บท 7
เรื่องเพศ—คำแนะนำไหนที่ใช้ได้ผลจริง?
หากคุณจะสำรวจประชามติที่ว่า “อะไรทำให้มีความสุข?” คำตอบของหลายคนคงเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ. นั่นเป็นสิ่งที่คาดหมายกันอยู่แล้ว เนื่องจากพระเจ้าได้ทรงประสาทความรู้สึกและความปรารถนาทางเพศให้แก่ปกติชนทุกคนที่มีสุขภาพดี.
2 การสนทนาเรื่องเพศกลายเป็นสิ่งเปิดเผยยิ่งกว่าในอดีต. นอกจากนั้น พฤติกรรมทางเพศได้เปลี่ยนไป. เด็กหนุ่มสาวหลายต่อหลายคนเริ่มร่วมเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย อาจจะอยู่ในวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำ. ชายหญิงหลายล้านคู่ รวมทั้งคนวัยเกษียณอายุอยู่กินด้วยกัน และมีเพศสัมพันธ์ร่วมกันโดยไม่ได้สมรส. ในท่ามกลางผู้ที่สมรสแล้ว หลายคนเคยลองดูการร่วมเพศหมู่ การแลกภรรยากันหรือ “ชีวิตสมรสแบบเปิด” ซึ่งทั้งหญิงและชายยินยอมกันเองที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่สมรส.
3 คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้มาจากแหล่งต่าง ๆ กัน. สิ่งที่ถือเป็นความนิยมในสมัยนี้ได้รับการสนับสนุน หรืออย่างน้อยก็ได้รับการเห็นชอบจากนายแพทย์ ผู้ให้คำปรึกษาคู่สมรส และนักเทศน์หลายคน. บางคนได้ความคิดจาก “ตำรา” หรือบทความในนิตยสาร. แนวความคิดของบางคนได้รับการนวดปั้นจากหลักสูตรเพศศึกษาในโรงเรียน. กระนั้นยังมีบางคนได้แง่คิดจากนวนิยาย ภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ซึ่งแสดงเรื่องเพศอย่างชัดแจ้ง.
4 ดังที่หลายคนตระหนักว่า พระคัมภีร์พูดถึงเรื่องเพศเหมือนกัน. ขณะนี้หลายคนมีแนวโน้มจะไม่รับรองเอามาตรฐานของพระคัมภีร์ เพราะคิดว่า มาตรฐานเหล่านั้นเข้มงวดเกินไป. แต่เป็นเช่นนั้นไหม? หรือเป็นไปได้ไหมที่ว่า การปฏิบัติตามคำแนะนำในพระคัมภีร์จะป้องกันคนเราไว้จากความปวดร้าวใจอย่างแท้จริงและเปิดช่องทางให้พบความสุขมากขึ้นในชีวิต?
การร่วมเพศก่อนสมรส—ทำไมไม่เหมาะ?
5 ความปรารถนาและความสามารถทางเพศ โดยปกติแล้วจะเริ่มต้นและเจริญเติบโตในวัยรุ่น. ดังนั้น ตลอดประวัติศาสตร์ปรากฏว่า เด็กหนุ่มสาวหลายคนเคยมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรส. (เยเนซิศ 34:1-4) แต่ในปีหลัง ๆ นี้ เพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสได้แพร่หลายมากขึ้น. บางแห่ง การกระทำเช่นนี้เกือบจะเป็นของธรรมดาก็ว่าได้. เพราะเหตุใด?
6 เหตุผลประการหนึ่งในด้านการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสทวีขึ้นมากก็เนื่องจากในภาพยนตร์และนวนิยายที่คนนิยมอ่านล้วนแต่เปิดเผยกามารมย์อย่างโจ่งแจ้ง. เด็กหนุ่มสาวหลายคนอยากรู้อยากเห็น ‘อยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไรแน่.’ นั่นแหละก่อความกดดันขึ้นในหมู่คนรุ่นเดียวกันและโน้มน้าวคนอื่นให้ทำตาม. โดยเหตุที่เพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสหรือการร่วมเพศโดยไม่ได้ทำการสมรสมีอยู่อย่างแพร่หลาย นักเทศน์นักบวชหลายคนสมัยนี้กล่าวว่า เรื่องนี้ยินยอมกันได้ตราบเท่าที่ ‘เขารักกัน.’ นับวันคนที่ไม่ทำการสมรสมักจะเจอคำถามที่ว่า ‘ทำไมไม่ร่วมเพศล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราใช้วิธีคุมกำเนิด?’
7 ดร. ซอล คาเพ็ล นักเขียนคอลัมน์แพทย์ในหนังสือพิมพ์ได้เขียนรายงานเกี่ยวด้วยเหตุผลอื่น ๆ เบื้องหลังการมีสัมพันธ์ทางเพศก่อนสมรสและให้ข้อสังเกตผลต่าง ๆ ที่ตามมาดังนี้:
‘มีการใช้เรื่องเพศเป็นเครื่องมือที่แสดงการขัดขืนบิดามารดา. เรื่องเพศถูกนำไปใช้อย่างผิด ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ เสมือน “ขอความช่วยเหลือ.” มีการใช้เพศเป็นวิธี “พิสูจน์” ความเป็นชายหรือความเป็นหญิง. มีการใช้เรื่องเพศอย่างผิด ๆ เหมือนเป็นเครื่องพยุงด้านสังคมในความพยายามที่ไม่สำเร็จเพื่อจะเป็นที่ยอมรับ.
‘เมื่อเรื่องเพศถูกนำไปอย่างผิด ๆ เช่นนั้น มันไม่เคยแก้ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นตัวที่กระตุ้นการประพฤตินั้น. ปกติแล้ว การทำเช่นนั้นเป็นแค่อำพรางปัญหาเท่านั้นเอง.’
8 ไม่ว่าจะโดยเหตุผลใด ๆ ก็ตามที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรส ไม่ว่าการกระทำแบบนี้จะแพร่หลายสักเพียงไร ไม่ว่าบรรดาผู้ที่ให้คำปรึกษาและนักเทศน์กี่คนจะเห็นด้วยกับการทำเช่นนี้ก็ตาม พระคัมภีร์แนะนำว่า:
“นี้แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า . . . คือให้ท่านเว้นจากการล่วงประเวณี . . . และอย่าให้ผู้ใดทำล่วงเกิน และลักลอบกับพี่น้องในการนั้นเลย.”—1 เธซะโลนิเก 4:3-6.
บางคนอาจคิดว่า พระเจ้าทรงเข้มงวดกับเรื่องนี้โดยไม่จำเป็น. แต่อย่าลืมว่า เรื่องเพศนั้นเป็นของประทานจากพระยะโฮวาเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างมนุษย์พร้อมกับให้มีศักยภาพจะสืบพันธุ์. (เยเนซิศ 1:28) เป็นไปตามเหตุผลมิใช่หรือว่า ผู้ที่เป็นต้นตำรับเรื่องความรู้สึกทางเพศของมนุษย์จะสามารถจัดสรรคำแนะนำที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องเพศซึ่งจะป้องกันเรามิให้เป็นทุกข์ปวดร้าวได้อย่างแท้จริง?
ผลกระทบ—ยังความเพลิดเพลินหรือความปวดร้าว?
9 แรงดึงดูดและความปรารถนาทางเพศในสภาพการณ์ที่ถูกต้องอาจก่อผลที่ดีได้. แน่นอน ผลอย่างหนึ่งก็คือบุตรธิดา. ตัวอย่างแรกของเพศสัมพันธ์ซึ่งถูกบันทึกไว้นั้นว่าดังนี้: “ฝ่ายชายนั้น [อาดาม] ได้สมสู่กับฮาวาภรรยาของตน นางก็มีครรภ์.” (เยเนซิศ 4:1) ในครอบครัว บุตรที่เกิดมาอาจเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขแท้ได้. แต่จะเป็นอย่างไรถ้าคนที่ยังไม่แต่งงานมีเพศสัมพันธ์? ผลที่ตามมามักจะเหมือนกันคือ—การตั้งครรภ์และมีบุตร.
10 หลายคนซึ่งร่วมเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสรู้สึกว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรกันมาก. พวกเขานึกถึงเครื่องคุมกำเนิดต่าง ๆ. ในบางแห่งพวกวัยรุ่นจะหาซื้อได้โดยที่บิดามารดาไม่รู้ด้วยซ้ำ. กระนั้น การตั้งครรภ์ในหมู่วัยรุ่นมีแพร่หลาย แม้แต่ในท่ามกลางหนุ่มสาวสมัยใหม่ซึ่งมักจะพูดว่า “เรื่องเช่นนั้นจะเกิดขึ้นกับฉันไม่ได้.” รายงานข่าวทำนองนี้พิสูจน์ถึงเรื่องนี้:
“หนึ่งในห้าของทารกที่เกิดในนิวซีแลนด์เมื่อปีกลายเป็นลูกไม่มีพ่อ.”
“ผู้หญิงอังกฤษหนึ่งในทุก ๆ สามคนอายุต่ำกว่า 20 ปีที่ให้คำปฏิญาณในวันสมรสนั้นได้ตั้งครรภ์แล้ว.”
“เด็กสาววัยรุ่นหนึ่งในทุกห้าคน [ในสหรัฐ] จะตั้งครรภ์ก่อนเรียนจบชั้นมัธยม.”
11 ผลอันเจ็บปวดสืบเนื่องจากเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสเช่นนี้ก่อความกดดันให้กับหญิงสาวและชายหนุ่มหลายคน. บางคนหาทางทำแท้ง. กระนั้นบุคคลที่มีความรู้สึกอ่อนไหวจะไม่สบายใจอย่างใหญ่หลวงกับความคิดที่จะทำลายทารกที่กำลังเติบโตขึ้นในครรภ์มารดา. (เอ็กโซโด 20:13) ความรู้สึกของผู้หญิง และสติรู้สึกผิดชอบมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย. ปัจจัยเหล่านี้มีพลังมากถึงขนาดทำให้หลายคนซึ่งยอมทำแท้งนั้น ต่อมารู้สึกเสียใจอย่างมากที่ได้ทำเช่นนั้น.—โรม 2:14, 15.
12 การตั้งครรภ์ของวัยรุ่นเป็นการเสี่ยงอันตรายสำหรับมารดาและทารกมากกว่าการตั้งครรภ์ของมารดาในวัยเป็นผู้ใหญ่. โอกาสเสี่ยงอันตรายมีมากกว่าในด้านโรคโลหิตจาง โลหิตเป็นพิษ การตกเลือด เจ็บท้องคลอดนานยืดเยื้อและการผ่าตัดทำคลอด และการตายระหว่างคลอด. อัตราการตายของทารกคลอดจากมารดาอายุต่ำกว่า 16 ปีอาจมีมากเป็นสองเท่าในปีแรก. ทารกที่เกิดนอกสายสมรสอาจเป็นปัญหาหลายอย่างแก่บิดามารดาทั้งส่วนตัว ทางสังคมและทางเศรษฐกิจ. ยิ่งกว่านั้น ความมั่นคงและพัฒนาการของเด็กส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของบ้านที่มีความอบอุ่นปลอดภัย. เด็กซึ่งขาดสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวเนื่องจากเป็นลูกนอกกฎหมายอาจมีชีวิตที่บอบช้ำอย่างร้ายแรง. ถ้าเช่นนั้น คุณจะพูดไหมว่า ผลทั่วไปที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสเป็นที่น่าเพลิดเพลินหรือเป็นความปวดร้าว? และที่พระคัมภีร์ให้คำแนะนำว่า จง “ละเว้นจากการผิดประเวณี” เช่นนั้นเป็นการป้องกันอย่างสุขุมไหม?
13 การเพิกเฉยต่อคำแนะนำในพระคัมภีร์ทำให้หลายคนได้รับผลอันปวดร้าวอีกอย่างหนึ่งคือ—โรค. ผู้หญิงซึ่งเริ่มมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นกับคู่หลาย ๆ คนมีอัตราการเสี่ยงสูงของโรคมะเร็งมดลูก. นอกจากนั้น มีอันตรายที่จะติดเชื้อกามโรคได้จริง ๆ. บางคนหลอกตัวเองโดยคิดว่า โรคหนองในและโรคซิฟิลิสจะตรวจพบและรักษาให้หายได้ง่าย ๆ. แต่ผู้เชี่ยวชาญในองค์การอนามัยโลกรายงานว่า เวลานี้เชื้อกามโรคบางชนิดดื้อยาปฏิชีวนะ. อนึ่ง พวกแพทย์กำลังวิตกเรื่องการเพิ่มขึ้นของโรคเริมเกี่ยวกับอวัยวะเพศ. โรคนี้มักจะเป็นอันตรายต่อเด็กซึ่งมารดาติดเชื้อ. ถูกแล้ว หนุ่มสาวมากมายเรียนรู้ด้วยความปวดร้าวว่า คำตักเตือนในคัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริงที่ว่า:
“บาปอื่น ๆ ทุกอย่างซึ่งมนุษย์กระทำนั้นอยู่นอกกาย แต่คนใด ๆ ที่ล่วงประเวณีก็ทำผิดต่อร่างกายของตนเอง.”—1 โกรินโธ 6:18.
14 บางคนคิดว่า เพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสทำให้มีประสบการณ์ซึ่งอาจช่วยให้ปรับตัวทางเพศง่ายขึ้นในชีวิตสมรส. เป็นเรื่องธรรมดาในบางประเทศที่บิดาผู้มั่งคั่งจะพาบุตรชายไปเที่ยวซ่องโสเภณีเป็น “การหาประสบการณ์.” บางคนอาจคิดว่า การทำเช่นนั้นให้ประโยชน์. แต่ที่จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ตามพระผู้ทรงสร้างตัวเรา ผู้ทรงเฝ้าสังเกตความเป็นไปของมนุษย์ทั้งสิ้น. การรักษาพรหมจรรย์ไว้ก่อนสมรสเป็นการเตรียมรากฐานที่ดีกว่ามากสำหรับความสุขในชีวิตสมรส. การวิจัยในประเทศแคนาดาได้เปิดเผยว่า วัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสนั้น มักจะไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ของเขาเมื่อเขาได้แต่งงานแล้ว. แต่ผู้ที่รักษาตัวบริสุทธิ์ก่อนเข้าสู่การสมรส ย่อมประพฤติตนบริสุทธิ์ในชีวิตสมรส ความนับถือที่เขามีต่อการสมรสก่อนวันวิวาห์ยังคงมีอยู่ต่อไปหลังจากนั้น.
การเล่นชู้ล่ะ?
15 อนึ่ง คำแนะนำแบบเสรีนิยมเกี่ยวกับการร่วมเพศในทุกวันนี้เป็นการชักนำไปในทางผิดประเวณีมากขึ้น. รายงานจากยุโรปและอเมริกาเหนือแสดงว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ชายที่สมรสแล้วได้ประพฤตินอกใจภรรยา. ผู้หญิงสมัยนี้ก็เช่นเดียวกันมีจำนวนมากขึ้นที่เห็นชอบและมีส่วนในการเล่นชู้ บ่อยครั้งด้วยความหวังว่า ชีวิตรักของตนจะโลดโผนยิ่งขึ้น.
16 พระคัมภีร์มีคำแนะนำที่ชัดเจนในเรื่องนี้: “สามีควรให้ [เพศสัมพันธ์] แก่ภรรยาของตน ตามที่เธอควรได้รับ แต่ภรรยาควรกระทำเช่นกันต่อสามีของตน ด้วย.” (1 โกรินโธ 7:3, ล.ม.) อนึ่ง คุณอาจอ่านสุภาษิต 5:15-20 ซึ่งโดยนัยแล้วบอกว่า บุคคลที่สมรสแล้วพึงได้รับความเพลิดเพลินทางเพศจากคู่สมรส ไม่ใช่จากคนอื่นที่ไม่ใช่คู่สมรสของตน. ประสบการณ์ต่าง ๆ ตลอดหลายศตวรรษได้พิสูจน์แล้วว่า คำแนะนำนี้เป็นการป้องกัน คือป้องกันมิให้ติดโรคและการมีลูกนอกกฎหมาย ทั้งยังป้องกันความเจ็บปวดและความโศกเศร้า ซึ่งมักจะเกิดจากการเล่นชู้.
17 เมื่อชายและหญิงแต่งงาน เขาทั้งสองจึงเป็นของกันและกัน. อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งทำลายความไว้วางใจกันโดยการทำผิดประเวณี? การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ นอกสายสมรสรายงานว่า:
“มีความผิดมหันต์ในการที่คนเราไม่รักษาคำปฏิญาณของตน. การล่วงประเวณีเป็นอาชญากรรมต่อบุคคล เพราะคุณรู้อยู่แก่ใจว่าคุณกำลังทรยศหรือทำร้ายต่อใคร.
เรื่องนี้ปรากฏชัดยิ่งขึ้นหลังจากหลายคู่ได้ทำตามคำแนะนำในเรื่อง “การสมรสแบบเปิด” ซึ่งถือว่าเป็นการตกลงจะมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นได้. ในเวลาต่อมา พวกที่เป็นตัวตั้งตัวตีสนับสนุน “การสมรสแบบเปิด” ก็ต้องเปลี่ยนท่าที. ผลอันน่าเศร้าใจทำให้เขาจำต้องลงความเห็นว่า “ความแน่นอนของความซื่อสัตย์ทางเพศยังคงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญและจำเป็นในชีวิตสมรสแทบทุกราย.”
18 การล่วงประเวณีมักจะก่อความหึงหวง และความคิดระแวง. ด้วยความรอบรู้สุขุม พระเจ้าทรงเตือนถึงความเสียหายที่สิ่งเหล่านี้นำมาให้. (สุภาษิต 14:30; 27:4) ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้บางคนจะคิดว่า ตนรู้ดีกว่าและคิดว่า การเล่นชู้ไม่ผิด แต่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด. ดร. บิลตัน มาทซ์ นักจิตวิทยาบำบัดได้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า:
“พวกเราส่วนใหญ่รับความเสียหายจากการมีเพศสัมพันธ์นอกสายสมรส เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ไม่ว่าเราเป็นฝ่ายลงมือหรือเป็นเหยื่อ . . . .
“ประสบการณ์ของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เห็นว่า เรื่องเพศสัมพันธ์นอกสายสมรสเป็นความเจ็บปวดอันขมขื่นสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง. มันไม่ได้ช่วยให้มีความสุขเลย.”
เพศสัมพันธ์ในชีวิตสมรส
19 เกี่ยวกับเรื่องเพศนั้น พระคัมภีร์ไม่เพียงแต่แนะนำเราว่าพึงหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง. พระคัมภีร์ยังได้แนะนำเราในด้านที่พึงกระทำอันจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดความสุขในชีวิตด้วย.
20 แทนที่จะกล่าวถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ว่าเป็นเพียงสรีรกิจ พระคัมภีร์กลับชี้ให้เห็นอย่างเหมาะสมว่า เพศสัมพันธ์อาจเป็นบ่อเกิดแห่งความเพลิดเพลินซึ่งสามีภรรยาจะให้ซึ่งกันและกันได้. พระคัมภีร์กล่าวถึง “เป็นที่หนำใจ” และ ‘ดื่มด่ำอยู่’ ด้วยการแสดงความรู้สึกทางเพศในชีวิตสมรส. (สุภาษิต 5:19, ฉบับแปลใหม่) การพูดตรงไปตรงมาเช่นนั้นย่อมขจัดเสียซึ่งการหวงตัวหรือความประหม่าในด้านการเกี่ยวพันกันด้วยความรักใคร่ตามปกติฉันสามีภรรยา.
21 พระผู้สร้างทรงแนะนำแก่ฝ่ายสามีดังนี้: “จงรักภรรยาของตนอยู่เรื่อยไป และอย่าแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดกับเธอ.” (โกโลซาย 3:19, ล.ม.) เพื่อจะให้ความเกี่ยวพันทางเพศยังความชื่นชมอย่างแท้จริง คู่สมรสจะต้องไม่มีเรื่องขมขื่นหรือความขุ่นเคืองใจต่อกันและกัน. แล้วทั้งสามีกับภรรยาก็ย่อมเป็นสุขเพลิดเพลินจากความเกี่ยวพันกันในชีวิตสมรสอย่างที่พึงได้ คือการแสดงความรักต่อกันและกันอย่างดูดดื่ม การมอบตัวต่อกันและความอ่อนโยน.
22 ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าทรงสนับสนุนสามีให้อยู่กับภรรยาของตน “ตามความรู้.” (1 เปโตร 3:7, ล.ม.) เพราะฉะนั้นสามีควรคำนึงถึงความรู้สึกและรอบเดือนของภรรยา. ถ้าเขาคำนึงถึงความรู้สึกและความต้องการของภรรยาด้วยความสุขุมรอบคอบแทนที่จะเรียกร้องเอาอย่างด้าน ๆ ภรรยาก็มักจะรู้สึกไวต่อความรู้สึกและความต้องการของสามีมากขึ้น. เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ย่อมเกิดความพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย.
23 ความข้องใจที่มีบ่อย ๆ คือ ภรรยาบางคนทำเฉยเมยหรือไม่ตอบสนอง. สิ่งซึ่งอาจส่งเสริมให้เป็นเช่นนี้ได้แก่สามีที่ทำตัวห่างเหินไม่พูดจาหรือเกรี้ยวกราด นอกจากในยามที่เขามีความต้องการทางเพศ. แต่คุณคงเห็นด้วยมิใช่หรือว่า ภรรยาจะตอบสนองดีกว่าถ้าหากสามีเป็นคนให้ความสนิทสนมและใกล้ชิดกับภรรยาของตนเสมอ? เป็นธรรมดาที่ภรรยาจะตอบสนองดีกว่าเมื่อสามีเอาใจใส่ฟังคำแนะนำให้ประดับตัวด้วย “ความเอ็นดูอย่างลึกซึ้ง ความกรุณา ใจถ่อม ความอ่อนสุภาพ และความอดกลั้นไว้นาน.”—โกโลซาย 3:12, 13, ล.ม.
24 พระคัมภีร์กล่าวว่า “การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ.” (กิจการ 20:35) ข้อนี้ใช้ได้หลาย ๆ ทาง และโดยหลักการก็ใช้เป็นสิ่งเสริมให้มีความเพลิดเพลินในทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างแท้จริง. เป็นไปได้อย่างไร? ภรรยาจะได้ซึ่งความเพลิดเพลินจากการมีเพศสัมพันธ์นั้นส่วนใหญ่แล้วอยู่ที่จิตใจและอารมณ์. เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการเน้นมากในการเพ่งเล็งไปยังความตื่นเต้นเร้าใจและความเพลิดเพลินด้านร่างกายของผู้หญิง แต่ก็ดูเหมือนว่า หลายคนยังไม่ได้รับความพอใจเต็มเปี่ยม. อย่างไรก็ดี ดร. แมรี โรบินสัน ซึ่งได้ทำการค้นคว้าในด้านนี้ ได้ชี้แจงว่า เมื่อภรรยาพัฒนาความนับถือต่อสามีและถือว่า การร่วมเพศเป็นการ ‘ให้’ แทนการรับ เธอเองมักจะประสบความพึงพอใจมากขึ้น. แพทย์หญิงคนนี้ได้อธิบายว่า:
“ทีละเล็กทีละน้อย [ภรรยา] พบว่าตัวเองยอมให้ความนิ่มนวลและความห่วงใยของเธอต่อสามีกลายเป็นส่วนหนึ่งในความหมายของการมีเพศสัมพันธ์. เธอเห็นและสัมผัสได้กับความเพลิดเพลินซึ่งสามีได้รับ เนื่องจากเธอไม่หวงตัว และการปฏิบัติเช่นนี้เป็นวงจร คือเขาเพลิดเพลินมากขึ้นทำให้เธอมีความเพลิดเพลินมากขึ้น.”
ดังนั้น คำแนะนำของพระคัมภีร์ว่าด้วยการให้และการสนใจในคนอื่นมีส่วนส่งเสริมความสุข แม้แต่ในสิ่งที่ใกล้ชิดกันในชีวิตส่วนตัวเช่นนี้.—ฟิลิปปอย 2:4.
25 การเอาใจใส่ฟังคำแนะนำเช่นนี้เป็นประโยชน์แก่เราอีกทางหนึ่งด้วย. ทัศนะของเราในเรื่องเพศ ซึ่งหมายรวมถึงความสามารถในการถ่ายทอดชีวิต ส่งผลกระทบถึงสัมพันธภาพของเรากับพระเจ้าผู้ประทานชีวิต. เหตุฉะนั้น การละเว้นจากการผิดประเวณีและการเล่นชู้จึงเป็นความสุขุม ไม่เพียงแต่เพราะเป็นประโยชน์แก่เราในด้านร่างกาย จิตใจและความรู้สึกเท่านั้น แต่เพราะการเช่นนั้นเป็น “การทำบาปต่อพระเจ้าด้วย.” (เยเนซิศ 39:9) และเรื่องความสัตย์ซื่อต่อคู่สมรสนั้น เฮ็บราย 13:4 (ล.ม.) กล่าวว่า:
“จงให้การสมรสมีเกียรติในท่ามกลางคนทั้งปวง และให้เตียงวิวาห์ปราศจากมลทิน เพราะพระเจ้าจะทรงพิพากษาคนผิดประเวณีและคนเล่นชู้.”
26 เมื่อเราพิจารณาว่าเรื่องเพศเกี่ยวข้องกับความสุขของคนเราเพียงไร เราจึงต้องมองไกลออกไป. ด้วยการคำนึงถึงสวัสดิภาพถาวรของเรา พระคัมภีร์ช่วยเราให้พิจารณาว่า สิ่งที่เรากระทำจะมีผลกระทบตัวเราและคนอื่น ๆ อย่างไรในวันพรุ่งนี้ ปีหน้า และตลอดชีวิตของเรา.
[คำถามศึกษา]
ขณะนี้มีเหตุผลอะไรที่จะพิจารณาคำแนะนำในพระคัมภีร์เกี่ยวกับเรื่องเพศ? (สุภาษิต 2:6-12) (1-4)
ทำไมการร่วมเพศก่อนการสมรสมีมากขึ้น? (5-7)
ทัศนะของพระเจ้าต่อการร่วมเพศก่อนการสมรสเป็นเช่นไร? (8)
การร่วมเพศก่อนการสมรสก่อผลประการใด? (9-12)
คุณอาจให้เหตุผลอื่นอะไรบ้างสำหรับการถือว่าคำแนะนำของพระคัมภีร์ในเรื่องเพศนั้นล้ำค่า? (13, 14)
พยานหลักฐานแสดงให้เห็นอะไรเกี่ยวด้วยคำแนะนำในพระคัมภีร์ว่าด้วยการเล่นชู้? (15-18)
พระคัมภีร์ให้คำแนะนำเรื่องเพศสัมพันธ์อย่างไรในชีวิตสมรส? (19-22)
การเอาคำแนะนำนี้ไปใช้เป็นประโยชน์แก่คนเราอย่างไร? (23-26)
[กรอบหน้า 74]
“บางที ‘เสรีภาพทางเพศ’ แบบใหม่อาจเป็น ‘การปลดปล่อย’ . . . แต่สิ่งที่ผมได้ยินเสมอ ไม่ว่าที่ไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต่างออกไปคือว่า เพศแบบเสรีทำให้ปวดร้าวใจ.”—จี. เอ. เกเยอร์ นักเขียนประจำคอลัมน์, “เดอะ ออรีกอเนียน.”
[กรอบหน้า 75]
“การประพฤตินอกใจคู่สมรสมักจะก่อให้เกิดความรู้สึกทำผิด ความปวดร้าวและความไม่ไว้วางใจกัน แต่ความซื่อสัตย์ก่อความรู้สึกปลอดภัยและความยินดีอย่างดูดดื่ม.”—ดร. ซี. บี. โบรเดอริค ผู้อำนวยการศูนย์การสมรสและครอบครัว.
[รปภาพหน้า 73]
คำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลช่วยคนเราให้หลีกเลี่ยงผลอันน่าเศร้าเกี่ยวกับการผิดศีลธรรม เช่น ตั้งครรภ์โดยไม่ต้องการและกามโรค