คำสรรเสริญจากปากเด็ก
(จากหนังสือประจำปี 2011 หน้า 53 วรรค 3 และหน้า 58 วรรค 1-2)
ไพโอเนียร์อายุน้อย. เปอร์ซิส ซึ่งอยู่ในแคเมอรูน เป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติสมาตอนอายุหกขวบ. รายงานการรับใช้ครั้งแรกของเธอมีการศึกษาพระคัมภีร์สิบราย. เลขาธิการประชาคมเข้าใจว่าเธอเขียนรายงานผิด จึงถามเปอร์ซิสดู เธอได้ชี้แจงว่าเธอมีนักศึกษาสิบคนจริง ๆ. เขาถามอีกว่า “หนูไม่มีนาฬิกา แล้วรู้ได้อย่างไรว่าจะรายงานเวลาเท่าไร?” เธอตอบว่าเนื่องจากโรงเรียนมีช่วงพักนานหนึ่งชั่วโมง เธอจึงเริ่มประกาศตอนเริ่มพัก แล้วก็หยุดเมื่อเสียงระฆังดังขึ้น. การที่เธอประกาศอย่างกล้าหาญได้ส่งผลกระทบที่ดีต่อแม่และลูกพี่ลูกน้องของเธอ ซึ่งภายหลังได้เป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติสมา. ตอนนี้เปอร์ซิสวัยสิบขวบได้รับบัพติสมาแล้วและเป็นไพโอเนียร์สมทบขณะที่เรียนหนังสืออยู่. อาซี เพื่อนของเธอวัยแปดขวบเป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติสมาอยู่แล้ว. นักศึกษาพระคัมภีร์คนหนึ่งพูดถึงพวกเธอว่า “ที่หอประชุม ดิฉันรู้สึกยินดีที่เห็นเด็ก ๆ ทักทายทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุก่อนจะไปนั่งกับพ่อแม่. ดิฉันไม่เคยเห็นเด็กทำอย่างนี้ที่โบสถ์ของดิฉันเลย. ดิฉันรู้ว่าเด็ก ๆ ที่ได้รับการเลี้ยงดูแบบนี้จะเป็นคนดีของสังคมในอนาคต.”
รับบัพติสมาตอนอายุเจ็ดขวบ. พาโอลาอยู่ในภาคตะวันตกของเม็กซิโก. คุณตาคุณยายได้เลี้ยงดูเธอ. คุณยายเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับพยานพระยะโฮวาตอนพาโอลาอายุห้าขวบ. พาโอลาฟังคุณยายศึกษา และความจริงได้หยั่งรากในหัวใจของเด็กน้อย. ถึงแม้คุณยายไม่ก้าวหน้า พาโอลาก็เริ่มเข้าร่วมการประชุมเอง. เธอจะขอคุณตาคุณยายให้ช่วยเธอแต่งตัวและพาเธอข้ามถนนเพื่อไปถึงหอประชุม.
ทันทีที่อ่านออกเขียนได้ พาโอลาสมัครเข้าโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าและเป็นผู้ประกาศ. เนื่องจากเธอรักพระยะโฮวา เธอจึงได้รับบัพติสมาตอนอายุเจ็ดขวบ. เมื่อถูกถามว่าทำไมเธอจึงเข้าร่วมการประชุมและประกาศด้วยใจแรงกล้า ถึงแม้ครอบครัวไม่ได้สนับสนุน พาโอลาซึ่งตอนนี้อายุสิบขวบตอบว่า “หนูชอบคำบรรยายต่าง ๆ มากเพราะช่วยหนูให้ศึกษาพระคัมภีร์ต่อ ๆ ไปและช่วยหนูหลีกเลี่ยงปัญหา. และหนูประกาศเพราะอยากสอนคนอื่นให้รู้ว่าพระยะโฮวาจะทำอะไรให้พวกเขาในอนาคต และพระคัมภีร์จะทำให้เขามีความสุขได้แม้แต่ในขณะนี้.”
ประกาศแม้ว่ามีปัญหาสุขภาพ
(จากหนังสือประจำปี 2011 หน้า 64 วรรค 1-2 และหน้า 69 วรรค 1 [สำหรับเดือนกรกฎาคม 2011])
เธอได้สมปรารถนาสองอย่าง. เนเลนาวัย 19 ปีอยู่ในบัลแกเรีย มีความปรารถนาสองอย่าง อย่างหนึ่งคือรับบัพติสมา และอีกอย่างหนึ่งคือ เป็นไพโอเนียร์สมทบ. อย่างไรก็ดี เธอเป็นโรคภาวะผิดปกติของประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหวจากกรรมพันธุ์ซึ่งขณะนี้รักษาไม่หาย. เธอต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงไม่สามารถไปไหนมาไหนได้. การรับบัพติสมาซึ่งเป็นความปรารถนาอย่างแรกของเธอก็มีปัญหา เพราะจะออกจากห้องพักไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ไม่ได้. ดังนั้น ตอนเธออายุ 18 ปี ได้มีการจัดคำบรรยายเรื่องการอุทิศตัวที่บ้านเธอ แล้วเธอก็ได้รับบัพติสมาในถังน้ำ.
และความปรารถนาของเธอที่จะเป็นไพโอเนียร์สมทบล่ะ? ระหว่างช่วงที่อากาศดี บางครั้งเธอหายใจได้เองราว ๆ หนึ่งชั่วโมงโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วย. ตอนนั้นเธอสมัครเป็นไพโอเนียร์สมทบ และผู้ประกาศคนหนึ่งเข็นเก้าอี้ล้อพาเธอไปประกาศตามบ้าน. เนเลนายังได้นำการศึกษาพระคัมภีร์โดยพูดผ่านทางอินเทอร์เน็ตด้วย. บางครั้งพี่น้องหญิงในประชาคมนำการศึกษาพระคัมภีร์ที่บ้านของเนเลนาโดยให้เธอร่วมด้วย. ดังนั้น เนเลนาสามารถเป็นไพโอเนียร์สมทบสามครั้งระหว่างปีที่แล้ว. เธอบอกว่า “ดิฉันยินดีที่ได้ทำตามความปรารถนาทั้งสองอย่าง ทำให้ดิฉันใกล้ชิดพระยะโฮวาพระผู้สร้างองค์เปี่ยมด้วยความรักมากขึ้น.”
การรับมือกับความผิดปกติด้านการพูด. ฮามิช พี่น้องชายวัย 23 ปีซึ่งอยู่ในออสเตรเลีย มีความผิดปกติด้านการพูดอย่างรุนแรงจนทำให้คำพูดของเขาฟังไม่ออก บางครั้งก็พูดไม่ได้เลย. แต่สภาพผิดปกติเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ความกระตือรือร้นของเขาที่จะบรรยายหรือประกาศลดน้อยลง. ตัวอย่างเช่น เพื่อจะบรรยายที่หอประชุม ทีแรกฮามิชพิมพ์บทบรรยายของเขาลงในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่พกพาได้ซึ่งเปลี่ยนข้อความที่พิมพ์เป็นคำพูดที่มีเสียง. เมื่อบรรยาย เขาวางอุปกรณ์นั้นไว้บนโต๊ะ แล้วใช้แป้นพิมพ์เพื่อเลือกข้อความที่ได้เตรียมไว้ก่อน. คนฟังจะได้ยินเสียงที่ออกมาจากอุปกรณ์นั้น โดยไมโครโฟนและถูกขยายด้วยระบบเสียง. เมื่อเขาทำส่วนที่ให้มีการออกความคิดเห็น เขาใช้อุปกรณ์นั้นถามความคิดเห็นและขอบคุณ. ในการประกาศเขาใช้วิธีเดียวกัน มีประโยคต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ และข้อคัมภีร์ที่จะยกขึ้นมาอ้าง และต้องพิมพ์อย่างรวดเร็ว! ผลก็คือ เขามีรายเยี่ยมที่ดีหลายราย. ตั้งแต่ปี 2007 ที่ฮามิชได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยงานรับใช้ เขาเป็นไพโอเนียร์สมทบปีละหลายครั้ง.