แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
วันที่ 2-8 เมษายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | มัทธิว 26
“การฉลองปัสกาและการประชุมอนุสรณ์เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร?”
nwtsty-E สื่อสำหรับศึกษา
อาหารปัสกา
อาหารปัสกาต้องประกอบด้วย (1) แกะย่าง (ต้องไม่หักกระดูกของสัตว์) (2) ขนมปังไม่ใส่เชื้อ (3) ผักที่มีรสขม (อพย 12:5, 8; กดว 9:11) ตามบันทึกในมิชนาห์ผักที่มีรสขมอาจเป็นผักหลายชนิดเช่น ผักกาดหอม ผักเหล่านี้อาจเตือนให้ชาวอิสราเอลคิดถึงชีวิตที่ขมขื่นตอนที่เป็นทาสในอียิปต์ พระเยซูใช้ขนมปังไม่ใส่เชื้อเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงร่างกายของท่านซึ่งเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ (มธ 26:26) และอัครสาวกเปาโลเรียกพระเยซูว่า “ลูกแกะปัสกาของเรา” (1คร 5:7) พอถึงศตวรรษแรก (4) เหล้าองุ่นก็เป็นส่วนหนึ่งในการฉลองปัสกา พระเยซูใช้เหล้าองุ่นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงเลือดของท่านที่จะสละเพื่อเป็นเครื่องบูชา—มธ 26:27, 28
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 26:26
หมายถึง คำภาษากรีก e·stinʹ (เอสทิน) (แปลตรงตัวว่า “คือ”) ในที่นี้มีความหมายว่า “เป็นสัญลักษณ์ถึง บ่งชี้ถึง เป็นตัวแทนถึง” พวกอัครสาวกน่าจะเข้าใจอย่างนี้ เพราะในตอนนั้นทั้งร่างกายที่สมบูรณ์แบบของพระเยซูและขนมปังไม่ใส่เชื้อที่พวกเขากำลังจะกินก็อยู่ตรงหน้าพวกเขา ดังนั้น ขนมปังไม่สามารถเป็นเนื้อจากร่างกายของพระเยซูจริง ๆ และขอให้สังเกตว่าคำกรีกคำเดียวกันนี้มีอยู่ใน มธ 12:7 และคัมภีร์ไบเบิลหลายฉบับก็แปลคำนี้ว่า “ความหมาย หรือ หมายถึง”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 26:28
เลือดที่ทำให้สัญญามีผลบังคับใช้ สัญญาใหม่ระหว่างพระยะโฮวากับคริสเตียนผู้ถูกเจิมมีผลบังคับใช้เพราะเครื่องบูชาของพระเยซู (ฮบ 8:10) พระเยซูใช้คำเดียวกันกับที่โมเสสใช้ตอนที่เขาเป็นคนกลางของกฎหมายของโมเสสและทำให้กฎหมายนี้เริ่มมีผลบังคับใช้กับชาติอิสราเอลที่ภูเขาซีนาย (อพย 24:8; ฮบ 9:19-21) เหมือนกับที่เลือดของวัวและแพะทำให้สัญญาเกี่ยวกับกฎหมายที่พระเจ้าทำกับชาติอิสราเอลมีผลบังคับใช้ เลือดของพระเยซูก็ทำให้สัญญาใหม่ที่พระยะโฮวาจะทำกับอิสราเอลโดยนัยมีผลบังคับใช้เช่นกัน สัญญานี้เริ่มมีผลในวันเพ็นเทคอสต์ ปี ค.ศ. 33—ฮบ 9:14, 15
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 26:17
ในวันแรกของเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ เทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อเริ่มวันที่ 15 เดือนนิสาน ซึ่งก็คือ 1 วันหลังจากปัสกา (14 เดือนนิสาน) และเทศกาลนี้จะฉลองนาน 7 วัน (ดูภาคผนวก ข15) แต่ในสมัยของพระเยซู การฉลองปัสกามีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับเทศกาลนี้ จนทำให้บางครั้งทั้ง 8 วันซึ่งรวมวันที่ 14 เดือนนิสานถูกเรียกว่า “เทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ” (ลก 22:1) ในเนื้อเรื่องตอนนี้ คำว่า “ในวันแรกของ” อาจแปลได้ว่า “หนึ่งวันก่อน . . . ” (คำภาษากรีก proʹtos [แรก] มีอยู่ในยอห์น 1:15, 30 ด้วย ซึ่งที่นั่นแปลคำนี้ว่า “ก่อน” ในรูปประโยคที่คล้ายกันคือ “ท่านมีชีวิตอยู่ก่อน [proʹtos] ผมอีก) ดังนั้น ทั้งภาษากรีกดั้งเดิมและธรรมเนียมของชาวยิวอาจทำให้เข้าใจได้ว่าสาวกถามพระเยซูในวันที่ 13 เดือนนิสาน และพอถึงตอนกลางวันของวันที่ 13 เดือนนิสาน สาวกเตรียมการฉลองปัสกา แล้วเริ่มฉลอง “ตอนค่ำ” ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของวันที่ 14 เดือนนิสาน—มก 14:16, 17
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 26:39
ขอให้ถ้วยนี้ผ่านพ้นไป คำว่า “ถ้วย” ในคัมภีร์ไบเบิลมักใช้เป็นภาพเปรียบเทียบถึงความประสงค์ของพระเจ้า หรือ “ส่วนที่คนหนึ่งได้รับ” พระเยซูคงกังวลมากว่าพระเจ้าจะถูกสบประมาท เพราะท่านตายด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า ท่านหมิ่นประมาทพระเจ้าและปลุกระดมประชาชน ท่านจึงอธิษฐานขอที่จะไม่ดื่มจาก “ถ้วย” นี้ หรือขอให้ผ่านพ้นไปจากท่าน
วันที่ 9-15 เมษายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | มัทธิว 27-28
“ไปสอนคนให้เป็นสาวก—ทำไม ที่ไหน และทำอย่างไร?”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 28:19
สอนคน . . . ให้เป็นสาวก คำกริยาภาษากรีก ma·the·teuʹo (มาทีเตโว) อาจแปลได้ว่า “สอน” โดยมีเป้าหมายจะทำให้คนนั้นเป็นนักเรียนหรือเป็นสาวก คำกริยา “ให้ . . . รับบัพติศมา” และ “สอน” รวมอยู่ในการ ‘สอนคนให้เป็นสาวก’
คนทุกชาติ การแปลตรงตัวคือ “ทุกชาติ” แต่ท้องเรื่องชี้ให้เห็นว่าคำนี้หมายถึงบุคคลที่มาจากทุกชาติ เพราะคำสรรพนามภาษากรีก “พวกเขา” ในประโยคที่ว่า ให้พวกเขารับบัพติศมา เป็นคำเพศชาย และหมายถึงผู้คนไม่ใช่ “ชาติ” ซึ่งคำว่า “ชาติ” เป็นคำเพศกลางในภาษากรีก คำสั่งที่บอกว่าให้ไปหา “คนทุกชาติ” เป็นคำสั่งใหม่ ก่อนที่พระเยซูจะเริ่มงานรับใช้ พระคัมภีร์บอกว่า อิสราเอลยินดีต้อนรับคนต่างชาติถ้าพวกเขาอยากมารับใช้พระยะโฮวา (1พก 8:41-43) แต่ในคำสั่งนี้ พระเยซูบอกให้สาวกของท่านออกไปประกาศให้คนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ชาวยิวโดยกำเนิดฟัง นี่เน้นถึงงานสอนคนให้เป็นสาวกของคริสเตียนซึ่งต้องทำทั่วโลก—มธ 10:1, 5-7; วว 7:9
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 28:20
สอนพวกเขา คำภาษากรีกที่แปลว่า “สอน” เกี่ยวข้องกับการสอน การอธิบาย การชี้แจง และเสนอหลักฐาน (ดูข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 3:1; 4:23) การสอนพวกเขาให้ทำตามทุกสิ่งที่พระเยซูสั่งเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการสอนคนอื่นในสิ่งที่พระเยซูสอน การทำตามคำสอนของพระเยซู และการทำตามตัวอย่างของท่าน—ยน 13:17; อฟ 4:21; 1ปต 2:21
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 27:51
ม่าน ผ้าที่ทออย่างสวยงามซึ่งกั้นระหว่างห้องบริสุทธิ์ที่สุดกับห้องบริสุทธิ์ในวิหาร ธรรมเนียมของชาวยิวบอกว่า ผ้าม่านที่หนักมากผืนนี้ ยาว 18 ม. กว้าง 9 ม. หนา 7.4 ซม. การที่พระยะโฮวาทำให้ม่านขาดเป็นสองส่วน เป็นการแสดงถึงความโกรธที่พระองค์มีต่อคนที่ฆ่าลูกชายของพระองค์ และเป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นไปได้ที่มนุษย์จะมีความหวังไปสวรรค์ตั้งแต่ตอนนั้น—ฮบ 10:19, 20; ดูส่วนอธิบายศัพท์ในคัมภีร์ไบเบิล
ห้องบริสุทธิ์ของวิหาร คำภาษากรีก na·osʹ (นาโอส) ที่ใช้ในข้อนี้หมายถึง อาคารใหญ่ที่แบ่งเป็นห้องบริสุทธิ์และห้องบริสุทธิ์ที่สุด
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มธ 28:7
บอกพวกสาวกว่า ‘พระเยซูถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายแล้ว’ ผู้หญิงเหล่านี้เป็นสาวกกลุ่มแรกที่รู้ว่าพระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย และเป็นกลุ่มแรกที่ทูตสวรรค์บอกให้ไปบอกสาวกคนอื่น ๆ ด้วย (มธ 28:2, 5, 7) ปกติแล้วธรรมเนียมของชาวยิวที่ไม่เป็นไปตามหลักพระคัมภีร์จะไม่อนุญาตให้ผู้หญิงให้การเป็นพยานในศาล แต่ทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาให้เกียรติผู้หญิงเหล่านี้โดยให้งานมอบหมายที่น่ายินดีนี้
วันที่ 16-22 เมษายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | มาระโก 1-2
“บาปของลูกได้รับการอภัยแล้ว”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 2:9
อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน? เป็นเรื่องง่ายที่ใครคนหนึ่งจะพูดว่าเขาให้อภัยบาปได้ เพราะไม่มีหลักฐานที่มองเห็นได้ที่จะพิสูจน์คำพูดนั้น แต่การพูดว่า ลุกขึ้น . . . ไปเถอะ ต้องเป็นการอัศจรรย์ที่ทำให้ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพระเยซูมีอำนาจในการให้อภัยบาป เรื่องนี้และอิสยาห์ 33:24 เชื่อมโยงความเจ็บป่วยกับสภาพที่มีบาป
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 1:11
มีเสียงพูดจากฟ้า นี่เป็นครั้งแรกใน 3 ครั้งที่มีการบันทึกในหนังสือข่าวดีว่าพระยะโฮวาพูดกับมนุษย์โดยตรง—ดูข้อมูลสำหรับศึกษา มก 9:7; ยน 12:28
ลูกรักของพ่อ พระเยซูเป็นทูตสวรรค์ ท่านจึงเป็นลูกของพระเจ้า (ยน 3:16) ตั้งแต่ตอนที่พระเยซูเกิดเป็นมนุษย์ ท่านก็เป็น “ลูกของพระเจ้า” เหมือนกับอาดัมมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ (ลก 1:35; 3:38) อย่างไรก็ตาม คำพูดของพระเจ้าในที่นี้ไม่ได้บอกแค่ว่าพระเยซูเป็นใคร แต่การที่พระเจ้าประกาศให้ทุกคนได้ยินแบบนี้พร้อมกับให้พลังบริสุทธิ์กับพระเยซู พระเจ้ากำลังบอกให้รู้ว่าพระองค์ได้รับผู้ชายที่ชื่อเยซูคนนี้ให้เป็นลูกของพระองค์ ซึ่ง “เกิดใหม่” ด้วยความหวังที่จะกลับไปมีชีวิตในสวรรค์ และถูกเจิมด้วยพลังบริสุทธิ์เพื่อจะเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าแต่งตั้งและเป็นมหาปุโรหิต—ยน 3:3-6; 6:51; เทียบกับ ลก 1:31-33; ฮบ 2:17; 5:1, 4-10; 7:1-3
พ่อพอใจในตัวลูกมาก คำพูดเดียวกันนี้มีอยู่ใน มธ 12:18 ซึ่งยกมาจาก อสย 42:1 เป็นข้อที่พูดเกี่ยวกับเมสสิยาห์ที่พระเจ้าสัญญาไว้หรือพระคริสต์ การที่พระเจ้าให้พลังบริสุทธิ์และบอกให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับลูกชายของพระองค์แบบนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพระเยซูเป็นเมสสิยาห์ที่พระเจ้าสัญญาไว้
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 2:28
เจ้าเหนือวันสะบาโต พระเยซูพูดถึงตัวท่านเองด้วยคำพูดนี้ (มธ 12:8; ลก 6:5) เพื่อให้เห็นว่าท่านสามารถทำงานที่พระเจ้าพ่อในสวรรค์ของท่านสั่งให้ทำได้ในวันสะบาโต (เทียบกับ ยน 5:19; 10:37, 38) การอัศจรรย์บางอย่างที่น่าทึ่งที่สุดของพระเยซูเกิดขึ้นในวันสะบาโต สิ่งที่ท่านทำรวมถึงการรักษาคนป่วย (ลก 13:10-13; ยน 5:5-9; 9:1-14) เรื่องนี้อาจเป็นภาพล่วงหน้าถึงการช่วยเหลือที่ท่านจะทำตอนที่รัฐบาลของท่านมาปกครอง ซึ่งช่วงเวลานั้นจะเป็นเหมือนการหยุดพักในวันสะบาโต—ฮบ 10:1
วันที่ 23-29 เมษายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | มาระโก 3-4
“รักษาคนป่วยในวันสะบาโต”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 3:5
ทั้งโกรธทั้งเสียใจ มีแค่มาระโกเท่านั้นที่บันทึกว่าพระเยซูรู้สึกอย่างไรในเหตุการณ์นี้เมื่อท่านเห็นว่าผู้นำศาสนามีใจดื้อด้าน (มธ 12:13; ลก 6:10) มาระโกอาจได้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความรู้สึกของพระเยซูจากเปโตรชายที่เต็มไปด้วยความรู้สึก—ดู “บทนำของหนังสือมาระโก”
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 3:29
พูดจาดูหมิ่นพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้า การพูดจาดูหมิ่นหมายถึงการพูดหมิ่นประมาท พูดก่อความเสียหาย พูดดูถูกเหยียดหยามต่อพระเจ้าหรือต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากพลังบริสุทธิ์มาจากพระเจ้าโดยตรง การจงใจต่อต้านหรือไม่ยอมรับการทำงานของพลังบริสุทธิ์จึงเป็นการดูหมิ่นพระเจ้า ดังที่บอกไว้ใน มธ 12:24, 28; มก 3:22 พวกผู้นำศาสนาชาวยิวเห็นพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้าทำงานในตัวพระเยซูตอนที่ท่านทำการอัศจรรย์ต่าง ๆ แต่พวกเขาบอกว่าพลังนั้นมาจากมารซาตาน
บาปนั้นจะติดตัวเขาตลอดไป ดูเหมือนจะพูดถึงบาปโดยเจตนาซึ่งส่งผลตลอดไป ไม่มีเครื่องบูชาไหนสามารถปิดคลุมบาปแบบนี้ได้—ดูข้อมูลสำหรับศึกษา พูดจาดูหมิ่นพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้า ในข้อนี้
วันที่ 30 เมษายน-6 พฤษภาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | มาระโก 5-6
“พระเยซูมีพลังอำนาจในการปลุกคนที่เรารักซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 5:39
ไม่ได้ตาย แต่นอนหลับอยู่ คัมภีร์ไบเบิลมักพูดถึงการตายว่าเป็นเหมือนการนอนหลับ (สด 13:3; ยน 11:11-14; กจ 7:60; 1คร 7:39; 15:51; 1ธส 4:13) ตอนนั้น พระเยซูกำลังจะไปปลุกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้กลับมามีชีวิตอีก ดังนั้น ท่านอาจพูดอย่างนี้เพราะท่านจะแสดงให้เห็นว่าคนตายถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายได้เหมือนกับที่คนนอนหลับสนิทถูกปลุกให้ตื่นได้ พระเยซูปลุกเด็กผู้หญิงคนนั้นโดยใช้พลังที่ได้รับจากพ่อของท่าน ซึ่งเป็นผู้ที่ “ทำให้คนตายมีชีวิตอีกได้ และพระองค์พูดถึงสิ่งที่ยังไม่มีเหมือนกับว่ามีอยู่แล้ว”—รม 4:17
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 5:19
เล่าให้พวกเขาฟัง พระเยซูสั่งผู้ชายคนนี้ให้ไปบอกญาติ ๆ ของเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเป็นคำสั่งที่ต่างไปจากครั้งอื่น ๆ เพราะปกติแล้วท่านสั่งว่าไม่ให้เล่าเรื่องการอัศจรรย์ที่ท่านทำให้คนอื่นฟัง (มก 1:44; 3:12; 7:36) ที่เป็นอย่างนี้อาจเพราะผู้คนขอให้พระเยซูออกไปจากเขตนั้น แล้วท่านเองก็จะไม่มีโอกาสประกาศให้พวกเขาฟัง นอกจากนั้น การทำอย่างนี้ป้องกันไม่ให้ผู้คนเอาเรื่องที่หมูตายทั้งฝูงไปเล่าในแง่ลบ
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 6:11
สะบัดฝุ่นออกจากเท้า ลักษณะท่าทางนี้เป็นการสื่อว่า พวกสาวกปฏิเสธที่จะรับผิดชอบต่อผลที่พระเจ้าจะทำให้เกิดขึ้น ข้อความที่คล้ายกันนี้มีอยู่ใน มธ 10:14; ลก 9:5 มาระโกและลูกาเพิ่มข้อความที่ว่า เพื่อให้เขารู้ว่าคุณเตือนเขาแล้ว เปาโลกับบาร์นาบัสทำท่าทางนี้เหมือนกันในเมืองอันทิโอกแคว้นปิสิเดีย (กจ 13:51) และตอนที่เปาโลสะบัดเสื้อซึ่งเป็นท่าทางคล้าย ๆ กันในเมืองโครินธ์ เขาอธิบายต่อไปว่า “พวกคุณรับผิดชอบชีวิตของพวกคุณเองก็แล้วกัน ผมพ้นความรับผิดชอบแล้ว” (กจ 18:6) สาวกอาจคุ้นเคยกับท่าทางแบบนี้ เพราะชาวยิวที่เคร่งที่เดินทางผ่านประเทศของคนต่างชาติก็สะบัดฝุ่นที่พวกเขาคิดว่าเป็นมลทินออกจากรองเท้าของเขาเหมือนกันก่อนที่จะเข้าเขตยิว แต่พระเยซูน่าจะไม่ได้คิดอย่างนั้นตอนที่สั่งสาวกให้ทำท่าทางนี้
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 4:9
ให้ทุกคนที่ได้ยินจำใส่ใจไว้ให้ดี ก่อนที่พระเยซูจะเล่าตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องคนที่หว่านเมล็ดพืช ท่านบอกว่า “ฟังให้ดี” (มก 4:3) และท่านจบด้วยคำพูดที่กระตุ้นใจแบบนี้ก็เพื่อจะเน้นว่าสำคัญแค่ไหนที่สาวกจะเอาใจใส่คำแนะนำของท่าน เราพบคำพูดคล้าย ๆ กันนี้ด้วยใน มธ 11:15; 13:9, 43; มก 4:23; ลก 8:8; 14:35; วว 2:7, 11, 17, 29; 3:6, 13, 22; 13:9