-
“แม่น้ำนี้ไหลไปที่ไหนก็จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่น”การนมัสการที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวาได้รับการฟื้นฟู!
-
-
บท 19
“แม่น้ำนี้ไหลไปที่ไหนก็จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่น”
จุดสำคัญ นิมิตเรื่องแม่น้ำที่ไหลออกจากวิหารเกิดขึ้นจริงอย่างไรในสมัยโบราณ สมัยปัจจุบัน และในอนาคต
1, 2. เอเสเคียล 47:1-12 บอกให้รู้ว่าเอเสเคียลเห็นอะไร และเขารู้สึกอย่างไร? (ดูภาพแรก)
เอเสเคียลเห็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่งจากนิมิตเรื่องวิหาร เขาเห็นน้ำไหลออกมาจากวิหาร! ขอให้นึกภาพเอเสเคียลกำลังเดินตามน้ำที่ใสเหมือนกระจก (อ่านเอเสเคียล 47:1-12) น้ำนั้นค่อย ๆ ไหลจากธรณีประตูวิหาร ผ่านตัววิหารไปทางประตูทิศตะวันออก ทูตสวรรค์พาเอเสเคียลออกจากตัววิหารและวัดระยะทางตลอดเส้นทางที่เดินไป เขาให้เอเสเคียลลุยน้ำไปเรื่อย ๆ เอเสเคียลเห็นว่าน้ำลึกขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นแม่น้ำที่ลุยข้ามไปไม่ได้ แต่ต้องว่ายน้ำไป!
2 เอเสเคียลเห็นว่าแม่น้ำไหลลงทะเลตายและทำให้น้ำในทะเลตายกลายเป็นน้ำดี แหล่งน้ำทุกแห่งที่แม่น้ำนี้ไหลไปถึงจะเต็มไปด้วยปลามากมายหลายชนิด และมีต้นไม้ทุกชนิดขึ้นอยู่ริมแม่น้ำทั้งสองฝั่ง ทุกเดือนต้นไม้เหล่านี้จะออกผลที่มีคุณค่าทางอาหาร และใบของมันจะเป็นยารักษาโรค เอเสเคียลคงรู้สึกสงบใจและมีความหวังเมื่อได้เห็นสิ่งเหล่านี้ แต่นิมิตเรื่องวิหารส่วนนี้มีความหมายอย่างไรกับเขาและเพื่อนเชลย? และมีความหมายอย่างไรกับเราในทุกวันนี้?
แม่น้ำในนิมิตมีความหมายอย่างไรกับกลุ่มเชลย?
3. ทำไมชาวยิวในสมัยโบราณรู้ว่าแม่น้ำในนิมิตของเอเสเคียลไม่ใช่แม่น้ำจริง ๆ?
3 ชาวยิวในสมัยโบราณรู้แน่นอนว่าแม่น้ำในนิมิตไม่ใช่แม่น้ำจริง ๆ แต่ข้อความจากคัมภีร์ไบเบิลในส่วนนี้น่าจะทำให้พวกเขานึกถึงคำพยากรณ์เกี่ยวกับการฟื้นฟูอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้พยากรณ์โยเอลบันทึกไว้ 200 กว่าปีมาแล้ว (อ่านโยเอล 3:18) เมื่อเชลยชาวยิวได้อ่านคำพยากรณ์ของโยเอล พวกเขาไม่ได้คาดหมายว่าจะมี “เหล้าองุ่นหยด” จากภูเขา หรือที่เนินเขาจะมี “น้ำนมไหลลงมา” จริง ๆ และพวกเขาก็ไม่คิดด้วยว่าจะมีน้ำพุพุ่งออกมาจาก ‘วิหารของพระยะโฮวา’ ดั้งนั้น ชาวยิวคงเข้าใจเหมือนกันว่านิมิตของเอเสเคียลไม่ได้พูดถึงแม่น้ำจริง ๆa ถ้าอย่างนั้น พระยะโฮวาต้องการให้พวกเขารู้อะไรจากนิมิตนี้? ข้อคัมภีร์หลายข้อช่วยให้เราเข้าใจความหมายบางส่วนแล้ว แต่เราจะพิจารณาสิ่งที่นิมิตนี้บอกชัดเจนและทำให้เราได้รับกำลังใจ 3 อย่างด้วยกัน
4. (ก) แม่น้ำในนิมิตของเอเสเคียลอาจทำให้ชาวยิวคาดหมายว่าจะได้พรอะไรบ้างจากพระยะโฮวา? (ข) คำว่า “แม่น้ำ” และ “น้ำ” ในคัมภีร์ไบเบิลทำให้เรามั่นใจอย่างไรว่าพระยะโฮวาจะอวยพรประชาชนของพระองค์? (ดูกรอบ “แม่น้ำที่นำพรมามากมายจากพระยะโฮวา”)
4 แม่น้ำที่นำพรมามากมาย คัมภีร์ไบเบิลมักใช้แม่น้ำและน้ำเป็นภาพเปรียบเทียบถึงพรที่ให้ชีวิตซึ่งมาจากพระยะโฮวา เอเสเคียลเห็นแม่น้ำที่มีพรแบบนั้นไหลมาจากวิหาร ดังนั้น นิมิตนี้คงทำให้ประชาชนของพระเจ้าคาดหมายว่าถ้าพวกเขายึดมั่นกับการนมัสการบริสุทธิ์ พรที่ให้ชีวิตจากพระยะโฮวาจะหลั่งไหลมาถึงพวกเขา มีพรอะไรบ้าง? พวกเขาจะได้รับการสอนเกี่ยวกับการนมัสการแท้จากพวกปุโรหิตอีกครั้ง พวกเขาสามารถมั่นใจว่าเครื่องบูชาต่าง ๆ ที่พวกเขาถวายที่วิหารจะใช้เพื่อไถ่บาปพวกเขาได้ (อสค. 44:15, 23; 45:17) ดังนั้น พวกเขาจึงกลับมาสะอาดอีกครั้งเหมือนได้รับการชำระด้วยน้ำบริสุทธิ์ที่ไหลออกมาจากวิหาร
5. แม่น้ำในนิมิตทำให้คนที่เป็นห่วงว่าพรจะมีไม่พอสำหรับทุกคนสบายใจขึ้นได้อย่างไร?
5 จะมีพรเพียงพอสำหรับทุกคนไหม? คนที่เป็นห่วงเรื่องนี้จะสบายใจขึ้นเพราะนิมิตบอกว่าน้ำจะลึกขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ในระยะทางไม่ถึง 2 กิโลเมตร จากน้ำสายเล็ก ๆ ก็กลายเป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่! (อสค. 47:3-5) หลังจากที่ชาวยิวกลับไปฟื้นฟูบ้านเกิดแล้ว พวกเขาอาจมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก แต่พระยะโฮวาก็จะอวยพรอย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อความต้องการของพวกเขา เพราะแม่น้ำนี้เป็นภาพเปรียบเทียบถึงปริมาณที่มากมายมหาศาล!
6. (ก) ภาพเปรียบเทียบนี้ทำให้มั่นใจในคำสัญญาอะไร? (ข) นิมิตเรื่องนี้ยังมีคำเตือนอะไรด้วย? (ดูเชิงอรรถ)
6 น้ำที่ให้ชีวิต เอเสเคียลเห็นแม่น้ำในนิมิตไหลลงทะเลตายและทำให้สิ่งดีเกิดขึ้นมากมาย ขอให้สังเกตว่าน้ำนั้นทำให้มีปลามากมายหลายชนิดเหมือนปลาในทะเลใหญ่หรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จนผู้คนถึงกับทำประมงได้ตลอดแนวชายฝั่งระหว่าง 2 เมืองที่อยู่ไกลกันมาก ทูตสวรรค์บอกว่า “แม่น้ำนี้ไหลไปที่ไหนก็จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่น” แต่นี่หมายความว่าน้ำจากวิหารของพระยะโฮวาไหลไปถึงทุกส่วนของทะเลตายไหม? ไม่ ทูตสวรรค์อธิบายว่าน้ำในบึงต่าง ๆ จะไม่กลายเป็นน้ำดีเพราะน้ำที่ให้ชีวิตไหลไปไม่ถึง ที่เหล่านั้น “ถูกทิ้งให้เป็นเกลือ”b (อสค. 47:8-11) ดังนั้น ภาพเปรียบเทียบเรื่องนี้จึงทำให้มั่นใจในคำสัญญาที่ว่าการนมัสการบริสุทธิ์จะทำให้ประชาชนกลับมามีชีวิตชีวาและเข้มแข็งอีกครั้ง แต่ก็น่าสังเกตด้วยว่าไม่ใช่ทุกคนจะตอบรับการอวยพรจากพระยะโฮวา และไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการเยียวยารักษา
7. ต้นไม้ที่อยู่ริมแม่น้ำในนิมิตนี้ทำให้เชลยชาวยิวมั่นใจเรื่องอะไร?
7 ต้นไม้ที่เป็นอาหารและเป็นยารักษาโรค ต้นไม้ที่อยู่ริมแม่น้ำคืออะไร? ต้นไม้เหล่านี้ไม่ใช่แค่ทำให้ภาพในนิมิตดูสวยขึ้นแต่ยังทำให้มีความหมายมากขึ้นด้วย แน่นอนว่าเอเสเคียลกับเพื่อนร่วมชาติมีความสุขที่ได้คิดถึงผลไม้อร่อย ๆ จากต้นไม้เหล่านั้นที่ออกผลทุกเดือน! ภาพที่น่าดึงดูดใจนี้ยังทำให้พวกเขามั่นใจขึ้นว่าพระยะโฮวาจะเลี้ยงดูให้พวกเขามีความเชื่อเข้มแข็ง ยังมีอะไรอีก? ขอสังเกตว่าใบของต้นไม้ “จะเป็นยารักษาโรค” (อสค. 47:12) พระยะโฮวารู้ดีว่าสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เชลยซึ่งกลับบ้านเกิดจำเป็นต้องได้รับคือการเยียวยารักษาด้านความเชื่อและพระองค์สัญญาว่าจะดูแลพวกเขา เราได้พิจารณาวิธีที่พระองค์เยียวยาพวกเขาไปแล้วในคำพยากรณ์เกี่ยวกับการฟื้นฟูอีกเรื่องหนึ่งในบท 9 ของหนังสือนี้
8. อะไรทำให้เรารู้ว่านิมิตของเอเสเคียลจะเกิดขึ้นจริงในขอบเขตที่ใหญ่กว่า?
8 อย่างไรก็ตาม จากที่เราพิจารณาในบท 9 เชลยที่กลับบ้านเกิดได้เห็นคำพยากรณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงในขอบเขตจำกัด ซึ่งสาเหตุก็มาจากพวกเขาเอง พระยะโฮวาจะอวยพรพวกเขาอย่างเต็มที่ได้อย่างไรในเมื่อพวกเขากลับไปทำชั่ว ไม่เชื่อฟัง และทิ้งการนมัสการบริสุทธิ์ไปหลายต่อหลายครั้ง ชาวยิวที่ซื่อสัตย์ก็เจ็บปวดและผิดหวังจากการกระทำของเพื่อนร่วมชาติ อย่างไรก็ตาม ผู้นมัสการที่ภักดีของพระยะโฮวารู้ว่าคำสัญญาของพระองค์ไม่มีวันล้มเหลว คำสัญญาทุกอย่างจะเกิดขึ้นจริงเสมอ (อ่านโยชูวา 23:14) ดังนั้น สักวันหนึ่งนิมิตของเอเสเคียลจะเกิดขึ้นจริงในขอบเขตที่ใหญ่กว่า แล้วจะเกิดขึ้นเมื่อไรล่ะ?
แม่น้ำนั้นไหลอยู่ในปัจจุบัน!
9. เมื่อไรนิมิตของเอเสเคียลเรื่องวิหารเกิดขึ้นจริงในขอบเขตที่ใหญ่กว่า?
9 บท 14 ของหนังสือนี้บอกว่า นิมิตของเอเสเคียลเรื่องวิหารเกิดขึ้นจริงในขอบเขตที่ใหญ่กว่าในช่วง “สมัยสุดท้าย” ซึ่งการนมัสการบริสุทธิ์ถูกยกให้สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน (อสย. 2:2) ตอนนี้นิมิตของเอเสเคียลส่วนนี้กำลังเกิดขึ้นจริงในแง่ไหน?
10, 11. (ก) ทุกวันนี้มีพรอะไรที่หลั่งไหลมาถึงพวกเราเหมือนกับแม่น้ำ? (ข) พรที่หลั่งไหลจากพระยะโฮวาทันกับความจำเป็นที่เพิ่มขึ้นในสมัยสุดท้ายอย่างไร?
10 แม่น้ำที่นำพรมามากมาย น้ำที่ไหลออกจากวิหารของพระยะโฮวาทำให้เราคิดถึงพรอะไรในทุกวันนี้? ที่จริงเราอาจนึกถึงทุกอย่างที่ช่วยให้เรามีความเชื่อเข้มแข็งและเป็นประโยชน์กับเรา สำคัญที่สุดคือพลังจากเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์ที่ทำให้เรามีโอกาสได้รับการอภัยบาป ความจริงที่บริสุทธิ์ในคัมภีร์ไบเบิลยังเป็นเหมือนน้ำที่ให้ชีวิตซึ่งทำให้เราสะอาดด้วย (อฟ. 5:25-27) พรมากมายเหล่านี้หลั่งไหลในสมัยของเราอย่างไร?
11 ปี 1919 มีคนที่รับใช้พระยะโฮวาแค่ไม่กี่พันคน พวกเขาตื่นเต้นที่ได้รับคำอธิบายความจริงในคัมภีร์ไบเบิลหลายเรื่อง หลายสิบปีต่อมาพวกเขามีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันนี้มีประชาชนของพระเจ้ามากกว่า 8 ล้านคน น้ำแห่งความจริงที่บริสุทธิ์ยังไหลอยู่ไหม? ใช่! เพราะมีการอธิบายความจริงจากคัมภีร์ไบเบิลมากมายหลายเรื่อง ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาทั้งคัมภีร์ไบเบิล หนังสือ วารสาร จุลสาร และแผ่นพับหลายพันล้านชิ้นได้หลั่งไหลไปถึงประชาชนของพระเจ้า เช่นเดียวกับแม่น้ำที่เอเสเคียลเห็นในนิมิต ความจริงที่บริสุทธิ์ก็หลั่งไหลและแผ่ขยายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วทันกับการเติบโตของประชาชนที่หิวกระหายความจริงเรื่องพระเจ้า หนังสืออธิบายคัมภีร์ไบเบิลมีให้อ่านในรูปแบบสิ่งพิมพ์มานานแล้ว และตอนนี้มีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ในเว็บไซต์ jw.org มากกว่า 900 ภาษา! น้ำแห่งความจริงส่งผลต่อผู้คนที่จริงใจอย่างไร?
12. (ก) ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลเป็นประโยชน์ต่อผู้คนอย่างไร? (ข) นิมิตนี้มีคำเตือนอะไรที่เหมาะกับเราในทุกวันนี้? (ดูเชิงอรรถด้วย)
12 น้ำที่ให้ชีวิต ทูตสวรรค์บอกเอเสเคียลว่า “แม่น้ำนี้ไหลไปที่ไหนก็จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่น” ลองนึกถึงวิธีที่ความจริงหลั่งไหลไปถึงทุกคนที่มาอยู่กับเราในแผ่นดินโดยนัยที่ฟื้นฟูแล้ว ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลเข้าถึงหัวใจหลายล้านคนและช่วยให้พวกเขามีความเชื่อในพระยะโฮวา อย่างไรก็ตาม นิมิตนี้ยังให้คำเตือนที่เหมาะกับเวลาด้วยคือ ไม่ใช่ทุกคนจะตอบรับความจริงนี้ คนที่ปฏิเสธความจริงเป็นเหมือนหนองน้ำและบึงต่าง ๆ แถบทะเลตายในนิมิตของเอเสเคียล ความจริงไม่สามารถเข้าถึงหัวใจเพราะพวกเขาไม่ฟังและไม่ยอมเอาคำสอนคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ในชีวิตc ขอเราอย่าเป็นอย่างนั้นเลย!—อ่านเฉลยธรรมบัญญัติ 10:16-18
13. ทุกวันนี้เราอาจได้รับบทเรียนอะไรจากเรื่องต้นไม้ในนิมิต?
13 ต้นไม้ที่เป็นอาหารและเป็นยารักษาโรค ต้นไม้ในนิมิตที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำมีบทเรียนที่ให้กำลังใจเราในทุกวันนี้ไหม? แน่นอน! ขอจำไว้ว่าทุก ๆ เดือนต้นไม้เหล่านั้นจะออกผลที่รสชาติดีและใบก็เป็นยารักษาโรค (อสค. 47:12) สิ่งเหล่านี้เตือนว่าเรากำลังรับใช้พระเจ้าที่เลี้ยงดูเราอย่างใจกว้างและเยียวยารักษาด้านความเชื่อซึ่งจำเป็นที่สุดสำหรับเรา โลกทุกวันนี้อยู่ในสภาพที่ป่วยและหิวกระหาย คนทั่วไปไม่เข้าใจความจริงในคัมภีร์ไบเบิล แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พระยะโฮวาเตรียมให้เรา คุณรู้สึกอย่างไรเมื่ออ่านวารสารของเราจนจบเล่ม เมื่อร้องเพลงสุดท้ายในการประชุมหมวดหรือประชุมภูมิภาค หรือเมื่อดูวีดีโอหรือรายการโทรทัศน์ JW จบ คุณรู้สึกว่าพระยะโฮวาอวยพรให้คุณได้รับอาหารที่เสริมความเชื่อใช่ไหม? เราได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจริง ๆ (อสย. 65:13, 14) ความรู้จากคัมภีร์ไบเบิลทำให้เราใช้ชีวิตแบบที่เป็นประโยชน์กับตัวเราและทำให้พระเจ้าพอใจใช่ไหม? คำแนะนำทุกอย่างจากคัมภีร์ไบเบิลช่วยให้เราหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ดี เช่น การผิดศีลธรรม ความโลภ และการขาดความเชื่อ พระยะโฮวายังจัดเตรียมให้คริสเตียนได้รับการรักษาความเจ็บป่วยด้านความเชื่อที่เกิดจากการทำบาปร้ายแรงด้วย (อ่านยากอบ 5:14) เราได้รับพรมากมายจริง ๆ ตามที่บอกไว้ในนิมิตของเอเสเคียลเกี่ยวกับต้นไม้ที่เป็นอาหารและเป็นยานี้
14, 15. (ก) เราได้รับบทเรียนอะไรจากหนองน้ำที่ไม่ได้เปลี่ยนเป็นน้ำดีในนิมิตของเอเสเคียล? (ข) แม่น้ำในนิมิตของเอเสเคียลกำลังไหลอย่างไรในทุกวันนี้?
14 ในขณะเดียวกัน เราอาจได้บทเรียนจากหนองน้ำต่าง ๆ ที่ไม่ได้เปลี่ยนเป็นน้ำดี เราไม่อยากปฏิเสธพรจากพระยะโฮวาที่หลั่งไหลเข้ามาในชีวิตเรา คงน่าเศร้ามากถ้าเราไม่ได้รับการรักษาให้หายเหมือนกับหลายคนในโลกที่เจ็บป่วยนี้ (มธ. 13:15) แต่เราดีใจที่ได้รับประโยชน์จากพรที่หลั่งไหลมาเหมือนแม่น้ำ เมื่อเราดื่มน้ำแห่งความจริงที่บริสุทธิ์จากคัมภีร์ไบเบิลอย่างกระตือรือร้น เมื่อเราไปประกาศและบอกความจริงนั้นกับคนอื่น เมื่อผู้ดูแลที่ได้รับการฝึกฝนจากทาสที่ซื่อสัตย์มาแนะนำ ปลอบโยน และช่วยเหลือเราด้วยความรัก เราอาจคิดถึงแม่น้ำนี้ในนิมิตของเอเสเคียลซึ่งให้ชีวิตและให้การเยียวยารักษาทุกแห่งที่มันไหลไป!
15 แล้วนิมิตเรื่องแม่น้ำจะเกิดขึ้นจริงอย่างไรในอนาคต? เราจะได้เห็นว่าแม่น้ำจะไหลไปในขอบเขตที่กว้างใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในสวนอุทยานที่จะมาถึง
นิมิตนี้มีความหมายอย่างไรในสวนอุทยาน
16, 17. (ก) ในสวนอุทยาน น้ำที่ให้ชีวิตจะไหลในขอบเขตที่ใหญ่กว่าในแง่ไหน? (ข) ในสวนอุทยานเราจะได้รับประโยชน์อะไรจากแม่น้ำที่นำพรมามากมาย?
16 คุณเคยนึกภาพตัวเองอยู่ในสวนอุทยานที่มีเพื่อนและคนในครอบครัวอยู่รอบข้าง และมีความสุขอย่างเต็มที่กับชีวิตไหม? การเรียนเกี่ยวกับแม่น้ำในนิมิตของเอเสเคียลจะช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น เพราะอะไร? ให้เรามาดูสิ่งที่ชัดเจนและให้กำลังใจ 3 อย่างจากนิมิตนี้
17 แม่น้ำที่นำพรมามากมาย ในแง่หนึ่ง แม่น้ำโดยนัยนี้จะขยายขอบเขตกว้างไกลมากขึ้นในสวนอุทยาน แม่น้ำนี้จะไม่ได้ให้ประโยชน์แค่ด้านความเชื่อเท่านั้น แต่จะให้ประโยชน์ด้านร่างกายด้วย ในช่วงหนึ่งพันปีที่พระเยซูปกครอง รัฐบาลของพระเจ้าจะช่วยคนซื่อสัตย์ให้ได้รับประโยชน์จากค่าไถ่ในขอบเขตใหญ่กว่า เราจะค่อย ๆ สมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อย ๆ! ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ต้องมีหมอ พยาบาล โรงพยาบาล หรือประกันสุขภาพอีกต่อไป! น้ำแห่งชีวิตนั้นจะหลั่งไหลไปถึงหลายล้านคนที่รอดชีวิตจากอาร์มาเกดโดน ซึ่งก็คือ “ชนฝูงใหญ่” ที่รอดผ่าน “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” (วว. 7:9, 14) อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การไหลในช่วงแรกของแม่น้ำนี้จะน่าประทับใจมาก แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น เพราะในนิมิตของเอเสเคียลแม่น้ำจะไหลในขอบเขตที่กว้างใหญ่จนเพียงพอต่อความต้องการที่มากขึ้น
ในสวนอุทยาน แม่น้ำที่นำพรมามากมายจะทำให้ทุกคนกลับเป็นหนุ่มสาวและมีสุขภาพดี (ดูข้อ 17)
18. ในช่วงพันปีที่พระเยซูปกครอง “แม่น้ำสายหนึ่งที่มีน้ำที่ให้ชีวิต” จะกลายเป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่ในแง่ไหน?
18 น้ำที่ให้ชีวิต ในช่วงพันปีที่พระเยซูปกครอง “แม่น้ำสายหนึ่งที่มีน้ำที่ให้ชีวิต” จะกลายเป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่! (วว. 22:1) หลายพันล้านคนจะฟื้นขึ้นจากตายและมีโอกาสจะอยู่ตลอดไปในสวนอุทยาน! พรมากมายที่พระยะโฮวาให้ผ่านทางรัฐบาลของพระองค์จะรวมถึงการทำให้คนจำนวนมหาศาลที่หลับอยู่ในความตายอย่างยาวนานกลับมีชีวิตอีก (อสย. 26:19) อย่างไรก็ตาม คนที่ฟื้นขึ้นจากตายจะมีชีวิตตลอดไปทุกคนไหม?
19. (ก) เรารู้ได้อย่างไรว่าในสวนอุทยานจะมีน้ำแห่งความจริงใหม่ ๆ จากพระเจ้า? (ข) บางคนจะ “ถูกทิ้งให้เป็นเกลือ” ในแง่ไหน?
19 ทุกคนต้องเลือกเอง เรารู้แล้วว่าจะมีการเปิดม้วนหนังสือต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้น ดังนั้น น้ำที่ทำให้สดชื่นซึ่งมาจากพระยะโฮวาจะรวมถึงความจริงเรื่องใหม่ ๆ และการชี้นำใหม่ ๆ จากพระองค์ด้วย แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้วใช่ไหม? แต่จะมีบางคนปฏิเสธไม่ยอมทำตามการชี้นำใหม่นั้นและพวกเขาจะเลือกไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา บางคนอาจกบฏในช่วงหนึ่งพันปี แต่พระเจ้าจะไม่ยอมให้พวกเขาทำลายสวนอุทยาน (อสย. 65:20) เรื่องนี้อาจเตือนให้เรานึกถึงนิมิตของเอเสเคียลและหนองบึงต่าง ๆ ที่แห้งและ “ถูกทิ้งให้เป็นเกลือ” ไม่ฉลาดเลยที่ใครจะยืนกรานไม่ยอมดื่มน้ำที่ให้ชีวิตซึ่งมีค่ามาก! หลังจากช่วงหนึ่งพันปี คนที่กบฏจะเข้าพวกกับซาตาน คนที่ปฏิเสธการปกครองที่ถูกต้องชอบธรรมของพระยะโฮวาจะต้องพบจุดจบแบบเดียวกับซาตานคือ ความตายตลอดไป—วว. 20:7-12
20. การจัดเตรียมอะไรในช่วงหนึ่งพันปีที่พระคริสต์ปกครองทำให้เรานึกถึงต้นไม้ในนิมิตของเอเสเคียล?
20 ต้นไม้ที่เป็นอาหารและเป็นยารักษาโรค พระยะโฮวาไม่อยากให้เราสูญเสียโอกาสที่จะมีชีวิตตลอดไป ดังนั้น เพื่อช่วยให้เรายึดมั่นกับโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่พระองค์เสนอให้ พระองค์จึงทำให้แน่ใจอีกครั้งว่าจะมีการจัดเตรียมที่เหมือนกับต้นไม้ที่เอเสเคียลเห็นในนิมิต ในสวนอุทยานทุกคนจะได้รับการรักษาเยียวยาทั้งด้านร่างกายและด้านความเชื่อ พระเยซูคริสต์และผู้ร่วมปกครอง 144,000 คนจะปกครองเป็นกษัตริย์ในสวรรค์ตลอดช่วงหนึ่งพันปี ในฐานะปุโรหิตทั้ง 144,000 คนจะนำคุณค่าของเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์มาใช้เพื่อช่วยคนซื่อสัตย์ให้มีสภาพสมบูรณ์ (วว. 20:6) การจัดเตรียมนี้ทำให้นึกถึงต้นไม้ในนิมิตของเอเสเคียลที่ให้ผลที่มีคุณค่าทางอาหารและมีใบที่เป็นยารักษาโรค คล้ายกับต้นไม้ในนิมิตที่สวยงามที่อัครสาวกยอห์นบันทึกไว้ (อ่านวิวรณ์ 22:1, 2) ต้นไม้ที่ยอห์นเห็นมีใบที่ใช้ “เยียวยารักษาผู้คนจากชาติต่าง ๆ” คนซื่อสัตย์มากมายหลายล้านคนจะได้ประโยชน์จากการทำหน้าที่ของปุโรหิต 144,000 คน
21. คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้คิดใคร่ครวญเรื่องแม่น้ำในนิมิตของเอเสเคียล และเราจะพิจารณาอะไรในบทต่อไป? (ดูกรอบ “น้ำที่ไหลออกมากลายเป็นแม่น้ำ!”)
21 เมื่อคุณใคร่ครวญเรื่องแม่น้ำในนิมิตของเอเสเคียล คุณมีใจสงบและมีความหวังไหม? ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดรอเราอยู่ข้างหน้า! คิดดูสิ พระยะโฮวาให้เอเสเคียลบันทึกนิมิตที่น่าตื่นเต้นนี้ไว้หลายพันปีมาแล้ว เพื่อให้เรานึกออกว่าชีวิตในสวนอุทยานจะยอดเยี่ยมแค่ไหน พระองค์พยายามเชิญเราให้อยู่ที่นั่นเพื่อจะได้เห็นคำสัญญานี้เกิดขึ้นจริงอย่างยิ่งใหญ่ คุณจะอยู่ที่นั่นไหม? คุณอาจสงสัยว่าคุณจะได้เป็นเจ้าของที่ดินสักผืนในสวนอุทยานไหม? ให้เรามาดูส่วนสุดท้ายในคำพยากรณ์ของเอเสเคียลที่ช่วยให้มั่นใจในเรื่องนี้
a นอกจากนั้น เชลยชาวยิวที่ยังจำลักษณะภูมิประเทศบ้านเกิดได้ก็คงรู้ว่าแม่น้ำนี้ไม่ใช่แม่น้ำจริงๆ เพราะมันไหลลงมาจากวิหารบนภูเขาที่สูงมาก ซึ่งภูเขานี้ไม่ได้มีอยู่จริงในบริเวณนั้น และนิมิตนี้ก็ยังพูดทำนองว่าแม่น้ำนั้นไหลตรงจากภูเขาลงไปที่ทะเลตายโดยไม่มีอะไรขวาง ซึ่งไม่ตรงกับลักษณะภูมิประเทศจริงๆในแถบนั้น
b นักวิจารณ์บางคนมองเรื่องนี้ในแง่บวก เพราะการผลิตเกลือเพื่อใช้ถนอมอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ในดินแดนแถบทะเลตายมานานแล้ว แต่ขอให้สังเกตข้อความที่บอกว่าน้ำในหนองและบึงต่าง ๆ “จะไม่กลายเป็นน้ำดี” แหล่งน้ำเหล่านั้นยังไร้ชีวิตหรือไม่ได้เปลี่ยนเป็นน้ำดีเพราะน้ำที่ให้ชีวิตจากวิหารของพระยะโฮวาไม่ได้ไหลไปถึงที่นั่น ดังนั้น ดูเหมือนว่าในที่นี้หนองและบึงต่าง ๆ ที่มีสภาพเป็นเกลือมีความหมายในแง่ลบ—สด. 107:33, 34; ยรม. 17:6
c ลองพิจารณาสิ่งที่คล้ายกันในตัวอย่างเปรียบเทียบของพระเยซูเรื่องอวน มีการจับปลามากมายแต่ไม่ใช่ทุกตัวจะเป็นปลาที่ “ดี” ปลาที่ไม่ดีต้องถูกโยนทิ้งไป พระเยซูใช้ตัวอย่างนี้เพื่อเตือนว่าหลายคนที่เข้ามาในองค์การของพระยะโฮวาตอนหลังจะกลายเป็นคนไม่ซื่อสัตย์—มธ. 13:47-50; 2 ทธ. 2:20, 21
-
-
“แบ่งที่ดินเพื่อเป็นมรดก”การนมัสการที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวาได้รับการฟื้นฟู!
-
-
บท 20
“แบ่งที่ดินเพื่อเป็นมรดก”
จุดสำคัญ ความหมายของการแบ่งที่ดิน
1, 2. (ก) เอเสเคียลได้รับคำสั่งอะไรจากพระยะโฮวา? (ข) เราจะตอบคำถามอะไรบ้าง?
เอเสเคียลเห็นนิมิตที่ทำให้เขานึกย้อนไปถึงเรื่องราวในสมัยของโมเสสกับโยชูวาเมื่อเกือบ 900 ปีก่อนหน้านั้น ตอนนั้นพระยะโฮวาบอกให้โมเสสรู้เกี่ยวกับเขตแดนของแผ่นดินที่พระองค์สัญญา ต่อมาพระองค์บอกโยชูวาว่าควรจะแบ่งแผ่นดินนั้นให้ตระกูลต่าง ๆ ของอิสราเอลอย่างไร (กดว. 34:1-15; ยชว. 13:7; 22:4, 9) แต่ตอนนี้ ปี 593 ก่อน ค.ศ. พระยะโฮวาสั่งให้เอเสเคียลกับเพื่อนเชลยแบ่งแผ่นดินที่พระองค์สัญญาให้ตระกูลต่าง ๆ ของอิสราเอลอีกครั้ง!—อสค. 45:1; 47:14; 48:29
2 นิมิตนี้บอกให้เอเสเคียลและเพื่อนเชลยได้รู้อะไร? ทำไมนิมิตนี้ให้กำลังใจประชาชนของพระเจ้าในทุกวันนี้? ในอนาคต นิมิตนี้จะเกิดขึ้นจริงในขอบเขตที่ใหญ่กว่าไหม?
นิมิตที่ให้คำรับรอง 4 เรื่อง
3, 4. (ก) นิมิตสุดท้ายของเอเสเคียลมีคำรับรองที่ทำให้มั่นใจ 4 เรื่องอะไร? (ข) ในบทนี้เราจะพิจารณาคำรับรองอะไร?
3 นิมิตสุดท้ายมีเนื้อหาครอบคลุม 9 บทของหนังสือเอเสเคียล (อสค. 40:1-48:35) นิมิตนี้ช่วยให้เชลยได้กำลังใจจากคำรับรอง 4 เรื่องเกี่ยวกับการฟื้นฟูชาติอิสราเอล นิมิตนั้นรับรองว่า 1. การนมัสการบริสุทธิ์ที่วิหารของพระเจ้าจะได้รับการฟื้นฟู 2. ปุโรหิตและคนเลี้ยงแกะที่ดีจะนำหน้าประชาชนในชาติที่ฟื้นฟูแล้ว 3. ทุกคนที่กลับไปอิสราเอลจะได้รับที่ดินเป็นมรดก และ 4. พระยะโฮวาจะอยู่กับพวกเขาอีกครั้ง
4 บท 13 และ 14 ของหนังสือนี้ได้พูดถึงวิธีที่คำรับรองสองอย่างแรกเกิดขึ้นจริง ซึ่งเกี่ยวกับการฟื้นฟูการนมัสการแท้และการนำหน้าของคนเลี้ยงแกะที่ดี ในบทนี้เราจะดูคำรับรองอย่างที่สามเกี่ยวกับแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้เป็นมรดก และบทต่อไปเราจะพิจารณาคำรับรองอย่างที่สี่ที่ว่าพระยะโฮวาจะอยู่กับประชาชน—อสค. 47:13-21; 48:1-7, 23-29
“แผ่นดินนี้ . . . จะเป็นมรดกของพวกเจ้า”
5, 6. (ก) ในนิมิตของเอเสเคียล พระเจ้าบอกให้แบ่งเขตแดนอะไร? (ดูภาพแรก) (ข) นิมิตเรื่องการแบ่งที่ดินมีจุดประสงค์อะไร?
5 อ่านเอเสเคียล 47:14 ในนิมิต พระยะโฮวาให้เอเสเคียลสนใจแผ่นดินที่อีกไม่นานจะเป็นเหมือน “สวนเอเดน” (อสค. 36:35) พระยะโฮวาบอกเขาว่า “นี่คือเขตแดนที่เป็นมรดกของอิสราเอล 12 ตระกูลซึ่งพวกเจ้าต้องแบ่งกัน” (อสค. 47:13) “เขตแดน” ที่จะแบ่งกันนี้คือแผ่นดินที่ฟื้นฟูแล้วซึ่งพวกเชลยจะกลับไป จากนั้น เอเสเคียล 47:15-21 บอกว่าพระยะโฮวาอธิบายเกี่ยวกับแนวพรมแดนรอบนอกทั้งหมดของแผ่นดินนั้นอย่างละเอียด
6 นิมิตเรื่องการแบ่งที่ดินมีจุดประสงค์อะไร? การบอกขอบเขตที่แน่ชัดของแผ่นดินช่วยให้เอเสเคียลและเพื่อนเชลยรู้ว่าแผ่นดินที่พวกเขารักจะได้รับการฟื้นฟูอย่างแน่นอน ขอให้นึกภาพว่าเชลยชาวยิวจะมีกำลังใจขนาดไหนเมื่อพระยะโฮวาให้คำรับรองที่มีรายละเอียดชัดเจนอย่างนี้! แล้วประชาชนของพระเจ้าในสมัยโบราณได้รับส่วนแบ่งที่ดินเป็นมรดกจริง ๆ ไหม? ใช่ พวกเขาได้รับ
7. (ก) เกิดเหตุการณ์อะไรในปี 537 ก่อน ค.ศ. เรื่องนี้ทำให้เราคิดถึงอะไร? (ข) เราจะตอบคำถามอะไรก่อน?
7 ในปี 537 ก่อน ค.ศ. ประมาณ 56 ปีหลังจากเอเสเคียลได้รับนิมิต เชลยหลายหมื่นคนก็เริ่มกลับไปแผ่นดินอิสราเอลและครอบครองที่นั่น เหตุการณ์สำคัญที่เกิดนานมาแล้วนั้นทำให้เรานึกถึงการฟื้นฟูที่เกิดขึ้นกับประชาชนของพระเจ้าในสมัยปัจจุบันคือ พวกเขาได้รับส่วนแบ่งที่ดินด้วย นี่หมายความว่าอย่างไร? พระยะโฮวาอนุญาตให้ผู้รับใช้ของพระองค์เข้าไปในแผ่นดินโดยนัยและครอบครองแผ่นดินนี้ การฟื้นฟูแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาในสมัยโบราณสอนให้เรารู้หลายอย่างเกี่ยวกับการฟื้นฟูแผ่นดินโดยนัยของประชาชนของพระเจ้าในทุกวันนี้ ก่อนที่เราจะพิจารณาว่าเราได้บทเรียนอะไรบ้าง ขอให้เราตอบคำถามแรกด้วยกันที่ว่า “ทำไมเราอาจสรุปได้ว่าแผ่นดินโดยนัยมีอยู่จริงในทุกวันนี้?”
8. (ก) พระยะโฮวาแทนที่ชาติอิสราเอลโดยกำเนิดด้วยชาติอะไร? (ข) แผ่นดินหรืออุทยานโดยนัยหมายถึงอะไร? (ค) แผ่นดินนี้เกิดขึ้นเมื่อไร และใครอาศัยอยู่ที่นั่น?
8 ในนิมิตที่เอเสเคียลได้รับก่อนหน้านี้ พระยะโฮวาทำให้เห็นว่าคำพยากรณ์เกี่ยวกับการฟื้นฟูอิสราเอลจะเกิดขึ้นจริงในขอบเขตที่ใหญ่กว่าเมื่อ “ดาวิดผู้รับใช้” ซึ่งหมายถึงพระเยซูคริสต์เริ่มปกครองเป็นกษัตริย์ (อสค. 37:24) พระเยซูเป็นกษัตริย์ในปี ค.ศ. 1914 และนานก่อนหน้านั้นชาติอิสราเอลโดยกำเนิดถูกแทนที่ด้วยอิสราเอลของพระเจ้าซึ่งประกอบไปด้วยคริสเตียนผู้ถูกเจิม (อ่านมัทธิว 21:43; 1 เปโตร 2:9) อย่างไรก็ตาม พระยะโฮวาไม่ได้แค่แทนที่อิสราเอลโดยกำเนิดด้วยอิสราเอลของพระเจ้า แต่พระองค์ยังแทนที่แผ่นดินอิสราเอลจริง ๆ ด้วยแผ่นดินหรืออุทยานโดยนัยด้วย (อสย. 66:8) ในบท 17 ของหนังสือนี้บอกว่า แผ่นดินโดยนัยคือสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้ความเชื่อเข้มแข็งซึ่งทุกคนพร้อมใจกันนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ ผู้ถูกเจิมที่มีชีวิตอยู่บนโลกนมัสการพระยะโฮวาในแผ่นดินนี้ตั้งแต่ปี 1919 (ดูกรอบ 9ข “ทำไมเป็นปี 1919?”) ต่อมา “แกะอื่น” ที่มีความหวังจะได้อยู่บนโลกก็เริ่มเข้ามาอาศัยในแผ่นดินโดยนัยนี้ด้วย (ยน. 10:16) ถึงแม้ในทุกวันนี้อุทยานโดยนัยงดงามขึ้นและขยายขอบเขตใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผู้คนจะได้รับพรอย่างเต็มที่จริง ๆ ก็ต่อเมื่ออาร์มาเกดโดนผ่านไปแล้ว
แบ่งที่ดินให้เท่ากันและชัดเจน
9. พระยะโฮวาให้คำสั่งที่มีรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับการแบ่งที่ดิน?
9 อ่านเอเสเคียล 48:1, 28 หลังจากกำหนดแนวพรมแดนของที่ดินแล้ว พระยะโฮวาก็อธิบายวิธีแบ่งที่ดินนั้นอย่างละเอียด พระองค์บอกให้เอเสเคียลแบ่งที่ดินให้กับทั้ง 12 ตระกูลอย่างเท่าเทียมกันโดยไล่จากทางเหนือลงมาทางใต้ เริ่มจากตระกูลดานที่อยู่เหนือสุดของแผ่นดินไปจนถึงตระกูลกาดที่อยู่ใต้สุด ที่ดินทั้งสิบสองส่วนมีลักษณะเป็นแนวนอนทอดยาวจากพรมแดนทางตะวันออกไปจนถึงทะเลใหญ่หรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันตก—อสค. 47:20
10. นิมิตนี้น่าจะให้คำรับรองอะไรกับกลุ่มเชลย?
10 นิมิตนี้น่าจะให้คำรับรองอะไรกับกลุ่มเชลย? พวกเขาคงประทับใจรายละเอียดที่พระยะโฮวาบอกเอเสเคียลที่ว่าจะมีการแบ่งที่ดินอย่างเป็นระเบียบ ยิ่งกว่านั้น การแบ่งส่วนที่ดินอย่างชัดเจนสำหรับ 12 ตระกูลเน้นด้วยว่า เชลยทุกคนที่กลับบ้านเกิดจะได้รับส่วนแบ่งที่ดินในแผ่นดินที่ฟื้นฟูแล้วอย่างแน่นอน ไม่มีสักคนที่กลับไปบ้านเกิดแล้วจะไม่ได้รับที่ดินหรือไม่มีบ้านอยู่
11. เราได้บทเรียนอะไรจากนิมิตเกี่ยวกับการแบ่งที่ดิน? (ดูกรอบ “การแบ่งที่ดิน”)
11 เราได้บทเรียนที่ให้กำลังใจอะไรจากนิมิตนี้? ในแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาที่ได้รับการฟื้นฟู นอกจากจะมีที่สำหรับปุโรหิต คนเลวี และหัวหน้าแล้ว ยังมีที่สำหรับทุกคนจากทั้ง 12 ตระกูลด้วย (อสค. 45:4, 5, 7, 8) ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน อุทยานโดยนัยไม่ได้มีที่สำหรับผู้ถูกเจิมที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกและแกะอื่นที่นำหน้าเท่านั้น แต่ยังมีที่สำหรับทุกคนที่เป็น “ชนฝูงใหญ่” ด้วยa (วว. 7:9) ไม่ว่าเราจะมีบทบาทอะไรในองค์การของพระเจ้า เราจะได้รับส่วนแบ่งและได้รับงานมอบหมายที่มีคุณค่าในแผ่นดินโดยนัยแน่นอน คำรับรองนี้ทำให้เราอุ่นใจจริง ๆ
ไม่ว่าเราจะมีหน้าที่รับผิดชอบอะไรในองค์การของพระยะโฮวา พระองค์ก็เห็นค่าความพยายามของเรา (ดูข้อ 11)
ความแตกต่างที่สำคัญ 2 อย่างมีความหมายอย่างไรสำหรับเรา?
12, 13. พระยะโฮวาให้คำสั่งที่เจาะจงอะไรเกี่ยวกับการแบ่งที่ดินให้กับตระกูลต่าง ๆ?
12 เอเสเคียลอาจแปลกใจอยู่บ้างเมื่อพระยะโฮวาสั่งให้เขาแบ่งที่ดินอย่างนั้น เพราะพระองค์ไม่ได้สั่งเขาเหมือนกับที่เคยสั่งโมเสส ขอให้เรามาพิจารณาความแตกต่าง 2 อย่างในคำสั่งเหล่านั้น อย่างแรกเกี่ยวกับที่ดิน และอย่างที่สองเกี่ยวกับผู้อาศัย
13 อย่างแรก ที่ดิน พระยะโฮวาสั่งให้โมเสสแบ่งส่วนที่ดินให้ตระกูลใหญ่มากกว่าตระกูลเล็ก (กดว. 26:52-54) แต่ในนิมิตของเอเสเคียล พระองค์สั่งอย่างเฉพาะเจาะจงให้แบ่งที่ดินแบบที่ทุกตระกูลจะ “ได้เท่า ๆ กัน” (อสค. 47:14) ดังนั้น ที่ดินมรดกของทั้ง 12 ตระกูลจึงมีระยะห่างจากเขตแดนทางเหนือถึงเขตแดนทางใต้เท่ากัน ชาวอิสราเอลทุกคนไม่ว่าอยู่ในตระกูลไหนก็สามารถเข้าถึงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และแหล่งน้ำที่ช่วยในการเพาะปลูกในแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาได้เท่าเทียมกัน
14. คำสั่งของพระยะโฮวาเกี่ยวกับผู้อาศัยที่เป็นคนต่างชาติต่างจากสิ่งที่บอกไว้ในกฎหมายโมเสสอย่างไร?
14 อย่างที่สอง ผู้อาศัย กฎหมายของโมเสสปกป้องคนต่างชาติและอนุญาตให้พวกเขานมัสการพระยะโฮวาได้ แต่พวกเขาจะไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ดิน (ลนต. 19:33, 34) แต่ตอนนี้พระยะโฮวาบอกให้เอเสเคียลทำเกินกว่ากฎหมายที่พระองค์กำหนดไว้ พระยะโฮวาสั่งว่า “คนต่างชาติเหล่านั้นอาศัยอยู่กับตระกูลไหน พวกเจ้าก็ต้องให้พวกเขาได้มรดกในเขตแดนของตระกูลนั้น” คำสั่งนี้แสดงว่าพระยะโฮวาไม่ถือว่า “ชาวอิสราเอล” และผู้อาศัยที่เป็นคนต่างชาติแตกต่างกันอีกต่อไป (อสค. 47:22, 23) ในแผ่นดินที่ได้รับการฟื้นฟูที่เอเสเคียลเห็นในนิมิต เขาเห็นผู้คนอยู่กันอย่างเท่าเทียมและเป็นหนึ่งเดียวกันในการนมัสการพระเจ้า—ลนต. 25:23
15. คำสั่งของพระยะโฮวาเกี่ยวกับที่ดินและผู้อาศัย ช่วยยืนยันความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับพระองค์?
15 คำสั่งที่โดดเด่น 2 อย่างที่เอเสเคียลได้รับเกี่ยวกับที่ดินและผู้อาศัยคงทำให้กลุ่มเชลยมีกำลังใจ พวกเขารู้ว่าพระยะโฮวาจะแบ่งที่ดินให้พวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นอิสราเอลโดยกำเนิดหรือเป็นคนต่างชาติที่มานมัสการพระยะโฮวา (อสร. 8:20; นหม. 3:26; 7:6, 25; อสย. 56:3, 8) คำสั่งเหล่านี้ยังยืนยันความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งช่วยให้มีกำลังใจที่ว่า ผู้รับใช้ทุกคนของพระยะโฮวามีค่าเท่ากันสำหรับพระองค์ (อ่านฮักกัย 2:7) ทุกวันนี้ไม่ว่าเราจะมีความหวังที่จะไปสวรรค์หรืออยู่บนโลก เราก็เห็นคุณค่าความจริงเรื่องนี้
16, 17. (ก) เราได้ประโยชน์อะไรเมื่อพิจารณารายละเอียดเรื่องที่ดินและผู้อาศัย? (ข) เราจะพิจารณาอะไรในบทต่อไป?
16 เราได้ประโยชน์อะไรเมื่อพิจารณารายละเอียดเรื่องที่ดินและผู้อาศัย? เรื่องนี้เตือนเราว่าความเท่าเทียมและความเป็นหนึ่งเดียวต้องเป็นลักษณะที่เห็นได้ชัดในสังคมพี่น้องทั่วโลกในปัจจุบัน พระยะโฮวาไม่ลำเอียง เราจึงต้องถามตัวเองว่า เรากำลังเลียนแบบพระยะโฮวาในเรื่องนี้ไหม? เราปฏิบัติต่อพี่น้องคริสเตียนด้วยความนับถือจากใจจริงไหม ไม่ว่าเขาจะเป็นคนชาติไหนหรือยากดีมีจนอย่างไร? (โรม 12:10) เรามีความสุขที่พระยะโฮวาให้เราทุกคนเข้าถึงอุทยานโดยนัยได้อย่างเท่าเทียม ที่ซึ่งเราสามารถอุทิศทั้งตัวและหัวใจให้กับการรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อพ่อในสวรรค์ของเรา และทำให้เราได้รับพรจากพระองค์—กาลาเทีย 3:26-29; วิวรณ์ 7:9
เรากำลังเลียนแบบพระยะโฮวาโดยเป็นคนไม่ลำเอียงและนับถือคนอื่นจากใจจริงไหม? (ดูข้อ 15, 16)
17 ให้เรามาพิจารณาคำรับรองอย่างที่สี่ ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายในนิมิตของเอเสเคียล คำรับรองนี้คือ พระยะโฮวาสัญญาว่าจะอยู่กับกลุ่มเชลย เราจะได้บทเรียนอะไรจากคำสัญญานี้? ให้เรามาดูคำตอบด้วยกันในบทต่อไป
-
-
“เมืองนี้จะมีชื่อว่า พระยะโฮวาอยู่ที่นั่น”การนมัสการที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวาได้รับการฟื้นฟู!
-
-
บท 21
“เมืองนี้จะมีชื่อว่า พระยะโฮวาอยู่ที่นั่น”
จุดสำคัญ ความหมายของเมืองนี้และที่ต้องถวาย
1, 2. (ก) ที่ดินส่วนไหนที่ถูกแยกไว้เป็นพิเศษ? (ดูภาพหน้าปก) (ข) นิมิตนี้ให้คำรับรองอะไรกับพวกเชลย?
ในนิมิตเรื่องสุดท้าย เอเสเคียลได้เรียนรู้เกี่ยวกับที่ดินส่วนหนึ่งที่ถูกแยกไว้เพื่อจุดประสงค์พิเศษ ที่ดินส่วนที่ถูกแยกไว้ต่างหากนี้ไม่ใช่สำหรับอิสราเอลตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แต่เป็นที่ดินสำหรับพระยะโฮวา เอเสเคียลยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับเมืองหนึ่งที่โดดเด่นซึ่งมีชื่อที่น่าสนใจด้วย นิมิตส่วนนี้ให้คำรับรองที่สำคัญที่สุดกับกลุ่มเชลยว่า พระยะโฮวาจะอยู่กับพวกเขาเมื่อพวกเขากลับไปแผ่นดินเกิดที่พวกเขารัก
2 เอเสเคียลบอกรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินส่วนนี้ซึ่งมีความหมายมากสำหรับผู้นมัสการแท้ของพระยะโฮวา ให้เรามาดูเรื่องนี้ด้วยกัน
“ที่ดินของเมือง . . . ที่ดินบริสุทธิ์”
3. ที่ดินที่พระยะโฮวาแยกไว้แบ่งเป็น 5 ส่วนอะไรบ้าง? และแต่ละส่วนถูกใช้อย่างไร? (ดูกรอบ “ที่ดินที่พวกเจ้าต้องถวาย”)
3 ที่ดินส่วนพิเศษนี้วัดจากทิศเหนือถึงทิศใต้ได้ 25,000 ศอก (13 กิโลเมตร) และจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกได้ 25,000 ศอก ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้ถูกเรียกว่า “ที่ดินถวายทั้งหมด” มีการแบ่งที่ดินนี้ออกเป็น 3 ส่วนตามแนวนอน ส่วนบนสำหรับคนเลวี ส่วนกลางสำหรับวิหารและปุโรหิต ทั้งสองส่วนรวมกันเป็น “ที่ดินบริสุทธิ์” ส่วนล่างที่ขนาดเล็กกว่าถูกเรียกว่า “ที่ดินส่วนที่เหลือ” ซึ่งเป็น “พื้นที่ส่วนกลาง” ส่วนนี้เป็นที่ดินของเมือง—อสค. 48:15, 20
4. เราได้บทเรียนอะไรจากเรื่องที่ดินที่ต้องถวายให้พระยะโฮวา?
4 เราได้บทเรียนอะไรจากเรื่องที่ดินที่ต้องถวายให้พระยะโฮวา? พระยะโฮวาทำให้เห็นว่าศูนย์กลางการนมัสการในแผ่นดินนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะสิ่งแรกที่พระองค์ทำคือกันที่ดินที่ส่วนนี้ไว้ก่อน จากนั้นค่อยแบ่งที่ดินให้กับตระกูลต่าง ๆ (อสค. 45:1) การแบ่งที่ดินโดยจัดลำดับความสำคัญแบบนี้ทำให้พวกเชลยรู้ว่าพวกเขาต้องให้การนมัสการพระยะโฮวาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต พวกเราในทุกวันนี้ก็เช่นกัน เรามองว่ากิจกรรมที่เสริมความเชื่อเช่น การศึกษาคัมภีร์ไบเบิล การไปประชุม และการไปประกาศเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เมื่อเราเลียนแบบตัวอย่างของพระยะโฮวาในเรื่องการจัดลำดับความสำคัญอย่างถูกต้อง เราก็จะทำให้การนมัสการพระองค์เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต
“ตัวเมืองจะตั้งอยู่ตรงกลางที่ดินนี้”
5, 6. (ก) เมืองนี้เป็นเมืองสำหรับใคร? (ข) เมืองนี้ไม่ได้หมายถึงอะไรบ้าง เพราะอะไร?
5 อ่านเอเสเคียล 48:15 “ตัวเมือง” และที่ดินที่อยู่รอบ ๆ มีความหมายอะไรเป็นพิเศษไหม? (อสค. 48:16-18) ในนิมิต พระยะโฮวาบอกเอเสเคียลว่า “ต้องยกที่ดินแปลงหนึ่ง . . . ให้เป็นส่วนของเมือง ที่ดินส่วนนี้จะเป็นของชาวอิสราเอลทั้งหมด” (อสค. 45:6, 7) ดังนั้น ที่ดินของเมืองและที่ดินรอบ ๆ จึงไม่ได้เป็นส่วนของ “ที่ดินบริสุทธิ์” ที่ต้อง “ถวายให้พระยะโฮวา” (อสค. 48:9) ให้เรามาดูกันว่าเราอาจได้บทเรียนอะไรจากการจัดเตรียมเกี่ยวกับเมืองนี้
6 ก่อนอื่น เราต้องรู้ว่าเมืองนี้ไม่ได้หมายถึงเยรูซาเล็มและวิหารที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เพราะอะไร? เพราะเมืองในนิมิตที่เอเสเคียลเห็นไม่มีวิหาร นอกจากนั้น เมืองนี้ไม่ได้หมายถึงเมืองอื่นในแผ่นดินอิสราเอลที่ได้รับการฟื้นฟู เพราะอะไร? เพราะไม่มีเมืองไหนที่เชลยที่กลับบ้านเกิดหรือลูกหลานของพวกเขาสร้างมีลักษณะเหมือนกับที่เห็นในนิมิตนี้ ยิ่งกว่านั้น เมืองนี้ไม่ได้หมายถึงเมืองที่อยู่ในสวรรค์ เพราะอะไร? เพราะเมืองนี้สร้างบนที่ดิน “สำหรับคนทั่วไป [ไม่ใช่สำหรับพระเจ้า]” และไม่ใช่ที่ดินที่กันไว้สำหรับการนมัสการบริสุทธิ์—อสค. 42:20
7. เมืองที่เอเสเคียลเห็นคืออะไร และเมืองนี้น่าจะหมายถึงอะไร? (ดูภาพแรก)
7 ถ้าอย่างนั้นเมืองที่เอเสเคียลเห็นคืออะไร? จำไว้ว่าเขาเห็นเมืองนี้ในนิมิตเดียวกับที่เขาเห็นแผ่นดิน (อสค. 40:2; 45:1, 6) คัมภีร์ไบเบิลบอกให้รู้ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินโดยนัย ดังนั้น เมืองที่พูดถึงนี้ก็ต้องเป็นเมืองโดยนัยด้วย โดยทั่วไปแล้ว คำว่า “เมือง” มักจะหมายถึงอะไร? คำนี้ทำให้นึกถึงผู้คนอยู่รวมกันโดยมีโครงสร้างและการจัดระเบียบในเรื่องต่าง ๆ ดังนั้น ดูเหมือนว่าเมืองที่เอเสเคียลเห็นซึ่งมีการจัดระเบียบอย่างดีและมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสที่สมบูรณ์แบบน่าจะหมายถึงการบริหารที่มีการจัดระเบียบอย่างดี
8. การบริหารงานของเมืองนี้มีขอบเขตขนาดไหน ทำไมถึงบอกอย่างนั้น?
8 การบริหารงานของเมืองนี้มีขอบเขตขนาดไหน? นิมิตของเอเสเคียลเปิดเผยว่าเมืองนี้ดูแลแผ่นดินโดยนัยทั้งหมด ดังนั้นในทุกวันนี้ อำนาจการบริหารนี้จึงชี้นำกิจกรรมทั้งหมดที่ประชาชนของพระเจ้าทำ และการที่เมืองนี้ตั้งอยู่บนที่ดินสำหรับคนทั่วไปไม่ใช่ที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระเจ้าทำให้เรารู้อะไร? ทำให้รู้ว่าเมืองนี้ไม่ได้หมายถึงการบริหารงานบนสวรรค์แต่เป็นการบริหารงานบนโลก ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์สำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในอุทยานโดยนัย
9. (ก) ใครมีส่วนในการบริหารงานบนโลกในทุกวันนี้? (ข) พระเยซูจะทำอะไรในช่วงหนึ่งพันปีที่ท่านปกครอง?
9 ใครมีส่วนในการบริหารงานบนโลก? ในนิมิตของเอเสเคียล คนที่นำหน้าในการปกครองเมืองถูกเรียกว่า “หัวหน้า” (อสค. 45:7) เขาดูแลประชาชนแต่เขาไม่ได้เป็นปุโรหิตและไม่ใช่คนเลวี นี่ทำให้เรานึกถึงผู้ดูแลในประชาคมในทุกวันนี้ซึ่งไม่ใช่ผู้ถูกเจิม ผู้บำรุงเลี้ยงเหล่านี้มาจากกลุ่มที่เป็น “แกะอื่น” พวกเขาทำงานรับใช้บนโลกอย่างถ่อมตัวให้กับรัฐบาลในสวรรค์ที่ปกครองโดยพระคริสต์ (ยน. 10:16) ในช่วงหนึ่งพันปีที่พระเยซูปกครอง ท่านจะเลือกและแต่งตั้ง “เจ้านาย” หรือผู้ดูแลที่มีคุณวุฒิให้ทำงาน “อยู่ทั่วโลก” (สด. 45:16) ภายใต้การชี้นำจากรัฐบาลในสวรรค์ พวกเขาจะดูแลประชาชนของพระเจ้าให้มีความสุขในช่วงหนึ่งพันปีที่พระเยซูปกครอง
“พระยะโฮวาอยู่ที่นั่น”
10. เมืองนี้มีชื่อว่าอะไร และชื่อนี้ทำให้มั่นใจเรื่องอะไร?
10 อ่านเอเสเคียล 48:35 เมืองนี้มีชื่อว่า “พระยะโฮวาอยู่ที่นั่น” ชื่อนี้ทำให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาอยู่ในเมืองนี้ พระยะโฮวาให้เอเสเคียลเห็นเมืองนี้ตั้งอยู่ตรงกลาง เหมือนกับพระองค์กำลังบอกพวกเชลยว่า ‘เราจะอยู่กับเจ้าอีกครั้ง!’ เป็นคำรับรองที่ทำให้มีกำลังใจจริง ๆ!
11. เราได้บทเรียนอะไรเกี่ยวกับเมืองในนิมิตของเอเสเคียลและชื่อของเมืองนี้?
11 เราได้บทเรียนอะไรจากคำพยากรณ์ของเอเสเคียลส่วนนี้? ชื่อของเมืองนี้ทำให้คนที่รับใช้พระเจ้าในทุกวันนี้มั่นใจว่า ตอนนี้พระยะโฮวาอยู่กับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์บนโลกและจะอยู่กับพวกเขาเสมอ ชื่อที่มีความหมายนี้ยังเน้นความจริงที่สำคัญด้วยว่า พระยะโฮวาจัดเตรียมเมืองนี้ไม่ใช่เพื่อให้อำนาจกับมนุษย์คนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อให้เห็นความรักและความมีเหตุผลของพระองค์ ตัวอย่างเช่น พระยะโฮวาไม่ได้ให้อำนาจมนุษย์ที่บริหารเมืองแบ่งที่ดินเองตามใจชอบ แต่พระองค์คาดหมายให้พวกเขาเคารพการแบ่งที่ดินหรือการที่พระองค์ให้สิทธิพิเศษกับผู้รับใช้ทุกคน รวมทั้งคนที่ดูต่ำต้อยหรือไม่มีบทบาทสำคัญอะไร—สภษ. 19:17; อสค. 46:18; 48:29
12. (ก) ลักษณะเด่นของเมืองนี้คืออะไรและเป็นภาพเปรียบเทียบกับอะไร? (ข) นิมิตนี้เตือนคริสเตียนผู้ดูแลถึงเรื่องสำคัญอะไร?
12 อะไรคือลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งของเมืองที่ชื่อว่า “พระยะโฮวาอยู่ที่นั่น”? เมืองสมัยโบราณมักมีกำแพงเพื่อปกป้องเมืองและมีประตูเมืองเพียงไม่กี่ประตู แต่เมืองนี้มีถึง 12 ประตู! (อสค. 48:30-34) ประตูจำนวนมาก (ด้านละ 3 ประตู) เป็นภาพเปรียบเทียบว่าคนที่ทำหน้าที่บริหารของเมืองนี้เป็นคนที่เข้าหาได้ง่ายและพร้อมช่วยเหลือผู้รับใช้พระเจ้าทุกคน นอกจากนั้น การที่เมืองนี้มี 12 ประตูเน้นว่าเมืองนี้พร้อมต้อนรับ “ชาวอิสราเอลทั้งหมด” (อสค. 45:6) เมืองที่มีลักษณะเปิดนี้เป็นการเตือนคริสเตียนที่ทำหน้าที่ผู้ดูแลว่า พระยะโฮวาต้องการให้พวกเขาเป็นคนเข้าหาได้ง่ายและพร้อมช่วยเหลือทุกคนที่อาศัยอยู่ในอุทยานโดยนัย
คริสเตียนผู้ดูแลเป็นคนเข้าหาได้ง่ายและพร้อมช่วยเหลือ (ดูข้อ 12)
ประชาชนของพระเจ้า “เข้ามานมัสการ” และ “ทำงานในเมือง”
13. พระยะโฮวาพูดถึงงานรับใช้อะไรบ้างที่ผู้คนจะทำ?
13 ให้เราย้อนกลับไปในสมัยของเอเสเคียลและดูว่ามีรายละเอียดอะไรอีกที่เขาเห็นในนิมิตเรื่องการแบ่งที่ดิน พระยะโฮวาพูดถึงคนหลายกลุ่มที่จะทำงานรับใช้หลายรูปแบบ คือ พวกปุโรหิตที่ “รับใช้พระยะโฮวาในวิหาร” จะถวายเครื่องบูชาต่าง ๆ และเข้าไปรับใช้พระยะโฮวา ส่วนคนเลวีที่ “ทำงานรับใช้ในวิหาร” จะ “ดูแลงานรับใช้และทุกสิ่งที่ต้องทำในวิหาร” (อสค. 44:14-16; 45:4, 5) นอกจากนั้น จะมีคนทำงานอยู่ใกล้ ๆ เมืองด้วย พวกเขาเป็นใคร?
14. คนที่ทำงานใกล้ ๆ เมืองทำให้เรานึกถึงอะไร?
14 คนที่ทำงานอยู่ใกล้ ๆ เมืองมาจาก “ชาวอิสราเอลทุกตระกูล” พวกเขามีหน้าที่เป็นผู้สนับสนุน พวกเขาทำงานเพาะปลูกเพื่อผลผลิตที่ได้ “จะเป็นอาหารสำหรับคนที่ทำงานในเมือง” (อสค. 48:18, 19) การจัดเตรียมนี้ทำให้เรานึกถึงโอกาสที่เรามีในปัจจุบันไหม? ใช่ ทุกวันนี้ทุกคนที่อยู่ในอุทยานโดยนัยมีโอกาสสนับสนุนงานรับใช้ของผู้ถูกเจิมที่เป็นพี่น้องของพระคริสต์และสนับสนุนงานรับใช้ของคนที่มาจาก “ชนฝูงใหญ่” ซึ่งพระยะโฮวาแต่งตั้งให้นำหน้า (วว. 7:9, 10) วิธีหลักที่เราจะสนับสนุนได้ก็คือ การเต็มใจร่วมมือและทำตามการชี้นำที่มาจากทาสที่ซื่อสัตย์
15, 16. (ก) นิมิตของเอเสเคียลให้รายละเอียดอะไรอีก? (ข) เรามีโอกาสสนับสนุนกิจกรรมอะไรบ้างที่คล้ายกัน?
15 นิมิตของเอเสเคียลยังมีรายละเอียดอีกอย่างหนึ่งที่ให้บทเรียนเกี่ยวกับงานรับใช้ของเรา รายละเอียดอะไร? พระยะโฮวาบอกว่าคนจาก 12 ตระกูลที่ไม่ใช่ตระกูลเลวีจะทำงานอยู่สองที่ คือ ในลานวิหารและในทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ พวกเขาทำอะไรที่นั่น? ในลานวิหาร คนจากทุกตระกูลจะ “เข้ามานมัสการ” โดยถวายเครื่องบูชาให้พระยะโฮวา (อสค. 46:9, 24) ส่วนในทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ คนจากทุกตระกูลจะมาทำงานสนับสนุนเมืองด้วยการเพาะปลูก เราได้บทเรียนอะไรจากตัวอย่างของคนเหล่านี้?
16 ทุกวันนี้ ชนฝูงใหญ่มีโอกาสทำกิจกรรมที่คล้ายกับสิ่งที่ผู้คนทำในนิมิตของเอเสเคียล พวกเขานมัสการพระยะโฮวา “ในวิหารของพระองค์” โดยการถวายเครื่องบูชาเป็นคำสรรเสริญให้พระองค์ (วว. 7:9-15) พวกเขาทำอย่างนั้นโดยการประกาศและการออกความเห็นที่การประชุม พวกเขามองว่าการนมัสการพระยะโฮวาแบบนี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา (1 พศ. 16:29) นอกจากนั้น ประชาชนของพระเจ้าหลายคนยังมีโอกาสสนับสนุนองค์การของพระองค์ในอีกหลายวิธี ตัวอย่างเช่น พวกเขาช่วยงานก่อสร้างและดูแลรักษาหอประชุมราชอาณาจักรและอาคารต่าง ๆ ของสำนักงานสาขา นอกจากนั้น พวกเขายังช่วยโครงการอื่น ๆ ขององค์การอีกหลายโครงการ บางคนบริจาคเพื่อสนับสนุนโครงการเหล่านี้ พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อให้แผ่นดินนี้เกิดดอกออกผลและ “ทำให้พระเจ้าได้รับการยกย่องสรรเสริญ” (1 คร. 10:31) พวกเขาทำงานอย่างกระตือรือร้นและมีความสุขเพราะรู้ว่าพระยะโฮวา “พอใจเครื่องบูชาแบบนั้น” (ฮบ. 13:16) คุณกำลังใช้โอกาสที่คุณมีอย่างเต็มที่ไหม?
เราได้บทเรียนอะไรบ้างจากกิจกรรมหลายอย่างที่เอเสเคียลพูดถึงที่ผู้คนทำกันอยู่ในเมืองและนอกประตูเมือง? (ดูข้อ 14-16))
“มีฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ที่เราเฝ้าคอยอยู่”
17. (ก) ในอนาคต นิมิตของเอเสเคียลจะเกิดขึ้นจริงในขอบเขตที่ใหญ่กว่าอย่างไร? (ข) ในช่วงพันปีที่พระเยซูปกครองใครจะได้ประโยชน์จากการบริหารงานที่มีลักษณะคล้ายเมือง?
17 ในอนาคตเราจะได้เห็นนิมิตเรื่องที่ดินถวายเกิดขึ้นจริงในขอบเขตที่ใหญ่กว่าไหม? ใช่! ขอสังเกตว่าเอเสเคียลเห็น “ที่ดินบริสุทธิ์” อยู่ตรงกลางที่ดินส่วนนี้ (อสค. 48:10) เช่นเดียวกัน หลังอาร์มาเกดโดน ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนในโลกพระยะโฮวาก็จะอยู่กับเรา (วว. 21:3) ในช่วงพันปีที่พระเยซูปกครอง การบริหารงานที่มีลักษณะคล้ายเมืองซึ่งหมายถึงคนกลุ่มหนึ่งบนโลกที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนของพระเจ้า จะแผ่ขยายการบริหารงานไปทั่วโลก โดยให้คำแนะนำและการชี้นำด้วยความรักกับมนุษย์ทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของ “โลกใหม่” ซึ่งก็คือสังคมใหม่ของมนุษย์ที่เชื่อฟัง—2 ปต. 3:13
18. (ก) ทำไมเราแน่ใจได้ว่าการบริหารงานที่มีลักษณะคล้ายเมืองจะสอดคล้องกับการปกครองของพระเจ้า? (ข) ชื่อของเมืองนี้ให้คำรับรองที่แน่นอนอะไรกับเรา?
18 ทำไมเราแน่ใจได้ว่าการบริหารงานที่มีลักษณะคล้ายเมืองจะสอดคล้องกับการปกครองของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบ? เพราะคัมภีร์ไบเบิลบอกชัดเจนว่าเมืองบนโลกที่มี 12 ประตูเหมือนกับเมืองในสวรรค์ที่มี 12 ประตู ซึ่งหมายถึงเยรูซาเล็มใหม่ที่ประกอบไปด้วยผู้ที่ร่วมปกครองกับพระคริสต์ 144,000 คน (วว. 21:2, 12, 21-27) เห็นได้ชัดว่าการบริหารงานบนโลกจะสอดคล้องกับการตัดสินใจที่ทำโดยรัฐบาลของพระเจ้าในสวรรค์ทุกอย่างและจะดำเนินการตามนั้นอย่างดีที่สุด ใช่แล้ว เมืองที่ชื่อว่า “พระยะโฮวาอยู่ที่นั่น” ให้คำรับรองกับเราทุกคนว่าการนมัสการที่บริสุทธิ์จะคงอยู่และจะได้รับการยกย่องตลอดไปในอุทยาน เรามีอนาคตที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!
-