-
พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงคราม?หอสังเกตการณ์ 2015 | 1 พฤศจิกายน
-
-
จากปก
พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงคราม?
คุณจะตอบคำถามนี้อย่างไร? หลายคนคิดว่าพระเจ้าเห็นด้วยกับการทำสงคราม เพราะพระองค์สั่งคนที่นมัสการพระองค์ในอดีตให้ทำสงคราม แล้วคัมภีร์ไบเบิลก็ยืนยันเรื่องนี้ด้วย แต่บางคนไม่ได้คิดอย่างนั้น พวกเขาสังเกตว่าพระเยซูลูกของพระเจ้าสอนสาวกให้รักศัตรู (มัดธาย 5:43, 44) พวกเขาบอกว่าเมื่อก่อนพระเจ้าเคยเห็นด้วยกับการทำสงคราม แต่ต่อมาพระเจ้าก็เปลี่ยนความคิด ตอนนี้พระองค์ไม่ได้คิดอย่างนั้นแล้ว
แล้วคุณล่ะคิดอย่างไร? พระเจ้าเห็นด้วยกับการทำสงครามไหม? ถ้าใช่ แล้วที่มนุษย์ทำสงครามกันในทุกวันนี้ พระเจ้าอยู่ฝ่ายไหนล่ะ? การหาคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้อาจมีผลอย่างมากต่อความคิดของคุณที่มีต่อสงคราม อย่างเช่น ถ้าคุณรู้ว่าพระเจ้าไม่ใช่แค่เห็นด้วยกับการทำสงครามแต่ยังหนุนหลังฝ่ายที่คุณเองก็ชอบ คุณคงรู้สึกดีที่เลือกข้างถูกและมั่นใจว่าฝ่ายของคุณต้องชนะแน่ แต่คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้ารู้ว่าพระเจ้าเลือกหนุนหลังอีกฝ่ายหนึ่ง? คุณก็คงอยากทบทวนจุดยืนของตัวเองใหม่ใช่ไหม?
เรื่องมันไม่ใช่แค่นี้ การที่คุณรู้ว่าพระเจ้าคิดอย่างไรกับสงครามอาจมีผลต่อความคิดที่คุณมีต่อพระองค์ ถ้าสงครามที่มนุษย์เข่นฆ่ากันทำให้คุณปวดร้าวเหมือนกับคนอีกหลายล้านคน คุณคงอยากรู้คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า พระเจ้ากระหายสงครามไหม? พระองค์ทำให้เกิดความทุกข์เดือดร้อนหรือนิ่งดูดายไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนเพราะสงครามไหม?
คุณอาจแปลกใจถ้ารู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลให้คำตอบที่แตกต่างอย่างลิบลับกับความคิดเห็นเหล่านี้ และตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ความคิดของพระเจ้าเรื่องสงครามก็ยังเหมือนเดิม ให้เรามาดูว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดอย่างไรเกี่ยวกับความคิดของพระเจ้าเรื่องการทำสงครามในยุคโบราณ และในสมัยศตวรรษแรกตอนที่พระเยซูอยู่บนโลกนี้ เรื่องนี้จะช่วยให้เราเข้าใจว่าพระเจ้าคิดอย่างไรกับการทำสงครามในสมัยปัจจุบัน และในอนาคตมนุษย์จะทำสงครามอยู่อีกไหม
-
-
พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงครามในยุคโบราณ?หอสังเกตการณ์ 2015 | 1 พฤศจิกายน
-
-
จากปก | พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงคราม?
พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงครามในยุคโบราณ?
ชนชาตินี้กำลังถูกกดขี่ พวกเขาเฝ้าอธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วย แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระองค์ไม่ได้ช่วยพวกเขาทันที ชนชาตินี้ก็คือชาวอิสราเอลประชาชนของพระเจ้าในยุคโบราณ และผู้ที่กดขี่พวกเขาก็คืออียิปต์ชาติที่เป็นมหาอำนาจในเวลานั้น (เอ็กโซโด 1:13, 14) เป็นเวลานานหลายปีที่ชาวอิสราเอลเฝ้ารอวันที่พระเจ้าจะมาทำลายชาวอียิปต์ที่กดขี่พวกเขา และแล้ววันที่พวกเขารอคอยก็มาถึง (เอ็กโซโด 3:7-10) คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเจ้าเป็นผู้ทำสงครามกับชาวอียิปต์ พระองค์ทำให้พวกเขาเจอกับภัยพิบัติชุดใหญ่ แล้วทำให้กษัตริย์อียิปต์กับกองทัพของเขาตายในทะเลแดง (บทเพลงสรรเสริญ 136:15) พระยะโฮวาพระเจ้าเป็นนักรบที่เก่งกาจที่ช่วยประชาชนของพระองค์ให้รอด—เอ็กโซโด 15:3, 4
การที่พระเจ้าทำสงครามกับชาวอียิปต์แสดงให้เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่า พระเจ้าไม่ได้ต่อต้านสงครามทั้งหมด มีหลายครั้งที่พระองค์สั่งให้ชาวอิสราเอลทำสงคราม อย่างเช่น พระองค์สั่งพวกเขาให้ไปสู้รบกับชาวคะนาอันที่ชั่วช้ามาก (พระบัญญัติ 9:5; 20:17, 18) พระเจ้าสั่งดาวิดกษัตริย์ของอิสราเอลให้ทำสงครามกับพวกฟิลิสตินที่กดขี่ประชาชนของพระองค์ พระเจ้าถึงกับบอกกลยุทธ์ในการรบให้ดาวิดเพื่อจะรบชนะ—2 ซามูเอล 5:17-25
เรื่องราวที่บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลบอกให้รู้ว่าเมื่อชาวอิสราเอลถูกกดขี่ข่มเหงหรือเมื่อพวกเขาเจอกับสิ่งเลวร้าย พระเจ้าก็ให้มีการทำสงครามเพื่อปกป้องประชาชนของพระองค์และปกป้องการนมัสการแท้ แต่สงครามที่มาจากพระเจ้าจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 3 อย่างนี้
พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดว่าใคร จะไปรบ ครั้งหนึ่งพระเจ้าบอกชาวอิสราเอลว่า “เจ้าจะไม่ต้องรบในสงครามครั้งนี้” ทำไมพระองค์บอกอย่างนั้น? เพราะพระเจ้าจะทำสงครามเพื่อประชาชนของพระองค์เอง (2 โครนิกา 20:17; 32:7, 8, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) พระเจ้าทำสงครามหลายครั้งอย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นของบทความนี้ และยังมีอีกหลายครั้งที่พระเจ้าสั่งชาวอิสราเอลในสมัยโบราณให้ไปรบในสงครามที่พระองค์เห็นชอบ สงครามทั้งหมดนี้เป็นการต่อสู้เพื่อปกปักรักษาแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาไว้กับพวกเขา—พระบัญญัติ 7:1, 2; ยะโฮซูอะ 10:40
พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดว่าจะทำสงครามเหล่านั้นเมื่อไร ประชาชนของพระเจ้าจะต้องอดทนรอจนกว่าจะถึงเวลาที่พระเจ้าสั่งให้ลงมือจัดการกับชาติที่อยู่โดยรอบซึ่งทำสิ่งชั่วช้าและกดขี่ข่มเหงพวกเขา ก่อนถึงเวลานั้น พวกเขาจะไม่ออกไปรบเอง เพราะถ้าทำอย่างนั้นพระเจ้าก็จะไม่หนุนหลังพวกเขา ที่จริง คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นว่าเมื่อไรที่พวกเขาไปรบทั้ง ๆ ที่พระเจ้าไม่ได้สั่ง พวกเขาก็จะพ่ายแพ้ยับเยินa
ตอนที่พระเจ้าทำสงครามกวาดล้างชาวคะนาอัน พระองค์ไว้ชีวิตบางคน อย่างเช่น ราฮาบกับครอบครัวของเธอ
พระเจ้าไม่ได้มีความสุขที่เห็นมนุษย์ต้องตาย ถึงแม้คนนั้นจะเป็นคนชั่ว พระยะโฮวาพระเจ้าเป็นผู้ให้ชีวิตและเป็นผู้สร้างมนุษย์ (บทเพลงสรรเสริญ 36:9) ดังนั้น พระองค์ไม่ต้องการจะเห็นใครตาย แต่น่าเศร้าที่มีบางคนทำสิ่งชั่วร้ายต่อเพื่อนมนุษย์และถึงกับฆ่าคนอื่น (บทเพลงสรรเสริญ 37:12, 14) และเพื่อหยุดยั้งความชั่วนั้น หลายครั้งพระเจ้าก็ให้มีการทำสงครามเพื่อกำจัดคนชั่ว แต่ตลอดหลายปีที่พระเจ้าสั่งให้ชาวอิสราเอลทำสงคราม พระองค์จะแสดง “พระเมตตา” และ “พิโรธช้า” ต่อคนที่กดขี่ชาวอิสราเอล (บทเพลงสรรเสริญ 86:15) ตัวอย่างเช่น พระองค์สั่งชาวอิสราเอลว่าก่อนที่จะเข้าไปโจมตีเมืองไหน เขาต้อง “เสนอเงื่อนไขทำสันติภาพ” เพื่อคนที่อยู่ในเมืองนั้นจะมีโอกาสเลือกว่าอยากจะรบหรือสงบศึก (พระบัญญัติ 20:10-13 พระคัมภีร์ โดยคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์ ) โดยวิธีนี้ พระเจ้าแสดงให้เห็นว่าพระองค์ “ไม่อยากให้คนชั่วต้องตาย . . . แต่อยากให้เขาหันกลับจากทางชั่วและมีชีวิตอยู่”—ยะเอศเคล 33:11, 14-16, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัยb
จากตัวอย่างที่ยกมานี้ เราเห็นว่าในสมัยโบราณ พระเจ้ามองว่าสงครามเป็นวิธีที่พระองค์ใช้เพื่อกำจัดคนชั่วที่ข่มเหงเพื่อนมนุษย์ด้วยวิธีต่าง ๆ นานา และพระเจ้าเท่านั้นคือผู้มีสิทธิ์ตัดสินว่าเมื่อไรจะถึงเวลาทำสงครามและใครจะมีส่วนร่วมในสงครามนั้น มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ตัดสิน ถ้าอย่างนั้น พระเจ้าชอบทำสงครามแบบกระหายเลือดไหม? ไม่เลย จริง ๆ แล้วพระองค์เกลียดการใช้ความรุนแรง (บทเพลงสรรเสริญ 11:5) ความคิดของพระเจ้าในเรื่องการทำสงครามเปลี่ยนไปไหมตอนที่พระเยซูคริสต์ลูกของพระองค์มาประกาศสั่งสอนผู้คนในสมัยศตวรรษแรก?
a ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่ง ชาวอิสราเอลพ่ายแพ้ไม่เป็นท่าหลังจากออกไปรบกับชาวอะมาเลคและชาวคะนาอัน ทั้ง ๆ ที่พระเจ้าบอกไม่ให้ไป (อาฤธโม 14:41-45) หลายปีต่อมา กษัตริย์โยซียาห์ถึงแม้เป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า แต่พอเขาออกไปทำสงครามโดยที่พระเจ้าไม่ได้สั่ง ความหุนหันพลันแล่นครั้งนั้นทำให้เขาต้องจ่ายด้วยชีวิต—2 โครนิกา 35:20-24
b แต่ชาวอิสราเอลไม่ได้เสนอข้อตกลงทำสันติภาพกับชาวคะนาอันก่อนทำสงคราม ทำไม? เพราะพระเจ้าให้โอกาสชาวคะนาอันนานถึง 400 ปีเพื่อกลับตัวกลับใจ แต่เมื่อถึงตอนที่ชาวอิสราเอลยกทัพมารบกับพวกเขา ชาวคะนาอันโดยรวมก็ยังทำชั่วชนิดที่กู่ไม่กลับ (เยเนซิศ 15:13-16) ดังนั้น พวกเขาจึงต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก แต่ก็มีชาวคะนาอันบางคนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง พวกเขาจึงรอดชีวิต—ยะโฮซูอะ 6:25; 9:3-27
-
-
พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงครามในสมัยศตวรรษแรก?หอสังเกตการณ์ 2015 | 1 พฤศจิกายน
-
-
จากปก | พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงคราม?
พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงครามในสมัยศตวรรษแรก?
ชนชาตินี้กำลังถูกกดขี่ ชาวยิวในศตวรรษแรกก็เหมือนกับปู่ย่าตายายของเขาที่เฝ้าอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าให้พ้นจากโรม ซึ่งเป็นมหาอำนาจที่กดขี่พวกเขาในตอนนั้น แล้วชาวยิวก็ได้ยินเรื่องพระเยซู ท่านจะพิสูจน์ว่าท่านเป็นพระมาซีฮาอย่างที่พระคัมภีร์เคยบอกไว้ไหม? หลายคนก็ “หวังว่าพระองค์คือผู้ที่จะมาปลดปล่อยชนอิสราเอล” จากพวกโรมันที่กดขี่พวกเขามานาน (ลูกา 24:21) แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่พวกเขาหวัง ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือในปี ค.ศ. 70 พวกโรมันได้ยกกองทัพมาทำลายกรุงเยรูซาเลมและวิหารจนย่อยยับ
เกิดอะไรขึ้น? ก็ไหนว่าพระเจ้าเคยทำสงครามเพื่อปกป้องชาวยิว แล้วทำไมคราวนี้พระองค์ไม่ช่วยล่ะ? หรือทำไมพระองค์ไม่สั่งให้พวกเขาทำสงครามเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากชาติที่กดขี่? ความคิดของพระเจ้าในเรื่องสงครามเปลี่ยนไปไหม? ไม่ใช่! แต่ชาวยิวต่างหากที่เปลี่ยนไป พวกเขาไม่ยอมรับว่าพระเยซูลูกของพระเจ้าเป็นพระมาซีฮา (กิจการ 2:36) ดังนั้น คนชาตินี้จึงไม่ได้เป็นคนที่พระยะโฮวาพระเจ้ารักเป็นพิเศษอีกต่อไป—มัดธาย 23:37, 38
พระเจ้าไม่ได้ปกป้องคุ้มครองชาติอิสราเอลและแผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขาอีกแล้ว และตั้งแต่นั้นมาชาวยิวก็ไม่มีสิทธิ์อ้างว่าพระเจ้าหนุนหลังหรือเห็นชอบกับสงครามที่พวกเขาทำ พระเยซูเองก็เคยบอกไว้ว่า สิ่งดีต่าง ๆ ที่พวกเขาเคยได้รับตอนที่ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้านั้นมันจบไปแล้ว พระเจ้าหันไปอวยพรชนชาติใหม่ที่ไม่ใช่ชาวยิวโดยกำเนิด แต่เป็นกลุ่มคนที่มีความเชื่อในพระองค์จริง ๆ ซึ่งต่อมาคัมภีร์ไบเบิลเรียกพวกเขาว่า “อิสราเอลของพระเจ้า” (กาลาเทีย 6:16; มัดธาย 21:43) “อิสราเอลของพระเจ้า” นี้ก็คือคริสเตียนกลุ่มที่ได้รับการเจิมโดยพลังของพระเจ้า และในศตวรรษแรกมีการพูดถึงพวกเขาว่า ‘เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายเป็นชนชาติของพระเจ้า’—1 เปโตร 2:9, 10
เนื่องจากคริสเตียนในศตวรรษแรกเป็น “ชนชาติของพระเจ้า” แล้วพระเจ้าต่อสู้เพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากพวกโรมันที่กดขี่ไหม? หรือพระองค์สั่งพวกเขาให้ไปสู้รบกับคนพวกนั้นที่มากดขี่เขาไหม? ไม่ ทำไมล่ะ? เพราะอย่างที่บอกไปแล้วในบทความก่อน ถ้าเป็นสงครามที่มาจากพระเจ้า พระองค์จะเป็นผู้กำหนดว่าจะให้ทำสงครามเมื่อไร แต่ในศตวรรษแรกพระเจ้าไม่ได้ทำสงครามเพื่อคริสเตียนหรือสั่งให้พวกเขาออกไปสู้รบ เห็นได้ชัดว่า พระเจ้าไม่ได้คิดว่าสมัยศตวรรษแรกเป็นเวลาที่จะทำสงครามเพื่อกำจัดความชั่วและการกดขี่
เหมือนกับผู้รับใช้ของพระเจ้าในสมัยโบราณ คริสเตียนในศตวรรษแรกก็ต้องคอยจนกว่าจะถึงเวลาที่พระเจ้าจะมากำจัดความชั่วช้าและการกดขี่ให้หมดไป แต่ในระหว่างนั้น พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำสงครามกับพวกศัตรูตามใจชอบ พระเยซูคริสต์บอกเรื่องนี้อย่างชัดเจนในคำสอนของท่าน ตัวอย่างเช่น ท่านไม่ได้สั่งสาวกให้เข้าร่วมในการสู้รบ แต่สอนให้พวกเขา ‘รักศัตรูต่อ ๆ ไปและอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหง’ พวกเขา (มัดธาย 5:44) เมื่อพระเยซูบอกล่วงหน้าถึงช่วงเวลาที่ชาวโรมันจะมาทำลายกรุงเยรูซาเลมในสมัยศตวรรษแรก ท่านสั่งสาวกของท่านว่าอย่าอยู่ในเมืองนั้นและอย่าสู้ แต่ให้หนี ซึ่งพวกเขาก็เชื่อฟังและทำตาม—ลูกา 21:20, 21
นอกจากนี้ อัครสาวกเปาโลยังได้รับการดลใจจากพระเจ้าให้เขียนว่า “อย่าแก้แค้น . . . เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า [พระยะโฮวา] ตรัสว่า ‘การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน’” (โรม 12:19, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน) ที่นี่เปาโลกำลังยกคำพูดของพระเจ้าขึ้นมากล่าว ซึ่งเขียนไว้เมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้านั้นในหนังสือเลวีติโก 19:18 และพระบัญญัติ 32:35 และคุณก็คงได้เห็นจากบทความก่อนแล้วว่าวิธีหนึ่งที่พระเจ้าแก้แค้นแทนประชาชนของพระองค์ในสมัยโบราณก็คือ การช่วยพวกเขาสู้รบกับศัตรู ดังนั้น คำพูดของเปาโลแสดงว่า ความคิดของพระเจ้าในเรื่องสงครามก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ในศตวรรษแรก พระเจ้ายังคงมองว่าสงครามเป็นวิธีที่ถูกต้องในการแก้แค้นแทนประชาชนของพระองค์ และในการกำจัดความชั่วร้ายและการกดขี่ข่มเหงทุกรูปแบบให้หมดสิ้นไป และเหมือนในอดีตที่ผ่านมา พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดว่าจะทำสงครามแบบนั้นเมื่อไรและใครที่จะมีส่วนร่วมด้วย
เห็นได้ชัดว่า พระเจ้าไม่ได้สั่งคริสเตียนในศตวรรษแรกให้ออกไปทำสงคราม แล้วในสมัยนี้ล่ะ? พระเจ้าสั่งคนกลุ่มไหนให้ทำสงครามไหม? หรือตอนนี้ถึงเวลาแล้วไหมที่พระเจ้าจะทำสงครามเพื่อประชาชนของพระองค์? และพระเจ้าคิดอย่างไรกับสงครามในสมัยนี้? บทความต่อไปมีคำตอบ
-
-
พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงครามในสมัยนี้?หอสังเกตการณ์ 2015 | 1 พฤศจิกายน
-
-
จากปก | พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงคราม?
พระเจ้าคิดอย่างไรกับสงครามในสมัยนี้?
ทุกวันนี้มีคนมากมายถูกกดขี่ พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าจะมีสักวันหนึ่งไหมที่พระเจ้าจะช่วยพวกเขาให้พ้นจากความทุกข์ พระเจ้าได้ยินเสียงร้องของพวกเขาไหม? แล้วคนที่พยายามทำสงครามเพื่อกำจัดการกดขี่ข่มเหงให้หมดไปล่ะ? พระเจ้าสนับสนุนความพยายามของพวกเขาไหม? พระองค์มองว่าสงครามที่พวกเขาทำเป็นเรื่องที่ถูกต้องไหม?
อาร์มาเก็ดดอนเป็นสงครามที่จะทำลายสงครามทั้งหมด
ก่อนอื่นขอให้สบายใจได้เลยว่า พระเจ้าเห็นความทุกข์ที่มีอยู่ในโลกทุกวันนี้ และพระองค์ก็ตั้งใจที่จะจัดการแก้ไข (บทเพลงสรรเสริญ 72:13, 14) พระเจ้าสัญญาไว้ในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งเป็นหนังสือของพระองค์ว่า คนที่ “ทนทุกข์ลำบากก็จะได้รับการบรรเทา” แล้วเมื่อไรล่ะ? “ในคราวที่พระเยซูเจ้าทรงปรากฏจากสวรรค์พร้อมด้วยเหล่าทูตสวรรค์ผู้มีฤทธิ์ของพระองค์ . . . และทรงสนองโทษคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าและคนที่ไม่เชื่อฟังข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าของเรา” (2 เทสซาโลนิเก 1:7, 8) การปรากฏของพระเยซูที่ว่านี้เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งคัมภีร์ไบเบิลเรียกว่า “สงครามในวันใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่ง” หรือที่รู้จักกันว่าอาร์มาเก็ดดอน—วิวรณ์ 16:14, 16, เชิงอรรถ
สงครามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนี้ พระเจ้าจะไม่ใช้มนุษย์ แต่จะใช้พระเยซูคริสต์ลูกของพระองค์และทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์อำนาจมากวาดล้างคนชั่ว กองทัพจากสวรรค์นี้จะทำให้การกดขี่ข่มเหงทุกอย่างหมดสิ้นไป—ยะซายา 11:4; วิวรณ์ 19:11-16
จนถึงทุกวันนี้ ความคิดของพระเจ้าในเรื่องสงครามก็ยังไม่เปลี่ยน พระองค์มองว่าสงครามเป็นวิธีที่ถูกต้องในการกำจัดคนชั่วและการกดขี่อย่างถอนรากถอนโคน แต่อย่างที่เกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พระเจ้าเท่านั้นเป็นผู้กำหนดว่าเมื่อไรที่จะทำสงครามแบบนั้นและใครจะมีส่วนร่วมในสงคราม และอย่างที่เราได้พูดมาแล้ว พระเจ้ากำหนดไว้แล้วว่าสงครามที่จะยุติความชั่วและแก้แค้นแทนคนที่ถูกกดขี่ข่มเหงนี้จะเกิดขึ้นในอนาคต และผู้ที่จะเป็นแม่ทัพก็คือพระเยซูคริสต์ลูกของพระองค์ นี่หมายความว่า สงครามที่สู้รบกันในโลกทุกวันนี้ไม่ใช่สงครามที่พระเจ้าเห็นชอบ ไม่ว่าอุดมการณ์ของสงครามนั้นจะฟังดูสวยหรูแค่ไหนก็ตาม
เพื่อเป็นตัวอย่าง ลองนึกภาพพี่น้อง 2 คนทะเลาะกันตอนที่พ่อไม่อยู่บ้าน พวกเขาหยุดทะเลาะกันครู่หนึ่งแล้วโทรศัพท์ไปหาพ่อ คนพี่บอกว่าน้องเริ่มหาเรื่องก่อน ส่วนคนน้องก็บอกว่าถูกพี่แกล้ง ทั้งคู่ฟ้องพ่อ และคิดว่าพ่อน่าจะเข้าข้างเขา แต่เมื่อพ่อฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว พ่อก็บอกให้ทั้งคู่เลิกทะเลาะกัน รอให้พ่อกลับมาก่อนแล้วพ่อจะมาจัดการให้ พี่น้อง 2 คนนั้นสงบลงได้สักพักก็เริ่มทะเลาะกันอีก เมื่อพ่อกลับมาถึงบ้าน พ่อก็โกรธลูกทั้ง 2 คนและลงโทษพวกเขาที่ไม่เชื่อฟัง
ในทุกวันนี้ ชาติต่าง ๆ ที่ทำสงครามกันก็มักจะขอให้พระเจ้าช่วย แต่พระองค์ไม่ได้เข้าข้างใครในสงครามที่ทำกันในทุกวันนี้ คัมภีร์ไบเบิลบอกชัดเจนว่า “อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ผู้หนึ่งผู้ใดเลย” และ “อย่าแก้แค้นเสียเอง” (โรม 12:17, 19) นอกจากนี้ พระเจ้ายังแสดงให้มนุษย์เห็นว่าพวกเขาควรอดทน “รอคอย” ให้พระเจ้ามาจัดการในสงครามของพระองค์ที่เรียกว่าอาร์มาเก็ดดอน (บทเพลงสรรเสริญ 37:7, ฉบับคิงเจมส์ ) เมื่อชาติต่าง ๆ ไม่ยอมรอพระเจ้าและทำสงครามกันเอง พระองค์มองว่าสงครามเหล่านั้นเป็นการทำเกินสิทธิ์อย่างร้ายแรง ซึ่งทำให้พระองค์ไม่พอใจมาก ดังนั้น ในสงครามอาร์มาเก็ดดอน พระเจ้าจะคิดบัญชีกับชาติต่าง ๆ แบบม้วนเดียวจบ โดย “ปราบปรามการสงครามให้สงบเงียบตลอดถึงปลายแผ่นดินโลก” (บทเพลงสรรเสริญ 46:9; ยะซายา 34:2) ที่จริง อาร์มาเก็ดดอนเป็นสงครามที่จะทำลายสงครามทั้งหมดให้สูญสิ้นไปตลอดกาล
การทำให้โลกไม่มีสงครามอีกต่อไปเป็นสิ่งดีอย่างหนึ่งที่รัฐบาลของพระเจ้าจะทำเพื่อประชาชนของพระองค์ พระเยซูพูดถึงรัฐบาลนั้นในคำอธิษฐานที่หลายคนรู้จักดีที่ว่า “ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์มาเถิด ขอให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จบนแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับในสวรรค์” (มัดธาย 6:10) รัฐบาลนี้นอกจากจะทำให้สงครามทุกรูปแบบหมดไปแล้ว ยังจะกำจัดความชั่วช้าซึ่งเป็นต้นตอของสงครามออกไปด้วยa (บทเพลงสรรเสริญ 37:9, 10, 14, 15) ไม่แปลกที่สาวกของพระเยซูต่างก็เฝ้ารอวันที่พวกเขาจะได้เห็นสิ่งดี ๆ ที่รัฐบาลของพระเจ้าจะทำในอนาคต—2 เปโตร 3:13
แต่เราต้องรออีกนานแค่ไหนกว่ารัฐบาลของพระเจ้าจะมากำจัดการกดขี่ ความทุกข์ และความชั่วช้าให้หมดสิ้นไป? คำพยากรณ์หลายข้อในคัมภีร์ไบเบิลที่เกิดขึ้นจริงแสดงให้เห็นว่าเรากำลังมีชีวิตอยู่ใน “สมัยสุดท้าย” ของโลกนี้ (2 ติโมเธียว 3:1-5)b นี่แสดงว่าอีกไม่นานรัฐบาลของพระเจ้าก็จะมาทำลายระบบชั่วของสมัยสุดท้ายนี้ด้วยสงครามอาร์มาเก็ดดอน
อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว คนที่จะถูกทำลายในสงครามครั้งสุดท้ายนี้จะมีเฉพาะคนที่ “ไม่เชื่อฟังข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าของเรา” เท่านั้น (2 เทสซาโลนิเก 1:8) แต่ขออย่าลืมว่าพระเจ้าไม่อยากให้ใครต้องตาย แม้แต่คนชั่วด้วยซ้ำ (ยะเอศเคล 33:11) และเนื่องจาก “พระองค์ไม่อยากให้มีใครถูกทำลาย” ในสงครามครั้งสุดท้ายนี้ พระองค์จึงดูแลให้มีการประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้า “ไปทั่วแผ่นดินโลก . . . เพื่อให้พยานหลักฐานแก่ทุกชาติ” ก่อนที่ระบบของโลกชั่วนี้จะถึงจุดจบ (2 เปโตร 3:8, 9, พระคัมภีร์ภาคคำสัญญาใหม่ ฉบับอ่านเข้าใจง่าย; มัดธาย 24:14; 1 ติโมเธียว 2:3, 4) งานประกาศที่พยานพระยะโฮวาทำอยู่ทั่วโลกทำให้ผู้คนในเวลานี้ได้มีโอกาสเรียนรู้จักพระเจ้า ได้เชื่อฟังข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซู และจะได้เห็นวันที่โลกนี้จะไม่มีสงครามอีกเลย
a รัฐบาลของพระเจ้าจะกำจัดความตายซึ่งเป็นศัตรูของมนุษย์ และบทความ “ถาม-ตอบเรื่องคัมภีร์ไบเบิล” ในฉบับนี้ จะช่วยให้เรารู้ว่าพระเจ้าจะปลุกคนมากมายที่ตายไปให้กลับมามีชีวิตอีก รวมทั้งผู้คนที่ตายเพราะสงครามที่เกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์
b สำหรับเรื่องสมัยสุดท้าย เชิญอ่านเพิ่มเติมได้ในบท 9 ของหนังสือคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริงๆ? จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา
-