ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ห14 15/7 น. 17-22
  • ถึงจะเสียพ่อ แต่ก็ได้พบพ่อ

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ถึงจะเสียพ่อ แต่ก็ได้พบพ่อ
  • หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2014
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • ประสบการณ์​การ​เป็น​ลูก​เสือ
  • ร่วม​ประชุม​ครั้ง​แรก​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา
  • มิชชันนารี​หญิง​สอง​คน​มา​เยี่ยม​ผม
  • เรียน​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​พระ​บิดา​องค์​บริสุทธิ์​ใน​สวรรค์
  • เริ่ม​ทำ​งาน​รับใช้
  • ชีวิต​ใน​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา
  • ได้​รับ​งาน​มอบหมาย​มาก​ขึ้น
  • การ​เยี่ยม​โรมาเนีย​ครั้ง​สำคัญ
  • ย้อน​มอง​อดีต​และ​มอง​ไป​ยัง​อนาคต
  • พระยะโฮวาไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา (ศึกษา) 2018
  • ผมชอบเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาและสอนเรื่องพระองค์
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา (ศึกษา) 2022
  • สมาชิกเพิ่มเติมในคณะกรรมการปกครอง
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1994
  • พระยะโฮวาทรงสอนผมให้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2012
ดูเพิ่มเติม
หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 2014
ห14 15/7 น. 17-22
แกร์ริตและเมเรเต เลิช

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ถึง​จะ​เสีย​พ่อ แต่​ก็​ได้​พบ​พ่อ

เล่า​โดย แกร์ริต เลิช

พ่อ​ของ​ผม​เกิด​ใน​ปี ค.ศ. 1899 ที่​เมือง​กราซ ประเทศ​ออสเตรีย สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 1 เกิด​ขึ้น​ตอน​ที่​พ่อ​ผม​ยัง​เป็น​วัยรุ่น พอ​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ปะทุ​ขึ้น​ใน​ปี 1939 พ่อ​ผม​ถูก​เกณฑ์​ไป​เป็น​ทหาร​ใน​กองทัพ​เยอรมัน แต่​แล้ว​เหตุ​การณ์​แสน​เศร้า​ก็​เกิด​ขึ้น​ใน​ปี 1943 ตอน​นั้น​ผม​อายุ​แค่​สอง​ขวบ​แต่​ต้อง​มา​สูญ​เสีย​พ่อ​ที่​รัก​ไป พ่อ​ผม​ถูก​ฆ่า​ระหว่าง​การ​สู้​รบ​ใน​รัสเซีย ผม​ไม่​มี​แม้​แต่​โอกาส​จะ​ได้​รู้​จัก​พ่อ เมื่อ​ไป​โรง​เรียน ผม​เห็น​เพื่อน ๆ มี​พ่อ​แต่​ผม​ไม่​มี​ผม​เศร้า​ใจ​มาก ผม​อยาก​มี​พ่อ​เหมือน​คน​อื่น​บ้าง แต่​พอ​ผม​เป็น​วัยรุ่น ผม​มี​กำลังใจ​มาก​ที่​ได้​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​พ่อ​ใน​สวรรค์​ที่​ไม่​มี​วัน​ตาย​จาก​ไป—ฮบา. 1:12

ประสบการณ์​การ​เป็น​ลูก​เสือ

แกร์ริต เลิชตอนเด็ก ๆ

ตอน​ที่​เป็น​เด็ก

ผม​เริ่ม​เป็น​ลูก​เสือ​สำรอง​ตอน​อายุ 7 ขวบ ลูก​เสือ​โลก​เป็น​องค์การ​นานา​ชาติ​ที่​เริ่ม​ก่อ​ตั้ง​ใน​ปี 1908 โดย​ทหาร​ของ​กองทัพ​อังกฤษ​ชื่อ​พล​โท​โรเบิร์ต สตีเฟนสัน สมิท เบเดน-โพเอลล์ และ​ใน​ปี 1916 เขา​เริ่ม​ก่อ​ตั้ง​เยาวชน​ลูก​สุนัข​ป่า (ลูก​เสือ​สำรอง)

ช่วง​วัน​เสาร์​อาทิตย์​ผม​ชอบ​ไป​เข้า​ค่าย​นอก​เมือง​ทำ​กิจกรรม​ต่าง ๆ กับ​เพื่อน​ลูก​เสือ​อย่าง​สนุกสนาน เรา​นอน​ใน​เต็นท์ ใส่​เครื่อง​แบบ​เต็ม​ยศ และ​เดิน​สวน​สนาม​พร้อม​เสียง​กลอง​ปลุกใจ เรา​เล่น​เกม​กัน​ใน​ป่า​และ​ร้อง​เพลง​รอบ​กอง​ไฟ​ตอน​กลางคืน เรา​ได้​เรียน​อะไร​เยอะ​แยะ​เกี่ยว​กับ​ธรรมชาติ​ที่​สอน​ให้​เรา​รู้​และ​รัก​สิ่ง​ที่​พระ​ผู้​สร้าง​ทำ​เพื่อ​เรา

ลูก​เสือ​ถูก​สอน​ให้​ทำ​ดี​ทุก​วัน​และ​ทักทาย​ลูก​เสือ​คน​อื่น ๆ ว่า “จง​เตรียม​พร้อม” ผม​ชอบ​การ​ทักทาย​แบบ​นี้​มาก ใน​กลุ่ม​ของ​เรา​มี​ลูก​เสือ​ร้อย​กว่า​คน ประมาณ​ครึ่ง​หนึ่ง​เป็น​คาทอลิก อีก​ครึ่ง​หนึ่ง​เป็น​โปรเตสแตนต์ และ​มี​คน​เดียว​ที่​เป็น​พุทธ

ตั้ง​แต่​ปี 1920 ลูก​เสือ​ได้​จัด​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ขึ้น​เกือบ​ทุก​ปี บาง​ครั้ง​ผม​ก็​เข้า​ร่วม​ด้วย ครั้ง​หนึ่ง​ใน​เดือน​สิงหาคม 1951 ที่​เมือง​บาด อิชเชิล ประเทศ​ออสเตรีย และ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ใน​เดือน​สิงหาคม 1957 ที่​เบอร์มิงแฮม ประเทศ​อังกฤษ ซึ่ง​มี​ลูก​เสือ 33,000 คน​จาก 85 ประเทศ​และ​มี​คน​อื่น ๆ อีก​ประมาณ 750,000 คน​เข้า​ร่วม​ด้วย หนึ่ง​ใน​นั้น​คือ ราชินี​เอลิซาเบท​แห่ง​อังกฤษ สำหรับ​ผม​แล้ว​การ​เป็น​ลูก​เสือ​คือ​การ​ได้​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​สังคม​พี่​น้อง​นานา​ชาติ ผม​ไม่​รู้​เลย​ว่า​หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน​ผม​จะ​ได้​พบ​สังคม​พี่​น้อง​ที่​ดี​กว่า​ซึ่ง​มี​แต่​คน​ที่​รัก​พระเจ้า

ร่วม​ประชุม​ครั้ง​แรก​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา

แกร์ริต เลิชกับรูดี้ ชิกเกล

รูดี้ ชิกเกล หัวหน้า​แผนก​เบเกอรี่​เป็น​คน​แรก​ที่​ประกาศ​กับ​ผม

ใน​ฤดู​ใบ​ไม้​ผลิ​ปี 1958 ผม​กำลัง​จะ​จบ​การ​อบรม​เป็น​พนักงาน​บริการ​ใน​โรงแรม​แกรนด์โฮเทล​วิสเลอร์​ใน​เมือง​กราซ ประเทศ​ออสเตรีย เพื่อน​ร่วม​งาน​ของ​ผม​ชื่อ​รูดอล์ฟ ชิกเกล ซึ่ง​เป็น​หัวหน้า​แผนก​เบเกอรี่​ประกาศ​แบบ​ไม่​เป็น​ทาง​การ​กับ​ผม นี่​เป็น​ครั้ง​แรก​ที่​ผม​ได้​ยิน​เรื่อง​ความ​จริง เขา​บอก​ผม​ว่า​คำ​สอน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ​ไม่​ใช่​คำ​สอน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล แต่​ผม​ก็​แย้ง​ว่า​คำ​สอน​นี้​มา​จาก​พระ​คัมภีร์ เขา​นั่น​แหละ​ที่​เข้าใจ​ผิด แต่​ผม​ก็​ยัง​ชอบ​คุย​กับ​เขา​และ​อยาก​ช่วย​เขา​ให้​กลับ​มา​เข้า​โบสถ์​คาทอลิก

ผม​ชอบ​เรียก​รูดอล์ฟ​ว่า​รูดี้ เขา​อยาก​ให้​พระ​คัมภีร์​แก่​ผม แต่​ผม​บอก​ว่า​จะ​เอา​พระ​คัมภีร์​ของ​คาทอลิก​เท่า​นั้น แล้ว​เขา​ก็​เอา​มา​ให้​ผม​หนึ่ง​เล่ม ตอน​ที่​ผม​เปิด​อ่าน ผม​เจอ​แผ่น​พับ​ที่​พิมพ์​โดย​สมาคม​ว็อชเทาเวอร์​ซึ่ง​รูดี้​สอด​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์ ผม​ไม่​ชอบ​เลย​เพราะ​ผม​รู้สึก​ว่า​เนื้อหา​ใน​แผ่น​พับ​ดู​เหมือน​จะ​ถูก​ต้อง​แต่​ที่​จริง​เป็น​เรื่อง​โกหก​ทั้ง​นั้น แต่​ผม​ก็​เต็ม​ใจ​พูด​คุย​เรื่อง​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​เขา รูดี้​ฉลาด​ที่​ไม่​ได้​ให้​หนังสือ​หรือ​วารสาร​อะไร​ผม​เลย เรา​ได้​คุย​กัน​เรื่อง​พระ​คัมภีร์​ใน​ช่วง​ประมาณ​สาม​เดือน บาง​ครั้ง​ก็​คุย​กัน​ยาว​จน​ดึกดื่น

หลัง​จาก​ที่​ผม​จบ​จาก​การ​อบรม​ที่​โรงแรม แม่​ก็​ส่ง​ผม​ไป​เรียน​ต่อ​ที่​โรง​เรียน​การ​จัด​การ​โรงแรม​ซึ่ง​อยู่​ใน​เครือ​เดียว​กัน​กับ​โรงแรม​แกรนด์โฮเทล โรง​เรียน​นี้​อยู่​ที่​เมือง​บาด โฮฟกัสไตน์ ใน​หุบเขา​แอลป์ ตอน​นั้น​ผม​เรียน​ไป​ด้วย​ทำ​งาน​ไป​ด้วย​เพื่อ​เก็บ​เกี่ยว​ประสบการณ์

มิชชันนารี​หญิง​สอง​คน​มา​เยี่ยม​ผม

อิลเซ อุนเทอร์โดร์เฟอร์และเอลฟรีเด เลอร์

อิลเซ อุนเทอร์โดร์เฟอร์​กับ​เอลฟรีเด เลอร์​เริ่ม​สอน​พระ​คัมภีร์​ผม​ใน​ปี 1958

รูดี้​ส่ง​ที่​อยู่​ใหม่​ของ​ผม​ให้​สำนักงาน​สาขา​ใน​เวียนนา ทาง​สาขา​จึง​ขอ​มิชชันนารี​หญิง​สอง​คน​ชื่อ​อิลเซ อุนเทอร์โดร์เฟอร์​กับ​เอลฟรีเด เลอร์​ให้​มา​เยี่ยม​ผมa วัน​หนึ่ง​พนักงาน​ต้อนรับ​ของ​โรงแรม​โทร​บอก​ผม​ว่า​มี​ผู้​หญิง​สอง​คน​รอ​อยู่​ใน​รถ​และ​อยาก​คุย​กับ​ผม ทั้ง ๆ ที่​ผม​ไม่​รู้​จัก​พวก​เธอ​เลย​แต่​ผม​ก็​ออก​ไป​ดู​ว่า​พวก​เธอ​เป็น​ใคร ผม​มา​รู้​ที​หลัง​ว่า​อิลเซ​และ​เอลฟรีเด​เป็น​คน​ส่ง​หนังสือ​ของ​พยาน​ฯ​ใน​ยุค​นาซี​เยอรมัน​ซึ่ง​ตอน​นั้น​งาน​ของ​พยาน​ฯ​ถูก​สั่ง​ห้าม ก่อน​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง​จะ​เริ่ม พวก​เธอ​ถูก​ตำรวจ​ลับ​เกสตาโป​จับ​กุม​และ​ถูก​ส่ง​ตัว​ไป​ค่าย​กัก​กัน​ลิชเทนบูร์ก และ​ใน​ช่วง​สงคราม​พวก​เธอ​ถูก​ส่ง​ไป​ขัง​ที่​ราเฟนส์บรึค​ใกล้​กรุง​เบอร์ลิน

พี่​น้อง​หญิง​สอง​คน​นี้​อายุ​พอ ๆ กับ​แม่​ผม ผม​จึง​นับถือ​พวก​เธอ แต่​ผม​ไม่​อยาก​ให้​พวก​เธอ​มา​เสีย​เวลา​คุย​กับ​คน​ที่​ไม่​สนใจ​อย่าง​ผม ผม​จึง​ขอ​ให้​เธอ​ทำ​รายการ​ข้อ​คัมภีร์​เกี่ยว​กับ​คำ​สอน​ของ​คาทอลิก​เรื่อง​การ​สืบ​ตำแหน่ง​จาก​พวก​อัครสาวก เพราะ​คาทอลิก​สอน​ว่า​สันตะปาปา​องค์​แรก​คือ​อัครสาวก​เปโตร​และ​สันตะปาปา​องค์​ต่อ​ไป​ก็​สืบ​ตำแหน่ง​ต่อ​กัน​มา​เรื่อย ๆ ผม​บอก​พวก​เธอ​ว่า​จะ​เอา​รายการ​นี้​ไป​คุย​กับ​บาทหลวง​เพราะ​คิด​ว่า​วิธี​นี้​จะ​ทำ​ให้​ผม​ได้​พบ​ความ​จริง

เรียน​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​พระ​บิดา​องค์​บริสุทธิ์​ใน​สวรรค์

คริสตจักร​คาทอลิก​ตี​ความ​คำ​พูด​ของ​พระ​เยซู​ที่​มัดธาย 16:18, 19 เพื่อ​สนับสนุน​คำ​สอน​เรื่อง​การ​สืบ​ตำแหน่ง​จาก​พวก​อัครสาวก คำ​สอน​ของ​คาทอลิก​สอน​ว่า​สันตะปาปา​ของ​พวก​เขา​เป็น​พระ​บิดา​ผู้​บริสุทธิ์ ชาว​คาทอลิก​เชื่อ​มั่น​ว่า​สันตะปาปา​สอน​ถูก​ต้อง​เสมอ​และ​ไม่​เคย​ผิด​พลาด​ใน​การ​กำหนด​หลัก​ความ​เชื่อ​และ​ศีลธรรม ผม​เอง​ก็​เชื่อ​อย่าง​นั้น​และ​คิด​ว่า​ถ้า​สันตะปาปา​สอน​ว่า​ตรีเอกานุภาพ​เป็น​ความ​จริง มัน​ก็​ต้อง​เป็น​ความ​จริง แต่​ถ้า​คำ​สอน​ของ​คาทอลิก​ที่​ว่า​สันตะปาปา​ไม่​เคย​สอน​ผิด​พลาด​เป็น​เรื่อง​โกหก​ก็​แสดง​ว่า​คำ​สอน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ​อาจ​เป็น​เรื่อง​โกหก​ด้วย

เมื่อ​ผม​ไป​หา​บาทหลวง เขา​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​ผม​ไม่​ได้ เขา​จึง​ให้​หนังสือ​อธิบาย​เรื่อง​การ​สืบ​ตำแหน่ง​จาก​พวก​อัครสาวก​มา​ให้​ผม​อ่าน​แทน ผม​เอา​หนังสือ​นั้น​ไป​อ่าน​ที่​บ้าน หลัง​จาก​นั้น​ผม​ก็​กลับ​ไป​ถาม​บาทหลวง​คน​นั้น​อีก แต่​คราว​นี้​ผม​มี​คำ​ถาม​เยอะ​กว่า​เดิม เขา​ตอบ​ไม่​ได้​และ​บอก​ว่า “ผม​ไม่​สามารถ​ทำ​ให้​คุณ​เชื่อ​ได้ และ​คุณ​ก็​ไม่​สามารถ​ทำ​ให้​ผม​เชื่อ​ได้ . . . ขอ​พระเจ้า​อวย​พร​คุณ​ละ​กัน!” เขา​ไม่​อยาก​คุย​เรื่อง​นี้​กับ​ผม​อีก

พอ​เจอ​แบบ​นี้ ผม​พร้อม​แล้ว​ที่​จะ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​อิลเซ​และ​เอลฟรีเด พวก​เธอ​สอน​ผม​หลาย​เรื่อง​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา​บิดา​องค์​เที่ยง​แท้​บริสุทธิ์​ผู้​อยู่​ใน​สวรรค์ (โย. 17:11) เนื่อง​จาก​ไม่​มี​หอ​ประชุม​ใน​ละแวก​นั้น​และ​ไม่​มี​พี่​น้อง​ชาย​ที่​รับ​บัพติสมา​นำ​หน้า​จึง​มี​แค่​พี่​น้อง​หญิง​สอง​คน​นี้​นำ​การ​ประชุม​ที่​บ้าน​ของ​ผู้​สนใจ​คน​หนึ่ง​และ​มี​ไม่​กี่​คน​มา​ร่วม​การ​ประชุม แต่​บาง​ครั้ง​ถ้า​มี​พี่​น้อง​ชาย​จาก​เมือง​อื่น​มา​ช่วย​บรรยาย​ก็​จะ​เช่า​สถาน​ที่​อื่น​ประชุม​กัน

เริ่ม​ทำ​งาน​รับใช้

ใน​เดือน​ตุลาคม 1958 ผม​เริ่ม​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​อิลเซ​และ​เอลฟรีเด หลัง​จาก​นั้น​สาม​เดือน​ผม​ก็​รับ​บัพติสมา​ใน​เดือน​มกราคม 1959 แต่​ก่อน​จะ​รับ​บัพติสมา​ผม​ขอ​ตาม​พวก​เธอ​ไป​ประกาศ​เพราะ​ผม​อยาก​รู้​ว่า​เขา​ประกาศ​กัน​อย่าง​ไร (กิจ. 20:20) หลัง​จาก​ที่​ไป​กับ​พวก​เธอ​แค่​ครั้ง​เดียว ผม​ก็​ขอ​เขต​ประกาศ​ส่วน​ตัว​ของ​ผม​เอง พวก​เธอ​ให้​ผม​ไป​ประกาศ​ใน​หมู่​บ้าน​แห่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​ผม​ต้อง​ไป​ประกาศ​และ​กลับ​เยี่ยม​คน​ที่​สนใจ​ตาม​ลำพัง พี่​น้อง​ชาย​คน​แรก​ใน​ชีวิต​ที่​ผม​ได้​ไป​ประกาศ​ด้วย​คือ​ผู้​ดู​แล​หมวด​ซึ่ง​มา​เยี่ยม​พวก​เรา

ใน​ปี 1960 หลัง​จาก​ที่​ผม​จบ​หลัก​สูตร​การ​โรงแรม ผม​ก็​กลับ​บ้าน​และ​พยายาม​สอน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​แก่​ญาติ ๆ แม้​ว่า​ยัง​ไม่​มี​ใคร​เข้า​มา​ใน​ความ​จริง แต่​ก็​มี​บาง​คน​ที่​สนใจ

ชีวิต​ใน​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา

แกร์ริต เลิชตอนอายุ 20 กว่า ๆ

ตอน​ผม​อายุ 20

ใน​ปี 1961 มี​จดหมาย​จาก​สำนักงาน​สาขา​ที่​สนับสนุน​พี่​น้อง​ให้​คิด​ถึง​งาน​ไพโอเนียร์ ตอน​นั้น​ผม​เอง​ก็​ยัง​โสด​และ​แข็งแรง​ดี ผม​เลย​คิด​ว่า​ผม​ควร​เป็น​ไพโอเนียร์ แต่​ต้อง​มี​รถยนต์​สัก​คัน​ก่อน​เพื่อ​เอา​ไว้​ทำ​งาน​รับใช้ ผม​ถาม​เคิร์ต คูน ผู้​ดู​แล​หมวด​ว่า​เขา​คิด​อย่าง​ไร​ถ้า​ผม​จะ​ทำ​งาน​อีก​สัก​สอง​สาม​เดือน​เพื่อ​เก็บ​เงิน​ซื้อ​รถ เขา​ตอบ​ว่า “พระ​เยซู​กับ​อัครสาวก​ต้อง​มี​รถยนต์​ก่อน​ไหม​เพื่อ​จะ​ทำ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา?” คำ​ถาม​นี้​ช่วย​ผม​ให้​ตัดสิน​ใจ​ได้​ว่า​ผม​ควร​ทำ​อะไร ผม​วาง​แผน​จะ​เริ่ม​งาน​ไพโอเนียร์​เร็ว​ที่​สุด​เท่า​ที่​จะ​ทำ​ได้ แต่​ผม​ต้อง​ทำ​งาน​ที่​ห้อง​อาหาร​ของ​โรงแรม​อาทิตย์​ละ 72 ชั่วโมง ผม​คิด​ว่า​ถึง​เวลา​แล้ว​ที่​ต้อง​ปรับ​ตาราง​เวลา​ใหม่

ผม​ขอ​เจ้านาย​ลด​เวลา​ทำ​งาน​ลง​จาก​อาทิตย์​ละ 72 ชั่วโมง​เป็น 60 ชั่วโมง เขา​อนุญาต​และ​ยัง​จ่าย​ค่า​จ้าง​ให้​ผม​เท่า​เดิม หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน ผม​ก็​ขอ​ลด​เวลา​ทำ​งาน​ลง​อีก​เหลือ​อาทิตย์​ละ 48 ชั่วโมง เขา​ก็​ยอม​ตก​ลง​และ​ถึง​กับ​จ่าย​ค่า​จ้าง​ให้​ผม​เท่า​เดิม​อีก ต่อ​มา ผม​ขอ​เขา​ลด​เวลา​ลง​เหลือ​แค่ 36 ชั่วโมง ไม่​น่า​เชื่อ​เลย​ว่า​เจ้านาย​ผม​ก็​ยอม​และ​ยัง​จ่าย​ค่า​จ้าง​เท่า​เดิม​ด้วย! ดู​เหมือน​ว่า​เจ้านาย​คง​ไม่​อยาก​ให้​ผม​ลา​ออก เมื่อ​ทำ​งาน​น้อย​ลง​แบบ​นี้​ทำ​ให้​ผม​มี​เวลา​มาก​พอ​ที่​จะ​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ​ได้ สมัย​นั้น ไพโอเนียร์​ประจำ​ต้อง​ทำ​งาน​รับใช้​เดือน​ละ 100 ชั่วโมง

สี่​เดือน​ต่อ​มา ผม​ได้​รับ​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ซึ่ง​ต้อง​ทำ​งาน​รับใช้​เดือน​ละ 150 ชั่วโมง​และ​เป็น​ผู้​รับใช้​ประชาคม​ใน​ประชาคม​เล็ก ๆ แห่ง​หนึ่ง​ใน​คารินเทีย​เมือง​สปิททาล อัน เดร์ ดราว ถึง​แม้​ผม​จะ​ไม่​มี​คู่​ไพโอเนียร์​ที่​รับใช้​ด้วย​กัน​แต่​เกอร์ทรูเด โลบเนอร์ ก็​สนับสนุน​ผม​อย่าง​ดี เธอ​รับใช้​เป็น​ผู้​ช่วย​ผู้​รับใช้​ประชาคมb

ได้​รับ​งาน​มอบหมาย​มาก​ขึ้น

ปี 1963 ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด ผม​เดิน​ทาง​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ โดย​ใช้​รถไฟ​พร้อม​กระเป๋า​สัมภาระ​หลาย​ใบ พี่​น้อง​ส่วน​ใหญ่​ไม่​มี​รถยนต์​จึง​ไม่​มี​ใคร​มา​รับ​ผม​ที่​สถานี แต่​ผม​ตัดสิน​ใจ​ไม่​นั่ง​แท็กซี่​เพราะ​กลัว​พี่​น้อง​จะ​รู้สึก​ว่า​ผม​ทำ​ตัว​เหนือ​กว่า​เขา ผม​ก็​เลย​เดิน​จาก​สถานี​รถไฟ​ไป​ที่​บ้าน​พวก​เขา

ปี 1965 ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​รุ่น​ที่ 41 ใน​ชั้น​เรียน​มี​พี่​น้อง​หลาย​คน​เป็น​โสด​รวม​ทั้ง​ผม​ด้วย ผม​แปลก​ใจ​มาก​ที่​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​กลับ​ไป​เป็น​ผู้​ดู​หมวด​ที่​ออสเตรีย​เหมือน​เดิม แต่​ก่อน​ที่​จะ​กลับ​จาก​สหรัฐ ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​ทำ​งาน​กับ​แอนโทนี่ คอนตี ซึ่ง​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​ที่​คอร์นวอลล์​ทาง​เหนือ​ของ​นิวยอร์ก​เป็น​เวลา 4 สัปดาห์ ผม​ดีใจ​มาก​ที่​ได้​ทำ​งาน​กับ​เขา เขา​เป็น​พี่​น้อง​ที่​ดี​มาก เขา​รัก​งาน​ประกาศ​และ​ทำ​งาน​รับใช้​เก่ง​มาก

ในวันแต่งงานของแกร์ริตและเมเรเต เลิช

ใน​วัน​แต่งงาน​ของ​เรา

เมื่อ​ผม​กลับ​ไป​ออสเตรีย​ระหว่าง​ที่​ไป​เยี่ยม​หมวด​หนึ่ง ผม​ได้​พบ​กับ​โทเฟ เมเรเต​ซึ่ง​เป็น​พี่​น้อง​หญิง​ที่​น่า​รัก​มาก เธอ​เติบโต​มา​ใน​ความ​จริง​ตั้ง​แต่​ห้า​ขวบ เวลา​มี​พี่​น้อง​ถาม​ว่า​เรา​เจอ​กัน​ได้​อย่าง​ไร เรา​ก็​มัก​จะ​พูด​ตลก ๆ ว่า “สำนักงาน​สาขา​เขา​จัด​ให้” เรา​แต่งงาน​กัน​ใน​ปี​ถัด​มา​ใน​เดือน​เมษายน 1967 และ​ทำ​งาน​เยี่ยม​หมวด​ด้วย​กัน​เรื่อย​มา

ใน​ปี​ต่อ​มา ผม​รู้สึก​ถึง​ความ​กรุณา​อัน​ใหญ่​หลวง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​เลือก​ผม​ให้​มี​มิตรภาพ​พิเศษ​กับ​พระองค์​เป็น​ลูก​ที่​จะ​ได้​อยู่​ใน​ครอบครัว​ฝ่าย​สวรรค์​ร่วม​กับ​คน​อื่น ๆ ที่​เรียก​พระ​ยะโฮวา​ว่า “อับบา พระ​บิดา!” ตาม​ที่​บอก​ไว้​ใน​โรม 8:15

ผม​กับ​เมเรเต​รับใช้​เป็น​ผู้​ดู​แล​หมวด​และ​ผู้​ดู​แล​ภาค​จน​ถึง​ปี 1976 ใน​ช่วง​ที่​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ บาง​ครั้ง​ใน​ฤดู​หนาว​ที่​หนาว​จัด​เรา​ต้อง​นอน​ใน​ห้อง​ที่​ไม่​มี​เครื่อง​ทำ​ความ​ร้อน มี​อยู่​ครั้ง​หนึ่ง เรา​ตื่น​ขึ้น​มา​และ​เห็น​ว่า​ผ้า​ห่ม​ส่วน​หนึ่ง​ตรง​หน้า​เรา​เย็น​จน​เป็น​น้ำ​แข็ง ใน​ที่​สุด เรา​เลย​ตัดสิน​ใจ​เอา​เครื่อง​ทำ​ความ​ร้อน​เล็ก ๆ ติด​ตัว​ไป​ด้วย​เพื่อ​ช่วย​เรา​ให้​ผ่าน​คืน​ที่​หนาว​เหน็บ​ไป​ได้ บาง​แห่ง​ที่​เรา​ไป​เยี่ยม เรา​ถึง​กับ​ต้อง​เดิน​ฝ่า​ลม​หนาว​ที่​เย็น​ยะเยือก​แถม​ลุย​หิมะ​เพื่อ​ไป​เข้า​ห้อง​น้ำ​ตอน​กลางคืน เรา​ไม่​มี​อพาร์ตเมนต์​เป็น​ของ​ตัว​เอง ดัง​นั้น ทุก​วัน​จันทร์​เรา​ต้อง​พัก​ต่อ​ที่​บ้าน​ของ​พี่​น้อง​จน​ถึง​วัน​อังคาร​เช้า​เพื่อ​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​ต่อ​ไป

เป็น​เวลา​หลาย​ปี​ที่​ภรรยา​สุด​ที่​รัก​ของ​ผม​คอย​ช่วย​ผม​เสมอ​มา เธอ​ชอบ​งาน​ประกาศ​มาก​ผม​ไม่​ต้อง​บอก​เธอ​ให้​ออก​ประกาศ​เลย เธอ​เป็น​คน​รัก​เพื่อน ๆ และ​เป็น​ห่วง​เป็น​ใย​คน​อื่น ผม​มี​ความ​สุข​จริง ๆ ที่​มี​เธอ​คอย​เป็น​กำลังใจ​และ​เป็น​ผู้​ช่วย​ที่​ยอด​เยี่ยม

ปี 1976 เรา​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ไป​รับใช้​ที่​สำนักงาน​สาขา​ใน​กรุง​เวียนนา ประเทศ​ออสเตรีย และ​ผม​ได้​รับ​แต่ง​ตั้ง​เป็น​สมาชิก​คณะ​กรรมการ​สาขา สำนักงาน​สาขา​ออสเตรีย​ดู​แล​งาน​รับใช้​ของ​ประเทศ​ใน​ยุโรป​ตะวัน​ออก​หลาย​ประเทศ​ซึ่ง​ตอน​นั้น​งาน​ประกาศ​ถูก​สั่ง​ห้าม และ​สาขา​คอย​จัด​ส่ง​หนังสือ​ให้​พี่​น้อง​ที่​นั่น​แบบ​ลับ ๆ ผม​รู้สึก​เป็น​เกียรติ​มาก​ที่​ได้​ทำ​งาน​กับ​เยอร์เกน รุนเดล​ซึ่ง​เป็น​คน​ดู​แล​งาน​นี้ เยอร์เกน​กับ​เกอร์ทรูด​ภรรยา​ของ​เขา​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ที่​รับใช้​อย่าง​ซื่อ​สัตย์​มา​นาน​ใน​เยอรมนี หลัง​จาก​นั้น​ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​ผู้​ดู​แล​งาน​แปล​หนังสือ​สำหรับ​ภาษา​แถบ​ยุโรป​ตะวัน​ออก 10 ภาษา ตั้ง​แต่​ปี 1978 สาขา​ออสเตรีย​มี​เครื่อง​พิมพ์​ออฟเซ็ต​ขนาด​เล็ก​ที่​เป็น​ระบบ​เรียง​พิมพ์​เพื่อ​ใช้​พิมพ์​วารสาร 6 ภาษา เรา​ยัง​คง​ส่ง​วารสาร​ไป​ถึง​ผู้​อ่าน​ใน​ประเทศ​อื่น ๆ ด้วย ใน​เวลา​นั้น​โอโท คุกลิตช์​เป็น​ผู้​ดู​แล​ระบบ​การ​พิมพ์ ปัจจุบัน​เขา​รับใช้​ร่วม​กับ​อิงกริด​ภรรยา​ของ​เขา​ที่​สำนักงาน​สาขา​เยอรมนี

แกร์ริต เลิชกำลังประกาศตามถนนในออสเตรีย

ใน​ออสเตรีย ผม​สามารถ​ประกาศ​ได้​ทุก​รูป​แบบ​รวม​ถึง​การ​ประกาศ​ตาม​ถนน

พี่​น้อง​ใน​ยุโรป​ตะวัน​ออก​ใช้​เครื่อง​โรเนียว​หรือ​วิธี​อื่น​เพื่อ​พิมพ์​หนังสือ​ต่าง ๆ ใน​ประเทศ​ของ​เขา​เอง แต่​พวก​เขา​ก็​ยัง​ต้อง​ได้​รับ​การ​ช่วยเหลือ​จาก​พี่​น้อง​ใน​ประเทศ​อื่น พระ​ยะโฮวา​ปก​ป้อง​ดู​แล​งาน​ของ​พวก​เขา เรา​รัก​พี่​น้อง​ที่​รับใช้​อย่าง​ซื่อ​สัตย์​ใน​สำนักงาน​สาขา​เหล่า​นี้​มาก​ทั้ง ๆ ที่​ต้อง​ทำ​งาน​ภาย​ใต้​การ​สั่ง​ห้าม​เป็น​เวลา​หลาย​ปี

การ​เยี่ยม​โรมาเนีย​ครั้ง​สำคัญ

ใน​ปี 1989 ผม​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​ให้​ไป​เยี่ยม​ประเทศ​โรมาเนีย​ร่วม​กับ​ทีโอดอร์ จารัซ​ซึ่ง​เป็น​สมาชิก​คณะ​กรรมการ​ปกครอง เป้าหมาย​ของ​การ​เยี่ยม​ครั้ง​นี้​คือ​ช่วย​พี่​น้อง​กลุ่ม​ใหญ่​กลุ่ม​หนึ่ง​ให้​กลับ​มา​เป็น​ส่วน​ของ​องค์การ​ของ​พระเจ้า เพราะ​ตั้ง​แต่​ปี 1949 พี่​น้อง​เหล่า​นี้​แยก​ตัว​ออก​จาก​องค์การ​ด้วย​เหตุ​ผล​ที่​แตกต่าง​กัน​ไป​และ​ตั้ง​ประชาคม​ของ​ตัว​เอง​ขึ้น​มา พวก​เขา​ยัง​ออก​ไป​ประกาศ​และ​ช่วย​คน​ใหม่ ๆ ให้​รับ​บัพติสมา พวก​เขา​ทำ​เหมือน​พี่​น้อง​ใน​องค์การ​ได้​ทำ​คือ​ยอม​ติด​คุก​แทน​ที่​จะ​เป็น​ทหาร ตอน​นั้น​งาน​ประกาศ​ใน​โรมาเนีย​ยัง​ถูก​สั่ง​ห้าม เรา​จึง​นัด​ประชุม​กัน​อย่าง​ลับ ๆ ที่​บ้าน​ของ​พัมฟิล อัลบู เรา​มี​โรล์ฟ เคลล์เนอร์​จาก​ออสเตรีย​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​ล่าม​ให้​เรา การ​ประชุม​ครั้ง​นั้น​เรา​ได้​เชิญ​ผู้​ปกครอง​สี่​คน​ที่​นำ​หน้า​พี่​น้อง​กลุ่ม​นั้น​และ​ตัว​แทน​คณะ​กรรมการ​ประเทศ​ของ​โรมาเนีย​เข้า​ร่วม​ด้วย

คืน​ที่​สอง​ที่​เรา​ประชุม​กัน พี่​น้อง​อัลบู​กระตุ้น​หนุน​ใจ​ผู้​ปกครอง​ทั้ง​สี่​คน​นี้​ให้​กลับ​มา​รับใช้​ร่วม​กับ​องค์การ เขา​พูด​ว่า “ถ้า​เรา​ไม่​ทำ​ตอน​นี้ เรา​อาจ​ไม่​มี​โอกาส​อีก​เลย” ผล​คือ​พี่​น้อง​ประมาณ 5,000 คน​กลับ​มา​รับใช้​ร่วม​กับ​องค์การ​อีก​ครั้ง นี่​เป็น​ชัย​ชนะ​ครั้ง​สำคัญ​ที่​พระ​ยะโฮวา​มี​ต่อ​ซาตาน!

ช่วง​สิ้น​ปี 1989 ก่อน​ที่​ระบอบ​คอมมิวนิสต์​ใน​ประเทศ​ยุโรป​ตะวัน​ออก​จะ​ล่ม​สลาย ผม​กับ​ภรรยา​ตื่นเต้น​และ​แปลก​ใจ​มาก​ที่​คณะ​กรรมการ​ปกครอง​เชิญ​เรา​ให้​ย้าย​ไป​ทำ​งาน​ที่​สำนักงาน​ใหญ่​ใน​นิวยอร์ก เรา​เริ่ม​รับใช้​ที่​บรุกลิน​ใน​เดือน​กรกฎาคม 1990 หลัง​จาก​นั้น​ใน​ปี 1992 ผม​ได้​รับ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​ช่วย​ใน​คณะ​กรรมการ​การ​รับใช้​ของ​คณะ​กรรมการ​ปกครอง และ​ตั้ง​แต่​เดือน​กรกฎาคม 1994 ผม​ได้​รับ​สิทธิ​พิเศษ​ให้​เป็น​สมาชิก​คน​หนึ่ง​ใน​คณะ​กรรมการ​ปกครอง

ย้อน​มอง​อดีต​และ​มอง​ไป​ยัง​อนาคต

แกร์ริตและเมเรเต เลิชในบรุกลิน นิวยอร์ก

ถ่าย​กับ​ภรรยา​ที่​บรุกลิน นิวยอร์ก

สำหรับ​ผม​ชีวิต​พนักงาน​บริการ​ใน​โรงแรม​เป็น​อดีต​ไป​แล้ว ตอน​นี้​ผม​มี​ความ​สุข​กับ​การ​ได้​มี​ส่วน​ช่วย​เตรียม​และ​เสิร์ฟ​อาหาร​ที่​เป็น​ความ​รู้​และ​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า​ให้​แก่​พี่​น้อง​ทั่ว​โลก (มัด. 24:45-47) เมื่อ​ผม​นึก​ถึง​ช่วง​เวลา 50 กว่า​ปี​ที่​ได้​รับใช้​เต็ม​เวลา​แบบ​พิเศษ ผม​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​สุด​ซึ้ง ผม​มี​ความ​สุข​มาก​เมื่อ​เห็น​พระ​ยะโฮวา​อวย​พร​สังคม​พี่​น้อง​ทั่ว​โลก ผม​ชอบ​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เพราะ​ทำ​ให้​ผม​ได้​เรียน​หลาย​อย่าง​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา​พ่อ​ที่​อยู่​ใน​สวรรค์​รวม​ทั้ง​ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย

ผม​อธิษฐาน​ขอ​ให้​มี​อีก​หลาย​ล้าน​คน​เรียน​คัมภีร์​ไบเบิล ตอบรับ​ความ​จริง และ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ร่วม​กับ​สังคม​พี่​น้อง​คริสเตียน​ทั่ว​โลก (1 เป. 2:17) ผม​ยัง​เฝ้า​คอย​วัน​ที่​จะ​ได้​รับใช้​บน​สวรรค์​และ​มอง​ลง​มา​เห็น​พ่อ​ผู้​ให้​กำเนิด​ได้​รับ​การ​ปลุก​ให้​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย ผม​หวัง​ว่า​พ่อ​แม่​และ​ญาติ​ที่​ผม​รัก​จะ​อยาก​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก

ผม​เฝ้า​คอย​วัน​ที่​จะ​ได้​รับใช้​บน​สวรรค์​และ​มอง​ลง​มา​เห็น​พ่อ​ผู้​ให้​กำเนิด​ได้​รับ​การ​ปลุก​ให้​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย

a อ่าน​เรื่อง​ราว​ชีวิต​ของ​พวก​เธอ​ได้​ใน​หอสังเกตการณ์ 1 พฤศจิกายน 1979 (ภาษา​อังกฤษ)

b ปัจจุบัน ผู้​รับใช้​ประชาคม​และ​ผู้​ช่วย​ผู้​รับใช้​ประชาคม​ไม่​มี​แล้ว แต่​ทุก​ประชาคม​มี​ผู้​ประสาน​งาน​คณะ​ผู้​ปกครอง​และ​เลขาธิการ​ประชาคม

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์