วิธีค้นคว้า
กษัตริย์ซะโลโม “ได้ไตร่ตรองและทำการค้นคว้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อท่านจะได้เรียบเรียงสุภาษิตมากมายให้เข้าเป็นระเบียบ.” เหตุใดท่านจึงทำเช่นนั้น? ก็เนื่องจากท่านสนใจในการเขียน “ถ้อยคำอันถูกต้องแห่งความจริง.” (ผู้ป. 12:9, 10, ล.ม.) ท่านลูกา “สืบเสาะทุกเรื่องตั้งแต่ต้นด้วยความถูกต้องแม่นยำ” ก็เพื่อจะบรรยายชีวิตของพระคริสต์ตามลำดับเหตุการณ์. (ลูกา 1:3, ล.ม.) ผู้รับใช้พระเจ้าทั้งสองคนนี้ได้ทำการค้นคว้า.
การค้นคว้าคืออะไร? การค้นคว้าคือการค้นหาข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะอย่างละเอียดถี่ถ้วน. การค้นคว้ายังรวมไปถึงการอ่านและต้องใช้หลักในการศึกษา. การค้นคว้าอาจเกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์ผู้คนด้วย.
มีสถานการณ์ใดบ้างที่ต้องทำการค้นคว้า? ต่อไปนี้เป็นบางตัวอย่าง. ขณะที่คุณศึกษาส่วนตัวหรืออ่านคัมภีร์ไบเบิลอาจมีคำถามที่คุณถือว่าสำคัญผุดขึ้นมา. บางคนที่คุณให้คำพยานอาจตั้งคำถามซึ่งคุณอยากจะมีข้อมูลที่แน่ชัดเพื่อเป็นคำตอบ. คุณอาจได้รับมอบหมายให้บรรยาย.
ขอพิจารณาการมอบหมายให้บรรยาย. อาจดูเหมือนว่าเนื้อหาที่คุณได้รับมอบหมายให้พูดนั้นเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป. คุณจะประยุกต์เรื่องนั้นให้เข้ากับผู้ฟังได้อย่างไร? โดยการค้นคว้า คุณจะทำให้เรื่องนั้นมีคุณค่ามากขึ้น. เมื่อสนับสนุนเรื่องที่บรรยายโดยยกสถิติสักหนึ่งหรือสองอย่างหรือยกตัวอย่างที่เหมาะกับเรื่องและที่จับความสนใจของผู้ฟัง จุดที่ดูเหมือนเป็นเรื่องพื้น ๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ให้ความรู้ หรือถึงกับก่อให้เกิดแรงกระตุ้นด้วยซ้ำ. มีการจัดเตรียมเนื้อหาในสรรพหนังสือที่คุณกำลังใช้เพื่อผู้อ่านตลอดทั่วโลก ดังนั้นคุณจำต้องขยาย, ใช้ตัวอย่าง, และประยุกต์จุดต่าง ๆ ให้เหมาะกับประชาคมหรือบุคคลหนึ่ง ๆ. คุณควรทำอย่างไร?
ก่อนที่คุณจะเริ่มค้นคว้าหาข้อมูล จงคำนึงถึงผู้ฟังของคุณ. พวกเขารู้อะไรมาแล้ว? พวกเขาจำต้องรู้อะไร? จากนั้นกำหนดเป้าหมายของคุณ. เป้าหมายของคุณคือการอธิบาย ไหม? เป็นการยกเหตุผลเพื่อให้เชื่อ ไหม? เพื่อพิสูจน์หักล้าง ไหม? หรือเพื่อกระตุ้น ไหม? การอธิบาย เรียกร้องการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อทำให้เรื่องหนึ่งชัดเจน. ถึงแม้ข้อเท็จจริงพื้นฐานอาจเป็นที่เข้าใจอยู่แล้ว กระนั้น คุณอาจจำต้องขยายว่าจะทำสิ่งที่กล่าวไปนั้นเมื่อไร หรือโดยวิธีใด. การยกเหตุผลเพื่อให้เชื่อ เรียกร้องการให้เหตุผลที่ว่า ทำไม เรื่องจึงเป็นเช่นนั้น รวมไปถึงการให้พยานหลักฐานด้วย. การพิสูจน์หักล้าง เรียกร้องให้รู้ความคิดเห็นในเรื่องหนึ่ง ๆ ของทั้งสองฝ่ายโดยละเอียดพร้อมทั้งวิเคราะห์พยานหลักฐานที่ยกขึ้นมาอ้างอย่างรอบคอบ. แน่นอน เป้าหมายของเราไม่ใช่เพียงแต่หาข้อโต้แย้งที่หนักแน่น แต่เราหาวิธีนำเสนอข้อเท็จจริงด้วยท่าทีที่กรุณา. การกระตุ้น เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงหัวใจ. นั่นหมายถึงการสนับสนุนผู้ฟังและหนุนใจพวกเขาให้ปฏิบัติตามที่ได้พิจารณา. การยกตัวอย่างชีวิตจริงของผู้ที่ลงมือปฏิบัติเช่นนั้นถึงแม้เขาเผชิญความยากลำบากก็ตาม อาจช่วยให้เข้าถึงหัวใจได้.
บัดนี้คุณพร้อมจะเริ่มแล้วไหม? ยัง. ขอพิจารณาดูว่าคุณจำต้องมีข้อมูลมากน้อยสักแค่ไหน. เวลาอาจเป็นปัจจัยสำคัญ. หากคุณจะนำเสนอข้อมูลต่อคนอื่น ๆ คุณจะมีเวลาเท่าไร? ห้านาทีไหม? หรือสี่สิบห้านาที? มีเวลากำหนดแน่นอนไหม เช่น ณ การประชุมประชาคม หรือยืดหยุ่นได้ไหม เช่น ในการศึกษาหรือการเยี่ยมบำรุงเลี้ยง?
ท้ายที่สุด คุณมีเครื่องมือค้นคว้าอะไรบ้าง? นอกจากสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วที่บ้าน ยังมีเครื่องมือในห้องสมุดของหอประชุมราชอาณาจักรอีกไหม? พี่น้องที่รับใช้พระยะโฮวามาหลายปีจะเต็มใจให้คุณใช้เครื่องมือค้นคว้าของเขาไหม? มีห้องสมุดสาธารณะในเขตที่คุณอยู่ไหมซึ่งมีหนังสืออ้างอิงที่คุณอาจใช้ได้หากจำเป็น?
การใช้เครื่องมือค้นคว้าที่สำคัญที่สุด—คัมภีร์ไบเบิล
หากแผนการค้นคว้าของคุณเกี่ยวข้องกับการเข้าใจความหมายของข้อคัมภีร์ข้อหนึ่ง ก็จงเริ่มกับคัมภีร์ไบเบิล.
ตรวจดูบริบท. จงถามตัวเองดังนี้: ‘ข้อคัมภีร์นี้เขียนถึงใคร? ข้อต่าง ๆ ที่อยู่ข้างเคียงชี้ถึงอะไรที่เกี่ยวข้องกับสภาพการณ์ซึ่งนำไปสู่เรื่องนั้นหรือชี้ถึงอะไรเกี่ยวกับทัศนะของผู้คนที่เกี่ยวข้อง? บ่อยครั้งรายละเอียดเช่นนั้นช่วยเราเข้าใจข้อคัมภีร์นั้น และยังอาจเพิ่มชีวิตชีวาให้กับการบรรยายของคุณด้วยเมื่อคุณใช้ข้อนั้น ๆ.
ยกตัวอย่าง บ่อยครั้งมีการอ้างเฮ็บราย 4:12 เพื่อแสดงถึงพลังแห่งพระคำของพระเจ้าที่จะเข้าถึงหัวใจและมีผลกระทบต่อชีวิต. บริบทของข้อคัมภีร์นั้นช่วยเราให้เข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่าเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร. บริบทนั้นกล่าวถึงประสบการณ์ของชาติอิสราเอลระหว่าง 40 ปีที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารก่อนเข้าแผ่นดินที่พระยะโฮวาทรงสัญญากับอับราฮาม. (เฮ็บ. 3:7–4:13) “พระคำของพระเจ้า” ไม่ตาย คือคำสัญญาของพระองค์ที่จะนำพวกเขาเข้าสู่ที่สงบสุขตามคำสัญญาที่ให้กับอับราฮาม ซึ่งกำลังดำเนินไปสู่ความสำเร็จเป็นจริง. ชาวอิสราเอลมีเหตุผลทุกประการที่จะแสดงความเชื่อในคำสัญญานั้น. อย่างไรก็ตาม ขณะที่พระยะโฮวาทรงนำพวกเขาออกจากอียิปต์ไปยังภูเขาไซนายและต่อไปยังแผ่นดินแห่งคำสัญญา พวกเขาแสดงถึงการขาดความเชื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก. ดังนั้น ท่าทีของพวกเขาต่อวิธีดำเนินงานของพระเจ้าเพื่อให้สำเร็จตามคำสัญญาของพระองค์ จึงเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา. คล้ายกับในสมัยของเรา คำสัญญาในพระคำของพระเจ้าเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจของผู้คน.
ตรวจดูข้ออ้างอิง. คัมภีร์ไบเบิลบางฉบับมีข้ออ้างอิง. ในฉบับของคุณมีไหม? ถ้ามี ข้ออ้างอิงเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์. ขอสังเกตตัวอย่างหนึ่งจากพระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่ (ภาษาอังกฤษ). 1 เปโตร 3:6 ชี้ว่านางซาราเป็นตัวอย่างซึ่งภรรยาคริสเตียนสมควรเลียนแบบ. ข้ออ้างอิงหนึ่งอ้างถึงเยเนซิศ 18:12 ซึ่งให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นโดยเผยว่านางซาราพูดถึงอับราฮาม “ในใจ” ว่าเป็นนาย. ดังนั้น เธอยอมอยู่ใต้อำนาจสามีจากใจจริง. นอกจากให้ความเข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นเช่นนั้นแล้ว ข้ออ้างอิงอาจช่วยคุณเชื่อมโยงไปยังข้อคัมภีร์ต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลหรือแบบแผนของสัญญาไมตรีตามพระบัญญัติ. อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าข้ออ้างอิงบางข้อไม่มีจุดประสงค์เพื่อให้คำอธิบายเช่นนั้น. ข้ออ้างอิงอาจเพียงแต่อ้างถึงความคิดที่คล้ายคลึงกันหรืออ้างถึงข้อมูลด้านชีวประวัติหรือภูมิศาสตร์.
ค้นหาโดยใช้ศัพท์สัมพันธ์ของคัมภีร์ไบเบิล. ศัพท์สัมพันธ์ของคัมภีร์ไบเบิลคือดัชนีคำต่าง ๆ ที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิลเรียงตามลำดับอักษร. เครื่องมือชิ้นนี้อาจช่วยคุณค้นหาข้อคัมภีร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณทำการค้นคว้า. เมื่อคุณเปิดดูข้อคัมภีร์เหล่านั้น คุณก็จะเรียนรู้รายละเอียดอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์. คุณจะเห็นหลักฐานว่ามี “แบบแผน” แห่งความจริงอยู่ในพระคำของพระเจ้า. (2 ติโม. 1:13, ล.ม.) พระคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่ มีรายการคำหลัก ๆ อยู่ใน “ดัชนีคำในคัมภีร์ไบเบิล.” ศัพท์สัมพันธ์ฉบับสมบูรณ์ จะมีรายละเอียดมากกว่า. ในภาษาไทย คุณอาจพบว่าศัพท์สัมพันธ์ของคัมภีร์ไบเบิล เช่น หนังสือศัพท์สัมพันธ์พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับ 1971 เป็นประโยชน์ในการค้นคว้าของคุณ.
การเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือค้นคว้าอื่น ๆ
กรอบในหน้า 33 บอกรายชื่อเครื่องมือค้นคว้าอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ได้จัดเตรียมไว้. (มัด. 24:45-47, ล.ม.) ส่วนใหญ่ที่อ้างถึงจะมีสารบัญ และหลายเล่มมีดัชนีด้านหลังซึ่งออกแบบเพื่อช่วยคุณหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง. วารสารหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! ฉบับสุดท้ายของแต่ละปีมีสารบัญหัวเรื่องบทความต่าง ๆ ที่ได้ตีพิมพ์ในวารสารทั้งสองของปีนั้น.
การคุ้นเคยกับชนิดข้อมูลที่อยู่ในสรรพหนังสือต่าง ๆ ที่ใช้เป็นคู่มือในการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอาจช่วยให้การค้นคว้าทำได้เร็วขึ้น. ยกตัวอย่าง ถ้าคุณต้องการรู้เกี่ยวกับคำพยากรณ์, คำสอน, ความประพฤติแบบคริสเตียน, หรือการนำหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้. วารสารหอสังเกตการณ์ มักจะมีเรื่องที่คุณค้นหา. วารสารตื่นเถิด! รายงานเหตุการณ์, ปัญหาต่าง ๆ ในปัจจุบัน, และว่าด้วยเรื่องทางศาสนา, วิทยาศาสตร์, และผู้คนในหลายดินแดน. คำอธิบายเรื่องราวแต่ละเรื่องในพระธรรมกิตติคุณเรียงตามลำดับเหตุการณ์พบได้ในหนังสือบุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่โลกเคยเห็น. การพิจารณาพระธรรมทั้งเล่มของคัมภีร์ไบเบิลทีละข้อพบได้ในสรรพหนังสืออย่างเช่น พระธรรมวิวรณ์—ใกล้จะถึงจุดสุดยอด!, หนังสือจงเอาใจใส่คำพยากรณ์ของดานิเอล!, และชุดหนังสือสองเล่มคำพยากรณ์ของยะซายา—ความสว่างสำหรับมวลมนุษยชาติ. (ภาษาอังกฤษ) ในหนังสือการหาเหตุผลจากพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) คุณจะพบคำตอบที่พึงพอใจสำหรับคำถามหลายร้อยข้อที่เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลซึ่งผู้คนมักจะถามเมื่อเราไปประกาศ. เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับศาสนาอื่น ๆ, คำสอนของพวกเขา, และภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ โปรดดูหนังสือมนุษย์แสวงหาพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ). รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติของพยานพระยะโฮวาในสมัยปัจจุบันมีอยู่ในจุลสารพยานพระยะโฮวา—กระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างพร้อมเพรียงทั่วโลก. สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับงานประกาศข่าวดีตลอดทั่วโลกที่ได้ทำไป ตรวจดูได้ในวารสารหอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 1 มกราคมของปีล่าสุด. หนังสือการหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) คือสารานุกรมคัมภีร์ไบเบิลและแผนที่. หากคุณต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับผู้คน, สถานที่, วัตถุสิ่งของ, ภาษา, หรือเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์ไบเบิล หนังสือเล่มนี้เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีเยี่ยม.
“ดัชนีสรรพหนังสือของว็อชเทาเวอร์.” มีการจัดพิมพ์ดัชนี นี้มากกว่า 20 ภาษาซึ่งจะให้ข้อมูลจากสรรพหนังสือของเราที่มีหลากหลาย. หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนคือดัชนีหัวเรื่องและดัชนีข้อคัมภีร์. เมื่อใช้ดัชนีหัวเรื่อง จงหาคำหนึ่งที่แสดงถึงหัวเรื่องที่คุณต้องการค้นคว้า. เมื่อใช้ดัชนีข้อคัมภีร์ จงค้นดูรายการข้อคัมภีร์ที่คุณต้องการเข้าใจให้ดียิ่งขึ้น. หากมีบางเรื่องตีพิมพ์ในภาษาของคุณเกี่ยวกับหัวเรื่องหรือข้อคัมภีร์นั้นในช่วงของปีที่ดัชนี ครอบคลุมถึง คุณก็จะพบรายการอ้างอิงต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลได้. ด้านหน้าของดัชนี ให้ความหมายสำหรับตัวย่อของสรรพหนังสือที่มีการอ้างถึง. (ตัวอย่างเช่น คุณจะเรียนรู้ว่า w99 3/1 15 หมายถึงหอสังเกตการณ์ ฉบับวันที่ 1 มีนาคม 1999 หน้า 15.) หัวเรื่องหลัก เช่น “ประสบการณ์ในการประกาศ” และ “เรื่องราวชีวิตจริงของพยานพระยะโฮวา” อาจเป็นประโยชน์ในการเตรียมคำบรรยายที่กระตุ้นใจต่อประชาคม.
เนื่องจากการค้นคว้าอาจดึงดูดความสนใจอย่างมาก ดังนั้น จงระวังที่จะไม่เขวออกนอกทาง. จงจดจ่ออยู่ที่เป้าหมายของคุณที่จะหาข้อมูลที่จำเป็นสำหรับเรื่องนั้น ๆ. หากดัชนี อ้างถึงแหล่งข้อมูลบางแหล่ง จงเปิดไปยังหน้าที่อ้างถึง จากนั้นใช้หัวข้อย่อยและประโยคแรกของวรรคเพื่อนำไปสู่ข้อมูลที่คุณต้องการ. หากคุณกำลังค้นหาความหมายของคัมภีร์ไบเบิลข้อหนึ่งโดยเฉพาะ ทีแรกจงหาข้อพระคัมภีร์ข้อนั้นในหน้าที่อ้างถึง. จากนั้นพิจารณาดูเนื้อความที่อยู่รอบ ๆ.
“ห้องสมุดว็อชเทาเวอร์” ในแผ่นซีดี. หากคุณมีคอมพิวเตอร์ คุณอาจได้รับประโยชน์จากการใช้ห้องสมุดว็อชเทาเวอร์ ในแผ่นซีดี (ภาษาอังกฤษ) ซึ่งบรรจุสรรพหนังสือมากมายหลายอย่างของเรา. โปรแกรมค้นหาที่ใช้ง่ายสามารถช่วยคุณหาคำคำหนึ่ง, คำที่ผสมกัน, หรือข้อคัมภีร์ที่มีการอ้างถึงในหนังสือเล่มใด ๆ ก็ตามที่อยู่ในห้องสมุดว็อชเทาเวอร์. ถึงแม้เครื่องมือค้นคว้านี้ไม่มีในภาษาของคุณ คุณก็อาจได้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้ในภาษาที่ใช้กันแพร่หลายที่คุณอ่านได้.
หนังสืออื่น ๆ ในห้องสมุดตามระบอบของพระเจ้า
ในจดหมายฉบับที่สองที่ท่านเปาโลเขียนถึงติโมเธียวโดยได้รับการดลใจ ท่านขอให้ชายหนุ่มคนนี้นำ “หนังสือ, และเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือที่เขียนที่แผ่นหนัง” มาให้ท่านที่กรุงโรม. (2 ติโม. 4:13) ท่านเปาโลเห็นคุณค่าของงานเขียนบางอย่างและเก็บรักษาไว้. คุณก็อาจทำเช่นเดียวกันได้. คุณเก็บวารสารหอสังเกตการณ์, ตื่นเถิด!, และพระราชกิจของเรา หลังจากที่พิจารณาในการประชุมประชาคมแล้วไหม? ถ้าคุณเก็บไว้ คุณก็พร้อมจะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือค้นคว้ารวมเข้าด้วยกันกับสรรพหนังสืออื่น ๆ ของคริสเตียนที่คุณมีอยู่แล้ว. ประชาคมส่วนใหญ่ดูแลรักษาสรรพหนังสือของคริสเตียนของเราในห้องสมุดที่หอประชุมราชอาณาจักร. หนังสือในห้องสมุดนี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งประชาคมเพื่อใช้ระหว่างอยู่ที่หอประชุม.
จงรักษาแฟ้มส่วนตัว
จงตื่นตัวเสมอต่อเรื่องต่าง ๆ ที่น่าสนใจซึ่งคุณอาจนำไปใช้ได้เมื่อคุณบรรยายและสอน. หากคุณพบข่าว, สถิติ, หรือตัวอย่างในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารซึ่งคุณอาจนำไปใช้ในงานรับใช้ได้ จงตัดหรือทำสำเนาข้อมูลนั้นเก็บไว้. จงเก็บวันที่, ชื่อนิตยสาร, และบางทีชื่อผู้เขียนหรือผู้พิมพ์ไว้ด้วย. ณ การประชุมประชาคม จงจดวิธีชักเหตุผลและอุทาหรณ์ที่อาจช่วยคุณอธิบายความจริงแก่คนอื่น ๆ. คุณเคยคิดตัวอย่างดี ๆ ได้แต่ไม่มีโอกาสใช้ในตอนนี้ไหม? จงจดไว้และเก็บในแฟ้ม. หลังจากคุณเข้าร่วมในโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้ามาแล้วระยะหนึ่ง คุณคงได้เตรียมบทพูดหลายเรื่องแล้ว. แทนที่จะทิ้งบันทึกคำบรรยาย จงเก็บไว้. การค้นคว้าที่คุณได้ทำไปอาจเป็นประโยชน์อีกในภายหลัง.
จงสนทนากับผู้คน
ผู้คนเป็นแหล่งข้อมูลที่มีคุณค่า. เมื่อท่านลูกาเรียบเรียงบันทึกกิตติคุณของท่าน เห็นได้ชัดว่าท่านรวบรวมข้อมูลมากมายจากการสัมภาษณ์พยานที่เห็นเหตุการณ์. (ลูกา 1:1-4) บางทีเพื่อนคริสเตียนอาจให้ความสว่างในเรื่องที่คุณกำลังค้นคว้าอยู่. ตามบันทึกที่กล่าวในเอเฟโซ 4:8, 11-16 (ล.ม.) พระคริสต์ทรงใช้ “ของประทานในลักษณะมนุษย์” เพื่อช่วยเราให้ก้าวหน้าใน “ความรู้อันถ่องแท้เกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้า.” การสัมภาษณ์คนที่มีประสบการณ์ในการรับใช้พระเจ้าอาจให้แนวความคิดที่เป็นประโยชน์. นอกจากนั้น การสนทนากับผู้คนอาจเผยให้เห็นสิ่งที่เขาคิดอีกด้วย และสิ่งนี้อาจช่วยคุณเตรียมเนื้อหาที่ใช้ได้ผลจริง ๆ.
จงประเมินผล
หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว จำต้องคัดเมล็ดข้าวออกจากฟาง. จำต้องทำอย่างเดียวกันนั้นกับผลที่ได้จากการค้นคว้าของคุณ. ก่อนที่จะนำข้อมูลนั้นไปใช้ได้ คุณจำต้องแยกสิ่งที่มีค่าออกจากสิ่งที่เกินความจำเป็น.
หากคุณจะใช้ข้อมูลนั้นในการบรรยาย จงถามตัวเองดังนี้: ‘จุดที่ฉันตั้งใจจะใช้นั้นส่งเสริมหัวเรื่องที่ฉันจะนำเสนอจริง ๆ ไหม? หรือว่า ถึงแม้เป็นข้อมูลที่น่าสนใจก็ตาม แต่ข้อมูลนั้นมีแนวโน้มจะหันเหความสนใจจากเรื่องที่ฉันควรจะพูดไหม?’ หากคุณคิดจะใช้เหตุการณ์หรือเรื่องราวในปัจจุบันด้านวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ที่มีการเปลี่ยนอยู่เสมอ จงทำให้แน่ใจว่าข้อมูลนั้นทันสมัย. จงตระหนักด้วยว่าบางจุดในสรรพหนังสือเล่มเก่า ๆ ของเราอาจมีการปรับข้อมูล ดังนั้น จงคิดถึงหนังสือที่พิมพ์ล่าสุดในเรื่องนั้น.
ถ้าคุณเลือกจะรวบรวมข้อมูลจากแหล่งทางโลก จงระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ. อย่าลืมว่าพระคำของพระเจ้าเป็นความจริง. (โยฮัน 17:17) พระเยซูอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญในความสำเร็จของพระประสงค์ของพระเจ้า. ดังนั้น โกโลซาย 2:3 กล่าวดังนี้: “คลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างทรงปิดซ่อนไว้ในพระองค์นั้น.” จงประเมินผลที่ได้จากการค้นคว้าของคุณจากแง่นี้. เกี่ยวกับการค้นคว้าข้อมูลทางโลก จงถามตัวเองว่า ‘ข้อมูลนี้เกินจริง, เป็นการเดาสุม, หรือมองแค่ผิวเผินไหม? ข้อมูลนั้นเขียนขึ้นด้วยแรงกระตุ้นที่เห็นแก่ตัวหรือทางการค้าไหม? แหล่งอื่น ๆ ที่เชื่อถือได้ยอมรับข้อมูลนั้นไหม? เหนือสิ่งอื่นใด ข้อมูลนั้นสอดคล้องกับความจริงในคัมภีร์ไบเบิลไหม?’
สุภาษิต 2:1-5 สนับสนุนเราให้หาความรู้, ความเข้าใจ, และความสังเกตเข้าใจต่อ ๆ ไป “เหมือนหาเงิน, และ . . . ทรัพย์ที่ซ่อนอยู่.” นั่นชี้เป็นนัยถึงทั้งการใช้ความพยายามอย่างเต็มที่และผลตอบแทนที่อุดม. การค้นคว้าต้องใช้ความพยายาม แต่การทำเช่นนั้นจะช่วยคุณพบความคิดของพระเจ้าในเรื่องต่าง ๆ, ช่วยแก้ความคิดที่ผิด ๆ, และทำให้คุณยึดความจริงไว้มั่น. การค้นคว้ายังจะทำให้การพูดของคุณมีเนื้อหาสาระและมีชีวิตชีวามากขึ้นซึ่งทำให้เกิดความพอใจยินดีทั้งในการถ่ายทอดและในการรับฟัง.