-
แบบไหนถึงเรียกว่าเกินเลย?คำถามที่หนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ได้ผล เล่ม 2
-
-
บท 4
แบบไหนถึงเรียกว่าเกินเลย?
จริงหรือไม่จริง . . .
สองคนที่เป็นแฟนกัน ถ้าถูกเนื้อต้องตัวกันถือว่าผิดหมดไม่ว่าจะเป็นกรณีใด.
□ จริง
□ ไม่จริง
แม้สองคนไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน เขาก็ผิดประเวณีได้.
□ จริง
□ ไม่จริง
ถ้าเป็นแฟนกันแต่ไม่ได้กอดจูบลูบคลำแสดงว่าไม่ได้รักกันจริง ๆ.
□ จริง
□ ไม่จริง
คุณคงสงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน. ถ้าคุณกำลังมีแฟน คุณคงยิ่งอยากรู้ว่าจะแสดงความรักต่อกันได้ถึงขนาดไหน. ให้เรามาพิจารณาสามประโยคข้างบนและดูว่าพระคำของพระเจ้าจะช่วยเราให้รู้ได้อย่างไรว่า “แบบไหนถึงเรียกว่าเกินเลย?”
● สองคนที่เป็นแฟนกัน ถ้าถูกเนื้อต้องตัวกันถือว่าผิดหมดไม่ว่าจะเป็นกรณีใด.
ไม่จริง. คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้ตำหนิการแสดงความรักอย่างเหมาะสม เช่น พระคัมภีร์พูดถึงเรื่องราวของหญิงสาวชูลามิทกับหนุ่มเลี้ยงแกะที่รักกัน. ในช่วงที่ทั้งสองคบกันก่อนแต่งงาน พวกเขาแสดงความรักต่อกันด้วยการถูกเนื้อต้องตัวกันบ้าง ซึ่งไม่ถือว่าผิด. (เพลงไพเราะ 1:2; 2:6; 8:5) เช่นกัน ในทุกวันนี้บางคู่ที่ตั้งใจจะแต่งงานกันอาจคิดว่า การแสดงความรักด้วยการถูกเนื้อต้องตัวกันบ้างก็ไม่ผิด.a
แต่คนที่เป็นแฟนกันต้องควบคุมตัวให้ดี. การกอดจูบหรือทำอะไรที่เร้าอารมณ์ทางเพศอาจกระตุ้นให้ทำผิดศีลธรรมได้. แม้แต่คู่ที่ตั้งใจจะไม่ทำผิดก็อาจควบคุมตัวไม่อยู่และทำผิดศีลธรรมทางเพศ.—โกโลซาย 3:5
● แม้สองคนไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน เขาก็ผิดประเวณีได้.
จริง. คำพอร์นีอา ในภาษากรีกที่แปลว่า “ผิดประเวณี” มีความหมายกว้าง. คำนี้หมายถึงความสัมพันธ์ทางเพศทุกรูปแบบนอกสายสมรสโดยเฉพาะการใช้อวัยวะเพศอย่างผิด ๆ. ดังนั้น การผิดประเวณีจึงหมายรวมถึงการร่วมเพศระหว่างคนที่ไม่ได้สมรสกัน การสำเร็จความใคร่ให้กัน การร่วมเพศทางปากและทางทวารหนักด้วย.
พระคัมภีร์ยังตำหนิสิ่งอื่นอีกนอกจากการทำผิดประเวณี. อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “การกระทำที่เกิดจากความปรารถนาของกายที่มีบาปได้แก่การเหล่านี้ คือ การผิดประเวณี การประพฤติที่ไม่สะอาด การประพฤติที่ไร้ยางอาย . . . ผู้ที่ทำการเหล่านี้เป็นอาจิณจะไม่ได้รับราชอาณาจักรของพระเจ้า.”—กาลาเทีย 5:19-21
“การประพฤติที่ไม่สะอาด” หมายถึงอะไร? คำกรีกที่ใช้ในข้อนี้หมายรวมถึงการพูดหรือการกระทำที่ไม่สะอาดทุกรูปแบบ. ดังนั้น การถอดเสื้อผ้า การใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อผ้า หรือลูบคลำของสงวนของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น หน้าอก ล้วนเป็นการประพฤติที่ไม่สะอาด. พระคัมภีร์บอกว่าเฉพาะคู่สมรสเท่านั้นที่จะมีความสุขจากการจับต้องหน้าอกของอีกฝ่ายหนึ่ง.—สุภาษิต 5:18, 19
หนุ่มสาวบางคนฝ่าฝืนมาตรฐานของพระเจ้าอย่างไร้ยางอาย. พวกเขาจงใจ ทำเกินเลยหรือประพฤติไม่สะอาดอย่างละโมบกับหลาย ๆ คน. คนพวกนี้ทำผิดอย่างที่อัครสาวกเปาโลเรียกว่า “การประพฤติที่ไร้ยางอาย.” คำกรีกที่แปลว่า “การประพฤติที่ไร้ยางอาย” หมายถึง ‘การกระทำที่น่าเกลียด หยาบคาย ตัณหาจัด ควบคุมไม่อยู่.’ แน่นอน คุณคงไม่อยากเป็นคน “ไม่มีความรู้สึกละอายต่อบาป” โดยปล่อยตัวให้ “ประพฤติไร้ยางอาย ประพฤติอย่างที่ไม่สะอาดทุกรูปแบบด้วยความโลภ.”—เอเฟโซส์ 4:17-19
● ถ้าเป็นแฟนกันแต่ไม่ได้กอดจูบลูบคลำแสดงว่าไม่ได้รักกันจริง ๆ.
ไม่จริง. การกอดจูบลูบคลำไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นอย่างที่บางคนคิด. แต่กลับทำให้ไม่นับถือและไม่ไว้ใจกัน. ให้มาดูเรื่องของลอรา. เธอเล่าว่า “วันหนึ่งแฟนมาหาฉันตอนที่แม่ไม่อยู่บ้าน ฉันคิดว่าเขาจะมาดูทีวีกับฉัน. ตอนแรกเขาจับมือฉัน แต่แล้วจู่ ๆ มือเขาก็เริ่มคลำโน่นจับนี่. ฉันไม่กล้าห้ามเขาเพราะกลัวเขาจะอารมณ์เสียแล้วกลับบ้านไป.”
คุณคิดอย่างไร? แฟนของลอรารักเธอจริง ๆ ไหมหรือเขาเห็นแก่ตัวชอบฉวยโอกาส? คนที่พยายามชักจูงคุณให้ประพฤติไม่สะอาด เขารักคุณจริง ๆ ไหม?
เมื่อผู้ชายกดดันผู้หญิงให้ทำสิ่งที่ขัดกับหลักการของคริสเตียนและสติรู้สึกผิดชอบของเธอ เขาก็ทำผิดกฎหมายพระเจ้าและไม่ได้แสดงว่ารักเธอจริง ๆ แม้เขาจะอ้างว่ารักก็ตาม. และถ้าผู้หญิงยินยอม นั่นแสดงว่าเธอปล่อยให้เขาฉวยประโยชน์จากเธอ. ยิ่งกว่านั้น เธอก็ประพฤติไม่สะอาดและอาจถึงขั้นทำผิดประเวณีได้.b—1 โครินท์ 6:9-11
กำหนดขอบเขตให้ชัดเจน
เมื่อคุณคบกัน คุณจะหลีกเลี่ยงการแสดงความรักอย่างไม่เหมาะสมได้อย่างไร? วิธีที่ฉลาดก็คือกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น. สุภาษิต 13:10 (ล.ม.) บอกว่า “คนที่ปรึกษาหารือกันจะมีปัญญา.” ดังนั้น ให้คุยกับแฟนของคุณว่าจะแสดงความรักอย่างไรถึงจะเหมาะสม. อย่ารอจนคุณทั้งสองเริ่มมีอารมณ์ทางเพศแล้วค่อยตั้งกฎเกณฑ์ ถึงตอนนั้นคงสายเกินไปเหมือนรอให้ไฟไหม้บ้านแล้วค่อยติดสัญญาณเตือนภัย.
จริงอยู่ คุณคงรู้สึกยากและเขินที่จะพูดเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะเมื่อเป็นแฟนกันใหม่ ๆ. แต่การคุยกันเรื่องขอบเขตจะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาร้ายแรงในภายหลัง. ขอบเขตที่วางไว้จะเป็นเหมือนเครื่องตรวจจับควัน ซึ่งจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อเริ่มมีไฟไหม้. และถ้าตอนนี้คุณทั้งสองคุยเรื่องนี้กันได้ ต่อไปพวกคุณก็จะมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน. ที่จริง เพื่อคู่สมรสจะมีความสุขในเรื่องเพศ พวกเขาต้องรู้จักอดทน ควบคุมตัวเอง และไม่เห็นแก่ตัว.—1 โครินท์ 7:3, 4
แม้การทำตามมาตรฐานของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย. แต่คุณไว้ใจคำแนะนำของพระยะโฮวาได้. ไม่เพียงแค่นั้น ในยะซายา 48:17 พระยะโฮวาพูดถึงตัวพระองค์เองว่าเป็น “ผู้สั่งสอนเจ้า, เพื่อประโยชน์แก่ตัวของเจ้าเอง, และผู้นำเจ้าให้ดำเนินในทางที่เจ้าควรดำเนิน.” พระยะโฮวาอยากให้คุณได้รับสิ่งที่ดีที่สุด.
เชิญอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ใน เล่ม 1 บท 24
เป็นเรื่องผิดปกติไหมถ้าคุณยังบริสุทธิ์อยู่? ให้เรามาดูกัน.
[เชิงอรรถ]
a ในบางประเทศ การแสดงความรักในที่สาธารณะระหว่างคนที่ไม่ได้แต่งงานกันถือว่าน่าเกลียดและไม่เหมาะสม. ดังนั้น คริสเตียนจึงต้องระวังไม่ทำให้คนอื่นเสียความรู้สึก.—2 โครินท์ 6:3
b เรื่องนี้ใช้ได้กับทั้งชายและหญิง.
ข้อคัมภีร์หลัก
“ความรัก . . . ไม่ประพฤติหยาบโลน.”—1 โครินท์ 13:4, 5
ข้อแนะ
ถ้าอยากไปเที่ยวกับแฟน ให้พาเพื่อนไปด้วยหรือไปกันเป็นกลุ่ม. ให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ล่อแหลม เช่น อยู่กันตามลำพังในรถ ในห้อง หรือในหอพัก.
คุณรู้ไหม . . . ?
ถ้าหมั้นแล้ว คุณคงมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องคุยกัน. แต่การพูดคุยกันเรื่องเพศโดยตั้งใจปลุกเร้าให้เกิดอารมณ์เป็นความประพฤติที่ไม่สะอาด ไม่ว่าจะพูดต่อหน้า พูดทางโทรศัพท์หรือทางเอสเอ็มเอส.
แผนปฏิบัติการ
ฉันจะหลีกเลี่ยงไม่ทำผิดศีลธรรมได้โดย ․․․․․
ถ้าแฟนพยายามชักจูงฉันให้ประพฤติไม่สะอาด ฉันจะ ․․․․․
สิ่งที่ฉันอยากถามพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ․․․․․
คุณคิดอย่างไร?
● เมื่ออยู่กับเพศตรงข้าม คุณกำหนดขอบเขตเรื่องการถูกเนื้อต้องตัวไว้อย่างไร?
● ให้อธิบายว่า การผิดประเวณี การประพฤติที่ไม่สะอาด และการประพฤติที่ไร้ยางอายต่างกันอย่างไร.
[คำโปรยหน้า 46]
“ฉันกับคู่หมั้นนั่งอ่านบทความเกี่ยวกับวิธีรักษาตัวให้สะอาดด้านศีลธรรมด้วยกัน. เราชอบบทความเหล่านั้นมาก มันช่วยให้เรามีสติรู้สึกผิดชอบที่ดี.”—เลติเซีย
[กรอบหน้า 44]
ถ้าทำเกินเลยไปแล้วจะทำอย่างไร?
ถ้าคุณพลั้งพลาดทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมไปแล้วจะทำอย่างไร? อย่าหลอกตัวเองว่าคุณจะแก้ปัญหานั้นได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น. วัยรุ่นคนหนึ่งสารภาพว่า “ฉันอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยเราไม่ให้ทำแบบนั้นอีก. บางครั้งก็ช่วยได้ แต่บางครั้งก็ไม่ได้.” ดังนั้น ให้ไปคุยกับพ่อแม่. นอกจากนี้ พระคัมภีร์ยังแนะนำว่า ‘ให้เชิญพวกผู้เฒ่าผู้แก่ในประชาคมมา.’ (ยาโกโบ 5:14) คริสเตียนที่เป็นผู้ดูแลจะให้คำแนะนำ ว่ากล่าว ตักเตือน ซึ่งจะช่วยคุณให้กลับมามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าอีก.
[ภาพหน้า 47]
คุณจะรอให้ไฟไหม้ก่อนแล้วค่อยติดสัญญาณเตือนภัยไหม? เช่นกันอย่ารอจนคุณทั้งสองเริ่มมีอารมณ์ทางเพศแล้วค่อยตั้งกฎเกณฑ์
-
-
ฉันจะบริสุทธิ์ไปทำไม?คำถามที่หนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ได้ผล เล่ม 2
-
-
บท 5
ฉันจะบริสุทธิ์ไปทำไม?
“เพื่อน ๆ ชอบชวนฉันทำให้ฉันอยากลองมีเซ็กซ์.”—เคลลี
“ผมรู้สึกว่าตัวเองแปลกที่ยังไม่เคยมีเซ็กซ์.”—จอร์แดน
“เธอยังไม่เคย มีเซ็กซ์เลยหรือ?” คำถามนี้อาจทำให้คุณหัวหด. ในหลายประเทศ วัยรุ่นที่ยังบริสุทธิ์อยู่มักถูกมองว่าแปลกหรือเป็นตัวประหลาด. ดังนั้น จึงไม่แปลกที่หนุ่มสาวหลายคนมีเซ็กซ์ก่อนจะพ้นวัยรุ่นด้วยซ้ำ.
ใจก็อยาก เพื่อน ๆ ก็กดดัน
ถ้าคุณเป็นคริสเตียน คุณรู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลบอกให้เรา “หลีกห่างจากการผิดศีลธรรมทางเพศ.” (1 เทสซาโลนิเก 4:3, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย) แต่ความรู้สึกทางเพศอาจควบคุมยาก. พอลยอมรับว่า “บางครั้งจู่ ๆ ความคิดเรื่องเพศก็โผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย.” ที่จริง การรู้สึกเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดา.
คุณคงรู้สึกอายที่ถูกเพื่อนแซวหรือเยาะเย้ยบ่อย ๆ ว่าคุณยังบริสุทธิ์อยู่ เช่น เพื่อน ๆ อาจแซวว่าถ้าคุณไม่เคยมีเซ็กซ์คุณก็ไม่ปกติ. เอลเลนบอกว่า “เพื่อน ๆ มักพูดทำนองว่า การมีเซ็กซ์เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและใคร ๆ ก็ทำกัน. ถ้ายังไม่เคยนอนกับใครแสดงว่าคุณเป็นคนประหลาด.”
แต่เพื่อน ๆ คงไม่ได้พูดถึงผลอีกด้านหนึ่งของการมีเซ็กซ์ก่อนแต่ง เช่น หลังจากมาเรียมีเซ็กซ์กับแฟนครั้งแรก เธอเล่าว่า “ฉันรู้สึกผิดและละอายใจ. ฉันเกลียดตัวเองและเกลียดแฟน.” นี่เป็นประสบการณ์ที่วัยรุ่นส่วนใหญ่เจอ. ที่จริง การมีเซ็กซ์ก่อนแต่งมักทำให้รู้สึกปวดร้าว เป็นความเสียหายที่ร้ายแรงจริง ๆ.
ชันดาถามว่า “พระเจ้าให้วัยรุ่นมีความต้องการทางเพศทำไมในเมื่อพระองค์รู้อยู่ว่า พวกเขาไม่ควรมีเซ็กซ์จนกว่าจะแต่งงาน?” นี่เป็นคำถามที่น่าคิด. ก่อนอื่นให้เรามาพิจารณาเรื่องต่อไปนี้.
คนเรามีแรงกระตุ้นที่รุนแรงเฉพาะในเรื่องเพศไหม? ไม่ใช่. พระยะโฮวาพระเจ้าสร้างเราให้มีอารมณ์และความรู้สึกอยากในหลาย ๆ ด้าน.
คนเราต้องทำตามแรงกระตุ้นทุกอย่างที่อยู่ในตัวไหม? ไม่. เพราะพระเจ้าสร้างเราให้สามารถควบคุมการกระทำของเราได้ด้วย.
นี่บอกอะไรเรา? เราจะบังคับไม่ให้ความปรารถนาบางอย่างเกิดขึ้นย่อมไม่ได้ แต่เราควบคุมได้ ว่าจะตอบสนองอย่างไร. ที่จริง ถ้าทุกครั้งที่คุณมีแรงกระตุ้นทางเพศแล้วต้องตอบสนอง ก็เหมือนกับว่าทุกครั้งที่คุณโกรธคุณต้องชกใครสักคน. นั่นเป็นการกระทำที่ไม่ถูกและโง่มากใช่ไหม?
ที่จริง พระเจ้าอยากให้เรามีเซ็กซ์อย่างที่พระองค์ออกแบบไว้. พระคัมภีร์บอกว่า “ให้พวกท่านแต่ละคนรู้จักควบคุมร่างกายของตนเองให้บริสุทธิ์และมีเกียรติ.” (1 เทสซาโลนิเก 4:4) และยังบอกว่ามี “เวลารักเวลาเกลียด.” ดังนั้น จึงมีเวลาที่จะทำตามแรงกระตุ้นทางเพศและเวลาที่จะไม่ทำ. (ท่านผู้ประกาศ 3:1-8, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย) สรุปแล้ว คุณควบคุม แรงกระตุ้นนั้นได้.
แต่จะทำอย่างไรถ้ามีคนเยาะเย้ยคุณว่า “ไม่อยากเชื่อเลย เธอหรือยังบริสุทธิ์อยู่.” อย่าอาย ให้ตอบไปเลยว่า “ใช่ ฉันยังบริสุทธิ์ อยู่และฉันภูมิใจที่เป็นอย่างนี้.” หรือคุณอาจบอกว่า “นี่มันเรื่องของฉัน เธอไม่เกี่ยว.”a (สุภาษิต 26:4; โกโลซาย 4:6) ถ้าคุณรู้สึกว่าคนนั้นพูดด้วยความจริงใจ คุณอาจอธิบายหลักการในพระคัมภีร์ให้เขาฟังได้.
ถ้ามีคนเยาะเย้ยคุณว่า “ไม่อยากเชื่อเลย เธอหรือยังบริสุทธิ์อยู่.” คุณจะตอบอย่างไร?
․․․․․
ของขวัญล้ำค่า
พระเจ้ารู้สึกอย่างไรเมื่อคนเรามีเซ็กซ์ก่อนแต่งงาน? สมมุติว่าคุณซื้อของขวัญเตรียมจะให้เพื่อน แต่ก่อนคุณจะให้เขา เขาแอบเปิดดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นและเอาไปใช้ คุณคงไม่พอใจใช่ไหม? ดังนั้น ลองคิดดูสิ ถ้าคุณมีเซ็กซ์ก่อนแต่งงาน คุณคิดว่าพระเจ้าจะรู้สึกอย่างไร. พระองค์อยากให้คุณรอจนกว่าแต่งงานแล้วค่อยชื่นชมกับของขวัญที่พระองค์ประทานให้.—เยเนซิศ 1:28
คุณจะจัดการกับความรู้สึกทางเพศอย่างไร? ถ้าจะตอบง่าย ๆ ก็คือ ต้องหัดควบคุมมัน. คุณทำได้แน่. อธิษฐานขอพระยะโฮวาให้ช่วยคุณสิ. พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยคุณให้ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น. (กาลาเทีย 5:22, 23) ให้คอยเตือนตัวเองว่า พระยะโฮวา “จะไม่ทรงกีดกันของดีไว้จากเหล่าคนที่ประพฤติในทางซื่อตรงเลย.” (บทเพลงสรรเสริญ 84:11) กอร์ดอนเล่าว่า “ตอนที่ผมมีความคิดแวบขึ้นมาว่าอยากลองมีเซ็กซ์ ผมก็เริ่มคิดว่าความสัมพันธ์ของผมกับพระยะโฮวา จะเป็นอย่างไรและรู้สึกว่าไม่คุ้มเลยที่จะทำบาปแล้วสูญเสียสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์.”
ที่จริง การที่คุณยังบริสุทธิ์อยู่ไม่ใช่ เรื่องแปลกหรือผิดปกติ. การทำผิดศีลธรรมนั่นแหละที่น่าอายและต่ำทราม. ดังนั้น อย่าให้โลกชักจูงคุณให้หลงคิดว่าตัวเองผิดปกติถ้ายึดมั่นกับมาตรฐานของพระคัมภีร์. เมื่อคุณรักษาตัวให้บริสุทธิ์ คุณจะมีสุขภาพดี อารมณ์ดี และสำคัญที่สุด คุณจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า.
เชิญอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ในเล่ม 1 บท 24
[เชิงอรรถ]
a เมื่อเฮโรดถาม พระเยซูไม่ตอบ. (ลูกา 23:8, 9) ดังนั้น ถ้ามีใครถามคำถามที่ไม่เข้าเรื่อง วิธีที่ดีที่สุดก็คือเงียบ.
ข้อคัมภีร์หลัก
“ถ้าคนใดตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเป็นโสด . . . ก็ทำดีแล้ว.”—1 โครินท์ 7:37
ข้อแนะ
อย่าคบคนที่ไม่ทำตามมาตรฐานทางศีลธรรมของพระเจ้า แม้เขาจะอ้างว่าเป็นพยานฯ.
คุณรู้ไหม . . . ?
คนที่ใจง่ายยอมมีเซ็กซ์กับใครก็ได้มักไม่เปลี่ยนนิสัยแม้เขาจะแต่งงานแล้ว. แต่คนที่ยึดมั่นกับมาตรฐานทางศีลธรรมของพระเจ้าตั้งแต่ก่อนแต่งงานมักจะซื่อสัตย์กับคู่ของตน.
แผนปฏิบัติการ
ถ้าฉันจะรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนกว่าจะแต่งงาน ฉันต้อง ․․․․․
ถ้าเพื่อน ๆ ที่คบอยู่พยายามกดดันฉันให้มีเซ็กซ์ ฉันจะ ․․․․․
สิ่งที่ฉันอยากถามพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ․․․․․
คุณคิดอย่างไร?
● ทำไมคนชอบเยาะเย้ยคนที่ยังบริสุทธิ์?
● ทำไมการรักษาความบริสุทธิ์ถึงยาก?
● การไม่มีเซ็กซ์ก่อนแต่งดีตรงไหน?
● คุณจะอธิบายกับน้องอย่างไรว่าเขาไม่ควรมีเซ็กซ์ก่อนแต่ง?
[คำโปรยหน้า 51]
“สิ่งที่ช่วยฉันให้ต้านทานการล่อใจได้คือคอยจำไว้ว่า ‘คนผิดประเวณี คนที่ประพฤติไม่สะอาดจะไม่ได้รับราชอาณาจักรของพระเจ้า.’”(เอเฟโซส์ 5:5)—ลิเดีย
[กรอบหน้า 49]
แบบสอบถาม
จริง ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น?
เพื่อน ๆ และวงการบันเทิงมักปกปิดผลเสียที่เกิดจากการมีเซ็กซ์ก่อนแต่ง. ให้เรามาดูสามเหตุการณ์ต่อไปนี้. คุณคิดว่าจริง ๆ แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับวัยรุ่นพวกนี้?
● เพื่อนคนหนึ่งโม้ว่าเขามีเซ็กซ์กับสาวหลายคน. เขาบอกว่ายอดไปเลยและไม่เห็นมีใครเป็นอะไร. จริง ๆ แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาและ พวกสาว ๆ? ․․․․․
● หนังเรื่องหนึ่งจบด้วยฉากที่วัยรุ่นสองคนแสดงความรักต่อกันด้วยการมีเซ็กซ์. ในชีวิตจริง เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น? ․․․․․
● คุณเจอหนุ่มหล่อคนหนึ่งและเขาขอมีเซ็กซ์กับคุณ. เขาบอกว่าไม่มีใครรู้หรอก. จริง ๆ แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณยอมและพยายามปิดเรื่องนี้ไว้? ․․․․․
[ภาพหน้า 54]
การมีเซ็กซ์ก่อนแต่งเป็นเหมือนการแอบเปิดของขวัญก่อนที่เขาจะให้คุณ
-