ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • จงดำเนินใน ‘ทางแห่งความเที่ยงตรง’
    หอสังเกตการณ์ 2001 | กันยายน 15
    • จง​ดำเนิน​ใน ‘ทาง​แห่ง​ความ​เที่ยง​ตรง’

      ผู้​พยากรณ์​ยะซายา​ได้​ประกาศ​ว่า “จะ​เป็น​มงคล​แก่ [คน​ชอบธรรม] เพราะ​เขา​จะ​ได้​รับประทาน​ผล​แห่ง​การ​กระทำ​ของ​เขา.” ยะซายา​ยัง​ได้​กล่าว​ด้วย​ว่า “ทาง​ของ​ผู้​ชอบธรรม​นั้น​เที่ยง​ตรง.” (ยะซายา 3:10; 26:7, ล.ม.) ปรากฏ​ชัด​ว่า เพื่อ​การ​กระทำ​ของ​เรา​จะ​ก่อ​ผล​ดี​แล้ว เรา​ต้อง​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง​ใน​สาย​พระ​เนตร​ของ​พระเจ้า.

      แต่​เรา​จะ​ดำเนิน​ใน​ทาง​แห่ง​ความ​เที่ยง​ตรง​ได้​อย่าง​ไร? เรา​อาจ​คาด​หมาย​พระ​พร​อะไร​จาก​การ​ทำ​เช่น​นั้น? และ​คน​อื่น​อาจ​ได้​รับ​ประโยชน์​อย่าง​ไร​จาก​การ​ที่​เรา​ปฏิบัติ​ตาม​มาตรฐาน​อัน​ชอบธรรม​ของ​พระเจ้า? ใน​บท 10 ของ​พระ​ธรรม​สุภาษิต​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล กษัตริย์​ซะโลโม​แห่ง​ยิศราเอล​โบราณ​ทรง​ให้​คำ​ตอบ​สำหรับ​คำ​ถาม​เหล่า​นี้​ขณะ​ที่​ท่าน​เปรียบ​เทียบ​ความ​แตกต่าง​ระหว่าง​คน​ชอบธรรม​กับ​คน​ชั่ว. ใน​การ​เปรียบ​เทียบ​นั้น ท่าน​ใช้​ถ้อย​คำ “คน [ผู้] ชอบธรรม” 13 ครั้ง. จาก​จำนวน​นี้​มี​เก้า​ครั้ง​ปรากฏ​ใน​ข้อ 15 ถึง​ข้อ 32. ฉะนั้น การ​พิจารณา​สุภาษิต 10:15-32 จะ​ทำ​ให้​มี​กำลังใจ​อย่าง​แท้​จริง.a

      จง​ยึด​มั่น​กับ​การ​ตี​สอน

      ซะโลโม​ชี้​ถึง​ความ​สำคัญ​ของ​ความ​ชอบธรรม. ท่าน​กล่าว​ว่า “ความ​มั่งคั่ง​ของ​เศรษฐี​คือ​เมือง​ที่​มั่นคง​ของ​เขา; ความ​หายนะ​ของ​คน​อนาถา​ก็​คือ​ความ​ยาก​จน​ของ​เขา. การ​งาน​ของ​คน​ชอบธรรม​ย่อม​พา​ไป​สู่​ชีวิต; แต่​การ​ทวี​ผล​งาน​ของ​คน​ชั่ว​ย่อม​นำ​ไป​สู่​ความ​บาป.”—สุภาษิต 10:15, 16.

      ทรัพย์​สมบัติ​เป็น​เครื่อง​ปก​ป้อง​ไว้​จาก​ความ​ไม่​แน่นอน​บาง​อย่าง​ใน​ชีวิต เช่น​เดียว​กับ​เมือง​ที่​มี​กำแพง​แน่น​หนา​ให้​ความ​ปลอด​ภัย​ระดับ​หนึ่ง​แก่​คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​ใน​เมือง. และ​ความ​ยาก​จน​อาจ​ยัง​ความ​หายนะ​เมื่อ​เกิด​เหตุ​การณ์​ที่​ไม่​คาด​คิด. (ท่าน​ผู้​ประกาศ 7:12) อย่าง​ไร​ก็​ตาม กษัตริย์​ผู้​ชาญ​ฉลาด​อาจ​บอก​เป็น​นัย​ด้วย​ถึง​อันตราย​อัน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​มั่งมีและ​ความ​ยาก​จน. เศรษฐี​อาจ​มี​แนว​โน้ม​ที่​จะ​ให้​ความ​ไว้​วางใจ​อย่าง​หมด​สิ้น​ต่อ​ทรัพย์​ของ​เขา โดย​คิด​เอา​เอง​ว่า​สิ่ง​ของ​มี​ค่า​ของ​ตน​เป็น “เหมือน​กำแพง​อัน​สูง.” (สุภาษิต 18:11) และ​คน​ยาก​จน​อาจ​มี​ทัศนะ​ที่​สำคัญ​ผิด​ไป​ว่า​ความ​ยาก​จน​ทำ​ให้​อนาคต​ของ​เขา​มืดมน. ดัง​นั้น ทั้ง​สอง​ฝ่าย​จึง​ไม่​ได้​สร้าง​ชื่อเสียง​ที่​ดี​กับ​พระเจ้า.

      ใน​อีก​ด้าน​หนึ่ง ไม่​ว่า​คน​ชอบธรรม​มี​มาก​หรือ​น้อย​ทาง​ด้าน​วัตถุ การ​งาน​ที่​ซื่อ​สัตย์​ของ​เขา​นำ​ไป​สู่​ชีวิต. โดย​วิธี​ใด? เขา​อิ่ม​ใจ​ใน​สิ่ง​ที่​ตน​มี. เขา​ไม่​ยอม​ให้​สภาพ​ทาง​การ​เงิน​ของ​ตน​ขัด​ขวาง​ฐานะ​อัน​เป็น​ที่​โปรดปราน​กับ​พระเจ้า. ไม่​ว่า​มั่งมี​หรือ​ยาก​จน แนว​ทาง​ชีวิต​ของ​คน​ชอบธรรม​นำ​ความ​สุข​มา​ให้​เขา​ใน​ปัจจุบัน​และ​ทำ​ให้​มี​ความ​หวัง​เกี่ยว​กับ​ชีวิต​นิรันดร์​ใน​อนาคต. (โยบ 42:10-13) คน​ชั่ว​ไม่​ได้​รับ​ประโยชน์​ถึง​เขา​จะ​มี​ทรัพย์​สมบัติ. แทน​ที่​จะ​สำนึก​ถึง​คุณค่า​ของ​ทรัพย์​ที่​ให้​การ​ปก​ป้อง​และ​ดำเนิน​ชีวิต​ประสาน​กับ​พระทัย​ประสงค์​ของ​พระเจ้า เขา​กลับ​ใช้​ทรัพย์​ของ​ตน​เพื่อ​ส่ง​เสริม​ชีวิต​ที่​เป็น​บาป.

      กษัตริย์​ยิศราเอล​ตรัส​ต่อ​ไป​ว่า “บุคคล​ผู้​อยู่​ใน​คำ​สั่ง​สอน​ย่อม​อยู่​ใน​ทาง​ของ​ชีวิต; แต่​บุคคล​ผู้​ละเลย​คำ​ตักเตือน [“การ​ว่า​กล่าว,” ล.ม.] ย่อม​หลง​ไป.” (สุภาษิต 10:17) ผู้​คง​แก่​เรียน​ด้าน​คัมภีร์​ไบเบิล​คน​หนึ่ง​ชี้​แนะ​ว่า​อาจ​เข้าใจ​ข้อ​นี้​ได้​ใน​สอง​ประการ. ประการ​หนึ่ง​ที่​เป็น​ไป​ได้​คือ​การ​ที่​บุคคล​ซึ่ง​ยอม​รับ​การ​ตี​สอน​และ​ติด​ตาม​ความ​ชอบธรรม​อยู่​บน​ทาง​สู่​ชีวิต ส่วน​คน​ที่​ละเลย​การ​ว่า​กล่าว​ก็​อยู่​ห่าง​จาก​ทาง​นั้น. ข้อ​นั้น​ยัง​อาจ​หมายความ​ด้วย​ว่า “ผู้​ที่​เอา​ใจ​ใส่​การ​ตี​สอน​ก็​แสดง​ให้​เห็น​แนว​ทาง​สู่​ชีวิต [แก่​คน​อื่น​เพราะ​ตัว​อย่าง​ที่​ดี​ของ​เขา​เป็น​ประโยชน์​ต่อ​คน​เหล่า​นั้น] แต่​ผู้​ใด​ที่​ละเลย​การ​แก้ไข​ก็​นำ​คน​อื่น​ให้​หลง​ทาง.” (สุภาษิต 10:17, นิว อินเตอร์​แนชันแนล เวอร์ชัน) ไม่​ว่า​กรณี​ใด​ก็​ตาม นับ​ว่า​สำคัญ​สัก​เพียง​ไร​ที่​เรา​จะ​ยึด​มั่น​กับ​การ​ตี​สอน​และ​ไม่​ละเลย​การ​ว่า​กล่าว!

      เอา​ความ​รัก​มา​แทน​ความ​เกลียด​ชัง

      ต่อ​จาก​นั้น​ซะโลโม​เสนอ​สุภาษิต​สอง​ท่อน​ที่​มี​แนว​คิด​คล้าย​กัน ท่อน​สอง​เสริม​น้ำหนัก​ให้​กับ​ท่อน​แรก. ท่าน​กล่าว​ว่า “บุคคล​ผู้​ซ่อน​การ​เกลียด​ชัง​ไว้​ย่อม​เป็น​คน​ที่​มี​ริมฝีปาก​มุสา.” ถ้า​คน​เรา​มี​ความ​เกลียด​ชัง​อยู่​ใน​หัวใจ​ต่อ​อีก​คน​หนึ่ง​และ​ปก​ปิด​ความ​เกลียด​ชัง​นั้น​ไว้​เบื้อง​หลัง​คำ​พูด​อ่อน​หวาน​หรือ​การ​ประจบ​ประแจง เขา​ก็​กำลัง​หลอก​ลวง—เขา​มี “ริมฝีปาก​มุสา.” กษัตริย์​ผู้​ชาญ​ฉลาด​ตรัส​เสริม​เกี่ยว​กับ​คน​เช่น​นี้​ว่า “บุคคล​ผู้​กล่าว​วาจา​ใส่​ร้าย​คน​อื่น​ก็​เป็น​คน​โฉด​เขลา.” (สุภาษิต 10:18) แทน​ที่​จะ​ปก​ปิด​ความ​เกลียด​ชัง​ของ​ตน​ไว้ บาง​คน​ใช้​ข้อ​กล่าวหา​เท็จ​หรือ​แพร่​คำ​พูด​ที่​ดูถูก​เหยียด​หยาม​เกี่ยว​กับ​คน​ที่​ตน​เกลียด. นี่​เป็น​ความ​โง่​เขลา​เพราะ​คำ​เล่า​ลือ​ที่​ใส่​ร้าย​มิ​ได้​เปลี่ยน​สิ่ง​ที่​คน​นั้น​เป็น​อย่าง​แท้​จริง. และ​ผู้​ฟัง​ที่​เข้าใจ​จะ​มอง​ออก​ถึง​ความ​มุ่ง​ร้าย​และ​มี​ความ​นับถือ​น้อย​ลง​ต่อ​ผู้​ที่​ใส่​ร้าย​นั้น. ดัง​นั้น ผู้​แพร่​ข่าว​ลือ​ที่​เลว​ร้าย​ก็​ก่อ​ผล​เสียหาย​ให้​กับ​ตัว​เอง.

      แนว​ทาง​ความ​ประพฤติ​ที่​ชอบธรรม​ย่อม​ไม่​ใช้​ทั้ง​การ​หลอก​ลวง​หรือ​การ​ใส่​ร้าย. พระเจ้า​ตรัส​สั่ง​ชน​ยิศราเอล​ว่า “อย่า​เกลียด​ชัง​พี่​น้อง​ของ​เจ้า​อยู่​ใน​ใจ.” (เลวีติโก 19:17, ฉบับ​แปล​ใหม่) และ​พระ​เยซู​ทรง​แนะ​นำ​เหล่า​ผู้​ฟัง​พระองค์​ว่า “จง​รัก [กระทั่ง] ศัตรู​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ต่อ ๆ ไป และ​อธิษฐาน​เผื่อ​ผู้​ที่​ข่มเหง​ท่าน​ทั้ง​หลาย; เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​พิสูจน์​ตัว​ว่า​เป็น​บุตร​แห่ง​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์.” (มัดธาย 5:44, 45, ล.ม.) เป็น​สิ่ง​ที่​ดี​กว่า​มาก​สัก​เพียง​ไร​ที่​จะ​บรรจุ​หัวใจ​เรา​ด้วย​ความ​รัก​แทน​ความ​เกลียด​ชัง!

      ‘ยับยั้ง​ริมฝีปาก​ไว้’

      ใน​การ​เน้น​ความ​จำเป็น​ที่​จะ​ควบคุม​ลิ้น กษัตริย์​ผู้​ชาญ​ฉลาด​ตรัส​ว่า “การ​พูด​มาก​มัก​มี​ความ​ผิด; แต่​ผู้​ที่​ยับยั้ง​ริมฝีปาก​ของ​ตน​ย่อม​ประพฤติ​เป็น​คน​มี​ปัญญา.”—สุภาษิต 10:19.

      “คน​เขลา​พูด​มาก​ซ้ำซาก.” (ท่าน​ผู้​ประกาศ 10:14, ฉบับ​แปล​ใหม่) “ความ​โฉด​เขลา​ย่อม​พลุ่ง​ออก​มา​จาก” ปาก​ของ​เขา. (สุภาษิต 15:2) นี่​มิ​ได้​หมายความ​ว่า​ทุก​คน​ที่​ช่าง​พูด​เป็น​คน​โง่. แต่​ง่าย​สัก​เพียง​ไร​ที่​บุคคล​ซึ่ง​พูด​มาก​เกิน​ไป​จะ​กลาย​เป็น​ช่อง​ทาง​แพร่​การ​ซุบซิบ​นินทา​หรือ​ข่าว​ลือ​ที่​ยัง​ความ​เสียหาย! ชื่อเสียง​ที่​ถูก​ทำลาย, ความ​รู้สึก​เจ็บ​ปวด, ความ​สัมพันธ์​ที่​ตึงเครียด, และ​กระทั่ง​การ​ทำ​ร้าย​ร่าง​กาย บ่อย​ครั้ง​อาจ​เป็น​ผล​มา​จาก​คำ​พูด​ที่​โง่​เขลา. “ที่​ไหน​มี​การ​พูด​มาก บาป​ก็​จะ​ไม่​ขาด​หาย​ไป.” (สุภาษิต 10:19, แอน อเมริกัน แทรนสเลชัน) นอก​จาก​นี้ เป็น​เรื่อง​ทำ​ให้​ขัด​เคือง​ใจ​ที่​จะอยู่​ใกล้ ๆ คน​ที่​พูด​ได้​ทุก​เรื่อง. ขอ​ให้​เรา​อย่า​พูด​มาก​เกิน​ไป.

      ไม่​เพียง​แต่​หลีก​เลี่ยง​ความ​เท็จ​เท่า​นั้น คน​ที่​ยับยั้ง​ริมฝีปาก​ของ​ตน​นั้น​ปฏิบัติ​อย่าง​ฉลาด​สุขุม. เขา​คิด​ก่อน​พูด. โดย​ได้​รับ​แรง​จูง​ใจ​จาก​ความ​รัก​ต่อ​มาตรฐาน​ของ​พระ​ยะโฮวา​และ​ความ​ปรารถนา​อย่าง​จริง​ใจ​ที่​จะ​ช่วย​เพื่อน​มนุษย์ เขา​คำนึง​ถึง​ผล​กระทบ​ที่​คำ​พูด​ของ​เขา​มี​ต่อ​คน​อื่น. คำ​พูด​ของ​เขา​แสดง​ความ​รัก​และ​ความ​กรุณา. เขา​คิด​รำพึง​ถึง​วิธี​ทำ​ให้​สิ่ง​ที่​ตน​พูด​นั้น​ดึงดูด​ใจ​และ​เป็น​ประโยชน์. คำ​พูด​ของ​เขา​เป็น​เหมือน “ผล​แอปเปิล​ทำ​ด้วย​ทองคำ​ใส่​ไว้​ใน​กระเช้า​เงิน”—งาม​วิจิตร​และ​สูง​ค่า​อยู่​ตลอด​เวลา.—สุภาษิต 25:11.

      “เลี้ยง​บำรุง​คน​ไว้​เป็น​อัน​มาก”

      ซะโลโม​ตรัส​ต่อ​ไป​ว่า “ลิ้น​ของ​ผู้​ชอบธรรม​เป็น​เหมือน​อย่าง​เงิน​เนื้อ​แท้; ใจ​ของ​คน​ชั่ว​มี​ค่า​น้อย​นิด​เดียว.” (สุภาษิต 10:20) สิ่ง​ที่​คน​ชอบธรรม​พูด​นั้น​ไม่​มี​อะไร​เจือ​ปน—เหมือน​เงิน​เนื้อ​แท้​ที่​ถูก​ถลุง​ให้​บริสุทธิ์, ไม่​มี​อะไร​ปน​เปื้อน. นี่​เป็น​ความ​จริง​อย่าง​แน่นอน​กับ​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​ยะโฮวา​ขณะ​ที่​พวก​เขา​แจก​จ่าย​ความ​รู้​ที่​ช่วย​ชีวิต​เกี่ยว​กับ​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​แก่​คน​อื่น. พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า พระ​บรม​ครู​ได้​ให้​การ​ศึกษา​อบรม​พวก​เขา​และ ‘ได้​ทรง​ประทาน​ลิ้น​ของ​คน​ที่​ได้​รับ​การ​สั่ง​สอน​แก่​พวก​เขา เพื่อ​พวก​เขา​จะ​รู้​วิธี​ตอบ​คน​ที่​เหนื่อย​ล้า​ด้วย​ถ้อย​คำ.’ (ยะซายา 30:20; 50:4, ล.ม.) ที่​จริง ลิ้น​ของ​พวก​เขา​เป็น​เหมือน​เงิน​เนื้อ​แท้​ขณะ​ที่​พูด​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ออก​มา. คำ​พูด​ของ​พวก​เขา​ช่าง​มี​คุณค่า​ล้น​เหลือ​สำหรับ​คน​ที่​มี​หัวใจ​สุจริต​ยิ่ง​กว่า​ความ​มุ่ง​หมาย​ของ​คน​ชั่ว​สัก​เพียง​ไร! ขอ​ให้​เรา​กระตือรือร้น​ที่​จะ​พูด​ถึง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​และ​พระ​ราชกิจ​อัน​มหัศจรรย์​ของ​พระองค์.

      คน​ชอบธรรม​เป็น​พระ​พร​แก่​คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​รอบ​ตัว​เขา. ซะโลโม​ตรัส​ต่อ​ไป​ว่า “ลิ้น​ของ​ผู้​ชอบธรรม​ย่อม​เลี้ยง​บำรุง​คน​ไว้​เป็น​อัน​มาก; แต่​คน​โฉด​ย่อม​ตาย​ไป​เพราะ​ขาด​ความ​เข้าใจ [“ด้าน​หัวใจ,” ล.ม.].”—สุภาษิต 10:21.

      “ผู้​ชอบธรรม​ย่อม​เลี้ยง​บำรุง​คน​ไว้​เป็น​อัน​มาก” โดย​วิธี​ใด? คำ​ภาษา​ฮีบรู​ที่​ใช้​ใน​ที่​นี้​ถ่ายทอด​แนว​คิด​เกี่ยว​กับ​การ​เลี้ยง​แกะ. คำ​นี้​แฝง​ไว้​ด้วย​ความ​คิด​เกี่ยว​กับ​การ​ชี้​นำ​อีก​ทั้ง​การ​บำรุง​เลี้ยง คล้าย​กัน​มาก​กับ​ผู้​เลี้ยง​แกะ​ใน​สมัย​โบราณ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​แกะ​ของ​เขา. (1 ซามูเอล 16:11; บทเพลง​สรรเสริญ 23:1-3; เพลง​ไพเราะ​ของ​กษัตริย์​ซะโลโม 1:7) คน​ชอบธรรม​ชี้​แนะ​หรือ​นำ​คน​อื่น​ไป​สู่​ทาง​แห่ง​ความ​ชอบธรรม คำ​พูด​ของ​เขา​บำรุง​กำลัง​ผู้​ที่​ฟัง​เขา. ผล​ก็​คือ พวก​เขา​ดำเนิน​ชีวิต​ที่​มี​ความ​สุข​มาก​ขึ้น, น่า​พอ​ใจ​มาก​ขึ้น, และ​อาจ​ถึง​กับ​ได้​รับ​ชีวิต​นิรันดร์​ด้วย​ซ้ำ.

      แต่​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​กับ​คน​โง่? เนื่อง​จาก​ขาด​ด้าน​หัวใจ เขา​แสดง​ให้​เห็น​การ​ขาด​เจตนา​ที่​ดี​หรือ​ไม่​มี​ความ​เป็น​ห่วง​เป็น​ใย​เกี่ยว​กับ​ผล​จาก​การ​กระทำ​ของ​เขา. บุคคล​ดัง​กล่าว​ทำ​อะไร​ก็​ตาม​ที่​เขา​อยาก​ทำ โดย​ไม่​คำนึง​ถึง​ผล​ที่​เกิด​ขึ้น. ฉะนั้น เขา​ได้​รับ​ผล​เสียหาย​เนื่อง​จาก​การ​กระทำ​ของ​เขา. ขณะ​ที่​คน​ชอบธรรม​ช่วย​คน​อื่น​ให้​มี​ชีวิต​อยู่ คน​ที่​ขาด​ด้าน​หัวใจ​ไม่​สามารถ​รักษา​แม้​แต่​ชีวิต​ของ​ตัว​เอง​ให้​รอด​ได้.

      หลบ​เลี่ยง​ความ​ประพฤติ​หละหลวม

      บ่อย​ครั้ง​สิ่ง​ที่​คน​เรา​ชอบ​หรือ​ไม่​ชอบ​มัก​เผย​ให้​เห็น​บุคลิกภาพ​ของ​เขา. โดย​กล่าว​ถึง​ข้อ​เท็จ​จริง​นี้ กษัตริย์​แห่ง​ยิศราเอล​ตรัส​ว่า “คน​โง่​กระทำ​ความ​ผิด [“ประพฤติ​หละหลวม,” ล.ม.] เหมือน​การ​เล่น​สนุก แต่​ความ​ประพฤติ​อัน​กอปร​ด้วย​ปัญญา​เป็น​ความ​เพลิดเพลิน​แก่​คน​ที่​มี​ความ​เข้าใจ.”—สุภาษิต 10:23, ฉบับ​แปล​ใหม่.

      บาง​คน​ถือ​ว่า​ความ​ประพฤติ​หละหลวม​เป็น​เหมือน​กีฬา​หรือ​การ​เล่น และ​เข้า​ร่วม​ใน​การ​ประพฤติ​เช่น​นั้น​เพื่อ “ความ​สนุก.” คน​เช่น​นั้น​ไม่​คำนึง​ถึง​พระเจ้า​ใน​ฐานะ​เป็น​ผู้​ที่​ทุก​คน​ต้อง​ให้​การ และ​พวก​เขา​ไม่​เต็ม​ใจ​ยอม​รับ​ว่า​แนว​ทางของ​ตน​นั้น​ผิด. (โรม 14:12) พวก​เขา​กลาย​เป็น​คน​บิดเบือน​ใน​การ​อ้าง​เหตุ​ผล​ถึง​ขั้น​ที่​ทึกทัก​เอา​ว่า​พระเจ้า​ไม่​ทรง​เห็น​การ​ทำ​ผิด​ของ​เขา. โดย​การ​กระทำ​ของ​เขา ที่​แท้​แล้ว​เขา​กล่าว​ว่า “พระเจ้า​ไม่​มี.” (บทเพลง​สรรเสริญ 14:1-3; ยะซายา 29:15, 16) ช่าง​โง่​เขลา​สัก​เพียง​ไร!

      ใน​อีก​ด้าน​หนึ่ง ผู้​ที่​มี​ความ​เข้าใจ​ตระหนัก​ว่า​ความ​ประพฤติ​หละหลวม​ไม่​ใช่​กีฬา. เขา​ทราบ​ว่า​ความ​ประพฤติ​เช่น​นั้น​ทำ​ให้​พระเจ้า​ไม่​พอ​พระทัย​และ​อาจ​ทำลาย​สัมพันธภาพ​ของ​คน​เรา​กับ​พระองค์​ได้. ความ​ประพฤติ​ดัง​กล่าว​นับ​ว่า​โง่ เพราะ​ทำ​ให้​คน​เรา​สูญ​เสีย​ความ​นับถือ​ตัว​เอง, ทำลาย​ชีวิต​สมรส, ก่อ​ผล​เสียหาย​แก่​ทั้ง​จิตใจ​และ​ร่าง​กาย, และ​นำ​ไป​สู่​การ​สูญ​เสีย​สภาพ​ฝ่าย​วิญญาณ. เรา​ฉลาด​ที่​หลบ​เลี่ยง​ความ​ประพฤติ​หละหลวม​และ​ปลูกฝัง​ความ​รักใคร่​ต่อ​สติ​ปัญญา​เหมือน​เป็น​พี่​สาว​หรือ​น้อง​สาว​ที่​รัก​ยิ่ง.—สุภาษิต 7:4.

      สร้าง​บน​รากฐาน​ที่​ถูก​ต้อง

      โดย​ชี้​ถึง​คุณค่า​ของ​การ​สร้าง​ชีวิต​คน​เรา​บน​รากฐาน​ที่​เหมาะ​สม ซะโลโม​กล่าว​ว่า “ความ​หวาด​กลัว​ของ​คน​ชั่ว​จะ​มา​ทับ​ถม​ตัว​เขา​ไว้; และ​ความ​ปรารถนา​ของ​คน​ชอบธรรม​ก็​จะ​ทรง​โปรด​ให้​สม​ประสงค์. เมื่อ​พายุ​ร้ายแรง​ผ่าน​ไป​แล้ว, คน​ชั่ว​ก็​จะ​ไม่​มี​เหลือ; แต่​คน​ชอบธรรม​คง​เป็น​ฐาน​ถาวร​ชั่ว​กัลปาวสาน.”—สุภาษิต 10:24, 25.

      คน​ชั่ว​อาจ​ทำ​ให้​คน​อื่น​เกิด​ความ​หวาด​กลัว​มาก. แต่​ใน​ที่​สุด ตัว​เขา​เอง​จะ​ประสบ​ความ​หวั่น​กลัว. เนื่อง​จาก​ไม่​มี​รากฐาน​อยู่​ใน​หลักการ​ที่​ชอบธรรม เขา​เป็น​เหมือน​อาคาร​ที่​ไม่​มั่นคง​ซึ่ง​พัง​ทลาย​ระหว่าง​ที่​มี​พายุ​รุนแรง. เขา​ยอม​จำนน​ต่อ​ความ​กดดัน. ใน​อีก​ด้าน​หนึ่ง คน​ชอบธรรม​เป็น​เหมือน​คน​ที่​ปฏิบัติ​สอดคล้อง​กับ​คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู. เขา​เป็น “คน​มี​ปัญญา​คน​หนึ่ง​ที่​สร้าง​เรือน​ของ​ตน​ไว้​บน​ศิลา.” พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “ฝน​ก็​ตก​และ​น้ำ​ก็​ไหล​เชี่ยว, ลม​ก็​พัด​ปะทะ​เรือน​นั้น, แต่​เรือน​มิ​ได้​พัง​ลง เพราะ​ว่า​ราก​ตั้ง​อยู่​บน​ศิลา.” (มัดธาย 7:24, 25) บุคคล​ดัง​กล่าว​เป็น​คน​มั่นคง—ความ​คิด​และ​การ​กระทำ​ของ​เขา​ตั้ง​มั่น​อยู่​บน​หลักการ​ของ​พระเจ้า.

      ก่อน​เปรียบ​เทียบ​ความ​แตกต่าง​ระหว่าง​คน​ชั่ว​กับ​คน​ชอบธรรม​ต่อ​ไป​อีก กษัตริย์​ผู้​ชาญ​ฉลาด​ทรง​ให้​คำ​เตือน​ที่​รวบรัด​ทว่า​สำคัญ. ท่าน​กล่าว​ว่า “น้ำ​ส้ม​ทำ​ให้​เข็ด​ฟัน, และ​ควัน​ทำ​ให้​แสบ​ตา​ฉัน​ใด, คน​เกียจ​คร้าน​ย่อม​ทำ​ให้​คน​ที่​ใช้​เขา​เข็ด​รำคาญ​ฉัน​นั้น.” (สุภาษิต 10:26) น้ำ​ส้ม​สาย​ชู​ก่อ​ผล​เสีย​ให้​ฟัน. กรด​น้ำ​ส้ม​ที่​มี​อยู่​ใน​น้ำ​ส้ม​สาย​ชู​ทำ​ให้​เกิด​รส​เปรี้ยว​ใน​ปาก​และ​อาจ​ทำ​ให้​คน​เรา​เสียว​ฟัน. ควัน​ทำ​ให้​แสบ​ตา. ฉะนั้น ใคร​ก็​ตาม​ที่​จ้าง​คน​เกียจ​คร้าน​หรือ​ใช้​เขา​ให้​ทำ​งาน​แทน​ก็​ต้อง​รำคาญ​ใจ​และ​คง​จะ​ประสบ​การ​สูญ​เสีย.

      “ทาง​ของ​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ป้อม”

      กษัตริย์​ยิศราเอล​ตรัส​ต่อ​ไป​ว่า “ความ​ยำเกรง​พระ​ยะโฮวา​ย่อม​เพิ่ม​เติม​วัน​คืน​แห่ง​อายุ: แต่​ปี​เดือน​ของ​คน​ชั่ว​จะ​สั้น​เข้า. ความ​หวัง​ใจ​ของ​คน​ชอบธรรม​จะ​เป็น​ที่​ให้​ปีติ​ยินดี​แต่​ความ​มุ่ง​หวัง​ของ​คน​ชั่ว​จะ​พินาศ​ไป.”—สุภาษิต 10:27, 28.

      คน​ชอบธรรม​ได้​รับ​การ​ชี้​นำ​จาก​ความ​เกรง​กลัว​พระเจ้า​และ​พยายาม​จะ​ทำ​ให้​พระ​ยะโฮวา​พอ​พระทัย​โดย​ความ​คิด, คำ​พูด, และ​การ​กระทำ​ของ​เขา. พระเจ้า​ทรง​ใฝ่​พระทัย​เขา​และ​ทำ​ให้​ความ​คาด​หวัง​ที่​ชอบธรรม​ของ​เขา​เป็น​จริง. อย่าง​ไร​ก็​ตาม คน​ชั่ว​ดำเนิน​ชีวิต​ที่​ไม่​เลื่อมใส​พระเจ้า. ความ​หวัง​ของ​เขา​อาจ​ดู​เหมือน​ว่า​เป็น​จริง​ใน​บาง​ครั้ง แต่​ก็​เป็น​เพียง​ชั่ว​คราว เพราะ​วัน​เวลา​ที่​เขา​มี​ชีวิต​อยู่​มัก​สั้น​ลง​เนื่อง​จาก​ความ​รุนแรง​หรือ​ความ​เจ็บ​ป่วย​อัน​เป็น​ผล​มา​จาก​รูป​แบบ​ชีวิต​ของ​เขา. ใน​วัน​ที่​เขา​ตาย ความ​หวัง​ทั้ง​สิ้น​ของ​เขา​ก็​พัง​ทลาย.—สุภาษิต 11:7.

      ซะโลโม​กล่าว​ว่า “ทาง​ของ​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ป้อม​ของ​คน​ตรง; แต่​เป็น​ความ​พินาศ​แก่​ผู้​ประพฤติ​ชั่ว.” (สุภาษิต 10:29) ทาง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ใน​ที่​นี้​มิ​ได้​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ทาง​แห่ง​ชีวิต​ซึ่ง​เรา​ควร​ดำเนิน แต่​เป็น​แนว​ทาง​ของ​พระเจ้า​ใน​การปฏิบัติ​กับ​มนุษยชาติ. โมเซ​กล่าว​ว่า “พระองค์​เป็น​ศิลา กิจการ​ของ​พระองค์​สมบูรณ์​พร้อม เพราะ​ทาง​ทั้ง​ปวง​ของ​พระองค์​ยุติธรรม.” (พระ​บัญญัติ 32:4, ล.ม.) แนว​ทาง​ที่​ชอบธรรม​ของ​พระเจ้า​หมาย​ถึง​ความ​ปลอด​ภัย​สำหรับ​คน​ชอบธรรม​และ​ความ​พินาศ​สำหรับ​คน​ชั่ว.

      พระ​ยะโฮวา​ทรง​พิสูจน์​ว่า​เป็น​ป้อม​มั่นคง​อะไร​เช่น​นี้​สำหรับ​ไพร่พล​ของ​พระองค์! “ผู้​ชอบธรรม​จะ​ไม่​ถูก​กำจัด​ออก​ไป; แต่​คน​ชั่ว​จะ​อาศัย​อยู่​ใน​แผ่นดิน​โลก​ไม่​ได้. ปาก​ของ​คน​ชอบธรรม​ย่อม​ผลิ​ปัญญา​ออก​มา; แต่​ลิ้น​ที่​ลวง​ให้​หลง​ผิด​นั้น​จะ​ถูก​ตัด​ออก​เสีย. ริมฝีปาก​ของ​ผู้​ชอบธรรม​รู้​จัก​พูด​ใน​สิ่ง​พอ​หู​คน; แต่​ปาก​ของ​คน​ชั่ว​นั้น​พูด​แต่​สิ่ง​ที่​หลง​ผิด.”—สุภาษิต 10:30-32.

      ผู้​ชอบธรรม​ย่อม​ประสบ​ผล​ดี​และ​ได้​รับ​พระ​พร​อย่าง​แน่นอน​เนื่อง​จาก​ดำเนิน​ใน​ทาง​แห่ง​ความ​เที่ยง​ตรง. ที่​จริง “พระ​พร​ของ​พระ​ยะโฮวา​กระทำ​ให้​เกิด​ความ​มั่งคั่ง; และ​พระองค์​จะ​ไม่​เพิ่ม​ความ​ทุกข์​ยาก​ให้​เลย.” (สุภาษิต 10:22) ดัง​นั้น​แล้ว ให้​เรา​ระมัดระวัง​เสมอ​ที่​จะ​ปฏิบัติ​สอดคล้อง​กับ​หลักการ​ของ​พระเจ้า. ขอ​ให้​เรา​ยับยั้ง​ริมฝีปาก​ของ​เรา​ไว้​และ​ใช้​ลิ้น​เพื่อ​เลี้ยง​บำรุง​คน​อื่น​ด้วย​ความ​จริง​แห่ง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ที่​ช่วย​ชีวิต​และ​ชี้​นำ​พวก​เขา​ไป​สู่​ทาง​แห่ง​ความ​ชอบธรรม.

      [เชิงอรรถ]

      a สำหรับ​การ​พิจารณา​ที่​ละเอียด​เกี่ยว​กับ​สุภาษิต 10:1-14 โปรด​ดู​หอสังเกตการณ์ ฉบับ​วัน​ที่ 15 กรกฎาคม 2001 หน้า 24-27.

      [ภาพ​หน้า 26]

      ลิ้น​อาจ​เป็น​เหมือน “เงิน​เนื้อ​แท้” ได้

  • คำถามจากผู้อ่าน
    หอสังเกตการณ์ 2001 | กันยายน 15
    • คำ​ถาม​จาก​ผู้​อ่าน

      การ​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา “ด้วย​วิญญาณ” หมายความ​อย่าง​ไร?

      เมื่อ​ให้​คำ​พยาน​แก่​หญิง​ชาว​ซะมาเรีย​ซึ่ง​ได้​มา​ตัก​น้ำ​ที่​บ่อ​น้ำ​ยาโคบ​ใกล้​เมือง​ซูคาร พระ​เยซู​คริสต์​ตรัส​ดัง​นี้: “พระเจ้า​ทรง​เป็น​องค์​วิญญาณ และ​ผู้​ที่​นมัสการ​พระองค์​ต้อง​นมัสการ​ด้วย​วิญญาณ​และ​ความ​จริง.” (โยฮัน 4:24, ล.ม.) การ​นมัสการ​แท้​ต้อง​กระทำ ‘ด้วย​ความ​จริง’ ใน​แง่​ที่ว่าการ​นมัสการ​นั้น​ต้อง​ลง​รอย​กับ​สิ่ง​ที่​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ทรง​เปิด​เผย​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เกี่ยว​กับ​พระองค์​เอง​และ​พระ​ประสงค์​ของ​พระองค์. อนึ่ง งาน​รับใช้​ที่​เรา​ถวาย​แด่​พระเจ้า​ต้อง​ทำ​ด้วย​วิญญาณ, ทำ​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า​และ​ได้​รับ​แรง​กระตุ้น​จาก​หัวใจ​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​และ​ความ​เชื่อ. (ติโต 2:14) อย่าง​ไร​ก็​ดี บริบท​แสดง​ว่า​คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู​เรื่อง ‘การ​นมัสการ​พระเจ้า​ด้วย​วิญญาณ’ นั้น​ไม่​ใช่​แค่​ทัศนคติ​ที่​เรา​มี​ต่อ​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา.

      การ​สนทนา​โต้​ตอบ​ระหว่าง​พระ​เยซู​กับ​หญิง​ชาว​ซะมาเรีย​ที่​บ่อ​น้ำ​ไม่​ใช่​เรื่อง​ของ​การ​มี​หรือ​ไม่​มี​ใจ​แรง​กล้า​ใน​การ​นมัสการ. แม้​แต่​การ​นมัสการ​เท็จ​ก็​อาจ​ทำ​ด้วย​ความ​กระตือรือร้น​และ​ด้วย​ศรัทธา​แรง​กล้า. ตรง​กัน​ข้าม หลัง​จาก​ตรัส​ว่า​พระ​บิดา​จะ​ไม่​รับ​การ​นมัสการ​ไม่​ว่า​ที่​ภูเขา​ใน​แคว้น​ซะมาเรีย​หรือ​ที่​วิหาร​ใน​กรุง​ยะรูซาเลม​อีก​ต่อ​ไป ซึ่ง​ทั้ง​สอง​แห่ง​เป็น​สถาน​ที่​ทาง​กายภาพ พระ​เยซู​ชี้​ไป​ถึง​การ​นมัสการ​แบบ​ใหม่​ซึ่ง​ยึด​สภาพ​ที่​แท้​จริง​ของ​พระเจ้า​เป็น​หลัก. (โยฮัน 4:21) พระองค์​ตรัส​ดัง​นี้: “พระเจ้า​ทรง​เป็น​องค์​วิญญาณ.” (โยฮัน 4:24, ล.ม.) พระเจ้า​เที่ยง​แท้​ไม่​ใช่​วัตถุ​และ​ไม่​อาจ​มอง​เห็น​หรือ​สัมผัส​ได้. การ​นมัสการ​พระองค์​ไม่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​วิหาร​หรือ​ภูเขา​จริง ๆ. ดัง​นั้น พระ​เยซู​ทรง​พาด​พิง​ถึง​ลักษณะ​การ​นมัสการ​ที่​ไม่​อาจ​มอง​เห็น​ได้.

      นอก​จาก​การ​ถวาย​ด้วย​ความ​จริง​แล้ว การ​นมัสการ​ซึ่ง​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ต้อง​ได้​การ​ชี้​นำ​จาก​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​หรือ​พลัง​ปฏิบัติการ​ของ​พระเจ้า​ซึ่ง​ไม่​ประจักษ์​แก่​ตา​ด้วย. อัครสาวก​เปาโล​เขียน​อย่าง​นี้: “พระ​วิญญาณ [บริสุทธิ์] สืบ​ค้น​ทุก​สิ่ง แม้​แต่​สิ่ง​ลึกซึ้ง​ของ​พระเจ้า.” ท่าน​ได้​กล่าว​เพิ่ม​เติม​ด้วย​ว่า “พวก​เรา​ได้​รับ ไม่​ใช่​วิญญาณ​ของ​โลก แต่​พระ​วิญญาณ​ซึ่ง​มา​จาก​พระเจ้า เพื่อ​เรา​ทั้ง​หลาย​จะ​รู้​ถึง​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ซึ่ง​พระเจ้า​ได้​ทรง​โปรด​ประทาน​แก่​เรา.” (1 โกรินโธ 2:8-12, ล.ม.) ที่​จะ​นมัสการ​พระเจ้า​อย่าง​เป็น​ที่​รับรอง​ได้​นั้น เรา​ต้อง​มี​พระ​วิญญาณ​ของ​พระองค์ และ​ให้​พระ​วิญญาณ​นำ​ทาง. นอก​จาก​นั้น เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ด้วย​ที่​เรา​ทำ​ให้​วิญญาณ​หรือ​ทัศนคติ​ของ​เรา​ประสาน​กับ​พระ​วิญญาณ​ของ​พระเจ้า​โดย​การ​ศึกษา​และ​การ​ใช้​พระ​คำ​ของ​พระองค์​ให้​เป็น​ประโยชน์.

หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
ออกจากระบบ
เข้าสู่ระบบ
  • ไทย
  • แชร์
  • การตั้งค่า
  • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
  • เงื่อนไขการใช้งาน
  • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
  • JW.ORG
  • เข้าสู่ระบบ
แชร์