-
พระเจ้ามีพระประสงค์เช่นไรต่อแผ่นดินโลก?คัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริงๆ?
-
-
บทสาม
พระเจ้ามีพระประสงค์เช่นไรต่อแผ่นดินโลก?
พระเจ้ามีพระประสงค์เช่นไรต่อมนุษย์?
พระเจ้าถูกท้าทายอย่างไร?
ชีวิตบนแผ่นดินโลกจะเป็นอย่างไรในอนาคต?
1. พระเจ้ามีพระประสงค์เช่นไรต่อแผ่นดินโลก?
พระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อแผ่นดินโลกนับว่ายอดเยี่ยมจริง ๆ. พระยะโฮวาทรงต้องการให้แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยผู้คนที่มีความสุขและมีสุขภาพดี. คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “[พระเจ้า] ทรงสร้างสวนแห่งหนึ่งไว้ในตำบลเอเดน” และพระองค์ “ทรงบันดาลให้ต้นไม้ทุกอย่างที่งามน่าดูและที่เป็นอาหารรับประทานดีงอกขึ้น.” หลังจากพระเจ้าได้สร้างอาดามและฮาวา ชายหญิงคู่แรกแล้ว พระองค์ทรงให้คนทั้งสองอยู่ในบ้านอันสวยงามนั้นแล้วสั่งเขาว่า “จงบังเกิดทวีมากขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน; จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน.” (เยเนซิศ 1:28; 2:8, 9, 15) ดังนั้น พระเจ้าประสงค์ให้มนุษย์มีลูกหลาน, ขยายบ้านที่เป็นสวนนั้นออกไปทั่วแผ่นดินโลก, และเอาใจใส่ดูแลพวกสัตว์.
2. (ก) เรารู้ได้อย่างไรว่าพระประสงค์ที่พระเจ้ามีต่อแผ่นดินโลกจะสำเร็จเป็นจริง? (ข) ตามที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ คนแบบไหนจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป?
2 คุณคิดว่าพระประสงค์ของพระยะโฮวาพระเจ้าที่ให้ผู้คนอยู่ในอุทยานบนแผ่นดินโลกจะมีวันเป็นจริงไหม? พระเจ้าประกาศว่า “เราได้พูดไว้แล้ว, และเราจะทำให้เกิดขึ้น.” (ยะซายา 46:9-11; 55:11) ใช่แล้ว สิ่งใดที่พระเจ้าประสงค์ พระองค์จะทำให้เกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน! พระเจ้าตรัสว่า พระองค์ “สร้างโลกไว้มิใช่ให้สับสนอลหม่าน, แต่เพื่อให้เป็นที่อาศัย.” (ยะซายา 45:18) พระเจ้าต้องการให้คนแบบไหนอยู่บนแผ่นดินโลก? และพระองค์ต้องการให้พวกเขาอยู่บนแผ่นดินโลกนี้นานเท่าไร? คัมภีร์ไบเบิลตอบว่า “คนสัตย์ธรรม จะได้แผ่นดินเป็นมฤดก, และจะอาศัยอยู่ที่นั่นต่อไปเป็นนิตย์.”—บทเพลงสรรเสริญ 37:29; วิวรณ์ 21:3, 4.
3. สภาพที่น่าสังเวชอะไรมีอยู่บนแผ่นดินโลกในเวลานี้ และเรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามอะไรขึ้น?
3 เห็นได้ชัดว่า พระประสงค์นี้ยังไม่เกิดขึ้นจริง. ตอนนี้ผู้คนเจ็บป่วยและตาย; พวกเขาถึงกับต่อสู้กันและฆ่ากัน. มีอะไรบางอย่างผิดพลาดไป. อย่างไรก็ตาม พระเจ้าไม่ประสงค์ให้โลกมีสภาพอย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้แน่ ๆ! เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพระประสงค์ของพระเจ้าไม่สำเร็จเป็นจริง? ไม่มีหนังสือประวัติศาสตร์เล่มใดที่มนุษย์เขียนขึ้นจะบอกเราได้ เพราะความยุ่งยากได้เริ่มต้นในสวรรค์.
ต้นกำเนิดของศัตรู
4, 5. (ก) จริง ๆ แล้วใครพูดกับฮาวาผ่านทางงู? (ข) คนที่เคยมีศีลธรรมและซื่อสัตย์อาจกลายเป็นขโมยได้อย่างไร?
4 พระธรรมเล่มแรกของคัมภีร์ไบเบิลบอกเรื่องผู้ต่อต้านพระเจ้าซึ่งได้ปรากฏตัวในสวนเอเดน. มีการเรียกผู้นี้ว่าเป็น “งู” แต่มันก็ไม่ใช่เป็นงูจริง ๆ. พระธรรมเล่มสุดท้ายของคัมภีร์ไบเบิลบอกว่า ผู้นั้นเป็น “พญามารและซาตานที่ชักนำทั้งโลกให้หลงผิด.” มันถูกเรียกด้วยว่า “งูตัวแรกเดิม.” (เยเนซิศ 3:1; วิวรณ์ 12:9) ทูตสวรรค์ที่มีอำนาจ หรือกายวิญญาณซึ่งเรามองไม่เห็นตนนี้ ได้ใช้งูมาพูดกับฮาวา เหมือนกับผู้ที่ชำนาญในการพูดโดยไม่ขยับริมฝีปากซึ่งทำให้ดูราวกับว่าหุ่นที่อยู่ใกล้ ๆ เขาเป็นฝ่ายพูด. แน่นอน กายวิญญาณตนนี้อยู่ด้วยตอนที่พระเจ้าเตรียมแผ่นดินโลกไว้สำหรับมนุษย์.—โยบ 38:4, 7.
5 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทุกสิ่งที่พระยะโฮวาทรงสร้างล้วนดีเยี่ยม ถ้าอย่างนั้นใครสร้าง “พญามาร” หรือ “ซาตาน”? พูดง่าย ๆ ก็คือ กายวิญญาณที่มีอำนาจองค์หนึ่งซึ่งเป็นบุตรของพระเจ้าได้ทำตัวเป็นพญามาร. เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร? เอาละ ทุกวันนี้คนที่เคยมีศีลธรรมและซื่อสัตย์ก็อาจกลายเป็นขโมยได้. นั่นเกิดขึ้นได้อย่างไร? คนนั้นอาจปล่อยให้ความปรารถนาที่ผิดเกิดขึ้นในหัวใจ. หากเขาคิดถึงเรื่องนั้นอยู่เรื่อย ๆ ความปรารถนาที่ผิดก็อาจรุนแรงขึ้น. แล้วถ้ามีโอกาส เขาก็อาจทำตามความปรารถนาที่ไม่ดีซึ่งเขาได้ครุ่นคิดอยู่.—ยาโกโบ 1:13-15.
6. บุตรกายวิญญาณที่มีอำนาจตนหนึ่งของพระเจ้ากลายเป็นซาตานพญามารได้อย่างไร?
6 เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับซาตานพญามาร. ดูเหมือนว่ามันได้ยินที่พระเจ้าบอกอาดามและฮาวาให้มีลูกหลานจนเต็มแผ่นดินโลก. (เยเนซิศ 1:27, 28) เป็นไปได้ที่ซาตานคิดว่า ‘มนุษย์ทั้งหมดนี้น่าจะนมัสการเราแทนที่จะนมัสการพระเจ้า!’ ดังนั้น ความปรารถนาที่ผิดได้เกิดขึ้นในหัวใจมัน. ในที่สุด มันได้หลอกฮาวาโดยโกหกเธอในเรื่องพระเจ้า. (เยเนซิศ 3:1-5) โดยวิธีนี้มันจึงกลายเป็น “ผู้หมิ่นประมาท” ซึ่งเป็นความหมายของคำในภาษาเดิมที่ได้รับการแปลว่า “พญามาร.” ในเวลาเดียวกัน มันก็กลายเป็น “ผู้ต่อต้าน” ซึ่งเป็นความหมายของคำในภาษาเดิมที่ได้รับการแปลว่า “ซาตาน.”
7. (ก) ทำไมอาดามและฮาวาจึงตาย? (ข) เพราะเหตุใดลูกหลานทั้งสิ้นของอาดามจึงแก่ลงและตาย?
7 โดยใช้คำโกหกและกลอุบาย ซาตานพญามารทำให้อาดามและฮาวาไม่เชื่อฟังพระเจ้า. (เยเนซิศ 2:17; 3:6) ผลคือ เขาทั้งสองตายในที่สุด ดังที่พระเจ้าได้ตรัสว่าเขาจะตายหากไม่เชื่อฟัง. (เยเนซิศ 3:17-19) เนื่องจากอาดามกลายเป็นคนไม่สมบูรณ์เมื่อเขาทำบาป ลูกหลานทั้งสิ้นของเขาจึงได้รับบาปจากเขาเป็นมรดก. (โรม 5:12) เรื่องนี้อาจเปรียบได้กับพิมพ์ทำขนม. หากพิมพ์มีรอยบุบ ขนมปังทุกอันที่ทำจากพิมพ์นั้นจะเป็นอย่างไร? ขนมปังแต่ละอันย่อมมีรอยบุบ หรือมีตำหนิ. คล้ายกัน มนุษย์แต่ละคนมีตำหนิ หรือได้รับความไม่สมบูรณ์จากอาดามเป็นมรดก. เพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงแก่ลงและตาย.—โรม 3:23.
8, 9. (ก) ดูเหมือนซาตานได้ตั้งข้อกล่าวหาอะไร? (ข) ทำไมพระเจ้าไม่ทำลายพวกกบฏทันที?
8 เมื่อซาตานชักนำอาดามและฮาวาให้ทำบาปต่อพระเจ้า จริง ๆ แล้วมันก่อให้เกิดการกบฏ. มันท้าทายวิธีการปกครองของพระยะโฮวา. ที่แท้แล้ว ซาตานบอกว่า ‘พระเจ้าเป็นผู้ปกครองที่ไม่ดี. พระองค์โกหกและกีดกันไม่ให้ประชาชนของพระองค์ได้รับสิ่งที่ดี. มนุษย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้การปกครองของพระเจ้า. พวกเขาตัดสินใจได้เองว่าอะไรดีอะไรชั่ว. และพวกเขาจะสุขสบายกว่าหากอยู่ภายใต้การปกครองของข้า.’ พระเจ้าจะจัดการอย่างไรกับข้อกล่าวหาที่ดูถูกเช่นนั้น? บางคนคิดว่า พระเจ้าน่าจะประหารชีวิตพวกกบฏนั้นเสีย. แต่การทำเช่นนั้นจะให้คำตอบสำหรับข้อกล่าวหาของซาตานไหม? นั่นจะพิสูจน์ไหมว่าวิธีการปกครองของพระเจ้าถูกต้อง?
9 ความรู้สึกอันสมบูรณ์พร้อมของพระยะโฮวาในเรื่องความยุติธรรมไม่ยอมให้พระองค์ประหารชีวิตพวกกบฏทันที. พระองค์ตัดสินพระทัยว่าต้องใช้เวลาเพื่อจะตอบข้อกล่าวหาของซาตานในวิธีที่น่าพอใจและเพื่อพิสูจน์ว่าพญามารเป็นตัวโกหก. ดังนั้น พระเจ้าตัดสินพระทัยว่าจะยอมให้มนุษย์ปกครองตัวเองสักระยะหนึ่งภายใต้อำนาจชักจูงของซาตาน. ในบท 11 ของหนังสือเล่มนี้จะมีการพิจารณาเหตุผลที่พระยะโฮวาทำเช่นนี้และเหตุผลที่พระองค์ยอมให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานก่อนที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านั้น. แต่ตอนนี้ เราน่าจะคิดในเรื่องนี้: ถูกต้องไหมที่อาดามและฮาวาเชื่อซาตาน ซึ่งไม่เคยทำอะไรดี ๆ ให้เขาสักอย่าง? ถูกต้องไหมที่พวกเขาจะเชื่อว่าพระยะโฮวา ซึ่งประทานทุกสิ่งที่เขามีอยู่นั้น เป็นจอมโกหกที่โหดร้าย? หากเป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร?
10. คุณจะอยู่ฝ่ายที่สนับสนุนพระยะโฮวาได้อย่างไรในการตอบข้อกล่าวหาของซาตาน?
10 นับว่าดีที่จะคิดถึงคำถามเหล่านี้เพราะเราแต่ละคนเผชิญกับประเด็นคล้ายกันในทุกวันนี้. ใช่แล้ว คุณมีโอกาสจะอยู่ฝ่ายที่สนับสนุนพระยะโฮวาในการตอบข้อกล่าวหาของซาตาน. คุณสามารถยอมรับพระยะโฮวาเป็นผู้ปกครองของคุณและช่วยพิสูจน์ว่าซาตานเป็นตัวโกหก. (บทเพลงสรรเสริญ 73:28; สุภาษิต 27:11) น่าเศร้าใจ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นจากท่ามกลางผู้คนหลายพันล้านคนในโลกนี้ที่ตัดสินใจเช่นนั้น. นี่ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นที่ว่า คัมภีร์ไบเบิลสอนจริง ๆ ไหมว่าซาตานปกครองโลกนี้?
ใครปกครองโลกนี้?
ซาตานจะเสนอบรรดาประเทศในโลกให้พระเยซูได้อย่างไร หากประเทศเหล่านั้นไม่ได้เป็นของมัน?
11, 12. (ก) การล่อใจพระเยซูเผยให้เห็นอย่างไรว่าซาตานเป็นผู้ปกครองโลกนี้? (ข) มีอะไรอีกที่พิสูจน์ว่าซาตานเป็นผู้ปกครองโลกนี้?
11 พระเยซูไม่เคยสงสัยว่าซาตานเป็นผู้ปกครองโลกนี้. ด้วยวิธีอัศจรรย์บางอย่าง ครั้งหนึ่งซาตานได้แสดงให้พระเยซูเห็น “อาณาจักรทั้งหมดของโลกกับความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรเหล่านั้น.” ครั้นแล้วซาตานก็สัญญากับพระเยซูว่า “เราจะมอบสิ่งทั้งปวงนี้แก่ท่านถ้าท่านหมอบลงนมัสการเราสักครั้ง.” (มัดธาย 4:8, 9; ลูกา 4:5, 6) ลองคิดดูสิ. ถ้าซาตานไม่ใช่ผู้ปกครองของบรรดาประเทศเหล่านั้น ข้อเสนอนี้จะเป็นการล่อใจ สำหรับพระเยซูไหม? พระเยซูไม่ได้ปฏิเสธว่ารัฐบาลทั้งหมดในโลกนี้เป็นของซาตาน. แน่นอน พระเยซูคงทำเช่นนั้น หากซาตานไม่ได้บงการอยู่เบื้องหลังรัฐบาลเหล่านี้.
12 แน่นอน พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ เป็นพระผู้สร้างเอกภพอันมหัศจรรย์. (วิวรณ์ 4:11) ถึงกระนั้น ไม่มีที่ไหนในคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวาพระเจ้าหรือพระเยซูคริสต์เป็นผู้ปกครองโลกนี้. ที่จริง พระเยซูตรัสถึงซาตานโดยเฉพาะว่า มันเป็น “ผู้ปกครองโลกนี้.” (โยฮัน 12:31; 14:30; 16:11) คัมภีร์ไบเบิลถึงกับเรียกซาตานพญามารว่า “พระเจ้าของยุคนี้.” (2 โครินท์ 4:3, 4) คริสเตียนอัครสาวกโยฮันเขียนเกี่ยวกับซาตาน หรือผู้ต่อต้านตนนี้ว่า “โลกทั้งโลกอยู่ในอำนาจตัวชั่วร้าย.”—1 โยฮัน 5:19.
โลกของซาตานจะถูกกำจัดออกไปอย่างไร?
13. ทำไมต้องมีโลกใหม่?
13 ขณะที่เวลาผ่านไปแต่ละปี โลกกลายเป็นสถานที่อันตรายมากขึ้นทุกที. โลกเต็มไปด้วยกองทัพที่สู้รบกัน, นักการเมืองที่ไม่ซื่อสัตย์, ผู้นำศาสนาที่หน้าซื่อใจคด, และพวกอาชญากรที่โหดเหี้ยม. ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงทั้งโลกให้ดีขึ้นได้. คัมภีร์ไบเบิลเปิดเผยว่า เวลาที่พระเจ้าจะกำจัดโลกชั่วในสงครามอาร์มาเก็ดดอนของพระองค์นั้นใกล้เข้ามาแล้ว. สงครามนี้จะเตรียมทางไว้สำหรับโลกใหม่ที่ชอบธรรม.—วิวรณ์ 16:14-16.
14. พระเจ้าทรงเลือกใครเป็นผู้ปกครองในราชอาณาจักรของพระองค์ และมีการบอกล่วงหน้าอย่างไรในเรื่องนี้?
14 พระยะโฮวาพระเจ้าทรงเลือกพระเยซูคริสต์เป็นผู้ปกครองในราชอาณาจักรหรือรัฐบาลของพระองค์ทางภาคสวรรค์. คัมภีร์ไบเบิลได้บอกล่วงหน้านานมาแล้วว่า “จะมีบุตรคนหนึ่งเกิดขึ้นในพวกเรา, คือทรงประทานบุตราคนหนึ่งให้แก่พวกเรา, และท่านได้แบกการปกครองไว้เหนือบ่าของท่าน, และเขาจะขนานนามของท่านว่า . . . องค์สันติราช. ความจำเริญรุ่งเรืองแห่งรัฐบาลของท่านและสันติสุขจะไม่รู้สิ้นสุด.” (ยะซายา 9:6, 7) เกี่ยวกับรัฐบาลนี้ พระเยซูทรงสอนเหล่าสาวกของพระองค์ให้อธิษฐานว่า “ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มาเถิด. ขอให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จบนแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับในสวรรค์.” (มัดธาย 6:10) ดังที่เราจะเห็นทีหลังในหนังสือเล่มนี้ ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะกำจัดการปกครองทั้งสิ้นของโลกนี้ในอีกไม่ช้า และราชอาณาจักรนี้เองจะเข้ามาปกครองแทน. (ดานิเอล 2:44) ครั้นแล้ว ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะทำให้ทั้งโลกเป็นอุทยาน.
โลกใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว!
15. “แผ่นดินโลกใหม่” คืออะไร?
15 คัมภีร์ไบเบิลรับรองกับเราว่า “มีฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ที่เราคอยท่าอยู่ตามคำสัญญาของ [พระเจ้า] ซึ่งที่นั่นจะมีความชอบธรรมอยู่จริง.” (2 เปโตร 3:13; ยะซายา 65:17) “แผ่นดินโลก” ที่นี่หมายถึงผู้คนที่มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลก. ดังนั้น “แผ่นดินโลกใหม่” ที่ชอบธรรม ก็คือสังคมของผู้คนที่ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า.
16. อะไรเป็นของประทานอันล้ำค่าที่พระเจ้าจะให้แก่คนเหล่านั้นซึ่งเป็นที่พอพระทัยพระองค์ และเราต้องทำอย่างไรเพื่อได้รับของประทานนั้น?
16 พระเยซูทรงสัญญาว่า ในโลกใหม่ที่กำลังจะมาถึง คนเหล่านั้นซึ่งเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าจะได้รับ “ชีวิตนิรันดร์” เป็นของประทาน. (มาระโก 10:30) โปรดเปิดคัมภีร์ไบเบิลไปที่โยฮัน 3:16 และโยฮัน 17:3 แล้วอ่านคำตรัสของพระเยซูที่บอกว่าเราต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์. ตอนนี้ขอพิจารณาพระพรต่าง ๆ จากคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งคนเหล่านั้นที่เหมาะสมคู่ควรกับของประทานอันยอดเยี่ยมจากพระเจ้าจะได้รับในอุทยานบนแผ่นดินโลกที่จะมีมา.
17, 18. เราแน่ใจได้อย่างไรว่าจะมีความสงบสุขและความมั่นคงปลอดภัยทุกหนแห่งบนแผ่นดินโลก?
17 ความชั่ว, สงคราม, อาชญากรรม, และความรุนแรงจะได้ผ่านพ้นไป. “คนชั่วจะไม่มี . . . แต่คนทั้งหลายที่มีใจถ่อมลงจะได้แผ่นดินเป็นมฤดก.” (บทเพลงสรรเสริญ 37:10, 11) จะมีความสงบสุขเพราะ ‘พระเจ้าจะทรงปราบปรามการสงครามให้สงบเงียบตลอดถึงปลายแผ่นดินโลก.’ (บทเพลงสรรเสริญ 46:9; ยะซายา 2:4) แล้ว “ผู้ชอบธรรมจะเจริญขึ้น, และความสงบสุขจะมีบริบูรณ์จนดวงจันทร์จะดับศูนย์” และนั่นหมายถึงความสงบสุขจะมีตลอดไป!—บทเพลงสรรเสริญ 72:7.
18 ผู้นมัสการพระยะโฮวาจะมีชีวิตอยู่ด้วยความมั่นคงปลอดภัย. ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลตราบใดที่ชาวอิสราเอลเชื่อฟังพระเจ้า พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ด้วยความมั่นคงปลอดภัย. (เลวีติโก 25:18, 19) จะดีเยี่ยมสักเพียงไรที่จะมีความมั่นคงปลอดภัยคล้ายกันนั้นในอุทยาน!—ยะซายา 32:18; มีคา 4:4.
19. ทำไมเรารู้ว่าจะมีอาหารอุดมบริบูรณ์ในโลกใหม่ของพระเจ้า?
19 จะไม่มีการขาดแคลนอาหาร. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญได้ร้องเพลงว่า “จะมีธัญญาหารบริบูรณ์บนพื้นแผ่นดิน; บนยอดภูเขาผลไม้จะดกจนต้นโอนเอนไปมา.” (บทเพลงสรรเสริญ 72:16) พระยะโฮวาพระเจ้าจะอวยพรผู้ชอบธรรมของพระองค์ และ “แผ่นดินให้พืชพันธุ์งอกผลทวีขึ้น.”—บทเพลงสรรเสริญ 67:6.
20. ทำไมเราแน่ใจได้ว่าทั้งโลกจะเป็นอุทยาน?
20 แผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะกลายเป็นอุทยาน. จะมีการปลูกสร้างบ้านใหม่ ๆ รวมทั้งสวนที่สวยงามบนที่ดินซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกคนบาปทำลาย. (ยะซายา 65:21-24; วิวรณ์ 11:18) ขณะที่เวลาผ่านไป ส่วนต่าง ๆ ของแผ่นดินโลกที่มีการเพาะปลูกดูแลแล้วจะขยายออกไปจนกระทั่งทั้งโลกสวยงามและเกิดผลเหมือนสวนเอเดน. และพระเจ้าจะ “แบพระหัตถ์, ประทานแก่สรรพสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ให้อิ่มตามความประสงค์” มิได้ขาด.—บทเพลงสรรเสริญ 145:16.
21. อะไรแสดงว่าจะมีความสงบสุขระหว่างมนุษย์กับสัตว์?
21 จะมีความสงบสุขระหว่างมนุษย์กับสัตว์. สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงจะหากินอยู่ด้วยกัน. แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็จะไม่ต้องกลัวสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งในเวลานี้เป็นสัตว์ที่อันตราย.—ยะซายา 11:6-9; 65:25.
22. จะเกิดอะไรขึ้นกับความเจ็บป่วย?
22 ความเจ็บป่วยจะหมดสิ้นไป. ในฐานะผู้ปกครองแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าทางภาคสวรรค์ พระเยซูจะรักษาคนป่วยให้หายในขอบเขตที่ใหญ่โตยิ่งกว่าตอนที่พระองค์อยู่บนแผ่นดินโลก. (มัดธาย 9:35; มาระโก 1:40-42; โยฮัน 5:5-9) ครั้นแล้ว “จะไม่มีใครที่อาศัยอยู่ที่นั่นพูดว่า, ‘ข้าพเจ้าป่วยอยู่.’ ”—ยะซายา 33:24; 35:5, 6.
23. ทำไมการกลับเป็นขึ้นจากตายจะทำให้เราปลาบปลื้มยินดี?
23 คนที่เรารักซึ่งเสียชีวิตไปจะกลับมีชีวิตอีกพร้อมด้วยความหวังที่จะไม่ตายเลย. บรรดาคนเหล่านั้นที่หลับอยู่ในความตายผู้ซึ่งอยู่ในความทรงจำของพระเจ้าจะกลับมีชีวิตอีก. ที่จริง “ทั้งคนชอบธรรมและคนไม่ชอบธรรมจะกลับเป็นขึ้นจากตาย.”—กิจการ 24:15; โยฮัน 5:28, 29.
24. คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ในอุทยานบนแผ่นดินโลก?
24 ช่างเป็นอนาคตที่วิเศษอะไรเช่นนี้ที่รอคนเหล่านั้นซึ่งเลือกเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาพระเจ้า พระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ และรับใช้พระองค์! นั่นเป็นอุทยานบนแผ่นดินโลกที่กำลังจะมีมาซึ่งพระเยซูตรัสถึงตอนที่พระองค์สัญญากับผู้ร้ายซึ่งตายอยู่ข้างพระองค์ว่า “เจ้าจะอยู่กับเราในอุทยานเป็นแน่.” (ลูกา 23:43) เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่เราพึงเรียนรู้ให้มากขึ้นเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ซึ่งโดยทางพระองค์นี้เองที่พระพรทั้งหมดดังที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นได้.
-
-
ราชอาณาจักรของพระเจ้าคืออะไร?คัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริงๆ?
-
-
บทแปด
ราชอาณาจักรของพระเจ้าคืออะไร?
คัมภีร์ไบเบิลบอกอะไรเราเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า?
ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะทำอะไร?
ราชอาณาจักรจะทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จบนแผ่นดินโลกเมื่อไร?
1. ตอนนี้จะมีการพิจารณาคำอธิษฐานอะไรที่มีชื่อเสียง?
คนนับล้านทั่วโลกคุ้นเคยกับคำอธิษฐานที่หลายคนเรียกว่า คำอธิษฐานขององค์พระผู้เป็นเจ้า หรือบทสวดข้าแต่พระบิดา. คำเรียกทั้งสองอย่างพาดพิงถึงคำอธิษฐานที่เป็นที่รู้จักดีซึ่งพระเยซูคริสต์เองทรงให้ไว้เป็นแบบอย่าง. คำอธิษฐานนี้มีความหมายมากจริง ๆ และการพิจารณาสามส่วนแรกของคำอธิษฐานนี้จะช่วยคุณเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอนจริง ๆ.
2. สามสิ่งที่พระเยซูสอนสาวกของพระองค์ให้อธิษฐานขอมีอะไรบ้าง?
2 ในตอนต้นของคำอธิษฐานที่เป็นแบบอย่างนี้ พระเยซูทรงสอนผู้ที่ฟังพระองค์ว่า “เจ้าทั้งหลายจงอธิษฐานอย่างนี้ ‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลายผู้สถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มาเถิด. ขอให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จบนแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับในสวรรค์.’ ” (มัดธาย 6:9-13) คำทูลขอสามส่วนนี้มีความหมายเช่นไร?
3. เราต้องรู้อะไรเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า?
3 เราได้เรียนมามากแล้วเกี่ยวกับพระนามของพระเจ้า ซึ่งก็คือยะโฮวา. และได้พิจารณาไปบ้างแล้วเกี่ยวกับพระทัยประสงค์ของพระเจ้า ซึ่งได้แก่สิ่งที่พระองค์ได้ทำไปแล้วและยังจะทำอีกเพื่อมนุษย์. แต่พระเยซูตรัสถึงอะไรเมื่อพระองค์สอนเราให้อธิษฐานว่า “ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มาเถิด.” ราชอาณาจักรของพระเจ้าคืออะไร? การมาของราชอาณาจักรนี้จะทำให้พระนามของพระเจ้าเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ หรือทำให้พระนามนั้นศักดิ์สิทธิ์ได้โดยวิธีใด? และการมาของราชอาณาจักรเกี่ยวข้องอย่างไรกับการทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า?
ราชอาณาจักรของพระเจ้าคืออะไร?
4. ราชอาณาจักรของพระเจ้าคืออะไร และใครเป็นกษัตริย์ในราชอาณาจักรนั้น?
4 ราชอาณาจักรของพระเจ้าคือรัฐบาลที่พระยะโฮวาพระเจ้าทรงตั้งขึ้นโดยมีกษัตริย์ที่พระองค์ทรงเลือกไว้. ใครเป็นกษัตริย์ในราชอาณาจักรของพระเจ้า? พระเยซูคริสต์. พระเยซูทรงเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าบรรดาผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์ และมีการเรียกพระองค์ว่า ‘กษัตริย์เหนือคนทั้งหลายที่ปกครองเป็นกษัตริย์และเจ้าเหนือคนเหล่านั้นที่ปกครองเป็นเจ้า.’ (1 ติโมเธียว 6:15) พระองค์มีอำนาจที่จะทำสิ่งดี ๆ ได้มากยิ่งกว่าผู้ปกครองคนใด ๆ ที่เป็นมนุษย์ แม้จะเป็นคนที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขาก็ตาม.
5. ราชอาณาจักรของพระเจ้าปกครองจากที่ไหน และปกครองอะไร?
5 ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะปกครองจากที่ไหน? แล้วพระเยซูอยู่ที่ไหนล่ะ? คุณคงจำเรื่องที่เรียนไปแล้วได้ที่ว่า พระองค์ถูกประหารบนหลักทรมาน ครั้นแล้วพระองค์ได้รับการปลุกให้คืนพระชนม์. หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์เสด็จขึ้นสวรรค์. (กิจการ 2:33) ดังนั้น ราชอาณาจักรของพระเจ้าจึงอยู่ในสวรรค์นั่นเอง. เพราะเหตุนั้น คัมภีร์ไบเบิลจึงเรียกราชอาณาจักรนี้ว่า “ราชอาณาจักรสวรรค์.” (2 ติโมเธียว 4:18) ถึงแม้ราชอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในสวรรค์ แต่ราชอาณาจักรนี้จะปกครองแผ่นดินโลก.—วิวรณ์ 11:15.
6, 7. อะไรทำให้พระเยซูเป็นกษัตริย์ที่โดดเด่น?
6 อะไรทำให้พระเยซูเป็นกษัตริย์ที่โดดเด่น? เหตุผลหนึ่งคือ พระองค์จะไม่มีวันสิ้นพระชนม์เลย. เมื่อเทียบพระเยซูกับกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์ คัมภีร์ไบเบิลเรียกพระองค์ว่า “พระองค์ผู้เดียวทรงเป็นอมตะ ทรงอยู่ในความสว่างที่ไม่มีใครเข้าไปได้.” (1 ติโมเธียว 6:16) นี่หมายความว่า สิ่งดี ๆ ทั้งหมดที่พระเยซูทำนั้นจะยั่งยืน. และพระองค์จะ ทำสิ่งดีเยี่ยมอีกมากมายซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของพระองค์อย่างแท้จริง.
7 ขอพิจารณาคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับพระเยซูที่ว่า “พระจิตต์ [“พระวิญญาณ,” ล.ม.] แห่งพระยะโฮวาจะสถิตอยู่กับท่านผู้นั้น, คือดวงปัญญาและดวงความเข้าใจ, ดวงวินิจฉัยและดวงอานุภาพ, ดวงความรอบรู้ และความยำเกรงพระยะโฮวา. ความพึงใจของท่านจะอยู่กับความยำเกรงพระยะโฮวา: ท่านจะไม่วินิจฉัยตามที่ตาของท่านเห็นนั้น, และท่านจะไม่ตัดสินตามที่หูของท่านได้ยินนั้น; แต่ท่านจะพิพากษาคนยากจนโดยความยุติธรรม, และท่านจะตัดสินคนเข็ญใจแห่งแผ่นดินโลกโดยความเที่ยงตรง.” (ยะซายา 11:2-4) ถ้อยคำเหล่านี้แสดงว่า พระเยซูจะเป็นกษัตริย์ที่ชอบธรรมและมีความเมตตาสงสารประชาชนบนแผ่นดินโลก. คุณอยากมีผู้ปกครองแบบนี้ไหม?
8. ใครจะปกครองร่วมกับพระเยซู?
8 มีความจริงอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า นั่นคือ พระเยซูจะไม่ปกครองเพียงผู้เดียว. พระองค์จะมีผู้ร่วมปกครองด้วย. ตัวอย่างเช่น อัครสาวกเปาโลบอกติโมเธียวว่า “ถ้าเราอดทนต่อ ๆ ไป เราจะได้ร่วมปกครองเป็นกษัตริย์กับพระองค์ด้วย.” (2 ติโมเธียว 2:12) ใช่แล้ว เปาโล, ติโมเธียว, และผู้ซื่อสัตย์คนอื่น ๆ ซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้จะปกครองร่วมกับพระเยซูในราชอาณาจักรทางภาคสวรรค์. มีสักกี่คนที่จะได้รับโอกาสพิเศษสุดเช่นนั้น?
9. มีกี่คนที่จะปกครองร่วมกับพระเยซู และพระเจ้าเริ่มเลือกพวกเขาเมื่อไร?
9 ดังที่ชี้แจงไว้ในบท 7 ของหนังสือนี้ อัครสาวกโยฮันได้รับนิมิตซึ่งท่านเห็น “พระเมษโปดก [“ลูกแกะ,” พระเยซูคริสต์] ทรงยืนอยู่บนภูเขาซีโอน [ที่ประทับในสวรรค์ของพระองค์] และมีคนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนอยู่กับพระองค์ คนเหล่านี้มีพระนามของพระองค์และพระนามพระบิดาของพระองค์เขียนไว้บนหน้าผากพวกเขา.” ชน 144,000 คนนี้เป็นใคร? โยฮันเองบอกเราว่า “คนเหล่านี้เป็นคนที่เฝ้าติดตามพระเมษโปดกไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน. คนเหล่านี้ถูกซื้อจากท่ามกลางมนุษย์เป็นผลแรกเพื่อถวายแด่พระเจ้าและพระเมษโปดก.” (วิวรณ์ 14:1, 4) ใช่แล้ว พวกเขาเป็นสาวกผู้ซื่อสัตย์ของพระเยซูคริสต์ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษให้ปกครองร่วมกับพระองค์ในสวรรค์. หลังจากถูกปลุกขึ้นจากตายสู่ชีวิตทางภาคสวรรค์ “พวกเขาจะเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินโลก” พร้อมกับพระเยซู. (วิวรณ์ 5:10) ตั้งแต่สมัยของพวกอัครสาวก พระเจ้าได้เลือกคริสเตียนที่ซื่อสัตย์เพื่อให้ครบจำนวน 144,000 คน.
10. ทำไมการที่ให้พระเยซูกับชน 144,000 คนปกครองมนุษย์จึงเป็นการจัดเตรียมที่เปี่ยมด้วยความรัก?
10 การที่ให้พระเยซูและชน 144,000 คนปกครองมนุษย์นั้น เป็นการจัดเตรียมที่เปี่ยมด้วยความรักจริง ๆ. เหตุผลหนึ่งคือ พระเยซูทรงทราบว่าการเป็นมนุษย์และการที่ต้องประสบความทุกข์ยากนั้นเป็นอย่างไร. เปาโลกล่าวว่าพระเยซู “มิใช่ผู้ที่ไม่อาจเห็นอกเห็นใจในความอ่อนแอของเราได้ แต่เป็นผู้ที่ได้ผ่านการทดสอบมาแล้วทุกประการเหมือนเรา แต่ปราศจากบาป.” (ฮีบรู 4:15; 5:8) ผู้ร่วมปกครองกับพระองค์ก็ประสบความทุกข์ยากและต้องอดทนเช่นกันเมื่อเป็นมนุษย์. นอกจากนี้ พวกเขาได้ต่อสู้กับความไม่สมบูรณ์และต้องทนกับความเจ็บป่วยทุกชนิด. พวกเขาจะเข้าใจปัญหาต่าง ๆ ที่มนุษย์เผชิญแน่ ๆ!
ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะทำอะไร?
11. ทำไมพระเยซูตรัสว่าพวกสาวกของพระองค์ควรอธิษฐานขอให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จในสวรรค์?
11 เมื่อพระเยซูตรัสว่าสาวกของพระองค์ควรอธิษฐานขอให้ราชอาณาจักรของพระเจ้ามา พระองค์ยังตรัสด้วยว่า พวกเขาควรอธิษฐานขอให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ “บนแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับในสวรรค์.” พระเจ้าทรงอยู่ในสวรรค์ และพวกทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ได้ทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์เสมอมา. อย่างไรก็ดี ในบท 3 ของหนังสือนี้ เราได้เรียนว่า ทูตสวรรค์ชั่วองค์หนึ่งได้เลิกทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าและเป็นต้นเหตุให้อาดามและฮาวาทำบาป. ในบท 10 เราจะเรียนรู้มากขึ้นว่าคัมภีร์ไบเบิลสอนเช่นไรเกี่ยวกับทูตสวรรค์ชั่วองค์นั้น ซึ่งเราเรียกกันว่าซาตานพญามาร. ซาตานและพวกทูตสวรรค์ที่เป็นกายวิญญาณซึ่งเลือกที่จะติดตามซาตานถูกเรียกว่าผีปิศาจ พวกมันได้รับอนุญาตให้อยู่ในสวรรค์ชั่วระยะเวลาหนึ่ง. ด้วยเหตุนี้ ไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในสวรรค์ทั้งหมดทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าในตอนนั้น. แต่สภาพการณ์จะเปลี่ยนไปเมื่อราชอาณาจักรของพระเจ้าเริ่มปกครอง. พระเยซูคริสต์ กษัตริย์ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ จะทำสงครามกับซาตาน.—วิวรณ์ 12:7-9.
12. มีการกล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญสองอย่างอะไรที่วิวรณ์ 12:10?
12 คำพยากรณ์ถัดมาอธิบายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นว่า “ข้าพเจ้าได้ยินเสียงอันดังในสวรรค์กล่าวว่า ‘บัดนี้ ความรอด ฤทธิ์เดช ราชอาณาจักรของพระเจ้า และอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์ก็ปรากฏแล้ว เพราะผู้ที่กล่าวหาพี่น้องของเราถูกเหวี่ยงลงแล้ว คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาต่อพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งวันทั้งคืน!’ ” (วิวรณ์ 12:10) คุณสังเกตไหมว่ามีการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่สำคัญมากสองอย่างในข้อคัมภีร์นี้? ประการแรก ราชอาณาจักรของพระเจ้าภายใต้พระเยซูคริสต์เริ่มปกครอง. ประการที่สอง ซาตานถูกขับออกจากสวรรค์ลงมายังแผ่นดินโลก.
13. ผลเป็นอย่างไรเมื่อซาตานถูกขับออกจากสวรรค์?
13 เหตุการณ์สองอย่างนี้ก่อผลเช่นไร? เราอ่านเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในสวรรค์ดังนี้: “ด้วยเหตุนี้ สวรรค์และผู้ที่อยู่ในสวรรค์ จงยินดีเถิด!” (วิวรณ์ 12:12) ใช่แล้ว ทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ซึ่งอยู่ในสวรรค์ชื่นชมยินดีเพราะซาตานกับผีปิศาจพรรคพวกของมันถูกขับออกจากสวรรค์ และทูตสวรรค์ทุก ๆ องค์ที่อยู่ในสวรรค์ล้วนเป็นผู้ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาพระเจ้า. ในสวรรค์จึงมีความสงบสุขและมีความสามัคคีปรองดองกันแบบที่ไม่มีใครจะทำลายได้. ตอนนี้มีการทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าในสวรรค์.
การขับไล่ซาตานและผีปิศาจพรรคพวกของมันออกจากสวรรค์ทำให้เกิดวิบัติบนแผ่นดินโลก. ความทุกข์ยากลำบากเช่นนั้นจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า
14. เกิดอะไรขึ้นเนื่องจากซาตานถูกขับลงมายังแผ่นดินโลก?
14 แต่จะว่าอย่างไรกับแผ่นดินโลก? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “แผ่นดินโลกและทะเลจะเกิดวิบัติเพราะพญามารได้ลงมายังพวกเจ้าแล้วและโกรธยิ่งนัก เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย.” (วิวรณ์ 12:12) ซาตานโกรธที่มันถูกขับออกจากสวรรค์และมีเวลาเหลืออยู่เพียงสั้น ๆ. ด้วยความโกรธ มันทำให้เกิดความทุกข์ร้อน หรือ “วิบัติ” บนแผ่นดินโลก. เราจะเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับ “วิบัติ” นั้นในบทถัดไป. แต่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เราอาจถามว่า ราชอาณาจักรจะทำให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จบนแผ่นดินโลกได้อย่างไร?
15. พระเจ้ามีพระทัยประสงค์เช่นไรต่อแผ่นดินโลก?
15 ขอให้นึกถึงพระทัยประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อแผ่นดินโลก. คุณได้เรียนรู้เรื่องนี้ในบท 3. ในสวนเอเดน พระเจ้าได้แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงประสงค์ให้แผ่นดินโลกนี้เป็นอุทยานซึ่งเต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ชอบธรรมและมีชีวิตอยู่ตลอดไป. ซาตานเป็นต้นเหตุให้อาดามและฮาวาทำบาป และนั่นส่งผลกระทบต่อความสำเร็จแห่งพระทัยประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อแผ่นดินโลกระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้พระทัยประสงค์ของพระองค์เปลี่ยนไป. พระยะโฮวายังประสงค์ให้ “คนสัตย์ธรรมจะได้แผ่นดินเป็นมฤดก, และจะอาศัยอยู่ที่นั่นต่อไปเป็นนิตย์.” (บทเพลงสรรเสริญ 37:29) และราชอาณาจักรของพระเจ้าจะทำให้เรื่องนี้สำเร็จ. โดยวิธีใด?
16, 17. ดานิเอล 2:44 บอกอะไรเราในเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า?
16 ขอพิจารณาคำพยากรณ์ที่พบในดานิเอล 2:44. ข้อนั้นอ่านว่า “ในสมัยเมื่อกษัตริย์เหล่านั้นกำลังเสวยราชย์อยู่, พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์จะทรงตั้งอาณาจักรอันหนึ่งขึ้น, ซึ่งจะไม่มีวันทำลายเสียได้, หรือผู้ใดจะชิงเอาอาณาจักรนี้ไปก็หาได้ไม่; แต่อาณาจักรนี้จะทำลายอาณาจักรอื่น ๆ ลงให้ย่อยยับและเผาผลาญเสียสิ้น, และอาณาจักรนี้จะดำรงอยู่เป็นนิจ.” ข้อนี้บอกอะไรเราในเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า?
17 ประการแรก ข้อนี้บอกเราว่าจะมีการตั้งราชอาณาจักรของพระเจ้า “ในสมัยเมื่อกษัตริย์เหล่านั้น” หรือในขณะที่อาณาจักรอื่น ๆ ยังอยู่. ประการที่สอง ข้อนี้บอกเราว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าจะอยู่ตลอดไป. จะไม่มีรัฐบาลใดล้มล้างหรือเข้ามาแทนที่ราชอาณาจักรนี้ได้. ประการที่สาม เราเห็นว่าจะมีสงครามระหว่างราชอาณาจักรของพระเจ้ากับอาณาจักรต่าง ๆ ของโลกนี้. ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะชนะ. ในที่สุด ราชอาณาจักรนี้จะเป็นรัฐบาลเดียวเท่านั้นที่ปกครองมนุษย์ทั้งสิ้น. ครั้นแล้ว มนุษย์จะมีการปกครองดีที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยรู้จักมา.
18. สงครามขั้นสุดท้ายระหว่างราชอาณาจักรของพระเจ้ากับรัฐบาลของโลกนี้มีชื่อว่าอะไร?
18 คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้มากมายเกี่ยวกับสงครามขั้นเด็ดขาดระหว่างราชอาณาจักรของพระเจ้ากับรัฐบาลต่าง ๆ ของโลกนี้. ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไบเบิลสอนว่า ขณะที่อวสานใกล้เข้ามา พวกวิญญาณชั่วจะแพร่คำโกหกเพื่อหลอกลวง “กษัตริย์ทั้งหลายทั่วแผ่นดินโลก.” เพื่อจุดประสงค์อะไร? “เพื่อให้กษัตริย์เหล่านั้นมารวมตัวกันเพื่อเข้าสู่สงครามในวันใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่ง.” กษัตริย์ทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกจะถูกรวบรวมมายัง “ที่ที่มีชื่อในภาษาฮีบรูว่า ฮาร์มาเกโดน.” (วิวรณ์ 16:14, 16) เนื่องจากสิ่งที่กล่าวในสองข้อนี้ การสู้รบขั้นเด็ดขาดระหว่างรัฐบาลมนุษย์กับราชอาณาจักรของพระเจ้าจึงถูกเรียกว่าสงครามฮาร์มาเกโดน หรืออาร์มาเก็ดดอน.
19, 20. อะไรขัดขวางไม่ให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จบนแผ่นดินโลกในขณะนี้?
19 โดยทางสงครามอาร์มาเก็ดดอน ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะบรรลุเป้าหมายอะไร? ขอให้คิดถึงเรื่องพระทัยประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อแผ่นดินโลกอีกครั้งหนึ่ง. พระยะโฮวาพระเจ้าทรงประสงค์ให้แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่สมบูรณ์และชอบธรรม รับใช้พระองค์ในอุทยาน. อะไรขัดขวางไม่ให้เป็นไปตามพระประสงค์นั้นในขณะนี้? ประการแรก เราเป็นคนบาป เราเจ็บป่วยและตาย. อย่างไรก็ดี เราได้เรียนในบท 5 ว่า พระเยซูสิ้นพระชนม์แทนเราเพื่อเราจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป. คุณคงจะจำถ้อยคำที่บันทึกไว้ในกิตติคุณของโยฮันได้ที่ว่า “พระเจ้าทรงรักโลกมากจนถึงกับประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูกทำลาย แต่จะมีชีวิตนิรันดร์.”—โยฮัน 3:16.
20 ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือผู้คนมากมายทำสิ่งที่ชั่วร้าย. พวกเขาโกหก, หลอกลวง, และทำผิดศีลธรรม. พวกเขาไม่ต้องการ ทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. คนที่ทำสิ่งชั่วร้ายจะถูกทำลายในสงครามอาร์มาเก็ดดอนของพระเจ้า. (บทเพลงสรรเสริญ 37:10) กระนั้น ยังมีเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าไม่สำเร็จบนแผ่นดินโลกตอนนี้ นั่นคือรัฐบาลต่าง ๆ ไม่ได้สนับสนุนประชาชนให้ทำตามพระทัยประสงค์นั้น. หลายรัฐบาลอ่อนแอ, โหดร้าย, หรือไม่ก็คดโกง. คัมภีร์ไบเบิลบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า “มนุษย์ใช้อำนาจเหนือมนุษย์อย่างที่ก่อผลเสียหายแก่เขา.”—ท่านผู้ประกาศ 8:9, ล.ม.
21. ราชอาณาจักรจะทำให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จบนแผ่นดินโลกโดยวิธีใด?
21 หลังจากสงครามอาร์มาเก็ดดอน มนุษย์จะอยู่ใต้การปกครองของรัฐบาลเดียวเท่านั้น นั่นคือราชอาณาจักรของพระเจ้า. ราชอาณาจักรนี้จะทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าและนำพระพรอันยอดเยี่ยมมาให้เรา. ตัวอย่างเช่น ราชอาณาจักรนี้จะกำจัดซาตานและผีปิศาจพรรคพวกของมันออกไป. (วิวรณ์ 20:1-3) จะมีการใช้พลังแห่งเครื่องบูชาของพระเยซูเพื่อมนุษย์ผู้ซื่อสัตย์จะไม่เจ็บป่วยและตายอีกต่อไป. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรพวกเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป. (วิวรณ์ 22:1-3) แผ่นดินโลกจะถูกทำให้เป็นอุทยาน. โดยวิธีนี้ราชอาณาจักรจะทำให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จบนแผ่นดินโลก และจะทำให้พระนามของพระเจ้าเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. นี่หมายความอย่างไร? หมายความว่าในที่สุด ทุกคนที่มีชีวิตอยู่ภายใต้ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะถวายเกียรติแด่พระนามของพระยะโฮวา.
ราชอาณาจักรของพระเจ้าลงมือจัดการเมื่อไร?
22. ทำไมเรารู้ว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้มาตอนที่พระเยซูอยู่บนแผ่นดินโลก หรือทันทีหลังจากพระองค์ได้รับการปลุกให้คืนพระชนม์?
22 เมื่อพระเยซูบอกสาวกให้อธิษฐานว่า “ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มาเถิด” เห็นได้ชัดว่า ราชอาณาจักรไม่ได้มาในตอนนั้น. ราชอาณาจักรมาตอนที่พระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์ไหม? ไม่ใช่ เพราะทั้งเปโตรและเปาโลได้บอกว่า หลังจากพระเยซูได้รับการปลุกให้คืนพระชนม์แล้ว คำพยากรณ์ที่บทเพลงสรรเสริญ 110:1 ได้สำเร็จเป็นจริงกับพระองค์ที่ว่า “พระยะโฮวาได้ตรัสแก่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า, จงนั่งเบื้องขวาของเรา, กว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้เป็นม้ารองเท้าของท่าน.” (กิจการ 2:32-35; ฮีบรู 10:12, 13) มีช่วงแห่งการรอคอย.
ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักร พระทัยประสงค์ของพระเจ้าจะสำเร็จบนแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับที่สำเร็จในสวรรค์
23. (ก) ราชอาณาจักรของพระเจ้าเริ่มปกครองเมื่อไร? (ข) บทถัดไปจะพิจารณาเรื่องอะไร?
23 เป็นเวลานานเท่าไร? ระหว่างศตวรรษที่ 19 และ 20 พวกนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่จริงใจได้เข้าใจทีละเล็กทีละน้อยว่าช่วงแห่งการรอคอยนั้นจะสิ้นสุดลงในปี 1914. (เกี่ยวกับวันเวลานี้ โปรดดูภาคผนวกเรื่อง “1914—ปีที่สำคัญในคำพยากรณ์ของคัมภีร์ไบเบิล”) เหตุการณ์ของโลกที่เริ่มต้นในปี 1914 ยืนยันว่า ความเข้าใจของนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่จริงใจเหล่านี้ถูกต้อง. ความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลแสดงว่าพระคริสต์ได้ทรงเป็นกษัตริย์ในปี 1914 และราชอาณาจักรของพระเจ้าทางภาคสวรรค์ได้เริ่มปกครองแล้ว. ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีชีวิตอยู่ในสมัยที่ซาตานเหลือ ‘เวลาน้อย.’ (วิวรณ์ 12:12; บทเพลงสรรเสริญ 110:2) นอกจากนี้ เรายังพูดได้ด้วยความมั่นใจว่า อีกไม่นาน ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะลงมือจัดการเพื่อทำให้พระทัยประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จบนแผ่นดินโลก. คุณรู้สึกว่านี่เป็นข่าวที่ดีเยี่ยมไหม? คุณเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริงไหม? บทถัดไปจะช่วยคุณเข้าใจว่าคัมภีร์ไบเบิลสอนเรื่องเหล่านี้จริง ๆ.
-