อาวุธใดก็ตามที่สร้างขึ้นต่อสู้เจ้าจะใช้ไม่ได้ผล
(จากหนังสือประจำปี 2012 หน้า 125 วรรค 1 ถึง หน้า 126 วรรค 3 นอร์เวย์)
ทำงานใต้ดิน
ผู้ประกาศหลายคนได้ซ่อนหนังสือไว้ในที่ซึ่งปกติแล้วไม่มีใครเอาของไปซ่อน. คำว่า “ใต้ดิน” มีความหมายตามตัวอักษรจริง ๆ เมื่อพวกพี่น้องเอาหนังสือของเราฝังไว้ใต้ดินแล้วขุดขึ้นมาเมื่อจำเป็นต้องใช้. บราเดอร์สแควซึ่งเป็นช่างไฟฟ้าได้เอาหนังสือกล่องหนึ่งซ่อนไว้หลังหม้อแปลงไฟฟ้าในที่ทำงาน. บราเดอร์เออเซตซ่อนหนังสือไว้ในที่เลี้ยงผึ้ง ส่วนบราเดอร์ควิงกะก็มีที่ซ่อนของอยู่ในลังมันฝรั่ง.
เนื่องจากเป็นห่วงว่าคลังสรรพหนังสือในเมืองฮาร์สทัดอาจถูกค้นพบ พี่น้องหญิงสูงอายุชื่อลอตตา ฮอล์มจึงไปเอากล่องหนังสือทั้งหมดกลับมา. ขากลับเธอลงเรือลำหนึ่ง ค่อย ๆ วางกล่องหนังสือซ้อนกันบนดาดฟ้าเรือแล้วนั่งลงบนกล่องเหล่านั้น. หลังจากที่เรือออกจากท่า ลอตตาตกใจมากที่เห็นทหารเยอรมันหลายคนอยู่บนเรือและคิดกังวลอยู่ว่าจะขนหนังสือขึ้นจากเรืออย่างไรโดยไม่ให้ถูกจับได้. แต่ที่จริงเธอไม่ต้องเป็นห่วงเลย. เมื่อเรือเทียบท่า พวกทหารรู้สึกสงสารหญิงชราที่ต้องขนของหนักหลายกล่อง พวกเขาจึงช่วยเธอขนกล่องทั้งหมดขึ้นจากเรือและถึงกับขนกล่องเหล่านั้นไปส่งให้ที่บ้านด้วยซ้ำ. ทหารที่ใจดีเหล่านั้นไม่รู้เลยว่าความกรุณาของพวกเขาเป็นประโยชน์มากจริง ๆ สำหรับพยานฯ ในตอนนั้น.
ทั้ง ๆ ที่มีการสั่งห้าม แต่พี่น้องก็ยังลักลอบนำหอสังเกตการณ์ ฉบับล่าสุดจากสวีเดนและเดนมาร์กเข้ามาในนอร์เวย์. พวกเขาแปลบทความศึกษาเป็นภาษานอร์เวย์แล้วแจกจ่ายสำเนาที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดไปทั่วประเทศ. พี่น้องซึ่งทำหน้าที่ส่งหนังสือได้ใช้สารพัดวิธีและเดินทางโดยรถไฟ จักรยาน หรือเรือเพื่อนำอาหารฝ่ายวิญญาณที่เหมาะกับเวลาไปให้ผู้นมัสการแท้ตลอดทั่วประเทศ.
พวกเขาประกาศต่อ ๆ ไป
ระหว่างสงคราม มีสถานการณ์ที่ปรากฏว่าเป็นการทดสอบสำหรับพี่น้องชายหญิงในนอร์เวย์. เมื่องานของเราถูกสั่งห้ามในเดือนกรกฎาคม 1941 พวกพี่น้องได้รับคำแนะนำให้ระมัดระวังเพื่อจะไม่ท้าทายเจ้าหน้าที่ของนาซี. ดังนั้น หลายคนจึงประกาศอย่างไม่เป็นทางการกับเพื่อนและญาติ หรือไม่ก็ไปเยี่ยมคนที่เคยพูดคุยกันมาแล้ว. แต่พี่น้องบางคนรู้สึกว่าวิธีดังกล่าวเป็นการทำงานแบบสบายเกินไป และการประกาศตามบ้านโดยใช้แค่คัมภีร์ไบเบิลไม่น่าจะมีปัญหาอะไร. ถึงแม้จะมีความขัดแย้งกันบ้างในเรื่องวิธีทำงานประกาศ แต่ทั้งสองกลุ่มต่างก็มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์แม้เผชิญการต่อต้าน.
พี่น้องจะทำอย่างไร? สงครามทำให้พวกเขาไม่สามารถติดต่อกับสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กได้ ดังนั้น ปัญหามีทีท่าว่าจะยืดเยื้อ. พี่น้องจะยอมให้ความคิดเห็นที่แตกต่างนี้ทำให้ความเชื่อของพวกเขาอ่อนแอลงไหม? หรือว่าพวกเขาจะทำงานประกาศต่อไปอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคอยให้พระยะโฮวาและองค์การของพระองค์จัดการกับเรื่องนี้?
เห็นได้ชัดว่าพระยะโฮวาทรงอวยพรการรับใช้อย่างซื่อสัตย์ของพวกเขา เพราะระหว่างสงคราม องค์การยังคงเติบโตในอัตราเดียวกับช่วงห้าปีก่อนสงคราม. ทั้ง ๆ ที่มีสงคราม การสั่งห้าม และวิธีประกาศที่ต่างกัน ยอดผู้ประกาศก็ยังเพิ่มขึ้นจาก 462 คนในปี 1940 เป็น 698 คนในปี 1945 ทำให้พี่น้องมีเหตุผลที่จะยินดีอย่างแท้จริง!
(จากหนังสือประจำปี 2012 หน้า 181 วรรค 2 รวันดา)
ทั้ง ๆ ที่มีการจับกุม แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนใจดีหมดกำลังใจ และบ่อยครั้งการข่มเหงก่อผลดี. โอเดท มูคานเดเคซี พี่น้องหญิงที่กระตือรือร้นและร่าเริง มีอัธยาศัยดี เป็นหนึ่งในหลายคนที่ถูกจับในตอนนั้น. เธอเล่าว่า “ระหว่างช่วงที่มีการข่มเหง พี่น้องชายถูกจับและถูกตี. วันหนึ่งเราเดินผ่านเด็กหญิงเล็ก ๆ คนหนึ่งชื่อโจเซฟีนซึ่งกำลังเลี้ยงวัวอยู่. เธอมีคัมภีร์ไบเบิลและได้อ่านพบว่าคริสเตียนยุคแรกถูกใส่ร้าย ถูกข่มเหง ถูกเฆี่ยน และติดคุก. เนื่องจากรู้ว่าพยานฯ ถูกข่มเหง เธอจึงลงความเห็นว่าพวกเขาต้องนับถือศาสนาแท้ และเธอขอศึกษาพระคัมภีร์. ตอนนี้เธอเป็นพี่น้องที่รับบัพติสมาแล้ว.”