แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
© 2023 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
วันที่ 6-12 พฤศจิกายน
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | โยบ 13-14
“ถ้าคนเราตายแล้วจะมีชีวิตอีกได้หรือ”
it-1-E น. 191
ขี้เถ้า
บางครั้งมีการใช้คำว่า ขี้เถ้า เป็นภาพเปรียบเทียบหมายถึงสิ่งที่ไม่สำคัญหรือไร้ค่า เช่น อับราฮัมเคยพูดกับพระยะโฮวาว่า “ผมเป็นเพียงฝุ่นและขี้เถ้า” (ปฐก 18:27; ดู อสย 44:20; โยบ 30:19 ด้วย) และโยบก็บอกว่าคำพูดของเพื่อนจอมปลอม 3 คนเป็น ‘ภาษิตที่ไร้ค่าเหมือนขี้เถ้า’—โยบ 13:12
วันที่ 11-17 ธันวาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | โยบ 25-27
“ไม่จำเป็นต้องเป็นคนสมบูรณ์แบบเพื่อจะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า”
it-1-E น. 1210 ว. 4
ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า
โยบ ดูเหมือนว่าโยบมีชีวิตอยู่หลังจากโยเซฟตายและก่อนที่โมเสสจะเกิด คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เขาเป็นคนดีและซื่อสัตย์ เขาเกรงกลัวพระเจ้าและไม่ทำชั่ว” (โยบ 1:1) ความซื่อสัตย์ของมนุษย์มีส่วนเกี่ยวข้องในประเด็นที่ซาตานโจมตีพระยะโฮวาพระเจ้า เห็นได้จากคำถามที่พระองค์ถามซาตานตอนที่พวกทูตสวรรค์มาประชุมกันในสวรรค์ ซาตานศัตรูของพระเจ้ากล่าวหาว่าโยบมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในการนมัสการพระเจ้า มันอ้างว่าโยบไม่ได้รับใช้พระเจ้าจากใจ แต่ทำไปเพราะเห็นแก่ตัวและอยากได้ผลประโยชน์ ซึ่งเป็นการตั้งข้อสงสัยเรื่องความซื่อสัตย์ของโยบ ถึงพระเจ้าจะยอมให้ซาตานทำให้โยบสูญเสียทรัพย์สมบัติรวมทั้งลูกทุกคน แต่ซาตานก็ไม่สามารถทำให้โยบเลิกซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าได้ (โยบ 1:6–2:3) ซาตานเลยกล่าวหาอีกว่าที่โยบยอมสูญเสียทรัพย์สมบัติและลูกไปนั้นก็เพื่อจะรักษาชีวิตตัวเองไว้ ซึ่งเป็นความเห็นแก่ตัวจริง ๆ (โยบ 2:4, 5) หลังจากนั้น ซาตานก็ทำให้โยบเป็นโรคร้ายที่เจ็บปวดทรมาน ภรรยาก็กดดันให้เขาเลิกรับใช้พระเจ้า และเพื่อนจอมปลอมก็ยังกล่าวหาใส่ร้ายโยบแถมยังพูดบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับพระเจ้า (โยบ 2:6-13; 22:1, 5-11) แม้จะเจอเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โยบก็ยังแสดงให้เห็นว่าเขาจะไม่เลิกซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เขาพูดว่า “ผมจะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าจนวันตาย! ผมจะรักษาความดีไว้ต่อ ๆ ไป ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ผมจะไม่รู้สึกผิดเลย” (โยบ 27:5, 6) การที่โยบรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเสมอเป็นข้อพิสูจน์ว่าศัตรูของพระเจ้าพูดโกหก
วันที่ 18-24 ธันวาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล | โยบ 28-29
“คุณมีชื่อเสียงดีเหมือนโยบไหม?”
it-1-E น. 655 ว. 10
เสื้อผ้า
เสื้อผ้ายังใช้เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งอื่น ๆ ด้วย เหมือนกับชุดยูนิฟอร์มหรือเครื่องแบบพิเศษที่ช่วยระบุตัวว่าใครเป็นคนขององค์กรไหนหรือสนับสนุนแนวคิดแบบไหน บางครั้งเสื้อผ้าในคัมภีร์ไบเบิลก็มีความหมายเป็นนัย หมายถึงสิ่งที่ระบุตัวคนเราหรือบ่งบอกว่าเรามีจุดยืนยังไงและทำอะไรเพื่อสนับสนุนจุดยืนนั้น เช่นในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูที่พูดถึงชุดสำหรับงานแต่งงาน (มธ 22:11, 12) และที่ วิวรณ์ 16:14, 15 พระเยซูคริสต์ผู้เป็นนายเตือนให้ตื่นตัวอยู่เสมอในด้านความเชื่อ เพราะคนที่ไม่ทำอย่างนั้นจะถูกริบเสื้อคลุมซึ่งหมายถึงเอกลักษณ์ที่ระบุว่าเขาเป็นพยานที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าเที่ยงแท้ และถ้าใครสูญเสียเอกลักษณ์นี้ก่อนจะถึง “สงครามในวันใหญ่ของพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด” ก็เป็นเรื่องที่อันตรายมาก
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ต00-E 7/8 น. 11 ว. 3
ยิ้มเข้าไว้ได้ประโยชน์
การยิ้มช่วยได้จริงไหม? เคยมีรอยยิ้มของใครที่ทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจหรือสบายใจขึ้นไหม? หรือเวลาคุณเจอใครที่ไม่ยิ้ม คุณเคยรู้สึกเกร็งหรือรู้สึกว่าเขาคงไม่ชอบคุณไหม? เห็นชัดว่าการยิ้มมีผลมาก ทั้งกับคนที่ยิ้มและคนที่ได้รับรอยยิ้ม ชายชื่อโยบในคัมภีร์ไบเบิลเคยพูดถึงคนที่เป็นศัตรูกับเขาว่า “เมื่อผมยิ้มให้ พวกเขาก็แทบไม่เชื่อตาตัวเอง ใบหน้าที่สดชื่นของผมทำให้พวกเขาสบายใจ”—โยบ 29:24