เราต้องเชื่อฟังพระเจ้าในฐานะผู้มีอำนาจปกครอง ไม่ใช่เชื่อฟังมนุษย์
(จากหนังสือประจำปี 2011 หน้า 219 วรรค 4 ถึงหน้า 221 วรรค 2)
การประกาศอย่างไม่เป็นทางการในวิธีต่าง ๆ
พี่น้องชายที่พูดภาษารัสเซียเป็นผู้ประกาศที่กล้าหาญและมีใจแรงกล้า อีกทั้งไม่ลังเลที่จะพูดคุยกับผู้คนอย่างไม่เป็นทางการ. ตัวอย่างเช่น พี่น้องจะเริ่มสนทนากับนักท่องเที่ยวซึ่งไปเยี่ยมชมโบสถ์ในเมืองทาลลินน์และประกาศกับพวกเขา. บ่อยครั้ง นักท่องเที่ยวคิดว่าคนที่พูดเรื่องคัมภีร์ไบเบิลเป็นมัคคุเทศก์ พวกเขาจึงตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องที่พี่น้องพูด.
พี่น้องหญิงบางคนได้ประกาศบนรถไฟ. พวกเขาจะซื้อตั๋วรถไฟไปกลับระหว่างเมืองตาร์ตูกับทาลลินน์. การเดินทางแปดชั่วโมงทำให้มีเวลามากพอที่จะเริ่มการสนทนาและประกาศข่าวดีให้กับผู้โดยสาร.
มารีอา พาเซชนีกซึ่งย้ายจากคาซัคสถานมาเอสโตเนียเล่าว่า “ดิฉันอธิษฐานขอให้มีรายศึกษาพระคัมภีร์.” แล้วเธอก็คิดว่าจะประกาศที่ไหนดีและกับใคร เธอจึงตัดสินใจว่าเมื่อเธอไปซื้ออาหารในร้านแถวบ้าน เธอจะประกาศกับคนที่เข้าแถวยาวรอหลายชั่วโมง.
มารีอาเล่าต่อว่า “วันหนึ่งขณะยืนเข้าแถวอยู่ ดิฉันเริ่มคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง และค่อย ๆ วกเข้าหาพระคัมภีร์. ผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยสนใจเท่าไร แต่เธอพาดิฉันไปแนะนำให้คนที่เธอรู้จัก แล้วก็ปล่อยดิฉันให้คุยกับพวกเขาต่อไป. ผลก็คือ ดิฉันสามารถเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์สี่ราย. ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มนี้ได้เข้ามาเป็นพยานฯ ที่รับบัพติสมาแล้วและยังคงรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์.”
เช่นเดียวกับพยานฯ ในทุกแห่ง ผู้รับใช้พระยะโฮวาหลายคนเป็นแบบอย่างที่โดดเด่นในที่ทำงานของเขา. ตัวอย่างเช่น ผู้ประสานงานพรรคคอมมิวนิสต์ที่โรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งได้แนะว่าควรจะให้เลโอนฮาร์ด นิลสค์ออกจากงานเพราะเขาเคร่งศาสนา. แต่หัวหน้าห้องปฏิบัติการไฟฟ้าได้พูดปกป้องว่า “เราจะเอาคอมมิวนิสต์ที่ดื่มจัดและทำงานไม่ดีแทนที่จะเอาคนที่เคร่งศาสนาแต่มีชื่อเสียงว่าไว้ใจได้ อย่างนั้นหรือ?” เนื่องจากเลโอนฮาร์ดมีชื่อเสียงดี เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ได้พูดปกป้องเขาเช่นกัน และเรื่องนี้ก็เป็นอันยุติไป. ดูเหมือนว่าผู้ประสานงานพรรคพยายามประจบประแจงผู้ที่มีอำนาจสูงกว่า และเมื่อการปกครองของคอมมิวนิสต์ในเอสโตเนียสิ้นสุดลง ผู้ประสานงานพรรคกลับเป็นฝ่ายตกงานเอง.
การประกาศระหว่างถูกสั่งห้าม
เลมบิต เรอิลีซึ่งปัจจุบันรับใช้ในคณะกรรมการสาขาของเอสโตเนียเล่าว่า “ที่โรงเรียน ผมได้พูดกับเพื่อนนักเรียนหลายคน แต่ต้องระวัง. ผมเคยชวนเด็กชายคนหนึ่งมาที่บ้าน และได้ประกาศกับเขาด้วยความระมัดระวัง. หลังจากเรียนจบแล้ว ผมไม่ได้พบเขาราว 20 ปี. ไม่นานมานี้ ผมบรรยายสาธารณะที่ประชาคมในบ้านเกิดของผม ทายดูสิว่าใครอยู่ในหมู่ผู้ฟัง? เพื่อนนักเรียนคนนั้นนั่นเอง! เขาได้ศึกษากับพยานพระยะโฮวา และไม่นานหลังจากการเยี่ยมของผม เขาได้รับบัพติสมา! ผมยินดีมากจริง ๆ!”
เนื่องจากงานของเราถูกสั่งห้าม พี่น้องต้องตื่นตัวเมื่อประกาศ. ผู้ปกครองคนหนึ่งอธิบายวิธีที่พวกเขาทำงานว่า “เราต้องใช้เวลาเพื่อจะรู้ว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวเราเป็นใคร และเราจะเริ่มสนทนากับใครได้อย่างปลอดภัย. เราต้องรอบคอบมากเมื่อพูดกับคนแปลกหน้า. ไม่นานเท่าไรเราก็ค่อย ๆ มองออกว่าใครเป็นผู้แจ้งข่าวของหน่วยเคจีบี. นอกจากนี้ ถ้าบางคนพูดมากหรือเสียงดัง เราก็จะสงสัยไว้ก่อน. ในทางตรงข้าม การคุยกับคนที่พูดน้อยอาจปลอดภัยกว่า. บ่อยครั้งเราเริ่มพูดคุยกับคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ที่เรียกกันว่าฝ่ายค้านซึ่งมักจะมีใจเปิดกว้างมากกว่า.”