นผู้สืบเชื้อสายจะทำลายซาตานพญามารและช่วยมนุษยชาติให้รอด.—วิวรณ์ 12:17; 20:6-10
นักวิจารณ์คัมภีร์ไบเบิลกล่าวอย่างไร? หลังจากตรวจสอบหนังสือทั้ง 66 เล่มของคัมภีร์ไบเบิลอย่างละเอียด หลุยส์ โกซองได้เขียนว่าเขารู้สึกทึ่งมากที่เห็นว่า “หนังสือนี้สอดคล้องลงรอยกันอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะเขียนขึ้นในช่วงเวลานานถึงหนึ่งพันห้าร้อยปีโดยผู้เขียนหลายคน . . . ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกัน และพยายามบรรลุเป้าหมายนั้นทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ากำลังเขียนเรื่องการไถ่บาปมนุษย์โลกโดยทางพระบุตรของพระเจ้า.”—หนังสือTheopneusty—The Plenary Inspiration of the Holy Scriptures
คุณคิดอย่างไร? หนังสือที่ใช้เวลาเขียนนานกว่า 1,500 ปีโดยผู้เขียนราว ๆ 40 คนจะสอดคล้องลงรอยกันทั้งหมดได้ไหม? หรือมีเพียงคัมภีร์ไบเบิลเล่มเดียวเท่านั้น?
“เมื่อนำข้อเขียนเหล่านี้มารวมกัน เราก็ได้หนังสือเล่มหนึ่งที่มีเค้าโครงและเนื้อหาตรงกันพอดี . . . ไม่มีงานประพันธ์เล่มใดในโลกนี้จะเหมือนหรือแม้แต่เทียบเคียงกับหนังสือเล่มนี้ได้.”—ปัญหาของพันธสัญญาเดิม โดยเจมส์ ออร์
-
-
ใช้ได้จริงในทุกวันนี้หอสังเกตการณ์ 2012 | 1 มิถุนายน
-
-
ใช้ได้จริงในทุกวันนี้
“พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพเจ้า, และเป็นแสงสว่างตามทางของข้าพเจ้า.”—บทเพลงสรรเสริญ 119:105
คัมภีร์ไบเบิลต่างจากหนังสืออื่นอย่างไร? อาจมีงานประพันธ์มากมายที่ได้รับความนิยมตลอดทุกยุคทุกสมัย แต่งานประพันธ์เหล่านั้นไม่ได้ให้คำแนะนำที่ใช้ได้จริงในชีวิต. นอกจากนั้น คู่มือให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในสมัยนี้ก็ยังต้องปรับปรุงแก้ไขอยู่เรื่อย ๆ. ในทางตรงกันข้าม คัมภีร์ไบเบิลยืนยันว่า “สิ่งที่เขียนไว้ในสมัยก่อนนั้นก็เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา.”—โรม 15:4, ฉบับ R73
ตัวอย่าง: แม้คัมภีร์ไบเบิลจะไม่ใช่คู่มือแพทย์แต่ก็มีคำแนะนำที่ใช้ได้จริงมากมายที่ช่วยให้มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ. ตัวอย่างเช่น พระคัมภีร์กล่าวว่า “ใจที่สงบเป็นความจำเริญชีวิตฝ่ายกาย.” (สุภาษิต 14:30) นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลเตือนว่า “คนที่ปลีกตัวออกไปจากผู้อื่นจงใจจะทำตามตนเอง, และค้านคติแห่งปัญญาอันถูกต้องทั้งหลาย.” (สุภาษิต 18:1) แต่พระคัมภีร์บอกว่า “การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ.”—กิจการ 20:35
การศึกษาวิจัยเปิดเผยอะไร? การทำจิตใจให้สงบ การมีเพื่อนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน และการมีน้ำใจเอื้อเฟื้อจะทำให้คุณมีสุขภาพดีขึ้น. วารสารแพทยสมาคมแห่งอเมริกา รายงานว่า “ผู้ชายที่ชอบบันดาลโทสะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดสมองมากกว่าผู้ชายที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีถึงสองเท่า.” การศึกษาวิจัยที่ทำในออสเตรเลียเป็นเวลาสิบปีพบว่าผู้สูงอายุที่ “คบหากับเพื่อนฝูงเป็นประจำและมีคนที่สามารถพูดคุยเรื่องส่วนตัวได้” ดูเหมือนจะมีอายุยืนกว่า. ในปี 2008 นักวิจัยในแคนาดาและสหรัฐพบว่า “การใช้เงินเพื่อคนอื่นทำให้มีความสุขมากกว่าการใช้เงินเพื่อตัวเอง.”
คุณคิดอย่างไร? มีหนังสือเล่มใดอีกไหมที่สามารถให้คำแนะนำที่เชื่อถือได้ในเรื่องสุขภาพแม้จะเขียนไว้นานเกือบ 2,000 ปีแล้ว? หรือมีเพียงคัมภีร์ไบเบิลเล่มเดียวเท่านั้น?
[คำโปรยหน้า 8]
“คัมภีร์ไบเบิลทำให้ผมประทับใจมาก . . . เพราะมีคำแนะนำที่ดีเยี่ยมเกี่ยวกับสุขภาพ.”—นพ. โฮเวิร์ด เคลลี ผู้ร่วมก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์
-