-
ดิโอเคลเทียนโจมตีศาสนาคริสเตียนหอสังเกตการณ์ 1992 | มิถุนายน 15
-
-
ดลบันดาลได้บอกไว้ล่วงหน้า. “คนละเลยกฎหมาย” ที่มีการบอกไว้ล่วงหน้า, พวกนักเทศน์นักบวชที่ทำการปกครองแห่งเหล่าผู้ที่อ้างว่าเป็นคริสเตียน ต่างก็ได้ตั้งขึ้นอยู่แล้ว ดังที่ราชกฤษฎีกาของดิโอเคลเทียนแสดงให้เห็น โดยเฉพาะฉบับที่สอง. (2 เธซะโลนิเก 2:3, 4; กิจการ 20:29, 30; 2 เปโตร 2:12) พอมาถึงศตวรรษที่สี่กิจปฏิบัติต่าง ๆ ของพวกออกหากมีอยู่ทั่วไปอยู่แล้ว. คนที่อ้างว่าเป็นคริสเตียนจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่เป็นสมาชิกในกองทัพโรมัน. ไม่มีคริสเตียนที่ซื่อสัตย์ต่อ “คำสอนอันให้เกิดปกติสุข” ที่ได้รับจากพวกอัครสาวกอยู่เลยหรือในสมัยนั้น?—2 ติโมเธียว 1:13.
ยูเซบิอุสกล่าวถึงบางคนที่ตกเป็นเหยื่อการข่มเหงครั้งนั้น กระทั่งยังบรรยายภาพการทรมานเขา, ความลำบาก, และในที่สุดการที่เขาพลีชีวิตเพื่อความเชื่อ. เหล่าผู้เสียสละนั้นตายในความซื่อสัตย์ภักดีต่อความจริงที่ได้รับการเปิดเผยซึ่งมีอยู่ในสมัยนั้นหรือไม่ เราก็ไม่อาจทราบได้ในขณะนี้. แต่ก็แน่ใจได้ว่าบางคนได้รับเอาคำเตือนของพระเยซูใส่ไว้ในหัวใจ ที่ทรงบอกให้หลีกเว้นการแบ่งพรรคแบ่งพวก, การผิดศีลธรรม, และการอะลุ้มอล่วยไม่ว่าชนิดใด. (วิวรณ์ 2:15, 16, 20-23; 3:1-3) ปรากฏชัดว่า ผู้ซื่อสัตย์บางคนซึ่งรอดชีวิตอยู่ไม่มีกล่าวถึงในประวัติศาสตร์. (มัดธาย 13:24-30) อันที่จริง มาตรการระงับการนมัสการอย่างเปิดเผยของคริสเตียนนั้นประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งจนอนุสาวรีย์ของชาวสเปนแห่งยุคนั้นได้สดุดีดิโอเคลเทียนสำหรับการที่ ‘ได้ล้มล้างความเชื่อทางไสยศาสตร์เรื่องพระคริสต์.’ อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการยึดและทำลายสำเนาพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการที่ดิโอเคลเทียนโจมตีพวกคริสเตียนนั้นล้มเหลว ไม่สามารถกวาดล้างพระคำของพระเจ้าให้หมดไปโดยสิ้นเชิง.—1 เปโตร 1:25.
เมื่อไม่ประสบผลสำเร็จในการกำจัดทำลายศาสนาคริสเตียน ซาตานพญามารผู้ครอบครอบโลกนี้จึงดำเนินอุบายของมันต่อไปโดยทางจักรพรรดิคอนสแตนติน ซึ่งครองราชย์ตั้งแต่ปีสากลศักราช 306 ถึง 337. (โยฮัน 12:31; 16:11; เอเฟโซ 6:11) คอนสแตนตินคนนอกรีตไม่ได้ต่อสู้กับพวกคริสเตียน. แทนที่จะทำเช่นนั้นเขาเห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะผสมผสานความเชื่อนอกรีตกับความเชื่อของคริสเตียนเข้าด้วยกันเป็นศาสนาใหม่ประจำชาติ.
นั่นเป็นคำเตือนสำหรับเราทุกคนจริง ๆ! เมื่อเราเผชิญการข่มเหงอันโหดเหี้ยมทารุณ ความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวาจะช่วยเราให้ไม่ยอมอะลุ้มอล่วยเพื่อเห็นแก่ความบรรเทาทางร่างกายเพียงชั่วคราว. (1 เปโตร 5:9) ในทำนองเดียวกัน เราจะไม่ยอมให้ช่วงเวลาที่สงบสุขบ่อนทำลายความมีชีวิตชีวาแบบคริสเตียนของเราไป. (เฮ็บราย 2:1; 3:12, 13) การยึดอยู่กับหลักการในคัมภีร์ไบเบิลอย่างเหนียวแน่นจะทำให้เรารักษาความจงรักภักดีต่อพระยะโฮวา พระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยไพร่พลของพระองค์ให้รอดได้.—บทเพลงสรรเสริญ 18:25, 48.
-
-
คำถามจากผู้อ่านหอสังเกตการณ์ 1992 | มิถุนายน 15
-
-
คำถามจากผู้อ่าน
พยานพระยะโฮวามีทัศนะอย่างไรต่อการซื้อของที่ถูกขโมยมา?
คริสเตียนหลีกเลี่ยงการมีส่วนใด ๆ อย่างจงใจในการซื้อสินค้าหรือของที่ถูกขโมยมา.
การขโมยเป็นความผิดแน่ ๆ. กฎหมายของพระเจ้าสำหรับพวกยิศราเอลแถลงไว้อย่างชัดแจ้งว่า “อย่าลักทรัพย์.” (เอ็กโซโด 20:15; เลวีติโก 19:11) หากขโมยถูกจับได้ เขาต้องชดใช้สองเท่า, สี่เท่า, หรือห้าเท่า แล้วแต่กรณี.
ตั้งแต่สมัยโบราณ พวกขโมยพยายามจะให้ของที่ขโมยมานั้นเปลี่ยนมือเพื่อได้กำไรเร็วและไม่ถูกจับพร้อมกับหลักฐานการมีความผิดของเขา. เพื่อจุดมุ่งหมายนี้ พวกเขามักจะขายของที่ขโมยมาในราคาต่ำจนผู้ซื้อหลายคนรู้สึกว่ายากที่จะปฏิเสธ. การปฏิบัติเช่นนั้นอาจเกี่ยวพันกับสิ่งที่เราอ่านในเอ็กโซโด 22:1 ว่า “ถ้าผู้ใดลักโคหรือแกะไปฆ่าหรือขาย ให้ผู้นั้นใช้โคห้าตัวแทนโคหนึ่งตัว และแกะสี่ตัวแทนแกะตัวหนึ่ง.”
โดยสำนึกถึงสิ่งที่พัวพันอยู่ในกฎหมายนั้น อาจารย์ชาวยิวชื่ออับราฮาม ชิลล์ เขียนว่า “เป็นสิ่งต้องห้ามที่จะซื้อหรือ
-