จงตื่นตัวระวังอันตรายจากการใช้อินเทอร์เน็ต!
1 ไพร่พลของพระยะโฮวาชอบมีการคบหากันอย่างดีงาม. พวกเราชอบเล่าประสบการณ์จากงานเผยแพร่ให้กันฟังและหยั่งรู้ค่าที่ได้ยินได้ฟังเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับพยานพระยะโฮวาและงานราชอาณาจักรทั่วโลก. พวกเราอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องน่าสนใจใด ๆ ก็ตามซึ่งเกิดขึ้นกับพี่น้อง เช่น วิกฤตการณ์หรือภัยธรรมชาติ และพวกเราอยากรู้ว่าจะทำอะไรได้บ้างไหมเพื่อช่วยเหลือพี่น้อง. ความสนใจกันเช่นนี้แสดงถึงเอกภาพแห่งสังคมพี่น้อง ซึ่งพิสูจน์ว่าเรารักกันและกันอย่างแท้จริง.—โย. 13:34, 35.
2 ทุกวันนี้เราได้ยินได้ฟังเหตุการณ์ในโลกอย่างรวดเร็ว. สถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีโทรทัศน์รายงานสด ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างละเอียดแก่ผู้ชมผู้ฟังทั่วทั้งโลก. นอกจากนั้น โทรศัพท์ก็ทำให้เป็นไปได้ที่จะติดต่อสื่อสารกับผู้คนทั่วโลกทันที. ในการติดต่อสื่อสาร ปรากฏการณ์ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือ อินเทอร์เน็ต.—ดูตื่นเถิด! (ภาษาอังกฤษ) 22 กรกฎาคม 1997.
3 การประดิษฐ์โทรศัพท์เปิดทางให้มีการติดต่อสื่อสารเป็นส่วนตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก. แม้โทรศัพท์มีประโยชน์มาก แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะโทรศัพท์อาจเป็นเครื่องมือสำหรับการคบหาหรือกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมได้ และการใช้โทรศัพท์มากเกินไปก็อาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูง. โทรทัศน์และวิทยุมีศักยภาพในด้านการศึกษา. แต่น่าเศร้าที่หลายรายการเป็นแบบเสื่อมศีลธรรม และการเอาใจใส่ฟังรายการเช่นนั้นเป็นการเปลืองเวลาเปล่า. สติปัญญากระตุ้นเราให้รู้จักเลือกในการใช้โทรทัศน์และวิทยุ.
4 อินเทอร์เน็ตทำให้คนเราสามารถติดต่อสื่อสารกับคนอื่น ๆ นับล้านคนทั่วโลกด้วยค่าใช้จ่ายไม่แพง และอินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้ได้รับข้อมูลมากมาย. (ตื่นเถิด! [ภาษาอังกฤษ] 8 มกราคม 1998) แต่การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างไม่รู้จักเลือกอาจทำให้คนเราตกอยู่ในอันตรายด้านวิญญาณและศีลธรรมได้. เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?
5 หลายคนเป็นห่วงเรื่องข้อมูลที่หาดูได้ทันทีซึ่งแสดงวิธีสร้างอาวุธต่าง ๆ รวมถึงระเบิดด้วย. ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแสดงความไม่พอใจเรื่องจำนวนเวลาที่พนักงานทำให้เสียเปล่าด้วยการใช้อินเทอร์เน็ต. ในสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ของเราก็เคยมีกล่าวถึงมากมายเกี่ยวกับอันตรายฝ่ายวิญญาณที่เห็นได้ชัดซึ่งพบในอินเทอร์เน็ต. หลายเว็บไซต์เสนอเรื่องรุนแรงและเรื่องลามกซึ่งไม่เหมาะสำหรับคริสเตียนอย่างเด็ดขาด. (เพลง. 119:37) นอกจากอันตรายเหล่านั้นแล้ว ยังมีอันตรายที่แอบแฝงยิ่งกว่านั้นอีกซึ่งพยานพระยะโฮวาโดยเฉพาะจำต้องเฝ้าระวัง. นั่นคืออะไร?
6 คุณจะเชิญคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านไหมโดยไม่ได้สอบถามว่าเขาเป็นใคร? จะว่าอย่างไรถ้าไม่มีทางจะสอบถามได้? คุณจะยอมให้คนแปลกหน้านั้นอยู่กับลูก ๆ โดยลำพังไหม? นี่คือสิ่งที่เป็นไปได้ในอินเทอร์เน็ตอย่างที่ไม่อาจโต้แย้ง.
7 อาจมีการส่งและรับไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์จากคนที่คุณไม่รู้จักก็ได้. เป็นเช่นเดียวกันนั้นแหละเมื่อคุณสนทนาทางอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มสนทนา. บางครั้งผู้ร่วมกลุ่มสนทนาอาจอ้างว่าเป็นพยานพระยะโฮวา แต่มักไม่ใช่. บางคนอาจอ้างว่าเป็นคนหนุ่มสาวโดยที่เขาไม่ได้เป็น. หรือบางคนอาจถึงกับโกหกว่าตนเป็นคนเพศใดเพศหนึ่ง.
8 ข้อมูลที่ส่งให้คุณอาจมาในรูปของประสบการณ์หรือความคิดเห็นเกี่ยวกับความเชื่อของเรา. ข้อมูลนั้นถูกส่งต่อให้คนอื่น ๆ ด้วย ผู้ซึ่งส่งต่อไปยังคนอื่น ๆ อีก. โดยทั่วไปแล้วข้อมูลนั้นไม่อาจยืนยันได้และมักไม่เป็นความจริง. ความเห็นต่าง ๆ ก็อาจเป็นเครื่องบังหน้าเพื่อแพร่การหาเหตุผลแบบออกหาก.—2 เธ. 2:1-3.
9 โดยคำนึงถึงอันตรายเช่นนี้ ถ้าคุณใช้อินเทอร์เน็ต จงถามตัวเองว่า ‘ฉันใช้มันเพื่ออะไร? เป็นไปได้ไหมที่ฉันจะเป็นอันตรายฝ่ายวิญญาณเนื่องจากวิธีที่ฉันใช้มัน? ฉันอาจมีส่วนก่อความเสียหายฝ่ายวิญญาณแก่คนอื่นไหม?’
10 เว็บไซต์ของ “พยานพระยะโฮวา”: ตัวอย่างเช่น มาพิจารณาเว็บไซต์บางเว็บไซต์ซึ่งตั้งขึ้นโดยคนที่อ้างว่าเป็นพยานพระยะโฮวา. พวกเขาเชิญคุณไปเยือนเว็บไซต์ของเขาเพื่ออ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งมาจากคนอื่นซึ่งอ้างว่าเป็นพยานฯ. คุณได้รับการสนับสนุนให้ร่วมออกความเห็นเกี่ยวกับหนังสือของสมาคมฯ. บางคนให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเสนอที่อาจใช้ได้ในงานเผยแพร่. เว็บไซต์เหล่านั้นเสนอกลุ่มสนทนาให้แต่ละคนเชื่อมต่อ ให้มีการติดต่อสื่อสารสด ๆ กับคนอื่น ๆ คล้ายกับการพูดคุยกันทางโทรศัพท์. พวกเขามักชี้แนะให้คุณไปเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่งคุณสามารถมีการคบหาทางอินเทอร์เน็ตกับพยานพระยะโฮวาทั่วโลก. แต่คุณจะบอกให้แน่ได้ไหมว่า พวกออกหากไม่ได้แอบจัดให้มีการติดต่อเหล่านั้นขึ้น?
11 การสมาคมคบหาโดยทางอินเทอร์เน็ตอาจไม่ประสานกับข้อแนะที่พบในเอเฟโซ 5:15-17 (ล.ม.). อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “ฉะนั้น จงระวังอย่างเข้มงวดเพื่อวิธีที่ท่านทั้งหลายดำเนินนั้นจะไม่เหมือนคนไร้ปัญญา แต่เหมือนคนมีปัญญา ใช้ประโยชน์เต็มที่จากเวลาอันเหมาะสำหรับตน เพราะสมัยนี้ชั่วช้า. ด้วยเหตุนี้จงเลิกกลายเป็นคนไร้เหตุผล แต่จงสังเกตเข้าใจต่อไปว่าพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวาเป็นเช่นไร.”
12 ประชาคมคริสเตียนเป็นเครื่องมือตามระบอบของพระเจ้าซึ่งเราได้รับการเลี้ยงฝ่ายวิญญาณโดย “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม.” (มัด. 24:45-47, ล.ม.) ภายในองค์การของพระเจ้า เราพบการชี้นำและการปกป้องเพื่อแยกเราให้อยู่ต่างหากจากโลกอีกทั้งการกระตุ้นใจให้ขันแข็งอยู่เสมอในงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า. (1 โก. 15:58) ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญแสดงให้เห็นว่าท่านประสบความชื่นชมยินดีและความรู้สึกมั่นคงท่ามกลางไพร่พลของพระเจ้าที่ชุมนุมกัน. (เพลง. 27:4, 5; 55:14; 122:1) นอกจากนี้ ประชาคมยังจัดให้มีการสนับสนุนและการช่วยเหลือแก่ผู้ที่มาสมทบด้วย. ที่นี่ คุณสามารถพบกลุ่มเพื่อน ๆ ที่มีความรัก, ความห่วงใย และเอาใจใส่—คนที่คุณรู้จักเป็นส่วนตัวซึ่งพร้อมและเต็มใจจะช่วยเหลือและปลอบโยนคนอื่น ๆ ในยามทุกข์ร้อน. (2 โก. 7:5-7) สมาชิกในประชาคมได้รับการป้องกันไว้โดยการจัดเตรียมตามหลักพระคัมภีร์ที่ให้มีการตัดสัมพันธ์ผู้ซึ่งทำบาปโดยไม่กลับใจหรือผู้ที่ส่งเสริมความคิดออกหาก. (1โก. 5:9-13; ติโต 3:10, 11) เราจะคาดหมายได้ไหมว่าจะพบการจัดเตรียมด้วยความรักแบบเดียวกันนี้เมื่อคบหากับคนอื่นโดยทางอินเทอร์เน็ต?
13 เคยปรากฏว่าเป็นตรงกันข้าม. เห็นได้ชัดว่าบางเว็บไซต์เป็นสื่อสำหรับการโฆษณาชวนเชื่อของพวกออกหาก. เว็บไซต์เช่นนั้นอาจอ้างเป็นอย่างอื่น และคนที่ให้การสนับสนุนเว็บไซต์อาจให้คำอธิบายอย่างละเอียดเพื่อยืนยันว่าพวกเขาเป็น พยานพระยะโฮวาจริง ๆ. พวกเขาอาจถึงกับขอข้อมูลจากคุณด้วยซ้ำเพื่อพิสูจน์ยืนยันว่าคุณ เป็นพยานพระยะโฮวาคนหนึ่ง.
14 พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้คุณใช้ความสังเกตเข้าใจ. ทำไม? เพราะพระองค์ทรงทราบว่านั่นจะป้องกันคุณไว้จากอันตรายนานา. สุภาษิต 2:10-19 (ล.ม.) ขึ้นต้นโดยกล่าวว่า “เมื่อสติปัญญาเข้าสู่หัวใจของเจ้า และความรู้เป็นที่น่าชื่นใจแก่จิตวิญญาณของเจ้า ความสามารถในการคิดนั่นเองจะป้องกันเจ้าไว้ ความสังเกตเข้าใจก็จะปกป้องเจ้า.” ปกป้องคุณจากอะไร? จากสิ่งต่าง ๆ เช่น “แนวทางชั่ว,” คนที่ออกจากทางแห่งความซื่อตรง, อีกทั้งผู้คนที่ผิดศีลธรรมและมีแนวทางที่กลับกลอกปลิ้นปล้อน.
15 เมื่อเราไปยังหอประชุมราชอาณาจักร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราอยู่กับพี่น้องของเรา. เรารู้จักพวกเขา. ไม่มีใครต้องมีข้อพิสูจน์เรื่องนี้เพราะความรักฉันพี่น้องที่แสดงให้เห็นทำให้เรื่องนั้นชัดเจน. เราไม่ถูกเรียกร้องเป็นส่วนตัวให้แสดงหนังสือรับรองเพื่อพิสูจน์ว่าเราเป็นพยานพระยะโฮวาจริง ๆ. ที่นี่แหละที่เราพบการชูใจกันและกันอย่างแท้จริงซึ่งเปาโลกล่าวถึงในเฮ็บราย 10:24, 25. เราไม่อาจอาศัยเว็บไซต์ที่สนับสนุนการคบหาในสายเพื่อจะได้สิ่งนี้. การคำนึงถึงถ้อยคำในบทเพลงสรรเสริญ 26:4, 5 อยู่เสมอสามารถทำให้เราตื่นตัวต่ออันตรายซึ่งอาจประสบได้ง่าย ๆ เมื่อใช้เว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต.
16 ไม่มีข้อจำกัดหรือข้อห้ามใด ๆ เกี่ยวกับชนิดของข้อมูลซึ่งผู้ใช้อินเทอร์เน็ตออกค่าใช้จ่ายและเปิดดูได้. บ่อยครั้ง เป็นเรื่องง่ายที่เด็ก ๆ และวัยรุ่นจะตกเป็นเป้าของอาชญากรรมและการแสวงประโยชน์ในสภาพแวดล้อมนี้. เด็ก ๆ ไว้ใจคนง่าย, อยากรู้อยากเห็น, และกระหายจะสำรวจโลกไซเบอร์สเปซใหม่ ๆ. ฉะนั้น บิดามารดาจำเป็นต้องควบคุมดูแลบุตรและให้การชี้แนะตามหลักพระคัมภีร์อย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ต เหมือนกับที่พวกเขาจะให้การชี้แนะบุตรในเรื่องการเลือกฟังดนตรีหรือดูภาพยนตร์.—1 โก. 15:33.
17 น่าเศร้าที่บางคนซึ่งเคยเป็นพี่น้องได้ถูกตัดสัมพันธ์เนื่องจากการคบหาที่เริ่มขึ้นโดยการพบคนชาวโลกในกลุ่มสนทนาทางอินเทอร์เน็ตและสุดท้ายจึงนำไปสู่การผิดศีลธรรม. พวกผู้ปกครองเขียนมาด้วยความรู้สึกตกตะลึงและไม่อยากเชื่อว่า บางคนถึงกับทิ้งสามีหรือภรรยาของตนไปจริง ๆ เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ที่เริ่มขึ้นในอินเทอร์เน็ต. (2 ติโม. 3:6) คนอื่น ๆ ละทิ้งความจริงเนื่องจากเชื่อข้อมูลที่ได้จากพวกออกหาก. (1 ติโม. 4:1, 2) เมื่อคำนึงถึงอันตรายร้ายแรงเช่นนี้ จึงสมเหตุสมผลมิใช่หรือที่พึงระมัดระวังในเรื่องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มพบปะสนทนาในอินเทอร์เน็ต? แน่นอน การใช้สติปัญญา, ความรู้, ความสามารถในการคิด, และการสังเกตเข้าใจซึ่งมีกล่าวไว้ในสุภาษิต 2:10-19 น่าจะป้องกันเราไว้ในกรณีนี้.
18 น่าสนใจ มีคนจำนวนหนึ่งซึ่งได้ตั้งเว็บไซต์ขึ้นอย่างที่ดูเหมือนว่าเพื่อประกาศข่าวดี. เว็บไซต์เหล่านี้หลายแห่งได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องที่ไม่สุขุม. ส่วนเว็บไซต์อื่น ๆ อาจได้รับการสนับสนุนจากพวกออกหากซึ่งต้องการล่อใจคนหูเบา. (2 โย. 9-11) เมื่อให้ความเห็นในเรื่องที่ว่า จำเป็นไหมที่พี่น้องจะตั้งเว็บไซต์ดังกล่าว พระราชกิจของเรา ฉบับพฤศจิกายน 1997 หน้า 3 กล่าวว่า “ไม่มีความจำเป็นสำหรับคนใดคนหนึ่งที่จะเตรียมข้อมูลสำหรับใช้ที่อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับพยานพระยะโฮวา, กิจกรรม, และความเชื่อของเรา. ที่ตั้งเว็บอย่างเป็นทางการของเรา [www.watchtower.org] เสนอข้อมูลที่ถูกต้องไว้ให้แล้วสำหรับใครก็ตามที่ต้องการข้อมูล.”
19 คู่มือศึกษาโดยทางอินเทอร์เน็ตหรือ? บางคนคิดว่าเขากำลังให้บริการพี่น้องโดยส่งข้อมูลที่ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับกิจกรรมตามระบอบของพระเจ้าไปให้. ตัวอย่างเช่น คนหนึ่งอาจค้นคว้าโดยอาศัยโครงเรื่องคำบรรยายสาธารณะแล้วส่งเรื่องนี้ไปโดยคิดว่าข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการจะเตรียมโครงเรื่องเดียวกัน. คนอื่นส่งข้อพระคัมภีร์ทั้งหมดสำหรับการศึกษาหอสังเกตการณ์ ที่กำลังจะถึงหรือให้แหล่งเนื้อหาสำหรับโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าหรือการศึกษาหนังสือประจำประชาคม. ส่วนบางคนอาจให้ข้อแนะสำหรับการเสนอในงานเผยแพร่. การทำสิ่งต่าง ๆ นี้เป็นประโยชน์จริง ๆ ไหม?
20 สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่องค์การของพระยะโฮวาจัดเตรียมให้นั้นช่วยกระตุ้นจิตใจเราด้วยแนวคิดที่เสริมสร้างและฝึกอบรมเรา “เพื่อแยกออกว่าอะไรถูกอะไรผิด.” (เฮ็บ. 5:14, ล.ม.) เราจะบอกได้ไหมว่าเราบรรลุจุดประสงค์นี้ถ้าคนอื่นค้นคว้าแทนเรา?
21 มีกล่าวถึงชาวเมืองเบรอยะว่า “มีจิตใจสูงกว่าชาวเมืองเธซะโลนิเก.” เพราะเหตุใด? ก็เพราะ “เขาได้รับรองเอาถ้อยคำนั้นด้วยใจกระตือรือร้นอย่างยิ่ง และตรวจค้นดูพระคัมภีร์อย่างรอบคอบทุก ๆ วัน เพื่อดูว่าข้อความนั้นจะจริงดังกล่าวหรือไม่.” (กิจ. 17:11, ล.ม.) แม้ว่าเปาโลกับซีลาได้ประกาศแก่พวกเขา แต่พวกเขาไม่อาจทำให้ความจริงเป็นของตนเองได้โดยไม่ตรวจค้นดูด้วยตัวเอง.
22 การใช้สิ่งที่อีกคนหนึ่งค้นคว้าสำหรับคำบรรยายหรือสำหรับการเตรียมการประชุมอื่น ๆ ย่อมทำให้จุดประสงค์ในการศึกษาส่วนตัวเสียไป. คุณปรารถนาจะเสริมสร้างความเชื่อของคุณเองในพระคำของพระเจ้ามิใช่หรือ? โดยอาศัยความเชื่อมั่นของตนเอง คุณจึงจะสามารถสำแดงความเชื่อของคุณอย่างเปิดเผย—ในคำบรรยาย, ในการออกความเห็นที่การประชุมต่าง ๆ, และในงานเผยแพร่. (โรม 10:10) การใช้สิ่งที่คนอื่นค้นคว้าย่อมไม่ประสานกับคำพรรณนาที่สุภาษิต 2:4, 5 ที่ให้ ‘เสาะแสวงหาความรู้ของพระเจ้าเหมือนหาทรัพย์สมบัติที่ซ่อนอยู่.’
23 ตัวอย่างเช่น เมื่อค้นดูข้อพระคัมภีร์ในคัมภีร์ไบเบิลของคุณเอง คุณสามารถตรวจดูบริบทของข้อพระคัมภีร์แต่ละข้อ. คุณสามารถ ‘สืบเสาะทุกเรื่องด้วยความถูกต้องแม่นยำ’ เหมือนที่ลูกาได้ทำเมื่อท่านเขียนกิตติคุณของท่าน. (ลูกา 1:3) นอกจากนี้ การพยายามเป็นพิเศษจะช่วยคุณให้ชำนาญในการค้นหาข้อพระคัมภีร์ในงานเผยแพร่และเมื่อบรรยาย. หลายคนกล่าวว่าเขาประทับใจพวกพยานพระยะโฮวาเพราะพวกพยานฯ รู้วิธีใช้คัมภีร์ไบเบิล. ทางเดียวที่คำกล่าวนี้จะใช้กับเราได้คือ ถ้าเราทำให้เป็นนิสัยที่จะค้นดูข้อพระคัมภีร์ในคัมภีร์ไบเบิลของเราเอง.
24 การใช้เวลาของเราอย่างสุขุม: อีกอย่างหนึ่งที่พึงคำนึงถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ เวลาที่ใช้ในการจัดเตรียม, อ่าน, และตอบรับข้อมูลที่ส่งมาในอินเทอร์เน็ต. บทเพลงสรรเสริญ 90:12 สนับสนุนเราให้อธิษฐานดังนี้: “ขอทรงโปรดสอนให้ข้าพเจ้านับวันคืนทั้งหลายของพวกข้าพเจ้าเป็น, เพื่อจะได้มีใจประกอบไปด้วยสติปัญญา.” เปาโลกล่าวว่า “เวลาที่เหลืออยู่นั้นลดน้อยลง.” (1 โก. 7:29, ล.ม.) และท่านบอกอีกว่า “ถ้าเช่นนั้น แท้จริงแล้ว ตราบที่เรามีโอกาสเหมาะ ให้เราทำการดีต่อคนทั้งปวง แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ที่สัมพันธ์กับเราในความเชื่อ.”—ฆลา. 6:10, ล.ม.
25 คำแนะนำดังกล่าวเน้นความจำเป็นที่เราจะต้องรู้จักวินิจฉัยในเรื่องการใช้เวลาของเรา. จะเกิดประโยชน์มากกว่าสักเท่าใดถ้าใช้เวลาอ่านพระคำของพระเจ้า! (เพลง. 1:1, 2) นั่นคือการคบหาดีที่สุดที่เราจะมีได้. (2 ติโม. 3:16, 17) บิดามารดา คุณสอนบุตรของคุณไหมในเรื่องคุณค่าของการใช้เวลาอย่างสุขุมในการมุ่งติดตามราชอาณาจักร? (ผู้ป. 12:1) เวลาที่ใช้ในการศึกษาส่วนตัวและการศึกษาเป็นครอบครัว, การเข้าร่วมประชุม, และงานเผยแพร่ย่อมมีค่ามากกว่าเวลาที่ใช้ดูอินเทอร์เน็ตโดยคาดว่าจะได้ประโยชน์นั้นอย่างลิบลับ.
26 เกี่ยวกับเรื่องนี้ การมุ่งความสนใจของเราที่เรื่องฝ่ายวิญญาณและสิ่งที่เกี่ยวข้องและสำคัญยิ่งกับชีวิตของเราในฐานะคริสเตียนย่อมเป็นแนวทางแห่งสติปัญญา. ทั้งนี้ทำให้เราต้องเลือกอย่างที่มีการพิจารณาให้ดีเกี่ยวกับข้อมูลซึ่งคุ้มค่ากับเวลาและความคิดของเรา. ในฐานะคริสเตียน สิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรามีสรุปไว้โดยพระคริสต์ซึ่งตรัสว่า “ดังนั้น จงแสวงหาราชอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนเสมอไป แล้วสิ่งอื่นเหล่านี้ทั้งหมดจะเพิ่มเติมให้แก่ท่าน.” (มัด. 6:33, ล.ม.) คุณมีความสุขที่สุดมิใช่หรือเมื่อชีวิตคุณเต็มไปด้วยงานราชอาณาจักรแทนที่จะเป็นกิจกรรมอื่นใด?
27 อี-เมล์ (ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ทางอินเทอร์เน็ต): ถึงแม้การเล่าประสบการณ์หรือความคิดส่วนตัวสู่กันฟังระหว่างครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ซึ่งอยู่ไกลเป็นเรื่องเหมาะสม แต่เป็นการแสดงความรักจริง ๆ ไหมที่จะส่งเรื่องเหล่านี้ต่อไปยังคนอื่น ๆ ซึ่งอาจไม่รู้จักครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ของคุณ? หรือว่าควรส่งเรื่องเหล่านี้ไปลงในเว็บเพจไหมเพื่อให้ใคร ๆ อ่าน? จะต้องทำสำเนาข่าวส่วนตัวเหล่านั้นแล้วส่งไปยังผู้คนที่คุณอาจรู้จักหรือไม่รู้จักไหม? เช่นกัน ถ้าคุณได้รับข่าวจากคนอื่นซึ่งเห็นชัดว่าไม่ได้ตั้งใจส่งให้คุณ จะเป็นการแสดงความรักไหมถ้าส่งข่าวนั้นต่อให้คนอื่นอีก?
28 จะว่าอย่างไรถ้าประสบการณ์ที่คุณส่งต่อนั้นไม่ถูกต้อง? นั่นจะไม่เป็นการมีส่วนร่วมในการทำให้เรื่องไม่จริงคงอยู่ไม่รู้จบหรอกหรือ? (สุภา. 12:19; 21:28; 30:8; โกโล. 3:9) แน่ละ การ “ระวังอย่างเข้มงวดเพื่อวิธีที่เราทั้งหลายดำเนินนั้นจะไม่เหมือนคนไร้ปัญญา แต่เหมือนคนมีปัญญา” จะกระตุ้นเราให้คำนึงถึงเรื่องนี้. (เอเฟ. 5:15, ล.ม.) เรายินดีจริง ๆ ที่หนังสือประจำปี, หอสังเกตการณ์, และตื่นเถิด! เต็มไปด้วยประสบการณ์จริงซึ่งให้กำลังใจและกระตุ้นเราให้ดำเนินต่อ ๆ ไปใน “ทางนี้”!—ยซา. 30:20, 21.
29 มีอันตรายอีกอย่างหนึ่งด้วย. อัครสาวกเปาโลกล่าวถึงอันตรายบางอย่างว่า “เขามักเป็นคนเกียจคร้านด้วย, คือเที่ยวไปขึ้นบ้านนี้ขึ้นบ้านโน้น และไม่ใช่เป็นคนเกียจคร้านอย่างเดียว, แต่มักเป็นคนปากบอนด้วย, และเที่ยวยุ่งกับธุระของผู้อื่น, และพูดซึ่งไม่ควรจะพูด.” (1 ติโม. 5:13) ข้อนี้ให้เหตุผลคัดค้านการใช้เวลาและความพยายามในการส่งข้อมูลที่ไม่สลักสำคัญไปยังพี่น้องของเรา.
30 เช่นเดียวกัน ขอให้คิดถึงจำนวนเวลาที่ต้องใช้เพื่อตามให้ทันกับอี-เมล์ปริมาณมากด้วย. น่าสนใจ หนังสือดาตา สม็อก (ภาษาอังกฤษ) กล่าวว่า “ขณะที่คนเราใช้เวลาดูอินเทอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อย ๆ อี-เมล์จะเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจากเรื่องใหม่ ๆ ที่น่าสนใจไปเป็นภาระหนักที่กินเวลา มีข่าวสารหลายสิบเรื่องให้อ่านและตอบทุกวันจากเพื่อนร่วมงาน, เพื่อน ๆ, ครอบครัว, . . . และการโฆษณาขายสินค้าที่ไม่ได้รับเชิญ.” หนังสือนี้กล่าวอีกว่า “นักเขมือบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หลายคนมีนิสัยแย่มากในการส่งข้อมูลบันเทิงทุกอย่างที่เขาได้รับ—เรื่องตลก, เรื่องเล่าสู่กันฟัง, จดหมายลูกโซ่อิเล็กทรอนิกส์, และอื่น ๆ อีก—ไปให้ทุกคนในสมุดชื่อที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์ของเขา.”
31 เรื่องนี้เห็นได้ชัดในอี-เมล์ที่แพร่หลายในหมู่พี่น้องหลายคน—เช่น เรื่องตลกขบขันเกี่ยวกับงานเผยแพร่, บทกวีที่พอสันนิษฐานได้ว่าอาศัยเรื่องความเชื่อของเรา, ตัวอย่างประกอบจากคำบรรยายต่าง ๆ ซึ่งได้ยินจากการประชุมหมวด, การประชุมภาค, หรือที่หอประชุมราชอาณาจักร; ประสบการณ์จากงานเผยแพร่, และอื่น ๆ อีก—ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย. อี-เมล์เหล่านั้นส่วนใหญ่ส่งไปโดยไม่มีการตรวจแหล่งที่มา ทำให้ยากจะรู้ว่าใครคือต้นตอที่แท้จริง ซึ่งอาจทำให้เกิดความสงสัยว่าข้อมูลนั้นจริงหรือไม่.—สุภา. 22:20, 21.
32 ข่าวสารที่มักเป็นเรื่องไร้สาระเหล่านั้นไม่ใช่ถ้อยคำแบบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพซึ่งเปาโลคำนึงถึงเมื่อท่านเขียนถึงติโมเธียว ที่ว่า “จงยึดถือแบบแผนแห่งถ้อยคำที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ที่ท่านได้ยินจากข้าพเจ้าด้วยความเชื่อและความรักซึ่งเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์เยซู.” (2 ติโม. 1:13, ล.ม.) “ภาษาบริสุทธิ์” แห่งความจริงในพระคัมภีร์มี “แบบแผนแห่งถ้อยคำที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ” ซึ่งโดยหลักแล้วอาศัยอรรถบทเรื่องการพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาโดยทางราชอาณาจักร. (ซฟัน. 3:9) เราควรพยายามทุกวิถีทางเพื่ออุทิศเวลาและพลังงานที่เรามีอยู่ในการสนับสนุนการพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา.
33 เนื่องจากเราอยู่ใกล้เวลาอวสานแห่งระบบนี้มากแล้ว จึงไม่ใช่เวลาจะหย่อนมือ. คัมภีร์ไบเบิลเตือนเราว่า “จงรักษาสติของท่านไว้ จงระวังระไวให้ดี. พญามาร ปรปักษ์ของท่านทั้งหลาย เที่ยวเดินไปเหมือนสิงโต แผดเสียงร้อง เสาะหาคนหนึ่งคนใดที่มันจะขย้ำกลืนเสีย.” (1 เป. 5:8, ล.ม.) คัมภีร์ไบเบิลกล่าวอีกว่า “จงสวมยุทธภัณฑ์ครบชุดจากพระเจ้า เพื่อท่านจะสามารถยืนมั่นต่อต้านยุทธอุบายของมารได้.”—เอเฟ. 6:11, ล.ม.
34 ถ้าใช้อินเทอร์เน็ตอย่างผิด ๆ มันก็อาจเป็นเครื่องมือที่ซาตานใช้เอาชนะคนที่ถูกโน้มน้าวด้วยพลังของมัน. แม้อินเทอร์เน็ตอาจมีประโยชน์จำกัด แต่ก็มีอันตรายถ้าดูโดยไม่ระมัดระวัง. โดยเฉพาะอย่างยิ่งบิดามารดาจำเป็นต้องดูแลเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของลูก ๆ.
35 การรักษาทัศนะที่สมดุลเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตเป็นการป้องกันอย่างหนึ่ง. เราหยั่งรู้ค่าข้อเตือนใจที่เปาโลให้อย่างเหมาะกับเวลาที่ว่า “ให้ . . . คนที่ใช้ประโยชน์จากโลกนี้เหมือนมิได้ใช้อย่างเต็มที่; เพราะฉากของโลกนี้กำลังเปลี่ยนไป.” (1 โก. 7:29-31, ล.ม.) การคำนึงถึงเรื่องนี้เสมอจะช่วยป้องกันเรากับครอบครัวจากการถูกทำให้เขวไปโดยสรรพสิ่งที่โลกเสนอให้ ซึ่งรวมถึงสิ่งที่มีให้หาดูได้ในอินเทอร์เน็ตด้วย.
36 เราจำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดกับพี่น้องในประชาคมและใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างสุขุม ด้วยเหตุนั้น เราจึงทำให้ตัวเราอยู่พร้อมสำหรับการทำให้ผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรเพิ่มพูน. ขณะที่ระบบนี้จวนถึงอวสาน อย่าให้เรา “ดำเนินอย่างนานาชาติอีกต่อไป ซึ่งดำเนินด้วยความคิดอันไร้ประโยชน์” แต่ให้เรา “สังเกตเข้าใจต่อไปว่าพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวาเป็นเช่นไร.”—เอเฟ. 4:17; 5:17, ล.ม.