แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
วันที่ 6-12 กรกฎาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | อพยพ 6-7
“ในตอนนี้เจ้าจะได้เห็นสิ่งที่เราจะทำกับฟาโรห์”
it-2-E น. 436 ว. 3
โมเสส
มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหมู่ผู้ชายชาวอิสราเอล ตอนแรกพวกเขายอมรับบทบาทของโมเสส แต่หลังจากที่ฟาโรห์สั่งให้ทำงานหนักขึ้น พวกเขาก็บ่นต่อว่าโมเสสจนเขาท้อใจและระบายความรู้สึกกับพระยะโฮวา (อพย 4:29-31; 5:19-23) ตอนนั้น พระยะโฮวาให้กำลังใจโมเสสโดยบอกว่า พระองค์จะทำให้สิ่งที่สัญญากับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบเกิดขึ้นจริง และจะทำให้ชาวอิสราเอลเข้าใจความหมายของชื่อพระองค์อย่างเต็มที่ โดยช่วยพวกเขาออกจากอียิปต์ ให้พวกเขาเป็นชนชาติใหญ่และได้อยู่ในแผ่นดินที่พระองค์สัญญา (อพย 6:1-8) ถึงอย่างนั้นพวกผู้ชายอิสราเอลก็ไม่ฟัง แต่หลังจากภัยพิบัติอย่างที่ 9 พวกเขาก็ติดตามและร่วมมือกับโมเสสอย่างดี พอภัยพิบัติอย่างที่ 10 ผ่านไป โมเสสก็สามารถรวบรวมและนำหน้าพวกเขาออกจากอียิปต์ “เป็นหมู่เหล่าเหมือนกองทัพ”—อพย 13:18
it-2-E น. 436 ว. 1-2
โมเสส
ยืนต่อหน้าฟาโรห์แห่งอียิปต์ ตอนนี้โมเสสและอาโรนเป็นคนสำคัญในการ ‘ต่อสู้กับพวกเทพเจ้าของอียิปต์’ ดูเหมือนว่าหัวหน้าของพวกนักบวชที่มีเวทมนตร์คาถาจะชื่อยันเนสกับยัมเบรส์ (2ทธ 3:8) ฟาโรห์เรียกพวกพ่อมดและนักบวชที่มีเวทมนตร์คาถาทั้งหมดของอียิปต์มาสู้กับพลังอำนาจของพระยะโฮวา การอัศจรรย์ครั้งแรกที่โมเสสบอกให้อาโรนทำต่อหน้าฟาโรห์แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวามีอำนาจเหนือกว่าพวกเทพเจ้าของอียิปต์ แต่ถึงอย่างนั้นฟาโรห์ก็ยังดื้อดึง (อพย 7:8-13) เมื่อเกิดภัยพิบัติอย่างที่ 3 พวกนักบวชก็ยอมรับว่า “เหตุการณ์นี้เกิดจากอำนาจของพระเจ้าแน่ ๆ!” และเมื่อเกิดภัยพิบัติอย่างที่ 6 พวกเขาก็เป็นฝีพุพองหนักมากจนไปช่วยฟาโรห์สู้กับโมเสสไม่ได้—อพย 8:16-19; 9:10-12
ภัยพิบัติที่ทำให้หัวใจอ่อนลงและแข็งกระด้างดื้อดึง โมเสสกับอาโรนเป็นคนไปบอกฟาโรห์ว่าจะเกิดภัยพิบัติแต่ละอย่าง การที่ภัยพิบัติ 10 อย่างเกิดขึ้นตามที่พวกเขาบอก พิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นตัวแทนของพระยะโฮวา นี่ทำให้ชื่อของพระยะโฮวาเลื่องลือไปทั่วอียิปต์ และชื่อนี้ทำให้เกิดผล 2 ด้าน ด้านหนึ่ง ทำให้ชาวอิสราเอลกับชาวอียิปต์บางคนมีหัวใจอ่อนลงเชื่อฟังมากขึ้น และอีกด้านหนึ่ง ทำให้ฟาโรห์ พวกที่ปรึกษา และข้าราชสำนักมีหัวใจที่แข็งกระด้างดื้อดึง (อพย 9:16; 11:10; 12:29-39) ชาวอียิปต์ที่มีหัวใจอ่อนลงไม่ได้คิดว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพวกเขาทำไม่ดีจนทำให้พวกเทพเจ้าโกรธ แต่รู้ว่าพระยะโฮวากำลังลงโทษเทพเจ้าเหล่านั้น หลังจากเกิดภัยพิบัติไปแล้ว 9 อย่าง “โมเสสเองก็ได้รับความนับถืออย่างสูงในอียิปต์ ทั้งในหมู่ข้าราชสำนักของฟาโรห์และชาวอียิปต์ทั่วไป”—อพย 11:3
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 78 ว. 3-4
พระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด
พระยะโฮวาใช้ตำแหน่ง “พระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด” (เอลชัดได) ตอนที่ทำสัญญากับอับราฮัมเรื่องการเกิดของอิสอัค ตัวอับราฮัมเองต้องมีความเชื่ออย่างมากว่าพระองค์มีพลังอำนาจมากพอที่จะทำให้สัญญานี้เกิดขึ้นจริง หลังจากนั้น มีการใช้ตำแหน่งนี้เมื่อพูดถึงพระเจ้าว่าจะอวยพรอิสอัคกับยาโคบให้เป็นผู้รับมรดกตามสัญญาที่ทำกับอับราฮัม—ปฐก 17:1; 28:3; 35:11; 48:3
สอดคล้องกับเรื่องนี้ ต่อมา พระยะโฮวาพูดกับโมเสสว่า “เราเคยมาหาอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในฐานะพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด [เอลชัดได] แต่สำหรับชื่อยะโฮวานั้นเรายังไม่ได้ทำให้พวกเขารู้จักเต็มที่” (อพย 6:3) นี่ไม่ได้หมายความว่าอับราฮัม อิสอัค และยาโคบไม่รู้จักชื่อยะโฮวา เพราะพวกเขาเองและคนที่มีชีวิตอยู่ก่อนพวกเขาก็เคยใช้ชื่อนี้บ่อย ๆ (ปฐก 4:1, 26; 14:22; 27:27; 28:16) ที่จริง ในต้นฉบับภาษาฮีบรูของหนังสือปฐมกาล ในสมัยของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ มีการใช้ตำแหน่ง “พระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด” 6 ครั้งและชื่อยะโฮวา 172 ครั้ง แม้บรรพบุรุษต้นตระกูลเหล่านี้ได้เห็นพลังอำนาจและคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระเจ้าที่สมกับตำแหน่ง “พระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด” แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของชื่อยะโฮวาและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชื่อนี้อย่างเต็มที่ พจนานุกรมเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล The Illustrated Bible Dictionary (เล่ม 1 หน้า 572, ปี 1980, บรรณาธิการโดย เจ.ดี. ดักลาส) พูดถึงเรื่องนี้ว่า “สิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยกับบรรพบุรุษต้นตระกูลเกี่ยวข้องกับคำสัญญาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พวกเขาน่าจะต้องมั่นใจว่าพระองค์ ยาห์เวห์ เป็นพระเจ้า (เอล) ที่ทำให้คำสัญญาเหล่านี้เกิดขึ้นจริง แต่การเปิดเผยที่พุ่มไม้ยิ่งใหญ่กว่า เป็นส่วนตัวและใกล้ชิดมากกว่า การที่พระเจ้าแสดงพลังอำนาจ การปรากฏอย่างฉับพลันและต่อเนื่องของพระองค์ทำให้เข้าใจความหมายของชื่อ ยาห์เวห์ อย่างเต็มที่”
it-2-E น. 435 ว. 5
โมเสส
ความไม่มั่นใจไม่ได้ทำให้โมเสสขาดคุณสมบัติ โมเสสแสดงว่าไม่มั่นใจโดยบอกพระยะโฮวาว่าเขาพูดไม่เก่ง ตอนนี้เขาเปลี่ยนเป็นคนละคนกับ 40 ปีที่แล้วที่เขาเสนอตัวปลดปล่อยชาวอิสราเอล เขาเริ่มหาข้ออ้างและปฏิเสธงานที่พระยะโฮวามอบหมาย ถึงแม้นี่จะทำให้พระเจ้าโกรธ แต่พระองค์ก็ยังใช้โมเสสอยู่โดยให้อาโรนเป็นคนพูดแทน เนื่องจากโมเสสเป็นตัวแทนของพระเจ้า ดังนั้น โมเสสก็เป็นเหมือน “พระเจ้า” ของอาโรนที่เป็นคนพูดแทนเขา ตอนที่โมเสสไปพบพวกผู้นำของชาวอิสราเอลและตอนที่เผชิญหน้าฟาโรห์ ดูเหมือนว่าพระเจ้าให้คำแนะนำและคำสั่งกับโมเสส แล้วโมเสสก็ส่งต่อคำสั่งให้อาโรนเพื่ออาโรนจะเป็นคนพูดกับฟาโรห์ (ฟาโรห์คนนี้สืบทอดตำแหน่งจากฟาโรห์คนเก่าที่โมเสสหนีมาเมื่อ 40 ปีที่แล้ว) (อพย 2:23; 4:10-17) ต่อมา พระยะโฮวาพูดถึงอาโรนว่าเป็น “ผู้พยากรณ์” ของโมเสส นี่หมายความว่า โมเสสเป็นผู้พยากรณ์ที่พระเจ้าใช้โดยตรง ดังนั้น โมเสสจะเป็นคนบอกว่าอาโรนต้องพูดอะไร พระเจ้าบอกโมเสสด้วยว่า เขาจะ “มีอำนาจเหมือนพระเจ้า” สำหรับฟาโรห์ คือ มีพลังอำนาจเหนือฟาโรห์ ดังนั้น ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องกลัวกษัตริย์อียิปต์—อพย 7:1, 2
วันที่ 13-19 กรกฎาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | อพยพ 8-9
“ฟาโรห์ที่หยิ่งยโสทำตามความต้องการของพระเจ้าโดยไม่รู้ตัว”
it-2-E น. 1040-1041
ดื้อดึง
พระยะโฮวาพระเจ้าอดทนกับมนุษย์แต่ละคนและชาติต่าง ๆ ถึงแม้พวกเขาสมควรถูกลงโทษถึงตายแต่พระองค์ก็ยังให้พวกเขามีชีวิตต่อไป (ปฐก 15:16; 2ปต 3:9) บางคนใช้โอกาสนี้ทำสิ่งที่พระเจ้าพอใจเพื่อจะได้รับความเมตตา (ยชว 2:8-14; 6:22, 23; 9:3-15) แต่บางคนมีใจดื้อดึงและแข็งกระด้างถึงขนาดต่อต้านพระยะโฮวาและประชาชนของพระองค์ (ฉธบ 2:30-33; ยชว 11:19, 20) ถ้าใครดื้อดึงพระยะโฮวาก็ไม่ได้ยับยั้งไว้ คัมภีร์ไบเบิลจึงบอกว่าพระองค์ ‘ปล่อยพวกเขาให้เป็นคนดื้อรั้น’ หรือ “ให้ใจพวกเขาแข็งกระด้าง” และในที่สุดเมื่อพระองค์ลงโทษคนที่ดื้อดึง คนทั่วโลกก็จะได้เห็นอำนาจและรู้จักชื่อของพระองค์—เทียบกับ อพย 4:21; ยน 12:40; รม 9:14-18
it-2-E น. 1181 ว. 3-5
ความชั่วร้าย
บางครั้ง พระยะโฮวาใช้คนชั่วให้ทำตามความประสงค์ของพระองค์โดยไม่รู้ตัว ถึงแม้คนชั่วต่อต้านพระเจ้า แต่พระองค์ก็สามารถยับยั้งไม่ให้พวกเขาทำรุนแรงเกินไปจนทำลายความซื่อสัตย์ของคนที่รับใช้พระองค์ ยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังสามารถใช้คนชั่วเพื่อทำให้ความถูกต้องชอบธรรมของพระองค์ชัดเจนขึ้นด้วย (รม 3:3-5, 23-26; 8:35-39; สด 76:10) เรื่องนี้ตรงกับที่สุภาษิต 16:4 บอกไว้ว่า “พระยะโฮวาทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่พระองค์ต้องการ แม้แต่คนชั่วพระองค์ก็จะทำลายในวันแห่งความพินาศ”
ฟาโรห์ก็เหมือนกัน พระยะโฮวาใช้เขาโดยทางโมเสสกับอาโรนให้ปล่อยชาวอิสราเอลจากการเป็นทาส พระเจ้าไม่ได้ทำให้ผู้ปกครองชาวอียิปต์คนนี้เป็นคนชั่ว แต่พระองค์ยอมให้เขามีชีวิตต่อไปและทำให้เกิดสถานการณ์ที่เขาแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นคนชั่วจริง ๆ และสมควรตาย หนังสืออพยพ 9:16 แสดงให้เห็นความประสงค์ของพระยะโฮวาในเรื่องนี้ พระองค์บอกว่า “แต่ที่เราปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างนี้ ก็เพื่อจะแสดงอำนาจของเราให้เจ้าเห็น และเพื่อชื่อของเราจะเลื่องลือไปทั่วโลก”
ภัยพิบัติ 10 อย่างที่เกิดกับอียิปต์จบลงที่การทำลายฟาโรห์และกองทัพของเขาที่ทะเลแดง ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นพลังอำนาจที่น่าเกรงขามของพระยะโฮวา (อยพ 7:14-12:30; สด 78:43-51; 136:15) อีกหลายปีต่อมา ชาติต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ชาติอิสราเอลยังคงพูดถึงเรื่องนี้และชื่อของพระเจ้าก็เลื่องลือไปทั่วโลก (ยชว 2:10, 11; 1 ซม 4:8) ถ้าพระยะโฮวาทำลายฟาโรห์ทันที พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ในการช่วยประชาชนของพระองค์ให้รอดก็จะไม่ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 878
ตัวเหลือบ
คำภาษาฮีบรูดั้งเดิมในคัมภีร์ไบเบิลที่บันทึกเกี่ยวกับภัยพิบัติอย่างที่ 4 ที่เกิดขึ้นในอียิปต์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าแมลงนั้นเป็นแมลงอะไร นี่เป็นภัยพิบัติแรกที่ชาวอิสราเอลในแผ่นดินโกเชนไม่ได้รับผลกระทบ (อพย 8:21, 22, 24, 29, 31; สด 78:45; 105:31) คำว่า อารอฟ (ʽA·rovʹ) ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับต่าง ๆ ได้รับการแปลว่า “ตัวเหลือบ” (JB, NW, Ro) “แมลงปีกแข็ง” (Yg) “แมลงวัน” (AS, KJ, RS) “ริ้น” (AT) และ “เหลือบสุนัข” (LXX)
ในภาษาอังกฤษ คำว่า “ตัวเหลือบ” รวมถึงแมลงในกลุ่มเหลือบม้าและแมลงวันบอท เหลือบม้าตัวเมียจะเจาะผิวหนังคนและสัตว์เพื่อดูดเลือด หนอนแมลงวันบอทจะฝังตัวอยู่ในร่างกายคนและสัตว์ ในเขตร้อนมักจะพบแมลงชนิดที่ฝังตัวอยู่ในร่างกายคน ดังนั้น ภัยพิบัติเกี่ยวกับตัวเหลือบนี้คงต้องทำให้ชาวอียิปต์และฝูงสัตว์ทุกข์ทรมานและอาจถึงกับทำให้ล้มตาย
วันที่ 20-26 กรกฎาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | อพยพ 10-11
“โมเสสกับอาโรนกล้าหาญมาก”
it-2-E น. 436 ว. 4
โมเสส
ต้องมีความกล้าและความเชื่อเพื่อเผชิญหน้าฟาโรห์ เพื่อโมเสสกับอาโรนจะทำงานมอบหมายนี้ได้ พวกเขาต้องพึ่งกำลังจากพระยะโฮวาและพลังบริสุทธ์ของพระองค์เท่านั้น ลองนึกภาพวังของฟาโรห์กษัตริย์ที่มีอำนาจสูงสุดในสมัยนั้น ฟาโรห์ผู้หยิ่งยโสที่ยกตัวเป็นพระเจ้าอยู่ที่นั่น เขาดูสูงส่งสง่างามไม่มีใครเทียบ แวดล้อมไปด้วยพวกที่ปรึกษา ทหารชั้นผู้ใหญ่ องครักษ์ และพวกทาส นอกจากนั้น ยังมีพวกผู้นำศาสนา นักบวชที่มีเวทมนตร์คาถาซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ต่อต้านโมเสส คนกลุ่มนี้มีอำนาจสูงรองจากฟาโรห์ คนทั้งหมดรวมถึงนักบวชที่มีเวทมนตร์ซึ่งเป็นตัวแทนของเทพเจ้าอียิปต์ถูกเรียกมาอยู่ต่อหน้าฟาโรห์เพื่อแสดงพลังอำนาจ โมเสสกับอาโรนไปหาฟาโรห์ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่หลายครั้ง และทุกครั้งใจฟาโรห์ก็แข็งกระด้างขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเขาไม่อยากเสียทาสชาวฮีบรูไป หลังจากประกาศเกี่ยวกับภัยพิบัติอย่างที่ 8 โมเสสกับอาโรนถูกไล่ออกไปให้พ้นหน้าฟาโรห์ และหลังจากภัยพิบัติอย่างที่ 9 พวกเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พบฟาโรห์อีก ถ้ายังพยายามมาพบ พวกเขาต้องตาย—อพย 10:11, 28
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 783 ว. 5
อพยพ
การที่พระยะโฮวาแสดงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ทำให้ชื่อของพระองค์ได้รับการยกย่องและทำให้ชาวอิสราเอลได้รับการช่วยให้รอด เมื่อชาวอิสราเอลข้ามมาถึงฝั่งตะวันออกของทะเลแดง โมเสสนำผู้ชายชาวอิสราเอลร้องเพลง และมิเรียมผู้พยากรณ์หญิงซึ่งเป็นพี่สาวของเขาถือกลองแทมบูรินออกมาและนำพวกผู้หญิงออกมาเต้นรำพร้อมกับกลองแทมบูริน แล้วร้องเพลงโต้ตอบพวกผู้ชาย (อพย 15:1, 20, 21) ตอนนี้ชาวอิสราเอลรอดพ้นจากพวกศัตรูแล้ว หลังออกจากอียิปต์ไม่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับชาวอิสราเอลและสัตว์ของพวกเขาเลย แม้แต่เสียงเห่าหรือเสียงขู่ของสุนัขที่ทำให้ตกใจกลัวก็ไม่มี (อพย 11:7) ถึงแม้หนังสืออพยพไม่ได้บอกว่าตัวฟาโรห์ถูกทำลายในทะเลแดงพร้อมกับกองทัพของเขา แต่ที่หนังสือสดุดี 136:15 บอกว่า พระยะโฮวา “เหวี่ยงฟาโรห์กับกองทัพลงในทะเลแดง”
วันที่ 27 กรกฎาคม–2 สิงหาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | อพยพ 12
“ปัสกาสำคัญสำหรับคริสเตียน”
it-2-E น. 583 ว. 6
ปัสกา
พระเยซูทำให้สิ่งสำคัญเกี่ยวกับการฉลองปัสกาเกิดขึ้นจริง อย่างหนึ่งคือ เลือดที่คานประตูบ้านชาวอิสราเอลตอนอยู่อียิปต์ช่วยให้ลูกคนโตของพวกเขารอดชีวิตจากการถูกทูตสวรรค์ทำลาย เปาโลพูดถึงคริสเตียนผู้ถูกเจิมว่าเป็นประชาคมของลูกคนโตของพระเจ้า (ฮบ 12:23) และพูดถึงพระคริสต์ว่าเป็นผู้ช่วยให้รอดโดยทางเลือดของท่าน (1ธส 1:10; อฟ 1:7) ในการฉลองปัสกา ชาวอิสราเอลต้องไม่หักกระดูกของแกะปัสกาเลยแม้แต่ท่อนเดียว เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับพระเยซูด้วย ตอนที่ท่านตาย กระดูกของท่านก็ไม่หักเลยแม้แต่ท่อนเดียว (สด 34:20; ยน 19:36) ปัสกาที่ชาวยิวฉลองมาหลายพันปีตามกฎหมายของโมเสสเป็นภาพล่วงหน้าอย่างหนึ่งของสิ่งที่จะเกิดขึ้นและชี้ถึงพระเยซูคริสต์ “ลูกแกะของพระเจ้า”—ฮบ 10:1; ยน 1:29
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 582 ว. 2
ปัสกา
ภัยพิบัติทั้ง 10 อย่างที่เกิดขึ้นในอียิปต์เป็นการลงโทษพวกเทพเจ้าของอียิปต์ โดยเฉพาะอย่างที่ 10 ที่เป็นการตายของลูกชายคนโตและลูกสัตว์ตัวผู้ตัวแรก (อพย 12:12) ชาวอียิปต์ถือว่าแกะตัวผู้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เสมือนเป็นเทพเจ้ารา การเอาเลือดแกะปัสกาไปทาที่ขอบประตูจึงเป็นการดูหมิ่นเทพเจ้าของพวกเขา วัวก็เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เสมือนเป็นเทพเจ้าโอซิริส การที่ลูกวัวตัวแรกตายเนื่องจากภัยพิบัติเป็นการดูถูกเทพเจ้าโอซิริส ตัวฟาโรห์เองก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นลูกของเทพเจ้ารา การที่ลูกชายคนโตของเขาตายก็แสดงว่าตัวเขาและเทพเจ้าราไม่มีพลังอำนาจเลย
it-1-E น. 504 ว. 1
การประชุมใหญ่
ลักษณะเฉพาะของ “การประชุมเพื่อนมัสการพระเจ้า” คือ ประชาชนต้องหยุดจากการทำงานในช่วงการประชุมนั้น ตัวอย่างเช่น ในวันแรกและวันที่เจ็ดของเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ เป็นวันที่มี “การประชุมเพื่อนมัสการพระเจ้า” ซึ่งพระยะโฮวาสั่งไว้ว่า “อย่าทำงานอะไรในสองวันนั้น ยกเว้นการเตรียมอาหารไว้กินเท่านั้น” (อพย 12:15, 16) แต่ในช่วง “การประชุมเพื่อนมัสการพระเจ้า” พวกปุโรหิตจะมีงานมากมาย พวกเขาต้องถวายเครื่องบูชาต่าง ๆ ให้พระยะโฮวา (ลนต 23:37, 38) นี่ไม่ถือว่าละเมิดคำสั่งที่ไม่ให้ทำงาน ช่วงนี้ไม่ใช่เวลาที่ประชาชนจะอยู่เฉย ๆ แต่เป็นเวลาที่พวกเขาจะได้รับประโยชน์มากด้านความเชื่อ ในวันสะบาโตแต่ละสัปดาห์ประชาชนจะมาเจอกันเพื่อนมัสการและรับการสอน จะมีการอ่านและอธิบายพระคัมภีร์เหมือนกับที่ต่อมาทำกันในที่ประชุมของชาวยิว (กจ 15:21) ถึงแม้ประชาชนไม่ต้องทำงานในวันสะบาโตหรือวันที่มี “การประชุมเพื่อนมัสการพระเจ้า” แต่พวกเขาจะใช้เวลานี้เพื่ออธิษฐานและใคร่ครวญเกี่ยวกับผู้สร้างและความประสงค์ของพระองค์