-
การทะเลาะกันในบ้านเกิดขึ้นได้อย่างไร?ตื่นเถิด! 2015 | ธันวาคม
-
-
จากปก | ครอบครัวที่รักและเข้าใจกัน
การทะเลาะกันในบ้านเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ซาราห์aจากประเทศกานาซึ่งแต่งงานกับเจคอบมา 17 ปีแล้วยอมรับว่า “เรามักจะทะเลาะกันเรื่องเงิน” เธอเล่าว่า “ที่ฉันรู้สึกโมโหก็เพราะฉันทำอะไร ๆ ตั้งหลายอย่างเพื่อครอบครัว แต่เจคอบไม่เคยบอกฉันสักคำว่าสถานะทางการเงินของเราเป็นยังไงบ้าง เราไม่พูดกันเป็นอาทิตย์ ๆ เลย”
เจคอบที่เป็นสามีบอกว่า “หลายครั้งเราเถียงกันอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่แล้วก็แค่เข้าใจผิด หรือเพราะเราไม่ค่อยได้ปรึกษาหารือกันเท่าไร และหลายครั้งแค่เรื่องนิดเดียวเราก็ทะเลาะกันยกใหญ่”
นาธานอยู่ในประเทศอินเดียและเขาก็เพิ่งแต่งงาน เขาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นวันหนึ่งตอนที่พ่อตาตะคอกใส่แม่ยาย นาธานบอกว่า “แม่โกรธมากแล้วก็ออกไปจากบ้าน พอผมถามว่า ทำไมพ่อต้องตะคอกใส่แม่ด้วย พ่อก็รู้สึกว่าผมซึ่งเป็นลูกเขยกำลังหยามศักดิ์ศรีท่าน แล้วพ่อก็ตะคอกใส่เราทุกคนเลย”
บางทีคุณก็คงได้สังเกตเหมือนกันว่า คำพูดไม่เข้าหูหรือไม่ถูกกาลเทศะอาจทำให้คนในบ้านทะเลาะกันได้ และจากที่คุยกันดี ๆ ในตอนแรกก็อาจกลายเป็นการทะเลาะถกเถียงกันใหญ่โต ที่จริง ไม่มีใครสักคนที่ไม่เคยพูดอะไรผิดเลย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่เราจะเข้าใจผิดหรือแปลเจตนาผิดเมื่อได้ยินคำพูดอะไรบางอย่าง แต่ที่จะอยู่อย่างสันติและปรองดองกันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
คุณอาจทำอะไรได้บ้างเมื่อต่างฝ่ายต่างก็โกรธจนระเบิดอารมณ์ใส่กัน? มีขั้นตอนอะไรที่อาจทำได้เพื่อให้ครอบครัวของคุณกลับมามีบรรยากาศที่สงบสุขอีกครั้ง? แต่ละครอบครัวจะทำให้บ้านยังเป็นบ้านที่มีความรักและความเข้าใจกันได้อย่างไร? ให้เรามาดูคำตอบในเรื่องถัดไป
a บางชื่อในบทความชุดนี้เป็นชื่อสมมุติ
-
-
จะเลิกทะเลาะกันได้อย่างไร?ตื่นเถิด! 2015 | ธันวาคม
-
-
จากปก | ครอบครัวที่รักและเข้าใจกัน
จะเลิกทะเลาะกันได้อย่างไร?
ถ้าครอบครัวคุณดูเหมือนมีเรื่องทะเลาะกันได้ไม่เว้นแต่ละวัน คุณจะทำอย่างไร? คุณอาจทะเลาะกันถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น บางทีคุณอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเริ่มขึ้นได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่คุณต่างก็รักกันและไม่อยากทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บ
สิ่งสำคัญที่ควรจำไว้ก็คือ ความคิดเห็นที่แตกต่างไม่ได้หมายความว่าชีวิตครอบครัวของคุณจะต้องแตกแยก ดังนั้น การเห็นต่างจึงไม่ใช่ปัญหา แต่บรรยากาศในบ้านจะร่มเย็นหรือร้อนเหมือนไฟก็ขึ้นอยู่กับวิธีจัดการกับความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ให้เรามาดูวิธีต่าง ๆ ที่อาจช่วยให้คุณเลิกทะเลาะกัน
1. เลิกตอบโต้
อย่างน้อยต้องมีสองฝ่ายจึงจะทะเลาะกันได้ แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งยอมฟังแทนที่จะพูด การขึ้นเสียงตอบโต้กันก็อาจลดลงได้ ดังนั้น เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังโกรธ คุณต้องระวังที่จะไม่ตอบโต้ และถ้าคุณสามารถควบคุมอารมณ์ได้ คุณก็จะมีความนับถือตัวเองและไม่รู้สึกเสียเกียรติ ขอให้จำไว้ว่า ความสงบสุขของครอบครัวสำคัญยิ่งกว่าการเป็นผู้ชนะในสงครามน้ำลาย
“ที่ไหนไม่มีฟืนไฟก็ดับ และที่ไหนที่ไม่มีคนปากบอนการทะเลาะวิวาทก็หมดไป”—สุภาษิต 26:20
2. เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนในครอบครัว
การฟังอย่างตั้งใจและพยายามเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนในครอบครัวโดยไม่พูดตัดบทหรือด่วนตัดสิน อาจทำให้อีกฝ่ายหายโกรธแล้วหันมาพูดคุยกันดี ๆ และแทนที่จะหาว่าเขามีเจตนาไม่ดี ให้คิดถึงอารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่ง อย่าแปลคำพูดหรือการกระทำที่อาจเกิดจากความไม่สมบูรณ์ไปในทางลบ คำพูดเหน็บแนมของเขาอาจเกิดจากการพูดแบบไม่คิด หรือพูดเพราะความเจ็บใจมากกว่าที่จะจงใจให้คุณเจ็บ
“จงสวมความปรานี ความกรุณา ความถ่อมใจ ความอ่อนโยน และความอดกลั้นไว้นาน”—โกโลซาย 3:12
3. ปลีกตัวออกไปแล้วรอให้ใจเย็นลงก่อน
ถ้าคุณเริ่มอารมณ์เสีย ก็ดีกว่าที่จะขอตัวออกไปสงบใจก่อน คุณอาจไปอยู่อีกห้องหนึ่ง หรือไปเดินเล่นสักพักจนคุณรู้สึกดีขึ้นแล้วค่อยกลับมา การทำแบบนี้ไม่ใช่การปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้ ซึ่งก็คือการไม่ให้ความร่วมมือหรือเดินหนีปัญหา และไม่ใช่การใช้ความเงียบเป็นอาวุธ แต่การปลีกตัวออกไปอาจเป็นโอกาสดีที่คุณจะอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยคุณให้มีความอดทน มีความเข้าใจ และมองออกว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
“จงเลิกการโต้เถียงกัน [“เดินหนี,” ล.ม.] เสียก่อนที่จะเกิดการทะเลาะวิวาท”—สุภาษิต 17:14
4. คิดให้ดีก่อนว่าจะพูดอะไรและพูดอย่างไร
เรื่องมันจะไม่ดีขึ้นแน่ถ้าคุณมัวแต่คิดจะหาคำพูดเจ็บ ๆ มาตอบโต้อีกฝ่ายหนึ่ง แทนที่จะทำอย่างนั้น ให้พยายามพูดแต่สิ่งดี ๆ ที่จะช่วยปลอบคนที่คุณรักให้หายอารมณ์เสีย และแทนที่คุณจะเป็นฝ่ายบอกว่าเขาน่าจะรู้สึกอย่างไร คุณควรขอให้เขาอธิบายความรู้สึกของเขา แล้วก็ขอบคุณเขาที่ช่วยให้คุณเข้าใจเขามากขึ้น
“คำพูดพล่อย ๆ ของคนบางจำพวกเหมือนการแทงของกระบี่ แต่ลิ้นของคนมีปัญญาย่อมรักษาแผลให้หาย”—สุภาษิต 12:18
5. พูดเบาลงและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ความใจร้อนของสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวอาจพลอยทำให้คนอื่น ๆ อารมณ์เสียด้วย ระวังที่จะไม่พูดประชดประชัน ด่าทอ หรือตะเบ็งเสียงไม่ว่าคุณจะรู้สึกโกรธมากแค่ไหน อย่ากล่าวหาอีกฝ่ายด้วยคำพูดที่เสียดแทงใจ เช่น “คุณไม่เคยสนใจผมเลย” หรือ “คุณไม่เคยฟังฉันเลย” แต่คุณอาจบอกคู่ของคุณอย่างใจเย็น ๆ ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เขาทำ (“ฉันรู้สึกเจ็บที่คุณ . . . ”) ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรที่จะเอามาอ้างได้สำหรับการผลัก การตบ การเตะ หรือการใช้ความรุนแรงแบบอื่น ๆ รวมทั้งการเรียกกันด้วยถ้อยคำหยาบคาย คำพูดเหยียดหยาม หรือการข่มขู่
“ให้ท่านทั้งหลายขจัดความขุ่นแค้น ความโกรธ การเดือดดาล การตวาด และการพูดหยาบหยามออกไปเสียให้หมดพร้อมกับการชั่วทั้งปวง”—เอเฟโซส์ 4:31
6. รีบขอโทษและปรับความเข้าใจกัน
อย่าปล่อยให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวทำให้คุณมองข้ามเป้าหมายสำคัญของคุณ ซึ่งก็คือการคืนดีกัน ขอจำไว้เสมอว่าถ้าคุณทะเลาะกัน คุณทั้งคู่ก็มีแต่เสียกับเสีย แต่ถ้าคุณคืนดีกันได้ คุณก็ชนะด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้น ความรับผิดชอบในการจัดการกับข้อบาดหมางจึงอยู่ที่คุณครึ่งหนึ่ง แม้จะแน่ใจว่าตัวเองไม่ผิด คุณก็ขอโทษได้ที่แสดงอาการหงุดหงิดออกไป ที่ตอบโต้ไปแบบนั้น หรือทำให้อีกฝ่ายหนึ่งโกรธโดยที่คุณไม่ตั้งใจ ความรักความเข้าใจกันสำคัญยิ่งกว่าความหยิ่งในศักดิ์ศรีและการเป็นผู้ชนะ และถ้าอีกฝ่ายเอ่ยปากขอโทษ ก็ควรรีบให้อภัยเขา
“จงรีบไปวิงวอนขอต่อเพื่อนบ้านของเจ้า”—สุภาษิต 6:3
พอเลิกทะเลาะกันแล้ว คุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ครอบครัวกลับมามีบรรยากาศที่รักและเข้าใจกัน? หน้าถัดไปจะพูดถึงหัวเรื่องนี้
-
-
ทำอย่างไรให้ครอบครัวรักและเข้าใจกัน?ตื่นเถิด! 2015 | ธันวาคม
-
-
จากปก | ครอบครัวที่รักและเข้าใจกัน
ทำอย่างไรให้ครอบครัวรักและเข้าใจกัน?
คุณคิดว่าคัมภีร์ไบเบิลจะช่วยทำให้ครอบครัวรักและเข้าใจกันได้ไหม? เชิญเปรียบเทียบคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลกับคำให้สัมภาษณ์ของคนที่ได้ประโยชน์จากการนำคำแนะนำเหล่านั้นมาใช้ แล้วดูว่ามีจุดไหนบ้างที่อาจช่วยให้ครอบครัวมีความสงบสุข ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง และรักกันตลอดไป
คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยให้มีสันติสุข
มองกันในแง่ดี
“ไม่ทำอะไรด้วยน้ำใจชิงดีชิงเด่นหรือด้วยความถือดี แต่ให้ถ่อมใจถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว ไม่ห่วงแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น แต่ห่วงเรื่องของคนอื่นด้วย”—ฟิลิปปอย 2:3, 4
“เรารู้สึกว่าดีจริง ๆ ที่จะมองว่าคู่ของเราสำคัญกว่าตัวเราเองและคนอื่น ๆ”—ซี. พี. แต่งงานมา 19 ปี
ตั้งใจฟังและเปิดใจให้กว้าง
“จงเตือนพวกเขาต่อ ๆ ไป . . . อย่าเป็นคนชอบทะเลาะวิวาท ให้มีเหตุผล แสดงความอ่อนโยนต่อทุกคนให้มาก ๆ”—ทิทุส 3:1, 2
“ส่วนมากแล้วความตึงเครียดอาจหลีกเลี่ยงได้ถ้าเราไม่ขึ้นเสียงตอบโต้คู่ของเรา เคล็ดลับก็คือตั้งใจฟังแบบไม่มีอคติ และไม่ดูถูกความคิดเห็นของเขา แม้ว่าเราอาจไม่เห็นด้วยก็ตาม”—พี. พี. แต่งงานมา 20 ปี
อดทนและอ่อนโยน
“จงอดทนแล้วจะชนะใจเจ้านายได้ ลิ้นที่อ่อนโยนสามารถบดขยี้กระดูกได้”—สุภาษิต 25:15, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
“เป็นเรื่องปกติที่เราคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่มันจะลุกลามใหญ่โตหรือไม่ก็อยู่ที่ท่าทีที่เราแสดงต่อกัน ที่จริง เราต้องอดทน และเมื่อเราทำได้ ผลดีก็จะตามมา”—จี. เอ. แต่งงานมา 27 ปี
อย่าใช้คำหยาบคายหรือทำร้ายร่างกาย
“ทิ้งทุกสิ่งเหล่านี้เสีย คือการเดือดดาล ความโกรธ การชั่ว การพูดหยาบหยาม และอย่าให้มีคำพูดหยาบโลนออกมาจากปากท่านทั้งหลาย”—โกโลซาย 3:8
“สามีฉันควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก ๆ เขามักจะใจเย็นและไม่เคยตะคอกใส่ฉัน หรือด่าว่าฉันเลย”—บี. ดี. แต่งงานมา 20 ปี
เต็มใจให้อภัยและรีบคืนดี
“จงทนกันและกันเรื่อยไปและให้อภัยกันอย่างใจกว้างถ้าใครมีเหตุจะบ่นว่าผู้อื่น”—โกโลซาย 3:13
“เวลาเครียด ๆ มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะใจเย็น แล้วตอนนั้นคุณก็อาจเผลอพูดหรือทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คู่ของคุณเจ็บใจ และหลายครั้งที่เป็นแบบนั้น การให้อภัยกันจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ชีวิตสมรสที่หวานชื่นจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยถ้าไม่รู้จักให้อภัยกัน”—เอ. บี. แต่งงานมา 34 ปี
รู้จักให้กันไปให้กันมา
“จงให้แก่ผู้อื่นแล้วผู้อื่นจะให้แก่เจ้า . . . เพราะเจ้าตวงให้เขาอย่างไร เขาจะตวงให้เจ้าอย่างนั้น”—ลูกา 6:38
“สามีฉันช่างรู้ใจไปซะทุกอย่าง เขามักจะมีอะไรดี ๆ มาทำให้ฉันแปลกใจอยู่เรื่อย แล้วฉันก็มักจะคิดว่า ‘ฉันจะทำยังไงเพื่อให้เขามีความสุข?’ พอเป็นแบบนี้ เราก็เลยมีเรื่องที่ทำให้หัวเราะได้ตลอด และเราก็ยังทำอย่างนั้นมาจนถึงทุกวันนี้”—เอช. เค. แต่งงานมา 44 ปี
อย่าเลิกล้มความตั้งใจที่จะทำให้บ้านสงบสุข
ตื่นเถิด! ได้สัมภาษณ์เพียงไม่กี่ครอบครัวจากหลายล้านครอบครัวทั่วโลก ซึ่งได้นำคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลมาใช้เพื่อสร้างนิสัยที่จะช่วยให้เกิดความสงบสุขในบ้านa และแม้แต่ในครอบครัวที่ดูเหมือนมีบางคนไม่ยอมให้ความร่วมมือ พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะพยายามสร้างบรรยากาศในบ้านให้สงบสุข เพราะคัมภีร์ไบเบิลสัญญาว่า “ผู้ที่ส่งเสริมความสงบสุข มีแต่ความยินดี”—สุภาษิต 12:20, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
a สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข โปรดดูบท 14 ของหนังสือคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริงๆ? จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา และมีให้ดาวน์โหลดได้ที่ www.pr418.com/th ดูหัวข้อ คำสอนของคัมภีร์ไบเบิล > คำแนะนำสำหรับครอบครัว
-