ตู้ปัญหา
◼ เราควรคำนึงถึงอะไรถ้าต้องการยกทรัพย์สินบางส่วนหรือทั้งหมดให้องค์การของพระยะโฮวาเมื่อเราเสียชีวิต?
เมื่อคนเราตาย เราไม่สามารถดูแลทรัพย์สินของตนได้อีกต่อไป. (ผู้ป. 9:5, 6) ดังนั้น หลายคนจึงทำเอกสารทางกฎหมายล่วงหน้าหรือพินัยกรรมเพื่อแจ้งความประสงค์ว่าจะให้ทำอย่างไรกับทรัพย์สินของตน. (2 กษัต. 20:1) โดยปกติแล้ว พินัยกรรมจะระบุชื่อผู้ที่เขาต้องการให้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการดูแลทรัพย์สินหรือผู้จัดการมรดกด้วย. ถ้าไม่มีการทำพินัยกรรม ในหลายประเทศเจ้าหน้าที่ของรัฐจะตัดสินว่าจะแบ่งทรัพย์สินของผู้ตายอย่างไร. ดังนั้น ถ้าเราต้องการยกทรัพย์สินบางส่วนหรือทั้งหมดให้องค์การของพระยะโฮวา ก็นับว่าสำคัญที่เราจะเขียนพินัยกรรมและเลือกผู้จัดการดูแลทรัพย์สินหรือผู้จัดการมรดกอย่างรอบคอบ.
ผู้จัดการดูแลทรัพย์สินหรือผู้จัดการมรดกมีหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญ. การรวบรวมแล้วแบ่งทรัพย์สินอาจเกี่ยวข้องกับรายละเอียดหลายอย่างและอาจกินเวลานานซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนทรัพย์สินที่มี. นอกจากนั้น บ่อยครั้งต้องทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่รัฐ. ไม่ใช่ทุกคนในประชาคมจะเป็นผู้จัดการดูแลทรัพย์สินหรือผู้จัดการมรดกที่ดีโดยอัตโนมัติ. คนที่เราเลือกควรเป็นคนที่เรารู้ว่ามีความสามารถ, ไว้ใจได้, และยินดีทำตามความปรารถนาของเรา.—ดูบทความ “The Wisdom and Benefits of Estate Planning” ในตื่นเถิด! (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 8 ธันวาคม 1998.
ถ้าคุณถูกขอให้เป็นผู้จัดการดูแลทรัพย์สินหรือผู้จัดการมรดก: ถ้ามีคนหนึ่งขอให้คุณจัดการทรัพย์สินเมื่อเขาเสียชีวิต ไม่ว่าคุณจะเต็มใจหรือไม่ คุณต้องคิดให้รอบคอบก่อนพร้อมด้วยการอธิษฐานว่าคุณจะสามารถทำหน้าที่นี้ได้หรือไม่. (ลูกา 14:28-32) หลังจากคนนั้นเสียชีวิต คุณจะต้องแจ้งทุกคนที่มีชื่ออยู่ในผู้รับประโยชน์. จากนั้นเมื่อคุณมีอำนาจตามกฎหมาย เป็นหน้าที่ของคุณที่จะแบ่งทรัพย์สินตามกฎหมายและเป็นไปตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหรือตามที่ได้รับมอบหมายให้จัดการ. ผู้จัดการดูแลทรัพย์สินหรือผู้จัดการมรดกควรจำไว้ว่าไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะมีมากหรือน้อย คุณต้องทำตามสิ่งที่เขียนไว้ในพินัยกรรมอย่างเคร่งครัด. มรดกที่ยกให้นิติบุคคลที่พยานพระยะโฮวาใช้ถือเป็นเงินบริจาคที่เป็นขององค์การของพระยะโฮวา.—ลูกา 16:10; 21:1-4