บท 4
แบบไหนถึงเรียกว่าเกินเลย?
จริงหรือไม่จริง . . .
สองคนที่เป็นแฟนกัน ถ้าถูกเนื้อต้องตัวกันถือว่าผิดหมดไม่ว่าจะเป็นกรณีใด.
□ จริง
□ ไม่จริง
แม้สองคนไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน เขาก็ผิดประเวณีได้.
□ จริง
□ ไม่จริง
ถ้าเป็นแฟนกันแต่ไม่ได้กอดจูบลูบคลำแสดงว่าไม่ได้รักกันจริง ๆ.
□ จริง
□ ไม่จริง
คุณคงสงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน. ถ้าคุณกำลังมีแฟน คุณคงยิ่งอยากรู้ว่าจะแสดงความรักต่อกันได้ถึงขนาดไหน. ให้เรามาพิจารณาสามประโยคข้างบนและดูว่าพระคำของพระเจ้าจะช่วยเราให้รู้ได้อย่างไรว่า “แบบไหนถึงเรียกว่าเกินเลย?”
● สองคนที่เป็นแฟนกัน ถ้าถูกเนื้อต้องตัวกันถือว่าผิดหมดไม่ว่าจะเป็นกรณีใด.
ไม่จริง. คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้ตำหนิการแสดงความรักอย่างเหมาะสม เช่น พระคัมภีร์พูดถึงเรื่องราวของหญิงสาวชูลามิทกับหนุ่มเลี้ยงแกะที่รักกัน. ในช่วงที่ทั้งสองคบกันก่อนแต่งงาน พวกเขาแสดงความรักต่อกันด้วยการถูกเนื้อต้องตัวกันบ้าง ซึ่งไม่ถือว่าผิด. (เพลงไพเราะ 1:2; 2:6; 8:5) เช่นกัน ในทุกวันนี้บางคู่ที่ตั้งใจจะแต่งงานกันอาจคิดว่า การแสดงความรักด้วยการถูกเนื้อต้องตัวกันบ้างก็ไม่ผิด.a
แต่คนที่เป็นแฟนกันต้องควบคุมตัวให้ดี. การกอดจูบหรือทำอะไรที่เร้าอารมณ์ทางเพศอาจกระตุ้นให้ทำผิดศีลธรรมได้. แม้แต่คู่ที่ตั้งใจจะไม่ทำผิดก็อาจควบคุมตัวไม่อยู่และทำผิดศีลธรรมทางเพศ.—โกโลซาย 3:5
● แม้สองคนไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน เขาก็ผิดประเวณีได้.
จริง. คำพอร์นีอา ในภาษากรีกที่แปลว่า “ผิดประเวณี” มีความหมายกว้าง. คำนี้หมายถึงความสัมพันธ์ทางเพศทุกรูปแบบนอกสายสมรสโดยเฉพาะการใช้อวัยวะเพศอย่างผิด ๆ. ดังนั้น การผิดประเวณีจึงหมายรวมถึงการร่วมเพศระหว่างคนที่ไม่ได้สมรสกัน การสำเร็จความใคร่ให้กัน การร่วมเพศทางปากและทางทวารหนักด้วย.
พระคัมภีร์ยังตำหนิสิ่งอื่นอีกนอกจากการทำผิดประเวณี. อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “การกระทำที่เกิดจากความปรารถนาของกายที่มีบาปได้แก่การเหล่านี้ คือ การผิดประเวณี การประพฤติที่ไม่สะอาด การประพฤติที่ไร้ยางอาย . . . ผู้ที่ทำการเหล่านี้เป็นอาจิณจะไม่ได้รับราชอาณาจักรของพระเจ้า.”—กาลาเทีย 5:19-21
“การประพฤติที่ไม่สะอาด” หมายถึงอะไร? คำกรีกที่ใช้ในข้อนี้หมายรวมถึงการพูดหรือการกระทำที่ไม่สะอาดทุกรูปแบบ. ดังนั้น การถอดเสื้อผ้า การใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อผ้า หรือลูบคลำของสงวนของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น หน้าอก ล้วนเป็นการประพฤติที่ไม่สะอาด. พระคัมภีร์บอกว่าเฉพาะคู่สมรสเท่านั้นที่จะมีความสุขจากการจับต้องหน้าอกของอีกฝ่ายหนึ่ง.—สุภาษิต 5:18, 19
หนุ่มสาวบางคนฝ่าฝืนมาตรฐานของพระเจ้าอย่างไร้ยางอาย. พวกเขาจงใจ ทำเกินเลยหรือประพฤติไม่สะอาดอย่างละโมบกับหลาย ๆ คน. คนพวกนี้ทำผิดอย่างที่อัครสาวกเปาโลเรียกว่า “การประพฤติที่ไร้ยางอาย.” คำกรีกที่แปลว่า “การประพฤติที่ไร้ยางอาย” หมายถึง ‘การกระทำที่น่าเกลียด หยาบคาย ตัณหาจัด ควบคุมไม่อยู่.’ แน่นอน คุณคงไม่อยากเป็นคน “ไม่มีความรู้สึกละอายต่อบาป” โดยปล่อยตัวให้ “ประพฤติไร้ยางอาย ประพฤติอย่างที่ไม่สะอาดทุกรูปแบบด้วยความโลภ.”—เอเฟโซส์ 4:17-19
● ถ้าเป็นแฟนกันแต่ไม่ได้กอดจูบลูบคลำแสดงว่าไม่ได้รักกันจริง ๆ.
ไม่จริง. การกอดจูบลูบคลำไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นอย่างที่บางคนคิด. แต่กลับทำให้ไม่นับถือและไม่ไว้ใจกัน. ให้มาดูเรื่องของลอรา. เธอเล่าว่า “วันหนึ่งแฟนมาหาฉันตอนที่แม่ไม่อยู่บ้าน ฉันคิดว่าเขาจะมาดูทีวีกับฉัน. ตอนแรกเขาจับมือฉัน แต่แล้วจู่ ๆ มือเขาก็เริ่มคลำโน่นจับนี่. ฉันไม่กล้าห้ามเขาเพราะกลัวเขาจะอารมณ์เสียแล้วกลับบ้านไป.”
คุณคิดอย่างไร? แฟนของลอรารักเธอจริง ๆ ไหมหรือเขาเห็นแก่ตัวชอบฉวยโอกาส? คนที่พยายามชักจูงคุณให้ประพฤติไม่สะอาด เขารักคุณจริง ๆ ไหม?
เมื่อผู้ชายกดดันผู้หญิงให้ทำสิ่งที่ขัดกับหลักการของคริสเตียนและสติรู้สึกผิดชอบของเธอ เขาก็ทำผิดกฎหมายพระเจ้าและไม่ได้แสดงว่ารักเธอจริง ๆ แม้เขาจะอ้างว่ารักก็ตาม. และถ้าผู้หญิงยินยอม นั่นแสดงว่าเธอปล่อยให้เขาฉวยประโยชน์จากเธอ. ยิ่งกว่านั้น เธอก็ประพฤติไม่สะอาดและอาจถึงขั้นทำผิดประเวณีได้.b—1 โครินท์ 6:9-11
กำหนดขอบเขตให้ชัดเจน
เมื่อคุณคบกัน คุณจะหลีกเลี่ยงการแสดงความรักอย่างไม่เหมาะสมได้อย่างไร? วิธีที่ฉลาดก็คือกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น. สุภาษิต 13:10 (ล.ม.) บอกว่า “คนที่ปรึกษาหารือกันจะมีปัญญา.” ดังนั้น ให้คุยกับแฟนของคุณว่าจะแสดงความรักอย่างไรถึงจะเหมาะสม. อย่ารอจนคุณทั้งสองเริ่มมีอารมณ์ทางเพศแล้วค่อยตั้งกฎเกณฑ์ ถึงตอนนั้นคงสายเกินไปเหมือนรอให้ไฟไหม้บ้านแล้วค่อยติดสัญญาณเตือนภัย.
จริงอยู่ คุณคงรู้สึกยากและเขินที่จะพูดเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะเมื่อเป็นแฟนกันใหม่ ๆ. แต่การคุยกันเรื่องขอบเขตจะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาร้ายแรงในภายหลัง. ขอบเขตที่วางไว้จะเป็นเหมือนเครื่องตรวจจับควัน ซึ่งจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อเริ่มมีไฟไหม้. และถ้าตอนนี้คุณทั้งสองคุยเรื่องนี้กันได้ ต่อไปพวกคุณก็จะมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน. ที่จริง เพื่อคู่สมรสจะมีความสุขในเรื่องเพศ พวกเขาต้องรู้จักอดทน ควบคุมตัวเอง และไม่เห็นแก่ตัว.—1 โครินท์ 7:3, 4
แม้การทำตามมาตรฐานของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย. แต่คุณไว้ใจคำแนะนำของพระยะโฮวาได้. ไม่เพียงแค่นั้น ในยะซายา 48:17 พระยะโฮวาพูดถึงตัวพระองค์เองว่าเป็น “ผู้สั่งสอนเจ้า, เพื่อประโยชน์แก่ตัวของเจ้าเอง, และผู้นำเจ้าให้ดำเนินในทางที่เจ้าควรดำเนิน.” พระยะโฮวาอยากให้คุณได้รับสิ่งที่ดีที่สุด.
เชิญอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ใน เล่ม 1 บท 24
เป็นเรื่องผิดปกติไหมถ้าคุณยังบริสุทธิ์อยู่? ให้เรามาดูกัน.
[เชิงอรรถ]
a ในบางประเทศ การแสดงความรักในที่สาธารณะระหว่างคนที่ไม่ได้แต่งงานกันถือว่าน่าเกลียดและไม่เหมาะสม. ดังนั้น คริสเตียนจึงต้องระวังไม่ทำให้คนอื่นเสียความรู้สึก.—2 โครินท์ 6:3
b เรื่องนี้ใช้ได้กับทั้งชายและหญิง.
ข้อคัมภีร์หลัก
“ความรัก . . . ไม่ประพฤติหยาบโลน.”—1 โครินท์ 13:4, 5
ข้อแนะ
ถ้าอยากไปเที่ยวกับแฟน ให้พาเพื่อนไปด้วยหรือไปกันเป็นกลุ่ม. ให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ล่อแหลม เช่น อยู่กันตามลำพังในรถ ในห้อง หรือในหอพัก.
คุณรู้ไหม . . . ?
ถ้าหมั้นแล้ว คุณคงมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องคุยกัน. แต่การพูดคุยกันเรื่องเพศโดยตั้งใจปลุกเร้าให้เกิดอารมณ์เป็นความประพฤติที่ไม่สะอาด ไม่ว่าจะพูดต่อหน้า พูดทางโทรศัพท์หรือทางเอสเอ็มเอส.
แผนปฏิบัติการ
ฉันจะหลีกเลี่ยงไม่ทำผิดศีลธรรมได้โดย ․․․․․
ถ้าแฟนพยายามชักจูงฉันให้ประพฤติไม่สะอาด ฉันจะ ․․․․․
สิ่งที่ฉันอยากถามพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ․․․․․
คุณคิดอย่างไร?
● เมื่ออยู่กับเพศตรงข้าม คุณกำหนดขอบเขตเรื่องการถูกเนื้อต้องตัวไว้อย่างไร?
● ให้อธิบายว่า การผิดประเวณี การประพฤติที่ไม่สะอาด และการประพฤติที่ไร้ยางอายต่างกันอย่างไร.
[คำโปรยหน้า 46]
“ฉันกับคู่หมั้นนั่งอ่านบทความเกี่ยวกับวิธีรักษาตัวให้สะอาดด้านศีลธรรมด้วยกัน. เราชอบบทความเหล่านั้นมาก มันช่วยให้เรามีสติรู้สึกผิดชอบที่ดี.”—เลติเซีย
[กรอบหน้า 44]
ถ้าทำเกินเลยไปแล้วจะทำอย่างไร?
ถ้าคุณพลั้งพลาดทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมไปแล้วจะทำอย่างไร? อย่าหลอกตัวเองว่าคุณจะแก้ปัญหานั้นได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น. วัยรุ่นคนหนึ่งสารภาพว่า “ฉันอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยเราไม่ให้ทำแบบนั้นอีก. บางครั้งก็ช่วยได้ แต่บางครั้งก็ไม่ได้.” ดังนั้น ให้ไปคุยกับพ่อแม่. นอกจากนี้ พระคัมภีร์ยังแนะนำว่า ‘ให้เชิญพวกผู้เฒ่าผู้แก่ในประชาคมมา.’ (ยาโกโบ 5:14) คริสเตียนที่เป็นผู้ดูแลจะให้คำแนะนำ ว่ากล่าว ตักเตือน ซึ่งจะช่วยคุณให้กลับมามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าอีก.
[ภาพหน้า 47]
คุณจะรอให้ไฟไหม้ก่อนแล้วค่อยติดสัญญาณเตือนภัยไหม? เช่นกันอย่ารอจนคุณทั้งสองเริ่มมีอารมณ์ทางเพศแล้วค่อยตั้งกฎเกณฑ์