บท 14
สนับสนุนรัฐบาลของพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวด้วยความภักดี
1, 2. (ก) มีหลักการอะไรที่ช่วยชี้นำสาวกของพระเยซูมาจนถึงทุกวันนี้? (ข) พวกศัตรูพยายามเอาชนะเราอย่างไร และผลเป็นอย่างไร?
พระเยซูยืนอยู่ต่อหน้าปีลาตผู้พิพากษาที่มีอำนาจสูงสุดในแคว้นยูเดีย พระเยซูอ้างถึงหลักการข้อหนึ่งที่ช่วยชี้นำสาวกแท้ของท่านมาจนถึงทุกวันนี้ โดยกล่าวว่า “ราชอาณาจักรของเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ ถ้าราชอาณาจักรของเราเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ คนของเราคงต่อสู้เพื่อไม่ให้เราตกอยู่ในมือพวกยิว แต่ราชอาณาจักรของเราไม่ได้มาจากโลกนี้” (โย. 18:36) ปีลาตประหารชีวิตพระเยซู แต่เขาก็เป็นผู้ชนะได้แค่ไม่กี่วัน เพราะพระเยซูถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย จักรพรรดิที่มีอำนาจมากในจักรวรรดิโรมันพยายามกำจัดสาวกของพระเยซูให้สิ้นซาก แต่ก็ทำไม่สำเร็จ คริสเตียนเผยแพร่ข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรไปทั่วโลกในยุคโบราณนั้น—โกโล. 1:23
2 หลังจากที่ราชอาณาจักรก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1914 มีมหาอำนาจทางทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์พยายามกวาดล้างประชาชนของพระเจ้า แต่ก็ไม่มีมหาอำนาจใดเอาชนะเราได้ หลายรัฐบาลและกลุ่มต่าง ๆ ทางการเมืองพยายามบีบเราให้เลือกข้างเมื่อพวกเขาต่อสู้กัน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้เราแตกแยกกัน ทุกวันนี้แทบทุกประเทศมีประชาชนของพระเจ้าอาศัยอยู่ แต่พวกเราก็เป็นหนึ่งเดียวและเป็นสังคมพี่น้องทั่วโลก พวกเรายังรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัดเพื่อจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองของโลกนี้ เอกภาพของเราเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าปกครองแล้ว และกษัตริย์เยซูคริสต์ยังชี้นำ ชำระ และปกป้องประชาชนของท่าน มาดูว่าพระเยซูทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร และขอสังเกตชัยชนะทางกฎหมายบางตัวอย่างที่ท่านได้ช่วยเรา ซึ่งทำให้เรามีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นในขณะที่เราพยายามรักษาตัวไม่ให้ “เป็นส่วนหนึ่งของโลก”—โย. 17:14
ประเด็นที่กลายเป็นเรื่องใหญ่
3, 4. (ก) มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหลังจากราชอาณาจักรก่อตั้งในสวรรค์? (ข) ประชาชนของพระเจ้าเข้าใจประเด็นเรื่องความเป็นกลางอย่างชัดเจนมาตลอดไหม? ขอให้อธิบาย
3 สงครามในสวรรค์เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ราชอาณาจักรก่อตั้ง แล้วซาตานก็ถูกเหวี่ยงลงมาบนโลก (อ่านวิวรณ์ 12:7-10, 12) จากนั้นก็มีสงครามเกิดขึ้นบนโลกด้วย สงครามนี้ได้ทดสอบความตั้งใจจริงของประชาชนของพระเจ้า แล้วก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะทำตามตัวอย่างของพระเยซูและไม่เป็นส่วนของโลก แต่ในตอนแรกพวกเขายังไม่เข้าใจชัดเจนว่าจะต้องอยู่ห่างจากเรื่องการเมืองมากน้อยแค่ไหน
4 ตัวอย่างเช่น หนังสือรุ่งอรุณแห่งรัชสมัยพันปี (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 6a พิมพ์ในปี 1904 สนับสนุนคริสเตียนให้หลีกเลี่ยงการสู้รบในสงคราม แต่ก็ได้อธิบายว่าถ้าคริสเตียนคนใดถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร เขาควรพยายามขอทำหน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการรบ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เขาก็ต้องระวังที่จะไม่ทำผิดฐานฆ่าคน เฮอร์เบิร์ต ซีเนียร์ซึ่งอยู่ในอังกฤษ และรับบัพติสมาในปี 1905 พูดถึงสภาพการณ์ในสมัยนั้นว่า “พี่น้องสับสนมาก และไม่มีคำแนะนำที่ชัดเจนว่าการเป็นทหารโดยไม่เกี่ยวข้องกับการรบโดยตรง เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่”
5. หอสังเกตการณ์ 1 กันยายน 1915 ช่วยปรับเปลี่ยนความเข้าใจของเราอย่างไร?
5 หอสังเกตการณ์ 1 กันยายน 1915 เริ่มปรับเปลี่ยนความเข้าใจในเรื่องนี้ วารสารฉบับนี้พูดถึงคำแนะนำต่าง ๆ ที่มีอยู่ในหนังสือคู่มือการศึกษาพระคัมภีร์ ว่า “เราอดสงสัยไม่ได้ว่าการเข้าร่วมกับกองทัพ แม้จะอยู่ในหน่วยที่ไม่ได้ออกรบ จะถือว่าเป็นการอะลุ่มอล่วยไหม?” แล้วถ้าคริสเตียนถูกข่มขู่ว่าจะถูกยิงให้ตายถ้าเขาไม่ยอมใส่ชุดทหารหรือออกไปรบล่ะ? บทความนั้นตั้งคำถามว่า “อย่างไหนจะแย่กว่ากัน ตายเพราะภักดีต่อกษัตริย์แห่งสันติสุขและไม่ยอมขัดขืนคำสั่งของท่าน หรือตายเพราะสนับสนุนและสู้รบในนามของกษัตริย์ฝ่ายโลก ซึ่งเป็นการอะลุ่มอล่วยหลักคำสอนของกษัตริย์ที่อยู่บนสวรรค์ ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี เราคงอยากเลือกแบบแรกมากกว่า คือตายเพราะภักดีต่อกษัตริย์ของเราที่อยู่บนสวรรค์” แม้บทความนี้จะมีคำกล่าวที่หนักแน่น แต่ก็ลงท้ายว่า “เราไม่ได้เรียกร้องให้ทำอย่างนี้ เราเพียงแค่เสนอแนะ”
6. คุณได้เรียนรู้อะไรจากตัวอย่างของพี่น้องเฮอร์เบิร์ต ซีเนียร์?
6 พี่น้องบางคนเข้าใจทันทีว่าการเข้าร่วมกับกองทัพเป็นสิ่งที่ผิดและพวกเขาพร้อมเผชิญหน้าไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร เฮอร์เบิร์ต ซีเนียร์ที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่า “สำหรับผมแล้ว มันไม่ต่างกันเลยระหว่างการขนกระสุนขึ้นจากเรือ [ซึ่งไม่เกี่ยวกับการรบโดยตรง] กับการใส่กระสุนปืนเตรียมยิง” (ลูกา 16:10) เนื่องจากพี่น้องซีเนียร์ไม่ยอมเป็นทหารเพราะขัดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เขาจึงถูกจำคุกพร้อมกับพี่น้องอีก 4 คนและคนที่นับถือศาสนาอื่น ๆ นักโทษทั้งหมดที่ปฏิเสธการเป็นทหารเพราะขัดกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมี 16 คน พวกเขาถูกขังในคุกริชมอนด์ที่อังกฤษระยะหนึ่ง จากนั้นพี่น้องซีเนียร์กับคนอื่น ๆ ถูกพาลงเรืออย่างลับ ๆ ไปที่สมรภูมิในฝรั่งเศส พวกเขาถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า แต่ขณะที่ยืนเรียงแถวต่อหน้าเพชฌฆาต ก็มีการเปลี่ยนคำตัดสินให้พวกเขาติดคุกเป็นเวลา 10 ปี
“ผมได้เข้าใจว่าประชาชนของพระเจ้าต้องมีสันติสุขกับทุกคนแม้ว่ากำลังอยู่ในช่วงสงคราม”—ซีมอน คราเกอร์ (ดูวรรค 7)
7. พอสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ประชาชนของพระยะโฮวาก็เข้าใจเรื่องอะไรมากขึ้น?
7 พอสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ประชาชนของพระยะโฮวาโดยรวมก็เข้าใจชัดเจนว่าความเป็นกลางหมายถึงอะไร และรู้ว่าต้องทำอย่างไรถ้าอยากเลียนแบบพระเยซู (มัด. 26:51-53; โย. 17:14-16; 1 เป. 2:21) ตัวอย่างเช่น หอสังเกตการณ์ 1 พฤศจิกายน 1939 ลงบทความที่สำคัญเรื่อง “ความเป็นกลาง” ซึ่งกล่าวว่า ประชาชนของพระยะโฮวา “ต้องรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัดระหว่างที่ชาติต่าง ๆ สู้รบกัน” ซีมอน คราเกอร์ซึ่งตอนหลังได้รับใช้ในสำนักงานที่บรุกลิน นิวยอร์ก พูดถึงบทความนี้ว่า “ผมได้เข้าใจว่าประชาชนของพระเจ้าต้องมีสันติสุขกับทุกคน แม้ว่ากำลังอยู่ในช่วงสงคราม” ความรู้จากพระเจ้าออกมาทันเวลาพอดี และยังช่วยเตรียมประชาชนของพระองค์ให้พร้อมเผชิญการทดสอบความภักดีต่อราชอาณาจักร แม้จะถูกโจมตีหนักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถูกข่มขู่โดย “แม่น้ำ” แห่งการต่อต้าน
8, 9. คำพยากรณ์ของอัครสาวกโยฮันเกิดขึ้นจริงอย่างไร?
8 อัครสาวกโยฮันพยากรณ์ว่าหลังจากราชอาณาจักรก่อตั้งในปี 1914 พญานาคใหญ่หรือซาตานพญามารจะพยายามทำลายล้างคนที่สนับสนุนราชอาณาจักรของพระเจ้า โดยพ่นน้ำออกมาจากปากของมันตามภาพในนิมิตb (อ่านวิวรณ์ 12:9, 15) คำพยากรณ์ของโยฮันเกิดขึ้นจริงอย่างไร? ตั้งแต่ทศวรรษ 1920 เป็นต้นมา คลื่นแห่งการต่อต้านก็โหมกระหน่ำประชาชนของพระเจ้า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่น้องคราเกอร์กับอีกหลายคนในอเมริกาเหนือถูกจำคุกเพราะภักดีต่อราชอาณาจักรของพระเจ้า ที่จริง นักโทษที่ปฏิเสธการสู้รบเพราะความเชื่อทางศาสนาในช่วงสงครามนั้น มีพยานพระยะโฮวามากถึง 2 ใน 3 ของจำนวนนักโทษทั้งหมด และพวกเขาถูกกักขังในเรือนจำกลางที่สหรัฐ
9 ซาตานพญามารและพรรคพวกของมันตั้งใจจะทำลายความภักดีของประชาชนทุกคนที่อยู่ใต้การปกครองของพระเจ้าไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม พยานฯทั่วแอฟริกา ยุโรป และสหรัฐถูกนำตัวขึ้นศาลหรือเผชิญหน้ากับคณะกรรมการพิจารณาทัณฑ์บน แต่เพราะตั้งใจแน่วแน่ที่จะรักษาความเป็นกลาง พวกเขาจึงถูกจำคุกหรือถูกทุบตีจนพิการ ประชาชนของพระเจ้าในเยอรมนีถูกกดดันอย่างหนักเพราะไม่ยอมกล่าวสดุดีฮิตเลอร์หรือร่วมทำสงคราม พยานฯประมาณ 6,000 คนถูกขังตามค่ายกักกันต่าง ๆ ในยุคนาซี และพยานฯที่เป็นคนเยอรมันและคนชาติอื่น ๆ มากกว่า 1,600 คนต้องตายด้วยน้ำมือของพวกผู้คุมที่โหดเหี้ยม ถึงอย่างนั้น ซาตานก็ไม่สามารถก่อความเสียหายถาวรต่อประชาชนของพระเจ้าได้—มโก. 8:34, 35
“แผ่นดิน” กลืน “แม่น้ำ” ลงไป
10. “แผ่นดิน” หมายถึงอะไร และ “แผ่นดิน” แทรกแซงการข่มเหงเพื่อช่วยประชาชนของพระเจ้าอย่างไร?
10 คำพยากรณ์ที่อัครสาวกโยฮันบันทึกไว้แสดงให้เห็นว่า “แผ่นดิน” ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนหรือผู้มีอำนาจที่มีเหตุมีผล จะกลืน “แม่น้ำ” แห่งการกดขี่ข่มเหง ดังนั้น คนเหล่านี้จึงเป็นเครื่องมือที่พระเจ้าใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ แต่คำพยากรณ์ส่วนนี้เกิดขึ้นแล้วไหม? ในช่วงหลายสิบปีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 “แผ่นดิน” มักจะเข้ามาแทรกแซงเพื่อช่วยผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลมาซีฮาด้วยความภักดี (อ่านวิวรณ์ 12:16) ตัวอย่างเช่น ศาลที่มีอำนาจหลายศาลได้คุ้มครองสิทธิของพยานพระยะโฮวาที่จะปฏิเสธการเป็นทหารหรือการเข้าร่วมพิธีแสดงความรักชาติ ก่อนอื่น ให้เรามาดูคดีใหญ่ ๆ บางคดีที่เกี่ยวข้องกับการเป็นทหาร ซึ่งพระยะโฮวาได้ช่วยประชาชนของพระองค์ให้เป็นฝ่ายชนะ—เพลง. 68:20
11, 12. พี่น้องซิเคอเรลลาและพี่น้องตริเมนอสต้องขึ้นศาลเพราะอะไร และผลเป็นอย่างไร?
11 สหรัฐ แอนโทนี ซิเคอเรลลาเกิดในครอบครัวพยานฯและมีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เขารับบัพติสมาตอนอายุ 15 ปี พออายุ 21 เขาก็ไปรายงานตัวที่กองเกณฑ์ทหาร เขาขอยกเว้นการเป็นทหารโดยระบุเหตุผลว่าเป็นผู้เผยแพร่ศาสนา ต่อมาอีก 2 ปีคือในปี 1950 เขายกเลิกเหตุผลเดิมและขอระบุเหตุผลใหม่ว่าปฏิเสธการเป็นทหารเพราะขัดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แม้ว่ารายงานของสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางของสหรัฐจะไม่ได้คัดค้านอะไร แต่กระทรวงยุติธรรมกลับปฏิเสธคำร้องของเขา หลังจากสู้คดีกันหลายศาล ศาลสูงสุดของสหรัฐก็ได้พิจารณาคดีของพี่น้องซิเคอเรลลาและกลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยให้พี่น้องซิเคอเรลลาพ้นผิด คำตัดสินนี้ถือเป็นบรรทัดฐานสำหรับประชาชนคนอื่น ๆ ในสหรัฐซึ่งปฏิเสธการเป็นทหารเพราะขัดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
12 กรีซ ในปี 1983 ยาโควอส ตริเมนอสถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานขัดคำสั่งที่ให้สวมชุดทหาร เขาจึงถูกจำคุก หลังจากที่ได้รับการปล่อยตัว เขาไปสมัครงานเป็นพนักงานบัญชีแต่ไม่มีใครรับเพราะมีประวัติอาชญากร เขาจึงยื่นคำร้องต่อศาล หลังจากแพ้คดีในศาลต่าง ๆ ของประเทศกรีซ ตริเมนอสก็ยื่นคำร้องต่อศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป (ECHR) ในปี 2000 สภาใหญ่ของศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป ซึ่งมีคณะลูกขุนที่เป็นผู้พิพากษาทั้งหมด 17 คน ได้ตัดสินให้เขาเป็นฝ่ายชนะ คำตัดสินนี้เป็นบรรทัดฐานสำหรับการห้ามไม่ให้เลือกปฏิบัติ ก่อนจะมีคำตัดสินนี้ พี่น้องในกรีซกว่า 3,500 คนมีประวัติอาชญากรเพราะถูกจำคุกเนื่องจากรักษาความเป็นกลาง หลังจากมีคำตัดสินชี้ขาดที่ให้ตริเมนอสเป็นฝ่ายชนะ กรีซได้ผ่านกฎหมายเพื่อลบประวัติอาชญากรของพี่น้องสำหรับทุกข้อกล่าวหา และเพียงไม่กี่ปีก่อนหน้านั้น มีการผ่านกฎหมายที่ให้สิทธิประชาชนชาวกรีซทุกคนเลือกทำงานบริการสังคมแทนการเป็นทหาร ซึ่งกฎหมายนี้ก็ได้รับการยืนยันอีกครั้งเมื่อกรีซแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“ก่อนเข้าห้องพิจารณาคดี ผมอธิษฐานถึงพระยะโฮวาสุดหัวใจ แล้วผมก็รู้สึกว่าพระองค์ช่วยผมให้มีใจสงบ”—อิวายโล สเตฟานอฟ (ดูวรรค 13)
13, 14. คุณเรียนอะไรได้จากคดีของอิวายโล สเตฟานอฟและวาฮัน บายัตยัน?
13 บัลแกเรีย ในปี 1994 อิวายโล สเตฟานอฟ หนุ่มวัย 19 ปีถูกเกณฑ์เป็นทหาร เขาปฏิเสธการเข้าร่วมกับกองทัพและปฏิเสธงานบริการอื่น ๆ ที่กองทัพเป็นฝ่ายควบคุมดูแล เขาถูกตัดสินจำคุก 18 เดือน แต่เขาได้ยื่นอุทธรณ์โดยอ้างถึงสิทธิในการทำตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ในที่สุด คดีของเขาก็ไปถึงศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป ในปี 2001 ก่อนถึงวันที่มีการพิจารณาคดีนี้ สเตฟานอฟได้รับข้อเสนอเพื่อทำข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลบัลแกเรียไม่เพียงยกเว้นโทษให้สเตฟานอฟ แต่รวมถึงประชาชนชาวบัลแกเรียทุกคนที่ไม่ยอมเป็นทหารแต่เต็มใจทำงานบริการสังคมแทนc
14 อาร์เมเนีย วาฮัน บายัตยันอายุถึงเกณฑ์ที่จะต้องเป็นทหารในปี 2001 เขาปฏิเสธการเป็นทหารเพราะขัดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีd แต่เขาแพ้คดีในศาลต่าง ๆ ของประเทศอาร์เมเนีย เขาถูกตัดสินจำคุก 2 ปีครึ่งและเริ่มติดคุกตั้งแต่เดือนกันยายน 2002 แต่ก็ถูกปล่อยตัวหลังจากรับโทษเพียง 10 เดือนครึ่ง ระหว่างนั้นเขาได้ยื่นอุทธรณ์ถึงศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป และศาลก็รับพิจารณาคดี แต่ในวันที่ 27 ตุลาคม 2009 ศาลตัดสินให้เขาแพ้คดี คำตัดสินนั้นดูเหมือนยิ่งทำให้พี่น้องคนอื่นในอาร์เมเนียที่กำลังจะถูกเกณฑ์ทหารรู้สึกเสียขวัญ แต่สภาใหญ่ของศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปได้ทบทวนคำตัดสินนี้ใหม่ แล้ววันที่ 7 กรกฎาคม 2011 ศาลนั้นก็ตัดสินให้วาฮัน บายัตยันชนะคดี นี่เป็นครั้งแรกที่ศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปยอมรับว่าการปฏิเสธการเป็นทหารเพราะขัดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ได้รับการอบรมตามความเชื่อทางศาสนา ควรได้รับการคุ้มครองภายใต้สิทธิเสรีภาพทางความคิด เสรีภาพที่จะทำตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และเสรีภาพทางศาสนา คำตัดสินนั้นไม่เพียงปกป้องสิทธิของพยานพระยะโฮวา แต่ของประชาชนหลายร้อยล้านคนในประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกสภายุโรปด้วยe
ศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปตัดสินปล่อยตัวพี่น้องชายในอาร์เมเนียออกจากคุก
เรื่องพิธีแสดงความรักชาติ
15. ทำไมประชาชนของพระยะโฮวาปฏิเสธที่จะร่วมพิธีแสดงความรักชาติ?
15 ประชาชนของพระยะโฮวาที่ภักดีต่อรัฐบาลมาซีฮา ไม่เพียงปฏิเสธการเป็นทหารแต่ยังปฏิเสธอย่างสุภาพที่จะไม่ร่วมพิธีแสดงความรักชาติด้วย โดยเฉพาะตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น กระแสรักชาติก็แพร่ไปทั่วโลก ประชาชนในหลายประเทศต้องสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อประเทศบ้านเกิดของตน พวกเขาต้องกล่าวคำปฏิญาณ ร้องเพลงชาติ และเคารพธงชาติ แต่เราได้อุทิศชีวิตเพื่อพระยะโฮวาเพียงผู้เดียว (เอ็ก. 20:4, 5) ผลก็คือ เราถูกข่มเหงอย่างหนัก ถึงอย่างนั้น พระยะโฮวาก็ให้ “แผ่นดิน” แยกออกแล้วกลืนน้ำแห่งการข่มเหงลงไป ขอให้เราสังเกตคดีที่น่าทึ่งบางคดีที่พระยะโฮวาช่วยเราให้ได้ชัยชนะโดยทางพระคริสต์—เพลง. 3:8
16, 17. ลิลเลียนและวิลเลียม โกไบทาสต้องสู้คดีเรื่องอะไร และคุณได้เรียนอะไรจากคดีของเด็กสองคนนี้?
16 สหรัฐ ในปี 1940 ศาลสูงสุดของสหรัฐได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ให้พยานฯแพ้คดีระหว่างโรงเรียนประถมศึกษากับโกไบทิส ในคดีนี้ลิลเลียน โกไบทาสf วัย 12 ขวบกับวิลเลียมน้องชายวัย 10 ขวบไม่ยอมเคารพธงชาติและกล่าวคำปฏิญาณเพราะเด็กทั้งสองต้องการภักดีต่อพระยะโฮวา ผลคือพวกเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียน มีการสู้คดีไปจนถึงศาลสูงสุด และศาลตัดสินว่าโรงเรียนได้ทำสิ่งที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญเพราะเป็นการรักษา “ความสามัคคีของคนในชาติ” คำตัดสินนั้นได้จุดไฟแห่งการข่มเหงให้ลุกลามไปทั่ว นอกจากนั้น เด็ก ๆ ที่เป็นพยานฯอีกหลายคนก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียน พยานฯบางคนถูกไล่ออกจากงานและหลายคนถูกรุมทำร้าย หนังสือเล่มหนึ่ง (The Lustre of Our Country ) บอกว่า “การข่มเหงพวกพยานพระยะโฮวาตั้งแต่ปี 1941-1943 เป็นการกดขี่ทางศาสนาที่ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงที่สุดของอเมริกาในศตวรรษที่ 20”
17 แต่ศัตรูของพระเจ้าก็ดีใจกับชัยชนะได้ไม่นาน ในปี 1943 ศาลสูงสุดได้พิจารณาอีกคดีหนึ่งที่คล้ายกับคดีโกไบทิส คือคดีระหว่างคณะกรรมการการศึกษาแห่งรัฐเวสต์เวอร์จิเนียกับบาร์เนตต์ คราวนี้ศาลตัดสินให้พยานพระยะโฮวาเป็นฝ่ายชนะ นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐที่ศาลสูงได้กลับคำตัดสินของตัวเองในช่วงเวลาที่สั้นขนาดนั้น หลังจากประกาศคำตัดสินนี้ การข่มเหงประชาชนของพระยะโฮวาแบบซึ่ง ๆ หน้าในสหรัฐก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ประชาชนทุกคนในสหรัฐมั่นใจในสิทธิของตนมากขึ้น
18, 19. อะไรที่ช่วยให้พาโบล บาร์รอสเข้มแข็ง และผู้รับใช้คนอื่น ๆ ของพระยะโฮวาจะเลียนแบบเขาได้อย่างไร?
18 อาร์เจนตินา พาโบลกับฮูโก บาร์รอส สองพี่น้องอายุ 8 กับ 7 ขวบถูกไล่ออกจากโรงเรียนในปี 1976 เพราะไม่ยอมร่วมพิธีเชิญธงขึ้นเสา มีอยู่วันหนึ่ง ครูใหญ่ผลักและตบหัวพาโบล เธอทำโทษพวกเขาโดยกักตัวไว้ 1 ชั่วโมงหลังโรงเรียนเลิกและพยายามบังคับให้เคารพธงชาติ เมื่อพูดถึงการทำโทษที่เกินกว่าเหตุครั้งนั้น พาโบลพูดว่า “ถ้าพระยะโฮวาไม่ช่วย ผมก็คงไม่มีทางทนแรงกดดันและรักษาความภักดีต่อพระองค์ได้”
19 เมื่อคดีไปถึงศาล ผู้พิพากษาสนับสนุนการตัดสินใจของโรงเรียนที่ไล่เด็กออก แต่มีการอุทธรณ์คดีของพาโบลและฮูโกถึงศาลสูงสุดของอาร์เจนตินา ต่อมาในปี 1979 ศาลกลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยกล่าวว่า “การลงโทษแบบนี้ [การไล่ออกจากโรงเรียน] ขัดต่อสิทธิในการเรียนรู้ตามรัฐธรรมนูญ (มาตรา 14) และรัฐมีหน้าที่ดูแลเรื่องการศึกษาขั้นพื้นฐาน (มาตรา 5)” ชัยชนะครั้งนี้เป็นผลดีต่อเด็กที่เป็นพยานพระยะโฮวาประมาณ 1,000 คน ทำให้บางคนไม่ต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียน ส่วนคนอื่น ๆ รวมถึงพาโบลและฮูโกก็ได้กลับเข้าไปเรียนในโรงเรียนของรัฐบาล
เด็กพยานฯหลายคนรักษาความซื่อสัตย์แม้ว่าถูกทดสอบ
20, 21. คดีของโรเอลกับเอมิลี เอมบราลินัก ช่วยให้คุณมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นอย่างไร?
20 ฟิลิปปินส์ ในปี 1990 โรเอล เอมบราลินักอายุ 9 ขวบกับเอมิลีพี่สาวอายุ 10 ขวบและนักเรียนคนอื่น ๆ ที่เป็นพยานฯอีกประมาณ 66 คนถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะไม่เคารพธงชาติ เลโอนาร์โดพ่อของเด็กทั้งสองพยายามอธิบายเหตุผลต่าง ๆ กับอาจารย์แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เมื่อเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เลโอนาร์โดจึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีเงินและไม่มีทนายคนไหนช่วยว่าความให้เขา ครอบครัวนี้อธิษฐานครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อขอให้พระยะโฮวาชี้นำ ตลอดช่วงเวลานั้น เด็ก ๆ ก็ถูกแกล้งและถูกเยาะเย้ย เลโอนาร์โดคิดว่าเขาคงไม่มีทางชนะคดีเพราะเขาไม่รู้กฎหมาย
21 แต่สุดท้ายก็มีทนายคนหนึ่งชื่อเฟลิโน กานาลยื่นมือเข้ามาช่วย เขาเคยทำงานให้บริษัทที่ปรึกษากฎหมายที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ต่อมาเขาลาออกจากบริษัทและมาเป็นพยานพระยะโฮวา เมื่อศาลสูงสุดพิจารณาคดีนี้ก็ตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์ให้พยานฯเป็นฝ่ายชนะ และให้คำสั่งไล่ออกจากโรงเรียนถือเป็นโมฆะ ผู้ที่พยายามกดดันให้ประชาชนของพระเจ้าละทิ้งความซื่อสัตย์ภักดีก็ทำไม่สำเร็จอีกตามเคย
ความเป็นกลางทำให้เกิดเอกภาพ
22, 23. (ก) ทำไมประชาชนของพระยะโฮวาชนะคดีสำคัญ ๆ มากมายขนาดนี้? (ข) สังคมพี่น้องทั่วโลกที่มีความสงบสุขเป็นหลักฐานถึงเรื่องอะไร?
22 ทำไมประชาชนของพระยะโฮวาชนะคดีสำคัญ ๆ มากมายขนาดนี้? เราไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง แต่ในหลายประเทศและหลายศาล ผู้พิพากษาที่รักความยุติธรรมได้ปกป้องเราจากการโจมตีของพวกศัตรูที่กัดไม่ปล่อย และยังวางแบบอย่างไว้ในเรื่องการใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญอีกด้วย เราไม่สงสัยเลยว่า ที่เราชนะคดีเหล่านี้ได้ก็เพราะมีพระคริสต์คอยสนับสนุนและช่วยเหลือเรา (อ่านวิวรณ์ 6:2) ทำไมเราต้องต่อสู้ทางกฎหมายด้วยล่ะ? เราไม่ได้คิดจะปฏิรูประบบกฎหมาย แต่เป้าหมายของเราคือ เพื่อรับใช้กษัตริย์เยซูคริสต์ต่อ ๆ ไปโดยไม่มีอะไรมาเป็นอุปสรรคขัดขวาง—กิจ. 4:29
23 ในโลกที่แตกแยกเพราะการต่อสู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองและอิทธิพลของความเกลียดชังที่ฝังรากลึก กษัตริย์เยซูคริสต์ได้อวยพรผู้ติดตามท่านทั่วโลกที่ยืนหยัดรักษาความเป็นกลาง ซาตานแพ้เราเพราะมันไม่สามารถทำให้เราแตกแยกกันเอง ราชอาณาจักรได้รวบรวมคนนับล้าน ๆ ที่ไม่ต้องการ “ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป” ให้เข้ามาเป็นสังคมพี่น้องทั่วโลกที่มีความสงบสุข ซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มาก และเป็นหลักฐานที่ไม่มีใครโต้แย้งได้ว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าปกครองแล้ว!—ยซา. 2:4
a หนังสือชุดนี้มีอีกชื่อหนึ่งคือการสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นคู่มือการศึกษาพระคัมภีร์
b ดูคำอธิบายเกี่ยวกับคำพยากรณ์เรื่องนี้ในหนังสือพระธรรมวิวรณ์—ใกล้จะถึงจุดสุดยอด! บท 27 หน้า 184-186
c ข้อตกลงนั้นยังเรียกร้องให้รัฐบาลบัลแกเรียยอมให้ทุกคนที่ปฏิเสธการเป็นทหารเพราะขัดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสามารถเลือกทำงานที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของพลเรือนแทนได้
d อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จากบทความ “ศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปรับรองสิทธิในการปฏิเสธการเป็นทหารเนื่องจากสติรู้สึกผิดชอบ” ในหอสังเกตการณ์ 1 พฤศจิกายน 2012
e ตลอด 20 ปีมานี้ รัฐบาลอาร์เมเนียจับเด็กหนุ่มพยานฯมากกว่า 450 คนเข้าคุก และกลุ่มสุดท้ายก็ได้รับการปล่อยตัวในเดือนพฤศจิกายน 2013
f บันทึกของศาลมีการสะกดชื่อสกุลผิด