ความรักที่มีต่อพระยะโฮวากระตุ้นการนมัสการแท้
“นี่แหละหมายถึงความรักต่อพระเจ้า คือว่าให้เรารักษาบัญญัติของพระองค์.”—1 โยฮัน 5:3, ล.ม.
1, 2. พวกเราควรรับใช้พระยะโฮวาด้วยเจตคติเช่นไร?
แขกกลุ่มหนึ่งจำนวน 80 คนจากญี่ปุ่นได้เดินชมหอประชุมใหญ่แห่งคณะพยานพระยะโฮวาในรัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา. รอบบริเวณนั้นน่าเบิกบานใจ นับรวมเอาสวนใหญ่พร้อมด้วยนกบลูเจย์, นกเขา และนกฮัมมิงเบิร์ด ทำให้เขารู้สึกใกล้พระยะโฮวาพระผู้สร้างมากยิ่งขึ้น. ไม่ช้าผู้พาชมสถานที่ก็ได้ทราบว่าเกือบทุกคนในกลุ่มเป็นไพโอเนียร์รับใช้เต็มเวลา. ฉะนั้น ทีหลังมีการถามบรรดาแขกกลุ่มนั้นด้วยคำถามซึ่งเคยมีถามกันบ่อย ๆ ว่า “เพราะอะไรในญี่ปุ่นมีไพโอเนียร์มากมายเช่นนั้น?” เงียบกันอยู่ชั่วครู่. แล้วสตรีสาวคนหนึ่งก็สมัครตอบว่า “เพราะเรารักพระยะโฮวา.”
2 ความรักที่มีต่อพระยะโฮวา—ข้อนี้แหละกระตุ้นพวกเราให้เป็นคนกระตือรือร้นในงานรับใช้พระองค์! ถูกแล้ว ไม่ใช่ทุกคนสามารถเป็นไพโอเนียร์ได้. ตามจริงแล้ว ส่วนใหญ่ของผู้ประกาศข่าวราชอาณาจักรมากกว่าสี่ล้านคนไม่สามารถจัดตารางเวลาส่วนตัวรับเอาสิทธิพิเศษด้านนี้. แต่หลายคนซึ่งสภาพการณ์ของเขาอำนวยได้รับเอาสิทธิพิเศษนี้ไว้. พวกเราที่เป็นไพโอเนียร์ไม่ได้สามารถ “วางใจในพระยะโฮวาและประพฤติการดี” ได้เช่นกัน แสดงความรักของเราโดยการมีส่วนในงานช่วยผู้คนเข้ามาเป็นสาวกเท่าที่สภาพการณ์เอื้ออำนวย. (บทเพลงสรรเสริญ 37:3, 4) และทุกคนที่อุทิศตัวเป็นผู้นมัสการพระยะโฮวาสามารถมีส่วนส่งเสริมน้ำใจไพโอเนียร์ ให้การสนับสนุนด้วยความรักแก่ผู้ที่กำลังรับใช้ฐานะเป็นไพโอเนียร์.—มัดธาย 24:14; 28:19.
3. มีความแตกต่างอะไรที่เห็นได้ชัดระหว่างคนส่วนใหญ่ที่อ้างตัวเป็นคริสเตียนกับพยานพระยะโฮวา?
3 เมื่อเทียบเคียงกับคนส่วนใหญ่ที่อ้างตัวเป็นคริสเตียน ซึ่งยึดถือศาสนาตามแต่จะสะดวกประหนึ่งเป็นส่วนผนวกในชีวิตของตน พยานพระยะโฮวาแสดงความรักอันแรงกล้าต่อพระเจ้าซึ่งเป็นแรงกระตุ้นเขาให้ “แสวงหาราชอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนสิ่งอื่น.” ทั้งนี้จำต้องมีการเสียสละ แต่ช่างเป็นการเสียสละที่คุ้มค่าเพียงไร! (มัดธาย 6:33; 16:24) การเสียสละเช่นนี้ประสานกันกับบัญญัติเอกประการแรกซึ่งโมเซได้ประกาศไว้แต่เดิมที แล้วพระเยซูคริสต์ตรัสซ้ำอีกว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าองค์เดียว จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของเจ้า.”—มาระโก 12:29, 30; พระบัญญัติ 6:4, 5.
4, 5. ใครได้รับการคำนึงถึงว่าเป็นคนสัตย์ซื่อ และจะแสดงให้เห็นความสัตย์ซื่อได้โดยวิธีใด?
4 เมื่อไม่นานมานี้ ผู้หนึ่งในคณะเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานกลางแห่งพยานพระยะโฮวาได้กล่าวกับ เอ็ฟ. ดับเบิลยู. ฟรานซ์ นายกสมาคมวอชเทาเวอร์วัย 98 ปีซึ่งรับใช้เต็มเวลามานานกว่า 70 ปี ดังนี้: “บราเดอร์ฟรานซ์ คุณเป็นตัวอย่างที่ดีเกี่ยวกับความซื่อสัตย์มั่นคงนะครับ.” แล้วบราเดอร์ฟรานซ์ตอบว่า “ถูกแล้ว! เราต้องเป็นคนซื่อสัตย์มั่นคง.” นี้คือข้อสรุปของเรื่องทั้งหมด. ไม่ว่าเราทำหน้าที่ใด ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมแห่งราชอาณาจักร เราเป็นคนซื่อสัตย์ได้เสมอ.—1 โกรินโธ 4:2; ฆะลาเตีย 3:9.
5 จริงอยู่ หลายคนอยากจะทำมากขึ้นในการรับใช้พระยะโฮวา แต่ความรับผิดชอบต่าง ๆ ตามหลักพระคัมภีร์หรือปัญหาสุขภาพอาจจำกัดเขาไม่มากก็น้อย. อย่างไรก็ดี พวกที่ไม่สามารถเป็นไพโอเนียร์ได้ก็เป็นคนที่ใช่ว่าซื่อสัตย์มั่นคงน้อยกว่า. บางคนดำรงซื่อสัตย์มั่นคงภายใต้สภาพการณ์ที่ยากหนักหนาและบ่อยครั้งทนลำบากนานหลายปี. ถูกแล้ว พวกเขาซื่อสัตย์โดยตลอด! พวกเขาแสดงความรักต่อพระยะโฮวาและขยันรับใช้เพื่อสนับสนุนการจัดเตรียมต่าง ๆ แห่งระบอบการของพระเจ้าอย่างสุดหัวใจทีเดียว. บุคคลเหล่านี้ให้ความเอาใจใส่จดจ่อกับงานไพโอเนียร์ และให้การหนุนใจอยู่เนือง ๆ แก่ผู้ที่มีศักยภาพจะเป็นไพโอเนียร์ บ่อยครั้งเป็นบุตรของเขาเอง เพื่อเขาจะมุ่งไปยังงานไพโอเนียร์เป็นงานประจำชีวิตซึ่งดีกว่างานอื่นทุกอย่าง.—เทียบกับพระบัญญัติ 30:19, 20.
6, 7. ตัวอย่างที่บันทึกไว้ใน 1 ซามูเอล 30:16-25 นั้น จะนำมาใช้กับสมัยนี้ได้อย่างไร?
6 เอกภาพที่เต็มด้วยความรักท่ามกลางประชาชนทั้งสิ้น ของพระเจ้าสมัยนี้ในด้านการกระทำอาจยกตัวอย่างจากบันทึกใน 1 ซามูเอล 30:16-25. ในการทำศึกกับชาวอะเมเล็ค “ดาวิดได้ฆ่าฟันพวกนั้นตั้งแต่เช้ามืดจนถึงเวลาเย็น” และเก็บทรัพย์เชลยได้มาก. เมื่อกลับถึงค่าย ทหารบางคนที่ออกรบกับดาวิดได้ขอร้องมิให้แบ่งสิ่งของที่ยึดมาได้แก่พวกที่ไม่ได้รุกไล่ทำศึกหนัก. แต่ดาวิดตอบว่า “ทั้งนี้ใครจะเชื่อฟังเจ้าทั้งหลายเล่า? คนที่ไปทำศึกจะได้ส่วนเท่าใด คนที่อยู่เฝ้าของจะได้ส่วนเท่านั้น. เขาจะแบ่งให้ [รับส่วนแบ่ง] เท่า ๆ กัน.”
7 หลักการเดียวกันใช้ได้กับทุกวันนี้. พวกไพโอเนียร์อยู่แนวหน้าในสงครามฝ่ายวิญญาณ. แต่คนอื่น ๆ ทุกคนในประชาคมให้การสนับสนุนอย่างสุดหัวใจด้วยความซื่อสัตย์. และผลมโหฬารแห่งกิจการรวมกันของพวกเขามีแสดงไว้ในแผนผังที่ตามมา.
รายงานที่เด่น
8. (ก) รายงานจากทั่วโลกเผยให้เห็นอะไรบ้างเกี่ยวกับยอดจำนวนผู้ประกาศและจำนวนชั่วโมงซึ่งพวกเขาใช้ในงานรับใช้พระยะโฮวา? (ข) คุณมองเห็นจุดน่าสนใจอะไรบ้างสำหรับประเทศที่เพิ่งปรากฏในรายงาน?
8 ใช่แล้ว สี่หน้าก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่า ความพยายามบากบั่นร่วมกันของบรรดาผู้นมัสการที่กระตือรือร้นรับใช้พระยะโฮวาก่อให้มีการแผ่ขยายน่าตื่นเต้นทั่วโลกระหว่างปี 1991. ยอดใหม่ผู้ประกาศ 4,278,820 คนถูกบันทึกไว้อย่างน่าพอใจยิ่ง—เป็นการทวีขึ้น 6.5 เปอร์เซ็นต์. ผู้ประกาศเหล่านี้ได้ใช้ 951,870,021 (เกือบหนึ่งพันล้าน!) ชั่วโมงสำหรับงานประกาศสั่งสอน. โปรดสังเกตความบากบั่นยอดเยี่ยมของพวกพี่น้องในประเทศต่าง ๆ ซึ่งปรากฏเป็นครั้งแรกในรายงานทั่วโลก อาทิ บัลแกเรีย, แคเมอรูน, เชโกสโลวะเกีย, เอธิโอเปีย, โมซัมบิก, นิการากัว, รวันดา, และสหภาพโซเวียต.
9, 10. (ก) พวกไพโอเนียร์ตอบรับเช่นไรต่อวิกฤตการณ์? (ข) มีการหนุนใจอะไรให้เข้าร่วมงานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์?
9 ในปีหลัง ๆ นี้น้ำใจไพโอเนียร์แผ่ซ่านไปทั่วโลก. แม้ในบางประเทศที่เพิ่งได้รับเสรีภาพในการนมัสการ จำนวนไพโอเนียร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว. สภาวะทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ก็ไม่อาจยับยั้งพยานฯที่ทรหดอดทนเหล่านี้มิให้อุทิศทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีอยู่เพื่อการนมัสการพระยะโฮวา. (เทียบกับ 2 โกรินโธ 11:23, 27.) เมื่อคิดเฉลี่ยแล้ว 14 เปอร์เซ็นต์ของผู้ประกาศราชอาณาจักรเป็นไพโอเนียร์แต่ละเดือน. ยอดจำนวนไพโอเนียร์ 780,202 ซึ่งเป็น 18 เปอร์เซ็นต์ที่เยี่ยมจริง ๆ จากยอดจำนวนผู้ประกาศทั้งสิ้น.
10 เมื่อสังเกตเห็นความชื่นชมยินดีซึ่งไพโอเนียร์ทั้งหลายได้ประสบ คนอื่นก็พลอยรับการหนุนใจที่จะทำงานด้านนี้. ถ้าคุณยังไม่เป็นไพโอเนียร์ ความรักที่คุณมีต่อพระยะโฮวาจะเร้าใจคุณได้ไหมที่จะพูดดังเราอ่านที่ยะซายา 6:8 ว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่! ทรงใช้ข้าพเจ้าเถิด”? หรือจากการที่คุณขยันศึกษาพระคัมภีร์ พระวจนะของพระเจ้าได้จุดประกายความปรารถนาอันแรงกล้าไหมในหัวใจของคุณ ซึ่งทำให้คุณก้าวเข้าสู่งานรับใช้ประเภทไพโอเนียร์เมื่อเร็ว ๆ นี้? แม้ในยามทุกข์ยากลำบาก คำของพระยะโฮวาก็ได้กระตุ้นยิระมะยา กระทั่งท่านไม่สามารถจะรั้งรออยู่ได้.—ยิระมะยา 20:9.
การรับใช้มนุษยชาติด้วยความรัก
11. กิจการด้านศึกษาพระคัมภีร์ที่บ้านผู้สนใจนั้นได้เจริญก้าวหน้าอย่างไร?
11 ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งในรายงานประจำปีคือการเพิ่มทวีของจำนวนการศึกษาพระคัมภีร์กับประชาชนโดยไม่คิดค่าบริการนั้น ทั่วโลกแต่ละเดือนมีการนำการศึกษาสม่ำเสมอถึง 3,947,261 ราย. นี้คือวิธีเตรียมการด้วยความรักซึ่งพยานพระยะโฮวามุ่งทำเพื่อช่วยผู้สนใจที่เขาพบขณะทำการประกาศตามบ้านเรือน. พวกเรามีความสุขที่ได้นำการศึกษาพระคัมภีร์กับผู้คนหลายเชื้อชาติและพื้นเพต่างกัน ทำงานด้วยความกระตือรือร้นเช่นเดียวกัน อย่างที่อัครสาวกเปาโลเคยทำมาแล้ว. ไม่ต้องสงสัย ‘การให้คำพยานแก่คนยิวและคนต่างประเทศ’ เช่นนั้น ท่านย่อมจะใช้เวลามากสำหรับงานสั่งสอนสัจธรรม. (กิจการ 20:20, 21) ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน. พยานพระยะโฮวาช่วย “คนทุกชนิดรับความรอดและบรรลุความรู้อันถ่องแท้เรื่องความจริง.”—1 ติโมเธียว 2:4, ล.ม.
12-14. รายงานเกี่ยวกับอะไรจากยุโรปซึ่งยังความปลาบปลื้มยินดี?
12 รายงานการศึกษาพระคัมภีร์ซึ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นในยุโรปตะวันออกน่าตื่นเต้นเพียงไร! เป็นเวลาหลายปีพวกพี่น้องของเราที่นั่นต้องประชุมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ บางทีมีเพียงสำเนาหอสังเกตการณ์ที่อัดโรเนียวฉบับเก่าคร่ำคร่าสำหรับทุกคนในกลุ่ม. แต่เวลานี้ปรากฏว่าคัมภีร์ไบเบิลและหนังสือต่าง ๆ จำนวนมากมายที่ชี้แจงเรื่องในพระคัมภีร์ได้ทะลักเข้าไปในประเทศเหล่านั้น. สิ่งนี้ทำให้คนเรานึกถึงบทเพลงไพเราะของซะโลโม 2:4 ที่ว่า “เขา [พระเยซูคริสต์] ได้พาดิฉันเข้าในอาคารเลี้ยงน้ำองุ่น [ฝ่ายวิญญาณ] และธงสำคัญของเขาห้อยอยู่เหนือดิฉันเป็นป้ายความรัก.” ครั้นคนเหล่านี้ได้รับวารสารฉบับส่วนตัวแล้ว หลายคนจึงกลายเป็นคนที่เตรียมพร้อมเป็นอย่างดีที่จะใช้ “พระคำแห่งความจริงได้ถูกต้อง.”—2 ติโมเธียว 2:15, ล.ม.
13 ประชาคมหนึ่งประกอบด้วยผู้ประกาศ 103 คนในเซนต์ปีเตอร์สเบอร์ก รุสเซียรายงานการศึกษาพระคัมภีร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ 300 กว่าราย. ผลสืบเนื่องจากความพยายามเพื่อศึกษาพระคัมภีร์ที่บ้านผู้สนใจ จึงมีพยานฯใหม่ได้รับบัพติสมา 53 คนภายในชั่วระยะเพียงแปดเดือน. มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชาคมนี้อยู่ในความจริงไม่เกินแปดเดือน! และพวกเขาไม่มีผู้ปกครอง มีเพียงผู้รับใช้ที่รับการแต่งตั้งหนึ่งคนเท่านั้นเอาใจใส่ต่อความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณของพวกเขา.
14 นักศึกษาพระคัมภีร์ถามผู้ประกาศราชอาณาจักรในเอสโตเนียว่าเธอจะชวนเพื่อนมาร่วมศึกษาได้หรือไม่. เมื่อพยานฯไปถึงที่บ้านนั้นสัปดาห์ต่อมา เธอพบว่ามี 50 กว่าคนชุมนุมกันอยู่ที่นั่น! แน่นอน มีความจำเป็นต้องจัดแผนพิเศษเพื่อเอาใจใส่ดูแลทุกคนที่แสดงความสนใจอย่างต่อเนื่อง.
15. อาจกล่าวได้อย่างไรสำหรับผู้ร่วมประชุมอนุสรณ์และการรับบัพติสมา?
15 หลายคนซึ่งศึกษาอยู่ได้ลิ้มรสมิตรภาพท่ามกลางคริสเตียนเป็นครั้งแรกโดยได้ร่วมการประชุมอนุสรณ์ระลึกการวายพระชนม์ของพระเยซู. ปีที่แล้ว ผู้เข้าร่วมมีจำนวนมากกว่า 10,000,000 คนเป็นครั้งแรก ทั่วโลกมีผู้ร่วมประชุม 10,650,158 คนใน 66,207 ประชาคมในโอกาสที่น่าปีติยินดีเช่นนี้. ในประเทศแถบละตินอเมริกา, แอฟริกา, และประเทศต่าง ๆ ทางยุโรปตะวันออก ผู้เข้าร่วมประชุมมีจำนวนมากกว่าผู้ประกาศถึงสามหรือสี่เท่า. บัดนี้ เราต้องเริ่มตระเตรียมการประชุมอนุสรณ์ซึ่งปีนี้จะมีขึ้นตรงกับวันศุกร์ที่ 17 เมษายน. หวังกันว่านักศึกษาพระคัมภีร์รายใหม่ ๆ จำนวนมากซึ่งเข้าร่วมฉลองอนุสรณ์จะก้าวหน้าต่อไปถึงขั้นรับบัพติสมา. สำหรับการรับบัพติสมา ในปี 1991 อีกครั้งหนึ่งเราได้เห็นมากกว่า 300,000 คนได้แสดงเครื่องหมายถึงการอุทิศตัวแด่พระยะโฮวาด้วยการรับบัพติสมา.
ชนผู้รักเสรีภาพที่ได้รับจากพระเจ้า
16. รายงานอะไรซึ่งน่าตื่นเต้นมาจากการประชุมภาค “ชนผู้รักเสรีภาพ”?
16 ปีรับใช้ 1991 นี้มีลักษณะเด่นอย่างหนึ่งได้แก่ การประชุมภาค “ชนผู้รักเสรีภาพ” เป็นลำดับติดต่อกันในหลายประเทศ ตอนนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วในซีกโลกเหนือแต่ยังคงมีอยู่ต่อไปถึงปี 1992 ทางซีกโลกใต้. นับว่าเป็นครั้งแรกที่กำหนดการประชุมภาคครบบริบูรณ์เช่นนี้ถูกเสนอในประเทศทางยุโรปตะวันออกหลายประเทศ ซึ่งพี่น้องของเราที่นั่นต่างก็ปลาบปลื้มยินดีจะใช้เสรีภาพซึ่งพวกเขาเพิ่งได้รับนี้เพื่อการสรรเสริญพระยะโฮวา. ในเดือนตุลาคม 1991 ยอดผู้ร่วมประชุมเท่าที่ได้รายงานจากการประชุม 705 แห่งใน 54 ประเทศ มี 4,774,937 คน.
17, 18. (ก) เสรีภาพชนิดใดที่ผู้นมัสการพระยะโฮวาได้ชื่นชมและที่คาดการณ์ไว้? (ข) เสรีภาพที่ได้รับจากพระเจ้าต่างกันอย่างไรกับเสรีภาพที่ได้จากโลก?
17 พระเยซูตรัสแก่สาวกของพระองค์ดังนี้: “ความจริงจะทำให้เจ้าทั้งหลายเป็นอิสระ.” (โยฮัน 8:32, ล.ม.) ทุกวันนี้ ความจริงของพระคัมภีร์ช่วยปลดปล่อยผู้คนหลายล้านหลุดจากหลักเกณฑ์ปราศจากเหตุผลแห่งคริสต์ศาสนจักร. ประชาชนนับล้าน ๆ เหล่านี้ได้เรียนรู้ว่าการจัดเตรียมของพระยะโฮวาเกี่ยวด้วยเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูย่อมช่วยมนุษยชาติ “ได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมเสียและจะเข้าในสง่าราศีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า.” (โรม 8:19-22) ช่างเป็นเสรีภาพอันเลอเลิศอะไรเช่นนั้น—การดำรงชีวิตตลอดนิรันดรกาลบนแผ่นดินโลกอันเป็นอุทยานภายใต้ขอบเขตที่ถูกต้องเหมาะสมซึ่งพระยะโฮวาทรงกำหนดไว้ด้วยพระทัยรัก!—ยะซายา 25:6-8; เทียบกิจการ 17:24-26.
18 เสรีภาพที่พยานพระยะโฮวาชื่นชมอยู่เวลานี้และคาดหวังจะประสบอย่างอุดมยิ่งขึ้นในระบบใหม่แห่งสิ่งต่าง ๆ นั้น เขาได้รับจากพระเจ้ายะโฮวา. (2 โกรินโธ 3:17) เสรีภาพดังกล่าวไม่ได้อาศัยการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือการปฏิวัติ. (ยาโกโบ 1:17) เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ บัตรติดหน้าอกซึ่งพยานพระยะโฮวาโฆษณาการประชุมใหญ่ปี 1991 ในประเทศทางยุโรปตะวันออกบางประเทศจึงมีถ้อยคำว่า “ชนผู้รักเสรีภาพที่ได้รับจากพระเจ้า” แทนที่จะบอกเพียง “ชนผู้รักเสรีภาพ.”
มีความรักอันแรงกล้าต่อพระยะโฮวา
19. การแนบสนิทกับพระยะโฮวาด้วยการอธิษฐานอาจค้ำจุนพวกเราได้อย่างไร?
19 ความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวารวมทั้งความวางใจในพระองค์จะทำให้เราเข้ามาใกล้ชิดกับพระองค์ด้วยการอธิษฐาน. การแนบสนิทกับพระยะโฮวานี่แหละได้ช่วยพี่น้องของเราทนต่อความยากลำบากและการกดขี่ข่มเหงได้มากมายหลายครั้ง. (บทเพลงสรรเสริญ 25:14, 15) ในช่วงการทดลองอันหนักที่สุด พระเยซูได้ทรงรักษาความใกล้ชิดกับพระบิดาของพระองค์ไว้โดยการอธิษฐาน. (ลูกา 22:39-46) ความใกล้ชิดสนิทกับพระยะโฮวาโดยการอธิษฐานเป็นพลังค้ำจุนซะเตฟาโนระหว่างที่ทนรับความเจ็บปวดเมื่อท่านยอมตายเพื่อความเชื่อ. เขม้นดูสวรรค์ขณะท่านจวนจะถูกหินขว้างถึงตาย ท่านพูดว่า “นี่แน่ะ! ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และบุตรมนุษย์ [พระเยซู] ยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า.”—กิจการ 7:56.
20-22. ประสบการณ์คราวหนึ่งแสดงให้เห็นอย่างไรว่าพระยะโฮวาสดับคำอธิษฐาน?
20 ดังที่ผู้นมัสการพระยะโฮวาเคยประสบอยู่เนือง ๆ พระยะโฮวาทรงตอบคำอธิษฐานซึ่งประสานกับพระทัยประสงค์ของพระองค์. ยกตัวอย่าง ประเทศหนึ่งในแอฟริกาซึ่งที่นั่นมีการสั่งห้ามงานของพยานพระยะโฮวา ไพโอเนียร์พิเศษได้โดยสารรถเมล์เดินทางขึ้นเหนือพร้อมกับมีหนังสือราชอาณาจักรและจดหมายที่จะนำส่งอยู่ในถุงใบใหญ่. พนักงานขนถ่ายของประจำรถถามไพโอเนียร์ว่า “มีอะไรในถุงใบนั้น?” เขาตอบตามที่คิดได้คำแรกว่า “ไปรษณีย์ภัณฑ์.”
21 เมื่อรถประจำทางผ่านจุดตรวจสกัดคนขับรถไม่หยุด และตำรวจจราจรได้กวดตามรถคันนั้นและทำให้หยุด เนื่องจากสงสัยว่ารถนั้นบรรทุกของที่ผิดกฎหมาย. เขาสั่งผู้โดยสารทั้งหมดลงจากรถและจะตรวจค้นหีบห่อทุกชิ้น. คราวนี้ วิกฤตแน่! ไพโอเนียร์จึงเดินออกไปไม่ไกลนักจากกลุ่มผู้โดยสารที่บ่นงึมงำอยู่นั้น แล้วคุกเข่าทูลอธิษฐานต่อพระยะโฮวา. เมื่อกลับมาสมทบกับคนในกลุ่มก็เห็นว่า หีบห่อทุกชิ้นของนักเดินทางถูกเปิดค้นดูอย่างละเอียดยิบ. ครั้นถึงคราวจะตรวจถุงของไพโอเนียร์ เขาได้ทูลพระยะโฮวาอยู่ในใจขอการช่วยเหลือ.
22 ตำรวจนายหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “นี้ถุงของใคร มีอะไรอยู่ในถุงบ้าง?” ก่อนไพโอเนียร์จะอ้าปากตอบ พนักงานประจำรถได้ตอบว่า “นั้นถุงเมล์จากที่ทำการไปรษณีย์——นำส่งที่ทำการไปรษณีย์ที่——.” เจ้าหน้าที่บอกว่า “ดีแล้ว.” เขาจับถุงขึ้นมาส่งให้พนักงาน พร้อมสั่งว่า “คุณต้องเก็บถุงใบนี้ไว้ให้ดีนะ อย่าทำหล่นหายระหว่างทาง.” ไพโอเนียร์พิเศษคนนี้ได้คุกเข่าลงอีกครั้งหนึ่งกล่าวขอบคุณพระองค์ผู้นั้นที่สดับคำอธิษฐาน.—บทเพลงสรรเสริญ 65:2; สุภาษิต 15:29.
23. พระยะโฮวาได้ทรงสำแดงอะไร และบางครั้งทำไมพระองค์ยังยอมให้การกดขี่ข่มเหงดำเนินไปจนถึงที่สุด?
23 แต่ทั้งนี้ไม่หมายความว่าผู้นมัสการพระยะโฮวาจะปลอดเหตุร้ายโดยสิ้นเชิง. ในสภาพการณ์เฉพาะอย่าง ทั้งในสมัยที่มีการเขียนพระคัมภีร์หรือสมัยนี้ พระยะโฮวาทรงสำแดงให้เห็นว่า พระองค์สามารถ ช่วยไพร่พลของพระองค์ให้รอดได้. แต่เพื่อจัดการประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความซื่อสัตย์มั่นคง บางครั้งพระองค์ดูเหมือนยอมให้มีการข่มเหงเนิ่นนานถึงที่สุด. (เทียบมัดธาย 26:39.) นอกจากนั้น พระยะโฮวาไม่ได้ป้องกันไพร่พลของพระองค์โดยอัตโนมัติไว้จากอุบัติเหตุ, การจลาจล, หรืออาชญากรรม แม้ว่าการใช้สติปัญญาที่อาศัยพระคัมภีร์มักเป็นประโยชน์. (สุภาษิต 22:3; ท่านผู้ประกาศ 9:11) กระนั้น เรามั่นใจได้ว่า เราจะได้รับการช่วยให้พ้นสภาพอันยากลำบากหรือไม่ก็ตาม ความซื่อสัตย์มั่นคงของเราจะมีบำเหน็จ ถ้าจำเป็นโดยได้รับการปลุกขึ้นจากความตาย.—มัดธาย 10:21, 22; 24:13.
24. ของประทานอะไรที่พระยะโฮวาจัดเตรียมไว้ซึ่งบ่งบอกถึงความรัก และเราจะตอบสนองความรักของพระองค์อย่างไร?
24 ของประทานที่ได้รับจากพระยะโฮวาด้วยน้ำพระทัยรักใคร่นั้นน่าทึ่งเสียนี่กระไร! ของประทานที่พระองค์ทรงมอบแก่มนุษย์คือพิภพนี้และสิ่งสารพัดบนแผ่นดินเป็นการแสดงความรักอย่างเด่นชัดของพระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 104:1, 13-16; 115:16) และของประทานซึ่งแสดงถึงความเมตตาสงสารของพระเจ้านั้นคือพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า เพื่อไถ่มนุษยชาติจากความบาปและความตายนั้น จึงถือว่าเป็นของประทานที่แสดงความรักอันเยี่ยมยอด. “โดยข้อนี้ ความรักของพระเจ้าได้ปรากฏให้เห็นในกรณีของเรา เพราะว่าพระเจ้าได้ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลก เพื่อเราจะได้ชีวิตโดยทางพระองค์นั้น. ความรักในกรณีนี้คือ ไม่ใช่ว่าเราได้รักพระเจ้า แต่ว่าพระองค์ได้ทรงรักเราและได้ส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นเครื่องบูชาระงับพระพิโรธเพราะบาปของเรา.” (1 โยฮัน 4:9, 10) ในการตอบสนองความรักนั้น ขอให้เราเชื่อมั่นได้ทีเดียวว่า “แม้ความตายหรือชีวิตหรือทูตสวรรค์ หรือผู้มีบรรดาศักดิ์ หรือสิ่งซึ่งมีอยู่เดี๋ยวนี้ หรือสิ่งซึ่งจะเป็นมาภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือความสูง หรือความลึก หรือสิ่งใด ๆ ที่ทรงสร้างแล้ว จะไม่อาจกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย.”—โรม 8:38, 39.
ทบทวนบทความนี้
▫ การเป็นคนสัตย์ซื่อหมายความอย่างไร?
▫ เราอาจแสดงความรักต่อพระยะโฮวาได้ด้วยการร่วมทำกิจกรรมอะไรบ้าง?
▫ จากรายงานสำหรับปีรับใช้ คุณสนใจเรื่องอะไรมากที่สุด?
▫ โดยวิธีใดเราอาจแสดงการหยั่งรู้ค่าของประทานจากพระยะโฮวาที่โปรดให้ด้วยความรัก?
[กรอบหน้า 15]
ทำไมจึงมีไพโอเนียร์มากมายอย่างนั้น?
ตามรายงาน ชาวญี่ปุ่นกระตือรือร้นบูชานมัสการจักรพรรดิของพวกเขานานถึง 2,600 ปี. เฉพาะสงครามในศตวรรษที่ 20 นี้เท่านั้น นักรบชาวญี่ปุ่นกว่าสามล้านคนสละชีวิตของพวกเขา เนื่องจากเขาเชื่อว่าไม่มีเกียรติอันใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการตายเพื่อพระเจ้าจักรพรรดิของเขา. แต่ลัทธิการทหารชินโตพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง และหลังจากนั้นจักรพรรดิได้บอกเลิกสถานภาพการเป็นพระเจ้าของพระองค์. อะไรจะมาทดแทนความว่างเปล่าทางศาสนาเช่นนี้? น่ายินดีที่การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตามบ้านซึ่งนำโดยมิชชันนารีของพยานพระยะโฮวาและต่อมาก็โดยพยานฯท้องถิ่นที่นั่นได้ช่วยผู้คนมากมายมารู้จักพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ พระยะโฮวา และอุทิศชีวิตของเขาแด่พระองค์. การอุทิศเช่นนี้มีความหมายอย่างยิ่งต่อพยานฯชาวญี่ปุ่น. หากในสมัยก่อนพวกเขาพร้อมจะสละชีวิตเพื่อพระเจ้าจักรพรรดิแล้วละก็ ตอนนี้ด้วยความกระตือรือร้นมากขึ้นสักเพียงใดเขาอุทิศกำลังความสามารถเป็นไพโอเนียร์เพื่อนมัสการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเป็นพระผู้สร้างเอกภพ—พระยะโฮวาองค์บรมมหิศร!
[ตารางแผนภูมิหน้า 10-13]
(รายละเอียดดูจากวารสาร
[รูปภาพหน้า 16]
ชนผู้รักเสรีภาพที่ได้รับจากพระเจ้า—ผู้นมัสการพระยะโฮวาร่วมการประชุมภาคที่ปราก ระหว่างวันที่ 9-11 สิงหาคม 1991