แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
วันที่ 4-10 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | มาระโก 15-16
“พระเยซูทำให้คำพยากรณ์เป็นจริง”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 15:24, 29
เอาเสื้อชั้นนอกของท่านมา . . . แบ่งกัน เรื่องราวใน ยน 19:23, 24 มีรายละเอียดเพิ่มเติมที่มัทธิว มาระโก และลูกาไม่ได้บอกไว้ก็คือ ทหารโรมันคงจะเอาเสื้อชั้นนอกและเสื้อตัวในมาจับฉลากกัน พวกทหารเอาเสื้อชั้นนอกมาแบ่ง “เป็น 4 ส่วน แล้วเอาไปคนละส่วน” พวกเขาไม่อยากแบ่งเสื้อตัวในก็เลยจับฉลากกันว่าใครจะได้ การเอาเสื้อผ้าของเมสสิยาห์มาจับฉลากก็เป็นจริงตามคำพยากรณ์ที่บอกไว้ใน สด 22:18 เห็นได้ชัดว่าเป็นธรรมเนียมที่คนลงโทษจะเก็บเสื้อผ้าของนักโทษไว้ ดังนั้น อาชญากรจะถูกถอดเสื้อผ้าและทุกอย่างบนตัวเขาก่อนจะถูกประหาร ซึ่งนั่นยิ่งทำให้น่าอับอายมากไปกว่าเดิม
ส่ายหัว ปกติเป็นท่าทางที่มาพร้อมกับคำพูด ซึ่งแสดงถึงการหัวเราะเยาะ ดูถูก หรือล้อเลียน คนเหล่านี้ที่เดินผ่านไปมาทำให้คำพยากรณ์ใน สด 22:7 เป็นจริงโดยไม่ได้ตั้งใจ
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 15:43
โยเซฟ ผู้เขียนหนังสือข่าวดีแต่ละคนให้รายละเอียดเกี่ยวกับโยเซฟในแบบที่ต่างกัน มัทธิวคนเก็บภาษีสังเกตว่าเขาเป็น “เศรษฐี” มาระโกซึ่งเขียนเนื้อหาส่วนใหญ่เพื่อชาวโรมันบอกว่าเขาเป็น “สมาชิกสภาผู้มีชื่อเสียง” ซึ่งรอคอยรัฐบาลของพระเจ้า ลูกาหมอที่มีความเมตตาบอกว่า เขา “เป็นคนดีและเชื่อฟังพระเจ้า” ซึ่งไม่สนับสนุนการต่อต้านที่สภามีต่อพระเยซู มียอห์นคนเดียวที่บอกว่าเขาเป็น “สาวกคนหนึ่งของพระเยซูที่ไม่เปิดเผยตัวเพราะกลัวพวกยิว”—มธ 27:57-60; มก 15:43-46; ลก 23:50-53; ยน 19:38-42
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 15:25
เก้าโมงเช้า บางคนบอกว่าเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้และใน ยน 19:14-16 แตกต่างกัน หนังสือยอห์นบอกว่า “ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน” ที่ปีลาตสั่งทหารให้เฆี่ยนพระเยซูแล้วเอาไปประหารบนเสา แม้พระคัมภีร์ไม่ได้อธิบายว่าทำไมการบันทึกเรื่องเวลาจึงแตกต่างกัน แต่ก็มีสิ่งที่น่าสังเกตดังต่อไปนี้คือ หนังสือทั้ง 4 เล่มพูดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันสุดท้ายที่พระเยซูมีชีวิตบนโลกอย่างสอดคล้องกันว่าเรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นในเวลาไหนบ้าง เช่น พระคัมภีร์บอกว่าตอนรุ่งเช้าเป็นเวลาที่พวกปุโรหิตและพวกผู้นำประชุมกัน แล้วจากนั้นพวกเขาก็พาพระเยซูไปหาปอนทิอัสปีลาตผู้ว่าราชการโรมัน (มธ 27:1, 2; มก 15:1; ลก 22:66-23:1; ยน 18:28) มัทธิว มาระโก และลูกาบอกว่าตอนที่พระเยซูอยู่บนเสาทรมานท้องฟ้าก็มืดไปทั่วแผ่นดินตั้งแต่เวลา “เที่ยงวัน . . . จนถึงเวลาบ่าย 3 โมง” (มธ 27:45, 46; มก 15:33, 34; ลก 23:44) เมื่อพวกเขาเขียนว่าพระเยซูถูกประหารในเวลาใด พวกเขาอาจคิดถึงเรื่องการเฆี่ยน เพราะการเฆี่ยนถือเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการประหารชีวิต บางครั้งการเฆี่ยนก็หนักมากจนทำให้นักโทษตาย ในกรณีของพระเยซูก็คงจะหนักมากเหมือนกันเพราะต้องให้ผู้ชายอีกคนหนึ่งช่วยแบกเสาทรมานให้หลังจากที่พระเยซูเริ่มแบกคนเดียวไปได้สักพัก (ลก 23:26; ยน 19:17) ถ้ามองว่าการเฆี่ยนเป็นขั้นตอนเริ่มต้นของการประหาร พระเยซูก็คงถูกตรึงบนเสาทรมานจริง ๆ หลังจากที่เวลาผ่านไปสักระยะแล้ว มธ 27:26 และ มก 15:15 สนับสนุนจุดนี้เพราะทั้งสองคนพูดถึงทั้งการเฆี่ยนและการประหารบนเสา ดังนั้น แต่ละคนอาจบอกเวลาการประหารต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามองว่าขั้นตอนประหารเริ่มตอนไหน ตอนถูกเฆี่ยนหรือตอนถูกตรึง และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำไมปีลาตแปลกใจที่รู้ว่าพระเยซูตายเร็วมากหลังจากถูกตรึงบนเสา (มก 15:44) นอกจากนั้น บ่อยครั้งผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลสะท้อนให้เห็นว่าในสมัยนั้นมีการแบ่งเวลาตอนกลางวันออกเป็น 4 ช่วง ช่วงละ 3 ชั่วโมง และตอนกลางคืนก็เหมือนกัน การแบ่งวันแบบนี้ทำให้รู้ว่าทำไมจึงมีการพูดถึงเวลา 9 โมงเช้า เวลาเที่ยงวัน และบ่าย 3 โมง ซึ่งนับจากตอนที่ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลาประมาณ 6 โมงเช้า (มธ 20:1-5; ยน 4:6; กจ 2:15; 3:1; 10:3, 9, 30) อีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีเครื่องบอกเวลาที่เที่ยงตรง ดังนั้น การบอกเวลาจึงมักใช้คำว่า “ประมาณ” เหมือนที่เราเห็นใน ยน 19:14 (มธ 27:46; ลก 23:44; ยน 4:6; กจ 10:3, 9) สรุปแล้วคือ มาระโกอาจรวมเวลาตั้งแต่ตอนที่พระเยซูถูกเฆี่ยนไปจนถึงถูกตรึงบนเสา ในขณะที่ยอห์นพูดถึงเวลาตอนที่ถูกตรึงบนเสาเท่านั้น นอกจากนั้น ผู้เขียนทั้งสองคนอาจเลือกบอกเวลาที่ใกล้ที่สุดในเวลาแต่ละช่วงซึ่งนาน 3 ชั่วโมง และยอห์นใช้คำว่า “ประมาณ” เพื่อพูดถึงเวลาที่เขาบอกไว้ ปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่หนังสือข่าวดีบอกเวลาแตกต่างกันไป และสุดท้าย การที่ยอห์นบอกเวลาต่างจากมาระโกเมื่อยอห์นเขียนหนังสือของเขาหลายสิบปีต่อจากนั้น แสดงให้เห็นว่ายอห์นไม่ได้เขียนโดยลอกมาจากบันทึกของมาระโก
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา มก 16:8
เพราะกลัวมาก จากสำเนาเก่าแก่ที่สุดที่เป็นส่วนสุดท้ายของหนังสือมาระโก หนังสือข่าวดีนี้จบด้วยข้อความที่อยู่ในข้อ 8 บางคนให้ความเห็นว่าการจบแบบนั้นกะทันหันเกินกว่าที่จะเป็นคำลงท้ายในต้นฉบับของหนังสือนี้ แต่ถ้ามองจากสไตล์การเขียนที่กระชับของมาระโก ความเห็นแบบนั้นก็ไม่น่าจะถูกต้อง และเจโรมกับยูเซบิอุสผู้เชี่ยวชาญในศตวรรษที่ 4 ระบุว่าบันทึกที่น่าเชื่อถือจบด้วยคำว่า “เพราะกลัวมาก”
มีสำเนาภาษากรีกและฉบับแปลในภาษาต่าง ๆ หลายฉบับเพิ่มคำลงท้ายแบบยาวและแบบสั้นต่อจากข้อ 8 คำลงท้ายแบบยาว (เพิ่มมา 12 ข้อ) มีอยู่ในโคเดกซ์อะเล็กซานดรินุส, โคเดกซ์ เอแฟรมิ ซีรี เรสคริปทุส, โคเดกซ์ เบแซแคนตาบริจิเอนซิส ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากศตวรรษที่ 5 และยังมีอยู่ในวัลเกต ภาษาละติน, เคอร์โตเนียนภาษาซีรีแอก, ฉบับเพชิตตา ภาษาซีรีแอก แต่คำลงท้ายแบบยาวนี้ไม่ได้อยู่ในสำเนาภาษากรีกสองฉบับที่พบก่อนหน้านั้นในศตวรรษที่ 4 ซึ่งก็คือโคเดกซ์ไซนายติคุส และโคเดกซ์วาติกานุส และไม่ได้อยู่ในโคเดกซ์ไซนายติคุสซีเรียคุสที่พบในศตวรรษที่ 4 หรือ 5 อีกทั้งไม่ได้อยู่ในสำเนาของหนังสือมาระโกที่เก่าแก่ที่สุดในภาษาคอปติกแบบซาฮิดิกในศตวรรษที่ 5 ด้วย และสำเนาของหนังสือมาระโกที่เก่าแก่ที่สุดในภาษาอาร์เมเนียและภาษาจอร์เจียก็จบที่ข้อ 8
ในเวลาต่อมา สำเนาภาษากรีกและฉบับแปลในภาษาต่าง ๆ บางฉบับมีคำลงท้ายแบบสั้น (เพิ่มมาแค่ 2 ประโยค) โคเดกซ์เรจิอุสในศตวรรษที่ 8 มีคำลงท้ายทั้ง 2 แบบ โดยเรียงจากคำลงท้ายแบบสั้นก่อน คำเกริ่นนำของคำลงท้ายแต่ละแบบบอกไว้ว่าข้อความเหล่านี้เป็นที่ยอมรับจากคนบางกลุ่มเท่านั้น จึงเห็นได้ชัดว่าโคเดกซ์เรจิอุสไม่ได้บอกว่าคำลงท้ายทั้งสองแบบนั้นน่าเชื่อถือ คัมภีร์ไบเบิลบางฉบับในภาษาไทยเพิ่มข้อความดังต่อไปนี้
คำลงท้ายแบบสั้น
คำลงท้ายแบบสั้นหลัง มก 16:8 ไม่ใช่ข้อความในพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ
แต่ทุกสิ่งที่ทรงสั่งไว้นั้น พวกเขาได้เล่าให้คนที่อยู่กับเปโตรฟังอย่างย่อ ๆ หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ พระเยซูทรงส่งพวกเขาไปประกาศข่าวอันศักดิ์สิทธิ์และไม่มีวันเสื่อมสูญเรื่องความรอดนิรันดร์ตั้งแต่ทิศตะวันออกจนถึงทิศตะวันตก
คำลงท้ายแบบยาว
คำลงท้ายแบบยาวหลัง มก 16:8 ไม่ใช่ข้อความในพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ
9 หลังจากพระองค์ทรงเป็นขึ้นจากตายในตอนเช้าตรู่ของวันต้นสัปดาห์แล้ว พระองค์ทรงปรากฏแก่มาเรียมักดาลาเป็นคนแรก คือคนที่พระองค์เคยขับปิศาจออกเจ็ดตน 10 นางจึงไปบอกเรื่องนี้แก่คนที่เคยอยู่กับพระองค์ซึ่งกำลังโศกเศร้าและร้องไห้อยู่ 11 แต่พวกเขาไม่เชื่อเมื่อได้ยินว่าพระองค์คืนพระชนม์แล้วและนางได้เห็นพระองค์ 12 นอกจากนั้น หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ พระองค์ทรงปรากฏกายอีกแบบหนึ่งแก่สาวกสองคนขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปนอกเมือง 13 และสองคนนั้นได้กลับมาบอกคนอื่น ๆ คนเหล่านั้นก็ไม่เชื่อสองคนนี้เช่นกัน 14 แต่ต่อมาพระองค์ทรงปรากฏแก่สาวกสิบเอ็ดคนขณะที่พวกเขากำลังนั่งเอนกายอยู่ที่โต๊ะ และพระองค์ทรงตำหนิที่พวกเขาขาดความเชื่อและมีหัวใจแข็งกระด้าง เพราะพวกเขาไม่เชื่อคนที่ได้เห็นพระองค์ซึ่งถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายแล้ว 15 และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงไปทั่วโลกและประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทั้งปวง 16 คนที่เชื่อและรับบัพติสมาจะได้รับการช่วยให้รอด แต่คนที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ 17 นอกจากนั้น ผู้ที่เชื่อจะทำการอัศจรรย์เหล่านี้ด้วย คือ พวกเขาจะขับปิศาจโดยใช้นามของเรา จะพูดภาษาต่าง ๆ 18 จะจับงูพิษด้วยมือเปล่า และถ้าพวกเขาดื่มอะไรที่มีพิษถึงตาย พวกเขาจะไม่เป็นอันตรายเลย พวกเขาจะวางมือบนคนป่วยและคนเหล่านั้นจะหายดี”
19 เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสกับพวกเขาแล้ว พระองค์ก็ถูกรับไปสวรรค์และทรงนั่งด้านขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า 20 ดังนั้น พวกเขาจึงออกไปประกาศทุกแห่งหน ขณะที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับพวกเขาและทรงสนับสนุนข่าวสารนั้นด้วยการอัศจรรย์ต่าง ๆ
วันที่ 11-17 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | ลูกา 1
“เลียนแบบความถ่อมตัวของมารีย์”
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ลก 1:69, เชิงอรรถ
เขาสัตว์แห่งความรอด หรือ “ผู้ช่วยให้รอดที่มีพลังเข้มแข็ง” ในคัมภีร์ไบเบิลเขาสัตว์มักหมายถึงกำลัง และชัยชนะ (1ซม 2:1; สด 75:4, 5, 10; 148:14; เชิงอรรถ) เขาสัตว์เป็นสัญลักษณ์ถึงผู้ที่ปกครองและราชวงศ์ที่ปกครองไม่ว่าพวกเขาจะดีหรือชั่ว และชัยชนะที่พวกเขาได้รับก็ถูกเปรียบเหมือนการเอาเขาขวิด (ฉธบ 33:17; ดนล 7:24; 8:2-10, 20-24) ในเนื้อเรื่องนี้ คำว่า “เขาสัตว์แห่งความรอด” หมายถึง เมสสิยาห์ว่าเป็นผู้มีกำลังที่จะช่วยให้รอด ท่านเป็นผู้ช่วยให้รอดที่ยิ่งใหญ่
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ลก 1:76
พระยะโฮวาจะใช้ลูกให้ล่วงหน้าไปก่อน ยอห์นผู้ให้บัพติศมาจะ “ล่วงหน้าไปก่อน” พระยะโฮวาในความหมายที่ว่า เขาจะเป็นผู้มาก่อนพระเยซู ซึ่งพระเยซูเป็นตัวแทน ของพระเจ้าพ่อของท่าน และพระเยซูจะมาในนามพระเจ้าพ่อของท่าน—ยน 5:43; 8:29
วันที่ 18-24 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | ลูกา 2-3
“วัยรุ่น—คุณกำลังสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวาไหม?”
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ลก 2:41
พ่อแม่ของพระเยซู . . . เป็นประจำ กฎหมายของโมเสสไม่ได้เรียกร้องให้ผู้หญิงไปร่วมฉลองปัสกา แต่มารีย์เดินทางไปเยรูซาเล็มกับโยเซฟเป็นประจำทุกปีเพื่อฉลองเทศกาลนี้ (อพย 23:17; 34:23) ในแต่ละปี พวกเขาเดินทางไปกลับเกือบ 300 กิโลเมตรพร้อมกับครอบครัวที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ลก 2:46, 47
ซักถามพวกอาจารย์อยู่ ปฏิกิริยาของคนที่ได้ฟังพระเยซู ทำให้รู้ว่าคำถามของท่านไม่ใช่คำถามทั่ว ๆ ไปที่เด็กอยากรู้ (ลก 2:47) คำภาษากรีกที่แปลว่า “ซักถาม” ในบางท้องเรื่องหมายถึงการซักถามเพื่อตรวจสอบหรือคัดค้านและใช้ในการตัดสินความ (มธ 27:11; มก 14:60, 61; 15:2, 4; กจ 5:27) นักประวัติศาสตร์กล่าวว่าเป็นธรรมเนียมที่ผู้นำศาสนาคนสำคัญบางคนจะยังอยู่ที่วิหารต่อหลังจากเทศกาล และสอนบริเวณเฉลียงที่กว้าง ๆ สักที่หนึ่ง ผู้คนจะนั่งแทบเท้าของพวกเขาเพื่อฟังและซักถาม
รู้สึกทึ่งจริง ๆ คำกริยาภาษากรีกสำหรับคำว่า “รู้สึกทึ่ง” ในข้อนี้ อาจถ่ายทอดแนวคิดที่เกี่ยวกับความอัศจรรย์ใจอย่างต่อเนื่องหรือซ้ำแล้วซ้ำอีก
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ลก 2:51, 52, เชิงอรรถ
อยู่ในโอวาท หรือ “อยู่ภายใต้การเชื่อฟังเสมอ หรือเชื่อฟังเสมอ” รูปคำกริยาภาษากรีกแบบต่อเนื่องที่ใช้ในที่นี้ทำให้รู้ว่า หลังจากพระเยซูทำให้พวกอาจารย์ประทับใจเพราะความรู้จากถ้อยคำของพระเจ้าที่วิหารแล้ว ท่านก็กลับบ้านและถ่อมตัวเชื่อฟังพ่อแม่ต่อไป การเชื่อฟังของท่านสำคัญกว่าการเชื่อฟังของเด็กคนไหน ๆ เพราะว่านี่เกี่ยวข้องกับการทำตามกฎหมายของโมเสสอย่างครบถ้วน—อพย 20:12; กท 4:4
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ลก 2:14
และขอให้ประชาชนที่พระองค์ยอมรับมีความสงบสุขบนโลกนี้ สำเนาบางฉบับมีข้อความที่อาจแปลได้ว่า “ขอให้มนุษย์ทุกคนบนโลกมีความสงบสุขจากพระเจ้า” และข้อความที่คล้าย ๆ กันนี้มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลบางฉบับแปลด้วย แต่ข้อความที่อยู่ในฉบับแปลโลกใหม่ อาศัยสำเนาที่น่าเชื่อถือมากกว่า คำประกาศของทูตสวรรค์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า พระเจ้ายอมรับมนุษย์ทุกคนไม่ว่าพวกเขาจะคิดและทำอะไร แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ข้อความนี้พูดถึงคนที่พระเจ้ายอมรับเพราะพวกเขาแสดงความเชื่อแท้ในพระองค์และมาเป็นสาวกของลูกพระองค์—ดูข้อมูลสำหรับศึกษา ประชาชนที่พระองค์ยอมรับ ในข้อนี้
ประชาชนที่พระองค์ยอมรับ คำว่า “ยอมรับ” มาจากคำภาษากรีก eu·do·kiʹa (เอฟโดกิอา) ซึ่งคำนี้ยังสามารถแปลได้ว่า “พอใจ ชื่นชอบ ยอมรับ” คำกริยาภาษากรีกที่เกี่ยวข้องกันคือคำว่า eu·do·keʹo (เอฟโดเกโอ) มีอยู่ใน มธ 3:17; มก 1:11 และ ลก 3:22 ซึ่งใช้ตอนที่พระเจ้าพูดกับพระเยซูลูกของพระองค์ทันทีหลังจากท่านรับบัพติศมา คำนี้มีความหมายพื้นฐานว่า “ยอมรับ พอใจมากกับ ชื่นชอบ มีความสุขกับ” ดังนั้น คำพูดของทูตสวรรค์ในข้อนี้พูดถึงความพอใจจากพระเจ้าที่มีต่อคนที่ทำให้พระองค์พอใจ ไม่ใช่มนุษย์ทุกคน พวกเขามีความเชื่อแท้ในพระองค์และมาเป็นสาวกของลูกพระองค์ แม้คำกรีก eu·do·kiʹa (เอฟโดกิอา) ในบางท้องเรื่องจะหมายถึงความพอใจของมนุษย์ (รม 10:1; ฟป 1:15) แต่บ่อยครั้งใช้เพื่อพูดถึงความพอใจของพระเจ้า ความชอบ หรือการยอมรับจากพระองค์ (มธ 11:26; ลก 10:21; อฟ 1:5, 9; ฟป 2:13; 2ธส 1:11) ในฉบับเซปตัวจินต์ ที่ สด 51:18 [50:20, LXX] ใช้คำนี้เพื่อพูดเกี่ยวกับ “ความพอใจ” ของพระเจ้า
วันที่ 25 มิถุนายน–1 กรกฎาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | ลูกา 4-5
“เอาชนะการล่อใจเหมือนพระเยซู”
nwtsty-E สื่อสำหรับศึกษา
กำแพงด้านที่สูงที่สุดของวิหาร
ซาตานอาจพาพระเยซูไปที่ “กำแพงด้านที่สูงที่สุดของวิหาร” จริง ๆ และบอกให้ท่านกระโดดลงไป แต่เราไม่รู้ว่าจุดที่พระเยซูยืนคือจุดไหนจริง ๆ เนื่องจากคำว่า “วิหาร” ที่ใช้ในข้อนี้อาจหมายถึงอาคารทั้งหมดของวิหาร พระเยซูอาจยืนอยู่ที่มุมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ (1) ของบริเวณวิหาร หรือท่านอาจยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของวิหาร การตกลงมาไม่ว่าจากมุมไหนก็จะทำให้ตายแน่ ๆ นอกจากว่าพระยะโฮวาจะช่วยเอาไว้
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ลก 4:17
ม้วนหนังสือของผู้พยากรณ์อิสยาห์ ม้วนหนังสือทะเลตายของอิสยาห์ประกอบด้วยแผ่นหนัง 17 แผ่นที่นำมาต่อกัน ทำให้กลายเป็นม้วนหนังสือที่ยาว 7 เมตร และมี 54 คอลัมน์ ม้วนหนังสือที่ใช้ในที่ประชุมของชาวยิวในนาซาเร็ธอาจมีความยาวใกล้เคียงกับม้วนนี้ การที่ม้วนหนังสือในศตวรรษแรกไม่มีบทและข้อคงทำให้พระเยซูต้องหาข้อความที่ท่านต้องการจะอ่าน แต่การที่ท่านคลี่ไปตรงข้อความที่เขียนคำพยากรณ์ได้ แสดงให้เห็นว่าท่านคุ้นเคยกับถ้อยคำของพระเจ้าเป็นอย่างดี
nwtsty-E ข้อมูลสำหรับศึกษา ลก 4:25
3 ปีครึ่ง ที่ 1พก 18:1 เอลียาห์ประกาศว่าความแห้งแล้งจะสิ้นสุด “ในปีที่ 3” บางคนจึงบอกว่าสิ่งที่พระเยซูพูด ขัดแย้งกับเรื่องราวใน 1 พงศ์กษัตริย์ แต่บันทึกในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูไม่ได้ทำให้เราคิดว่าความแห้งแล้งสิ้นสุดลงก่อน 3 ปี คำว่า “ในปีที่ 3” น่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่เอลียาห์ประกาศให้อาหับรู้ว่าจะเกิดความแห้งแล้ง (1พก 17:1) ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงฤดูแล้งที่เกิดขึ้นตามปกติ ฤดูนี้ยาวนาน 6 เดือน นอกจากนั้น ความแห้งแล้งไม่ได้สิ้นสุดทันทีหลังจากเอลียาห์ไปพบอาหับอีกครั้ง “ในปีที่ 3” แต่ความแห้งแล้งสิ้นสุดหลังจากที่เอลียาห์ปะทะกับผู้พยากรณ์ของบาอัลและมีการทดสอบเรื่องไฟที่ภูเขาคาร์เมล (1พก 18:18-45) ดังนั้น คำพูดของพระเยซูที่บันทึกในข้อนี้และคำพูดของน้องชายพระเยซูที่พูดคล้าย ๆ กันใน ยก 5:17 จึงสอดคล้องอย่างดีกับเรื่องราวใน 1พก 18:1