การให้คำพยานแก่ผู้คนจากทุกภาษาและทุกศาสนา
1 ชนคริสเตียนในศตวรรษแรกให้คำพยานด้วยใจแรงกล้าแก่ผู้คนซึ่งพูดภาษาอื่น ๆ และผู้ที่ประกาศตัวว่านับถือศาสนาอื่น. ผลก็คือ “พอถึงปี 100 คาดว่าเกือบทุกแคว้นที่พรมแดนจดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนต่างก็มีชุมชนคริสเตียนอยู่ในแคว้นนั้น.”—ประวัติศาสตร์ยุคกลาง (ภาษาอังกฤษ).
2 ในสหรัฐ นอกจากภาษาอังกฤษแล้วก็มีผู้คนมากมายที่พูดภาษาอื่น ๆ. มีเมืองใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ที่เดี๋ยวนี้มีชุมชนชาวต่างประเทศขนาดใหญ่ทีเดียวเนื่องจากการย้ายถิ่นของผู้อพยพ. ผู้คนมากมายซึ่งนับถือศาสนาต่าง ๆ ที่ไม่ใช่คริสเตียนได้อพยพมาอยู่ที่นี่ซึ่งรวมถึงหลายแสนคนที่เป็นชาวพุทธ, ฮินดู, ยิว, และมุสลิม. ในบางส่วนของประเทศไทยก็มีสภาพคล้ายกันนี้. เนื่องจากภาษาและศาสนาที่แตกต่างกันเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องท้าทายมากที่จะรู้วิธีสนทนาและให้คำพยานแก่ผู้คนเหล่านั้นทั้งหมดเมื่อเราพบพวกเขา. ตามจริงแล้ว เราอาจมีเขตงานมิชชันนารีในท้องถิ่นของเราเองก็ได้. เราจะทำตามพระบัญชาของพระเยซูได้อย่างไรที่ให้ “ประกาศแก่ผู้คนและให้กล่าวคำพยานโดยละเอียด” แก่ผู้คนในทุกภาษาและทุกศาสนา?—กิจ. 10:42.
การให้คำพยานแก่ผู้คนที่พูดภาษาอื่น
3 จำนวนผู้ประกาศใหม่ที่เพิ่มขึ้นมากมายมาจากท่ามกลางประชากรที่พูดภาษาต่างประเทศใน 48 รัฐในเขตงานของสำนักงานสาขาสหรัฐ. มีการตั้งประชาคมขึ้นใน 17 ภาษา และกำลังมีการดำเนินงานเป็นกลุ่มอีก 7 ภาษา. อย่างไรก็ตาม ยังจะทำให้สำเร็จผลได้อีกในที่ที่มีประชาคมภาษาต่างประเทศดำเนินงานอยู่แล้วในเขต.
4 การเอาชนะอุปสรรคด้านภาษา: ไม่ต้องสงสัยว่าผู้คนมากมายเรียนรู้เร็วขึ้นมากและมีความเข้าใจลึกยิ่งซึ้งขึ้นเมื่อพวกเขาได้รับการสอนด้วยภาษาของเขาเอง. (1 โก. 9:23) แม้ว่าสตรีที่พูดภาษาจีนผู้หนึ่งได้รับวารสารโดยการเวียนส่งของพี่น้องหญิงคนหนึ่งมาเป็นปี ๆ แต่สตรีผู้นี้ก็ไม่ยอมรับการศึกษาพระคัมภีร์จนกระทั่งพี่น้องหญิงอีกคนหนึ่งซึ่งเรียนภาษาจีนได้เสนอหนังสือเล่มหนึ่งในภาษาจีนแก่เธอ. เธอรับหนังสือนั้นทันทีพร้อมกับรับการศึกษาด้วย. ที่ทำให้ทุกสิ่งดีขึ้นก็คือการที่พี่น้องหญิงคนที่สองพยายามพูดภาษาของสตรีผู้นั้นไม่กี่คำนั่นเอง.—เทียบกับกิจการ 22:2.
5 หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 พฤศจิกายน 1992 ให้ความเห็นอย่างมีเหตุผลดีนี้ว่า “การเรียนภาษาต่างประเทศ . . . ไม่เพียงพัฒนาสมรรถนะด้านจิตใจของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขาเป็นประโยชน์มากขึ้นต่อองค์การของพระยะโฮวาด้วย.” สมาชิกหลายคนในครอบครัวเบเธลได้รับเอางานเรียนภาษาใหม่. ด้วยวิธีนี้ พี่น้องเหล่านั้นจึงเป็นประโยชน์โดยเฉพาะในประชาคมที่จำเป็นต้องมีพวกเขานำหน้า. ถ้าคุณรู้อีกภาษาหนึ่งหรือถ้าคุณเต็มใจจะเรียน คุณอาจให้ความช่วยเหลือได้เช่นกันแก่ประชาคมหรือกลุ่มภาษาต่างประเทศ.—มัด. 9:37, 38.
6 พี่น้องชายคนหนึ่งในฟลอริดาซึ่งได้เรียนภาษาเวียดนามก่อนจะเข้ามาในความจริงตอนนี้กำลังประสบความยินดีอย่างยิ่งในการบอกข่าวดีแก่ผู้คนที่พูดภาษาเวียดนาม. เพื่อทำให้ตนเองอยู่พร้อมมากขึ้นที่จะใช้ความรู้ของเขาเกี่ยวกับภาษาเวียดนามสำหรับการให้คำพยาน เขาย้ายครอบครัวข้ามประเทศไปยังที่ซึ่งมีความจำเป็นมากกว่าในเขตงานภาษาเวียดนาม. ตั้งแต่เขาย้ายดังกล่าว เขากำลังประสบผลสำเร็จอย่างดีในการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับผู้คนจำนวนมากที่มาจากเวียดนาม.
7 พี่น้องไพโอเนียร์หญิงผู้หนึ่งในแคลิฟอร์เนียได้พบคนหูหนวกหลายคนในเขตงานของเธอ. เธอทูลขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาเพื่อจะพบใครสักคนที่จะสอนภาษาท่าทางแก่เธอได้เพื่อเธอจะสอนความจริงแก่คนหูหนวกเหล่านั้น. วันหนึ่งขณะที่ซื้อของในซูเปอร์มาร์เกตละแวกใกล้เคียง มีสาวหูหนวกคนหนึ่งเข้ามาหา เขียนโน้ตขอให้เธอช่วยหาสินค้าให้. หลังจากช่วยหญิงสาวผู้นั้นหาสินค้า ไพโอเนียร์เขียนโน้ตแสดงความปรารถนาจะเรียนภาษาท่าทางเพื่อจะช่วยคนหูหนวกในบริเวณนั้น. แล้วสตรีหูหนวกผู้นั้นก็เขียนถามว่า “ทำไมคุณอยากช่วยคนหูหนวก?” พี่น้องเขียนตอบว่า “ดิฉันเป็นพยานพระยะโฮวา และดิฉันอยากช่วยคนหูหนวกให้เข้าใจคัมภีร์ไบเบิล. ดิฉันยินดีจะสอนคัมภีร์ไบเบิลคุณถ้าคุณสอนภาษาท่าทางให้ดิฉัน.” พี่น้องคนนี้บอกว่า “คุณคงนึกภาพที่ดิฉันดีใจไม่ออกหรอกตอนที่เธอบอกว่า ‘ตกลง.’” พี่น้องหญิงคนนี้ไปที่บ้านของสตรีผู้นั้นทุกคืนเป็นเวลาถึงหกสัปดาห์. เธอเรียนภาษาท่าทาง และสาวหูหนวกผู้นั้นเรียนความจริงและรับบัพติสมา! เรื่องนี้เกิดขึ้นกว่า 30 ปีมาแล้ว และพี่น้องไพโอเนียร์หญิงผู้นี้ยังคงให้คำพยานแก่คนหูหนวกอยู่และตอนนี้กำลังสมทบกับประชาคมที่ใช้ภาษาท่าทาง.
8 ถ้าคุณใช้อีกภาษาหนึ่งได้คล่องและปรารถนาและสามารถจะย้ายไปยังที่ที่มีความจำเป็นมากกว่าในเขตงาน คุณน่าจะพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ปกครองในประชาคม. ถ้าพวกเขาเห็นว่าคุณมีคุณวุฒิสำหรับการย้ายดังกล่าว ก็ให้ถามผู้ดูแลหมวดว่ามีเขตที่คุณจะรับใช้ได้ในบริเวณใกล้เคียงไหม. ถ้าไม่มี คุณจะเขียนถึงสมาคมฯ ได้ ถ้าผู้ปกครองส่งจดหมายที่ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณวุฒิและความชำนาญด้านภาษาของคุณไปด้วย.—ดูหอสังเกตการณ์ 15 สิงหาคม 1988 หน้า 21-23.
9 การใช้เครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งมีจัดให้ไว้: สรรพหนังสือของเรามีไว้พร้อมในภาษาต่างประเทศหลายภาษา. คงดีถ้าจะเอาแผ่นพับ—หรือถ้าไม่มีประชาคมภาษาต่างประเทศทำงานอยู่ในเขตเดียวกันก็เอาจุลสารเรียกร้อง—ในภาษาต่าง ๆ ที่พูดกันในเขตงานของคุณไปด้วย. ถ้าเห็นชัดว่าภาษาไทยไม่ใช่ภาษาถนัดของคนที่เราพบ ให้ถามว่าเขาอ่าน ภาษาอะไร. ทั้งนี้อาจทำให้คุณมีทางเลือกมากขึ้นว่าจะเสนอหนังสืออะไรได้. ตัวอย่างเช่น คนที่พูดภาษาอูรดูอาจอ่านภาษาอาหรับได้ด้วย.
10 แม้ว่าคุณไม่พูดภาษาของคนที่คุณพบในงานให้คำพยาน คุณก็ยังอาจเสนอข่าวดีแก่เขาได้. โดยวิธีใด? โดยใช้หนังสือเล่มเล็ก ข่าวดีสำหรับทุกชาติ. หนังสือนี้มีข่าวสารโดยสังเขปใน 59 ภาษา. ตามที่คำแนะนำในหน้า 2 ของหนังสือเล่มเล็กนี้อธิบาย หลังจากคุณรู้แน่ว่าเจ้าของบ้านพูดภาษาอะไร ก็ให้เขาอ่านข้อมูลที่พิมพ์ไว้ในหน้าที่เห็นว่าเหมาะในหนังสือนี้. หลังจากเขาอ่านแล้ว ให้เขาดูสิ่งพิมพ์ในภาษาของเขา. ถ้าคุณไม่มี ก็ให้เขาดูสิ่งพิมพ์ในภาษาอังกฤษ. บอกว่าคุณจะพยายามเอาสิ่งพิมพ์นั้นในภาษาของเขามาให้. ขอทราบชื่อกับที่อยู่ของเขาและจดไว้. บางทีคุณอาจส่งข้อมูลนั้นให้ประชาคมหรือกลุ่มที่ใช้ภาษานั้นซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด. สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีส่งข้อมูลนั้นให้พี่น้องที่เหมาะสม โปรดดูพระราชกิจของเรา ฉบับตุลาคม 1993 หน้า 6. ถ้าไม่มีคนที่พูดภาษานั้นอยู่พร้อมจะไปเยี่ยมเขา คุณอาจรับเอางานที่ท้าทายนี้เอง บางทีอาจศึกษากับเขาโดยใช้สิ่งพิมพ์ภาษาไทยดูตามไปพร้อมกับเขาก็ได้.—1 โก. 9:19-23.
การให้คำพยานกับผู้คนในศาสนาที่ไม่ใช่คริสเตียน
11 การมีความรู้บ้างเกี่ยวกับภูมิหลังด้านศาสนาของผู้คนช่วยเราให้คำพยานเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าอย่างบังเกิดผล. หนังสือ มนุษย์แสวงหาพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ) ทำให้เราหยั่งเห็นเข้าใจในศาสนาหลัก ๆ ของโลกเพื่อเราจะเข้าใจได้ถึงความเชื่อของผู้คนมากพอจะช่วยพวกเขาให้มาถึงความรู้เกี่ยวกับความจริง.
12 กรอบในหน้าสุดท้ายของบทความนี้ให้รายชื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่องค์การของพระยะโฮวาได้จัดเตรียมไว้เพื่อใช้ในการให้คำพยานกับผู้คนที่ไม่ใช่คริสเตียน. โดยการอ่านสิ่งพิมพ์เหล่านี้ เราจะเข้าใจวิธีนำข่าวดีไปหาผู้คน. ที่ต้องไม่ลืมว่าเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์คือหนังสือเล่มเล็กวิธีเริ่มและสานต่อการสนทนาเรื่องพระคัมภีร์. หน้า 12-16 ของหนังสือนี้ให้ข้อแนะที่ใช้ได้ผลเกี่ยวกับวิธีตอบชาวพุทธ, ฮินดู, ยิว, และมุสลิม.
13 การเป็นคนรอบคอบในสิ่งที่คุณพูด: เราควรระมัดระวังไม่สร้างความคิดตายตัวเกี่ยวกับผู้คนในบางศาสนาโดยลงความเห็นว่า ความเชื่อส่วนตัวของเขาจะต้องเป็นเหมือนกับความเชื่อของคนอื่น ๆ ในศาสนานั้น. แทนที่จะทำอย่างนั้น ให้พยายามเข้าใจว่าคนที่คุณกำลังพูดด้วยนั้นคิดอย่างไร. (กิจ. 10:24-35) ในฐานะมุสลิม ซาลีมูนถูกเลี้ยงดูให้เชื่อว่าคัมภีร์โกหร่านเป็นพระคำของพระเจ้า. แต่เขาไม่เคยยอมรับคำสอนของอิสลามได้เต็มที่เลยที่ว่า พระเจ้าผู้ทรงความเมตตาทุกประการจะทรมานผู้คนในนรกที่ร้อนไหม้. วันหนึ่งพยานพระยะโฮวาเชิญเขาไปยังการประชุม. เขายอมรับความจริงทันทีและปัจจุบันเขารับใช้อย่างมีความสุขในฐานะผู้ปกครองในประชาคมคริสเตียน.
14 เมื่อให้คำพยานกับผู้ซึ่งนับถือศาสนาที่ไม่ใช่คริสเตียน เราต้องระมัดระวังไม่ให้วิธีเข้าพบของเราทำให้เสียโอกาสจะสนทนาเรื่องข่าวดีกับเขา. (กิจ. 24:16) ผู้ที่นับถือบางศาสนามีความรู้สึกไวมากต่อความพยายามใด ๆ ที่จะทำให้เขาเปลี่ยนศาสนา. ฉะนั้น จงตื่นตัวที่จะหาจุดต่าง ๆ ซึ่งจะสร้างพื้นฐานร่วมบนจุดนั้นเพื่อดึงดูดใจเขาให้เข้ามาหาความจริงทั้งมวลแห่งพระคำของพระเจ้า. คนเยี่ยงแกะย่อมตอบรับการเข้าพบอย่างกรุณาและการเสนอความจริงที่ชัดเจน.
15 การเลือกถ้อยคำของเราก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นสำคัญ มิฉะนั้น เราจะทำให้ผู้คนหลีกหนีข่าวสารของเราอย่างไม่จำเป็น. ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณแนะนำตัวทันทีว่าเป็นคริสเตียน ผู้ที่ฟังคุณอาจนับคุณไว้รวมกับคริสตจักรต่าง ๆ ในคริสต์ศาสนจักรโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจทำให้มีอุปสรรค. อาจเป็นประโยชน์เช่นกันถ้าจะพูดถึงคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็น “พระคัมภีร์” หรือ “หนังสือศักดิ์สิทธิ์.”—มัด. 21:42;2 ติโม. 3:15.
16 ถ้าคุณพบคนในศาสนาที่ไม่ใช่คริสเตียนและรู้สึกไม่ค่อยพร้อมจะให้คำพยานในทันที ให้ใช้โอกาสนั้นทำความคุ้นเคยก็พอ ให้แผ่นพับ และบอกชื่อกัน. แล้วกลับไปหาอีกในหนึ่งหรือสองวัน หลังจากคุณเตรียมตัวพร้อมเพียงพอจะให้คำพยาน.—1 ติโม. 4:16; 2 ติโม. 3:17.
17 การให้คำพยานกับชาวพุทธ: (มนุษย์แสวงหาพระเจ้า บท 6.) ความเชื่อถือของชาวพุทธแต่ละคนแตกต่างกันมาก. แทนที่จะสนับสนุนการดำรงอยู่ของพระผู้สร้าง ศาสนาพุทธถือเอาชายชาวอินเดียผู้หนึ่งคือพุทธโคตมะแห่งศตวรรษที่หก ก.ส.ศ. ว่าเป็นศาสดา. เมื่อพุทธโคตมะเห็นคนป่วย, คนชรา, และคนตายเป็นครั้งแรก เขาทุกข์ใจในเรื่องความหมายของชีวิต. เขาสงสัยว่า ‘มนุษย์เราเกิดมาเพียงเพื่อจะเป็นทุกข์, แก่, และตายเท่านั้นหรือ?’ แน่นอน เราสามารถให้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้แก่ชาวพุทธที่อยากทราบคำตอบอย่างจริงใจ.
18 เมื่อพูดกับชาวพุทธ จงใช้แต่ข่าวสารที่เสริมสร้างและความจริงที่ชัดเจนซึ่งพบในหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือคัมภีร์ไบเบิล. เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ ชาวพุทธสนใจอย่างแรงกล้าในเรื่องสันติภาพ, ศีลธรรม, และชีวิตครอบครัว และพวกเขามักจะยินดีตอบรับการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อเหล่านี้. ทั้งนี้อาจนำไปสู่การที่คุณจะเน้นได้ว่า ราชอาณาจักรเป็นวิธีแก้ที่แท้จริงสำหรับปัญหาทั้งหลายของมนุษยชาติ.
19 ในเขตนครใหญ่บางแห่งในสหรัฐ มีการหลั่งไหลเข้ามาครั้งใหญ่ของชาวจีนซึ่งนับถือศาสนาพุทธและหลักปรัชญาต่าง ๆ ของทางตะวันออก. มีหลายคนเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในสหรัฐ. ตอนที่พี่น้องหญิงคนหนึ่งในรัฐมอนตานาเห็นชายจีนคนหนึ่งในร้านของชำ เธอยื่นแผ่นพับแผ่นหนึ่งในภาษาจีนให้เขาและเสนอการศึกษาพระคัมภีร์. เขาบอกว่า “คุณหมายถึงคัมภีร์ไบเบิลศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม? ผมค้นหาสิ่งนี้มาตลอดชีวิตเลยละ!” เขาเริ่มศึกษาในสัปดาห์นั้นและเริ่มเข้าร่วมการประชุมทุกรายการ.
20 เป็นเวลาสิบกว่าปีที่พี่น้องไพโอเนียร์หญิงคนหนึ่งในรัฐเนวาดาสอนความจริงแก่พวกนักศึกษาชาวจีน. ตอนทำงานที่ตึกหลังหนึ่งซึ่งมีอพาร์ตเมนต์แปดห้องที่นักศึกษาเหล่านี้อาศัยอยู่ เธอทูลอธิษฐานขอพระยะโฮวาให้ช่วยเธอเริ่มการศึกษาในอพาร์ตเมนต์แต่ละห้อง. ภายในสองสัปดาห์ เธอศึกษากับนักศึกษาในอพาร์ตเมนต์นั้นอย่างน้อยห้องละหนึ่งคน. การเข้าพบที่เธอใช้ได้ผลคือพูดว่า เธอได้พบความเป็นห่วงเหมือน ๆ กันในท่ามกลางพวกนักศึกษา นั่นคือพวกเขาทุกคนต่างก็อยากให้มีสันติภาพและความสุข. แล้วเธอถามว่านั่นคือสิ่งที่พวกเขาเป็นห่วงเหมือนกันหรือเปล่า. พวกเขามักเห็นด้วยเสมอ. เธอนำความสนใจของพวกเขาสู่จุลสาร สันติภาพและความสุขถาวร—วิธีหาให้พบ (ภาษาอังกฤษ) ซึ่งถูกจัดทำขึ้นสำหรับชาวจีน. หลังจากศึกษาเพียงห้าครั้ง นักศึกษาคนหนึ่งบอกเธอว่าเขาเคยค้นหาความจริงนี้มาเป็นเวลานานและตอนนี้ได้พบแล้ว.
21 การให้คำพยานแก่ชาวฮินดู: (ดู มนุษย์แสวงหาพระเจ้า บท 5.) ศาสนาฮินดูไม่มีหลักความเชื่อแน่นอน. หลักปรัชญาของศาสนานี้ซับซ้อนมาก. ศาสนาฮินดูมีแนวคิดเรื่องตรีมูรติเกี่ยวกับเทพบดีของเขาคือ พระพรหม (พระพรหมผู้สร้าง, พระวิษณุผู้รักษา, และพระศิวะผู้ทำลาย). ความเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณอมตะเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับคำสอนของเขาในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งส่งเสริมให้ชาวฮินดูมีแนวคิดในเรื่องพรหมลิขิต. (ดูหนังสือการหาเหตุผล หน้า 317-321 และหอสังเกตการณ์ 15 พฤษภาคม 1997 หน้า 3-8.) ศาสนาฮินดูสอนการยอมเห็นพ้องต้องกัน ที่ว่าทุกศาสนานำไปสู่สัจธรรมเดียวกัน.
22 การเข้าพบที่ใช้ได้ในการให้คำพยานแก่ชาวฮินดูคือ ให้อธิบายความหวังของเราซึ่งอาศัยหลักคัมภีร์ไบเบิล ในเรื่องการมีชีวิตตลอดไปในสภาพมนุษย์สมบูรณ์บนแผ่นดินโลกรวมทั้งคำตอบที่น่าพอใจซึ่งคัมภีร์ไบเบิลให้สำหรับคำถามสำคัญซึ่งมนุษยชาติทั้งปวงเผชิญอยู่.
23 การให้คำพยานแก่ชาวยิว: (ดู มนุษย์แสวงหาพระเจ้า บท 9.) ไม่เหมือนศาสนาที่ไม่ใช่คริสเตียน ศาสนายิวมีรากฐานในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ในเทพนิยาย. โดยทางพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่มีขึ้นโดยการดลใจ มีการให้สิ่งเชื่อมโยงอันสำคัญยิ่งไว้ในการที่มนุษย์แสวงหาพระเจ้าเที่ยงแท้. และถึงกระนั้น ตรงกันข้ามกับพระคำของพระเจ้า คำสอนพื้นฐานของศาสนายิวปัจจุบันคือความเชื่อในจิตวิญญาณอมตะของมนุษย์. อาจตั้งประเด็นร่วมขึ้นได้ด้วยการยืนยันว่า เรานมัสการพระเจ้าของอับราฮามและโดยยอมรับว่า พวกเราเผชิญความยุ่งยากเหมือน ๆ กันในโลกทุกวันนี้.
24 หากคุณพบชาวยิวที่ไม่เชื่อพระเจ้า การถามว่าเขาเคยรู้สึกอย่างนั้นเสมอมาหรือเปล่าอาจช่วยคุณให้สังเกตเข้าใจว่าอะไรน่าจะดึงดูดใจเขาที่สุด. ตัวอย่างเช่น เขาอาจไม่เคยได้ยินคำอธิบายที่น่าพอใจมาก่อนเลยในเรื่องสาเหตุที่พระเจ้าทรงยอมให้มีความทุกข์ยาก. อาจสนับสนุนชาวยิวที่จริงใจให้ตรวจสอบอีกครั้งได้ในเรื่องเอกลักษณ์ของพระเยซูในฐานะมาซีฮา ไม่ใช่โดยการพรรณนาอย่างผิด ๆ เกี่ยวกับพระองค์ที่คริสต์ศาสนจักรทำ แต่ด้วยวิธีที่ผู้เขียนพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกซึ่งเป็นชาวยิวเสนอเรื่องพระองค์.
25 การให้คำพยานแก่ชาวมุสลิม: ( มนุษย์แสวงหาพระเจ้า บท 12.) ชาวมุสลิมคือผู้นับถือศาสนาอิสลาม (หรือลัทธิมุฮัมมัด) ซึ่งรวมถึงความเชื่อในอัลเลาะห์ซึ่งเป็นพระเจ้าองค์เดียวและเชื่อในมุฮัมมัด (570-632 ส.ศ.) ว่าเป็นผู้พยากรณ์คนสุดท้ายและคนสำคัญที่สุดของเขา. เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าพระเจ้าทรงมีพระบุตร ชาวมุสลิมจึงยอมรับพระเยซูในฐานะผู้พยากรณ์ที่รองลงมาของพระเจ้า แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น. คัมภีร์โกหร่านซึ่งอายุไม่ถึง 1,400 ปีนั้นอ้างถึงทั้งพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูและภาคภาษากรีก. มีความคล้ายคลึงกันมากระหว่างศาสนาอิสลามกับนิกายคาทอลิก. ทั้งสองศาสนาสอนเรื่องความเป็นอมตะของจิตวิญญาณ, สภาพของการทรมานชั่วคราว, และการมีอยู่ของนรกที่ร้อนไหม้.
26 ประเด็นร่วมที่เห็นชัดคือ ความเชื่อของเราที่ว่ามีพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวและคัมภีร์ไบเบิลมีขึ้นโดยการดลใจจากพระองค์. ผู้อ่านคัมภีร์โกหร่านอย่างรอบคอบได้เห็นข้ออ้างอิงถึงโทราห์, พระธรรมบทเพลงสรรเสริญ, และกิตติคุณว่าเป็นพระคำของพระเจ้า และเข้าใจว่าข้อเขียนเหล่านั้นควรเป็นที่ยอมรับและเชื่อฟัง. ฉะนั้น คุณจะเสนอการศึกษาเรื่องเหล่านี้กับคนนั้นได้.
27 การเสนอแบบนี้อาจได้ผลกับคนที่บอกว่าตัวเขาเป็นมุสลิม: “ผมไม่ค่อยได้คุยกับชาวมุสลิมมากเท่าไร แต่ผมได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับคำสอนบางอย่างในศาสนาของคุณในคู่มือนี้. [เปิดหนังสือการหาเหตุผล ไปที่หน้า 24 หรือวิธีเริ่มและสานต่อการสนทนาเรื่องพระคัมภีร์ หน้า 15.] คู่มือนี้บอกว่า คุณเชื่อว่าพระเยซูเป็นผู้พยากรณ์ แต่มุฮัมมัดเป็นผู้พยากรณ์คนสุดท้ายและคนสำคัญที่สุด. คุณเชื่อไหมว่าโมเซเป็นผู้พยากรณ์แท้? [ให้เขาตอบ.] ขอผมให้คุณดูหน่อยนะครับว่าโมเซได้เรียนรู้อะไรจากพระเจ้าเกี่ยวกับพระนามเฉพาะของพระองค์.” แล้วอ่านเอ็กโซโด 6:2, 3. ในการกลับเยี่ยมเยียน คุณอาจพิจารณากับเขาได้จากหัวเรื่องย่อย “พระเจ้าองค์เดียว ศาสนาเดียว” ในหนังสือเล่มเล็ก เวลาสำหรับการยอมตนต่อพระเจ้า หน้า 13 (ภาษาอังกฤษ).
28 ปัจจุบัน หลายคนกำลังทำประสานกับถ้อยคำในยะซายา 55:6 ซึ่งอ่านว่า “จงแสวงหาพระยะโฮวา, ขณะเมื่อจะหาพระองค์พบได้, จงทูลขอต่อพระองค์, ขณะเมื่อพระองค์ทรงอยู่ใกล้!” ข้อนี้หมายถึงผู้มีหัวใจสุจริตทุกคนไม่ว่าเขาพูดภาษาอะไรหรือมีภูมิหลังทางศาสนาเช่นไรก็ตาม. เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะทรงอวยพรความพยายามของเราขณะที่เราพยายามออกไปและ “ทำให้ชนจากทุกชาติเป็นสาวก.”—มัด. 28:19, ล.ม.
[กรอบหน้า 6]
หนังสือที่จัดทำขึ้นสำหรับผู้คนที่ไม่ใช่คริสเตียน
ชาวพุทธ
สืบหาพ่อ (หนังสือเล่มเล็ก)
“นี่แน่ะ! เรากำลังสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่” (จุลสาร)
ความทุกข์ยากจะมีวันหมดสิ้นไหม? (แผ่นพับ)
ชาวจีน
สันติภาพและความสุขถาวร—วิธีหาให้พบ (ภาษาอังกฤษ, จีน) (จุลสาร)
ชาวฮินดู
ตั้งแต่กุรุเกษตรถึงอาร์มาเก็ดดอน—และความรอดของคุณ (ภาษาอังกฤษ, มาลายาลัม, ทมิฬ) (หนังสือเล่มเล็ก)
ปัญหาของเรา—ใครจะช่วยเราแก้? (ภาษาอังกฤษ, ฮินดี, เนปาลี, ทมิฬ, สิงหล) (จุลสาร)
หนทางแห่งความจริงของพระเจ้านำไปสู่เสรีภาพ (ภาษาอังกฤษ, ฮินดี, มาลายาลัม, ทมิฬ) (หนังสือเล่มเล็ก)
ชัยชนะเหนือความตาย—เป็นไปได้ไหมสำหรับคุณ? (ภาษาอังกฤษ, เนพาลี, ทมิฬ) (หนังสือเล่มเล็ก)
เพราะเหตุใดเราจึงควรนมัสการพระเจ้าด้วยความรักและความจริง? (ภาษาอังกฤษ) (จุลสาร)
ชาวยิว
ชีวิตสงบสุขในโลกใหม่ (ภาษาฮีบรู) (แผ่นพับหมาย-เลข 17)
พยานพระยะโฮวาเชื่ออะไร? (ภาษาฮีบรู) (แผ่นพับหมายเลข 18)
จะมีวันที่โลกปราศจากสงครามไหม? (ภาษาอังกฤษ, ฮีบรู) (จุลสาร)
ชาวมุสลิม
วิธีพบหนทางสู่อุทยาน (แผ่นพับ)
เวลาสำหรับการยอมตนต่อพระเจ้า? (ภาษาอังกฤษ) (หนังสือเล่มเล็ก)