ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ใช้ต้นมะเดื่อสอนบทเรียนเรื่องความเชื่อ
    พระเยซู—ทางนั้น ความจริง ชีวิต
    • พระ​เยซู​กับ​สาวก​สังเกต​ว่า​ต้น​มะเดื่อ​ที่​ไม่​ออก​ผล​เหี่ยว​แห้ง​ไป

      บท 105

      ใช้​ต้น​มะเดื่อ​สอน​บทเรียน​เรื่อง​ความ​เชื่อ

      มัทธิว 21:19-27 มาระโก 11:19-33 ลูกา 20:1-8

      • เรียน​เรื่อง​ความ​เชื่อ​จาก​ต้น​มะเดื่อ​ที่​เหี่ยว​แห้ง

      • ผู้​นำ​ชาว​ยิว​สงสัย​เรื่อง​อำนาจ​ของ​พระ​เยซู

      พระ​เยซู​ออก​จาก​กรุง​เยรูซาเล็ม​บ่าย​วัน​จันทร์ แล้ว​กลับ​ไป​หมู่​บ้าน​เบธานี​ที่​อยู่​บน​เนิน​เขา​ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​ภูเขา​มะกอก ท่าน​คง​ค้าง​คืน​ที่​บ้าน​ของ​ลาซารัส

      เช้า​วัน​ที่ 11 เดือน​นิสาน พระ​เยซู​กับ​สาวก​กลับ​ไป​เยรูซาเล็ม​อีก​ครั้ง ท่าน​จะ​ไป​ที่​วิหาร​เป็น​ครั้ง​สุด​ท้าย และ​นี่​ก็​เป็น​วัน​สุด​ท้าย​ของ​งาน​รับใช้​ของ​พระ​เยซู หลัง​จาก​นี้​ท่าน​จะ​ฉลอง​ปัสกา, ตั้ง​การ​ฉลอง​เพื่อ​ระลึก​ถึง​การ​เสีย​ชีวิต​ของ​ท่าน, ถูก​พิจารณา​คดี, และ​ถูก​ตัดสิน​ประหาร

      ระหว่าง​เดิน​ข้าม​ภูเขา​มะกอก​จาก​หมู่​บ้าน​เบธานี​ไป​กรุง​เยรูซาเล็ม เปโตร​เห็น​ต้น​มะเดื่อ​ที่​พระ​เยซู​สาป​ไว้​เช้า​วัน​ก่อน เขา​จึง​ร้อง​ด้วย​ความ​ตกใจ​ว่า “ดู​สิ​อาจารย์ ต้น​มะเดื่อ​ที่​ท่าน​สาป​ไว้​มัน​แห้ง​ตาย​แล้ว”—มาระโก 11:21

      ทำไม​พระ​เยซู​จึง​สาป​ต้น​มะเดื่อ​นั้น​ให้​เหี่ยว​แห้ง​ตาย? ท่าน​บอก​เหตุ​ผล​ว่า “ถ้า​คุณ​มี​ความ​เชื่อ​และ​ไม่​สงสัย​เลย คุณ​ก็​จะ​ทำ​อย่าง​นี้​ได้​เหมือน​กัน และ​จะ​ทำ​ได้​มาก​กว่า​นี้​อีก แม้​แต่​สั่ง​ภูเขา​ลูก​นี้​ว่า ‘ลอย​ไป​ตก​ใน​ทะเล​ซะ’ มัน​ก็​จะ​เป็น​ไป​ตาม​นั้น ถ้า​คุณ​มี​ความ​เชื่อ ไม่​ว่า​คุณ​จะ​อธิษฐาน​ขอ​อะไร​ก็​จะ​ได้​รับ” (มัทธิว 21:21, 22) ท่าน​ย้ำ​จุด​สำคัญ​ที่​เคย​สอน​ว่า​ความ​เชื่อ​มี​พลัง​มาก​จน​อาจ​ย้าย​ภูเขา​ได้—มัทธิว 17:20

      ดัง​นั้น พระ​เยซู​ทำ​ให้​ต้น​มะเดื่อ​แห้ง​ตาย​เพื่อ​สอน​ว่า​ความ​เชื่อ​ใน​พระเจ้า​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​มาก ท่าน​บอก​ว่า “ถ้า​คุณ​อธิษฐาน​ขอ​อะไร ก็​ให้​เชื่อ​เถอะ​ว่า​จะ​ได้​รับ​แน่ แล้ว​คุณ​จะ​ได้​รับ​จริง ๆ” (มาระโก 11:24) นี่​เป็น​บทเรียน​ที่​สำคัญ​มาก​สำหรับ​สาวก และ​เหมาะ​กับ​อัครสาวก​เป็น​พิเศษ​เพราะ​อีก​ไม่​นาน​พวก​เขา​จะ​เจอ​การ​ทดสอบ​ที่​ยาก​ลำบาก แต่​ต้น​มะเดื่อ​ที่​เหี่ยว​แห้ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​เชื่อ​ใน​อีก​ความ​หมาย​หนึ่ง​ด้วย

      ชาติ​อิสราเอล​เป็น​เหมือน​ต้น​มะเดื่อ​นี้​ที่​ดู​เผิน ๆ ก็​เหมือน​ดี คน​ใน​ชาติ​นี้​อยู่​ภาย​ใต้​สัญญา​ที่​ทำ​ไว้​กับ​พระ​ยะโฮวา และ​เมื่อ​ดู​ภาย​นอก​ก็​เหมือน​ว่า​พวก​เขา​ทำ​ตาม​ข้อ​กฎหมาย​นั้น แต่​ที่​จริง​แล้ว​คน​ส่วน​ใหญ่​ขาด​ความ​เชื่อ​และ​ไม่​เกิด​ผล​ที่​ดี พวก​เขา​ถึง​กับ​ปฏิเสธ​ลูก​ของ​พระเจ้า! ดัง​นั้น พระ​เยซู​สาป​ต้น​มะเดื่อ​ที่​ไม่​เกิด​ผล​ให้​เหี่ยว​แห้ง​ตาย ก็​เพื่อ​ให้​เห็น​ภาพ​ว่า​จุด​จบ​ของ​ชาติ​ที่​ไม่​เกิด​ผล​และ​ขาด​ความ​เชื่อ​จะ​เป็น​อย่าง​ไร

      พอ​พระ​เยซู​กับ​สาวก​มา​ถึง​เยรูซาเล็ม ท่าน​ก็​ไป​สอน​ใน​ที่​ประชุม​ของ​ชาว​ยิว​เหมือน​เคย พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​และ​พวก​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​คง​คิด​ถึง​เรื่อง​ที่​พระ​เยซู​ไล่​พวก​คน​รับ​แลก​เงิน​ออก​ไป พวก​เขา​เลย​ถาม​ท่าน​ว่า “คุณ​มี​สิทธิ์​อะไร​มา​ทำ​อย่าง​นี้? ใคร​ให้​อำนาจ​คุณ?”—มาระโก 11:28

      พระ​เยซู​พูด​กลับ​ไป​ว่า “ผม​จะ​ถาม​คุณ​ข้อ​หนึ่ง ตอบ​ผม​มา​ก่อน แล้ว​ผม​ถึง​จะ​บอก​คุณ​ว่า ผม​มี​สิทธิ์​อะไร​ที่​ทำ​อย่าง​นี้ ช่วย​ตอบ​หน่อย​สิ​ว่า ที่​ยอห์น​ให้​บัพติศมา​นั้น ใคร​ให้​อำนาจ​เขา พระเจ้า​หรือ​มนุษย์?” ตอน​นี้​พวก​ที่​มา​ท้าทาย​กลับ​เป็น​ฝ่าย​ต้อง​คิด​หนัก​ซะ​เอง พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​และ​พวก​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​ไม่​รู้​จะ​ตอบ​อย่าง​ไร จึง​ปรึกษา​กัน​ว่า “ถ้า​เรา​ตอบ​ว่า ‘พระเจ้า’ เขา​ก็​จะ​ถาม​ว่า ‘ถ้า​อย่าง​นั้น ทำไม​ถึง​ไม่​เชื่อ​ยอห์น?’ แต่​ใคร​จะ​ไป​กล้า​ตอบ​ว่า ‘มนุษย์’ ล่ะ” พวก​เขา​พูด​กัน​อย่าง​นั้น​เพราะ​กลัว​ประชาชน​จะ​โกรธ​แค้น “เพราะ​ประชาชน​ถือ​ว่า​ยอห์น​เป็น​ผู้​พยากรณ์​จริง ๆ”—มาระโก 11:29-32

      พวก​ผู้​ต่อ​ต้าน​หา​คำ​ตอบ​ที่​เหมาะ ๆ ไม่​ได้ พวก​เขา​จึง​พูด​ว่า “ไม่​รู้​สิ” พระ​เยซู​เลย​พูด​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น ผม​ก็​จะ​ไม่​บอก​พวก​คุณ​เหมือน​กัน​ว่า ผม​มี​สิทธิ์​อะไร​ที่​ทำ​อย่าง​นี้”—มาระโก 11:33

      • ทำไม​วัน​ที่ 11 เดือน​นิสาน​จึง​เป็น​วัน​สำคัญ?

      • พระ​เยซู​ใช้​ต้น​มะเดื่อ​ที่​เหี่ยว​แห้ง​เพื่อ​สอน​เรื่อง​อะไร?

      • พระ​เยซู​ตอบ​พวก​ที่​มา​ท้าทาย​ท่าน​อย่าง​ไร?

  • ตัวอย่างเปรียบเทียบสองเรื่องเกี่ยวกับสวนองุ่น
    พระเยซู—ทางนั้น ความจริง ชีวิต
    • พวก​คน​เช่า​สวน​ฆ่า​ลูก​ชาย​เจ้าของ​สวน​องุ่น

      บท 106

      ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​สอง​เรื่อง​เกี่ยว​กับ​สวน​องุ่น

      มัทธิว 21:28-46 มาระโก 12:1-12 ลูกา 20:9-19

      • ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​ลูก 2 คน

      • ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​คน​เช่า​สวน​ที่​ชั่ว

      ตอน​ที่​อยู่​ใน​วิหาร พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​และ​พวก​ผู้​นำ​ชาว​ยิว​สงสัย​เรื่อง​อำนาจ​ของ​พระ​เยซู แต่​คำ​ตอบ​ของ​ท่าน​ทำ​ให้​พวก​เขา​พูด​อะไร​ไม่​ออก แล้ว​พระ​เยซู​ก็​เล่า​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​ที่​ทำ​ให้​เห็น​ว่า​พวก​เขา​เป็น​คน​แบบ​ไหน

      พระ​เยซู​บอก​ว่า “สมมุติ​ว่า ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​มี​ลูก 2 คน เขา​บอก​ลูก​คน​หนึ่ง​ว่า ‘ลูก​พ่อ วัน​นี้​ไป​ทำ​งาน​ใน​สวน​องุ่น​นะ’ ลูก​ตอบ​ว่า ‘ไม่​ไป’ แต่​ตอน​หลัง​เขา​เปลี่ยน​ใจ​และ​ไป​ทำ​งาน ผู้​ชาย​คน​นั้น​บอก​ให้​ลูก​อีก​คน​หนึ่ง​ไป​ทำ​งาน​ใน​สวน​เหมือน​กัน ลูก​คน​นี้​ตอบ​ว่า ‘ครับ​พ่อ ผม​จะ​ไป’ แต่​กลับ​ไม่​ไป ลูก​สอง​คน​นี้ คน​ไหน​ทำ​ตาม​ที่​พ่อ​ต้องการ?” (มัทธิว 21:28-31) คำ​ตอบ​ก็​คือ​ลูก​คน​แรก เพราะ​แม้​เขา​ปฏิเสธ​แต่​ใน​ที่​สุด​ก็​ทำ​ตาม​ที่​พ่อ​ต้องการ

      พระ​เยซู​จึง​บอก​พวก​ผู้​ต่อ​ต้าน​ว่า “คน​เก็บ​ภาษี​และ​โสเภณี​จะ​ได้​เข้า​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า​ก่อน​พวก​คุณ​อีก” ตอน​แรก คน​เก็บ​ภาษี​และ​โสเภณี​ไม่​ยอม​รับใช้​พระเจ้า พวก​เขา​เป็น​เหมือน​ลูก​คน​แรก​ที่​กลับ​ใจ​และ​มา​รับใช้​พระ​องค์ แต่​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​เป็น​เหมือน​ลูก​คน​ที่​สอง ซึ่ง​อ้าง​ว่า​รับใช้​พระเจ้า​แต่​กลับ​ไม่​ทำ​ตาม​ที่​พูด พระ​เยซู​บอก​ว่า “ยอห์น [ผู้​ให้​บัพติศมา] มา​ชี้​ทาง​ที่​ถูก พวก​คุณ​ก็​ไม่​เชื่อ​เขา แต่​คน​เก็บ​ภาษี​และ​โสเภณี​เชื่อ​เขา ถึง​แม้​คุณ​ได้​เห็น​อย่าง​นั้น​แล้ว คุณ​ก็​ยัง​ไม่​ยอม​กลับ​ตัว​กลับ​ใจ​มา​เชื่อ​ยอห์น​อีก”—มัทธิว 21:31, 32

      พระ​เยซู​เล่า​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​ชี้​ให้​เห็น​ว่า​นอก​จาก​ผู้​นำ​ศาสนา​จะ​ไม่​สนใจ​รับใช้​พระเจ้า​แล้ว พวก​เขา​ยัง​ชั่ว​ร้าย​มาก​ด้วย ท่าน​บอก​ว่า “มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ปลูก​องุ่น​และ​ทำ​รั้ว​ล้อม​รอบ​สวน เขา​ขุด​บ่อ​ย่ำ​องุ่น​ใน​สวน​นั้น แถม​ยัง​สร้าง​หอคอย​ไว้​ด้วย เสร็จ​แล้ว​เขา​ก็​ให้​คน​มา​เช่า​สวน​องุ่น จาก​นั้น​เขา​ก็​เดิน​ทาง​ไป​ต่าง​ประเทศ เมื่อ​ถึง​ฤดู​เก็บ​ผล เจ้าของ​สวน​ก็​ส่ง​ทาส​คน​หนึ่ง​ไป​หา​คน​เช่า​สวน​เพื่อ​จะ​รับ​ส่วน​แบ่ง​ผล​องุ่น​จาก​พวก​เขา แต่​พวก​คน​เช่า​สวน​จับ​ทาส​คน​นั้น​ไว้ ทุบ​ตี​เขา แล้ว​ไล่​กลับ​ไป​มือ​เปล่า เจ้าของ​สวน​จึง​ส่ง​ทาส​อีก​คน​หนึ่ง​ไป​หา​คน​เช่า แต่​พวก​นั้น​รุม​ตี​หัว​ทาส​และ​แกล้ง​เขา​จน​อับอาย แล้ว​เจ้าของ​สวน​ก็​ส่ง​ทาส​ไป​อีก​คน​หนึ่ง พวก​คน​เช่า​ก็​ฆ่า​ทาส​คน​นั้น เจ้าของ​สวน​ก็​ยัง​ส่ง​คน​ไป​อีก​เรื่อย ๆ บาง​คน​ก็​ถูก​ทุบ​ตี บาง​คน​ก็​ถูก​ฆ่า​ตาย”—มาระโก 12:1-5

      ผู้​ฟัง​เข้าใจ​เรื่อง​ที่​พระ​เยซู​เล่า​ไหม? พวก​เขา​คง​จำ​คำ​ตำหนิ​ของ​อิสยาห์​ต่อ​ชาติ​อิสราเอล​ได้​ที่​ว่า “สวน​องุ่น​ของ​พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​จอม​ทัพ​นั้น​คือ​ชาว​อิสราเอล ชาว​ยูดาห์​เคย​เป็น​สวน​ที่​พระองค์​ชื่น​ชอบ พระองค์​เฝ้า​คอย​ให้​พวก​เขา​ตัดสิน​เรื่อง​ต่าง ๆ อย่าง​ยุติธรรม แต่​ดู​สิ พวก​เขา​กลับ​ไม่​ได้​ยึด​มั่น​กับ​กฎหมาย” (อิสยาห์ 5:7) ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​ของ​พระ​เยซู​ก็​คล้าย​กัน เจ้าของ​สวน​คือ​พระ​ยะโฮวา สวน​องุ่น​คือ​ชาติ​อิสราเอล และ​รั้ว​ก็​คือ​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า​ที่​ป้องกัน​พวก​เขา​ไว้ แล้ว​พระ​ยะโฮวา​ก็​ส่ง​ผู้​พยากรณ์​มา​เพื่อ​สอน​และ​ช่วย​คน​ของ​พระองค์​ให้​เกิด​ผล​ที่​ดี

      แต่ “คน​เช่า​สวน” กลับ​ทำ​ร้าย​และ​ฆ่า “ทาส” ที่​เจ้าของ​สวน​ส่ง​มา พระ​เยซู​อธิบาย​ว่า “เจ้าของ​สวน​มี​ลูก​ชาย​ที่​เขา​รัก​มาก​อยู่​คน​หนึ่ง ใน​ที่​สุด เขา​ก็​ส่ง​ลูก​คน​นี้​ไป​หา​คน​เช่า​เพราะ​เขา​คิด​ใน​ใจ​ว่า ‘พวก​นั้น​คง​ต้อง​นับถือ​ลูก​ของ​เรา’ แต่​คน​เช่า​สวน​กลับ​พูด​กัน​ว่า ‘นี่​ไง คน​ที่​จะ​รับ​มรดก จับ​มัน​ไป​ฆ่า​เลย สวน​นี้​จะ​ได้​ตก​เป็น​ของ​เรา’ พวก​นั้น​จึง​จับ​ตัว​ลูก​ชาย​เจ้าของ​สวน​ไป​ฆ่า แล้ว​โยน​ออก​ไป​นอก​สวน​องุ่น”—มาระโก 12:6-8

      พอ​ถึง​ตอน​นี้​พระ​เยซู​ถาม​ว่า “พวก​คุณ​คิด​ว่า เจ้าของ​สวน​จะ​ทำ​ยัง​ไง?” (มาระโก 12:9) พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​ตอบ​ว่า “เจ้าของ​สวน​จะ​กำจัด​คน​เลว​พวก​นั้น​ให้​สิ้น​ซาก แล้ว​ให้​คน​อื่น​มา​เช่า​สวน​องุ่น​แทน ซึ่ง​เป็น​คน​ที่​จะ​ยอม​แบ่ง​ผล​องุ่น​ให้​เขา​เมื่อ​ถึง​ฤดู​เก็บ​องุ่น”—มัทธิว 21:41

      พวก​เขา​ประกาศ​คำ​พิพากษา​ต่อ​ตัว​เอง​โดย​ไม่​รู้​ตัว เพราะ​พวก​เขา​เป็น​เหมือน “คน​เช่า​สวน” ใน “สวน​องุ่น” ของ​พระ​ยะโฮวา​ซึ่ง​ก็​คือ​ชาติ​อิสราเอล พระ​ยะโฮวา​เป็น “เจ้าของ​สวน” ที่​มี​สิทธิ์​ได้​รับ “ผล​องุ่น” จาก​คน​เช่า​สวน ผล​นั้น​รวม​ถึง​ความ​เชื่อ​ใน​ลูก​ของ​พระองค์​ที่​เป็น​เมสสิยาห์​ด้วย พระ​เยซู​มอง​ตรง​ไป​ที่​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​และ​พูด​ว่า “คุณ​ไม่​เคย​อ่าน​พระ​คัมภีร์​ข้อ​นี้​หรือ​ที่​ว่า ‘หิน​ที่​ช่าง​ก่อ​สร้าง​ทิ้ง​ไป​แล้ว กลาย​มา​เป็น​หิน​หัว​มุม​หลัก หิน​ก้อน​นี้​มา​จาก​พระ​ยะโฮวา​และ​น่า​มหัศจรรย์​ใน​สายตา​พวก​เรา’” (มาระโก 12:10, 11) แล้ว​ท่าน​ก็​พูด​ตรง ๆ ว่า “เพราะ​อย่าง​นี้ ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า พวก​คุณ​จะ​หมด​โอกาส​เข้า​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า แล้ว​อีก​ชน​ชาติ​หนึ่ง​จะ​ได้​รับ​โอกาส​นั้น​แทน​เพราะ​พวก​เขา​เกิด​ผล​อย่าง​ที่​พระเจ้า​ต้องการ”—มัทธิว 21:43

      พวก​ครู​สอน​ศาสนา​และ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่​รู้​ว่า​พระ​เยซู “กำลัง​พูด​ถึง​พวก​เขา” (ลูกา 20:19) พวก​เขา​อยาก​ฆ่า​พระ​เยซู​ซึ่ง​เป็น​ผู้​มี​สิทธิ์​ตาม​กฎหมาย​ที่​จะ​ได้ “รับ​มรดก” แต่​ประชาชน​คิด​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​ผู้​พยากรณ์ พวก​เขา​จึง​ยัง​ไม่​กล้า​ลง​มือ

      • ลูก 2 คน​ใน​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​หมาย​ถึง​ใคร?

      • ใน​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​ที่​สอง “เจ้าของ​สวน” “สวน​องุ่น” “คน​เช่า​สวน” “ทาส” และ “คน​ที่​จะ​รับ​มรดก” หมาย​ถึง​ใคร?

      • จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ “คน​เช่า​สวน”?

  • “มีหลายคนได้รับเชิญ แต่มีน้อยคนได้รับเลือก”
    พระเยซู—ทางนั้น ความจริง ชีวิต
    • กษัตริย์​สั่ง​ให้​จับ​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ใส่​ชุด​ไม่​เหมาะ​กับ​งาน​เลี้ยง​แต่งงาน แล้ว​สั่ง​ให้​โยน​เขา​ออก​ไป​นอก​งาน

      บท 107

      “มี​หลาย​คน​ได้​รับ​เชิญ แต่​มี​น้อย​คน​ได้​รับ​เลือก”

      มัทธิว 22:1-14

      • ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​งาน​แต่งงาน

      พระ​เยซู​อยู่​ใน​ช่วง​สุด​ท้าย​ของ​งาน​รับใช้ ท่าน​ใช้​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​หลาย​เรื่อง​เพื่อ​เปิดโปง​พวก​ครู​สอน​ศาสนา​และ​พวก​ปุโรหิต​ใหญ่ พวก​เขา​จึง​อยาก​จะ​ฆ่า​ท่าน (ลูกา 20:19) แต่​พระ​เยซู​ก็​ยัง​คง​เปิดโปง​พวก​เขา​ต่อ​ไป​โดย​เล่า​ตัว​อย่าง​อีก​เรื่อง​ที่​ว่า

      “รัฐบาล​สวรรค์​อาจ​เปรียบ​ได้​กับ​กษัตริย์​องค์​หนึ่ง​ที่​จัด​งาน​แต่งงาน​ให้​ลูก​ชาย กษัตริย์​ใช้​ทาส​ออก​ไป​เรียก​คน​ที่​เชิญ​ไว้​ให้​มา​ร่วม​งาน แต่​พวก​เขา​ไม่​ยอม​มา” (มัทธิว 22:2, 3) พระ​เยซู​เริ่ม​โดย​พูด​ถึง “รัฐบาล​สวรรค์” ดัง​นั้น ตาม​หลัก​เหตุ​ผล​แล้ว “กษัตริย์” ก็​หมาย​ถึง​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า แล้ว​ลูก​ของ​กษัตริย์​กับ​คน​ที่​ได้​รับ​เชิญ​คือ​ใคร? ลูก​ของ​กษัตริย์​ก็​ต้อง​เป็น​ลูก​ของ​พระ​ยะโฮวา คือ​พระ​เยซู คน​ที่​ได้​รับ​เชิญ​คือ​คน​ที่​จะ​ร่วม​ปกครอง​กับ​ลูก​ของ​กษัตริย์​ใน​รัฐบาล​สวรรค์

      ใคร​เป็น​คน​กลุ่ม​แรก​ที่​ได้​รับ​เชิญ? คน​ที่​พระ​เยซู​และ​สาวก​ประกาศ​ข่าว​เรื่อง​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า​ให้​ฟัง ซึ่ง​ก็​คือ​คน​ยิว​นั่น​เอง (มัทธิว 10:6, 7; 15:24) ชาติ​นี้​ยอม​รับ​สัญญา​เกี่ยว​กับ​กฎหมาย​ใน​ปี 1513 ก่อน ค.ศ. ดัง​นั้น พวก​เขา​คือ​กลุ่ม​แรก​ที่​มี​โอกาส​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ “รัฐบาล​ที่​มี​ปุโรหิต​ปกครอง” (อพยพ 19:5-8) แต่​พวก​เขา​ได้​รับ​เชิญ​มา “งาน​แต่งงาน” เมื่อ​ไร? ใน​ปี ค.ศ. 29 ตอน​ที่​พระ​เยซู​เริ่ม​ประกาศ​เรื่อง​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า

      คน​อิสราเอล​ส่วน​ใหญ่​ทำ​อย่าง​ไร​เมื่อ​ได้​รับ​เชิญ? พระ​เยซู​บอก​ว่า “พวก​เขา​ไม่​ยอม​มา” พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​และ​คน​ส่วน​ใหญ่​ไม่​ยอม​รับ​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​เมสสิยาห์​และ​กษัตริย์​ที่​พระเจ้า​แต่ง​ตั้ง

      แต่​คน​ยิว​จะ​ได้​โอกาส​อีก​ครั้ง เพราะ​พระ​เยซู​บอก​ว่า “กษัตริย์​จึง​ใช้​ทาส​คน​อื่น ๆ ไป​อีก และ​สั่ง​ว่า ‘ไป​บอก​คน​ที่​ได้​รับ​เชิญ​ว่า “งาน​เลี้ยง​ก็​เตรียม​ไว้​แล้ว มี​ทั้ง​เนื้อ​วัว​ตัว​ผู้​และ​เนื้อ​สัตว์​อย่าง​ดี ทุก​อย่าง​พร้อม​แล้ว เชิญ​มา​ได้​เลย”’ แต่​พวก​เขา​ไม่​สนใจ บาง​คน​ออก​ไป​ทำ​งาน​ใน​สวน บาง​คน​ก็​ไป​ค้า​ขาย ส่วน​คน​อื่น ๆ จับ​ตัว​ทาส​ของ​กษัตริย์​ไว้ ทุบ​ตี​ทำ​ร้าย แล้ว​ฆ่า​พวก​เขา” (มัทธิว 22:4-6) นี่​ตรง​กับ​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​เมื่อ​มี​การ​ก่อ​ตั้ง​ประชาคม​คริสเตียน ตอน​นั้น คน​ยิว​ยัง​มี​โอกาส​เข้า​มา​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ใน​รัฐบาล​สวรรค์ แต่​หลาย​คน​ก็​ไม่​ตอบรับ​อยู่​ดี และ​ถึง​กับ​ทำ​ร้าย “ทาส​ของ​กษัตริย์” ด้วย​ซ้ำ—กิจการ 4:13-18; 7:54, 58

      ผล​เป็น​อย่าง​ไร? พระ​เยซู​บอก​ว่า “กษัตริย์​โมโห​มาก เลย​ส่ง​กองทัพ​ไป​กวาด​ล้าง​พวก​คน​ที่​ฆ่า​ทาส​ของ​เขา​แล้ว​เผา​เมือง​ของ​พวก​นั้น​เสีย” (มัทธิว 22:7) เรื่อง​นี้​เกิด​ขึ้น​ใน​ปี ค.ศ. 70 ตอน​ที่​คน​โรมัน​ทำลาย “เมือง​ของ​พวก​นั้น” ซึ่ง​ก็​คือ​กรุง​เยรูซาเล็ม

      พอ​พวก​เขา​ปฏิเสธ กษัตริย์​ก็​ไม่​เชิญ​ใคร​อีก​เลย​ไหม? ไม่​ใช่​อย่าง​นั้น พระ​เยซู​เล่า​ว่า “แล้ว​กษัตริย์​บอก​ทาส​ของ​เขา​ว่า ‘งาน​เลี้ยง​ก็​พร้อม​แล้ว แต่​คน​ที่​เชิญ​ไว้​ไม่​เหมาะ​สม​กับ​งาน​นี้ ดัง​นั้น ให้​ไป​ตาม​ถนน​ใหญ่ ถ้า​เจอ​ใคร​ก็​เชิญ​มา​ให้​หมด’ พวก​ทาส​ก็​ออก​ไป​ตาม​ถนน เชิญ​ทุก​คน​ที่​เจอ ทั้ง​คน​ดี​และ​คน​ชั่ว จน​แขก​มา​กัน​เต็ม​ห้อง​จัด​เลี้ยง”—มัทธิว 22:8-10

      ใน​ปี ค.ศ. 36 อัครสาวก​เปโตร​ช่วย​คน​ต่าง​ชาติ​ให้​มา​เป็น​คริสเตียน นาย​ร้อย​ใน​กองทัพ​โรมัน​ชื่อ​โคร์เนลิอัส​และ​ครอบครัว​ได้​รับ​พลัง​บริสุทธิ์​ของ​พระเจ้า และ​มี​โอกาส​ได้​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​รัฐบาล​สวรรค์​ที่​พระ​เยซู​พูด​ถึง—กิจการ 10:1, 34-48

      แต่​พระ​เยซู​บอก​ว่า​ไม่​ใช่​ทุก​คน​ที่​มา​งาน​จะ​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ของ “กษัตริย์” ท่าน​พูด​ว่า “เมื่อ​กษัตริย์​เข้า​มา​ดู​แขก​ใน​งาน ก็​เห็น​คน​หนึ่ง​สวม​ชุด​ที่​ไม่​เหมาะ​กับ​งาน กษัตริย์​จึง​ถาม​เขา​ว่า ‘นี่​คุณ เข้า​มา​ได้​ยัง​ไง ชุด​สำหรับ​งาน​แต่งงาน​ก็​ไม่​มี?’ คน​นั้น​ก็​พูด​ไม่​ออก กษัตริย์​จึง​บอก​พวก​คน​รับใช้​ว่า ‘จับ​คน​นี้​มัด​มือ​มัด​เท้า แล้ว​โยน​ออก​ไป​ที่​มืด​ข้าง​นอก ที่​นั่น​เขา​จะ​ร้องห่ม​ร้องไห้​ด้วย​ความ​ทุกข์​ใจ’ ดัง​นั้น มี​หลาย​คน​ได้​รับ​เชิญ แต่​มี​น้อย​คน​ได้​รับ​เลือก”—มัทธิว 22:11-14

      พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​อาจ​ไม่​เข้าใจ​ความ​หมาย​ของ​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​พูด แต่​พวก​เขา​ก็​ยิ่ง​ไม่​พอ​ใจ​และ​มุ่ง​มั่น​หา​ทาง​จะ​กำจัด​ท่าน เพราะ​ท่าน​ทำ​ให้​พวก​เขา​อับอาย​มาก

      • จาก​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ “กษัตริย์” “ลูก​ชาย” และ​คน​กลุ่ม​แรก​ที่​ได้​รับ​เชิญ​ไป​งาน​แต่งงาน​หมาย​ถึง​ใคร?

      • คน​ยิว​ได้​รับ​คำ​เชิญ​เมื่อ​ไร และ​ต่อ​มา​มี​ใคร​อีก​ที่​ได้​รับ​เชิญ?

      • เมื่อ​พระ​เยซู​บอก​ว่า “มี​หลาย​คน​ได้​รับ​เชิญ แต่​มี​น้อย​คน​ได้​รับ​เลือก” ท่าน​หมาย​ความ​ว่า​อย่าง​ไร?

  • พระเยซูไม่หลงกลพวกเขา
    พระเยซู—ทางนั้น ความจริง ชีวิต
    • พระ​เยซู​ชู​เหรียญ​ที่​ใช้​เสีย​ภาษี​ขึ้น​และ​ตอบ​คำ​ถาม​ที่​มี​เล่ห์​เหลี่ยม​ของ​พวก​ฟาริสี

      บท 108

      พระ​เยซู​ไม่​หลง​กล​พวก​เขา

      มัทธิว 22:15-40 มาระโก 12:13-34 ลูกา 20:20-40

      • “อะไร​ที่​เป็น​ของ​ซีซาร์​ก็​ให้​กับ​ซีซาร์”

      • คำ​ถาม​เรื่อง​การ​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย

      • กฎ 2 ข้อ​ที่​สำคัญ​ที่​สุด

      พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​โกรธ​แค้น​พระ​เยซู เพราะ​ท่าน​เปิดโปง​ความ​ชั่ว​ร้าย​ของ​พวก​เขา พวก​ฟาริสี​หา​ทาง​ให้​พระ​เยซู​พูด​บาง​อย่าง​ที่​จะ​ทำ​ให้​ท่าน​ถูก​จับ​ส่ง​ไป​ให้​ผู้​ว่า​ราชการ​โรมัน และ​พวก​เขา​ติด​สินบน​สาวก​บาง​คน​เพื่อ​จะ​ให้​ท่าน​ติด​กับ—ลูกา 6:7

      พวก​ฟาริสี​พูด​กับ​พระ​เยซู​ว่า “อาจารย์​ครับ พวก​เรา​รู้​ว่า​คำ​พูด​และ​คำ​สอน​ของ​ท่าน​ถูก​ต้อง​เสมอ​และ​ท่าน​ไม่​ลำเอียง ท่าน​สอน​คำ​สอน​ของ​พระเจ้า​อย่าง​ตรง​ไป​ตรง​มา ขอ​ถาม​หน่อย​ว่า ถูก​ต้อง​ไหม​ที่​เรา​จะ​เสีย​ภาษี​ให้​ซีซาร์?” (ลูกา 20:21, 22) พระ​เยซู​ไม่​หลง​ไป​กับ​คำ​ยกยอปอปั้น เพราะ​รู้​ว่า​นั่น​เป็น​เล่ห์​เหลี่ยม​ของ​พวก​เขา ถ้า​ท่าน​ตอบ​ว่า ‘ไม่ ไม่​ควร​เสีย​ภาษี’ ท่าน​ก็​จะ​ถูก​กล่าวหา​ว่า​กบฏ​ต่อ​รัฐบาล​โรมัน แต่​ถ้า​ท่าน​บอก​ว่า ‘ใช่ ควร​เสีย​ภาษี’ ประชาชน​ที่​ไม่​อยาก​อยู่​ใต้​อำนาจ​พวก​โรมัน​ก็​อาจ​เข้าใจ​ผิด​และ​ต่อ​ต้าน​ท่าน ถ้า​อย่าง​นั้น พระ​เยซู​ตอบ​ว่า​อะไร?

      ท่าน​ตอบ​ว่า “พวก​หน้า​ไหว้​หลัง​หลอก พวก​คุณ​หา​เรื่อง​จับ​ผิด​ผม​ทำไม? เอา​เหรียญ​ที่​ใช้​เสีย​ภาษี​มา​ให้​ผม​สิ” พวก​เขา​จึง​ยื่น​เหรียญ​เดนาริอัน​ให้​ท่าน แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ถาม​ว่า “นี่​รูป​ใคร และ​ชื่อ​ของ​ใคร​อยู่​บน​เหรียญ​นี้?” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ซีซาร์” แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ให้​คำ​แนะ​นำ​ที่​ดี​มาก​โดย​บอก​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น อะไร​ที่​เป็น​ของ​ซีซาร์​ก็​ให้​กับ​ซีซาร์ และ​อะไร​ที่​เป็น​ของ​พระเจ้า​ก็​ให้​กับ​พระเจ้า”—มัทธิว 22:18-21

      คำ​ตอบ​ของ​พระ​เยซู​ทำ​ให้​พวก​เขา​อึ้ง​ไป เมื่อ​ไม่​สามารถ​หลอก​ให้​พระ​เยซู​หลง​กล พวก​ฟาริสี​ก็​กลับ​ไป แต่​เกม​นี้​ยัง​ไม่​จบ ตอน​นี้​ถึง​ตา​ของ​พวก​สะดูสี​แล้ว

      พวก​สะดูสี​ไม่​เชื่อ​เรื่อง​การ​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย พวก​เขา​จึง​พูด​ถึง​เรื่อง​นี้​และ​เรื่อง​การ​แต่งงาน​กับ​ภรรยา​ของ​พี่​ชาย พวก​เขา​ถาม​พระ​เยซู​ว่า “อาจารย์​ครับ โมเสส​บอก​ว่า ‘ถ้า​ผู้​ชาย​คน​ไหน​ตาย​ไป​และ​ยัง​ไม่​มี​ลูก พี่​ชาย​หรือ​น้อง​ชาย​ของ​เขา​ต้อง​แต่งงาน​กับ​ภรรยา​ของ​ผู้​ตาย และ​มี​ลูก​ให้​กับ​ผู้​ตาย​นั้น’ แล้ว​ถ้า​ครอบครัว​หนึ่ง​มี​ลูก​ชาย 7 คน คน​โต​แต่งงาน​กับ​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​แล้ว​ก็​ตาย​ไป​ตอน​ที่​ยัง​ไม่​มี​ลูก คน​ที่​สอง​เลย​รับ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​มา​เป็น​ภรรยา แล้ว​ก็​เกิด​เหตุ​การณ์​แบบ​เดียว​กัน​กับ​น้อง​คน​นี้​และ​คน​ถัด ๆ ไป​จน​ถึง​คน​ที่​เจ็ด ใน​ที่​สุด ผู้​หญิง​คน​นั้น​ก็​ตาย​ด้วย แล้ว​อย่าง​นี้ ตอน​ที่​ทุก​คน​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย ผู้​หญิง​คน​นั้น​จะ​เป็น​ภรรยา​ของ​ใคร​ล่ะ เพราะ​ทั้ง 7 คน​เคย​เป็น​สามี​ของ​เธอ?”—มัทธิว 22:24-28

      พระ​เยซู​ตอบ​โดย​ยก​ข้อ​เขียน​ของ​โมเสส​ซึ่ง​พวก​สะดูสี​ยอม​รับ ท่าน​บอก​ว่า “พวก​คุณ​คิด​ผิด​แล้ว คุณ​ไม่​เข้าใจ​พระ​คัมภีร์​และ​ไม่​รู้​ว่า​พลัง​ของ​พระเจ้า​ทำ​อะไร​ได้​บ้าง เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​คน​ตาย​ฟื้น​ขึ้น​มา พวก​เขา​จะ​ไม่​แต่งงาน แต่​จะ​เป็น​เหมือน​ทูตสวรรค์ ใน​เรื่อง​ที่​คน​ตาย​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​นั้น คุณ​ไม่​ได้​อ่าน​เรื่อง​พุ่ม​หนาม​ใน​หนังสือ​ของ​โมเสส​หรือ ที่​พระเจ้า​บอก​โมเสส​ว่า ‘เรา​เป็น​พระเจ้า​ของ​อับราฮัม พระเจ้า​ของ​อิสอัค และ​พระเจ้า​ของ​ยาโคบ’? พระองค์​ไม่​ได้​เป็น​พระเจ้า​ของ​คน​ตาย แต่​เป็น​พระเจ้า​ของ​คน​เป็น พวก​คุณ​นี่​เข้าใจ​ผิด​จริง ๆ” (มาระโก 12:24-27; อพยพ 3:1-6) พระ​เยซู​ตอบ​ได้​ดี​จน​ประชาชน​รู้สึก​ทึ่ง

      พระ​เยซู​ทำ​ให้​ทั้ง​พวก​ฟาริสี​และ​พวก​สะดูสี​พูด​อะไร​ไม่​ออก ตอน​นี้​พวก​เขา​เลย​รวมหัว​กัน​มา​ทดสอบ​พระ​เยซู ครู​สอน​ศาสนา​คน​หนึ่ง​ถาม​ว่า “อาจารย์ กฎหมาย​ของ​โมเสส​ข้อ​ไหน​สำคัญ​ที่​สุด?”—มัทธิว 22:36

      พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “ข้อ​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​คือ ‘ชาว​อิสราเอล ฟัง​ให้​ดี พระ​ยะโฮวา​เป็น​พระเจ้า​ของ​เรา และ​พระ​ยะโฮวา​มี​เพียง​องค์​เดียว​เท่า​นั้น คุณ​ต้อง​รัก​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ของ​คุณ​สุด​หัวใจ สุด​ชีวิต สุด​ความ​คิด และ​สุด​กำลัง’ ข้อ​ที่​สอง​คือ ‘ให้​รัก​คน​อื่น​เหมือน​รัก​ตัว​เอง’ ไม่​มี​กฎหมาย​ข้อ​ไหน​สำคัญ​กว่า​สอง​ข้อ​นี้​อีก​แล้ว”—มาระโก 12:29-31

      เมื่อ​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น ครู​สอน​ศาสนา​จึง​พูด​ว่า “อาจารย์​ครับ ท่าน​พูด​ได้​ดี​และ​ถูก​ต้อง​ที่​ว่า ‘พระเจ้า​มี​เพียง​องค์​เดียว​เท่า​นั้น และ​ไม่​มี​พระเจ้า​อื่น​นอก​จาก​พระองค์’ การ​รัก​พระเจ้า​อย่าง​สุด​หัวใจ สุด​ความ​คิด และ​สุด​กำลัง และ​รัก​คน​อื่น​เหมือน​รัก​ตัว​เอง มี​ค่า​ยิ่ง​กว่า​เครื่อง​บูชา​เผา​และ​เครื่อง​บูชา​อื่น​ทั้ง​หมด” พระ​เยซู​เห็น​ว่า​เขา​ตอบ​ได้​ดี​มาก จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “คุณ​ไม่​ไกล​จาก​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า​แล้ว”—มาระโก 12:32-34

      พระ​เยซู​สอน​ใน​วิหาร​ตลอด 3 วัน (วัน​ที่ 9, 10, และ 11 เดือน​นิสาน) มี​บาง​คน​ชอบ​ฟัง​ท่าน​สอน อย่าง​เช่น​ครู​สอน​ศาสนา​คน​นั้น​ที่​เพิ่ง​คุย​กับ​ท่าน แต่​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา ‘ไม่​กล้า​ถาม​อะไร​ท่าน​อีก’

      • พวก​ฟาริสี​พยายาม​ทำ​อะไร​เพื่อ​ให้​พระ​เยซู​หลง​กล และ​ผล​เป็น​อย่าง​ไร?

      • พวก​สะดูสี​พยายาม​ทำ​อะไร​เพื่อ​ให้​พระ​เยซู​ติด​กับ และ​ท่าน​ทำ​อย่าง​ไร?

      • เมื่อ​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​ครู​สอน​ศาสนา พระ​เยซู​บอก​ว่า​อะไร​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​มาก?

  • ตำหนิพวกผู้ต่อต้าน
    พระเยซู—ทางนั้น ความจริง ชีวิต
    • พระ​เยซู​เปิดโปง​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​ที่​ต่อ​ต้าน​ท่าน

      บท 109

      ตำหนิ​พวก​ผู้​ต่อ​ต้าน

      มัทธิว 22:41-23:24 มาระโก 12:35-40 ลูกา 20:41-47

      • พระ​คริสต์​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​ใคร?

      • เปิดโปง​ผู้​ต่อ​ต้าน​ที่​หน้า​ไหว้​หลัง​หลอก

      พวก​ผู้​ต่อ​ต้าน​ไม่​สามารถ​ทำลาย​ชื่อเสียง​หรือ​หลอก​ให้​พระ​เยซู​หลง​กล พวก​เขา​จับ​ท่าน​ส่ง​พวก​โรมัน​ไม่​ได้ (ลูกา 20:20) ตอน​นี้​เป็น​วัน​ที่ 11 เดือน​นิสาน​และ​พระ​เยซู​ยัง​อยู่​ที่​วิหาร ท่าน​พลิก​สถานการณ์​และ​เปิดโปง​ตัว​ตน​ที่​แท้​จริง​ของ​พวก​เขา โดย​เริ่ม​ถาม​ก่อน​ว่า “พวก​คุณ​คิด​ยัง​ไง​เรื่อง​พระ​คริสต์? ท่าน​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​ใคร?” (มัทธิว 22:42) พวก​เขา​ตอบ​ว่า​พระ​คริสต์​หรือ​เมสสิยาห์​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​ดาวิด เพราะ​ใคร ๆ ก็​รู้​เรื่อง​นี้—มัทธิว 9:27; 12:23; ยอห์น 7:42

      พระ​เยซู​ถาม​อีก​ว่า “แล้ว​ทำไม​ดาวิด​ได้​รับ​การ​ดล​ใจ​จาก​พระเจ้า​ให้​เรียก​พระ​คริสต์​ว่า ‘ผู้​เป็น​นาย’ ตอน​ที่​ดาวิด​บอก​ว่า ‘พระ​ยะโฮวา​พูด​กับ​ผู้​เป็น​นาย​ของ​ผม​ว่า “นั่ง​ข้าง​ขวา​ของ​เรา​ไป​ก่อน จน​กว่า​เรา​จะ​ทำ​ให้​พวก​ศัตรู​ของ​เจ้า​อยู่​ใต้​เท้า​เจ้า”’? ถ้า​ดาวิด​เรียก​พระ​คริสต์​ว่า ‘ผู้​เป็น​นาย’ แล้ว​พระ​คริสต์​จะ​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​ดาวิด​ได้​ยัง​ไง?”—มัทธิว 22:43-45

      พวก​ฟาริสี​ไม่​พูด​อะไร​เลย เพราะ​พวก​เขา​หวัง​ว่า​คน​ที่​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​ดาวิด​จะ​มา​ช่วย​ปลด​ปล่อย​พวก​เขา​จาก​การ​อยู่​ใต้​อำนาจ​พวก​โรมัน แต่​พระ​เยซู​ยก​คำ​พูด​ของ​ดาวิด​ใน​สดุดี 110:1, 2 เพื่อ​บอก​ว่า​เมสสิยาห์​ต้อง​ไม่​ใช่​ผู้​ปกครอง​ที่​เป็น​มนุษย์​ธรรมดา เมสสิยาห์​คือ​ผู้​เป็น​นาย​ของ​ดาวิด ท่าน​จะ​ได้​นั่ง​ข้าง​ขวา​ของ​พระเจ้า และ​จะ​มี​อำนาจ​ใน​การ​ปกครอง คำ​พูด​ของ​พระ​เยซู​ทำ​ให้​พวก​ผู้​ต่อ​ต้าน​ได้​แต่​ยืน​เงียบ

      สาวก​และ​คน​อื่น ๆ ก็​ฟัง​อยู่​ด้วย พระ​เยซู​เตือน​พวก​เขา​เรื่อง​ครู​สอน​ศาสนา​และ​พวก​ฟาริสี​ที่ “ตั้ง​ตัว​เอง​ให้​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ของ​โมเสส” เพื่อ​สอน​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า และ​ท่าน​สั่ง​ผู้​ฟัง “ให้​ทำ​ตาม​ทุก​สิ่ง​ที่​พวก​เขา​สอน แต่​อย่า​เลียน​แบบ​การ​กระทำ​ของ​เขา เพราะ​พวก​เขา​สอน​อย่าง​แต่​ทำ​อีก​อย่าง”—มัทธิว 23:2, 3

      แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ยก​ตัว​อย่าง​ว่า​พวก​เขา​หน้า​ไหว้​หลัง​หลอก​ขนาด​ไหน โดย​พูด​ว่า “พวก​เขา​ทำ​กล่อง​เครื่องราง​ใส่​ข้อ​คัมภีร์​ของ​เขา​ให้​ใหญ่​ขึ้น” คน​ยิว​บาง​คน​ผูก​กล่อง​เล็ก ๆ ไว้​ที่​หน้าผาก​หรือ​ที่​แขน ใน​กล่อง​นั้น​จะ​มี​ข้อ​ความ​สั้น ๆ จาก​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า พวก​ฟาริสี​ทำ​กล่อง​ให้​ใหญ่​กว่า​คน​อื่น เพื่อ​ให้​เห็น​ว่า​พวก​เขา​ทำ​ตาม​กฎหมาย​อย่าง​จริงจัง นอก​จาก​นั้น พวก​เขา​ก็ “ทำ​ชาย​ครุย​เสื้อ​ให้​ยาว ๆ” คน​อิสราเอล​ต้อง​ทำ​ชาย​ครุย​เสื้อ แต่​พวก​ฟาริสี​ทำ​ชาย​ครุย​เสื้อ​ให้​ยาว​กว่า​ใคร ๆ (กันดารวิถี 15:38-40) ทั้ง​หมด​นี้​ก็​เพื่อ​จะ “อวด​คน​อื่น”—มัทธิว 23:5

      แม้​แต่​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ก็​อาจ​อยาก​ได้​ตำแหน่ง​ที่​มี​หน้า​มี​ตา ท่าน​จึง​เตือน​ว่า “อย่า​ให้​ใคร​เรียก​ว่า ‘อาจารย์’ เพราะ​คุณ​มี​อาจารย์​เพียง​คน​เดียว และ​พวก​คุณ​ทุก​คน​เป็น​พี่​น้อง​กัน และ​อย่า​เรียก​ใคร​บน​โลก​นี้​ว่า ‘พ่อ’ เพราะ​คุณ​มี​พ่อ​เพียง​ผู้​เดียว​และ​พระองค์​อยู่​ใน​สวรรค์ และ​อย่า​ให้​ใคร​เรียก​คุณ​ว่า ‘ผู้​นำ’ เพราะ​คุณ​มี​ผู้​นำ​เพียง​ผู้​เดียว​นั่น​คือ​พระ​คริสต์ ส่วน​คน​ที่​เป็น​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​พวก​คุณ​ต้อง​เป็น​ผู้​รับใช้​คน​อื่น คน​ที่​ยก​ตัว​เอง​ขึ้น​จะ​ถูก​กด​ให้​ต่ำ​ลง และ​คน​ที่​ถ่อม​ตัว​ลง​จะ​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​ให้​สูง​ขึ้น”—มัทธิว 23:8-12

      ต่อ​จาก​นั้น พระ​เยซู​พูด​ถึง​สิ่ง​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​ผู้​ต่อ​ต้าน​ว่า “พวก​ครู​สอน​ศาสนา​และ​ฟาริสี พวก​คน​หลอก​ลวง พวก​คุณ​ต้อง​รับ​โทษ​หนัก​แน่ ๆ เพราะ​คุณ​ปิด​ทาง​ไม่​ให้​คน​อื่น​ได้​เข้า​รัฐบาล​สวรรค์ ตัว​คุณ​เอง​ไม่​ยอม​เข้า​ไป แต่​พอ​คน​อื่น​อยาก​จะ​เข้า คุณ​ก็​ยัง​กีด​กัน​เขา​อีก”—มัทธิว 23:13

      พระ​เยซู​ตำหนิ​พวก​ฟาริสี​เพราะ​พวก​เขา​ไม่​นับถือ​สิ่ง​ที่​พระ​ยะโฮวา​บอก​ว่า​สำคัญ เรื่อง​นี้​เห็น​ได้​จาก​กฎ​ไร้​เหตุ​ผล​ที่​พวก​เขา​ตั้ง​ขึ้น เช่น พวก​เขา​บอก​ว่า “ถ้า​ใคร​สาบาน​โดย​อ้าง​วิหาร เขา​ไม่​ต้อง​ทำ​ตาม​ก็​ได้ แต่​ถ้า​ใคร​สาบาน​โดย​อ้าง​ทองคำ​ใน​วิหาร เขา​จะ​ต้อง​ทำ​ตาม” นี่​แสดง​ว่า​พวก​เขา​ตา​บอด​ด้าน​ศีลธรรม เพราะ​พวก​เขา​เน้น​ทองคำ​ใน​วิหาร แทน​ที่​จะ​เน้น​หลัก​ความ​จริง​ที่​ว่า วิหาร​เป็น​สถาน​นมัสการ​ที่​ช่วย​ให้​ใกล้​ชิด​พระเจ้า และ​พวก​เขา “มอง​ข้าม​เรื่อง​ที่​สำคัญ​กว่า​ใน​กฎหมาย​ของ​โมเสส นั่น​คือ ความ​ยุติธรรม ความ​เมตตา และ​ความ​ซื่อ​สัตย์”—มัทธิว 23:16, 23; ลูกา 11:42

      พระ​เยซู​พูด​กับ​พวก​ฟาริสี​ว่า “พวก​คน​นำ​ทาง​ที่​ตา​บอด พวก​คุณ​กรอง​ตัว​ริ้น​ออก​แต่​กลับ​กลืน​อูฐ​ลง​ไป​ทั้ง​ตัว” (มัทธิว 23:24) พวก​เขา​กรอง​ตัว​ริ้น​ออก​จาก​เหล้า​องุ่น​เพราะ​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า​ถือ​ว่า​แมลง​นั้น​ไม่​สะอาด แต่​พวก​เขา​กลับ​ไม่​สนใจ​เรื่อง​ที่​สำคัญ​กว่า นั่น​เท่า​กับ​ว่า​พวก​เขา​กลืน​ตัว​อูฐ​ลง​ไป ซึ่ง​เป็น​สัตว์​ไม่​สะอาด​เหมือน​กัน แถม​ตัว​ใหญ่​กว่า​ริ้น​หลาย​เท่า—เลวีนิติ 11:4, 21-24

      • เมื่อ​พระ​เยซู​ถาม​เกี่ยว​กับ​คำ​พูด​ของ​ดาวิด ทำไม​พวก​ฟาริสี​ไม่​พูด​อะไร​เลย?

      • ทำไม​พวก​ฟาริสี​ทำ​กล่อง​ใส่​ข้อ​คัมภีร์​ให้​ใหญ่​กว่า​ของ​คน​อื่น และ​ทำไม​ทำ​ชาย​ครุย​เสื้อ​ให้​ยาว ๆ?

      • พระ​เยซู​ให้​คำ​แนะ​นำ​อะไร​บ้าง​กับ​สาวก?

  • วันสุดท้ายในวิหาร
    พระเยซู—ทางนั้น ความจริง ชีวิต
    • พระ​เยซู​สังเกต​เห็น​แม่​ม่าย​ยาก​จน​คน​หนึ่ง​หยอด​เงิน​เหรียญ​เล็ก ๆ 2 เหรียญ​ลง​ไป​ใน​ตู้​บริจาค​ที่​วิหาร

      บท 110

      วัน​สุด​ท้าย​ใน​วิหาร

      มัทธิว 23:25-24:2 มาระโก 12:41-13:2 ลูกา 21:1-6

      • พระ​เยซู​ตำหนิ​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​อีก

      • วิหาร​จะ​ถูก​ทำลาย

      • แม่​ม่าย​ยาก​จน​หยอด​เงิน 2 เหรียญ

      วัน​สุด​ท้าย​ที่​อยู่​ใน​วิหาร พระ​เยซู​เปิดโปง​พวก​ครู​สอน​ศาสนา​กับ​พวก​ฟาริสี และ​เรียก​พวก​เขา​ว่า​เป็น​คน​หน้า​ไหว้​หลัง​หลอก ท่าน​พูด​เปรียบ​เทียบ​ว่า “คุณ​เป็น​เหมือน​ถ้วย​ชาม​ที่​ล้าง​แค่​ข้าง​นอก แต่​ข้าง​ใน​พวก​คุณ​มี​แต่​ความ​โลภ​และ​การ​สนอง​ความ​อยาก​ของ​ตัว​เอง​จน​ไม่​ลืม​หู​ลืม​ตา พวก​ฟาริสี​ตา​บอด ล้าง​ถ้วย​ชาม​ด้าน​ใน​ก่อน​สิ แล้ว​ด้าน​นอก​ถึง​จะ​สะอาด​ได้” (มัทธิว 23:25, 26) พวก​ฟาริสี​จู้จี้​จุก​จิก​เรื่อง​ความ​สะอาด​ด้าน​พิธีกรรม​และ​รูป​กาย​ภาย​นอก แต่​พวก​เขา​ไม่​สนใจ​ตัว​ตน​ที่​แท้​จริง​ข้าง​ใน​และ​ไม่​ได้​ทำ​จิตใจ​ให้​บริสุทธิ์

      อีก​อย่าง​หนึ่ง​ที่​แสดง​ว่า​พวก​เขา​หน้า​ไหว้​หลัง​หลอก​ก็​คือ การ​สร้าง​และ​ตกแต่ง​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ของ​พวก​ผู้​พยากรณ์ พระ​เยซู​บอก​ว่า พวก​เขา “เป็น​ลูก​ของ​คน​ที่​ฆ่า​ผู้​พยากรณ์” (มัทธิว 23:31) เรื่อง​นี้​เห็น​ได้​ชัด​เพราะ​พวก​เขา​พยายาม​ฆ่า​พระ​เยซู​ด้วย—ยอห์น 5:18; 7:1, 25

      ถ้า​ผู้​นำ​ศาสนา​พวก​นี้​ไม่​กลับ​ใจ พวก​เขา​จะ​ต้อง​เจอ​กับ​อะไร? พระ​เยซู​บอก​ว่า “พวก​ชาติ​งู​ร้าย พวก​คุณ​จะ​พ้น​โทษ​ใน​เกเฮนนา​ได้​ยัง​ไง?” (มัทธิว 23:33) เกเฮนนา​เป็น​ที่​เผา​ขยะ​ใน​หุบเขา​ฮินโนม​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ เยรูซาเล็ม นั่น​ช่วย​ให้​เห็น​ภาพ​ของ​การ​ถูก​ทำลาย​ตลอด​กาล​สำหรับ​พวก​ครู​สอน​ศาสนา​และ​พวก​ฟาริสี​ที่​ชั่ว​ร้าย

      สาวก​ซึ่ง​จะ​เป็น​ตัว​แทน​ของ​พระ​เยซู​ใน​ฐานะ “ผู้​พยากรณ์ คน​มี​ปัญญา และ​ครู” ต้อง​เจอ​กับ​อะไร​บ้าง? พระ​เยซู​พูด​กับ​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​ว่า “คุณ​ก็​จะ​จับ [สาวก​ของ​ผม] ไป​ฆ่า​บ้าง ประหาร​บน​เสา​บ้าง เฆี่ยน​ใน​ที่​ประชุม​บ้าง และ​ไล่​ล่า​พวก​เขา​ตาม​เมือง​ต่าง ๆ ดัง​นั้น พวก​คุณ​จะ​ต้อง​รับผิดชอบ​การ​ตาย​ของ​คน​ของ​พระเจ้า​ทุก​คน​ที่​ถูก​ฆ่า​ใน​โลก นับ​ตั้ง​แต่​อาเบล​มา​จน​ถึง​เศคาริยาห์ . . . ที่​พวก​คุณ​ฆ่า​ตาย” ท่าน​เตือน​ว่า “โทษ​ทั้ง​หมด​นั้น​จะ​ตก​อยู่​กับ​คน​สมัย​นี้​แน่นอน” (มัทธิว 23:34-36) เรื่อง​นี้​เกิด​ขึ้น​จริง​ใน​ปี ค.ศ. 70 เมื่อ​กองทัพ​โรมัน​ทำลาย​เยรูซาเล็ม​และ​คน​ยิว​หลาย​แสน​คน​เสีย​ชีวิต

      เมื่อ​นึก​ถึง​เหตุ​การณ์​น่า​สลด​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น พระ​เยซู​ก็​ไม่​สบาย​ใจ ท่าน​พูด​เศร้า ๆ ว่า “ชาว​เยรูซาเล็ม ชาว​เยรูซาเล็ม​ทั้ง​หลาย ทำไม​พวก​คุณ​ต้อง​ฆ่า​พวก​ผู้​พยากรณ์​และ​เอา​หิน​ขว้าง​คน​ที่​พระเจ้า​ส่ง​มา​ด้วย? หลาย​ครั้ง​แล้ว​ที่​ผม​อยาก​จะ​ปก​ป้อง​ดู​แล​พวก​คุณ​ไว้ เหมือน​แม่​ไก่​ต้อน​ลูก ๆ ของ​มัน​มา​ไว้​ใต้​ปีก แต่​พวก​คุณ​ไม่​ยอม เพราะ​อย่าง​นี้ วิหาร​หลัง​นี้​จะ​ถูก​ทิ้ง​ร้าง​ไว้​กับ​พวก​คุณ”—มัทธิว 23:37, 38

      พระ​เยซู​พูด​อีก​ว่า “คุณ​จะ​ไม่​ได้​เห็น​ผม​อีก​จน​กว่า​คุณ​จะ​พูด​ว่า ‘ขอ​ให้​ท่าน​ผู้​มา​ใน​นาม​พระ​ยะโฮวา​ได้​รับ​พร’” (มัทธิว 23:39) พระ​เยซู​ยก​คำ​พยากรณ์​จาก​สดุดี 118:26 ที่​ว่า “ขอ​ให้​ผู้​ที่​มา​ใน​นาม​ของ​พระ​ยะโฮวา​ได้​รับ​พร พวก​เรา​ขอ​อวยพร​พวก​คุณ​จาก​วิหาร​ของ​พระ​ยะโฮวา” นี่​หมาย​ความ​ว่า​เมื่อ​วิหาร​หลัง​นี้​ถูก​ทำลาย จะ​ไม่​มี​ใคร​มา​ที่​วิหาร​ใน​นาม​ของ​พระเจ้า​อีก​ต่อ​ไป

      แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ไป​ที่​ส่วน​ของ​วิหาร​ซึ่ง​มี​ตู้​ใส่​เงิน​บริจาค​วาง​อยู่ พระ​เยซู​เห็น​คน​ยิว​หลาย​คน​กำลัง​หยอด​เงิน​ลง​ใน​ช่อง​เล็ก ๆ คน​รวย “หยอด​เงิน​มาก​มาย​ลง​ไป” หลัง​จาก​นั้น ท่าน​เห็น​แม่​ม่าย​ยาก​จน​คน​หนึ่ง​หยอด “เงิน​เหรียญ​เล็ก ๆ 2 เหรียญ​ที่​มี​ค่า​น้อย​มาก” (มาระโก 12:41, 42) พระ​เยซู​รู้​ว่า​พระเจ้า​มี​ความ​สุข​มาก​ที่​เห็น​เธอ​ทำ​อย่าง​นั้น

      ท่าน​จึง​เรียก​สาวก​มา​และ​พูด​ว่า “แม่​ม่าย​ยาก​จน​คน​นี้​หยอด​เงิน​ลง​ไป​ใน​ตู้​บริจาค​มาก​กว่า​ทุก​คน” พระ​เยซู​หมาย​ความ​ว่า​อย่าง​ไร? ท่าน​อธิบาย​ว่า “คน​อื่น​เอา​เงิน​เหลือ​ใช้​มา​บริจาค แต่​แม่​ม่าย​คน​นี้ ถึง​จะ​ยาก​จน​มาก ก็​ยัง​อุตส่าห์​บริจาค​เงิน​ทั้ง​หมด​ที่​เธอ​มี​สำหรับ​เลี้ยง​ชีวิต” (มาระโก 12:43, 44) การ​กระทำ​และ​ความ​คิด​ของ​แม่​ม่าย​คน​นี้​แตกต่าง​จาก​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​ราว​ฟ้า​กับ​ดิน!

      วัน​ที่ 11 เดือน​นิสาน​ยัง​ไม่​จบ​ลง แต่​ตอน​ที่​พระ​เยซู​ออก​จาก​วิหาร​เป็น​ครั้ง​สุด​ท้าย สาวก​คน​หนึ่ง​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า “ดู​นี่​สิ​อาจารย์ อาคาร​และ​ก้อน​หิน​พวก​นี้​สวย​จริง ๆ เลย” (มาระโก 13:1) วิหาร​หลัง​นี้​ดู​คงทน​ถาวร​เพราะ​หิน​บาง​ก้อน​มี​ขนาด​ใหญ่ แต่​สาวก​คง​แปลก​ใจ​ไม่​น้อย​เมื่อ​พระ​เยซู​พูด​ว่า “อาคาร​ใหญ่​โต​โอ่อ่า​ที่​พวก​คุณ​เห็น​อยู่​นี้​จะ​ถูก​ทำลาย​จน​สิ้น​ซาก ไม่​เหลือ​หิน​ซ้อน​ทับ​กัน​แม้​แต่​ก้อน​เดียว”—มาระโก 13:2

      หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​กับ​อัครสาวก​ก็​ข้าม​หุบเขา​ขิดโรน​และ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​มะกอก มี​อัครสาวก 4 คน​ไป​กับ​ท่าน คือ เปโตร อันดรูว์ ยากอบ และ​ยอห์น พระ​เยซู​สามารถ​มอง​เห็น​วิหาร​ที่​สวย​งาม​ได้​จาก​ภูเขา​นั้น

      • พระ​เยซู​ทำ​อะไร​ระหว่าง​วัน​สุด​ท้าย​ที่​อยู่​ใน​วิหาร?

      • พระ​เยซู​พยากรณ์​เกี่ยว​กับ​วิหาร​ว่า​อย่าง​ไร?

      • ทำไม​พระ​เยซู​จึง​พูด​ว่า​แม่​ม่าย​บริจาค​เงิน​มาก​กว่า​คน​รวย?

  • สัญญาณของสมัยสุดท้าย
    พระเยซู—ทางนั้น ความจริง ชีวิต
    • พระ​เยซู​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​อัครสาวก​สี่​คน

      บท 111

      สัญญาณ​ของ​สมัย​สุด​ท้าย

      มัทธิว 24:3-51 มาระโก 13:3-37 ลูกา 21:7-38

      • อัครสาวก 4 คน​ถาม​เรื่อง​สัญญาณ​ของ​สมัย​สุด​ท้าย

      • สัญญาณ​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​ศตวรรษ​แรก​และ​ต่อ​จาก​นั้น

      • พวก​เรา​ต้อง​ตื่น​ตัว​เสมอ

      วัน​อังคาร​ที่ 11 เดือน​นิสาน​กำลัง​จะ​จบ​ลง และ​งาน​รับใช้​ที่​พระ​เยซู​ทำ​อย่าง​ขันแข็ง​บน​โลก​นี้​ก็​ใกล้​จะ​สิ้น​สุด​ลง​เหมือน​กัน ตอน​กลางวัน​ท่าน​ไป​สอน​ใน​วิหาร แล้ว​กลางคืน​ก็​ออก​มา​พัก​นอก​เมือง ผู้​คน​สนใจ​พระ​เยซู​มาก​และ “มา​หา​ท่าน​ที่​วิหาร​แต่​เช้า​เพื่อ​ฟัง​ท่าน​สอน” (ลูกา 21:37, 38) เหตุ​การณ์​ทั้ง​หมด​นั้น​ผ่าน​ไป​แล้ว ตอน​นี้​พระ​เยซู​อยู่​บน​ภูเขา​มะกอก​กับ​อัครสาวก 4 คน คือ เปโตร อันดรูว์ ยากอบ และ​ยอห์น

      อัครสาวก 4 คน​นี้​มา​คุย​กับ​พระ​เยซู​เป็น​การ​ส่วน​ตัว พวก​เขา​กังวล​เพราะ​ท่าน​บอก​ว่า วิหาร​จะ​ถูก​ทำลาย​จน​สิ้น​ซาก​ไม่​เหลือ​หิน​ซ้อน​ทับ​กัน​แม้​แต่​ก้อน​เดียว แต่​พวก​เขา​มี​เรื่อง​อื่น​ที่​อยาก​ถาม​ด้วย พระ​เยซู​เคย​เตือน​พวก​เขา​ให้ “เตรียม​พร้อม . . . เพราะ ‘ลูก​มนุษย์’ จะ​มา​ใน​เวลา​ที่ [พวก​เขา] คิด​ไม่​ถึง” (ลูกา 12:40) และ​พระ​เยซู​ก็​เคย​พูด​เกี่ยว​กับ “ตอน​ที่ ‘ลูก​มนุษย์’ มา​พิพากษา” (ลูกา 17:30) อัครสาวก​อยาก​รู้​ว่า​คำ​พูด​เหล่า​นี้​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เรื่อง​ที่​วิหาร​จะ​ถูก​ทำลาย​หรือ​เปล่า พวก​เขา​จึง​พูด​ว่า “ช่วย​บอก​หน่อย​ได้​ไหม​ครับ​ว่า เรื่อง​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​เมื่อไหร่ และ​จะ​มี​อะไร​เป็น​สัญญาณ​บอก​ให้​รู้​ว่า​ท่าน​ประทับ​อยู่​และ​บอก​ให้​รู้​ว่า​เรา​อยู่​ใน​สมัย​สุด​ท้าย​ของ​โลก​นี้?”—มัทธิว 24:3

      พวก​เขา​คง​เดา​ว่า​อีก​ไม่​นาน​วิหาร​ที่​เห็น​อยู่​นี้​จะ​ถูก​ทำลาย พวก​เขา​ถาม​เกี่ยว​กับ​การ​ประทับ​ของ “ลูก​มนุษย์” เพราะ​คง​ยัง​ไม่​ลืม​ตัว​อย่าง​เรื่อง “คน​ที่​มี​เชื้อ​เจ้า​คน​หนึ่ง” ซึ่ง “เดิน​ทาง​ไป​แดน​ไกล​เพื่อ​จะ​รับ​ตำแหน่ง​กษัตริย์ แล้ว​จะ​กลับ​มา” (ลูกา 19:11, 12) นอก​จาก​นั้น พวก​เขา​สงสัย​ว่า​จะ​มี​อะไร​เกิด​ขึ้น​บ้าง​ใน “สมัย​สุด​ท้าย​ของ​โลก​นี้”

      พระ​เยซู​ตอบ​พวก​เขา​อย่าง​ละเอียด ท่าน​พูด​เกี่ยว​กับ​สัญญาณ​ที่​ทำ​ให้​รู้​ว่า​ระบบ​ของ​ชาว​ยิว​และ​วิหาร​ใกล้​จะ​ถึง​จุด​จบ แต่​พระ​เยซู​พูด​ถึง​สัญญาณ​อื่น ๆ ด้วย ซึ่ง​จะ​ช่วย​ให้​คริสเตียน​รู้​ว่า​พวก​เขา​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ช่วง​เวลา​ของ “การ​ประทับ” และ​ระบบ​โลก​ทั้ง​หมด​ใกล้​จะ​ถึง​จุด​จบ

      เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป อัครสาวก​ก็​เริ่ม​เห็น​สัญญาณ​หลาย​อย่าง​ตาม​ที่​พระ​เยซู​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า ดัง​นั้น 37 ปี​ต่อ​มา คือ​ปี ค.ศ. 70 คริสเตียน​ที่​เฝ้า​ระวัง​ก็​เตรียม​ตัว​พร้อม​เมื่อ​ระบบ​ของ​ชาว​ยิว​และ​วิหาร​ถูก​ทำลาย แต่​ไม่​ใช่​ว่า​สัญญาณ​ทุก​อย่าง​เกิด​ขึ้น​ภาย​ใน​ปี ค.ศ. 70 ถ้า​อย่าง​นั้น มี​อะไร​อีก​ที่​เป็น​สัญญาณ​ว่า​พระ​เยซู​ประทับ​เป็น​กษัตริย์? พระ​เยซู​ให้​คำ​ตอบ​กับ​อัครสาวก

      ท่าน​บอก​ล่วง​หน้า​ว่า​จะ​มี “การ​สู้​รบ​และ​ข่าว​สงคราม​ใน​ที่​ต่าง ๆ” และ​จะ​มี “การ​สู้​รบ​กัน​ระหว่าง​ประเทศ​ต่อ​ประเทศ​และ​อาณาจักร​ต่อ​อาณาจักร” (มัทธิว 24:6, 7) “จะ​เกิด​แผ่นดิน​ไหว​ใหญ่​ใน​ที่​ต่าง ๆ จะ​เกิด​การ​ขาด​แคลน​อาหาร​และ​โรค​ระบาด​หลาย​แห่ง” (ลูกา 21:11) สาวก “จะ​ถูก​จับ​และ​ถูก​ข่มเหง” (ลูกา 21:12) จะ​มี​ผู้​พยากรณ์​เท็จ​ที่​หลอก​ให้​คน​ไป​ผิด​ทาง ความ​ชั่ว​จะ​เพิ่ม​ขึ้น และ​ความ​รัก​ของ​คน​ส่วน​ใหญ่​จะ​ลด​น้อย​ลง พระ​เยซู​ยัง​บอก​อีก​ว่า “จะ​มี​การ​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า​ไป​ทั่ว​โลก เพื่อ​ให้​คน​ทุก​ชาติ​มี​โอกาส​ได้​ยิน แล้ว​จุด​จบ​ก็​จะ​มา​ถึง”—มัทธิว 24:14

      ถึง​แม้​ว่า​สัญญาณ​บาง​อย่าง​เกิด​ขึ้น​ใน​ช่วง​ก่อน​และ​ระหว่าง​ที่​พวก​โรมัน​ทำลาย​กรุง​เยรูซาเล็ม แต่​พระ​เยซู​อาจ​หมาย​ถึง​ช่วง​เวลา​อื่น​ด้วย คุณ​เห็น​หลักฐาน​ไหม​ว่า สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​พูด​ไว้​ใน​คำ​พยากรณ์​สำคัญ​นั้น​กำลัง​เกิด​ขึ้น​จริง​ใน​สมัย​ของ​เรา?

      พระ​เยซู​พูด​ถึง​เหตุ​การณ์​อย่าง​หนึ่ง​ที่​เป็น​สัญญาณ​ของ​การ​ประทับ คือ การ​ปรากฏ​ของ “สิ่ง​น่า​รังเกียจ​ที่​ทำ​ให้​เกิด​ความ​รก​ร้าง​ว่าง​เปล่า” (มัทธิว 24:15) ใน​ปี ค.ศ. 66 สิ่ง​น่า​รังเกียจ​นี้​มา​ใน​รูป​แบบ​ของ “กองทัพ” พร้อม​กับ​ธง​ของ​โรมัน พวก​โรมัน​ล้อม​กรุง​เยรูซาเล็ม​และ​ทำลาย​กำแพง​บาง​ส่วน (ลูกา 21:20) นี่​เท่า​กับ​ว่า “สิ่ง​น่า​รังเกียจ” มา​อยู่​ใน​ที่​ที่​คน​ยิว​ถือ​ว่า “บริสุทธิ์”

      พระ​เยซู​พยากรณ์​ต่อ​ไป​ว่า “จะ​มี​ความ​ทุกข์​ยาก​ลำบาก​ครั้ง​ใหญ่​อย่าง​ที่​ไม่​เคย​เกิด​ขึ้น​นับ​ตั้ง​แต่​มี​โลก​มา​จน​ถึง​เดี๋ยว​นี้ และ​จะ​ไม่​เกิด​ขึ้น​อีก​ใน​อนาคต” ใน​ปี ค.ศ. 70 มี​ความ​ทุกข์​ยาก​ลำบาก​ครั้ง​ใหญ่​เกิด​ขึ้น กองทัพ​โรมัน​ทำลาย​เยรูซาเล็ม​ซึ่ง​เป็น “เมือง​บริสุทธิ์” ของ​คน​ยิว​และ​ทำลาย​วิหาร นอก​จาก​นั้น คน​ยิว​หลาย​แสน​คน​ถูก​ฆ่า​ตาย (มัทธิว 4:5; 24:21) นั่น​เป็น​ความ​เสียหาย​ครั้ง​ใหญ่​ที่​สุด​ที่​เคย​เกิด​กับ​เยรูซาเล็ม​และ​คน​ยิว​ใน​สมัย​นั้น ระบบ​การ​นมัสการ​ที่​พวก​เขา​ยึด​ถือ​มา​หลาย​ร้อย​ปี​ต้อง​จบ​ลง คง​เป็น​เรื่อง​น่า​กลัว​มาก​ที่​จะ​ได้​เห็น​สิ่ง​ต่าง ๆ ใน​คำ​พยากรณ์​เกิด​ขึ้น​จริง​ใน​ขอบ​เขต​ที่​ใหญ่​กว่า​นี้

      ความ​มั่น​ใจ​ระหว่าง​ช่วง​เวลา​ที่​สำคัญ

      พระ​เยซู​ยัง​คุย​กับ​อัครสาวก​ต่อ​ไป​เกี่ยว​กับ​สัญญาณ​การ​ประทับ​ของ​ท่าน​ใน​ฐานะ​กษัตริย์​และ​สัญญาณ​ของ​สมัย​สุด​ท้าย ท่าน​เตือน​พวก​เขา​ไม่​ให้​ติด​ตาม “พระ​คริสต์​ปลอม​และ​ผู้​พยากรณ์​เท็จ” เพราะ​คน​เหล่า​นั้น​จะ​พยายาม “หลอก​แม้​แต่​คน​ที่​พระเจ้า​เลือก​ไว้​แล้ว” (มัทธิว 24:24) แต่​คน​ที่​พระเจ้า​เลือก​ไว้​จะ​ไม่​หลง​กล พวก​เขา​รู้​ดี​ว่า​การ​ประทับ​ของ​พระ​เยซู​เป็น​สิ่ง​ที่​มอง​ไม่​เห็น ดัง​นั้น คน​ที่​พวก​เขา​มอง​เห็น​ได้​จึง​ต้อง​เป็น​พระ​คริสต์​ปลอม

      พระ​เยซู​บอก​ว่า​ความ​ทุกข์​ยาก​ลำบาก​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​สมัย​สุด​ท้าย​จะ​หนัก​กว่า​ปี ค.ศ. 70 ท่าน​พูด​ว่า “ดวง​อาทิตย์​จะ​มืด​ไป ดวง​จันทร์​จะ​ไม่​ส่อง​แสง ดวง​ดาว​จะ​ตก​จาก​ฟ้า และ​สิ่ง​ที่​มี​อำนาจ​ใน​ฟ้า​สวรรค์​จะ​สั่น​สะเทือน” (มัทธิว 24:29) อัครสาวก​คง​รู้สึก​ขน​ลุก​เมื่อ​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น เพราะ​ถึง​แม้​ไม่​รู้​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น แต่​พวก​เขา​รู้​ว่า​มัน​จะ​ต้อง​เป็น​เรื่อง​ที่​น่า​ตกตะลึง​อย่าง​แน่นอน

      มนุษย์​จะ​ได้​รับ​ผล​กระทบ​อย่าง​ไร? พระ​เยซู​บอก​ว่า “ผู้​คน​จะ​กลัว​จน​สลบ​ไป​เพราะ​เห็น​สิ่ง​ที่​กำลัง​เกิด​ขึ้น​บน​โลก และ​สิ่ง​ที่​มี​อำนาจ​ใน​ฟ้า​สวรรค์​จะ​สั่น​สะเทือน” (ลูกา 21:26) ท่าน​กำลัง​พูด​ถึง​ช่วง​เวลา​ที่​เลว​ร้าย​ที่​สุด​ใน​ประวัติศาสตร์​ของ​มนุษย์

      แต่​พระ​เยซู​รับรอง​กับ​อัครสาวก​ว่า ไม่​ใช่​ทุก​คน​จะ​ร้องไห้​คร่ำ​ครวญ​ตอน​ที่ “‘ลูก​มนุษย์’ มา​บน​เมฆ​ใน​ท้องฟ้า​ด้วย​อำนาจ​และ​รัศมี​แรง​กล้า” (มัทธิว 24:30) เพราะ​ท่าน​เคย​บอก​ว่า​พระเจ้า​จะ​ทำ​บาง​อย่าง​เพื่อ​ช่วย “คน​ที่​พระองค์​เลือก​ไว้” (มัทธิว 24:22) ถ้า​อย่าง​นั้น เมื่อ​เหตุ​การณ์​ที่​น่า​กลัว​เกิด​ขึ้น สาวก​ควร​จะ​ทำ​อย่าง​ไร? พระ​เยซู​ให้​กำลังใจ​พวก​เขา​โดย​บอก​ว่า “เมื่อ​เหตุ​การณ์​ทั้ง​หมด​นี้​เริ่ม​เกิด​ขึ้น ให้​พวก​คุณ​ยืด​ตัว​ตรง​และ​เชิด​หน้า​ขึ้น​เพราะ​พระเจ้า​จะ​มา​ช่วย​พวก​คุณ​ให้​รอด​แล้ว”—ลูกา 21:28

      แต่​สาวก​ของ​พระ​เยซู​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ช่วง​เวลา​ที่​ท่าน​พยากรณ์​ไว้ จะ​รู้​ได้​อย่าง​ไร​ว่า​จุด​จบ​มา​ใกล้​แล้ว? พระ​เยซู​เล่า​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​ต้น​มะเดื่อ ท่าน​บอก​ว่า “เมื่อ​มัน​แตก​กิ่ง​อ่อน​และ​ผลิ​ใบ คุณ​ก็​รู้​ว่า​ใกล้​จะ​ถึง​ฤดู​ร้อน​แล้ว คล้าย​กัน เมื่อ​คุณ​เห็น​เหตุ​การณ์​ทั้ง​หมด​นี้ คุณ​ก็​จะ​รู้​ว่า​ท่าน​มา​ใกล้​แล้ว ที่​จริง​ท่าน​อยู่​ตรง​ประตู​แล้ว ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า คน​รุ่น​นี้​จะ​ไม่​ตาย​ไป​ก่อน​ที่​เหตุ​การณ์​ทั้ง​หมด​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น”—มัทธิว 24:32-34

      ดัง​นั้น เมื่อ​สาวก​เห็น​สัญญาณ​ต่าง ๆ เกิด​ขึ้น​ตาม​ที่​พระ​เยซู​บอก​ล่วง​หน้า พวก​เขา​ก็​จะ​รู้​ว่า​จุด​จบ​มา​ใกล้​แล้ว พระ​เยซู​เตือน​สาวก​ที่​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ช่วง​เวลา​สำคัญ​นั้น​ว่า

      “วัน​เวลา​นั้น​ไม่​มี​ใคร​รู้ แม้​แต่​ทูตสวรรค์​หรือ​ผม​เอง​ที่​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​ก็​ไม่​รู้ มี​แต่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​เท่า​นั้น​ที่​รู้ สมัย​ของ​โนอาห์​เป็น​อย่าง​ไร การ​ประทับ​ของ ‘ลูก​มนุษย์’ ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น เพราะ​ใน​ช่วง​ก่อน​น้ำ​ท่วม ผู้​คน​กิน​ดื่ม แต่งงาน​เป็น​สามี​ภรรยา​กัน จน​ถึง​วัน​ที่​โนอาห์​เข้า​ไป​ใน​เรือ พวก​นั้น​ไม่​สนใจ​จน​น้ำ​มา​ท่วม​และ​กวาด​พวก​เขา​ไป​จน​หมด การ​ประทับ​ของ ‘ลูก​มนุษย์’ ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น​แหละ” (มัทธิว 24:36-39) พระ​เยซู​เตือน​ผู้​ฟัง​ให้​นึก​ถึง​น้ำ​ท่วม​ใน​สมัย​โนอาห์​ซึ่ง​ส่ง​ผล​กระทบ​ไป​ทั่ว​โลก

      อัครสาวก​ที่​ฟัง​พระ​เยซู​อยู่​บน​ภูเขา​มะกอก​เข้าใจ​ดี​ว่า​พวก​เขา​ต้อง​ตื่น​ตัว​อยู่​เสมอ พระ​เยซู​บอก​พวก​เขา​ว่า “ระวัง​ตัว​ให้​ดี อย่า​หมกมุ่น​กับ​การ​กิน การ​ดื่ม​จัด หรือ​มัว​แต่​กังวล​กับ​ชีวิต แล้ว​วัน​นั้น​จะ​มา​อย่าง​กะทันหัน​โดย​ที่​คุณ​ไม่​ทัน​รู้​ตัว เหมือน​กับดัก เพราะ​ทุก​คน​ทั่ว​โลก​จะ​ต้อง​เจอ​กับ​วัน​นั้น ดัง​นั้น ให้​คุณ​ตื่น​ตัว​เสมอ​และ​อธิษฐาน​อ้อน​วอน​บ่อย ๆ เพื่อ​คุณ​จะ​รอด​จาก​เหตุ​การณ์​ทั้ง​หมด​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​และ​ยืน​อยู่​ต่อ​หน้า ‘ลูก​มนุษย์’ ได้”—ลูกา 21:34-36

      พระ​เยซู​ชี้​ให้​เห็น​อีก​ครั้ง​ว่า​สิ่ง​ที่​ท่าน​พยากรณ์​ไว้ ไม่​ใช่​เหตุ​การณ์​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​ใน​อีก​ไม่​กี่​สิบ​ปี และ​เหตุ​การณ์​นั้น​จะ​ส่ง​ผล​กระทบ​กว้าง​ไกล ไม่​ได้​กระทบ​แค่​กรุง​เยรูซาเล็ม​หรือ​คน​ยิว แต่ “ทุก​คน​ทั่ว​โลก​จะ​ต้อง​เจอ​กับ​วัน​นั้น”

      พระ​เยซู​บอก​ว่า​สาวก​ต้อง​ตื่น​ตัว เฝ้า​ระวัง และ​เตรียม​ตัว​ให้​พร้อม ท่าน​เน้น​จุด​สำคัญ​นี้​โดย​เล่า​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​ที่​ว่า “อย่า​ลืม​ว่า ถ้า​เจ้า​ของ​บ้าน​รู้​ว่า​ขโมย​จะ​ขึ้น​บ้าน​เวลา​ไหน เขา​จะ​ไม่​หลับ​ไม่​นอน​และ​ไม่​ปล่อย​ให้​ขโมย​งัด​เข้า​มา​ใน​บ้าน​แน่ ๆ คุณ​เอง​ก็​ต้อง​เตรียม​พร้อม​อย่าง​นั้น​ด้วย เพราะ ‘ลูก​มนุษย์’ จะ​มา​ใน​เวลา​ที่​คุณ​คาด​ไม่​ถึง”—มัทธิว 24:43, 44

      สาวก​ไม่​ต้อง​กลัว เพราะ​พระ​เยซู​รับรอง​ว่า​เมื่อ​ทุก​อย่าง​เกิด​ขึ้น​ตาม​ที่​ท่าน​พยากรณ์ จะ​มี “ทาส” ที่​ตื่น​ตัว​และ​ขยัน​ขันแข็ง​คอย​ดู​แล​พวก​เขา พระ​เยซู​ช่วย​ให้​สาวก​นึก​ภาพ​ได้​ง่าย​เมื่อ​พูด​ว่า “จริง ๆ แล้ว ใคร​เป็น​ทาส​ที่​ซื่อ​สัตย์​และ​สุขุม​ที่​นาย​ตั้ง​ไว้​ให้​ดู​แล​พวก​คน​รับใช้ และ​แจก​จ่าย​อาหาร​แก่​พวก​เขา​ตาม​เวลา​ที่​เหมาะ​สม? เมื่อ​นาย​มา​และ​เห็น​ทาส​กำลัง​ทำ​งาน​นั้น​อย่าง​ดี ทาส​คน​นั้น​จะ​มี​ความ​สุข ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า นาย​จะ​ตั้ง​เขา​ให้​ดู​แล​ทรัพย์​สมบัติ​ทั้ง​หมด​ของ​นาย” แต่​ถ้า “ทาส” มี​ความ​คิด​ชั่ว​ร้าย​และ​ทำ​ไม่​ดี​กับ​คน​อื่น นาย​ก็​จะ “ลง​โทษ​เขา​อย่าง​หนัก​ที่​สุด”—มัทธิว 24:45-51; เทียบ​กับ​ลูกา 12:45, 46

      แต่​พระ​เยซู​ไม่​ได้​หมาย​ความ​ว่า​สาวก​กลุ่ม​หนึ่ง​จะ​กลาย​เป็น​ทาส​ชั่ว ถ้า​อย่าง​นั้น ท่าน​กำลัง​สอน​อะไร? พระ​เยซู​อยาก​ให้​พวก​เขา​ตื่น​ตัว​และ​ขยัน​ขันแข็ง​เสมอ เรา​รู้​เรื่อง​นี้​ได้​จาก​อีก​ตัว​อย่าง​หนึ่ง​ที่​ท่าน​เล่า

      • ทำไม​อัครสาวก​ถึง​ถาม​พระ​เยซู​เกี่ยว​กับ​เหตุ​การณ์​ใน​อนาคต แล้ว​พวก​เขา​อยาก​รู้​เรื่อง​อะไร​อีก?

      • สัญญาณ​ต่าง ๆ ที่​พระ​เยซู​บอก​ไว้​เริ่ม​เกิด​ขึ้น​เมื่อ​ไร และ​อย่าง​ไร?

      • สัญญาณ​การ​ประทับ​ของ​พระ​คริสต์​มี​อะไร​บ้าง?

      • “สิ่ง​น่า​รังเกียจ” ปรากฏ​ขึ้น​มา​อย่าง​ไร และ​หลัง​จาก​นั้น​จะ​เกิด​อะไร?

      • ผู้​คน​จะ​เป็น​อย่าง​ไร​เมื่อ​เห็น​ว่า​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​พยากรณ์​ไว้​เกิด​ขึ้น​จริง?

      • พระ​เยซู​ใช้​ตัว​อย่าง​อะไร เพื่อ​ช่วย​สาวก​ให้​เข้าใจ​ว่า​จุด​จบ​มา​ใกล้​แล้ว?

      • เรา​รู้​ได้​อย่าง​ไร​ว่า​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​พยากรณ์​จะ​ส่ง​ผล​กระทบ​ไป​ทั่ว​โลก?

      • พระ​เยซู​ให้​คำ​เตือน​อะไร​กับ​สาวก​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​สมัย​สุด​ท้าย?

  • สอนให้เฝ้าระวัง
    พระเยซู—ทางนั้น ความจริง ชีวิต
    • สาว​บริสุทธิ์​ที่​เป็น​คน​ฉลาด 5 คน​ถือ​ตะเกียง​ที่​ติด​ไฟ​อยู่

      บท 112

      สอน​ให้​เฝ้า​ระวัง

      มัทธิว 25:1-13

      • ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​หญิง​สาว​บริสุทธิ์ 10 คน

      พระ​เยซู​ตอบ​คำ​ถาม​อัครสาวก​เกี่ยว​กับ​สัญญาณ​การ​ประทับ​ของ​ท่าน​และ​สัญญาณ​ของ​สมัย​สุด​ท้าย แล้ว​ท่าน​ก็​เตือน​พวก​เขา​โดย​ใช้​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​หนึ่ง ซึ่ง​คน​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ช่วง​เวลา​การ​ประทับ​ของ​พระ​เยซู​จะ​เข้าใจ​ความ​หมาย​ของ​เรื่อง​นี้

      ท่าน​เล่า​ว่า “รัฐบาล​สวรรค์​เปรียบ​ได้​กับ​หญิง​สาว​บริสุทธิ์ 10 คน​ที่​ถือ​ตะเกียง​ออก​ไป​รับ​เจ้าบ่าว ใน​จำนวน​นั้น มี​หญิง​สาว 5 คน​เป็น​คน​โง่​และ​อีก 5 คน​เป็น​คน​ฉลาด”—มัทธิว 25:1, 2

      พระ​เยซู​ไม่​ได้​หมาย​ความ​ว่า​สาวก​ครึ่ง​หนึ่ง​เป็น​คน​โง่​และ​อีก​ครึ่ง​หนึ่ง​เป็น​คน​ฉลาด ท่าน​หมาย​ความ​ว่า​คน​ที่​จะ​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​รัฐบาล​สวรรค์​สามารถ​เลือก​ได้​ว่า​จะ​เป็น​คน​ที่​เฝ้า​ระวัง​หรือ​คน​ที่​เขว​ไป​กับ​สิ่ง​อื่น แต่​พระ​เยซู​มั่น​ใจ​ว่า ทุก​คน​จะ​สามารถ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​และ​ได้​รับ​พร​จาก​พ่อ​ของ​ท่าน

      ใน​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ หญิง​สาว​บริสุทธิ์ 10 คน​ไป​รอ​ต้อนรับ​เจ้าบ่าว​และ​รอ​เข้า​งาน​แต่งงาน เมื่อ​เจ้าบ่าว​มา​ถึง พวก​เธอ​จะ​จุด​ตะเกียง​เพื่อ​เป็น​เกียรติ​กับ​เจ้าบ่าว​ตอน​ที่​เขา​พา​เจ้าสาว​มา​ที่​เรือน​หอ แต่​มี​บาง​อย่าง​เกิด​ขึ้น

      พระ​เยซู​อธิบาย​ว่า “พวก​หญิง​สาว​ที่​โง่​ถือ​ตะเกียง​ออก​ไป​แต่​ไม่​เอา​น้ำมัน​สำรอง​ไป​ด้วย ส่วน​พวก​หญิง​สาว​ที่​ฉลาด​เอา​น้ำมัน​สำรอง​ไป​พร้อม​กับ​ตะเกียง เมื่อ​เจ้าบ่าว​มา​ช้า พวก​เธอ​ทั้ง 10 คน​ก็​ง่วง​แล้ว​เผลอ​หลับ​ไป” (มัทธิว 25:3-5) เจ้าบ่าว​ไม่​ได้​มา​ตาม​เวลา​ที่​พวก​เธอ​คิด​และ​ดู​เหมือน​ว่า​มา​ช้า​มาก​จน​พวก​เธอ​หลับ​ไป อัครสาวก​คง​จำ​ได้​ว่า​พระ​เยซู​เคย​เล่า​เรื่อง “คน​ที่​มี​เชื้อ​เจ้า” ซึ่ง​เดิน​ทาง​ไป​แดน​ไกล “เพื่อ​จะ​รับ​ตำแหน่ง​กษัตริย์ แล้ว​จะ กลับ​มา”—ลูกา 19:11-15

      ใน​ตัว​อย่าง​นี้ พระ​เยซู​บอก​ว่า​เมื่อ​เจ้าบ่าว​มา​ถึง “ตอน​กลาง​ดึก มี​เสียง​คน​ตะโกน​ว่า ‘เจ้าบ่าว​มา​แล้ว รีบ​มา​ต้อนรับ​เร็ว!’” (มัทธิว 25:6) หญิง​สาว​บริสุทธิ์​เหล่า​นั้น​เตรียม​ตัว​และ​เฝ้า​ระวัง​อยู่​ไหม?

      ท่าน​บอก​ว่า “หญิง​สาว​บริสุทธิ์​ทุก​คน​ก็​ลุก​ขึ้น​เพื่อ​เตรียม​ตะเกียง​ให้​พร้อม หญิง​สาว​ที่​โง่​พูด​กับ​หญิง​สาว​ที่​ฉลาด​ว่า ‘แบ่ง​น้ำมัน​ให้​พวก​เรา​หน่อย​สิ เพราะ​ตะเกียง​ของ​พวก​เรา​จวน​จะ​ดับ​อยู่​แล้ว’ พวก​ที่​ฉลาด​ตอบ​ว่า ‘พวก​เรา​มี​น้ำมัน​ไม่​พอ​สำหรับ​ทุก​คน​หรอก ไป​หา​ซื้อ​จาก​คน​ขาย​น้ำมัน​เถอะ’”—มัทธิว 25:7-9

      หญิง​สาว​โง่ 5 คน​ไม่​ได้​เฝ้า​ระวัง​และ​ไม่​ได้​เตรียม​พร้อม​เมื่อ​เจ้าบ่าว​มา​ถึง พวก​เธอ​มี​น้ำมัน​ตะเกียง​ไม่​พอ​จึง​ต้อง​ไป​หา​ซื้อ​เพิ่ม พระ​เยซู​บอก​ว่า “แต่​ตอน​ที่​หญิง​สาว​ที่​โง่​ไป​ซื้อ​น้ำมัน​อยู่ เจ้าบ่าว​ก็​มา​ถึง หญิง​สาว​ที่​เตรียม​พร้อม​ก็​ได้​เข้า​ไป​ใน​งาน​แต่งงาน​กับ​เจ้าบ่าว แล้ว​ประตู​ก็​ปิด พอ​หญิง​สาว​ที่​โง่ 5 คน​นั้น​กลับ​มา​ก็​ร้อง​เรียก​ว่า ‘ท่าน​คะ ท่าน​คะ เปิด​ประตู​ให้​พวก​เรา​หน่อย​ค่ะ’ เจ้าบ่าว​ตอบ​ว่า ‘ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ผม​ไม่​รู้​จัก​พวก​คุณ​เลย’” (มัทธิว 25:10-12) เป็น​เรื่อง​น่า​เศร้า​จริง ๆ สำหรับ​คน​ที่​ไม่​เฝ้า​ระวัง​และ​ไม่​เตรียม​ตัว​ให้​พร้อม!

      อัครสาวก​เข้าใจ​ว่า​เจ้าบ่าว​หมาย​ถึง​พระ​เยซู เพราะ​ก่อน​หน้า​นี้​ท่าน​ก็​เคย​เปรียบ​ตัว​เอง​เป็น​เจ้าบ่าว (ลูกา 5:34, 35) แต่​หญิง​สาว​ที่​ฉลาด​คือ​ใคร? เมื่อ​พูด​ถึง “แกะ​ฝูง​เล็ก” ที่​จะ​ได้​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ใน​รัฐบาล​สวรรค์ พระ​เยซู​ใช้​คำ​ว่า “ให้​คุณ​แต่ง​ตัว​และ​เตรียม​พร้อม​ไว้ จุด​ตะเกียง​ให้​ส่อง​สว่าง​อยู่​เสมอ” (ลูกา 12:32, 35) ดัง​นั้น เมื่อ​ได้​ฟัง​ตัว​อย่าง​เรื่อง​หญิง​สาว​บริสุทธิ์ อัครสาวก​ก็​เข้าใจ​ได้​ว่า​พระ​เยซู​หมาย​ถึง​สาวก​ที่​ซื่อ​สัตย์ รวม​ทั้ง​พวก​เขา​ด้วย แต่​พระ​เยซู​กำลัง​จะ​สอน​เรื่อง​อะไร?

      พระ​เยซู​ไม่​ปล่อย​ให้​สาวก​สงสัย ท่าน​สรุป​ว่า “ให้​เฝ้า​ระวัง​อยู่​เสมอ เพราะ​คุณ​ไม่​รู้​ว่า​วัน​เวลา​นั้น​จะ​มา​ถึง​เมื่อไหร่”—มัทธิว 25:13

      พระ​เยซู​ให้​คำ​เตือน​นี้​กับ​ผู้​ติด​ตาม​ที่​ซื่อ​สัตย์​ซึ่ง​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ช่วง​การ​ประทับ พระ​เยซู​จะ​กลับ​มา​แน่นอน​และ​พวก​เขา​ต้อง​เป็น​เหมือน​หญิง​สาว​ฉลาด​ที่ “เฝ้า​ระวัง​อยู่​เสมอ” พวก​เขา​ควร​ตื่น​ตัว​และ​เตรียม​พร้อม​เพื่อ​จะ​ไม่​ไขว้เขว​ไป​จาก​ความ​หวัง​และ​ไม่​พลาด​รางวัล

      • เมื่อ​พูด​ถึง​การ​เฝ้า​ระวัง​และ​เตรียม​พร้อม หญิง​สาว​ที่​ฉลาด​ต่าง​จาก​หญิง​สาว​ที่​โง่​อย่าง​ไร?

      • เจ้าบ่าว​หมาย​ถึง​ใคร และ​หญิง​สาว​บริสุทธิ์​หมาย​ถึง​ใคร?

      • พระ​เยซู​ใช้​ตัว​อย่าง​นี้​เพื่อ​สอน​เรื่อง​อะไร?

  • สอนให้ขยัน
    พระเยซู—ทางนั้น ความจริง ชีวิต
    • ทาส​คน​หนึ่ง​เอา​ถุง​เงิน​ฝัง​ดิน​ไว้

      บท 113

      สอน​ให้​ขยัน

      มัทธิว 25:14-30

      • ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​เงิน​ตะลันต์

      ระหว่าง​ที่​อยู่​บน​ภูเขา​มะกอก​กับ​อัครสาวก 4 คน พระ​เยซู​เล่า​ตัว​อย่าง​อีก​เรื่อง​หนึ่ง ไม่​กี่​วัน​ก่อน​หน้า​นี้ ตอน​ที่​ยัง​อยู่​ใน​เยรีโค พระ​เยซู​เล่า​ตัว​อย่าง​เรื่อง​เงิน​มินา​เพื่อ​สอน​ว่า​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า​จะ​ไม่​ก่อ​ตั้ง​เร็ว ๆ นี้ เรื่อง​นี้​ก็​มี​ราย​ละเอียด​คล้าย​กัน และ​ยัง​เป็น​คำ​ตอบ​สำหรับ​เรื่อง​การ​ประทับ​ของ​ท่าน​และ​สมัย​สุด​ท้าย​ด้วย พระ​เยซู​เน้น​ว่า​สาวก​ต้อง​ทำ​งาน​ที่​ท่าน​มอบหมาย​อย่าง​ขยัน​ขันแข็ง

      พระ​เยซู​เล่า​ว่า “รัฐบาล​สวรรค์​ยัง​เปรียบ​เหมือน​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​กำลัง​จะ​เดิน​ทาง​ไป​ต่าง​ประเทศ ก่อน​จะ​ไป เขา​เรียก​ทาส​ของ​เขา​มา​หา​แล้ว​ฝาก​ทรัพย์​สิน​ให้​พวก​เขา​ดู​แล” (มัทธิว 25:14) พระ​เยซู​เคย​เปรียบ​ตัว​เอง​เป็น​คน​ที่​เดิน​ทาง​ไป​แดน​ไกล​เพื่อ “รับ​ตำแหน่ง​กษัตริย์” อัครสาวก​จึง​เข้าใจ​ได้​ว่า “ผู้​ชาย” ใน​ตัว​อย่าง​นี้​ก็​หมาย​ถึง​พระ​เยซู—ลูกา 19:12

      ก่อน​จะ​เดิน​ทาง เขา​ฝาก​ทรัพย์​สิน​ให้​ทาส​ดู​แล ตลอด 3 ปี​ครึ่ง​ที่​พระ​เยซู​ทำ​งาน​รับใช้ ท่าน​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า​และ​สอน​สาวก​ให้​ทำ​เหมือน​กัน ตอน​นี้​พระ​เยซู​จะ​ไม่​อยู่​กับ​พวก​เขา​แล้ว แต่​ท่าน​มั่น​ใจ​ว่า​พวก​เขา​จะ​ทำ​งาน​นี้​ต่อ​ไป—มัทธิว 10:7; ลูกา 10:1, 8, 9; เทียบ​กับ​ยอห์น 4:38; 14:12

      ใน​ตัว​อย่าง ผู้​ชาย​คน​นี้​แบ่ง​ทรัพย์​สิน​อย่าง​ไร? พระ​เยซู​บอก​ว่า “เขา​ให้​เงิน​กับ​ทาส​คน​หนึ่ง 5 ตะลันต์ อีก​คน​หนึ่ง 2 ตะลันต์ และ​คน​สุด​ท้าย 1 ตะลันต์ เขา​แบ่ง​ให้​ตาม​ความ​สามารถ​ของ​ทาส​แต่​ละ​คน แล้ว​เขา​ก็​ออก​เดิน​ทาง” (มัทธิว 25:15) ทาส​จะ​เอา​ทรัพย์​สิน​ที่​นาย​ฝาก​ไว้​ไป​ทำ​อะไร? พวก​เขา​จะ​ขยัน​ทำ​งาน​เพื่อ​ผล​ประโยชน์​ของ​นาย​ไหม? พระ​เยซู​บอก​อัครสาวก​ว่า

      “ทาส​ที่​ได้​รับ 5 ตะลันต์​เอา​เงิน​นั้น​ไป​ค้า​ขาย​ทันที​แล้ว​ได้​กำไร 5 ตะลันต์ ทาส​ที่​ได้​รับ 2 ตะลันต์​ก็​เอา​เงิน​ไป​ค้า​ขาย​เหมือน​กัน​และ​ได้​กำไร 2 ตะลันต์ แต่​ทาส​ที่​ได้​รับ​ตะลันต์​เดียว​กลับ​เอา​เงิน​ของ​นาย​ไป​ฝัง​ดิน​ไว้” (มัทธิว 25:16-18) เกิด​อะไร​ขึ้น​ตอน​ที่​นาย​ของ​พวก​เขา​กลับ​มา?

      พระ​เยซู​เล่า​ว่า “หลัง​จาก​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน นาย​ก็​กลับ​มา​และ​เรียก​พวก​ทาส​มา​ถาม​ว่า​เอา​เงิน​ไป​ทำ​อะไร​กัน​บ้าง” (มัทธิว 25:19) ทาส 2 คน​แรก​ทำ​ทุก​อย่าง​ที่​ทำ​ได้ ‘ตาม​ความ​สามารถ​ของ​แต่​ละ​คน’ ทั้ง​คู่​ขยัน​ทำ​งาน​และ​ช่วย​ให้​ทรัพย์​สิน​ของ​นาย​เพิ่ม​พูน​ขึ้น ทั้ง​คน​ที่​ได้​รับ 5 ตะลันต์​และ 2 ตะลันต์​ทำ​กำไร​เพิ่ม​อีก​เท่า​ตัว (ใน​สมัย​นั้น คน​งาน​ต้อง​ทำ​งาน​ประมาณ 19 ปี​ถึง​จะ​ได้​รับ​ค่า​จ้าง 1 ตะลันต์) แล้ว​นาย​ก็​ชม​เขา​ทั้ง 2 คน​ว่า “ดี​มาก คุณ​เป็น​ทาส​ที่​ดี​และ​ซื่อ​สัตย์ คุณ​ดู​แล​ของ​เล็ก​น้อย​ที่​ผม​ฝาก​ไว้​อย่าง​ซื่อ​สัตย์ ผม​จะ​ตั้ง​คุณ​ให้​ดู​แล​ของ​มาก​ขึ้น​อีก มา​ร่วม​ยินดี​ด้วย​กัน​กับ​ผม​เถอะ”—มัทธิว 25:21

      1. ทาส​คน​หนึ่ง​เอา​ถุง​เงิน​ฝัง​ดิน​ไว้ 2. ทาส​คน​เดียว​กัน​นั้น​ถูก​โยน​ออก​ไป​ที่​มืด​ข้าง​นอก

      แต่​ทาส​อีก​คน​ที่​ได้​รับ 1 ตะลันต์​กลับ​พูด​ว่า “นาย​ท่าน ผม​รู้​ว่า​ท่าน​เป็น​คน​ชอบ​เรียก​ร้อง​จาก​คน​อื่น ท่าน​เก็บ​เกี่ยว​สิ่ง​ที่​ท่าน​ไม่​ได้​หว่าน​และ​เก็บ​รวบ​รวม​สิ่ง​ที่​ท่าน​ไม่​ได้​ลง​ทุน​ลง​แรง ผม​ก็​เลย​กลัว และ​เอา​เงิน​ของ​ท่าน​ไป​ฝัง​ดิน​ไว้ นี่​ไง​ครับ​เงิน​ของ​ท่าน” (มัทธิว 25:24, 25) เขา​ไม่​ได้​เอา​เงิน​ไป​ฝาก​ธนาคาร​เพื่อ​จะ​ได้​ดอกเบี้ย​ด้วย​ซ้ำ นั่น​เท่า​กับ​ว่า​เขา​ทำ​ให้​นาย​เสีย​ผล​ประโยชน์

      ดัง​นั้น เหมาะ​สม​แล้ว​ที่​นาย​จะ​เรียก​เขา​ว่า “ทาส​ชั่ว​และ​ขี้​เกียจ” นาย​ยึด​เงิน 1 ตะลันต์​ของ​เขา​ไป​ให้​ทาส​ที่​ขยัน​ทำ​งาน แล้ว​อธิบาย​ว่า “ทุก​คน​ที่​มี​อยู่​แล้ว​จะ​ได้​รับ​มาก​ขึ้น​และ​เขา​จะ​มี​อย่าง​เหลือ​เฟือ แต่​คน​ที่​ไม่​มี แม้​แต่​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่​ไม่​มาก​ก็​จะ​ถูก​เอา​ไป”—มัทธิว 25:26, 29

      สาวก​ของ​พระ​เยซู​ทำ​งาน​ประกาศ

      สาวก​ของ​พระ​เยซู​มี​หลาย​เรื่อง​ให้​คิด รวม​ทั้ง​จุด​สำคัญ​ใน​ตัว​อย่าง​นี้​ด้วย พวก​เขา​เข้าใจ​ว่า​งาน​ที่​พระ​เยซู​มอบหมาย ซึ่ง​ก็​คือ​งาน​สอน​คน​ให้​เป็น​สาวก เป็น​สิ่ง​ที่​มี​ค่า​มาก และ​ท่าน​อยาก​ให้​พวก​เขา​ขยัน​ทำ​งาน​ที่​มี​เกียรติ​นี้ พระ​เยซู​ไม่​ได้​คิด​ว่า​ทุก​คน​ต้อง​ทำ​งาน​เท่า​กัน เพราะ​จาก​ตัว​อย่าง แต่​ละ​คน​ควร​ทำ “ตาม​ความ​สามารถ” แต่​ถ้า​ใคร “ขี้​เกียจ” และ​ไม่​ยอม​ทำ​สุด​ความ​สามารถ​เพื่อ​ส่ง​เสริม​ผล​ประโยชน์​ของ​นาย พระ​เยซู​ก็​จะ​ไม่​ยอม​รับ

      อัครสาวก​ต้อง​ดีใจ​มาก​แน่ ๆ เมื่อ​พระ​เยซู​รับรอง​ว่า “ทุก​คน​ที่​มี​อยู่​แล้ว​จะ​ได้​รับ​มาก​ขึ้น”

      • จาก​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​เงิน​ตะลันต์ ใคร​คือ​นาย และ​ใคร​คือ​ทาส?

      • พระ​เยซู​สอน​บทเรียน​อะไร​ให้​สาวก?

  • พระคริสต์ได้รับอำนาจให้แยกแกะออกจากแพะ
    พระเยซู—ทางนั้น ความจริง ชีวิต
    • ผู้​คน​ทุก​ชาติ​แหงน​หน้า​มอง​ไป​บน​ฟ้า​ขณะ​ที่​รอ​พระ​เยซู​พิพากษา

      บท 114

      พระ​คริสต์​ได้​รับ​อำนาจ​ให้​แยก​แกะ​ออก​จาก​แพะ

      มัทธิว 25:31-46

      • ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​แกะ​กับ​แพะ

      พระ​เยซู​กับ​อัครสาวก 4 คน​ยัง​อยู่​บน​ภูเขา​มะกอก ท่าน​เพิ่ง​เล่า​ตัว​อย่าง​เรื่อง​หญิง​สาว​บริสุทธิ์ 10 คน​และ​เรื่อง​เงิน​ตะลันต์ เพื่อ​ตอบ​คำ​ถาม​เรื่อง​สัญญาณ​การ​ประทับ​และ​สัญญาณ​ของ​สมัย​สุด​ท้าย แล้ว​ท่าน​ก็​เล่า​ตัว​อย่าง​สุด​ท้าย​เรื่อง​แกะ​กับ​แพะ

      พระ​เยซู​เริ่ม​พูด​ถึง​ฉาก​เหตุ​การณ์​ที่​ว่า “เมื่อ ‘ลูก​มนุษย์’ มา​ใน​ฐานะ​ผู้​มี​อำนาจ​พร้อม​กับ​ทูตสวรรค์​ทั้ง​หมด ท่าน​จะ​นั่ง​บน​บัลลังก์​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​ท่าน” (มัทธิว 25:31) ตัว​หลัก​ใน​เรื่อง​นี้​ก็​คือ​พระ​เยซู เพราะ​ท่าน​เรียก​ตัว​เอง​บ่อย ๆ ว่า “ลูก​มนุษย์”—มัทธิว 8:20; 9:6; 20:18, 28

      พระ​เยซู​นั่ง​บน​บัลลังก์​ที่​มี​รัศมี​เจิดจ้า​และ​พิพากษา​คน​ที่​ซื่อ​สัตย์​ว่า​เป็น​แกะ

      เรื่อง​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​เมื่อ​ไร? เมื่อ​พระ​เยซู “มา​ใน​ฐานะ​ผู้​มี​อำนาจ” พร้อม​กับ​ทูตสวรรค์​และ​นั่ง​ลง “บน​บัลลังก์​อัน​ยิ่ง​ใหญ่” พระ​เยซู​เคย​พูด​ถึง​ตอน​ที่ “‘ลูก​มนุษย์’ มา​บน​เมฆ​ใน​ท้องฟ้า​ด้วย​อำนาจ​และ​รัศมี​แรง​กล้า” พร้อม​กับ​ทูตสวรรค์​ของ​ท่าน เวลา​นั้น​คือ​เมื่อ​ไร? “ทันที​หลัง​จาก​ความ​ทุกข์​ยาก​ลำบาก” (มัทธิว 24:29-31; มาระโก 13:26, 27; ลูกา 21:27) ดัง​นั้น ตัว​อย่าง​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​จริง​เมื่อ​พระ​เยซู​มา​ใน​ฐานะ​ผู้​มี​อำนาจ ตอน​นั้น​ท่าน​จะ​ทำ​อะไร?

      พระ​เยซู​อธิบาย​ว่า “เมื่อ ‘ลูก​มนุษย์’ มา . . . คน​ทุก​ชาติ​จะ​ถูก​รวบ​รวม​มา​อยู่​ต่อ​หน้า​ท่าน และ​ท่าน​จะ​แยก​ผู้​คน​ออก​จาก​กัน เหมือน​ผู้​เลี้ยง​แกะ​แยก​แกะ​ออก​จาก​แพะ แล้ว​ท่าน​จะ​ให้​แกะ​อยู่​ข้าง​ขวา​ของ​ท่าน แต่​ให้​แพะ​อยู่​ข้าง​ซ้าย”—มัทธิว 25:31-33

      พระ​เยซู​พูด​ถึง​แกะ​ที่​ถูก​แยก​มา​อยู่​ข้าง​ขวา ซึ่ง​เป็น​ข้าง​ที่​กษัตริย์​พอ​ใจ ท่าน​พูด​ว่า “แล้ว​กษัตริย์​จะ​พูด​กับ​คน​ที่​อยู่​ข้าง​ขวา​ว่า ‘มา​สิ พวก​คุณ​ที่​ได้​รับ​พร​จาก​พ่อ​ของ​ผม มา​รับ​ประโยชน์​จาก​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า​ที่​เตรียม​ไว้​ให้​พวก​คุณ​ตั้ง​แต่​เริ่ม​มี​โลก​นี้’” (มัทธิว 25:34) แต่​ทำไม​แกะ​ถึง​ได้​พร​จาก​กษัตริย์?

      กษัตริย์​อธิบาย​ว่า “เมื่อ​ผม​หิว คุณ​ก็​ให้​ผม​กิน เมื่อ​ผม​กระหาย​น้ำ คุณ​ก็​ให้​ผม​ดื่ม ตอน​ที่​ผม​เป็น​แขก​แปลก​หน้า คุณ​ก็​มี​น้ำใจ​ต้อนรับ​ผม​เข้า​บ้าน ผม​ไม่​มี​เสื้อ​ผ้า​ใส่ คุณ​ก็​หา​เสื้อ​ผ้า​มา​ให้ ตอน​ผม​ป่วย คุณ​ก็​ดู​แล เมื่อ​ผม​ติด​คุก คุณ​ก็​มา​เยี่ยม” เมื่อ​แกะ​หรือ “คน​ที่​เชื่อ​ฟัง​พระเจ้า” ถาม​ท่าน​ว่า​พวก​เขา​ทำ​ความ​ดี​อย่าง​นั้น​ตอน​ไหน ท่าน​ตอบ​ว่า “ที่​พวก​คุณ​ได้​ทำ​อย่าง​นั้น​กับ​พี่​น้อง​ของ​ผม​แม้​แต่​คน​ที่​ดู​ต่ำต้อย​ที่​สุด ก็​เหมือน​พวก​คุณ​ได้​ทำ​กับ​ผม​ด้วย” (มัทธิว 25:35, 36, 40, 46) พระ​เยซู​ไม่​ได้​บอก​ว่า​พวก​เขา​ทำ​ความ​ดี​เหล่า​นี้​ใน​สวรรค์ เพราะ​ที่​นั่น​ไม่​มี​ความ​หิว​โหย​และ​ความ​เจ็บ​ป่วย แต่​ท่าน​พูด​ถึง​ความ​ดี​ที่​พวก​เขา​ทำ​เพื่อ​พี่​น้อง​ของ​ท่าน​ที่​อยู่​บน​โลก

      คน​ที่​ไม่​ซื่อ​สัตย์​ถูก​พิพากษา​ว่า​เป็น​แพะ

      แล้ว​พวก​แพะ​ที่​ถูก​แยก​ไป​อยู่​ข้าง​ซ้าย​ล่ะ? พระ​เยซู​บอก​ว่า “แล้ว​กษัตริย์​จะ​พูด​กับ​พวก​ที่​อยู่​ข้าง​ซ้าย​ว่า ‘พวก​คน​ที่​ถูก​สาป​แช่ง ไป​ให้​พ้น เข้า​ไป​ใน​ไฟ​ที่​ไม่​มี​วัน​ดับ​ซึ่ง​เตรียม​ไว้​สำหรับ​มาร​และ​ทูตสวรรค์​ที่​อยู่​ฝ่าย​มัน เพราะ​เมื่อ​ผม​หิว คุณ​ก็​ไม่​ให้​อะไร​ผม​กิน และ​เมื่อ​ผม​กระหาย​น้ำ คุณ​ก็​ไม่​ให้​อะไร​ผม​ดื่ม เมื่อ​ผม​เป็น​แขก​แปลก​หน้า คุณ​ก็​ไม่​มี​น้ำใจ​ต้อนรับ ตอน​ผม​ไม่​มี​เสื้อ​ผ้า​ใส่ คุณ​ก็​ไม่​หา​เสื้อ​ผ้า​มา​ให้ ตอน​ที่​ผม​ป่วย​และ​ติด​คุก คุณ​ก็​ไม่​ได้​ดู​แล’” (มัทธิว 25:41-43) นี่​เป็น​การ​พิพากษา​ที่​แพะ​สม​ควร​ได้​รับ เพราะ​พวก​เขา​ไม่​ได้​ทำ​ดี​กับ​พี่​น้อง​ของ​พระ​คริสต์​บน​โลก​อย่าง​ที่​ควร​ทำ

      อัครสาวก​ได้​เรียน​ว่า​การ​พิพากษา​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​ใน​อนาคต​ถือ​เป็น​ที่​สิ้น​สุด คำ​ตัดสิน​จะ​ไม่​เปลี่ยน​แปลง พระ​เยซู​บอก​สาวก​ว่า “แล้ว [กษัตริย์] จะ [พูด​ว่า] ‘ที่​พวก​คุณ​ไม่​ได้​ทำ​อย่าง​นั้น​กับ​พี่​น้อง​ของ​ผม​แม้​แต่​คน​ที่​ดู​ต่ำต้อย​ที่​สุด ก็​เหมือน​พวก​คุณ​ไม่​ได้​ทำ​กับ​ผม​ด้วย’ และ​คน​พวก​นี้​จะ​ถูก​ทำลาย​ตลอด​ไป แต่​คน​ที่​เชื่อ​ฟัง​พระเจ้า​จะ​ได้​ชีวิต​ตลอด​ไป”—มัทธิว 25:45, 46

      อัครสาวก​คง​ต้อง​เก็บ​คำ​ตอบ​ของ​พระ​เยซู​ไป​คิด​ทบทวน​อย่าง​ดี เพื่อ​จะ​รู้​ว่า​พวก​เขา​ควร​คิด​และ​ควร​ทำ​อะไร

      • ใน​ตัว​อย่าง​เปรียบ​เทียบ​เรื่อง​แกะ​กับ​แพะ ใคร​คือ “กษัตริย์”? และ​เหตุ​การณ์​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​จริง​เมื่อ​ไร?

      • ทำไม​แกะ​ถึง​ได้​พร​จาก​กษัตริย์?

      • ทำไม​บาง​คน​ถูก​ตัดสิน​ว่า​เป็น​แพะ และ​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​แกะ​และ​แพะ?

หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
ออกจากระบบ
เข้าสู่ระบบ
  • ไทย
  • แชร์
  • การตั้งค่า
  • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
  • เงื่อนไขการใช้งาน
  • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
  • JW.ORG
  • เข้าสู่ระบบ
แชร์