-
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียตื่นเถิด! 2018 | ฉบับที่ 3
-
-
รับมือกับความโศกเศร้าเมื่อสูญเสียคนที่รัก
ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย
“หลังจากแต่งงานกันมามากกว่า 39 ปี โซเฟียaก็เสียชีวิตเพราะโรคที่เธอเป็นมานาน ตอนนั้นผมได้กำลังใจและความช่วยเหลือมากมายจากเพื่อน ๆ และผมพยายามทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอด แต่เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มที่ผมรู้สึกเจ็บปวดมาก อารมณ์ผมขึ้น ๆ ลง ๆ ควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงแม้โซเฟียจะจากไปนานเกือบ 3 ปีแล้ว แต่บางครั้งอยู่ดี ๆ ผมก็ยังรู้สึกเศร้าขึ้นมา”—คอสตาส
คุณล่ะเคยเสียคนที่รักไปไหม? ถ้าใช่ คุณอาจเข้าใจความรู้สึกของคอสตาส การเสียคู่ชีวิต ญาติ หรือเพื่อนที่รักไปเป็นเรื่องที่ทำให้เครียดและเจ็บปวดมากจริง ๆ แม้แต่นักวิชาการที่ศึกษาเรื่องความโศกเศร้าที่เกิดจากการสูญเสียคนที่เรารักก็ยอมรับเรื่องนี้ บทความในวารสารวิชาการเกี่ยวกับจิตเวช (The American Journal of Psychiatry) บอกว่า “ความตายของคนที่เรารักทำให้เจ็บปวดรวดร้าวมาก และเป็นการสูญเสียตลอดกาล” คนที่เจอความเจ็บปวดมากมายจากการสูญเสียอาจสงสัยว่า ‘ฉันจะเจ็บปวดแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? เป็นไปได้ไหมที่ฉันจะมีความสุขอีกครั้ง? อะไรจะช่วยฉันให้รู้สึกดีขึ้น?’
คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้มีอยู่ในตื่นเถิด! ฉบับนี้ บทความต่อไปจะพูดถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับคุณถ้าคุณเพิ่งสูญเสียคนที่รักไป และบทความต่อจากนั้นจะพูดถึงวิธีที่ช่วยให้ความโศกเศร้าของคุณลดน้อยลงได้
เราหวังว่าเรื่องราวที่อยู่ในบทความต่าง ๆ นี้จะปลอบโยน และช่วยเหลือทุกคนที่กำลังเจอความเจ็บปวดจากการสูญเสีย
a บางชื่อในบทความชุดนี้เป็นชื่อสมมุติ
-
-
สิ่งที่อาจเกิดขึ้นตื่นเถิด! 2018 | ฉบับที่ 3
-
-
รับมือกับความโศกเศร้าเมื่อสูญเสียคนที่รัก
สิ่งที่อาจเกิดขึ้น
แม้ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าอาการต่าง ๆ ของความเศร้าเสียใจจะเกิดขึ้นตามลำดับ แต่หลายคนก็แสดงความเศร้าในแบบที่ต่างกันออกไป ความแตกต่างเหล่านี้หมายความว่าบางคนเศร้ามากกว่าคนอื่น หรือบางคน “เก็บกด” ความรู้สึกของตัวเองไว้ไหม? ไม่ใช่เสมอไป จริง ๆ แล้ว การแสดงความเศร้าเสียใจออกมาเป็นวิธีที่ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่ “วิธีที่ถูก” ไม่ได้มีแค่วิธีเดียว คนส่วนใหญ่อาจแสดงความรู้สึกออกมาตามภูมิหลังทางวัฒนธรรม บุคลิก นิสัย และประสบการณ์ รวมทั้งลักษณะของการสูญเสีย
จะเศร้ามากขนาดไหน?
คนที่สูญเสียอาจไม่รู้ว่าตัวเขาจะรู้สึกและมีอาการอะไรบ้างหลังจากคนที่รักจากไป แต่จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจเกิดปัญหาและความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา ลองมาดูกันว่าอาจมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
รู้สึกเศร้าและเสียใจมาก บางคนอาจจะร้องไห้ไม่หยุด โหยหาคนที่เสียชีวิตไปแล้ว หรืออารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เขาอาจรู้สึกแบบนี้มากขึ้นเพราะความฝันหรือความทรงจำที่ชัดเจนเกี่ยวกับคนที่จากไป แต่ในตอนแรกอาจรู้สึกช็อกและไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ทีน่าจำได้ว่าตัวเธอเองเป็นอย่างไรตอนที่ทีโมสามีของเธอเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เธอบอกว่า “ตอนแรกฉันชาไปทั้งตัว ร้องไห้ไม่ออก รู้สึกอึดอัดจนบางครั้งหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ ฉันไม่เชื่อว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ”
เครียด โกรธ และโทษตัวเองในบางครั้ง อีวานบอกว่า “ช่วงนึงหลังจากที่เอริกลูกชายของเราเสียชีวิตตอนอายุ 24 ผมกับโยลันดาภรรยาของผมโกรธมาก! เราแปลกใจมากที่เรารู้สึกโกรธได้ขนาดนั้น เราโทษตัวเองด้วย เพราะคิดว่าเราน่าจะทำอะไรบางอย่างที่ช่วยลูกไว้ได้” อาเลฮันโดรเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้สึกผิดตอนที่ภรรยาเสียชีวิตเพราะโรคที่เป็นมานาน เขาบอกว่า “ตอนแรกผมรู้สึกว่าที่พระเจ้าให้ผมเจอความทุกข์ขนาดนี้ก็เพราะผมเป็นคนชั่ว จากนั้น ผมก็รู้สึกผิดเพราะนั่นหมายความว่าผมโทษพระเจ้าสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น” คอสตาสที่พูดถึงในบทความที่แล้วบอกว่า “บางครั้งผมถึงกับโกรธโซเฟียที่มาด่วนจากผมไป แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกผิดที่คิดแบบนั้นเพราะมันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย”
จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย อาจจะมีช่วงหนึ่งที่รู้สึกสับสนหรือคิดแบบไม่มีเหตุผล ตัวอย่างเช่น คนที่สูญเสียอาจคิดไปเองว่าเรายังได้ยิน เห็น และคิดว่าเขายังอยู่กับเรา นอกจากนั้น คนที่สูญเสียอาจไม่มีสมาธิและหลง ๆ ลืม ๆ ทีน่าบอกว่า “บางครั้ง ตอนที่คุยกับคนอื่นอยู่ ฉันก็ใจลอย! ฉันมักคิดวนไปวนมาถึงเหตุการณ์ตอนที่ทีโมเสีย ตอนที่ฉันเป็นแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่”
อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร คนที่เศร้าเสียใจอาจรู้สึกหงุดหงิดและรู้สึกแปลกเวลาอยู่กับคนอื่น คอสตาสบอกว่า “เวลาอยู่กับคนที่มีคู่ ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน แต่เวลาอยู่กับคนโสดผมก็รู้สึกเป็นส่วนเกินเหมือนกัน” โยลันดา ภรรยาของอีวานบอกว่า “สำหรับฉันมันยากมากเวลาอยู่กับคนที่บ่นเกี่ยวกับปัญหาของเขาซึ่งจริง ๆ แล้วเล็กน้อยมากถ้าเทียบกับเรา! และก็มีบางคนชอบเล่าให้เราฟังว่าลูก ๆ ของพวกเขาเป็นยังไงบ้าง ฉันก็ดีใจกับเขานะที่ลูกเขาสบายดี แต่ฉันยังไม่อยากฟัง ฉันกับสามีรู้ว่าชีวิตต้องเดินต่อไป แต่ตอนนั้นเรายังไม่พร้อม และความอดทนของเราก็ยังไม่มากพอ”
ปัญหาสุขภาพ ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลด และนอนไม่หลับเป็นอาการที่พบได้ทั่วไป แอรอนจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วง 1 ปีหลังจากที่พ่อเสียชีวิต เขาบอกว่า “ผมมีปัญหาเรื่องการนอน ผมจะตื่นขึ้นมากลางดึกทุกคืนแล้วก็คิดถึงตอนที่พ่อเสีย”
อาเลฮันโดรจำได้ว่าตัวเขามีปัญหาสุขภาพที่ไม่รู้สาเหตุ “หลายครั้งที่ผมไปหาหมอ หมอก็บอกว่าผมสุขภาพดีไม่เป็นอะไร ผมก็เลยคิดว่าที่ผมไม่สบายก็คงเป็นเพราะความเศร้าจากการสูญเสีย” ในที่สุดอาการเหล่านั้นก็หายไป แม้จะเป็นอย่างนั้น การที่อาเลฮันโดรตัดสินใจไปหาหมอก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ความเศร้าเสียใจมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้ปัญหาสุขภาพที่มีอยู่แล้วแย่ลงไปอีก หรือทำให้มีโรคเพิ่มขึ้นมาก็ได้
มีปัญหาในการจัดการเรื่องที่จำเป็น อีวานบอกว่า “หลังจากที่เอริกเสียชีวิต ไม่ใช่แค่ญาติและเพื่อน ๆ เท่านั้นที่เราต้องบอก แต่ต้องแจ้งอีกหลายคนด้วย เช่น นายจ้าง เจ้าของบ้านเช่า และผมยังต้องทำเอกสารทางกฎหมายอีกหลายอย่าง แล้วก็ต้องเก็บของทุกอย่างของเอริก เราต้องทำทั้งหมดนี้ตอนที่เราอ่อนล้าทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ความรู้สึก”
อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคนแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นอาจยากกว่า ซึ่งก็คือตอนที่ต้องจัดการทุกอย่างที่เคยเป็นหน้าที่ของคนที่จากไป ทีน่าก็เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกแบบนั้น เธอเล่าว่า “ทีโมคอยดูแลเรื่องบัญชีธนาคารและจัดการเกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่ตอนนี้ฉันต้องเป็นคนทำทุกอย่างและนั่นทำให้ฉันเครียดมาก ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยได้ด้วยตัวเองจริง ๆ เหรอ?”
ปัญหาที่พูดมาทั้งหมดนี้มีผลกับอารมณ์ ความคิด และร่างกาย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกยากที่จะทำใจ ความจริงก็คือความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รักอาจจะหนักมาก แต่ถ้ารู้ไว้ก่อนว่าจะมีอาการอะไรเกิดขึ้นบ้างเมื่อเจอกับการสูญเสียก็อาจช่วยให้คนนั้นรับมือได้ และขอจำไว้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะเจอปัญหาที่พูดมานี้ทั้งหมด ที่จริง คนที่สูญเสียอาจได้กำลังใจจากการที่รู้ว่า เมื่อคนที่เรารักเสียชีวิตก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเศร้าเสียใจ
เป็นไปได้ไหมที่ฉันจะมีความสุขอีกครั้ง?
สิ่งที่อาจเกิดขึ้น ความเศร้าเสียใจไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด ในที่สุดเราก็จะรู้สึกดีขึ้น นี่ไม่ได้หมายความว่าคนที่สูญเสียจะ “กลับมารู้สึกเหมือนเดิม” ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือลืมคนที่เขารัก แต่ความเจ็บปวดจะค่อย ๆ ลดลง ก็จริงที่เราอาจรู้สึกเจ็บปวดอีกในบางครั้งแบบไม่ทันตั้งตัว เช่น ตอนครบรอบแต่งงาน แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วในที่สุดเขาก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีก เรื่องนี้จะเป็นไปได้ถ้าคนที่สูญเสียได้รับกำลังใจและความช่วยเหลือจากครอบครัวหรือเพื่อน ๆ และรู้วิธีรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ความเศร้าจะอยู่นานแค่ไหน? บางคนอาจรู้สึกเศร้ามาก ๆ แค่ไม่กี่เดือน ส่วนบางคนอาจเศร้านานเป็นปีหรือสองปีถึงจะรู้สึกดีขึ้น แต่บางคนก็นานกว่านั้นอีกa อาเลฮันโดรบอกว่า “ผมมีช่วงที่เศร้ามาก ๆ ประมาณสามปี”
ขอให้คุณอดทน พยายามต่อไป ทำเท่าที่ทำได้และมั่นใจว่าความเจ็บปวดจากการสูญเสียจะไม่อยู่กับเราไปตลอด ถ้าอย่างนั้น มีอะไรบ้างที่คุณทำได้เพื่อจะบรรเทาความเศร้าเสียใจในตอนนี้ และป้องกันไม่ให้ตัวเองเศร้านานเกินไปโดยไม่จำเป็น?
เมื่อคนที่เรารักเสียชีวิตก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเศร้าเสียใจ
a มีไม่กี่คนที่เศร้าเสียใจอย่างหนักและเป็นอยู่นานจนถึงขั้น “เศร้าเรื้อรัง” คนที่เป็นแบบนี้อาจต้องรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
-
-
จะทำอย่างไรเมื่อเศร้าเสียใจตื่นเถิด! 2018 | ฉบับที่ 3
-
-
รับมือกับความโศกเศร้าเมื่อสูญเสียคนที่รัก
จะทำอย่างไรเมื่อเศร้าเสียใจ—สิ่งที่คุณทำได้ในตอนนี้
ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีรับมือกับความเศร้าเสียใจ คุณอาจพบว่ามีคำแนะนำมากมาย บางอย่างก็ได้ผลแต่บางอย่างก็ไม่เหมาะกับคุณ นี่อาจเป็นเพราะแต่ละคนเศร้าไม่เหมือนกันอย่างที่เราได้พูดถึงไปแล้ว
แม้จะเป็นอย่างนั้น ก็มีคำแนะนำพื้นฐานบางอย่างที่ใช้ได้กับหลายคน ผู้ให้คำปรึกษาคนที่สูญเสียคนใกล้ชิดมักอ้างถึงคำแนะนำเหล่านั้น ซึ่งตรงกับหลักการที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยในหนังสือเก่าแก่ที่ชื่อว่า คัมภีร์ไบเบิล
1 รับความช่วยเหลือจากครอบครัวและเพื่อน ๆ
ผู้เชี่ยวชาญบางคนคิดว่านี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วยให้รับมือกับความเศร้าเสียใจ แม้บางครั้งคุณอาจรู้สึกอยากอยู่คนเดียว และรู้สึกไม่พอใจ หรือรำคาญคนที่พยายามจะช่วยคุณด้วยซ้ำ นี่ถือเป็นเรื่องปกติ
ไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าคุณต้องอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา แต่ก็ไม่ควรรู้สึกว่าต้องอยู่คนเดียวตลอดเวลาเหมือนกัน เพราะในที่สุดคุณอาจต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา ให้บอกพวกเขาดี ๆ ว่าคุณต้องการอะไรในตอนนี้และคุณไม่ต้องการอะไร
หาความสมดุลสำหรับคุณเองว่าตอนไหนอยากอยู่กับคนอื่นและตอนไหนอยากอยู่คนเดียว
หลักการ “สองคนก็ดีกว่าคนเดียว . . . เพราะถ้าคนหนึ่งล้ม อีกคนก็ช่วยให้เขาลุกขึ้นได้”—ปัญญาจารย์ 4:9, 10
2 กินอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกาย
การกินอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้เครียดน้อยลงเมื่อคุณเศร้าเสียใจ พยายามกินผัก ผลไม้ให้หลากหลาย และเลือกโปรตีนที่ไม่มีไขมัน
ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีประโยชน์
ถ้าไม่รู้สึกอยากอาหาร ให้กินทีละน้อยแต่กินบ่อย ๆ คุณอาจปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาหารเสริมและวิตามินที่เป็นประโยชน์a
การเดินเร็วและการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ จะช่วยให้ความรู้สึกในแง่ลบลดลง บางคนรู้สึกว่าช่วงเวลาที่ออกกำลังกายช่วยให้เขาได้คิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่สำหรับบางคนอาจเป็นช่วงเวลาที่ได้ลืมความเศร้า
หลักการ “ไม่มีใครเกลียดชังกายของตนเองมีแต่เลี้ยงดูทะนุถนอม”—เอเฟซัส 5:29, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
3 พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะกับคนที่กำลังเศร้าเสียใจจากการสูญเสียคนที่รักไป เพราะพวกเขาเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เพราะทั้งสองอย่างนี้มีผลต่อการนอน
หลักการ “พักผ่อนสักเล็กน้อยดีกว่าเอาแต่ทำงานหนักและวิ่งไล่ตามลม”—ปัญญาจารย์ 4:6
4 หาวิธีที่เหมาะกับคุณ
ขอจำไว้ว่าแต่ละคนเศร้าในแบบที่ต่างกัน ดังนั้น คุณต้องหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
หลายคนรู้สึกว่าการแสดงความเศร้าเสียใจออกมาช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่บางคนไม่ชอบแสดงความรู้สึกออกมา ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นหลากหลายเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า การแสดงความรู้สึกเศร้าเสียใจออกมามีผลต่อการรับมือกับการสูญเสียหรือไม่ ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณอยากเล่าให้ใครสักคนฟังแต่ยังไม่กล้า คุณอาจเริ่มโดยค่อย ๆ เล่าความรู้สึกของคุณให้เพื่อนสนิทฟัง
บางคนรู้สึกว่าถ้าเขาได้ร้องไห้ออกมาจะทำให้ดีขึ้น แต่บางคนรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องร้องไห้ออกมามากมายก็ทำให้ดีขึ้นได้เหมือนกัน
หลักการ “หัวใจของคนเราเท่านั้นที่รู้ความขมขื่นของตัวเอง”—สุภาษิต 14:10
5 หลีกเลี่ยงนิสัยที่ทำร้ายตัวเอง
บางคนที่เจอการสูญเสียใช้แอลกอฮอล์หรือยาเสพติด เพราะคิดว่าการทำอย่างนั้นจะช่วยบรรเทาความเศร้าได้ แต่นั่นเป็นการทำร้ายตัวเอง ถึงเขาจะรู้สึกดีขึ้นแต่มันก็เป็นแค่ช่วงสั้น ๆ และหลังจากนั้นจะเกิดผลเสียมากมาย ดังนั้น คุณควรใช้วิธีอื่นที่ไม่ทำร้ายตัวเองเพื่อลดความเครียด
หลักการ “ให้พวกเราชำระตัวให้สะอาดจากทุกสิ่ง”—2 โครินธ์ 7:1
6 แบ่งเวลาไปทำกิจกรรมอื่น ๆ
หลายคนรู้สึกว่าการหากิจกรรมอื่นทำช่วยให้เขาลืมความเศร้าไปได้ช่วงหนึ่ง
คุณอาจรู้สึกดีขึ้นด้วยถ้าคุณพยายามหาเพื่อนใหม่ หรือพยายามสนิทกับเพื่อนที่คุณมีอยู่แล้วให้มากขึ้น เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือทำกิจกรรมสนุก ๆ
ตามปกติแล้วเมื่อเวลาผ่านไป คุณจะรู้สึกเศร้าน้อยลง มีความสุขได้ และลืมความทุกข์ได้นานขึ้นหรือบ่อยขึ้น
หลักการ “มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง . . . เวลาร้องไห้และเวลาหัวเราะ เวลาคร่ำครวญและเวลาเต้นรำ”—ปัญญาจารย์ 3:1, 4
7 ใช้ชีวิตตามปกติ
กลับมาทำกิจวัตรที่เคยทำให้เร็วที่สุด
ถ้าคุณนอนหลับ ทำงาน และทำกิจกรรมอื่นตามตารางเวลา คุณจะรู้สึกว่าชีวิตกลับมาเป็นปกติ
ถ้าคุณทำกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน์ คุณก็จะรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง
หลักการ “เขาจะไม่คิดถึงปัญหาในชีวิตอันแสนสั้นของเขามากเกินไป เพราะพระเจ้าเที่ยงแท้ให้เขาสนใจแต่สิ่งที่ทำให้เขามีความสุข”—ปัญญาจารย์ 5:20
8 อย่าเพิ่งตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ ในช่วงนั้น
หลายคนรีบตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ หลังจากที่สูญเสียคนรักไป ซึ่งนั่นทำให้พวกเขารู้สึกเสียใจในภายหลังกับการตัดสินใจของตัวเอง
ถ้าเป็นได้ ให้รอสักระยะหนึ่งก่อนที่จะย้าย เปลี่ยนงาน หรือทิ้งของของคนที่เรารัก
หลักการ “แผนการของคนขยันจะสำเร็จแน่ แต่ทุกคนที่รีบร้อนจะยากจน”—สุภาษิต 21:5
9 เก็บความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับคนที่คุณรัก
การทำสิ่งที่ช่วยให้จดจำเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับคนที่เรารักอยู่เสมอ ทำให้หลายคนที่สูญเสียรู้สึกดีขึ้น
คุณอาจพบว่าการเก็บรูปภาพ หรือสิ่งที่ช่วยให้คุณนึกถึงคนที่คุณรัก หรือจดบันทึกเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่คุณอยากจดจำช่วยทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
เก็บสิ่งที่ช่วยให้คุณคิดถึงความทรงจำดี ๆ แล้วค่อยเอากลับมาดูทีหลังตอนที่คุณทำใจได้แล้ว
หลักการ “ขอให้นึกถึงอดีต”—เฉลยธรรมบัญญัติ 32:7
10 ไปเที่ยวพักผ่อน
คุณอาจต้องไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง
ถ้าคุณไปพักผ่อนนาน ๆ ไม่ได้ คุณอาจเลือกทำกิจกรรมที่ใช้เวลาแค่วันสองวัน เช่น ไปเดินป่า ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ หรือขับรถเล่น
แค่ได้ทำอะไรที่แตกต่างออกไปบ้างก็ช่วยลดความเศร้าได้แล้ว
หลักการ “ไปหาที่ส่วนตัวห่างไกลผู้คนกันเถอะ จะได้พักสักหน่อย”—มาระโก 6:31
11 ช่วยคนอื่น
จำไว้ว่าทุกครั้งที่คุณช่วยเหลือคนอื่น คุณก็จะรู้สึกดีขึ้น
การจากไปของคนที่คุณรักคงทำให้เพื่อน ๆ และญาติ ๆ เศร้าเสียใจเหมือนกับคุณ ดังนั้น คุณอาจเริ่มโดยการช่วยเหลือพวกเขา
คุณจะมีความสุข ถ้าคุณช่วยเหลือคนอื่นโดยให้กำลังใจและปลอบโยนพวกเขา
หลักการ “การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ”—กิจการ 20:35
12 ลองประเมินดูอีกครั้งว่าอะไรสำคัญ
ความเศร้าเสียใจจากการสูญเสียอาจช่วยให้คุณเข้าใจว่าอะไรสำคัญจริง ๆ
ใช้โอกาสนี้เพื่อตรวจสอบดูว่าคุณกำลังใช้ชีวิตแบบไหน
ถ้าเห็นว่าจำเป็น ก็ให้ปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญในชีวิต
หลักการ “ไปบ้านที่มีงานศพดีกว่าไปบ้านที่มีงานเลี้ยง เพราะมนุษย์ทุกคนต้องตาย และคนที่มีชีวิตอยู่ควรจำใส่ใจไว้ให้ดี”—ปัญญาจารย์ 7:2
ความจริงก็คือไม่มีอะไรช่วยลบความเจ็บปวดที่คุณรู้สึกได้ แต่หลายคนที่เสียคนที่รักไปยืนยันได้จากประสบการณ์ส่วนตัวว่า การทำตามขั้นตอนบางอย่างตามที่พูดถึงในบทความนี้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น แน่นอนว่า นอกจากวิธีเหล่านี้ ก็ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกที่ช่วยให้รับมือกับความเศร้าเสียใจ แต่อย่างน้อยถ้าคุณลองทำบางอย่างตามคำแนะนำเหล่านี้คุณก็จะรู้สึกดีขึ้นอย่างแน่นอน
a ตื่นเถิด! ไม่ได้สนับสนุนวิธีการรักษาแบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ
-
-
ความช่วยเหลือที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เศร้าเสียใจตื่นเถิด! 2018 | ฉบับที่ 3
-
-
รับมือกับความโศกเศร้าเมื่อสูญเสียคนที่รัก
ความช่วยเหลือที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เศร้าเสียใจ
ในช่วงหลัง ๆ มานี้เริ่มมีการศึกษาวิจัยเรื่องความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รักไปเนื่องจากความตายแต่จากที่เราได้ดูด้วยกัน คำแนะนำที่ดีที่สุดจากผู้เชี่ยวชาญสอดคล้องกับความรู้เก่าแก่ที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล นี่ทำให้เห็นชัดว่า คำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้มีแค่คำแนะนำที่ช่วยเราได้เท่านั้น แต่ยังมีข้อมูลที่หาไม่ได้จากที่อื่น ซึ่งทำให้คนที่เศร้าเสียใจเพราะคนที่รักเสียชีวิตได้รับกำลังใจมาก
มั่นใจได้ว่าคนที่ตายไปไม่ได้ทุกข์ทรมาน
คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ที่ปัญญาจารย์ 9:5 ว่า “คนตายไม่รู้อะไรเลย” และ “ความคิดของเขาก็สูญหายไป” (สดุดี 146:4) ดังนั้น คัมภีร์ไบเบิลจึงเปรียบความตายว่าเป็นเหมือนการนอนหลับอย่างสงบ—ยอห์น 11:11
ความเชื่อที่มั่นคงในพระเจ้าผู้เป็นความรักทำให้เราได้กำลังใจ
คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ที่สดุดี 34:15 ว่า “ตาของพระยะโฮวาaเฝ้าดูคนทำดี หูของพระองค์ก็คอยฟังเมื่อพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ” ดังนั้น การอธิษฐานบอกความรู้สึกของเรากับพระเจ้าไม่ใช่แค่ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นเหมือนตอนที่คุยกับใครสักคน หรือช่วยให้เราควบคุมความคิดได้เท่านั้น แต่ช่วยให้เราใกล้ชิดและสนิทกับพระเจ้าผู้สร้างตัวเรา และพระองค์สามารถใช้พลังของพระองค์เพื่อปลอบโยนเราได้
อนาคตที่ดีรอเราอยู่
ลองคิดถึงช่วงเวลาในอนาคต ตอนที่มีการปลุกคนตายให้ฟื้นขึ้นมาอยู่บนโลก ในคัมภีร์ไบเบิลพูดถึงเรื่องนี้หลายครั้งและพูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นบนโลกในตอนนั้น โดยบอกว่า “พระเจ้าจะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้าหรือเสียงร้องไห้เสียใจหรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย”—วิวรณ์ 21:3, 4
หลายคนที่เชื่อในพระยะโฮวา ได้รับกำลังใจมากเพื่อรับมือกับความเศร้าเสียใจจากการสูญเสียคนที่รักไป เพราะเขามีความหวังว่าจะได้เจอคนนั้นอีกครั้ง ตัวอย่างเช่น แอนเสียสามีตอนที่เขาอายุ 65 ปี เธอบอกว่า “คัมภีร์ไบเบิลทำให้ฉันมั่นใจว่าคนที่เรารักไม่ได้ทุกข์ทรมานอยู่ และบอกว่าพระเจ้าจะปลุกพวกเขาทุกคนที่อยู่ในความทรงจำของพระองค์ให้ฟื้นขึ้นจากตาย เรื่องนี้ช่วยฉันได้มากตอนที่ฉันคิดถึงการสูญเสีย นี่เลยทำให้ฉันรับมือกับสิ่งที่แย่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตฉันได้!”
ทีน่าที่พูดถึงในบทความก่อนหน้านี้บอกว่า “ตั้งแต่วันที่ทีโมเสียฉันก็ได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า ฉันรู้สึกถึงมือของพระยะโฮวาที่ช่วยฉันในช่วงที่ทุกข์ใจมาก และฉันมั่นใจในคำสัญญาที่บอกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องการปลุกคนตายให้ฟื้น นี่ทำให้ฉันมีกำลังที่จะใช้ชีวิตต่อไปจนถึงวันที่จะได้เจอทีโมอีกครั้ง”
ความรู้สึกเหล่านี้เป็นความรู้สึกของหลายล้านคนทั่วโลกที่เชื่อมั่นในคัมภีร์ไบเบิล แม้คุณอาจรู้สึกว่าสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกเป็นเรื่องเกินจริงหรือเป็นแค่ความฝัน คุณน่าจะให้โอกาสตัวเองได้ตรวจสอบหลักฐานที่ทำให้เห็นว่าคำแนะนำและคำสัญญาต่าง ๆ ในนั้นเชื่อถือได้ คุณอาจพบด้วยตัวเองว่าคัมภีร์ไบเบิลให้ความช่วยเหลือที่ดีที่สุดกับคนที่เศร้าเสียใจ
เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความหวังสำหรับคนตาย
ดูวีดีโอเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเว็บไซต์ jw.org/th
คัมภีร์ไบเบิลสัญญาว่าเราจะได้ต้อนรับคนที่เรารักตอนที่พวกเขาถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตาย
คำตอบที่ชัดเจนในคัมภีร์ไบเบิลทำให้เรามีกำลังใจและอบอุ่นใจ
ดูหัวข้อ หนังสือและสื่อต่าง ๆ > วีดีโอ (ไปที่ คัมภีร์ไบเบิล)
คุณอยากฟังข่าวดีไหม?
ทุกวันนี้มีแต่ข่าวร้าย คุณคิดว่าเราจะได้ฟังข่าวดี ๆ จากที่ไหน?
ดูหัวข้อ คำสอนของคัมภีร์ไบเบิล > ความสงบและความสุข
a ยะโฮวาเป็นชื่อของพระเจ้าที่บอกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล
-