-
การเลือกของคุณในเรื่องหลักจรรยาหอสังเกตการณ์ 2002 | กุมภาพันธ์ 15
-
-
ทัศนะแบบฉันก่อน.—2 ติโมเธียว 3:1-5, ล.ม.
บางทีคุณอาจเห็นพ้องกับชายหนุ่มที่ชื่อโอลาฟ ซึ่งเขียนจดหมายถึงสาขาแห่งหนึ่งของพยานพระยะโฮวาในยุโรปว่า “เป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะยังคงซื่อตรงด้านศีลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพวกเราที่เป็นหนุ่มสาว. โปรดเตือนเราต่อ ๆ ไปให้ระลึกถึงความจำเป็นที่จะยึดมั่นกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล.”
โอลาฟได้แสดงให้เห็นทัศนะที่มีความสังเกตเข้าใจ. หลักการของพระเจ้าช่วยเราได้ ไม่ว่าเป็นหนุ่มสาวหรือผู้สูงอายุ ให้ยึดมั่นกับมาตรฐานอันสูงส่งเกี่ยวกับความประพฤติ. หลักการเหล่านั้นยังทำให้เราสามารถต้านทานความคิดแบบฉันก่อน ไม่ว่าจะเรียกอย่างนั้นหรือไม่ก็ตาม. หากคุณปรารถนาจะเรียนรู้มากขึ้นว่าหลักการในคัมภีร์ไบเบิลจะช่วยคุณจริง ๆ ได้อย่างไรแล้ว โปรดพิจารณาบทความถัดไป.
-
-
หลักการของพระเจ้าอำนวยประโยชน์ให้คุณได้หอสังเกตการณ์ 2002 | กุมภาพันธ์ 15
-
-
หลักการของพระเจ้าอำนวยประโยชน์ให้คุณได้
คุณไม่สงสัยว่าสัตว์ต่าง ๆ ถูกควบคุมโดยสัญชาตญาณ. เครื่องจักรหลายชนิดได้รับการออกแบบให้ทำงานตามคำสั่ง. แต่มนุษย์ถูกสร้างขึ้นให้รับการชี้นำจากหลักการต่าง ๆ อย่างแท้จริง. คุณจะแน่ใจในเรื่องนั้นได้อย่างไร? พระยะโฮวาผู้ทรงริเริ่มหลักการอันชอบธรรมทั้งสิ้นได้ประกาศตอนที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์คู่แรกว่า “จงให้เราสร้างมนุษย์ตามแบบฉายาของเรา.” พระผู้สร้างทรงเป็นองค์วิญญาณ พระองค์มิได้มีร่างกายเหมือนเรา ดังนั้น เราเป็นตาม “แบบฉายา” ของพระองค์ในแง่ที่ว่า เราสามารถสะท้อนบุคลิกภาพของพระองค์, แสดงคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ดีเลิศของพระองค์ได้ในระดับหนึ่ง. มนุษย์มีความสามารถที่จะชี้นำชีวิตของเขาตามหลักการต่าง ๆ นั่นคือ ตามสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการกระทำที่ถูกต้อง. พระยะโฮวาทรงให้บันทึกหลักการเหล่านี้หลายข้อไว้ในพระคำของพระองค์.—เยเนซิศ 1:26; โยฮัน 4:24; 17:17.
คนเราอาจพูดว่า ‘แต่คัมภีร์ไบเบิลมีหลักการอยู่หลายร้อยข้อ. เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะรู้หลักการทั้งหมดนั้น.’ เป็นความจริง. แต่ขอพิจารณาข้อเท็จจริงนี้: ขณะที่หลักการของพระเจ้าทั้งหมดเป็นประโยชน์ ก็มีหลักการบางข้อที่สำคัญกว่าข้ออื่น ๆ. คุณจะเห็นเรื่องนั้นได้จากมัดธาย 22:37-39 ที่พระเยซูทรงชี้ให้เห็นว่าในบรรดาบัญญัติและหลักการต่าง ๆ ที่ตรงกันในพระบัญญัติของโมเซนั้น มีบางข้อสำคัญกว่าข้ออื่น ๆ.
หลักการข้อไหนบ้างที่สำคัญกว่า? หลักการที่สำคัญของคัมภีร์ไบเบิลคือหลักการเหล่านั้นที่มีผลกระทบโดยตรงต่อสัมพันธภาพของเรากับพระยะโฮวา. หากเราเอาใจใส่หลักการเหล่านี้ พระผู้สร้างกลายเป็นอำนาจชักจูงอันดับแรกในเข็มทิศด้านศีลธรรมของเรา. นอกจากนี้ มีหลักการต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสัมพันธภาพของเรากับคนอื่น. การนำหลักการเหล่านี้มาใช้จะช่วยเราต่อต้านทัศนะแบบฉันก่อน ไม่ว่าจะเรียกทัศนะนั้นอย่างไรก็ตาม.
ขอให้เราเริ่มต้นกับความจริงที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิล. ความจริงนั้นคืออะไร และมีผลกระทบต่อเราอย่างไร?
“ผู้สูงสุดเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น”
พระคัมภีร์บริสุทธิ์ชี้ชัดว่าพระยะโฮวาทรงเป็นพระผู้สร้างองค์ใหญ่ยิ่งของเรา เป็นพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ. พระองค์เป็นผู้ที่ไม่มีใครทัดเทียมหรือเข้ามาแทนที่ได้เลย. เรื่องนี้เป็นความจริงอันสำคัญที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล.—เยเนซิศ 17:1; ท่านผู้ประกาศ 12:1.
คนหนึ่งในบรรดาผู้เขียนพระธรรมบทเพลงสรรเสริญได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับพระยะโฮวาว่า “พระองค์ผู้เดียว . . . ทรงเป็นผู้สูงสุดเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น.” กษัตริย์ดาวิดในสมัยโบราณทรงเขียนไว้ว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา, ราชสมบัติสิทธิ์ขาดแก่พระองค์, พระองค์ทรงสถิตอยู่เหนือสิ่งสารพัตร.” และยิระมะยาผู้พยากรณ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้รับการกระตุ้นให้บันทึกว่า “ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์, โอ้พระยะโฮวา, พระองค์เป็นใหญ่, แลพระนามของพระองค์ใหญ่ด้วยฤทธานุภาพสูง.”—บทเพลงสรรเสริญ 83:18, ฉบับแปลใหม่; 1 โครนิกา 29:11; ยิระมะยา 10:6.
เราควรนำความจริงเหล่านั้นเกี่ยวกับพระเจ้ามาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไร?
เป็นเรื่องชัดแจ้งว่าผู้ใดควรสำคัญที่สุดในชีวิตเรา—พระผู้สร้างของเราและผู้ประทานชีวิตให้เรานั่นเอง. ดังนั้น คงจะเหมาะสมมิใช่หรือที่จะต่อต้านแนวโน้มใด ๆ ที่จะดึงความสนใจมาสู่ตัวเราเอง อันเป็นแนวโน้มในตัวคนเราซึ่งของบางคนอาจรุนแรงกว่าคนอื่น? หลักการชี้นำซึ่งแสดงถึงสติปัญญาคือที่จะ “กระทำทุกสิ่งให้เป็นที่ถวายเกียรติยศแก่พระเจ้า.” (1 โกรินโธ 10:31) ผู้พยากรณ์ดานิเอลวางตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้.
บันทึกทางประวัติศาสตร์บอกเราว่าครั้งหนึ่งกษัตริย์นะบูคัดเนซัรแห่งบาบิโลนทรงกระวนกระวายเนื่องจากสุบินและมีรับสั่งให้แปลความหมายของสุบินนั้น. ขณะที่คนอื่นทั้งหมดรู้สึกงุนงง ดานิเอลทูลกษัตริย์อย่างแม่นยำในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์จะทราบ. ดานิเอลรับเอาเกียรติยศสำหรับเรื่องนี้ไว้เสียเองไหม? เปล่าเลย ท่านถวายเกียรติแด่ “พระเจ้า . . . องค์หนึ่งสถิตอยู่ในสรวงสวรรค์, ผู้ทรงสำแดงเรื่องลับลึกให้ประจักษ์แจ้งได้.” ดานิเอลกล่าวต่อไปว่า “เรื่องลึกลับนี้หาได้ไขออกได้ด้วยสติปัญญาซึ่งข้าพเจ้ามีอยู่เป็นทุนมากกว่ามนุษย์อื่น ๆ ไม่.” ดานิเอลเป็นคนที่มีหลักการ. ไม่น่าแปลกใจที่ในพระธรรมดานิเอล ท่านได้รับการพรรณนาสามครั้งว่าเป็น “คนที่ทรงโปรดปรานยิ่งนัก” ในสายพระเนตรของพระเจ้า.—ดานิเอล 2:28, 30; 9:23; 10:11, 19.
คุณจะได้รับประโยชน์หากคุณเลียนแบบดานิเอล. ในการติดตามตัวอย่างของดานิเอล ปัจจัยที่เป็นตัวตัดสินคือแรงกระตุ้น. ใครควรได้รับเกียรติสำหรับสิ่งที่คุณทำ? ไม่ว่าสภาพการณ์ของคุณเป็นเช่นไรก็ตาม คุณมีความสามารถที่จะปฏิบัติสอดคล้องกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิลที่สำคัญยิ่งข้อนี้ที่ว่า พระยะโฮวาทรงเป็นองค์บรมมหิศร. การที่คุณปฏิบัติเช่นนั้นจะทำให้คุณเป็น “คนที่ทรงโปรดปรานยิ่งนัก” ในสายพระเนตรของพระองค์.
ตอนนี้ขอให้เราพิจารณาหลักการพื้นฐานสองประการที่สามารถชี้นำเราในขอบเขตเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์. เนื่องจากมีการเน้นเรื่องตัวเองอย่างแพร่หลาย ขอบเขตด้านนี้ของชีวิตจึงนับว่าเป็นการท้าทายอย่างยิ่ง.
“ด้วยจิตใจอ่อนน้อม”
คนเหล่านั้นที่นึกถึงตัวเองก่อนมักไม่ค่อยจะรู้สึกอิ่มใจ. คนเช่นนั้นส่วนใหญ่ต้องการชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ และต้องการเดี๋ยวนี้. สำหรับพวกเขาแล้ว ความเจียมตัวเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความอ่อนแอ. เขาถือว่าความอดทนเป็นสิ่งที่คนอื่นเท่านั้นควรแสดงออกมา. เมื่อมาถึงเรื่องการประสบผลสำเร็จ เขาจะต้องเอาให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม. คุณคิดว่ามีทางเลือกอื่นใดไหมแทนที่จะประพฤติเหมือนพวกเขา?
ผู้รับใช้ของพระเจ้าเผชิญกับเจตคติเช่นนั้นทุกวัน แต่นั่นไม่ควรมีผลกระทบต่อพวกเขา. คริสเตียนที่อาวุโสยอมรับหลักการที่ว่า “คนนั้นที่ยกย่องตัวเองจะเป็นคนที่เขานับถือก็หามิได้ แต่คนที่น่านับถือนั้นเป็นคนซึ่งพระเจ้าทรงยกย่อง.”—2 โกรินโธ 10:18.
การนำหลักการที่ฟิลิปปอย 2:3, 4 (ล.ม.) มาใช้จะช่วย. ข้อนั้นสนับสนุนคุณที่จะ “ไม่ทำสิ่งใดเพราะชอบทุ่มเถียงหรือเพราะถือดี แต่ด้วยจิตใจอ่อนน้อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว.” ดังนั้น คุณจะ “คอยดูด้วยความสนใจเป็นส่วนตัวไม่เพียงเรื่องของตนเองเท่านั้น แต่สนใจเป็นส่วนตัวในเรื่องของคนอื่น ๆ ด้วย.”
คนหนึ่งซึ่งมีเจตคติอันเหมาะสมเกี่ยวกับตัวเองและเป็นผู้ที่ประเมินค่าตัวเองอย่างถูกต้องนั้นคือฆิดโอน ผู้วินิจฉัยในท่ามกลางชาวฮีบรูโบราณ. ท่านมิได้แสวงหาตำแหน่งผู้นำของชาติอิสราเอล. แต่เมื่อมีการระบุตัวท่านให้ทำหน้าที่นั้น ฆิดโอนได้ขอให้พิจารณาความไม่คู่ควรของท่าน. ท่านได้ชี้แจงว่า “เชื้อวงศ์ของข้าพเจ้าต่ำในตระกูลมะนาเซ, ส่วนตัวข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในวงศ์ของบิดา.”—วินิจฉัย 6:12-16.
นอกจากนั้น หลังจากพระยะโฮวาทรงประทานชัยชนะแก่ฆิดโอนแล้ว ฝูงชนในตระกูลเอ็ฟรายิมหาเรื่องทะเลาะกับท่าน. ฆิดโอนมีปฏิกิริยาอย่างไร? ชัยชนะนั้นทำให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเป็นบุคคลสำคัญไหม? เปล่าเลย. ท่านหลีกเลี่ยงความหายนะด้วยคำตอบที่นุ่มนวล. “การที่เรากระทำนั้นจะเทียบสู้กับการของท่านไม่ได้?” ฆิดโอนมีจิตใจอ่อนน้อม.—วินิจฉัย 8:1-3.
จริงอยู่ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับฆิดโอนได้เกิดขึ้นนานมาแล้ว. กระนั้น การพิจารณาเรื่องนี้ยังเป็นประโยชน์อยู่. คุณจะเห็นได้ว่าฆิดโอนมีเจตคติต่างกันทีเดียวกับเจตคติที่เป็นเรื่องธรรมดาจริง ๆ ในทุกวันนี้ และท่านดำเนินชีวิตประสานกับเจตคตินั้น เพื่อประโยชน์ของท่าน.
เจตคติที่แพร่หลายซึ่งมุ่งอยู่ที่ตัวเองอาจบิดเบือนทัศนะของเราเกี่ยวกับการประเมินค่าตัวเราเอง. หลักการในคัมภีร์ไบเบิลแก้ไขการบิดเบือนนั้น และสอนเราเกี่ยวกับคุณค่าแท้ของตัวเราในความสัมพันธ์กับพระผู้สร้างและกับคนอื่น.
โดยเอาใจใส่หลักการในคัมภีร์ไบเบิล เราเอาชนะทัศนะแบบฉันก่อนอันเป็นที่นิยมกันนี้. เราไม่ได้ถูกควบคุมโดยความรู้สึกหรือบุคลิกเฉพาะตัวอีกต่อไป. ยิ่งเราเรียนรู้หลักการที่ชอบธรรม เราก็ยิ่งจะรู้จักคุ้นเคยกับผู้ทรงริเริ่มหลักการต่าง ๆ ดีขึ้น. ถูกแล้ว การเอาใจใส่เป็นพิเศษในหลักการของพระเจ้าเมื่ออ่านคัมภีร์ไบเบิลนับว่าคุ้มค่ากับความพยายามทีเดียว.—ดูข้อความในกรอบ.
พระยะโฮวาได้ทรงสร้างมนุษย์ให้เหนือกว่าสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งได้รับการกระตุ้นจากสัญชาตญาณเป็นส่วนใหญ่. การปฏิบัติตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าเกี่ยวข้องกับการนำหลักการของพระองค์มาใช้. ดังนั้น เราสามารถดูแลให้เข็มทิศด้านศีลธรรมของเราทำงานอย่างเหมาะสม เข็มทิศซึ่งจะนำเราเข้าสู่ระบบใหม่ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นนั้น. คัมภีร์ไบเบิลทำให้เรามีเหตุผลที่จะคาดหมายระบบใหม่ทั่วแผ่นดินโลกในเร็ว ๆ นี้ซึ่ง “ความชอบธรรมจะดำรงอยู่” ที่นั่น.—2 เปโตร 3:13, ล.ม.
[กรอบ/ภาพหน้า 6]
หลักการบางอย่างในคัมภีร์ไบเบิลที่เป็นประโยชน์
ภายในครอบครัว:
“ให้แต่ละคนแสวงหาอยู่เสมอ ไม่ใช่ผลประโยชน์ของตนเอง แต่ของผู้อื่น.”—1 โกรินโธ 10:24, ล.ม.
“ความรัก . . . ไม่แสวงหาผลประโยชน์สำหรับตนเอง.”—1 โกรินโธ 13:4, 5, ล.ม.
“ท่านทั้งหลายทุกคนจงต่างคนต่างรักภรรยาของตนเหมือนรักตัวเอง.”—เอเฟโซ 5:33.
“ฝ่ายภรรยาจงยอมฟังสามีของตน.”—โกโลซาย 3:18.
“เจ้าจงฟังคำบิดาผู้บังเกิดเกล้าของเจ้า, และอย่าดูหมิ่นมารดาของเจ้าเมื่อท่านแก่ชรา.”—สุภาษิต 23:22.
ที่โรงเรียน, ณ ที่ทำงาน, หรือในการทำธุรกิจ:
“ตราชูขี้ฉ้อนั้นเป็นที่เกลียดชัง . . . ชายชั่วร้ายได้ผลจ้างที่หลอกลวง.”—สุภาษิต 11:1, 18, ฉบับแปลใหม่.
“คนที่เคยลักขโมยก็อย่าให้ลักขโมยอีกต่อไป แต่ให้ใช้มือกระทำการงานที่ดีดีกว่า.”—เอเฟโซ 4:28.
“หากคนหนึ่งคนใดไม่อยากทำงาน อย่าให้เขากิน.”—2 เธซะโลนิเก 3:10, ล.ม.
“สิ่งใด ๆ ก็ดีที่ท่านทั้งหลายทำ จงทำด้วยสิ้นสุดจิตวิญญาณเหมือนหนึ่งทำแด่พระยะโฮวา.”—โกโลซาย 3:23, ล.ม.
“เราปรารถนาจะประพฤติตัวซื่อสัตย์ในทุกสิ่ง.”—เฮ็บราย 13:18, ล.ม.
เจตคติต่อทรัพย์สมบัติ:
“คนที่รีบจะเป็นคนมั่งมีจะพ้นโทษก็หามิได้.”—สุภาษิต 28:20.
“คนรักแต่เงินจะไม่อิ่มใจกับเงิน.”—ท่านผู้ประกาศ 5:10, ล.ม.
การประเมินค่าตัวเอง:
“ซึ่งจะไปเที่ยวเสาะหาเกียรติยศใส่ตนเองก็ไม่ดี.”—สุภาษิต 25:27.
“จงให้คนอื่นสรรเสริญเจ้าเถิด, อย่าให้ออกมาจากปากของเจ้าเลย.”—สุภาษิต 27:2.
“ข้าพเจ้าบอกทุกคนท่ามกลางท่านทั้งหลายว่า อย่าคิดถึงตัวเองเกินกว่าที่จำเป็นจะคิดนั้น.”—โรม 12:3, ล.ม.
“ถ้าผู้ใดถือตัวว่าเป็นคนสำคัญทั้ง ๆ ที่เขาไม่สำคัญอะไรเลย ผู้นั้นก็หลอกตัวเอง.”—ฆะลาเตีย 6:3, ฉบับแปลใหม่.
[ภาพหน้า 5]
ดานิเอลถวายพระเกียรติที่คู่ควรแด่พระเจ้า
[ภาพหน้า 7]
การปฏิบัติกับคนอื่นตามหลักการของพระเจ้ามีส่วนส่งเสริมสัมพันธภาพที่น่าพอใจและความสุข
[ที่มาของภาพหน้า 7]
U.S. Fish & Wildlife Service, Washington, D.C./Robert Bridges
-