พระธรรมเล่มที่ 66—วิวรณ์
ผู้เขียน: อัครสาวกโยฮัน
สถานที่เขียน: ปัตโมส
เขียนเสร็จ: ประมาณปี ส.ศ. 96
1. (ก) เกี่ยวกับสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในพระธรรมวิวรณ์ ผู้รับใช้ของพระเจ้าย่อมเห็นพ้องกับเรื่องใด? (ข) เหตุใดจึงเหมาะสมที่จัดพระธรรมวิวรณ์ไว้เป็นอันดับสุดท้ายในคัมภีร์ไบเบิล?
สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่มีความหมายเป็นนัยในพระธรรมวิวรณ์นั้นมุ่งหมายจะทำให้หวาดกลัวไหม? เปล่าเลย! ความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์อาจก่อความหวาดกลัวแก่คนชั่ว แต่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าย่อมเห็นพ้องกับคำนำโดยการดลใจและคำกล่าวของทูตสวรรค์ในตอนท้ายที่ว่า “ความสุขมีแก่ผู้ที่อ่านออกเสียงและคนเหล่านั้นที่ได้ยินถ้อยคำแห่งคำพยากรณ์นี้.” “ความสุขมีแก่คนใด ๆ ที่ปฏิบัติตามถ้อยคำแห่งคำพยากรณ์ของหนังสือม้วนนี้.” (วิ. 1:3, ล.ม.; 22:7, ล.ม.) แม้ว่าเขียนก่อนพระธรรมที่โยฮันเขียนโดยการดลใจอีกสี่เล่ม พระธรรมวิวรณ์ก็ได้รับการจัดไว้อย่างเหมาะสมให้อยู่ในอันดับสุดท้ายของพระธรรมที่มีขึ้นโดยการดลใจทั้งหมด 66 เล่มที่ประกอบกันเป็นคัมภีร์ไบเบิลของเรา เพราะพระธรรมวิวรณ์นี่เองที่นำผู้อ่านไปไกลในอนาคต โดยจัดเตรียมนิมิตทั้งหมดเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับมนุษยชาติ และจึงนำอรรถบทสำคัญของคัมภีร์ไบเบิลมาถึงจุดสุดยอดอันรุ่งโรจน์ นั่นคือการทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์และการพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระองค์โดยทางราชอาณาจักรภายใต้พระคริสต์ พงศ์พันธุ์ตามคำสัญญา.
2. วิวรณ์มาถึงโยฮันโดยวิธีใด และเหตุใดชื่อพระธรรมนี้จึงเหมาะสม?
2 ตามข้อความในข้อแรก นี่คือ “วิวรณ์โดยพระเยซูคริสต์ ซึ่งพระเจ้าได้ประทานแก่พระองค์ . . . และพระองค์ได้ทรงใช้ทูตสวรรค์ของพระองค์ไปและโดยทูตสวรรค์นั้นทรงแสดง [วิวรณ์นี้] ด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ แก่ทาสของพระองค์คือโยฮัน.” ดังนั้น โยฮันจึงเป็นเพียงผู้เขียน ไม่ใช่แหล่งที่มาของเรื่องราว. โยฮันจึงไม่ใช่ผู้เปิดเผย และพระธรรมนี้ก็ไม่ใช่เป็นการเปิดเผยของโยฮัน. (1:1, ล.ม.) การที่พระเจ้าทรงเปิดเผยพระประสงค์อันยอดเยี่ยมของพระองค์สำหรับอนาคตแก่ทาสของพระองค์ทำให้ชื่อพระธรรมนี้เหมาะสมที่สุด เพราะชื่อพระธรรมนี้ในภาษากรีกคือ อะโพคาลิปชิส (อะพอคาลิปส์) หมายความว่า “การเปิดเผย” หรือ “การเอาผ้าคลุมออก.”
3. พระธรรมวิวรณ์เองบอกว่าผู้เขียนที่ชื่อโยฮันเป็นใคร และนักประวัติศาสตร์โบราณได้สนับสนุนเรื่องนี้อย่างไร?
3 โยฮันผู้นี้ซึ่งมีกล่าวถึงในบทแรกว่าเป็นผู้เขียนพระธรรมวิวรณ์เป็นใคร? ท่านบอกว่าเป็นทาสของพระเยซูคริสต์ อีกทั้งเป็นพี่น้องและผู้มีส่วนร่วมคนหนึ่งในความทุกข์ลำบาก และท่านถูกเนรเทศไปอยู่บนเกาะปัตโมส. เห็นได้ชัดว่าท่านเป็นผู้เขียนซึ่งผู้อ่านในสมัยของท่านรู้จักกันดี จึงไม่จำเป็นต้องระบุตัวมากกว่านี้. ท่านต้องเป็นอัครสาวกโยฮัน. การลงความเห็นเช่นนี้ได้รับการสนับสนุนโดยนักประวัติศาสตร์โบราณส่วนใหญ่. กล่าวกันว่าพาพีอัสซึ่งเขียนในช่วงต้นศตวรรษที่สองนั้นถือว่าพระธรรมนี้มีต้นตอมาจากอัครสาวก. จัสติน มาร์เทอร์ แห่งศตวรรษที่สอง กล่าวไว้ในหนังสือของเขาชื่อ “บทสนทนากับทรีโฟ ชาวยิว” (LXXXI) ดังนี้: “มีชายคนหนึ่งอยู่กับเราชื่อโยฮัน เป็นอัครสาวกคนหนึ่งของพระคริสต์ ซึ่งพยากรณ์โดยการเปิดเผยที่มีแก่ท่าน.”a อิเรแนอุสพูดอย่างชัดแจ้งว่าอัครสาวกโยฮันเป็นผู้เขียน เช่นเดียวกับเคลเมนต์แห่งอะเล็กซานเดรียกับเทอร์ทูลเลียนซึ่งอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่สองและช่วงต้นศตวรรษที่สาม. ออริเกน ผู้คงแก่เรียนด้านคัมภีร์ไบเบิลที่โดดเด่นแห่งศตวรรษที่สามกล่าวว่า “ข้าพเจ้าพูดถึงท่านผู้นั้นที่เอนกายพิงพระทรวงของพระเยซู คือโยฮัน ซึ่งได้ละกิตติคุณเล่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง . . . และท่านได้เขียนอะพอคาลิปส์ด้วย.”b
4. (ก) อะไรอธิบายความแตกต่างด้านลีลาการเขียนในพระธรรมวิวรณ์เมื่อเทียบกับพระธรรมเล่มอื่น ๆ ที่โยฮันเขียน? (ข) อะไรพิสูจน์ว่าพระธรรมวิวรณ์เป็นส่วนที่เชื่อถือได้ของพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ?
4 ข้อเท็จจริงที่ว่าพระธรรมเล่มอื่น ๆ ของโยฮันเน้นมากในเรื่องความรักนั้นไม่ได้หมายความว่าท่านไม่อาจเขียนพระธรรมวิวรณ์ที่เปี่ยมพลังและมีแรงกระตุ้นมากได้. ท่านกับยาโกโบน้องชายของท่านรู้สึกโกรธชาวซะมาเรียในเมืองหนึ่งมากจนอยากจะเรียกไฟลงมาจากสวรรค์. นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาได้รับชื่อท้ายว่า “โบอาเนอเย” หรือ “ลูกฟ้าร้อง.” (มโก. 3:17, ฉบับแปลใหม่; ลูกา 9:54) ลีลาการเขียนที่แตกต่างไม่น่าทำให้ยุ่งยากเมื่อเราจำไว้ว่าเรื่องราวในพระธรรมวิวรณ์แตกต่างออกไป. สิ่งที่โยฮันเห็นในนิมิตเหล่านี้ไม่เหมือนกับสิ่งใด ๆ ที่ท่านเคยเห็นมาก่อน. ความสอดคล้องที่โดดเด่นของพระธรรมนี้กับส่วนอื่น ๆ ของพระคัมภีร์ที่เป็นคำพยากรณ์พิสูจน์ว่าพระธรรมนี้เป็นส่วนที่เชื่อถือได้แห่งพระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าอย่างไม่มีข้อสงสัย.
5. โยฮันเขียนพระธรรมวิวรณ์เมื่อไร และภายใต้สภาพการณ์เช่นไร?
5 ตามพยานหลักฐานยุคแรก ๆ โยฮันคงเขียนพระธรรมวิวรณ์ประมาณปี ส.ศ. 96 ราว 26 ปีหลังจากยะรูซาเลมถูกทำลาย. ช่วงนี้คงเป็นตอนปลายรัชกาลจักรพรรดิโดมิเทียน. เพื่อยืนยันเรื่องนี้ อิเรแนอุสได้กล่าวเกี่ยวกับอะพอคาลิปส์ในหนังสือของเขาชื่อ “ต่อต้านคำสอนนอกรีต” (V, xxx) ว่า “เพราะมีการเห็นอะพอคาลิปส์ไม่นานมานี้ ที่จริงเกือบในยุคของเรา คือตอนปลายรัชกาลของโดมิเทียน.”c ยูเซบิอุสและเจโรม ต่างก็เห็นด้วยกับคำยืนยันนี้. โดมิเทียนเป็นน้องชายของทิทุส (ติโต) ซึ่งยกทัพโรมันมาทำลายยะรูซาเลม. เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิเมื่อทิทุสสิ้นชีวิต นั่นคือ 15 ปีก่อนมีการเขียนพระธรรมวิวรณ์. เขาเรียกร้องให้นมัสการตัวเขาเองในฐานะพระเจ้าและยึดเอาตำแหน่งโดมินุส เอท เดอุส นอสเตอร์ (หมายความว่า “พระผู้เป็นเจ้าและพระเจ้าของเรา”).d การนมัสการจักรพรรดิไม่รบกวนผู้ที่นมัสการพระเท็จ แต่นั่นเป็นสิ่งที่คริสเตียนยุคแรกซึ่งปฏิเสธการอะลุ่มอล่วยในเรื่องนี้ไม่อาจทำตามได้. ดังนั้น เมื่อการปกครองของโดมิเทียนใกล้สิ้นสุด (ส.ศ. 81-96) จึงเกิดการข่มเหงอย่างรุนแรงแก่คริสเตียน. คิดกันว่าโยฮันถูกโดมิเทียนเนรเทศไปที่เกาะปัตโมส. เมื่อโดมิเทียนถูกลอบสังหารในปี ส.ศ. 96 จักรพรรดิเนอร์วาที่ยอมให้มีเสรีภาพทางศาสนามากกว่าได้สืบตำแหน่งแทน ซึ่งปรากฏว่าได้ปล่อยตัวโยฮัน. ระหว่างการคุมขังที่เกาะปัตโมสนี้เองที่โยฮันได้รับนิมิตซึ่งท่านเขียนไว้.
6. เราควรเข้าใจพระธรรมวิวรณ์เช่นไร และอาจแบ่งพระธรรมนี้ได้อย่างไร?
6 เราต้องเข้าใจว่าเรื่องที่โยฮันเห็นและได้รับคำสั่งให้เขียนถึงประชาคมต่าง ๆ ไม่ใช่แค่ชุดนิมิตที่ไม่สัมพันธ์กันซึ่งบันทึกไว้อย่างลวก ๆ. เปล่าเลย พระธรรมวิวรณ์ทั้งเล่มตั้งแต่ต้นจนจบ ให้ภาพที่ต่อเนื่องกันเกี่ยวกับสิ่งซึ่งจะมีมา โดยดำเนินเรื่องทีละนิมิตจนบรรลุขั้นที่พระประสงค์ต่าง ๆ แห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าได้รับการเปิดเผยอย่างครบถ้วนในตอนจบของนิมิตต่าง ๆ. เราจึงควรเข้าใจพระธรรมวิวรณ์ทั้งเล่มและเข้าใจว่าพระธรรมนี้ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่สอดคล้องและเกี่ยวเนื่องกันซึ่งนำเราไปยังอนาคตที่ห่างไกลจากสมัยของโยฮัน. หลังจากคำนำ (วิ. 1:1-9) จะเห็นได้ว่าพระธรรมนี้แบ่งออกเป็น 16 นิมิตคือ: (1) 1:10–3:22; (2) 4:1–5:14; (3) 6:1-17; (4) 7:1-17; (5) 8:1–9:21; (6) 10:1–11:19; (7) 12:1-17; (8) 13:1-18; (9) 14:1-20; (10) 15:1–16:21; (11) 17:1-18; (12) 18:1–19:10; (13) 19:11-21; (14) 20:1-10; (15) 20:11–21:8; (16) 21:9–22:5. ต่อจากนิมิตเหล่านี้เป็นคำลงท้ายที่กระตุ้นใจซึ่งพระยะโฮวา, พระเยซู, ทูตสวรรค์, และโยฮันต่างก็ตรัสและพูดเป็นส่วนเสริมตอนท้ายในฐานะบุคคลสำคัญในร่องทางการสื่อสาร.—22:6-21.
เนื้อเรื่องในพระธรรมวิวรณ์
7. โยฮันกล่าวอย่างไรเรื่องแหล่งที่มาของวิวรณ์ และท่านบอกว่าท่านมีส่วนร่วมในสิ่งใดบ้างกับคนเหล่านั้นในประชาคมทั้งเจ็ด?
7 คำนำ (1:1-9). โยฮันอธิบายแหล่งที่มาซึ่งเป็นของพระเจ้า และส่วนที่ทูตสวรรค์มีในร่องทางการประทานวิวรณ์ แล้วท่านจึงกล่าวต่อไปกับผู้ที่อยู่ในประชาคมทั้งเจ็ดในแคว้นเอเชีย. พระเยซูคริสต์ทรงทำให้พวกเขา “เป็นราชอาณาจักรและเป็นปุโรหิตแด่พระเจ้าและพระบิดาของพระองค์” คือพระยะโฮวาพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ. โยฮันเตือนพวกเขาให้ระลึกว่าท่านเป็นผู้มีส่วนร่วมกับพวกเขา “ในความทุกข์ลำบากและราชอาณาจักรและความอดทนด้วยกันกับพระเยซู” คือถูกเนรเทศไปอยู่ที่เกาะปัตโมส.—1:6, 9, ล.ม.
8. (ก) โยฮันได้รับคำสั่งให้ทำอะไร? (ข) ท่านเห็นใครท่ามกลางเชิงตะเกียง และพระองค์ผู้นี้อธิบายอะไร?
8 ข่าวสารถึงเจ็ดประชาคม (1:10–3:22). ขณะที่นิมิตแรกเริ่มต้น โยฮันได้พบโดยการดลใจว่าตนเองอยู่ในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า. มีพระสุรเสียงดังดุจเสียงแตรบอกให้ท่านเขียนสิ่งที่ท่านเห็นลงในม้วนหนังสือและให้ส่งไปยังเจ็ดประชาคมคือ ในเอเฟโซส์, ซมือร์นา, เปอร์กาโมส์, ธุอาทิรา, ซาร์ดิส, ฟีลาเดลเฟีย, และลาโอดิเคีย. เมื่อหันมาทางพระสุรเสียงนั้น โยฮันเห็น “ผู้หนึ่งเหมือนกับบุตรของมนุษย์” อยู่ท่ามกลางเชิงตะเกียงเจ็ดคัน มีดาวเจ็ดดวงอยู่บนพระหัตถ์เบื้องขวา. พระองค์ผู้นี้ระบุตนเองว่าเป็น “ผู้แรกและผู้สุดท้าย” ผู้ที่เคยตายแต่บัดนี้มีชีวิตอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และผู้มีกุญแจแห่งความตายและแห่งฮาเดส. ฉะนั้น พระองค์ก็คือพระเยซูคริสต์ผู้คืนพระชนม์. พระองค์อธิบายว่า “ดวงดาวเจ็ดดวงนั้นหมายถึงเหล่าทูตสวรรค์ของเจ็ดประชาคม และเชิงตะเกียงเจ็ดคันนั้นหมายถึงเจ็ดประชาคม.”—1:13, 17, 20, ล.ม.
9. มีการให้คำชมเชยและคำแนะนำอะไรแก่ประชาคมในเอเฟโซส์, ซมือร์นา, เปอร์กาโมส์, และธุอาทิรา?
9 โยฮันได้รับคำสั่งให้เขียนไปยังทูตแห่งประชาคมที่เอเฟโซส์ซึ่งแม้ว่าทำงานหนัก, เพียรอดทน และไม่ยอมทนกับคนเลว แต่กลับละทิ้งความรักซึ่งเคยมีตอนแรก และควรกลับใจและทำอย่างแต่ก่อน. ประชาคมในซมือร์นาได้รับแจ้งว่า ทั้ง ๆ ที่มีความทุกข์ลำบากและความยากจน แต่แท้จริงแล้วพวกเขามั่งคั่งและไม่ควรกลัว: “เจ้าจงพิสูจน์ตัวซื่อสัตย์ตราบเท่าวันตาย และเราจะให้มงกุฎแห่งชีวิตแก่เจ้า.” ประชาคมในเปอร์กาโมส์ซึ่งอยู่ท่ามกลาง “ที่ซึ่งมีบัลลังก์ของซาตาน” ยังยึดมั่นกับพระนามของพระคริสต์ แต่มีพวกออกหากท่ามกลางพวกเขา และคนเหล่านั้นต้องกลับใจ มิฉะนั้นพระคริสต์จะทรงทำสงครามกับพวกเขาด้วยพระแสงดาบยาวแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์. ในธุอาทิรา ประชาคมมี “ความรักและความเชื่อและงานรับใช้และความเพียรอดทน” แต่พวกเขาทนกับ “อีซาเบลหญิงคนนั้น.” อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ซื่อสัตย์มั่นคงจะได้รับ “อำนาจเหนือชาติต่าง ๆ.”—2:10, 13, 19, 20, 26, ล.ม.
10. มีการส่งข่าวสารอะไรถึงประชาคมในซาร์ดิส, ฟีลาเดลเฟีย, และลาโอดิเคีย?
10 ประชาคมในซาร์ดิสมีชื่อว่ามีชีวิตอยู่ แต่ประชาคมนี้ตายแล้วเพราะการกระทำของพวกเขาไม่ครบถ้วนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า. อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีชัยชนะจะไม่ถูกลบชื่อจากหนังสือแห่งชีวิต. ประชาคมในฟีลาเดลเฟียปฏิบัติตามถ้อยคำของพระคริสต์ พระองค์จึงทรงสัญญาจะรักษาประชาคมนี้ “ให้พ้นจากชั่วโมงแห่งการทดสอบด้วย ซึ่งจะต้องมีมาทั่วแผ่นดินโลกทั้งสิ้นที่มีคนอาศัยอยู่.” พระคริสต์จะทรงโปรดให้ผู้ที่มีชัยชนะเป็นเสาในพระวิหารแห่งพระเจ้าของพระองค์. พระคริสต์ตรัสว่า “ที่ตัวของผู้นั้นเราจะเขียนพระนามพระเจ้าของเราและชื่อเมืองของพระเจ้าของเรา คือเยรูซาเลมใหม่ . . . และนามใหม่นั้นของเรา.” โดยตรัสถึงพระองค์เองว่าเป็น “เบื้องต้นแห่งการทรงสร้างโดยพระเจ้า” พระคริสต์ทรงบอกประชาคมในลาโอดิเคีย (ละโอดีไกอะ) ว่าพวกเขาทั้งไม่ร้อนและไม่เย็นและจะถูกสำรอกออกจากปากของพระองค์. แม้จะอวดว่าร่ำรวย แต่จริง ๆ แล้วคนที่อยู่ในประชาคมนี้ยากจน, ตาบอด, และเปลือยกาย. พวกเขาจำเป็นต้องมีเสื้อชั้นนอกสีขาวและจำเป็นต้องมียาทาตาเพื่อจะมองเห็น. พระคริสต์จะเสด็จมาและรับประทานอาหารกับใครก็ตามที่เปิดประตูให้พระองค์. พระคริสต์จะให้คนที่มีชัยชนะนั่งกับพระองค์บนราชบัลลังก์ของพระองค์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงประทับนั่งกับพระบิดาบนราชบัลลังก์ของพระบิดา.—3:10, 12, 14, ล.ม.
11. ต่อจากนั้นมีนิมิตอันงามล้ำเลิศอะไรให้โยฮันเอาใจใส่?
11 นิมิตเรื่องความบริสุทธิ์และสง่าราศีของพระยะโฮวา (4:1–5:14). นิมิตที่สองนำเรามาอยู่ตรงหน้าราชบัลลังก์ฝ่ายสวรรค์อันรุ่งโรจน์งดงามของพระยะโฮวา. ฉากที่งามพร่างพราวราวอัญมณีล้ำค่าที่ส่องแสงระยับ. รอบราชบัลลังก์มีผู้ปกครอง 24 คนสวมมงกุฎนั่งอยู่. สิ่งมีชีวิตสี่ตนกล่าวว่าความบริสุทธิ์เป็นของพระยะโฮวา และพระองค์ได้รับการนมัสการอย่างที่คู่ควร “จะได้รับสง่าราศีและเกียรติยศและฤทธิ์เดช” เพราะทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง.—4:11, ล.ม.
12. ใครเท่านั้นที่คู่ควรจะแกะม้วนหนังสือที่มีตราเจ็ดดวง?
12 “พระองค์ผู้ประทับบนราชบัลลังก์” ทรงถือม้วนหนังสือที่มีตราเจ็ดดวง. แต่ใครล่ะที่คู่ควรจะแกะตรา? เฉพาะ “สิงโตแห่งตระกูลยูดา รากของดาวิด” เท่านั้นที่คู่ควร! พระองค์ผู้นี้ซึ่งเป็น “พระเมษโปดกซึ่งถูกปลงพระชนม์” ทรงรับม้วนหนังสือจากพระยะโฮวา.—5:1, 5, 12, ล.ม.
13. มีชุดนิมิตอะไรเกิดขึ้นเมื่อแกะตราหกดวงแรก?
13 พระเมษโปดกทรงแกะตราหกดวงของม้วนหนังสือ (6:1–7:17). บัดนี้นิมิตที่สามเริ่มต้น. พระเมษโปดกเริ่มแกะตรา. ทีแรก มีผู้นั่งบนม้าขาวตัวหนึ่งออกไป “อย่างมีชัยและเพื่อทำให้ชัยชนะของตนครบถ้วน.” จากนั้น ผู้ขี่ม้าสีเพลิงเอาสันติสุขไปจากแผ่นดินโลก และอีกผู้หนึ่งบนหลังม้าสีดำชั่งปันส่วนธัญญาหาร. ความตายขี่ม้าสีกะเลียวและฮาเดสติดตามมาอย่างใกล้ชิด. ตราดวงที่ห้าถูกแกะและได้เห็น “คนเหล่านั้นที่ถูกฆ่าฟันเนื่องด้วยพระคำของพระเจ้า” ร้องเรียกให้แก้แค้นเพื่อโลหิตของพวกเขา. (6:2, 9, ล.ม.) เมื่อแกะตราดวงที่หก มีแผ่นดินไหวใหญ่ ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็มืดไป และพวกผู้มีอำนาจแห่งแผ่นดินโลกได้ร้องเรียกให้ภูเขาพังลงมาบนพวกเขาและบังซ่อนพวกเขาไว้จากพระยะโฮวาและจากพระพิโรธของพระเมษโปดก.
14. ต่อจากนั้นมีการเห็นอะไรเกี่ยวกับทาสของพระเจ้าและชนฝูงใหญ่ที่นับประมาณไม่ได้?
14 หลังจากนั้น นิมิตที่สี่เริ่มต้น. มีทูตสวรรค์สี่องค์ห้ามลมทั้งสี่ของแผ่นดินโลกไว้จนกว่าทาสทั้งหลายของพระเจ้าได้รับการประทับตราที่หน้าผากแล้ว. พวกเขามีจำนวน 144,000 คน. ต่อจากนั้น โยฮันเห็นชนฝูงใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนจากชาติทั้งปวงยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและพระเมษโปดกผู้ทำให้พวกเขาได้รับความรอด พวกเขาถวายการรับใช้ทั้งกลางวันกลางคืนในพระวิหารของพระเจ้า. พระเมษโปดกเอง “จะบำรุงเลี้ยงพวกเขา และจะทรงนำเขาไปถึงน้ำพุทั้งหลายแห่งชีวิต.”—7:17, ล.ม.
15. เกิดอะไรขึ้นหลังจากการแกะตราดวงที่เจ็ด?
15 ตราดวงที่เจ็ดถูกแกะ (8:1–12:17). มีความเงียบในสวรรค์. จากนั้นทูตสวรรค์เจ็ดองค์ได้รับแตรเจ็ดคัน. การเป่าแตรหกคันแรกประกอบกันเป็นนิมิตที่ห้า.
16. (ก) เกิดอะไรขึ้นเมื่อมีการเป่าแตรห้าคันแรกตามลำดับ และวิบัติแรกในวิบัติสามประการคืออะไร? (ข) แตรคันที่หกประกาศเรื่องอะไร?
16 ขณะที่มีการเป่าแตรสามคันแรกตามลำดับ ความหายนะก็ตกลงบนแผ่นดินโลก, ทะเล, และแม่น้ำ รวมทั้งน้ำพุทั้งหลาย. เมื่อเป่าแตรคันที่สี่ หนึ่งในสามส่วนของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวก็มืดไป. เมื่อเป่าแตรคันที่ห้า ดาวดวงหนึ่งจากสวรรค์ปล่อยวิบัติตั๊กแตนซึ่งโจมตี “คนเหล่านั้นที่ไม่มีดวงตราของพระเจ้าที่หน้าผาก.” นี่เป็น “วิบัติหนึ่ง” และวิบัติอีกสองอย่างจะมีมา. แตรคันที่หกประกาศการปล่อยทูตสวรรค์สี่องค์ซึ่งออกมาเพื่อประหาร. ทหารม้า “สองหมื่นคูณหลายหมื่น” นำความหายนะและการประหัตประหารมาเพิ่มอีก แต่ผู้คนก็ยังไม่กลับใจจากการทำชั่วของตน.—9:4, 12, 16, ล.ม.
17. เหตุการณ์อะไรถึงจุดสุดยอดเมื่อมีคำประกาศว่าวิบัติที่สองผ่านไปแล้ว?
17 ขณะที่นิมิตที่หกเริ่มขึ้น ทูตสวรรค์มีฤทธิ์อีกองค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์และประกาศว่า “ในสมัยที่มีเสียงของทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ด . . . ความลับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าตามข่าวดี” จะถูกทำให้สำเร็จ. โยฮันได้รับหนังสือม้วนเล็กมากิน. ม้วนหนังสือนั้น “หวานดุจน้ำผึ้ง” ในปากท่าน แต่ทำให้ท้องท่านขม. (10:7, 9, ล.ม.) พยานสองคนนุ่งผ้ากระสอบพยากรณ์อยู่ 1,260 วัน; แล้วพวกเขาถูกฆ่าโดย “สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากเหว” และศพพวกเขาถูกทิ้งไว้ “บนถนนกว้างของเมืองใหญ่” นานสามวันครึ่ง. คนที่อาศัยบนแผ่นดินโลกต่างก็ดีใจที่พวกเขาตาย แต่การดีใจนี้กลายเป็นความหวาดกลัวเมื่อพระเจ้าปลุกพวกเขาให้มีชีวิต. ในชั่วโมงนั้นเกิดแผ่นดินไหวใหญ่. “วิบัติที่สองก็ผ่านไปแล้ว.”—11:7, 8, 14, ล.ม
18. มีคำประกาศสำคัญอะไรเกิดขึ้นเมื่อเป่าแตรคันที่เจ็ด และบัดนี้เป็นเวลากำหนดสำหรับอะไร?
18 ตอนนี้ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเป่าแตรของท่าน. เสียงต่าง ๆ ในสวรรค์ประกาศว่า “อาณาจักรของโลกได้กลายเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและของพระคริสต์ของพระองค์.” “ผู้ปกครองยี่สิบสี่คน” นมัสการพระเจ้าและขอบพระคุณพระองค์ แต่นานาชาติโกรธแค้น. นั่นเป็นเวลากำหนดที่พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนตายและประทานบำเหน็จแก่เหล่าผู้บริสุทธิ์ของพระองค์และ “ทำลายคนเหล่านั้นที่ทำลายแผ่นดินโลก.” สถานศักดิ์สิทธิ์ของพระวิหารของพระองค์ในสวรรค์ถูกเปิด และได้เห็นหีบสัญญาไมตรีของพระองค์ในนั้น.—11:15, 16, 18, ล.ม.
19. เราเห็นหมายสำคัญและสงครามอะไรในสวรรค์ และผลเป็นอย่างไร?
19 ต่อจากการประกาศการสถาปนาราชอาณาจักร นิมิตที่เจ็ดแสดงให้เห็น “หมายสำคัญใหญ่” ในสวรรค์ทันที. นั่นคือผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคลอด “บุตรชาย เป็นผู้ชาย ผู้ซึ่งจะต้องเลี้ยงชาติทั้งปวงด้วยคทาเหล็ก.” “พญานาคใหญ่สีเพลิงตัวหนึ่ง” ยืนอยู่พร้อมจะเขมือบเด็กนั้น แต่เด็กนั้นถูกรับไปยังราชบัลลังก์ของพระเจ้า. มิคาเอลทำสงครามกับพญานาคนั้น และท่านเหวี่ยง “งูตัวแรกเดิมนั้น ผู้ถูกเรียกว่าพญามารและซาตาน” ลงมาที่แผ่นดินโลก. นั่นเป็น “วิบัติแก่แผ่นดินโลก”! พญานาคข่มเหงผู้หญิงและออกไปทำสงครามกับพงศ์พันธุ์ที่เหลืออยู่ของผู้หญิง.—12:1, 3, 5, 9, 12, ล.ม.; 8:13, ล.ม.
20. ต่อจากนั้นมีสัตว์ร้ายอะไรสองตัวปรากฏในนิมิต และพวกมันชักนำมนุษย์บนแผ่นดินโลกอย่างไร?
20 สัตว์ร้ายจากทะเล (13:1-18). มาบัดนี้ นิมิตที่แปดแสดงให้เห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งมีเจ็ดหัวและสิบเขาขึ้นมาจากทะเล. มันได้รับฤทธิ์เดชจากพญานาค. หัวหนึ่งของมันประหนึ่งถูกฟันถึงตาย แต่มันได้รับการรักษาให้หาย และแผ่นดินโลกทั้งสิ้นยกย่องสัตว์ร้ายนั้น. มันพูดสบประมาทพระเจ้าและทำสงครามกับเหล่าผู้บริสุทธิ์. แต่ดูเถิด! โยฮันเห็นสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่ง ตัวนี้ขึ้นมาจากแผ่นดินโลก. มันมีสองเขาเหมือนลูกแกะ แต่มันเริ่มพูดเหมือนพญานาค. มันชักนำประชากรแห่งแผ่นดินโลกให้หลงผิดและบอกพวกเขาให้ทำรูปแก่สัตว์ร้ายตัวแรก. ทุกคนถูกบังคับให้นมัสการรูปนี้มิฉะนั้นจะถูกฆ่า. ถ้าไม่มีเครื่องหมายหรือเลขของสัตว์ร้ายนั้น ไม่มีใครจะซื้อขายได้. เลขนั้นคือ 666.
21. โยฮันเห็นอะไรบนภูเขาซีโอน พวกทูตสวรรค์มีอะไรและประกาศอะไร และเถาองุ่นแห่งแผ่นดินโลกถูกกำจัดอย่างไร?
21 “ข่าวดีนิรันดร์” และข่าวสารที่เกี่ยวข้อง (14:1-20). ในนิมิตที่เก้า ในสภาพอันน่ายินดีที่แตกต่างไป โยฮันเห็นพระเมษโปดกบนภูเขาซีโอน และมี 144,000 คนซึ่งมีพระนามของพระเมษโปดกและของพระบิดาที่หน้าผากอยู่กับพระองค์. “พวกเขาร้องเพลงประหนึ่งเพลงบทใหม่ต่อหน้าราชบัลลังก์” โดยที่ถูก “ซื้อจากท่ามกลางมนุษยชาติเป็นผลแรกแด่พระเจ้าและแด่พระเมษโปดก.” ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งปรากฏอยู่กลางฟ้าสวรรค์ มี “ข่าวดีนิรันดร์จะประกาศเป็นข่าวน่ายินดี” แก่ทุก ๆ ชาติและประกาศว่า “จงเกรงกลัวพระเจ้าและถวายเกียรติแด่พระองค์.” และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งประกาศว่า “บาบูโลนใหญ่ล่มจมแล้ว!” ทูตสวรรค์องค์ที่สามประกาศว่าผู้ที่นมัสการสัตว์ร้ายและรูปของมันจะดื่มพระพิโรธของพระเจ้า. ผู้หนึ่ง “เหมือนบุตรของมนุษย์” ใช้เคียวเกี่ยว และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ใช้เคียวเกี่ยวเช่นกันและเก็บรวบรวมเถาองุ่นแห่งแผ่นดินโลกและเหวี่ยงลง “บ่อย่ำองุ่นอันใหญ่แห่งพระพิโรธของพระเจ้า.” ขณะที่บ่อย่ำองุ่นถูกย่ำอยู่ภายนอกเมือง โลหิตก็ไหลออกมาสูงถึงบังเหียนม้า “เป็นระยะทางถึงหนึ่งพันหกร้อยสตาดิอน.” (ประมาณ 296 กิโลเมตร).—14:3, 4, 6-8, 14, 19, 20, ล.ม.
22. (ก) ต่อจากนั้นผู้ใดยกย่องพระยะโฮวา และเพราะเหตุใด? (ข) ขันเจ็ดใบแห่งพระพิโรธของพระเจ้าถูกเทลงที่ไหน และเกิดเหตุการณ์สะเทือนโลกอะไรบ้าง?
22 ทูตสวรรค์กับภัยพิบัติเจ็ดประการ (15:1–16:21). นิมิตที่สิบเริ่มด้วยการเห็นราชสำนักในสวรรค์อีกแวบหนึ่ง. ผู้ที่ได้ชัยชนะเหนือสัตว์ร้ายถวายเกียรติยศแด่พระยะโฮวา “พระมหากษัตริย์แห่งนิรันดร์กาล” เนื่องด้วยราชกิจอันยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ของพระองค์. ทูตสวรรค์เจ็ดองค์ออกมาจากสถานศักดิ์สิทธิ์ในสวรรค์และได้รับมอบขันทองคำเจ็ดใบที่เต็มไปด้วยพระพิโรธของพระเจ้า. ขันหกใบแรกถูกเทลงที่แผ่นดินโลก, ทะเล, แม่น้ำ, และน้ำพุ รวมทั้งบนดวงอาทิตย์, ที่นั่งของสัตว์ร้าย, และแม่น้ำยูเฟรทิส ทำให้น้ำในแม่น้ำนี้แห้งไปเพื่อเตรียมทางไว้สำหรับ “กษัตริย์เหล่านั้นจากตะวันออก.” คำชักจูงของผีปิศาจรวบรวม ‘กษัตริย์ทั้งหลายทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่เพื่อไปสู่สงครามแห่งวันใหญ่ของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ” ณ ฮาร์–มาเกดโอน. ขันใบที่เจ็ดถูกเทลงบนอากาศ และท่ามกลางปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัว เมืองใหญ่นั้นแยกออกเป็นสามส่วน เมืองทั้งหลายของชาติต่าง ๆ พังลง และบาบูโลนได้รับ ‘ถ้วยเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธแห่งความกริ้วของพระเจ้า.’—15:3; 16:12, 14, 19, ล.ม.
23. (ก) พระเจ้าทรงลงโทษตามการพิพากษาต่อบาบูโลนใหญ่อย่างไร? (ข) คำประกาศและการร้องไห้คร่ำครวญอะไรที่มีขึ้นพร้อมกับการล่มจมของบาบูโลน และมีเสียงร้องสรรเสริญด้วยความยินดีอะไรได้ยินไปทั่วฟ้าสวรรค์?
23 การพิพากษาของพระเจ้าต่อบาบูโลน; การสมรสของพระเมษโปดก (17:1–19:10). นิมิตที่ 11 เริ่มต้น. ดูเถิด! นี่คือการพิพากษาของพระเจ้าต่อ “บาบูโลนใหญ่ แม่ของหญิงแพศยาทั้งหลาย,” “ผู้ซึ่งกษัตริย์ทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกได้ทำผิดประเวณีด้วย.” ด้วยความเมามายด้วยเลือดของเหล่าผู้บริสุทธิ์ นางขี่สัตว์ร้ายสีแดงเข้มที่มีเจ็ดหัวและสิบเขา. สัตว์ร้ายนี้ “เคยเป็น แต่บัดนี้มิได้เป็น และกระนั้นก็กำลังจะขึ้นมาจากเหว.” สิบเขาของมันสู้รบกับพระเมษโปดก แต่เพราะพระองค์เป็น “เจ้านายแห่งเจ้านายทั้งหลายและกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย” พระองค์ทรงชนะพวกมัน. สิบเขานั้นหันมาเขมือบหญิงแพศยา และพร้อมกับการเริ่มต้นของนิมิตที่ 12 ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งซึ่งสง่าราศีของท่านทำให้แผ่นดินโลกสว่างไสวประกาศว่า “เมืองนั้นล่มจมแล้ว! บาบูโลนใหญ่ล่มจมแล้ว!” ไพร่พลของพระเจ้าได้รับคำสั่งให้ออกมาจากเมืองนี้ มิฉะนั้นเขาจะต้องมีส่วนร่วมในภัยพิบัติของเมืองนี้. กษัตริย์ทั้งหลายและผู้มีอำนาจคนอื่น ๆ แห่งแผ่นดินโลกต่างร่ำไห้เพราะเมืองนั้น กล่าวว่า “น่าเสียดาย น่าเสียดาย เมืองใหญ่เช่นนี้ บาบูโลนเมืองอันแข็งแรง เพราะในชั่วโมงเดียวการพิพากษาของเจ้ามาถึงแล้ว!” ความร่ำรวยมากมายของเมืองนั้นถูกล้างผลาญไปสิ้น. เหมือนหินโม่ใหญ่ถูกเหวี่ยงลงในทะเล บาบูโลนจะถูกเหวี่ยงลงโดยฉับไว จะไม่มีใครพบอีกเลย. ในที่สุด โลหิตแห่งเหล่าผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าก็ได้รับการแก้แค้นให้! ในสวรรค์มีเสียงร้องดังสี่ครั้งว่า “ท่านทั้งหลาย จงสรรเสริญยาห์!” จงสรรเสริญยาห์เพราะพระองค์ได้ทรงลงโทษตามคำพิพากษาแก่หญิงแพศยาคนสำคัญ! จงสรรเสริญยาห์เพราะพระยะโฮวาทรงเริ่มปกครองเป็นกษัตริย์แล้ว! จงชื่นชมยินดีและปลื้มปีติเพราะ “การอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกมาถึงแล้วและมเหสีของพระองค์ได้เตรียมตัวแล้ว”!—17:2, 5, 8, 14, ล.ม.; 18:2, 10, ล.ม.; 19:1, 3, 4, 6, 7, ล.ม.
24. (ก) สงครามที่พระเมษโปดกทำนั้นเด็ดขาดขนาดไหน? (ข) เกิดอะไรขึ้นระหว่างสมัยพันปี และมีอะไรตามมาในตอนท้าย?
24 พระเมษโปดกทำสงครามด้วยความชอบธรรม (19:11–20:10). ในนิมิตที่ 13 “กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งหลาย” ทรงนำกองทัพฝ่ายสวรรค์ในสงครามแห่งความชอบธรรม. กษัตริย์ทั้งหลายและคนที่เข้มแข็งกลายเป็นซากศพสำหรับนกแห่งฟ้าสวรรค์ และสัตว์ร้ายกับผู้พยากรณ์เท็จถูกเหวี่ยงทั้งเป็นลงในบึงไฟซึ่งไหม้ด้วยกำมะถัน. (19:16, ล.ม.) ขณะที่นิมิตที่ 14 เริ่มต้น ปรากฏทูตสวรรค์องค์หนึ่ง “ออกจากสวรรค์ลงมา มีลูกกุญแจแห่งเหวและโซ่ใหญ่อยู่ในมือ.” “พญานาค งูตัวแรกเดิมนั้น ผู้เป็นพญามารและซาตาน” ถูกจับและมัดไว้เป็นเวลาหนึ่งพันปี. ผู้ที่มีส่วนในการกลับเป็นขึ้นจากตายที่หนึ่งได้เป็น ‘ปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และปกครองเป็นกษัตริย์กับพระองค์ตลอดพันปี.’ หลังจากนั้น ซาตานจะถูกปล่อยและจะออกไปชักนำชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกให้หลง แต่มันกับผู้ที่ติดตามมันจะถูกเหวี่ยงลงในบึงไฟ.—20:1, 2, 6, ล.ม.
25. นิมิตที่น่าตื่นเต้นอะไรตามมา และใครจะได้รับสิ่งต่าง ๆ ที่เห็นนั้นเป็นมรดก?
25 วันพิพากษาและสง่าราศีแห่งเยรูซาเลมใหม่ (20:11–22:5). นิมิตที่ 15 อันน่าตื่นเต้นติดตามมา. คนตาย ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยถูกพิพากษาต่อหน้าราชบัลลังก์ใหญ่สีขาวของพระเจ้า. ความตายและฮาเดสถูกเหวี่ยงลงในบึงไฟ ซึ่ง “หมายถึงความตายที่สอง” และพร้อมกันนั้น คนที่ไม่มีชื่อเขียนไว้ในหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกเหวี่ยงลงในบึงไฟ. เยรูซาเลมใหม่ออกจากสวรรค์ลงมา และพระเจ้าทรงตั้งพลับพลาอยู่กับมนุษยชาติ ทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา. ความตาย, ความทุกข์โศก, เสียงร้อง หรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีกเลย! ถูกแล้ว พระเจ้าทรง “กำลังทำสิ่งทั้งปวงให้ใหม่” และพระองค์ทรงยืนยันคำสัญญาของพระองค์โดยตรัสว่า “จงเขียนไว้เถิด เพราะถ้อยคำเหล่านี้สัตย์ซื่อและสัตย์จริง.” ผู้ที่มีชัยชนะจะได้รับสิ่งเหล่านี้เป็นมรดก แต่คนขลาด คนที่ปราศจากความเชื่อ และคนที่ผิดศีลธรรมหรือทำกิจเกี่ยวกับผีปิศาจ หรือไหว้รูปเคารพจะไม่ได้รับ.—20:14; 21:1, 5, ล.ม.
26. (ก) มีการให้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเยรูซาเลมใหม่? (ข) เราเห็นสิ่งค้ำจุนชีวิตอะไรบ้างในเมืองนั้น และแสงสว่างของเมืองนั้นมาจากไหน?
26 บัดนี้ ในนิมิตที่ 16 และเป็นนิมิตสุดท้าย โยฮันเห็น “มเหสีของพระเมษโปดก” เยรูซาเลมใหม่ซึ่งมีประตู 12 ประตูและฐานศิลา 12 ก้อนซึ่งมีชื่อของอัครสาวก 12 คน. เมืองนั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและความรุ่งโรจน์งดงามของเมืองนั้นมาจากแจสเพอร์, ทองคำ, และไข่มุก. พระยะโฮวาและพระเมษโปดกทรงเป็นพระวิหารของเมืองนั้น และพระองค์ทั้งสองยังทรงเป็นแสงสว่างของเมืองนั้นด้วย. เฉพาะผู้ที่มีชื่อเขียนไว้ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกจึงจะเข้าไปในเมืองนั้นได้. (21:9, ล.ม.) แม่น้ำแห่งชีวิตที่ใสบริสุทธิ์ไหลออกมาจากราชบัลลังก์ลงไปตามถนนกว้างของเมืองนั้น และบนแต่ละฝั่งมีต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งผลิตผลใหม่ทุกเดือนและมีใบสำหรับการรักษา. ราชบัลลังก์ของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะอยู่ในเมืองนั้น และทาสทั้งหลายของพระเจ้าจะเห็นพระพักตร์ของพระองค์. “พระยะโฮวาพระเจ้าจะทรงให้ความสว่างแก่เขา และพวกเขาจะปกครองเป็นกษัตริย์ตลอดไปเป็นนิตย์.”—22:5, ล.ม.
27. (ก) โยฮันได้รับคำรับรองอะไรเกี่ยวกับคำพยากรณ์? (ข) พระธรรมวิวรณ์จบลงด้วยคำเชิญและคำเตือนอะไรที่นับว่าสำคัญมาก?
27 คำลงท้าย (22:6-21). มีการให้คำรับรองว่า “ถ้อยคำเหล่านี้วางใจได้และสัตย์จริง.” แท้จริงแล้ว ความสุขมีแก่ทุกคนที่ปฏิบัติตามถ้อยคำแห่งคำพยากรณ์นี้! เมื่อได้เห็นและได้ยินสิ่งเหล่านี้ โยฮันทรุดตัวลงเพื่อจะนมัสการทูตสวรรค์ ผู้ซึ่งเตือนใจท่านให้นมัสการเฉพาะพระเจ้าเท่านั้น. ถ้อยคำแห่งคำพยากรณ์ต้องไม่ถูกประทับตรา “ด้วยว่าเวลากำหนดใกล้เข้ามาแล้ว.” ความสุขมีแก่ผู้ที่ได้เข้าไปในเมืองนั้น เพราะภายนอกนั้นมีแต่ความโสโครกและ “ทุกคนที่ชอบและทำการมุสา.” พระเยซูตรัสว่า พระองค์เองที่ส่งคำพยานนี้ถึงประชาคมต่าง ๆ โดยทูตสวรรค์ของพระองค์ และพระองค์ “เป็นรากและเชื้อสายของดาวิด และดาวรุ่งอันสุกใส.” “และพระวิญญาณและเจ้าสาวกล่าวไม่หยุดว่า ‘มาเถิด!’ และให้คนใด ๆ ที่ได้ยินกล่าวว่า ‘มาเถิด!’ และให้คนใด ๆ ที่กระหายมาเถิด; ให้คนใด ๆ ที่ปรารถนามารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียค่า.” และอย่าให้ผู้ใดเพิ่มหรือเอาอะไรไปจากถ้อยคำแห่งคำพยากรณ์นี้ มิฉะนั้นส่วนของเขาจะถูกเอาไป “จากต้นไม้ทั้งหลายแห่งชีวิตและจากเมืองบริสุทธิ์.”—22:6, 10, 15-17, 19, ล.ม.
เหตุที่เป็นประโยชน์
28. เราเข้าใจได้โดยตัวอย่างอะไรว่า พระธรรมวิวรณ์ปิดบันทึกที่เริ่มไว้ในตอนต้นของคัมภีร์ไบเบิล?
28 พระธรรมวิวรณ์ให้บทลงท้ายที่รุ่งโรจน์จริง ๆ สำหรับพระธรรมที่มีขึ้นโดยการดลใจทั้ง 66 เล่มในคัมภีร์ไบเบิล! ไม่มีอะไรถูกตัดทอน. ไม่มีตอนใดจบแบบหละหลวม. บัดนี้เราเห็นตอนจบอันยิ่งใหญ่อย่างชัดเจนเช่นเดียวกับตอนเริ่มต้น. ตอนสุดท้ายของพระคัมภีร์ปิดบันทึกที่เริ่มไว้ในตอนต้น. ดังที่เยเนซิศ 1:1 พรรณนาการที่พระเจ้าทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ดังนั้น วิวรณ์ 21:1-4 ก็พรรณนาถึงฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่รวมทั้งสิ่งดี ๆ นานัปการซึ่งจะมีมาสู่มนุษยชาติดังที่มีพยากรณ์ไว้เช่นเดียวกันที่ยะซายา 65:17, 18; 66:22; และ 2 เปโตร 3:13. มนุษย์คนแรกได้รับแจ้งว่า ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง เขาจะต้องตายอย่างแน่นอนฉันใด พระเจ้าก็ตรัสรับรองอย่างแน่นอนฉันนั้นว่า สำหรับคนที่เชื่อฟัง “ความตายจะไม่มีอีกต่อไป.” (เย. 2:17; วิ. 21:4, ล.ม.) เมื่องูปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในฐานะผู้ล่อลวงมนุษย์ พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าถึงการบดขยี้หัวของมัน และพระธรรมวิวรณ์เปิดเผยวิธีที่งูตัวแรกเดิม ซึ่งก็คือพญามารและซาตาน ถูกเหวี่ยงลงสู่ความพินาศในที่สุด. (เย. 3:1-5, 15; วิ. 20:10) ขณะที่มนุษย์ที่ไม่เชื่อฟังถูกขับออกไปจากต้นไม้แห่งชีวิตในสวนเอเดน ต้นไม้แห่งชีวิตโดยนัยก็ปรากฏขึ้น “สำหรับรักษาชาติต่าง ๆ” แห่งมนุษยชาติที่เชื่อฟัง. (เย. 3:22-24; วิ. 22:2, ล.ม.) มีแม่น้ำไหลออกจากสวนเอเดนเพื่อหล่อเลี้ยงสวนฉันใด ก็มีการให้ภาพแม่น้ำโดยนัยที่ให้ชีวิตและค้ำจุนชีวิตว่าไหลออกมาจากราชบัลลังก์ของพระเจ้าฉันนั้น. ข้อนี้คล้ายกับนิมิตของยะเอศเคลที่มีก่อนหน้านั้น และยังทำให้เราระลึกถึงคำตรัสของพระเยซูเกี่ยวกับ “บ่อน้ำพุพลุ่งขึ้นในตัวเขาเพื่อให้ชีวิตนิรันดร์.” (เย. 2:10; วิ. 22:1, 2, ล.ม.; ยเอศ. 47:1-12; โย. 4:13, 14, ล.ม.) ตรงข้ามกับการถูกขับออกไปจากการอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าดังที่เกิดขึ้นกับชายหญิงคู่แรก ผู้ชนะที่ซื่อสัตย์จะเห็นพระพักตร์ของพระองค์. (เย. 3:24; วิ. 22:4) เป็นประโยชน์จริง ๆ ที่จะพิจารณานิมิตที่น่าตื่นเต้นในพระธรรมวิวรณ์!
29. (ก) พระธรรมวิวรณ์เชื่อมโยงคำพยากรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบาบูโลนเข้าด้วยกันอย่างไร? (ข) พึงสังเกตข้อคล้ายคลึงกันอะไรบ้างระหว่างนิมิตเกี่ยวกับราชอาณาจักร รวมทั้งเรื่องสัตว์ร้ายในพระธรรมดานิเอลกับพระธรรมวิวรณ์?
29 ขอให้สังเกตด้วยว่าพระธรรมวิวรณ์เชื่อมโยงคำพยากรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบาบูโลนที่ชั่วช้าเข้าด้วยกันอย่างไร. ยะซายาได้เห็นการล่มจมของบาบูโลนตัวจริงล่วงหน้านานก่อนที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น และท่านได้ประกาศว่า “แตกแล้ว, กรุงบาบูโลนแตกแล้ว.” (ยซา. 21:9) ยิระมะยาก็พยากรณ์ต่อสู้บาบูโลนเช่นกัน. (ยิระ. 51:6-12) แต่พระธรรมวิวรณ์กล่าวโดยนัยถึง “บาบูโลนใหญ่แม่ของหญิงแพศยาทั้งหลายและของสิ่งน่าสะอิดสะเอียนทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลก.” กรุงนี้จะต้องถูกทำลายเช่นกัน และโยฮันเห็นเรื่องนี้ในนิมิต ท่านประกาศว่า “เมืองนั้นล่มจมแล้ว! บาบูโลนใหญ่ล่มจมแล้ว.” (วิ. 17:5, ล.ม.; 18:2 , ล.ม.) คุณจำได้ไหมเกี่ยวกับนิมิตของดานิเอลเรื่องอาณาจักรที่พระเจ้าทรงตั้งขึ้นซึ่งจะบดขยี้อาณาจักรอื่น ๆ และจะคงอยู่ “จนเวลาไม่กำหนด”? ขอให้สังเกตวิธีที่เรื่องนี้ผูกโยงกับการประกาศในสวรรค์ในพระธรรมวิวรณ์ ที่ว่า: “อาณาจักรของโลกได้กลายเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและของพระคริสต์ของพระองค์ และพระองค์จะทรงปกครองเป็นกษัตริย์ตลอดไปเป็นนิตย์.” (ดานิ. 2:44, ล.ม.; วิ. 11:15, ล.ม.) และดังที่นิมิตของดานิเอลพรรณนาว่า ‘มีผู้หนึ่งดังบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยเมฆเพื่อรับตำแหน่งผู้ปกครองตลอดกาลและเกียรติยศและอาณาจักร’ พระธรรมวิวรณ์ก็ระบุตัวพระเยซูคริสต์เช่นกันว่าเป็น “ผู้ครอบครองเหนือกษัตริย์ทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลก” และ “เสด็จมาด้วยเมฆ” และกล่าวว่า “ตาทุกดวงจะเห็นพระองค์.” (ดานิ. 7:13, 14; วิ. 1:5, 7, ล.ม.) นอกจากนี้ มีข้อคล้ายคลึงกันบางอย่างที่พึงสังเกตระหว่างสัตว์ร้ายในนิมิตของดานิเอลกับสัตว์ร้ายในพระธรรมวิวรณ์. (ดานิ. 7:1-8; วิ. 13:1-3; 17:12) พระธรรมวิวรณ์ให้เนื้อหาที่กว้างจริง ๆ สำหรับการศึกษาที่เสริมความเชื่อให้เข้มแข็ง.
30. (ก) พระธรรมวิวรณ์ให้ภาพที่ครบถ้วนอะไรเกี่ยวกับการทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์โดยทางราชอาณาจักร? (ข) มีการเน้นอะไรเรื่องความบริสุทธิ์ และเรื่องนี้ส่งผลกระทบใคร?
30 พระธรรมวิวรณ์ให้นิมิตที่น่าพิศวงและหลายลักษณะจริง ๆ เกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้า! พระธรรมนี้ทำให้สิ่งที่ผู้พยากรณ์สมัยโบราณและพระเยซูรวมทั้งเหล่าสาวกของพระองค์กล่าวไว้เกี่ยวกับราชอาณาจักรเป็นที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง. ในพระธรรมนี้เรามีภาพที่ครบถ้วนเกี่ยวกับการทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์โดยทางราชอาณาจักร: “บริสุทธิ์, บริสุทธิ์, บริสุทธิ์คือพระยะโฮวาพระเจ้า องค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ!” พระองค์ทรงคู่ควร “จะได้รับสง่าราศีและเกียรติยศและฤทธิ์เดช.” แท้จริง พระองค์เป็นผู้ที่ “ทรงรับเอาฤทธิ์เดชใหญ่ยิ่งของพระองค์และเริ่มปกครองเป็นกษัตริย์” โดยทางพระคริสต์. มีการแสดงให้เห็นว่าราชบุตรองค์นี้ ผู้ทรงเป็น “กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งหลาย” ทรงมีพระทัยแรงกล้าจริง ๆ เมื่อพระองค์ทรงฟาดฟันนานาชาติและทรงย่ำ “บ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธแห่งความกริ้วของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ.” ขณะที่อรรถบทอันยิ่งใหญ่ของคัมภีร์ไบเบิลเรื่องการพิสูจน์ความถูกต้องของพระยะโฮวาก้าวสู่จุดสุดยอด มีการเน้นว่าทุกคนและทุกสิ่งที่มีส่วนในพระประสงค์ของพระองค์ในเรื่องราชอาณาจักรจะต้องบริสุทธิ์. มีการกล่าวถึงพระเมษโปดก คือพระเยซูคริสต์ผู้ “ทรงมีลูกกุญแจของดาวิด” ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และพวกทูตสวรรค์ในสวรรค์ก็เช่นกัน. มีการกล่าวถึงผู้ที่มีส่วนในการกลับเป็นขึ้นจากตายที่หนึ่งว่า “เป็นสุขและบริสุทธิ์” และเน้นว่า “สิ่งใดที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์และคนใดที่ทำสิ่งน่าสะอิดสะเอียน” จะไม่มีทางเข้าสู่ “เยรูซาเลมเมืองบริสุทธิ์.” คนที่ถูกซื้อโดยพระโลหิตของพระเมษโปดกจะ “เป็นราชอาณาจักรและปุโรหิตแด่พระเจ้าของเรา” จึงเป็นการหนุนกำลังใจที่มีพลังเพื่อให้รักษาความบริสุทธิ์เฉพาะพระพักตร์พระยะโฮวา. “ชนฝูงใหญ่” เช่นกันที่ต้อง “ชำระเสื้อยาวของเขาและทำให้ขาวในพระโลหิตของพระเมษโปดก” เพื่อจะถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์.—วิ. 4:8, 11, ล.ม.; 11:17, ล.ม.; 19:15, 16, ล.ม.; 3:7, ล.ม.; 14:10, ล.ม.; 20:6, ล.ม.; 21:2, 10, 27, ล.ม.; 22:19, ล.ม.; 5:9, 10, ล.ม.; 7:9, 14, 15, ล.ม.
31. ลักษณะใดบ้างของราชอาณาจักรซึ่งเฉพาะในพระธรรมวิวรณ์เท่านั้นที่มีการเรียกให้เราเอาใจใส่?
31 นิมิตเรื่องราชอาณาจักรอันล้ำเลิศและบริสุทธิ์นี้ของพระเจ้าแจ่มชัดในจิตใจเราขณะที่เราสังเกตเห็นลักษณะต่าง ๆ ที่มีการเรียกให้เราเอาใจใส่เฉพาะในพระธรรมวิวรณ์เท่านั้น. ในพระธรรมนี้เรามีภาพครบถ้วนของรัชทายาทแห่งราชอาณาจักรอยู่บนภูเขาซีโอนกับพระเมษโปดก ร้องเพลงบทใหม่ซึ่งเฉพาะพวกเขาเท่านั้นที่ร้องได้. พระธรรมวิวรณ์เท่านั้นที่บอกเราเรื่องจำนวนผู้ที่ถูกซื้อจากแผ่นดินโลกให้เข้าสู่ราชอาณาจักรคือ 144,000 คน และบอกว่าจำนวนนี้ได้รับการประทับตราออกจากยิศราเอลฝ่ายวิญญาณ 12 ตระกูลที่มีความหมายเป็นนัย. พระธรรมวิวรณ์เท่านั้นที่แสดงว่า ‘ปุโรหิตและกษัตริย์’ เหล่านี้ซึ่งมีส่วนร่วมในการกลับเป็นขึ้นจากตายที่หนึ่งกับพระคริสต์จะปกครองกับพระองค์ “ตลอดพันปี” เช่นกัน. พระธรรมวิวรณ์เท่านั้นที่ให้ภาพครบถ้วนของ “เมืองบริสุทธิ์ คือเยรูซาเลมใหม่” โดยแสดงให้เห็นสง่าราศีอันรุ่งโรจน์ของเมืองนี้, พระยะโฮวากับพระเมษโปดกซึ่งเป็นพระวิหารของเมืองนี้, ประตูเมือง 12 ประตูและฐานศิลา 12 ก้อน รวมทั้งเหล่ากษัตริย์ที่ปกครองในเมืองนี้ตลอดไปโดยมีแสงสว่างตลอดกาลที่พระยะโฮวาทรงฉายลงมาบนพวกเขา.—14:1, 3, ล.ม.; 7:4-8, ล.ม.; 20:6, ล.ม.; 21:2, 10-14, 22, ล.ม.; 22:5, ล.ม.
32. (ก) นิมิตเรื่อง “ฟ้าสวรรค์ใหม่” และ “เมืองบริสุทธิ์ คือเยรูซาเลมใหม่” สรุปทุกสิ่งที่มีบอกล่วงหน้าเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์แห่งราชอาณาจักรอย่างไร? (ข) พระพรอะไรที่ราชอาณาจักรรับรองสำหรับมนุษยชาติบนแผ่นดินโลก?
32 กล่าวได้อย่างแท้จริงว่านิมิตนี้ซึ่งเกี่ยวกับ “ฟ้าสวรรค์ใหม่” และ “เมืองบริสุทธิ์ คือเยรูซาเลมใหม่” สรุปทุกสิ่งที่พระคัมภีร์บอกล่วงหน้าไว้ตั้งแต่สมัยโบราณเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์แห่งราชอาณาจักร. อับราฮามคอยท่าพงศ์พันธุ์ซึ่ง “ทุกชาติแห่งแผ่นดินจะทำให้ตนเองได้รับพระพรเป็นแน่” และคอยท่า “เมืองที่มีรากฐานแท้ ซึ่งผู้ก่อสร้างและผู้ทำคือพระเจ้า.” บัดนี้ ในนิมิตของพระธรรมวิวรณ์ เมืองแห่งพระพรนี้ถูกระบุอย่างชัดเจนแก่เราว่าเป็น “ฟ้าสวรรค์ใหม่” คือรัฐบาลใหม่ ราชอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งประกอบด้วยเยรูซาเลมใหม่ (เจ้าสาวของพระคริสต์) กับเจ้าบ่าวของเธอ. พระคริสต์กับเจ้าสาวจะบริหารรัฐบาลที่ชอบธรรมเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้นร่วมกัน. พระยะโฮวาทรงสัญญากับมนุษยชาติที่ซื่อสัตย์ว่า พวกเขาจะมาเป็น “ชนชาติต่าง ๆ ของพระองค์” ในสภาพที่มีความสุข ปราศจากบาปและความตาย อย่างที่มนุษย์เคยได้ชื่นชมก่อนการขืนอำนาจในสวนเอเดน. และพระธรรมวิวรณ์กล่าวเน้นกับเราสองครั้งว่า พระเจ้าจะทรง “เช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา.”—เย. 12:3, ล.ม.; 22:15-18; เฮ็บ. 11:10, ล.ม.; วิ. 7:17, ล.ม.; 21:1-4, ล.ม.
33. (ก) พระธรรมวิวรณ์ให้ภาพนิมิตโดยรวมอันน่าพิศวงอะไรที่เกี่ยวกับความสำเร็จเป็นจริงแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า? (ข) “พระคัมภีร์ทุกตอน” ได้รับการพิสูจน์อย่างไรว่า “มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์” และทำไมเดี๋ยวนี้จึงเป็นเวลาที่จะศึกษาและเชื่อฟังพระคำของพระเจ้า?
33 ถูกแล้ว นับเป็นบทลงท้ายอันยิ่งใหญ่จริง ๆ ของพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ! “สิ่งซึ่งจะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า” ช่างน่าอัศจรรย์สักเพียงไร! (วิ. 1:1, ล.ม.) พระนามของพระยะโฮวา “พระเจ้าแห่งคำกล่าวโดยการดลใจของพวกผู้พยากรณ์” ถูกทำให้เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. (22:6, ล.ม.) หนังสือแห่งคำพยากรณ์ของ 16 ศตวรรษได้รับการแสดงให้เห็นว่าสำเร็จเป็นจริง และการงานแห่งความเชื่อในหลายพันปีได้รับบำเหน็จ! “งูตัวแรกเดิม” ตายแล้ว บริวารของมันถูกทำลาย และความชั่วไม่มีอีกต่อไป. (12:9, ล.ม.) ราชอาณาจักรของพระเจ้าปกครองเป็น “ฟ้าสวรรค์ใหม่” เพื่อสรรเสริญพระองค์. พระพรต่าง ๆ แห่งแผ่นดินโลกที่ได้รับการฟื้นฟู ซึ่งถูกบรรจุจนเต็มและได้รับการควบคุมดูแลตามพระประสงค์ของพระยะโฮวาดังที่กล่าวไว้ในบทแรกของคัมภีร์ไบเบิล จะยืนยงถึงนิรันดรกาลอันรุ่งโรจน์เบื้องหน้ามนุษยชาติ. (เย. 1:28) พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการพิสูจน์อย่างแท้จริงว่า “มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์เพื่อการสั่งสอน, เพื่อการว่ากล่าว, เพื่อจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย, เพื่อตีสอนด้วยความชอบธรรม.” พระยะโฮวาทรงใช้พระคัมภีร์เพื่อนำทางคนที่มีความเชื่อซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนและถูกเตรียมไว้พร้อมเต็มที่มายังยุคอันวิเศษนี้. ฉะนั้น บัดนี้เป็นเวลาจะศึกษาพระคัมภีร์เพื่อเสริมความเชื่อของคุณ ให้เข้มแข็ง. จงเชื่อฟังคำสั่งต่าง ๆ ในพระคัมภีร์เพื่อจะได้รับพรจากพระเจ้า. จงปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านั้นบนทางตรงซึ่งนำไปสู่ชีวิตถาวร. โดยการทำเช่นนั้น คุณเช่นกัน จะพูดได้ด้วยความมั่นใจแน่นอนเหมือนที่พระธรรมเล่มสุดท้ายกล่าวลงท้ายว่า “อาเมน! เชิญเสด็จมาเถิด พระเยซูเจ้า.”—2 ติโม. 3:16, ล.ม.; วิ. 22:20, ล.ม.
34. เราจะมีความยินดีอันหาที่เปรียบไม่ได้ในเวลานี้ได้อย่างไร และเพราะเหตุใด?
34 นับเป็นความชื่นชมยินดีอันหาที่เปรียบไม่ได้จริง ๆ ที่เรามีได้ในขณะนี้โดยการโห่ร้องอวยชัย “ราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและของพระคริสต์ของพระองค์” ซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์นั้น ขณะที่ราชอาณาจักรนี้ทำให้พระนามอันหาที่เปรียบมิได้ของ “พระยะโฮวาพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ” เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ตลอดกาล!—วิ. 11:15, 17, ล.ม.
[เชิงอรรถ]
a นักเขียนคริสเตียนก่อนการประชุมคริสตจักรที่ไนเซีย (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 240.
b ประวัติคริสตจักร (ภาษาอังกฤษ) ยูเซบิอุส เล่ม 6 xxv, 9, 10.
c นักเขียนคริสเตียนก่อนการประชุมคริสตจักรที่ไนเซีย (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 1 หน้า 559-560.
d ชีวิตของซีซาร์ (โดมิเทียน XIII, 2) (ภาษาอังกฤษ).