โยบ
1 มีชายคนหนึ่งในแผ่นดินอูสชื่อโยบ*+ เขาเป็นคนดีและซื่อสัตย์*+ เขาเกรงกลัวพระเจ้าและไม่ทำชั่ว+ 2 เขามีลูกชาย 7 คนกับลูกสาว 3 คน 3 เขามีแกะ 7,000 ตัว อูฐ 3,000 ตัว วัว 1,000 ตัว* และลา* 500 ตัว รวมทั้งคนรับใช้มากมาย เขาจึงร่ำรวยกว่าใครในดินแดนทางตะวันออกทั้งหมด
4 ลูกชายของโยบแต่ละคนผลัดกันจัดงานเลี้ยงที่บ้านของตนตามวันที่กำหนดไว้ พวกเขาจะเชิญพี่สาวน้องสาวทั้งสามคนมากินและดื่มด้วยกัน 5 เมื่อเลี้ยงครบรอบแล้ว โยบจะใช้คนไปเรียกลูก ๆ มาชำระตัวให้บริสุทธิ์ เขาจะตื่นแต่เช้าและถวายเครื่องบูชาเผา+สำหรับลูกแต่ละคน เพราะโยบบอกว่า “ลูก ๆ ของเราอาจจะทำบาปและลบหลู่พระเจ้าในใจ” โยบทำอย่างนี้เป็นประจำ+
6 วันหนึ่ง ลูก ๆ ของพระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้*+มาประชุมกันต่อหน้าพระองค์+ ซาตาน+ก็มาด้วย+
7 พระยะโฮวาถามซาตานว่า “ไปไหนมา?” ซาตานตอบพระยะโฮวาว่า “ไปเดินเที่ยวในโลกมา”+ 8 พระยะโฮวาพูดกับซาตานว่า “เคยสังเกตโยบผู้รับใช้ของเราไหม? ไม่มีใครในโลกเหมือนเขา ทั้งดีทั้งซื่อสัตย์*+ เป็นคนเกรงกลัวพระเจ้าและไม่ทำชั่ว” 9 ซาตานตอบพระยะโฮวาว่า “คิดหรือว่าโยบเกรงกลัวพระเจ้าโดยไม่หวังอะไร? 10 พระองค์ปกป้องตัวเขา+ ครอบครัวของเขา และทุกสิ่งที่เขามีไม่ใช่หรือ? เขาทำอะไรพระองค์ก็อวยพร+ และฝูงสัตว์ของเขาก็เพิ่มขึ้นจนเต็มแผ่นดิน 11 แต่ลองทำให้เขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างดูสิ เขาจะแช่งด่าพระองค์แน่ ๆ!” 12 พระยะโฮวาจึงพูดกับซาตานว่า “เอาละ เจ้าจะทำอะไรกับสิ่งที่เขามีก็ได้ แต่อย่าได้แตะต้องตัวเขาเป็นอันขาด!” ซาตานจึงไปจากพระยะโฮวา+
13 ในวันที่ลูกชายกับลูกสาวของโยบกำลังกินเลี้ยงอยู่ที่บ้านพี่ชายคนโต+ 14 มีคนมาบอกโยบว่า “ตอนที่วัวกำลังไถนาและลากำลังกินหญ้าอยู่ใกล้ ๆ 15 ชาวเสบาบุกมาปล้นทั้งวัวทั้งลาไปและฆ่าฟันคนรับใช้ตายหมด! ผมรอดมาได้แค่คนเดียวก็เลยมาบอกท่าน”
16 เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีอีกคนหนึ่งมาบอกโยบว่า “ไฟของพระเจ้า*พุ่งลงมาจากสวรรค์เผาทั้งแกะทั้งคนเลี้ยงตายหมด! ผมรอดมาได้แค่คนเดียวก็เลยมาบอกท่าน”
17 เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีอีกคนหนึ่งมาบอกโยบว่า “ทหารเคลเดีย+ 3 กองบุกมาปล้นเอาอูฐไปและฆ่าฟันคนรับใช้ตายหมด! ผมรอดมาได้แค่คนเดียวก็เลยมาบอกท่าน”
18 เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีอีกคนหนึ่งมาบอกโยบว่า “ตอนที่ลูกชายกับลูกสาวของท่านกำลังกินเลี้ยงอยู่ที่บ้านพี่ชายคนโต 19 จู่ ๆ ก็มีพายุจากที่กันดารพัดมาถล่มจนบ้านพังทับลูก ๆ ของท่านตายหมด! ผมรอดมาได้แค่คนเดียวก็เลยมาบอกท่าน”
20 โยบจึงลุกขึ้นฉีกเสื้อ โกนหัว แล้วหมอบลงกับพื้นนมัสการพระเจ้า 21 และพูดว่า
“ผมออกมาจากท้องแม่ตัวเปล่า
และผมจะไปตัวเปล่า+
พระยะโฮวาให้ได้+ พระยะโฮวาก็เอาไปได้
ขอให้ชื่อของพระยะโฮวาได้รับการสรรเสริญต่อ ๆ ไป”
22 แม้จะเจอเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โยบก็ไม่ได้ทำบาปหรือกล่าวหาว่าพระเจ้าทำผิดเลย*
2 หลังจากนั้น ลูก ๆ ของพระยะโฮวาพระเจ้าเที่ยงแท้*+มาประชุมกันต่อหน้าพระองค์อีก+ ซาตานก็มาอยู่ต่อหน้าพระยะโฮวาด้วย+
2 พระยะโฮวาถามซาตานว่า “ไปไหนมา?” ซาตานตอบพระยะโฮวาว่า “ไปเดินเที่ยวในโลกมา”+ 3 พระยะโฮวาพูดกับซาตานว่า “เคยสังเกตโยบผู้รับใช้ของเราไหม? ไม่มีใครในโลกเหมือนเขา ทั้งดีทั้งซื่อสัตย์*+ เป็นคนเกรงกลัวพระเจ้าและไม่ทำชั่ว เขายังคงซื่อสัตย์อยู่+ทั้ง ๆ ที่เจ้าท้าเราให้ทำร้าย*เขา+โดยไม่มีเหตุผล” 4 ซาตานตอบพระยะโฮวาว่า “หนังแทนหนัง มนุษย์ยอมสละได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด 5 แต่ลองทำร้ายตัวเขาดูสิ เขาจะแช่งด่าพระองค์แน่ ๆ!”+
6 พระยะโฮวาจึงพูดกับซาตานว่า “เอาละ เจ้าจะทำอะไรกับเขาก็ได้ แต่อย่าให้ถึงตายเด็ดขาด!” 7 ซาตานจึงไปจากพระยะโฮวาและทำให้โยบเป็นฝีร้าย*+ตั้งแต่หัวจดเท้า 8 โยบจึงเอาเศษหม้อที่แตกมาขูดตามตัวและนั่งบนกองขี้เถ้า+
9 แล้วภรรยาของโยบมาพูดกับเขาว่า “ยังจะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าอยู่อีกหรือ? แช่งด่าพระเจ้าแล้วตาย ๆ ไปเถอะ!” 10 แต่โยบพูดกับเธอว่า “ทำไมพูดจาเหมือนผู้หญิงโง่อย่างนี้! เราจะเอาแต่อะไรดี ๆ จากพระเจ้าเที่ยงแท้ แล้วอะไรที่ไม่ดีจะไม่เอาเลยหรือ?”+ แม้จะเจอเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โยบก็ไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ดีเลย+
11 เมื่อเพื่อน* 3 คนของโยบ คือเอลีฟัส+ชาวเทมาน บิลดัด+ชาวชูอาห์+ และโศฟาร์+ชาวนาอามาห์ได้ยินเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับโยบ พวกเขาจึงนัดกันเดินทางจากบ้านของตัวเองไปปลอบใจและร่วมทุกข์กับโยบ 12 พวกเขาเห็นโยบแต่ไกลแต่จำไม่ได้ พอรู้ว่าเป็นโยบพวกเขาก็ร้องไห้เสียงดัง ฉีกเสื้อ และเอาฝุ่นซัดใส่หัว+ 13 แล้วนั่งอยู่กับโยบบนพื้นดิน 7 วัน 7 คืนโดยไม่พูดกับเขาสักคำเพราะเห็นว่าโยบทุกข์ทรมานมากเหลือเกิน+
3 หลังจากนั้น โยบก็แช่งวันที่ตัวเองเกิดมา+ 2 โยบพูดว่า
3 “ขอให้วันที่ผมเกิดมาพินาศ+
ให้คืนที่มีคนพูดว่า ‘มีเด็กเกิด!’ พินาศไปด้วย
4 ขอให้วันนั้นมืดมน
ขอพระเจ้าเบื้องบนอย่าสนใจวันนั้น
ให้วันนั้นไม่มีแสงสว่าง
5 ขอให้ความมืดมิดปกคลุม*วันนั้น
ให้วันนั้นมีแต่เมฆฝน
ให้ความมืดที่น่ากลัวบดบังแสงของวันนั้นเสีย
6 ขอให้คืนนั้นเป็นคืนที่มืดมิด+
อย่าให้วันนั้นเป็นวันที่มีความสุข
อย่านับวันนั้นไว้ในเดือนไหนเลย
7 คงจะดีถ้าคืนนั้นไม่มีใครเกิดมา
ขอให้คืนนั้นไม่มีเสียงร้องดีใจ
9 ขอให้ดาวตอนรุ่งเช้าของวันนั้นมืดไป
อย่าให้วันนั้นได้พบแสงสว่าง
อย่าให้วันนั้นเห็นแสงอาทิตย์ยามเช้า
10 เพราะแม่คลอดผมในวันนั้น+
ผมจึงหนีความทุกข์ไม่พ้น
11 ทำไมผมไม่ตายตั้งแต่เกิด?
ทำไมผมไม่ตายตั้งแต่ตอนคลอด?+
12 ทำไมถึงมีตักให้ผมนอน
และมีนมให้ผมดูด?
13 ไม่อย่างนั้น ตอนนี้ผมคงได้นอนอย่างสงบ+
และได้หลับพักผ่อน+
14 กับพวกกษัตริย์และที่ปรึกษา
ที่เคยสร้างสุสานของตัวเองซึ่งพังไปหมดแล้ว
15 กับพวกเจ้านายซึ่งมีทองคำ
และมีเงินเต็มบ้าน
16 ทำไมผมไม่เป็นเหมือนเด็กที่ตายในท้องแม่
ซึ่งไม่เคยได้เห็นแสงสว่าง?
17 ในหลุมศพ แม้แต่คนชั่วก็ไม่ร้อนใจ
และคนที่เหน็ดเหนื่อยก็ได้พักผ่อน+
18 ที่นั่น พวกนักโทษต่างก็อยู่อย่างสงบ
พวกเขาไม่ได้ยินเสียงคนไล่ให้ไปทำงาน
19 ที่นั่น ไม่ว่าคนใหญ่คนโตหรือคนต่ำต้อยก็เหมือนกัน+
ทาสก็เป็นอิสระจากนาย
20 ทำไมพระองค์ให้คนที่ทุกข์ยากเห็นแสงสว่างต่อไป
และให้คนที่ทุกข์ทรมานยังมีชีวิตอยู่?+
21 ทำไมคนที่อยากตายไม่ได้ตาย?+
พวกเขาโหยหาความตายยิ่งกว่าโหยหาสมบัติที่ซ่อนอยู่
22 พวกเขาดีใจเหลือเกินที่ได้ลงหลุมศพเสียที
23 ทำไมพระเจ้าทำให้คนคนหนึ่งอับจนหนทาง+
แต่ก็ให้เขาเห็นแสงสว่างต่อไป?
25 เพราะสิ่งที่ผมหวาดหวั่นเกิดขึ้นกับผมแล้ว
และสิ่งที่ผมกลัวก็เป็นจริงแล้ว
26 ผมไม่สบายใจ ไม่สงบใจ และไม่ได้พักผ่อน
ความทุกข์ก็ยังประดังเข้ามาอีกไม่หยุดหย่อน”
4 เอลีฟัส+ชาวเทมานจึงพูดว่า
2 “ถ้ามีคนพูดกับคุณ คุณจะทนฟังหน่อยได้ไหม?
เพราะผมนิ่งเงียบต่อไปไม่ไหวแล้ว
3 คุณเคยตักเตือนหลายคน
และให้กำลังใจคนที่อ่อนแอ
4 คำพูดของคุณทำให้คนที่สะดุดล้มลุกขึ้นได้
และทำให้คนที่อ่อนแรงมีกำลังขึ้น
5 แต่พอเกิดเรื่องกับคุณบ้าง คุณกลับรับมือไม่ได้
พอเจอกับตัวเอง คุณก็ไม่รู้จะทำอย่างไร*
6 ที่คุณเกรงกลัวพระเจ้าไม่ได้ช่วยให้คุณมั่นใจเลยหรือ?
ที่คุณซื่อสัตย์+ไม่ได้ทำให้คุณมีความหวังต่อไปหรือ?
7 อย่าลืมสิ คนบริสุทธิ์ไม่มีวันเจอเรื่องร้าย ๆ
คนซื่อตรงก็ไม่เคยถูกทำลาย
8 เท่าที่ผมเคยเห็นมา ใครที่เพาะความเสียหาย*
และหว่านความยุ่งยากก็จะเก็บเกี่ยวอย่างนั้น
9 พวกเขาตายเพราะลมหายใจของพระเจ้า
และพบจุดจบเพราะพระองค์โกรธ
10 สิงโตอาจแผดเสียง และสิงโตหนุ่มขู่คำราม
แต่สิงโตที่แข็งแรงก็ยังฟันหักได้
11 สิงโตตายเพราะไม่มีเหยื่อให้จับกิน
ลูกสิงโตจึงแตกกระเจิงไป
12 วันหนึ่ง ผมได้ยินเสียงลึกลับ
มีอะไรมากระซิบใกล้ ๆ หู
13 ผมเห็นนิมิตที่น่ากลัวตอนกลางคืน
ตอนที่ผู้คนกำลังหลับสนิท
14 ผมกลัวจนตัวสั่น
กลัวจนกระดูกสั่นคลอนไปทั้งตัว
15 อะไรบางอย่างผ่านหน้าผมไป
ผมกลัวจนขนลุก
16 แล้วมันก็หยุดนิ่ง
ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
มันหยุดอยู่ตรงหน้าผม
ทุกอย่างเงียบสงบ แล้วผมก็ได้ยินเสียงพูดว่า
17 ‘คนเราจะมีความยุติธรรมยิ่งกว่าพระเจ้าได้หรือ?
คนเราจะบริสุทธิ์ยิ่งกว่าผู้ที่สร้างเขาได้หรือ?’
18 แม้แต่ผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ยังไม่ไว้ใจ
ขนาดทูตสวรรค์* พระองค์ยังคอยจับผิด
19 แล้วนับประสาอะไรกับคนผิดบาปซึ่งเป็นเหมือนบ้านที่ทำจากดินเหนียว
ซึ่งสร้างไว้บนดิน+
และถูกบดขยี้ง่ายเหมือนผีเสื้อกลางคืน
20 ยังไม่ทันข้ามวัน พวกเขาก็ถูกบดขยี้จนย่อยยับ
พวกเขาสาบสูญไปตลอดกาลโดยไม่มีใครสังเกต
21 พวกเขาเป็นเหมือนเต็นท์ที่ถูกดึงเชือกออกแล้วก็พังลงมา
พวกเขาตายอย่างคนโง่
5 “ร้องไปเถอะ ไม่มีใครช่วยคุณหรอก
คุณจะขอทูตสวรรค์*องค์ไหนมาช่วย?
2 คนโง่จะตายเพราะความแค้น
คนเซ่อจะตายเพราะความอิจฉา
3 ผมเคยเห็นคนโง่เจริญรุ่งเรือง
แต่จู่ ๆ บ้านของเขาก็ถูกสาปแช่ง
4 ลูก ๆ ของเขาก็ไม่ปลอดภัย
พวกเขาถูกข่มเหงที่ประตูเมือง+โดยไม่มีใครช่วย
5 คนหิวโซจะมาเอาพืชผลของเขาไปกิน
แม้แต่พืชผลที่ขึ้นกลางดงหนามก็ไม่เหลือ
สมบัติของเขากับลูก ๆ ก็ถูกหลอกเอาไป
6 ความเดือดร้อนคงไม่ผุดขึ้นจากดินได้เอง
และจู่ ๆ ความลำบากคงไม่โผล่ขึ้นจากพื้นดิน
7 เพราะคนเราเกิดมาก็ต้องลำบาก
เหมือนที่เปลวไฟต้องชี้ขึ้นฟ้า*
8 ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะขอให้พระเจ้าช่วย
ผมจะขอให้พระเจ้าตัดสินคดีให้ผม
9 พระองค์ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินจะเข้าใจได้
และทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย
10 พระองค์ให้มีฝนตกบนโลก
และให้มีน้ำรดลงบนไร่นา
11 พระองค์ยกฐานะคนต่ำต้อยให้สูงขึ้น
และช่วยคนสิ้นหวังให้รอดชีวิต
12 พระองค์ขัดขวางแผนการของคนเจ้าเล่ห์
งานที่พวกเขาทำจึงไม่สำเร็จ
13 พระองค์จับคนฉลาดด้วยอุบายของเขาเอง+
แผนการของคนมีเล่ห์เหลี่ยมจึงล้มเหลว
14 แม้เป็นตอนกลางวันพวกเขาก็เหมือนอยู่ในความมืด
แม้แต่ตอนเที่ยงวันพวกเขาก็คลำหาทางเหมือนเป็นตอนกลางคืน
15 พระองค์ปกป้องคนจนจากคำพูดของคนเจ้าเล่ห์ที่เป็นเหมือนดาบ
และช่วยเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของคนที่กดขี่
16 คนต่ำต้อยจึงมีความหวัง
แต่คนชั่วจะต้องหุบปาก
17 คนที่พระเจ้าว่ากล่าวตักเตือนก็มีความสุข
ดังนั้น อย่าขัดขืนเลยถ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุดสั่งสอนคุณ
18 เพราะพระองค์ทำให้เจ็บ แต่ก็พันแผลให้
และพระองค์ทำให้หัก แต่จะรักษาให้
19 แม้จะเจอภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า พระองค์ก็จะช่วยคุณ
ถึงจะมีภัยพิบัติหกอย่างเจ็ดอย่าง คุณก็จะไม่เป็นอะไร
20 พระองค์จะช่วยคุณให้รอดตายในเวลาอดอยาก
และจะช่วยให้พ้นคมดาบในเวลาสงคราม
21 พระองค์จะปกป้องคุณจากคำพูดที่เป็นเหมือนแส้+
และเมื่อหายนะมาเยือน คุณก็จะไม่กลัว
22 คุณจะหัวเราะเยาะความพินาศและความหิวโหย
คุณจะไม่กลัวสัตว์ป่ามาทำร้าย
23 ก้อนหินในทุ่งนาจะไม่สร้างปัญหาให้คุณ*
และสัตว์ป่าในทุ่งจะไม่ทำอันตรายคุณ
24 เต็นท์ของคุณจะปลอดภัย*แน่นอน
และเมื่อคุณตรวจดูทุ่งหญ้าก็จะไม่เห็นว่ามีอะไรหายไป
25 คุณจะมีลูกดกและจะมีลูกหลานมากมาย
เหมือนหญ้าที่งอกงามบนพื้นดิน
26 เมื่อถึงเวลาที่คุณจะตาย คุณจะยังแข็งแรงอยู่
เหมือนฟ่อนข้าวที่เก็บเกี่ยวเมื่อถึงเวลา
27 พวกเราใคร่ครวญแล้วเห็นว่าเรื่องเหล่านี้เป็นความจริง
ฟังและยอมรับเสียเถอะ”
6 โยบตอบว่า
2 “ถ้าเอาความทุกข์ทรมาน+ทั้งหมดของผม
และภัยพิบัติที่ผมเจอมาชั่งรวมกัน
3 มันจะหนักยิ่งกว่าทรายในทะเล
ผมจึงพูดไปโดยไม่ยั้งคิด+
4 ลูกธนูของผู้มีพลังอำนาจสูงสุดเสียบทะลุตัวผม
พิษของมันกระจายไปทั่วร่าง
ความทุกข์ที่พระเจ้าส่งมาถาโถมเข้าใส่ผม ทำให้ผมหวาดกลัวมาก
5 ลาป่า+จะร้องไหมถ้ามันมีหญ้ากิน?
วัวจะร้องไหมถ้ามันมีฟางกิน?
6 ใครจะกินอาหารจืดชืดโดยไม่ใส่เกลือ?
ไข่ขาวดิบจะมีรสชาติอะไร?
7 ผมไม่แตะสิ่งเหล่านั้นเลย
มันเป็นเหมือนอาหารปนเปื้อน
8 ขอให้พระเจ้าตอบคำขอของผมเถอะ
และขอให้ผมได้อย่างที่ต้องการ
9 ขอพระเจ้าทำให้ผมตายไปเสีย
ขอพระองค์ลงมือจัดการกับผม+
10 ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงจะมีความสุข
ผมจะกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีแม้จะเจ็บปวดแสนสาหัส
เพราะผมประกาศคำสอนของพระเจ้าองค์บริสุทธิ์+
11 ผมจะมีเรี่ยวแรงรอต่อไปได้หรือ?+
ผมจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร?
12 ผมไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนหิน
และตัวผมไม่ได้ทำจากทองแดง
13 มีทางไหนที่ผมจะช่วยเหลือตัวเองได้หรือ
ในเมื่อไม่มีใครช่วยผมแล้ว
15 พี่ชายน้องชายของผมไว้ใจไม่ได้+
เหมือนลำธารที่มีน้ำในฤดูหนาวแต่ไม่นานก็แห้งไป
16 เมื่อน้ำแข็งและหิมะละลาย
น้ำในลำธารก็ขุ่น
17 แต่พอถึงฤดูร้อนลำธารเหล่านั้นก็แห้งหาย
เมื่ออากาศร้อนลำธารก็เหือดแห้ง
18 ลำธารเหล่านั้นเปลี่ยนเส้นทางเรื่อย ๆ
มันไหลสู่ทะเลทรายแล้วก็หายไป
19 กองคาราวานจากเทมา+มองหาลำธารเหล่านั้น
20 พวกเขาอับอายเพราะคิดว่าจะเจอน้ำ
แต่เมื่อมาถึงที่นั่นพวกเขาก็ผิดหวัง
22 ผมเคยขออะไรจากพวกคุณ
หรือเคยขอให้พวกคุณเอาของขวัญไปให้คนอื่นแทนผมไหม?
23 ผมเคยขอให้พวกคุณช่วยผมจากศัตรู
หรือช่วย*ผมจากคนที่กดขี่ไหม?
24 สอนผมสิแล้วผมจะฟัง+
บอกให้ผมเข้าใจสิว่าผมทำผิดอะไร
25 คำพูดจริงใจไม่ทำให้เจ็บปวด+
แต่ที่พวกคุณว่าผมแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร?+
26 พวกคุณจะบอกว่าผมพูดผิดหรือ?
ผมก็เหมือนคนสิ้นหวังที่พูดไปเรื่อยเปื่อย+
28 ตอนนี้ หันมามองผมสิ
เพราะผมไม่โกหกพวกคุณ
29 คิดดูดี ๆ เถอะ อย่าตัดสินว่าผมทำชั่ว
คิดให้ดีอีกครั้ง เพราะผมยังเป็นคนดีอยู่
30 ผมพูดอะไรที่ชั่วร้ายหรือ?
คิดว่าผมไม่รู้หรือว่ากำลังเจออะไรอยู่?
7 “ชีวิตคนบนโลกนี้มีแต่งานหนัก
และเป็นเหมือนกรรมกรไม่ใช่หรือ?+
2 เป็นเหมือนทาสที่อยากพักใต้ร่มเงา
และเป็นเหมือนคนงานที่รอรับค่าจ้าง+
3 ผมมีชีวิตที่ไร้ค่ามาหลายเดือน
และทุกข์ทรมานมาหลายคืนแล้ว+
4 ตอนนอนผมคิดว่า ‘เมื่อไรจะถึงเวลาตื่น?’+
แต่กลางคืนก็ยาวนาน ผมจึงนอนพลิกไปพลิกมาจนถึงเช้า
8 คนที่เห็นผมตอนนี้ก็จะไม่ได้เห็นผมอีก
พระองค์จะมองหาผม แต่ผมไม่อยู่แล้ว+
10 เขาจะไม่กลับมาที่บ้านอีก
คนในบ้านเขาก็จะลืมเขา+
11 ฉะนั้น ผมจะไม่นิ่งเงียบ
ผมจะพูดด้วยความปวดร้าวใจ
ผมจะคร่ำครวญด้วยความทุกข์ระทม+
12 ผมเป็นทะเลหรือสัตว์ทะเลตัวใหญ่
ที่พระองค์ต้องมาเฝ้าผมไว้หรือ?
13 เมื่อผมบอกว่า ‘เก้าอี้นอนจะช่วยให้ผมคลายเศร้า
และเตียงจะช่วยให้ผมคลายทุกข์’
14 พระองค์ก็ใช้ความฝันมาทำให้ผมกลัว
และใช้นิมิตทำให้ผมหวาดผวา
15 จนผมอยากจะกลั้นใจตาย
ดีกว่ามีชีวิตอยู่ในร่างกายนี้+
16 ผมเกลียดชีวิตของผม+ ผมไม่อยากอยู่ต่อไปอีกแล้ว
ทิ้งผมไว้คนเดียวเถอะ เพราะชีวิตผมไม่ต่างอะไรกับลมหายใจเฮือกหนึ่ง+
17 มนุษย์เป็นใครกันที่พระเจ้าต้องมาห่วงใยและสนใจ?+
18 ทำไมพระองค์คอยสอดส่องดูมนุษย์ทุกเช้า
และทดสอบเขาอยู่เรื่อย ๆ?+
19 พระองค์จะหันหน้าไปจากผม
และทิ้งผมไว้ตามลำพังสักอึดใจหนึ่งไม่ได้หรือ?+
20 ถ้าผมได้ทำบาป สิ่งที่ผมทำจะสร้างความเดือดร้อนให้กับพระองค์ผู้เฝ้าดูมนุษย์+ได้หรือ?
ทำไมพระองค์พุ่งเป้ามาที่ผม?
ผมเป็นภาระของพระองค์หรือ?
21 ทำไมพระองค์จะให้อภัยความผิด
และยกโทษให้ผมไม่ได้?
เพราะอีกไม่นานผมก็จะตายกลับกลายเป็นดินแล้ว+
พระองค์จะมองหาผม แต่ผมไม่อยู่แล้ว”
2 “คุณจะพูดอย่างนี้อีกนานแค่ไหน?+
คำพูดไร้สาระของคุณเป็นแค่ลมพัดแรง
3 พระเจ้าจะบิดเบือนความยุติธรรมหรือ?
ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดจะบิดเบือนความถูกต้องหรือ?
4 ถ้าลูกของคุณทำบาปต่อพระองค์
พระองค์ก็ลงโทษพวกเขาเพราะความผิดของพวกเขาเอง
5 แต่ถ้าคุณขอให้พระเจ้าช่วย+
และขอร้องผู้มีพลังอำนาจสูงสุดให้เมตตา
6 และถ้าคุณบริสุทธิ์และซื่อตรงจริง ๆ+
พระองค์ก็คงจะช่วยคุณ
และทำให้คุณกลับไปเป็นเหมือนเดิม
7 และแม้ตอนแรกคุณจะตกต่ำ
แต่วันข้างหน้าคุณจะเจริญรุ่งเรือง+
8 ถามคนรุ่นก่อนดูเถอะ
และสนใจสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ค้นพบ+
9 เพราะพวกเราเพิ่งเกิดมาเมื่อวานนี้และไม่รู้อะไรเลย
ชีวิตพวกเราบนโลกสั้นนัก*
10 พวกเขาจะสอนคุณ
และจะบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับคุณ
11 ต้นกกจะงอกในที่ที่ไม่มีหนองน้ำได้หรือ?
ต้นอ้อจะงอกในที่ที่ไม่มีน้ำได้หรือ?
12 พวกมันจะเหี่ยวแห้งก่อนพืชอื่น ๆ
ทั้งที่ยังมีดอกและยังไม่ถูกตัดไป
13 ทุกคนที่ลืมพระเจ้าก็ได้รับผลอย่างนี้แหละ
เพราะคนที่ทิ้งพระเจ้าจะไม่มีความหวังอะไร
14 เขาพึ่งพาสิ่งที่ไร้ประโยชน์
และสิ่งที่เขาไว้ใจก็บอบบางเหมือนกับใยแมงมุม
15 เขาจะยืนพิงบ้านของเขา แต่มันจะพังลงมา
เขาพยายามเกาะมันไว้ แต่มันก็พังอยู่ดี
16 เขาเป็นเหมือนพืชเขียวสดที่อยู่กลางแดด
แผ่กิ่งก้านสาขาจนเต็มสวน+
17 รากของมันเลื้อยพันกองหิน
ชอนไชลงไปหวังจะอาศัยอยู่ที่นั่น
18 แต่เมื่อมันถูกถอนออกไป
ที่นั่นจะไม่ยอมรับมันและบอกว่า ‘นี่ใคร ไม่เคยเห็นเลย!’+
19 มันจึงสาบสูญไป+
แล้วพืชอื่น ๆ ก็จะงอกขึ้นมาแทน
20 พระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งคนที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์*แน่ ๆ
และพระองค์จะไม่ช่วยคนชั่ว
21 พระองค์จะทำให้คุณหัวเราะได้
และจะทำให้คุณร้องตะโกนด้วยความดีใจ
22 คนที่เกลียดคุณจะอับอายขายหน้า
เต็นท์ของคนชั่วจะไม่มีอีกเลย”
9 โยบตอบว่า
2 “ที่จริง ผมก็รู้ว่าเป็นอย่างนั้น
แต่มนุษย์จะเป็นฝ่ายถูกได้อย่างไรเมื่อมีคดีกับพระเจ้า?+
3 มีใครอยากโต้แย้งกับพระองค์*หรือ?+
ถ้าพระองค์ถามเขาพันข้อ เขาคงตอบไม่ได้สักข้อเดียว
4 พระองค์มีสติปัญญา*และมีพลังมาก+
ไม่มีใครสู้กับพระองค์แล้วไม่บาดเจ็บ+
5 พระองค์ย้าย*ภูเขาโดยไม่มีใครรู้
พระองค์พลิกภูเขาด้วยความโกรธ
6 พระองค์เขย่าโลกจนเคลื่อนออกจากที่
ทำให้เสาของโลกสั่นสะเทือน+
7 พระองค์สั่งดวงอาทิตย์ไม่ให้ส่องแสง
และปิดแสงดวงดาวไว้+
8 พระองค์กางท้องฟ้าออกด้วยพระองค์เอง+
และเหยียบคลื่นสูงในทะเล+
9 พระองค์สร้างกลุ่มดาวอาช* กลุ่มดาวเคซีล*
กลุ่มดาวคีมาห์*+ และกลุ่มดาวทางซีกฟ้าใต้
10 พระองค์ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินจะเข้าใจได้+
และทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย+
11 พระองค์ผ่านผมไป แต่ผมไม่เห็นพระองค์
พระองค์เดินผ่านผม แต่ผมไม่สังเกตเห็น
12 เมื่อพระองค์คว้าอะไรไป ใครจะขวางพระองค์ได้?
ใครจะถามพระองค์ได้ว่า ‘ทำไมพระองค์ทำอย่างนี้?’+
14 ดังนั้น เวลาผมพูดอะไรกับพระองค์
ผมต้องระมัดระวังคำพูดให้มาก
15 แม้ผมเป็นฝ่ายถูก ผมก็จะไม่ตอบโต้+
ผมได้แต่อ้อนวอนขอความเมตตาจากพระองค์ผู้พิพากษา*ผม
16 ถ้าผมเรียกพระองค์ พระองค์จะตอบผมไหม?
ผมไม่เชื่อว่าพระองค์จะฟังผม
17 เพราะพระองค์ใช้พายุทำให้ผมย่อยยับ
และทำให้ผมมีบาดแผลมากมายโดยไม่มีเหตุผล+
18 พระองค์ไม่ให้ผมได้หายใจ
พระองค์คอยซ้ำเติมผมให้ช้ำใจอยู่เรื่อย
19 ถ้าจะพูดถึงพลัง พระองค์มีพลังยิ่งกว่าใคร+
ถ้าจะพูดถึงความยุติธรรม พระองค์ก็บอกว่า ‘ไม่มีใครกล่าวหาเราได้’*
20 ถึงผมเป็นฝ่ายถูก ผมก็จะพูดว่าตัวเองผิด
ถึงผมซื่อสัตย์ต่อพระองค์* พระองค์ก็จะบอกว่าผมผิดอยู่ดี
21 แม้ผมซื่อสัตย์จริง ๆ* ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร
ผมเกลียดชีวิตตัวเอง
22 ผมจึงคิดว่าไม่เห็นมีอะไรแตกต่าง
ไม่ว่าคนไม่มีความผิด*หรือคนชั่วก็ถูกพระองค์ทำลายเหมือนกัน
23 ถ้าเกิดน้ำท่วมฉับพลันทำให้คนตายทันทีทันใด
พระองค์คงจะหัวเราะเยาะคนไม่มีความผิดที่กำลังสิ้นหวัง
มีพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่ทำอย่างนี้ได้
25 ชีวิตผมผ่านไปเร็วกว่านักวิ่งเสียอีก+
และผมไม่ได้พบเจออะไรดี ๆ เลย
26 มันผ่านไปเร็วเหมือนเรือที่ทำจากต้นอ้อ
และเหมือนนกอินทรีโฉบเหยื่อ
27 ถึงผมบอกว่า ‘ผมจะลืมให้หมดว่าเคยคร่ำครวญอะไรไว้
และทำหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส’
28 แต่ความเจ็บปวดทรมานก็ยังทำให้ผมกลัว+
และผมรู้ว่าพระองค์จะเห็นว่าผมผิด
29 ในเมื่อผมจะต้องเป็นคนผิด*อยู่แล้ว
ผมจะต่อสู้ไปทำไมให้เสียแรงเปล่า?+
30 ถึงผมจะเอาน้ำที่ละลายจากหิมะมาล้างตัว
และใช้สบู่ล้างมือ+
31 พระองค์ก็จะจับตัวผมจุ่มในบ่อโคลน
จนแม้แต่เสื้อผ้าของผมก็ยังรังเกียจผม
32 เพราะพระองค์ไม่ใช่มนุษย์เหมือนผม
ผมจึงไม่มีทางตอบโต้และสู้คดีกับพระองค์ได้+
33 ไม่มีใครไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้ง*ระหว่างผมกับพระองค์
หรือเป็นผู้พิพากษาคดีระหว่างเราได้
34 ถ้าพระองค์จะหยุดตีผม*
และไม่ทำให้ผมหวาดหวั่น+
35 ผมก็จะกล้าพูดกับพระองค์
เพราะผมไม่มีอะไรต้องกลัว
10 “ผมเกลียดชีวิตตัวเอง+
ผมจะคร่ำครวญไม่หยุด
และจะระบายความทุกข์ออกมา
2 ผมจะบอกพระเจ้าว่า ‘ขออย่าตัดสินว่าผมทำผิด
บอกผมมาเถอะว่าพระองค์ต่อสู้ผมทำไม
3 พระองค์ได้ประโยชน์อะไรที่กดขี่ผม
เหยียดหยามผู้ที่พระองค์สร้างมา+
และไปฟังคำพูดของคนชั่ว?
4 พระองค์มีตาเหมือนตามนุษย์หรือ?
พระองค์เห็นอย่างที่มนุษย์เห็นหรือ?
5 ชีวิตพระองค์สั้นเหมือนชีวิตมนุษย์หรือ+
6 พระองค์ถึงได้จ้องจับผิด
และเฝ้าดูว่าผมทำบาปไหม?+
8 พระองค์ปั้นและสร้างผมมากับมือ+
แล้วตอนนี้พระองค์จะทำลายผมหรือ?
10 พระองค์เทผมออกเหมือนเทน้ำนม
และทำให้ผมเป็นตัวเป็นตนเหมือนทำเนยแข็งไม่ใช่หรือ?
11 พระองค์หุ้มผมด้วยหนังและเนื้อ
พระองค์ถักทอผมขึ้นด้วยกระดูกและเส้นเอ็น+
13 แต่พระองค์ก็ยังจงใจทำแบบนี้อย่างลับ ๆ*
ผมรู้ว่าเป็นฝีมือของพระองค์
14 ถ้าผมทำผิด พระองค์ก็เฝ้าดูอยู่+
และพระองค์จะไม่ยกโทษให้ผม
15 ถ้าผมผิดจริง ผมคงแย่แน่ ๆ
16 พอผมเงยหน้าได้ พระองค์ก็ตามล่าผมเหมือนสิงโตล่าเหยื่อ+
และใช้กำลังทำร้ายผมอีก
17 พระองค์ให้พยานใหม่ ๆ มาปรักปรำผม
และยิ่งโกรธผมมากขึ้นไปอีก
ผมจึงทุกข์ลำบากไม่หยุดหย่อน
18 พระองค์ให้ผมออกมาจากท้องแม่ทำไม?+
ผมน่าจะตายไปก่อนที่ใคร ๆ จะเห็นผมด้วยซ้ำ
19 จะได้เหมือนกับว่าไม่เคยมีผมอยู่เลย
เพราะผมเกิดมาก็ลงหลุมไปทันที’
20 ผมจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว+ ขอพระเจ้าอย่ายุ่งกับผมเลย
ขอพระองค์หันหน้าไปจากผม ผมจะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง+
21 ก่อนที่ผมจะจากไปและไม่กลับมาอีก+
22 สู่ดินแดนที่มืดมน
ดินแดนที่มีเงามืดและสับสนวุ่นวาย
ที่ที่แม้แต่ความสว่างก็เป็นเหมือนความมืด”
11 โศฟาร์+ชาวนาอามาห์ตอบว่า
2 “คำพูดอย่างนี้จะไม่มีใครแย้งอย่างนั้นหรือ?
แค่พูดมาก ๆ ก็จะกลายเป็นฝ่ายถูกหรือ?*
3 ทุกคนต้องเงียบฟังคุณพูดจาไร้สาระหรือ?
จะไม่มีใครห้ามปรามที่คุณพูดเยาะเย้ยหรือ?+
5 แต่ถ้าพระเจ้าจะพูดกับคุณ+
6 พระองค์คงจะเผยความลับที่ทำให้คุณมีสติปัญญา
เพราะสติปัญญามีหลายแง่มุม
แล้วคุณจะรู้ว่าพระเจ้าไม่ได้จดจำความผิดทุกอย่างของคุณด้วยซ้ำ
7 คุณจะเข้าใจสิ่งลึกซึ้งของพระเจ้า
หรือรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้มีพลังอำนาจสูงสุดได้หรือ?
8 สติปัญญานั้นสูงกว่าท้องฟ้า คุณจะเอามาได้หรือ?
สติปัญญานั้นลึกกว่าหลุมศพ* คุณจะรู้ได้หมดหรือ?
9 สติปัญญานั้นยาวกว่าแผ่นดินและกว้างกว่าทะเล
10 ถ้าพระองค์มาจับคนหนึ่งไปขึ้นศาล
ใครจะขัดขวางพระองค์ได้?
11 เพราะพระองค์รู้ว่าใครโกหกหลอกลวง
เมื่อพระองค์เห็นความชั่ว พระองค์จะไม่ใส่ใจหรือ?
12 แต่คนโง่จะเข้าใจ
ก็ต่อเมื่อลาป่าออกลูกเป็นคนเท่านั้น
13 คุณน่าจะตั้งใจและชูมือขึ้นอธิษฐานต่อพระองค์
14 ถ้าคุณทำผิดอยู่ก็เลิกเสียเถอะ
และอย่าให้มีการทำชั่วในเต็นท์คุณเลย
15 เพราะถ้าอย่างนั้น คุณก็จะสู้หน้าใคร ๆ ได้
คุณจะมั่นคงและไม่ต้องกลัวอะไร
16 แล้วคุณจะลืมความทุกข์ของคุณ
คุณจะคิดว่ามันเป็นแค่สายน้ำที่ไหลผ่านไป
17 ชีวิตคุณจะสว่างสดใสยิ่งกว่าตอนเที่ยงวัน
แม้แต่ความมืดก็จะเป็นเหมือนแสงสว่างยามเช้า
18 คุณจะมั่นใจเพราะมีความหวัง
คุณจะมองไปรอบ ๆ และนอนหลับได้เพราะรู้สึกปลอดภัย
19 คุณจะนอนโดยไม่มีใครมาทำให้คุณกลัว
คนมากมายจะมาเอาใจคุณ
12 โยบตอบว่า
2 “แน่ละ พวกคุณรู้ไปหมด
และถ้าคุณตาย สติปัญญาก็จะหายไปด้วย
3 แต่ผมก็มีความรู้*เหมือนกัน
ผมไม่ได้ด้อยกว่าพวกคุณเลย
ใคร ๆ ก็รู้เรื่องพวกนี้
ใครที่เป็นคนดีและไม่มีตำหนิก็จะถูกหัวเราะเยาะอย่างนี้แหละ
5 คนที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อนก็ดูถูกความหายนะ
และคิดว่ามีแต่คนที่ชีวิตตกต่ำ*เท่านั้นถึงจะเจอเรื่องแบบนี้
6 บ้านของโจรก็ยังสงบสุข+
คนที่ทำให้พระเจ้าโมโหเพราะไหว้รูปเคารพก็ยังอยู่สบายดี+
7 ลองถามพวกสัตว์ดูสิ แล้วมันจะสอนคุณ
ถามนกในท้องฟ้าด้วย แล้วมันจะบอกคุณ
8 มองดู*โลกรอบตัวคุณสิ แล้วมันจะสอนคุณ
ปลาในทะเลก็จะบอกคุณด้วย
9 สิ่งเหล่านี้ไม่รู้หรือว่าพระยะโฮวาสร้างมันมากับมือ?
10 ทุกชีวิตอยู่ในมือพระองค์
ทั้งลมหายใจของมนุษย์ทุกคนด้วย+
12 ยิ่งมีอายุ ยิ่งมีสติปัญญา+
และยิ่งอายุยืน ก็ยิ่งมีความเข้าใจไม่ใช่หรือ?
14 เมื่อพระองค์รื้ออะไรลง ใครจะสร้างสิ่งนั้นใหม่ก็ไม่ได้+
เมื่อพระองค์ปิดอะไรไว้ จะไม่มีใครเปิดได้
16 พระองค์มีกำลังและสติปัญญา+
ทั้งคนที่หลงผิดและคนที่ทำให้คนอื่นหลงผิดก็อยู่ในกำมือพระองค์
17 พระองค์ทำให้พวกที่ปรึกษาเดินเท้าเปล่า*
และทำให้พวกผู้พิพากษากลายเป็นคนโง่+
18 ถ้ากษัตริย์สั่งให้ล่ามใครไว้พระองค์ก็มาปล่อย+
และพระองค์เอาเข็มขัดคาดเอวพวกเขาไว้
19 พระองค์ทำให้พวกปุโรหิตเดินเท้าเปล่า+
และโค่นพวกผู้มีอำนาจล้นฟ้า+
20 พระองค์ทำให้พวกที่ปรึกษาซึ่งได้รับความไว้วางใจพูดไม่ออก
และทำให้คนเฒ่าคนแก่*ขาดความสุขุมรอบคอบ
21 พระองค์ดูถูกพวกเจ้านาย+
และทำให้พวกผู้มีอำนาจอ่อนแอ*
22 พระองค์เปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ในที่มืด+
และส่องแสงเข้าไปในที่ที่มืดมิด
23 พระองค์ทำให้ชาติทั้งหลายยิ่งใหญ่เพื่อจะทำลายเสีย
พระองค์ขยายอาณาเขตชาติต่าง ๆ แล้วทำให้พวกเขาไปเป็นเชลย
24 พระองค์ทำให้พวกผู้นำขาดความเข้าใจ*
และทำให้พวกเขาเร่ร่อนในที่รกร้างไม่มีทางเดิน+
25 พวกเขาคลำหาทางในที่มืด+ที่ไม่มีแสงสว่าง
พระองค์ทำให้พวกเขาเดินสะเปะสะปะเหมือนคนเมา+
13 “เรื่องพวกนี้ผมเห็นมาหมดแล้ว
ผมเคยได้ยินและเข้าใจดีด้วย
2 ผมรู้พอ ๆ กับที่พวกคุณรู้
ผมไม่ได้ด้อยกว่าพวกคุณเลย
3 ที่จริงผมอยากพูดกับผู้มีพลังอำนาจสูงสุดมากกว่า
ผมอยากโต้แย้งกับพระเจ้า+
4 แต่พวกคุณใส่ร้ายผม
พวกคุณทุกคนเป็นหมอที่ไม่ได้เรื่อง+
5 ถ้าพวกคุณฉลาดก็อย่าพูดอะไรเลยดีกว่า+
6 ขอให้ฟังผมชี้แจง
และตั้งใจฟังผมอธิบาย
7 พวกคุณจะลำเอียงเข้าข้างพระเจ้าหรือ?
พวกคุณจะพูดโกหกเพื่อพระองค์หรือ?
8 พวกคุณจะอยู่ฝ่ายพระองค์
และพยายามแก้ต่างให้พระเจ้าเที่ยงแท้หรือ?
9 ถ้าพระองค์ตรวจสอบพวกคุณบ้าง มันจะดีกับพวกคุณหรือ?+
พวกคุณจะหลอกพระองค์เหมือนหลอกมนุษย์ด้วยกันหรือ?
10 พระองค์จะตำหนิพวกคุณแน่
ถ้าพวกคุณแกล้งทำเป็นเข้าข้างพระองค์+
11 ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ไม่ทำให้พวกคุณหวาดกลัวหรือ?
พวกคุณไม่กลัวพระองค์หรือ?
12 ภาษิตของพวกคุณไร้ค่าเหมือนขี้เถ้า
คำแก้ต่างของพวกคุณหักล้างได้ง่ายเหมือนโล่ที่ทำด้วยดินเหนียว
13 เงียบเถอะ ผมจะได้พูด
แล้วจะเกิดอะไรกับผมก็ให้มันเกิด!
14 ทำไมผมถึงหาเรื่องใส่ตัวอย่างนี้*
และทำไมผมต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง?
15 ถ้าพระองค์จะฆ่าผม ผมก็จะรอพระองค์อยู่+
ผมจะชี้แจงต่อหน้าพระองค์
17 ฟังคำพูดของผมให้ดี
ตั้งใจฟังเรื่องที่ผมจะบอกคุณ
18 ตอนนี้ผมพร้อมจะสู้คดีแล้ว
ผมรู้ว่าผมเป็นฝ่ายถูก
19 จะมีใครโต้แย้งผมไหม?
ผมคงตายแน่ถ้าไม่ได้พูด*
20 ได้โปรดเถอะพระเจ้า ผมขอพระองค์แค่สองอย่าง*
แล้วผมจะไม่หลบหน้าพระองค์
21 ขอเอามือออกไปห่าง ๆ ผม
และอย่าทำให้ผมหวาดกลัวพระองค์+
22 ขอพระองค์เรียก แล้วผมจะตอบ
หรือให้ผมพูด แล้วพระองค์ก็พูดกับผม
23 ผมทำผิดอะไร?
บอกให้ผมรู้เถอะว่าผมทำบาปอะไร?
25 พระองค์จะขู่ใบไม้ที่ถูกลมพัด
และจะไล่ตามฟางแห้งหรือ?
26 เพราะพระองค์จดข้อกล่าวหาผมไว้หมดแล้ว
และให้ผมชดใช้บาปที่ผมทำตอนเป็นหนุ่ม
27 พระองค์เอาเท้าผมใส่ขื่อไว้
ไม่ว่าผมจะไปไหนพระองค์ก็เฝ้าดู
และติดตามผมทุกฝีก้าว
28 มนุษย์*จึงเน่าเปื่อยไป
เหมือนเสื้อผ้าที่ถูกมอดกิน
4 คนบาป*จะให้กำเนิดคนที่ไม่มีบาป*ได้หรือ?+
ไม่มีทาง!
5 ถ้าช่วงชีวิตของมนุษย์ถูกกำหนดให้สั้น
วันเวลาของเขาก็อยู่ในกำมือพระองค์
พระองค์กำหนดขอบเขตที่เขาไม่สามารถข้ามไปได้+
6 หยุดเฝ้าดูเขาเถอะ จนกว่าเขาจะได้พัก
เหมือนลูกจ้างที่เสร็จงานแล้ว+
7 เพราะแม้แต่ต้นไม้ที่ถูกตัด
ก็ยังมีหวังว่าจะงอกขึ้นมาอีก
และจะแตกกิ่งออกมาเรื่อย ๆ
8 ถึงรากที่อยู่ใต้ดินจะแก่แล้ว
และตอที่อยู่ติดดินจะแห้งไป
9 เมื่อได้น้ำสักหน่อยมันก็จะงอกขึ้นมาได้
และแตกกิ่งเหมือนต้นไม้ใหม่
10 แต่เมื่อมนุษย์ตายก็ไม่มีกำลังเหลืออยู่
เมื่อมนุษย์สิ้นลม เขาหายไปไหนล่ะ?+
11 น้ำในทะเลเหือดแห้ง
น้ำในแม่น้ำไหลออกจนแห้งหมด
12 ก็เหมือนกับคนเราที่นอนลงและไม่ลุกขึ้นอีก+
ถึงฟ้าสิ้นดินสลายเขาก็ไม่ตื่น
แม้จะปลุกเท่าไรเขาก็ไม่ตื่น+
13 คงจะดีถ้าพระองค์ซ่อนผมไว้ในหลุมศพ*+
ให้ผมอยู่ที่นั่นจนพระองค์หายโกรธ
และกำหนดเวลาให้ผม แล้วคิดถึงผมอีก+
14 ถ้าคนเราตายแล้วจะมีชีวิตอีกได้หรือ?+
ผมจะรอจนครบกำหนด
จนกว่าจะถึงเวลาที่ผมจะถูกปล่อย+
15 พระองค์จะเรียก และผมจะตอบ+
พระองค์คิดถึง*คนที่พระองค์สร้างมากเหลือเกิน
16 แต่ตอนนี้พระองค์เฝ้าดูผมทุกย่างก้าว
พระองค์มองหาแต่บาปของผม
17 พระองค์เก็บความผิดของผมไว้ในถุง
แล้วใช้กาวติดให้แน่น
18 เช่นเดียวกับภูเขาถล่ม
และก้อนหินใหญ่ถูกย้ายจากที่
19 เหมือนน้ำเซาะหิน
และกระแสน้ำพัดพาดินไป
พระองค์ก็ทำลายความหวังของมนุษย์จนหมดสิ้น
20 พระองค์จัดการเขาจนเขาสาบสูญไป+
พระองค์เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของเขาและไล่เขาไป
21 ถึงลูก ๆ ของเขาได้รับเกียรติ เขาก็ไม่รู้
เมื่อลูกของเขาตกต่ำ เขาก็ไม่รับรู้+
22 เขาเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
และโศกเศร้าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น”
15 เอลีฟัส+ชาวเทมานตอบว่า
2 “คนฉลาดจะโต้แย้งด้วยคำพูดไร้สาระหรือ?
ในใจเขาจะมีแต่ความคิดที่ไม่ดี*หรือ?
3 การพูดติเตียนอย่างเดียวไม่มีประโยชน์อะไรเลย
4 คุณทำลายความเกรงกลัวพระเจ้า
และทำให้ใคร ๆ เสื่อมศรัทธาในพระองค์
5 เพราะคุณทำผิดคุณเลยพูดออกมาอย่างนี้*
คุณพูดแบบมีเล่ห์เหลี่ยม
6 ที่คุณพูดมาก็เข้าตัวเองทั้งนั้น ผมไม่ได้ว่าคุณเลย
คำพูดของคุณมัดตัวคุณเอง+
7 คุณเป็นคนแรกที่เกิดมาหรือ?
คุณเกิดก่อนภูเขาหรือ?
8 ตอนที่พระเจ้าพูดอะไรที่เป็นความลับ คุณได้ยินด้วยหรือ?
คุณฉลาดอยู่คนเดียวหรือ?
9 มีอะไรที่คุณรู้แล้วพวกเราไม่รู้บ้าง?+
มีอะไรที่คุณเข้าใจแล้วพวกเราไม่เข้าใจบ้าง?
10 พวกเรามีทั้งคนผมหงอกและคนสูงอายุ+
ที่อายุมากกว่าพ่อของคุณอีก
11 คุณคิดว่าคำปลอบโยนจากพระเจ้า
และคำพูดที่อ่อนโยนยังไม่พอหรือ?
12 ทำไมคุณอวดดีอย่างนี้?
ทำไมสายตาของคุณมีแต่ความโกรธ?
13 คุณโกรธพระเจ้า
คุณจึงพูดออกไปอย่างนั้น
14 มนุษย์จะบริสุทธิ์ได้หรือ?
มนุษย์ที่เกิดจากผู้หญิงจะเป็นคนดีพร้อมได้หรือ?+
16 แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ที่น่ารังเกียจและเสื่อมทราม+
และดื่มความชั่วเหมือนดื่มน้ำ
17 ตั้งใจฟังผมหน่อย ผมจะบอกอะไรให้
ผมจะเล่าเรื่องที่ผมเคยเห็นมา
18 เรื่องที่คนมีปัญญาได้ยินมาจากบรรพบุรุษ+
และไม่ได้เก็บเป็นความลับ
19 บรรพบุรุษเหล่านั้นเป็นกลุ่มเดียวที่ได้แผ่นดินนี้
และไม่มีคนแปลกหน้าผ่านเข้ามาเลย
20 คนที่ทำชั่วจะทรมานตลอดชีวิต
คนที่กดขี่คนอื่นจะทุกข์ลำบากจนตาย
21 เขาได้ยินเสียงที่น่ากลัว+
โจรจะมาปล้นเขาในยามสงบสุข
22 เขาไม่เชื่อว่าจะหนีความมืดไปได้+
เขาจะต้องตายด้วยดาบ
23 เขาเที่ยวหาอาหารและถามว่า “ที่ไหนมีอาหารบ้าง?”
เขารู้ดีว่าวันคืนอันมืดมนอยู่ไม่ไกลแล้ว
24 ความทุกข์และความปวดร้าวทำให้เขาหวาดกลัว
มันถาโถมใส่เขาเหมือนกษัตริย์ที่พร้อมจะโจมตี
25 เพราะเขาบังอาจต่อสู้พระเจ้า
และท้าทาย*ผู้มีพลังอำนาจสูงสุด
26 เขาวิ่งเข้าใส่พระองค์อย่างดื้อดึง
พร้อมกับโล่หนาและแข็งแรง
27 หน้าของเขาอวบอูมด้วยไขมัน
พุงก็ใหญ่เพราะมีแต่ไขมัน
28 เขาอยู่ในเมืองที่กำลังจะถูกทำลาย
อยู่ในบ้านที่จะไม่มีใครอยู่
และจะกลายเป็นกองหิน
29 เขาจะไม่ร่ำรวยและทรัพย์สินจะไม่เพิ่มขึ้น
เขาจะไม่เหลือสมบัติที่เคยมีอยู่ทั่วแผ่นดิน
30 เขาจะหนีความมืดไม่พ้น
เปลวไฟจะทำให้กิ่งไม้ของเขา*แห้งไป
31 เขาไม่น่าจะหลงไปเพราะวางใจสิ่งที่ไร้ค่า
เพราะเขาจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย
32 เรื่องนี้จะเกิดขึ้นก่อนที่วันของเขาจะมาถึง
เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่กิ่งก้านไม่งอกงามอีกเลย+
33 เขาจะเป็นเหมือนต้นองุ่นที่สลัดลูกที่ยังไม่สุกทิ้งไป
เหมือนต้นมะกอกที่สะบัดดอกของมันให้หลุดร่วง
34 คนทิ้งพระเจ้าทำอะไรก็ไม่เจริญ+
และเต็นท์ของคนที่ชอบสินบนจะถูกไฟเผา
35 พวกเขาคิดแต่เรื่องชั่วช้าและทำแต่เรื่องเลวทราม
และในใจวางแผนหลอกลวงตลอดเวลา”
16 โยบตอบว่า
2 “ผมได้ยินเรื่องแบบนี้มาเยอะแล้ว
แทนที่จะปลอบใจ พวกคุณกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกแย่+
3 เมื่อไรจะเลิกพูดไร้สาระเสียที?
ทำไมคุณพูดกับผมแบบนี้?
4 ผมก็พูดอย่างคุณได้
5 แต่ผมจะไม่ทำ ผมจะพูดให้กำลังใจคุณ
และพูดปลอบโยนคุณให้คลายทุกข์+
6 ถึงผมพูด ผมก็ไม่หายเจ็บปวด+
และถ้าไม่พูด ผมก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี
7 พระเจ้าทำให้ผมหมดแรง+
และทำลายครอบครัวของผมจนหมดสิ้น
8 พระองค์ยังจับตัวผมไว้ด้วย และใคร ๆ ก็เห็น
ผมผอมมากจนใคร ๆ ก็คิดว่าผมทำผิด
9 พระองค์โกรธจนฉีกผมเป็นชิ้น ๆ และเคียดแค้นผม+
พระองค์กัดฟันเพราะโกรธผม
ศัตรูจ้องผมเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ+
11 พระองค์มอบผมไว้กับพวกเด็กผู้ชาย
และผลักไสผมให้ไปอยู่ในกำมือคนชั่ว+
12 ผมเคยอยู่อย่างสุขสบายแต่พระองค์ก็มาทำลายผม+
พระองค์คว้าคอและเหยียบย่ำผม
แล้วก็พุ่งเป้ามาที่ผม
13 พลธนูของพระองค์ล้อมผมไว้+
พระองค์แทงที่ไต+ของผมและไม่เมตตาเลย
พระองค์เทน้ำดีของผมลงพื้น
14 พระองค์โจมตีผมครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนเจาะกำแพง
พระองค์วิ่งเข้าใส่ผมเหมือนนักรบ
16 ผมร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ+
และตาดำคล้ำ*
17 ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยทำร้ายใคร
และคำอธิษฐานของผมก็บริสุทธิ์
18 ได้โปรดเถอะพื้นดิน อย่ากลบเลือดของผมไว้+
และอย่าปิดซ่อนเสียงร้องของผม
19 ตอนนี้ พยานของผมอยู่ในสวรรค์
ผู้ที่จะแก้ต่างให้ผมนั้นอยู่เบื้องบน
21 ขอใครสักคนช่วยตัดสินข้อขัดแย้งระหว่างผมกับพระเจ้า
เหมือนที่ตัดสินคดีของมนุษย์+
22 เพราะอีกไม่กี่ปีผมก็จะจากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว+
17 “ผมไม่มีกำลังเหลือแล้ว วันเวลาของผมหมดลงแล้ว
หลุมศพก็คอยผมอยู่+
2 มีแต่คนเยาะเย้ยผม+
ผมจ้องดูพวกเขาทำชั่ว
3 ขอพระองค์สัญญาว่าจะช่วยผม
มีใครอีกหรือที่จะช่วยผมได้?
4 เพราะพระองค์ทำให้พวกเขาขาดความเข้าใจ+
พระองค์จึงไม่ยกย่องพวกเขา
5 เขาเอาของของตัวเองแบ่งให้เพื่อน ๆ
ส่วนลูกของเขาเองก็มองตาละห้อย
7 ผมตามัวเพราะความปวดร้าว+
และแขนขาเหลือแต่กระดูก
8 คนซื่อตรงตกใจเมื่อเห็นผม
คนที่ทิ้งพระเจ้าทำให้คนดีไม่สบายใจ
10 พวกคุณจะเถียงกับผมใหม่ก็ได้
ผมไม่เห็นว่าพวกคุณฉลาดสักคน+
12 พวกเขาเปลี่ยนความมืดเป็นความสว่าง
พวกเขาเอาแต่พูดว่า ‘ใกล้จะสว่างแล้ว’ ทั้งที่ยังมืดอยู่แท้ ๆ
14 ผมจะเรียกหลุม+นั้นว่า ‘พ่อ’
และเรียกหนอนว่า ‘แม่’ กับ ‘พี่สาว’
15 ความหวังของผมอยู่ที่ไหน?+
มีใครคิดไหมว่าผมยังมีหวังอยู่?
16 ความหวังนั้นจะลงไปที่ประตูหลุมศพ*ซึ่งใส่กลอนไว้
ตอนที่เรากลายเป็นดินเหมือนกัน”+
18 บิลดัด+ชาวชูอาห์ตอบว่า
2 “คุณจะพูดแบบนี้อีกนานแค่ไหน?
ถ้าคุณมีความเข้าใจสักหน่อย เราก็จะคุยกันต่อได้
4 ถึงคุณจะโกรธจนฉีกตัวเองเป็นชิ้น ๆ
แต่คุณจะทำให้โลกร้าง
หรือให้หินก้อนใหญ่เคลื่อนไปตามใจคุณไม่ได้หรอก
5 ที่จริง แสงสว่างของคนชั่วจะต้องดับ
และเปลวไฟของเขาจะไม่สว่าง+
6 แสงสว่างในเต็นท์ของเขาจะมืดลง
และตะเกียงของเขาจะดับ
7 จากที่เคยก้าวยาว ๆ อย่างกระฉับกระเฉง เขาจะเดินก้าวสั้น ๆ
และเขาจะสะดุดล้มเพราะคำแนะนำของตัวเอง+
8 เขาจะเดินไปหาตาข่าย
และจะเดินหลงไปติดร่างแห
9 กับดักจะงับส้นเท้าเขา
และบ่วงแร้วจะรัดเขาไว้+
10 มีเชือกซ่อนไว้ดักเขาบนพื้น
และมีกับดักบนทางที่เขาเดิน
11 ความหวาดกลัวจู่โจมเขาทุกด้าน+
และไล่ตามเขาไปติด ๆ
13 โรคร้ายกัดกินผิวหนังเขา
และลามไปทั่วแขนขา
14 เขาถูกลากออกมาจากเต็นท์ที่สงบสุข+
และถูกพาไปหาความตายที่น่ากลัว
16 เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่เหี่ยวแห้ง
ตั้งแต่รากถึงกิ่ง
17 ทั้งโลกจะพากันลืมเขา
ผู้คนตามถนนจะไม่รู้จักชื่อเขา*
18 เขาจะถูกไล่จากความสว่างไปสู่ความมืด
และถูกขับออกจากแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์
19 เขาจะไม่มีลูกหลานอยู่ในตระกูล
และจะไม่มีใครเหลืออยู่ในแผ่นดินของเขา*
20 เมื่อวันของเขามาถึง คนทางตะวันตกจะตื่นตระหนก
และคนทางตะวันออกจะหวาดกลัว
21 นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของคนทำผิด
และคนไม่รู้จักพระเจ้า”
19 โยบตอบว่า
4 ถ้าผมทำผิดจริง
มันก็เป็นเรื่องของผม
5 ถ้าพวกคุณยังจะยกตัวเองเหนือกว่าผม
และอ้างว่าทำถูกแล้วที่ด่าว่าผม
6 ก็ขอให้รู้ไว้ว่า พระเจ้านั่นแหละที่หลอกลวงผม
พระองค์ใช้ตาข่ายจับผม
7 ผมร้องคร่ำครวญไม่หยุดว่า ‘ผมถูกทำร้าย!’ แต่ไม่มีใครฟัง+
ผมร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม+
8 พระองค์ตั้งกำแพงหินกั้นทางเดินของผมจนผมผ่านไปไม่ได้
และทำให้ทางของผมมืดมิด+
9 พระองค์ทำให้ผมไม่เหลือศักดิ์ศรี
และถอดมงกุฎออกจากหัวผม
10 พระองค์โจมตีผมจากทุกทิศทางจนย่อยยับ
พระองค์ทำลายความหวังของผมเหมือนถอนรากต้นไม้
11 พระองค์โกรธผมมาก
และมองผมเป็นศัตรู+
12 กองทัพของพระองค์มาล้อมผม
และตั้งค่ายรอบเต็นท์ของผม
13 พระองค์ไล่พี่น้องของผมไปไกล
คนที่รู้จักผมก็หนีหน้าไปหมด+
15 แขกในบ้าน+และทาสหญิงมองผมเป็นคนแปลกหน้า
พวกเขาเห็นผมเป็นคนต่างชาติ
16 ผมเรียกหาคนรับใช้ แต่เขาไม่ตอบ
ผมถึงกับต้องอ้อนวอนให้เขาเห็นใจ
17 ภรรยาผมรังเกียจลมหายใจของผม+
และพี่น้องท้องเดียวกันก็ยังขยะแขยงผม
18 แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็ดูถูกผม
พวกเขาหัวเราะเยาะตอนที่ผมลุกขึ้น
21 ได้โปรดเถอะเพื่อน สงสารผมหน่อย
พระเจ้าทำร้ายผมแล้ว+
23 ผมอยากให้เขียนคำพูดของผมไว้
อยากให้จดไว้ในสมุด
24 สลักมันไว้บนหินด้วยเหล็กแหลมและตะกั่ว
ให้มันคงอยู่ตลอดไป
25 เพราะผมรู้ดีว่าผู้ที่ไถ่ผมยังมีชีวิตอยู่+
ในที่สุดเขาจะมาและลุกขึ้นยืนบนแผ่นดิน
26 หลังจากผิวหนังของผมเสียไปหมดแล้ว
ตอนที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมก็จะได้เห็นพระเจ้า
27 ผมเองจะเห็นพระเจ้า
ผมจะเห็นพระองค์ด้วยตาของผม คนอื่นจะไม่เห็น+
แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยล้าเต็มที
28 เพราะพวกคุณพูดว่า ‘เราไปข่มเหงเขาเมื่อไร?’+
เหมือนกับจะบอกว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากตัวผม
29 พวกคุณนั่นแหละที่ต้องกลัวดาบ+
เพราะคนทำผิดจะถูกลงโทษด้วยดาบ
พวกคุณควรรู้ว่ามีผู้พิพากษาอยู่”+
20 โศฟาร์+ชาวนาอามาห์ตอบว่า
2 “ผมไม่สบายใจจนต้องพูดออกมา
เพราะผมรู้สึกหงุดหงิดมาก
3 ผมได้ยินคุณพูดดูถูกผม
และเพราะผมมีความเข้าใจผมจึงต้องตอบ
4 คนรู้ดีอย่างคุณคงจะรู้อยู่แล้ว
เพราะมันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่มีมนุษย์*อยู่บนโลก+
5 คนชั่วร้องดีใจได้ไม่นาน
และคนทิ้งพระเจ้ามีความสุขแค่ชั่วคราว+
6 แม้เขายิ่งใหญ่คับฟ้า
และหัวของเขาสูงไปถึงเมฆ
7 เขาจะพินาศไปตลอดกาลเหมือนอุจจาระของเขาเอง
คนที่เคยเห็นเขาจะพากันถามว่า ‘เขาไปไหนแล้ว?’
8 เขาจะสลายไปเหมือนความฝัน และจะไม่มีใครเห็นเขาอีก
เขาจะเลือนหายไปเหมือนภาพฝันตอนกลางคืน
9 คนที่เคยเห็นเขาจะไม่ได้เห็นเขาอีก
ครอบครัวของเขาก็จะไม่เห็นหน้าเขาด้วย+
10 ลูก ๆ ของเขาจะไปขอให้คนจนช่วย
และเขาจะต้องคืนสมบัติที่เอาของคนอื่นมา+
11 กระดูกของเขาเคยมีเรี่ยวแรงเหมือนคนหนุ่ม
แต่เรี่ยวแรงของเขาจะไปอยู่กับเขาในดิน
12 ถ้าความชั่วเป็นเหมือนของหวานในปากเขา
และเขาอมมันไว้ใต้ลิ้น
13 ถ้าเขาดื่มด่ำกับรสชาติของมันจนไม่อยากคาย
และให้มันอยู่ในปากอย่างนั้น
14 อาหารนั้นจะกลับเปรี้ยวในท้องเขา
และจะเป็นเหมือนพิษงูเห่าอยู่ในตัวเขา
15 เขากลืนความมั่งคั่งลงไป แต่ก็ต้องอาเจียนออกมา
พระเจ้าจะเอามันออกมาจากท้องเขา
16 เขาจะดูดกินพิษงูเห่า
และจะตายเพราะเขี้ยว*งู
17 เขาจะไม่ได้เห็นสายน้ำอีก
และไม่ได้เห็นน้ำผึ้งกับน้ำนม*ที่ไหลมาไม่ขาดสายด้วย
19 เพราะเขาเหยียบย่ำและทอดทิ้งคนยากจน
เขายึดบ้านที่ตัวเองไม่ได้สร้าง
20 เขาจะไม่มีความสงบใจ
และทรัพย์สมบัติจะไม่ช่วยให้เขารอด
21 จะไม่มีอะไรเหลือให้เขากินอีก
เพราะอย่างนั้น ความเจริญรุ่งเรืองของเขาจึงไม่ยั่งยืน
22 พอรวยมาก ๆ เขาก็จะเป็นทุกข์
เขาจะเจอแต่เรื่องร้าย ๆ
23 ตอนที่เขากำลังกินอยู่
พระเจ้าจะเทความโกรธลงมาเหมือนฝน
ให้ไหลเข้าไปในท้องเขาจนเต็ม
24 เมื่อเขาหนีอาวุธเหล็ก
ลูกธนูจากคันธนูทองแดงจะเสียบตัวเขา
26 ทรัพย์สมบัติของเขาจะหายไปในความมืด
ไฟที่ไม่มีใครพัดให้ลุกโชนจะเผาตัวเขา
คนในเต็นท์ของเขาที่เหลือรอดจะเจอหายนะ
27 สวรรค์จะเปิดโปงความผิดของเขา
แผ่นดินจะลุกขึ้นต่อสู้กับเขา
28 น้ำจะพัดบ้านของเขาหายไป
จะมีกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากในวันที่พระเจ้าโกรธ
29 นี่คือของขวัญที่พระเจ้าให้กับคนชั่ว
เป็นมรดกที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้เขา”
21 โยบตอบว่า
2 “ตั้งใจฟังผมให้ดี
เพราะแค่นี้ก็ถือว่าพวกคุณปลอบใจผมแล้ว
3 ทนฟังผมหน่อย
พอผมพูดจบแล้วค่อยเยาะเย้ยผมก็ได้+
4 ผมต่อว่ามนุษย์อยู่หรือ?
ถ้าต่อว่ามนุษย์ ผมคงไม่อดทนถึงขนาดนี้หรอก
5 ดูผมสิแล้วคุณจะตกใจ
และเอามือปิดปากไว้
6 เมื่อคิดเรื่องนี้ผมก็ไม่สบายใจและสั่นไปทั้งตัว
7 ทำไมคนชั่วอยู่จนแก่เฒ่าและร่ำรวย?*+
8 ลูก ๆ ก็อยู่กับเขา
เขายังได้เห็นลูกหลานรุ่นต่อ ๆ มาด้วย
9 บ้านของเขาก็ปลอดภัย ไม่มีอะไรต้องกลัว+
และพระเจ้าไม่ลงโทษเขา
10 วัวตัวผู้ของเขาผสมพันธุ์ได้ดี
วัวตัวเมียก็ไม่เคยแท้ง
11 ลูกเล็กเด็กแดงวิ่งเล่นอยู่นอกบ้านเหมือนฝูงสัตว์
และกระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนาน
13 เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
และลงหลุมศพ*ไปอย่างสงบ
14 แต่เขาพูดกับพระเจ้าเที่ยงแท้ว่า ‘อย่ามายุ่งกับเรา!
เราไม่อยากรู้จักแนวทางของพระองค์+
15 ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดเป็นใครกัน ทำไมเราต้องรับใช้พระองค์?+
ถ้าเรารู้จักพระองค์แล้วเราจะได้อะไร?’+
16 แต่ผมรู้ว่าคนแบบนี้ไม่อาจทำให้ชีวิตรุ่งเรืองไปได้ตลอด+
และผมไม่เคยมีความคิดแบบคนชั่ว*เลย+
17 มีสักกี่ครั้งกันที่ตะเกียงของคนชั่วถูกดับ?+
มีสักกี่ครั้งกันที่เขาเจอหายนะ?
และมีสักกี่ครั้งกันที่พระเจ้าโกรธจนทำลายเขา?
18 เขาเคยเป็นเหมือนฟางที่โดนลมพัดปลิว
หรือเป็นเหมือนแกลบที่ถูกพายุพัดบ้างไหม?
19 ถ้าคนหนึ่งทำผิด พระเจ้าจะลงโทษลูกของเขา
แต่ขอพระเจ้าลงโทษเขาเองเถอะ เขาจะได้รู้สึก+
20 ขอให้เขาเห็นหายนะกับตาของเขาเอง
และให้เขาดื่มความโกรธของผู้มีพลังอำนาจสูงสุด+
21 เพราะถ้าเขาตายไปแล้ว
เขาจะสนใจหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขา?+
23 คนหนึ่งตายไปตอนที่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่+
และชีวิตมีแต่ความสุขความสบาย+
24 ขาของเขาใหญ่และเต็มไปด้วยไขมัน
กระดูกก็แข็งแรง*
25 ส่วนอีกคนตายอย่างทุกข์ทรมาน
ไม่เคยได้กินอะไรดี ๆ เลย
28 เพราะพวกคุณบอกว่า ‘บ้านคนใหญ่คนโตนั้นหายไปไหนล่ะ
และเต็นท์ของคนชั่วหายไปไหนแล้ว?’+
29 พวกคุณไม่เคยถามพวกคนเดินทางหรือ?
พวกคุณไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องที่พวกเขาเล่าหรือว่า
30 เมื่อถึงวันหายนะ คนชั่วก็รอดชีวิต
และในวันแห่งความทุกข์ เขาก็รอดตาย?
31 ใครจะตำหนิสิ่งที่เขาทำ
และใครจะลงโทษที่เขาทำผิด?
32 เมื่อเขาถูกหามไปสุสาน
ก็ยังมียามเฝ้าหน้าหลุมศพเขา
33 แม้แต่ดินที่กลบหน้าเขาก็ยังเบาสบาย+
และมนุษย์ทุกคนก็จะตามเขาไป*+
เหมือนคนมากมายที่ตายไปก่อนเขา
34 แล้วพวกคุณมาปลอบผมทำไม มันไม่ช่วยอะไรเลย+
ที่พวกคุณพูดมามีแต่เรื่องไม่จริงทั้งนั้น!”
22 เอลีฟัส+ชาวเทมานตอบว่า
2 “มนุษย์จะมีค่าอะไรสำหรับพระเจ้า?
คนรอบรู้จะมีประโยชน์อะไรกับพระองค์?+
3 ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดสนใจ*ด้วยหรือที่คุณเป็นคนดี?
พระองค์ได้ประโยชน์อะไรหรือถ้าคุณซื่อสัตย์?+
4 ถ้าคุณเกรงกลัวพระองค์
พระองค์จะพิพากษาลงโทษคุณหรือ?
5 ที่คุณเจออย่างนี้ก็เพราะคุณทำชั่วมามาก
และทำผิดมาตลอดไม่ใช่หรือ?+
6 คุณเอาของประกันจากพี่น้องโดยไม่มีเหตุผล
และยึดเสื้อผ้าจากคนยากจน ปล่อยให้พวกเขาเปลือยเปล่า*+
7 คนที่เหนื่อย คุณก็ไม่เอาน้ำให้ดื่ม
คนที่หิว คุณก็ไม่เอาอาหารให้กิน+
8 ผู้มีอิทธิพลเป็นเจ้าของที่ดินมากมาย+
และผู้มีอภิสิทธิ์เท่านั้นที่ได้อยู่ที่นั่น
9 แต่คุณให้แม่ม่ายกลับไปมือเปล่า
และทำร้ายลูกกำพร้าพ่อ*
10 เพราะอย่างนี้ถึงมีกับดัก*อยู่รอบตัวคุณ+
ทำให้คุณตกใจกลัว
11 เพราะอย่างนี้คุณถึงอยู่ในที่มืดมองอะไรไม่เห็น
น้ำก็ท่วมมิดตัวคุณ
12 พระเจ้าอยู่ในที่สูงบนสวรรค์ไม่ใช่หรือ?
ดูสิ ดวงดาวอยู่สูงขนาดไหน
13 แต่คุณบอกว่า ‘พระเจ้าจะรู้อะไร?
พระองค์มองทะลุความมืดเพื่อจะพิพากษาได้หรือ?
14 เมื่อพระองค์เดินไปมาบนฟ้า*
พระองค์มองอะไรไม่เห็นหรอกเพราะมีเมฆบัง’
17 พวกเขาพูดกับพระเจ้าเที่ยงแท้ว่า ‘อย่ามายุ่งกับเรา!’
และ ‘ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดจะทำอะไรเราได้?’
18 ทั้ง ๆ ที่พระองค์ทำให้บ้านของพวกเขามีแต่ของดี ๆ
(ผมไม่เคยคิดชั่วร้ายแบบนี้เลย)
19 คนดีจะเห็นหายนะของพวกเขาและดีใจ
คนบริสุทธิ์จะเยาะเย้ยพวกเขาว่า
20 ‘ศัตรูของเราถูกทำลายแล้ว
และไฟจะเผาพวกเขาที่เหลือ’
21 คุณต้องรู้จักพระเจ้าอย่างดีแล้วคุณจะอยู่อย่างสงบสุข
และอะไรดี ๆ ก็จะเข้ามาในชีวิต
22 เชื่อฟังกฎหมายของพระองค์เถอะ
และจำคำพูดของพระองค์ไว้ในใจเสมอ+
23 ถ้าคุณกลับมาหาผู้มีพลังอำนาจสูงสุด
ถ้าคุณกำจัดความชั่วออกจากเต็นท์ของคุณ
คุณจะฟื้นตัวได้+
24 ถ้าคุณโยนทองคำ*ของคุณลงดิน
และทิ้งทองคำจากโอฟีร์+ลงในหุบเขาหิน
25 ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดก็จะเป็นเหมือนทองคำ*ของคุณ
และพระองค์จะเป็นเหมือนเงินเนื้อดีที่สุด
26 แล้วผู้มีพลังอำนาจสูงสุดจะทำให้คุณมีความสุข
และคุณจะเงยหน้าขึ้นมองพระเจ้า
27 คุณจะอ้อนวอนพระองค์ แล้วพระองค์จะฟังคุณ
และคุณจะทำตามที่ปฏิญาณไว้
28 ทุกสิ่งที่คุณคิดจะทำก็จะสำเร็จ
และจะมีแสงสว่างส่องทางเดินของคุณ
29 เพราะถ้าคุณพูดโอ้อวด พระเจ้าจะทำให้คุณตกต่ำ
แต่พระองค์จะช่วยคนอ่อนน้อมถ่อมตน
30 พระองค์จะช่วยคนบริสุทธิ์ให้รอด
ดังนั้น ถ้าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด พระองค์จะช่วยคุณให้รอดแน่ ๆ”
23 โยบตอบว่า
2 “จนถึงตอนนี้ผมก็ยังจะบ่น+
ผมถอนใจจนเหนื่อยแล้ว
3 ถ้าผมรู้ว่าจะพบพระเจ้าได้ที่ไหน+
ผมคงไปหาพระองค์ที่นั่น+
4 ผมจะสู้คดีต่อหน้าพระองค์
และจะแก้ต่างให้ตัวเอง
5 ผมจะได้รู้ว่าพระองค์จะตอบผมอย่างไร
และตั้งใจฟังว่าพระองค์พูดอะไร
6 พระองค์จะใช้พลังมหาศาลสู้กับผมไหม?
ไม่หรอก พระองค์จะฟังผมพูดแน่ ๆ+
7 พระองค์จะจัดการคดีของคนซื่อตรงให้เรียบร้อย
และผู้พิพากษาของผมจะตัดสินให้ผมพ้นผิดตลอดไป
8 แต่พอผมไปทางตะวันออก พระองค์ก็ไม่อยู่ที่นั่น
พอผมหันกลับมาก็ไม่พบพระองค์
9 ตอนที่พระองค์ทำอะไรอยู่ด้านซ้าย ผมไม่เห็นพระองค์
พอพระองค์หันมาด้านขวา ผมก็ยังหาพระองค์ไม่เจอ
10 แต่พระองค์รู้ว่าผมทำอะไรมาบ้าง+
เมื่อทดสอบผมแล้ว พระองค์จะเห็นว่าผมเป็นเหมือนทองคำบริสุทธิ์+
11 ผมเดินตามรอยเท้าพระองค์ไปติด ๆ
ผมไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลย+
12 ผมไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์
ผมทำมากกว่าที่พระองค์บอกด้วยซ้ำ+
13 ถ้าพระองค์ตั้งใจจะทำอะไร ใครจะห้ามได้?+
พระองค์อยากทำอะไรพระองค์ก็จะทำ+
14 พระองค์จะทำกับผมอย่างที่พระองค์ตั้งใจไว้ทุกอย่าง
และมีอีกมากที่พระองค์คิดจะทำ
15 เพราะอย่างนี้ผมจึงไม่สบายใจ
และเมื่อคิดถึงพระองค์ผมก็เกรงกลัว
16 พระเจ้าทำให้ผมหวาดหวั่น
และผู้มีพลังอำนาจสูงสุดทำให้ผมหวาดกลัว
17 แต่ผมจะไม่นิ่งเงียบ
แม้จะอยู่ในความมืดมิด
24 “ทำไมผู้มีพลังอำนาจสูงสุดไม่กำหนดเวลาไว้?+
ทำไมคนที่รู้จักพระองค์ไม่เห็นวันของพระองค์?*
2 บางคนย้ายหลักเขตที่ดิน+
และขโมยแกะไปไว้ในทุ่งหญ้าของตัวเอง
3 พวกเขายึดลาของลูกกำพร้าพ่อ
และเรียกร้องให้แม่ม่ายเอาวัวมาค้ำประกันเงินกู้+
4 พวกเขาไล่คนจนออกไปให้พ้นทาง
และคนทุกข์ยากต้องหลบหน้าพวกเขา+
5 คนจนเที่ยวเสาะหาอาหารเหมือนลาป่า+ในที่กันดาร
พวกเขาไปหาอาหารในทะเลทรายมาให้ลูก ๆ
6 พวกเขาต้องเก็บเกี่ยวในนาของคนอื่น
และเก็บองุ่นที่เหลือในไร่ของคนชั่ว
7 ตอนกลางคืนก็นอนตัวเปล่าไม่มีผ้าคลุมตัว+
พวกเขานอนหนาวเพราะไม่มีผ้าห่ม
8 พวกเขาเปียกโชกเพราะฝนจากภูเขา
พวกเขาเกาะหินไว้แน่นเพราะไม่มีที่กำบัง
9 คนชั่วพรากเด็กกำพร้าพ่อไปจากอกแม่+
และเรียกร้องให้คนจนเอาเสื้อผ้ามาค้ำประกันเงินกู้+
10 ทำให้พวกเขาต้องเดินตัวเปล่าไม่มีเสื้อผ้า
พวกเขาหิวโหยทั้ง ๆ ที่ถือฟ่อนข้าวอยู่
11 คนจนตรากตรำทำงานอยู่กลางแดดบนเชิงเขาที่มีกำแพงหิน**
พวกเขาย่ำองุ่นอยู่ในบ่อ แต่ก็ยังกระหาย+
12 คนที่กำลังจะตายร้องครวญครางอยู่ในเมือง
คนที่บาดเจ็บจนเกือบตายร้องขอความช่วยเหลือ+
แต่พระเจ้าไม่สนใจเลย*
แล้วก็คลุมหน้าไว้
16 พวกขโมยเข้า*บ้านคนอื่นตอนกลางคืน
ตอนกลางวันก็อยู่แต่ในบ้าน
พวกเขาไม่คุ้นกับแสงสว่าง+
17 พวกเขากลัวตอนเช้าเหมือนกลัวความมืด
พวกเขาชินกับความมืดที่ใคร ๆ ก็หวาดกลัว
18 แต่พวกเขาถูกน้ำพัดไปอย่างรวดเร็ว
ที่ดินของพวกเขาจะถูกสาปแช่ง+
พวกเขาจะไม่ได้กลับมาที่ไร่องุ่นของตัวเองอีก
20 แม่ของเขาจะลืมเขา หนอนก็จะกินเขา
จะไม่มีใครจำเขาได้อีก+
และคนชั่วจะถูกโค่นเหมือนต้นไม้
21 เขาทำร้ายผู้หญิงที่เป็นหมัน
และข่มเหงแม่ม่าย
22 พระเจ้าจะใช้กำลังกำจัดผู้มีอำนาจ
ถึงพวกเขาจะเจริญรุ่งเรือง แต่พวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่
24 พวกเขารุ่งเรืองอยู่ได้ไม่นาน แล้วก็สาบสูญไป+
พวกเขาตกต่ำ+และถูกรวบรวมไปเหมือนคนอื่น ๆ
และถูกตัดเหมือนรวงข้าว
25 มีใครจะพิสูจน์ว่าผมโกหก
หรือหักล้างคำพูดของผมไหม?”
25 บิลดัด+ชาวชูอาห์ตอบว่า
2 “พระองค์มีอำนาจปกครองและมีพลังน่าเกรงขาม
พระองค์ทำให้สวรรค์*สงบสุข
3 ใครจะนับกำลังพลในกองทัพของพระองค์ได้?
มีใครหรือที่ไม่ได้แสงสว่างจากพระองค์?
4 แล้วสำหรับพระเจ้า มนุษย์จะเป็นคนดีได้อย่างไร?+
มนุษย์ที่เกิดจากผู้หญิงจะไม่มีความผิดได้อย่างไร?+
5 สำหรับพระองค์ แม้แต่ดวงจันทร์ก็ไม่สว่าง
และดวงดาวก็ไม่บริสุทธิ์
6 แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ที่ตายได้ซึ่งเป็นเหมือนหนอน!”
26 โยบตอบว่า
2 “คุณช่วยคนไม่มีกำลังได้ดีเหลือเกิน!
คุณช่วยคนที่หมดแรงได้มากจริง ๆ!+
3 คุณแนะนำคนไม่มีปัญญาได้ดีเหลือเกิน!+
คุณสอนแต่เรื่องฉลาด ๆ ทั้งนั้น!
4 คุณสอนใครอยู่หรือ?
และใครบอกให้คุณพูดอย่างนี้?*
5 แม้แต่คนตายที่ทำอะไรไม่ได้ก็ยังกลัวจนตัวสั่น
พวกเขาอยู่ลึกกว่าทะเลและสัตว์ในทะเลเสียอีก
7 พระองค์กางท้องฟ้าด้านเหนือไว้บนความว่างเปล่า+
และให้โลกห้อยอยู่โดยไม่ติดกับอะไร
8 พระองค์ห่อน้ำไว้ในเมฆ+
เพื่อไม่ให้มันแตกออกเพราะหนักเกินไป
9 พระองค์ซ่อนบัลลังก์ของพระองค์
เอาเมฆคลุมไว้ไม่ให้ใครเห็น+
11 เมื่อพระองค์ส่งเสียง
เสาของท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน
12 พระองค์ทำให้ทะเลปั่นป่วนด้วยพลังอำนาจ+
13 เมื่อพระองค์เป่าลมออกมาท้องฟ้าก็สดใส
พระองค์แทงงูที่เลื้อยหนี
14 สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของผลงานที่พระองค์ทำ+
เราได้ยินแค่เสียงกระซิบที่แผ่วเบาของพระองค์เท่านั้น
แล้วใครจะเข้าใจเสียงดังกึกก้องของพระองค์ที่เหมือนฟ้าร้องได้?”+
27 โยบพูด*ต่อไปว่า
2 “ผมขอสาบานต่อพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ซึ่งมีพลังอำนาจสูงสุด
ผู้ไม่ให้ความเป็นธรรมกับผมและทำให้ผมเป็นทุกข์ว่า+
3 ตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจ
และยังมีพลังชีวิตจากพระเจ้า+
4 ปากของผมจะไม่พูดคำหยาบช้า
และจะไม่โกหกหลอกลวงเลย
5 ผมจะไม่มีวันบอกว่าพวกคุณเป็นฝ่ายถูก
และผมจะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าจนวันตาย!+
7 ขอให้ศัตรูของผมเป็นเหมือนคนชั่ว
และให้คนที่ทำร้ายผมเป็นเหมือนคนเลว
8 เพราะคนที่ทิ้งพระเจ้าจะมีความหวังอะไรเมื่อเขาถูกทำลาย+
และพระเจ้าเอาชีวิตเขาไป
9 พระเจ้าจะได้ยินเสียงร้องของเขาไหมเมื่อเขาเป็นทุกข์?+
10 เขาจะดีใจที่ได้ใกล้ชิดผู้มีพลังอำนาจสูงสุดไหม?
และเขาจะอ้อนวอนพระเจ้าอยู่เสมอไหม?
11 ผมจะสอนพวกคุณให้รู้จักพลังของพระเจ้า
ผมจะไม่ปิดบังเรื่องของผู้มีพลังอำนาจสูงสุดเลย
12 ถ้าพวกคุณทุกคนได้เห็นนิมิต
แล้วทำไมยังพูดจาไร้สาระแบบนี้?
13 นี่คือของขวัญที่พระเจ้าให้กับคนชั่ว+
เป็นมรดกที่ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดให้กับคนที่ชอบกดขี่
14 ถ้าเขามีลูกชายหลายคน ลูกของเขาจะตายด้วยดาบ+
และลูกหลานของเขาจะอดอยาก
15 คนที่ยังอยู่ก็จะตายเพราะโรคร้าย
และภรรยาม่ายของพวกเขาจะไม่ร้องไห้เสียใจเลย
16 ถึงเขาจะสะสมเงินไว้มากเหมือนฝุ่น
และมีเสื้อผ้าดี ๆ มากมายเหมือนดิน
17 แต่คนดีจะเอาเสื้อผ้าที่เขาเก็บไว้ไปใส่+
และคนบริสุทธิ์จะเอาเงินของเขาไปแบ่งกัน
18 บ้านที่เขาสร้างพังง่ายเหมือนรังดักแด้
และเหมือนเพิง+ที่คนยามสร้างไว้
19 ตอนที่เข้านอนเขาจะยังร่ำรวย แต่จะสะสมอะไรไว้ไม่ได้
เมื่อเขาลืมตาขึ้น ทุกอย่างก็หายไปหมด
20 ความกลัวถาโถมเข้าใส่เขาเหมือนน้ำท่วม
และพายุพัดเขาไปตอนกลางคืน+
21 ลมจากทิศตะวันออกจะพัดเขาไป และเขาจะสาบสูญไป
ลมนั้นพัดเขาไปจากที่ที่เขาเคยอยู่+
23 มันตบมือเยาะเย้ย+เขาจากที่ที่มันอยู่
3 มนุษย์เอาชนะความมืด
เขาลงไปในที่ลึกที่สุดอันมืดมิดเพื่อหาสินแร่*
4 เขาขุดเป็นปล่องลงไปในที่ห่างไกลผู้คน
ที่ที่ไม่มีใครคิดถึงหรือไม่มีใครเดินเข้าไป
บางคนไต่เชือกลงไปที่นั่น
5 พืชผลงอกขึ้นบนพื้นดิน
แต่ใต้ดินวุ่นวายเหมือนไฟไหม้*
6 ก้อนหินที่อยู่ในนั้นมีพลอยแซปไฟร์
และในดินมีทองคำ
7 นกล่าเหยื่อไม่รู้ทางไปที่นั่น
และเหยี่ยวดำก็ไม่เคยสังเกตเห็น
8 สัตว์ป่าที่น่าเกรงขามไม่เคยเดินอยู่ที่นั่น
สิงโตหนุ่มก็ไม่เข้าไปในนั้นเลย
9 มนุษย์ขุดเจาะหินแข็ง*ด้วยมือ
และทำลายภูเขาจนถึงฐานราก
10 เขาขุดหินเป็นช่องให้น้ำไหลผ่าน+
ตาก็คอยมองหาของมีค่า
11 เขาอุดตาน้ำไว้
และเอาสิ่งที่ซ่อนอยู่ออกมาสู่ที่แจ้ง
13 ไม่มีมนุษย์คนไหนเห็นค่าสติปัญญา+
และไม่มีทางหามันได้ในดินแดนของคนเป็น
14 มหาสมุทรบอกว่า ‘สติปัญญาไม่อยู่ที่นี่’
และทะเลพูดว่า ‘สติปัญญาก็ไม่อยู่ที่นี่เหมือนกัน’+
15 จะเอาทองคำบริสุทธิ์ไปซื้อสติปัญญา
หรือจะเอาเงินไปแลกมาก็ไม่ได้+
16 จะซื้อด้วยทองคำจากโอฟีร์+
หรือด้วยพลอยแซปไฟร์และหินโอนิกซ์ที่หายากก็ไม่ได้
18 ไม่ต้องพูดถึงหินปะการังและหินผลึก+
เพราะสติปัญญามีค่ามากกว่าไข่มุกทั้งถุงด้วยซ้ำ
20 แล้วสติปัญญามาจากไหน?
และความเข้าใจมาจากแหล่งไหน?+
21 ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดมองเห็นมัน+
และนกในท้องฟ้าก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน
22 หลุมศพ*และความตายพูดว่า
‘เราได้ยินแค่ข่าวเล่าลือเกี่ยวกับมันเท่านั้น’
23 พระเจ้าเข้าใจว่าจะหาสติปัญญาได้อย่างไร
พระองค์เท่านั้นที่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน+
24 เพราะพระองค์มองไปทั่วทุกมุมโลก
และเห็นทุกอย่างที่อยู่ใต้ฟ้า+
25 ตอนที่พระองค์กำหนดแรง*ลม+
และตวงน้ำทะเล+
26 ตอนที่พระองค์ตั้งกฎให้ฝน+
และกำหนดทิศทางของเมฆฝนฟ้าคะนอง+
27 ตอนนั้นแหละที่พระองค์เห็นสติปัญญาและพูดถึงมัน
พระองค์ทำให้สติปัญญาเกิดขึ้น แล้วก็ทดสอบมัน
28 และพระองค์บอกมนุษย์ว่า
29 โยบพูด*ต่อไปว่า
2 “ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้
ตอนที่พระเจ้ายังดูแลผมอยู่
3 ตอนที่พระองค์ให้ตะเกียงส่องสว่างเหนือหัวผม
และผมเดินฝ่าความมืดด้วยแสงจากพระองค์+
4 ตอนที่ผมยังหนุ่มแน่น
ตอนที่ผมยังใกล้ชิดพระเจ้าและพระองค์อยู่ในเต็นท์ของผม+
5 ตอนที่ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดยังอยู่กับผม
และลูก ๆ*ก็ห้อมล้อมผม
6 ตอนที่ทางเดินของผมมีนมกับเนยอุดมสมบูรณ์
และหินผามีน้ำมันไหลลงมาให้ผม+
7 ผมเคยไปที่ประตูเมือง+
และนั่งอยู่ที่ลานเมืองเป็นประจำ+
8 ตอนนั้นเมื่อคนหนุ่มเห็นผมก็หลีกทางให้*
แม้แต่คนสูงวัยก็ยังลุกขึ้นยืน+
9 พวกเจ้านายไม่กล้าพูดอะไร
พวกเขาเอามือปิดปากไว้
10 พวกคนใหญ่คนโตก็นิ่งเงียบ
ลิ้นของพวกเขาติดอยู่กับเพดานปาก
11 ใคร ๆ ที่ได้ยินผมพูดก็ออกปากชมเชย
และคนที่เห็นผมก็ยกย่องชื่นชมผม
12 เพราะผมช่วยคนจนที่ร้องขอความช่วยเหลือ+
รวมทั้งเด็กกำพร้าพ่อและคนที่ไม่มีใครช่วย+
14 ความถูกต้องเป็นเหมือนเสื้อผ้าของผม
และความยุติธรรมเป็นเหมือนเสื้อคลุมและผ้าโพกหัว
15 ผมเป็นดวงตาให้คนตาบอด
และเป็นเท้าให้คนง่อย
17 ผมหักขากรรไกรของคนชั่ว+
และดึงเหยื่อออกจากปากของเขา
19 ผมจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่รากแผ่ไปถึงน้ำ
และน้ำค้างจะเกาะอยู่บนกิ่งก้านของผมตลอดคืน
20 จะมีคนให้เกียรติผมเสมอ
และผมจะยิงธนูออกไปเรื่อย ๆ’
21 ใคร ๆ ก็ตั้งใจฟังผมพูด
และนิ่งเงียบรอฟังคำแนะนำจากผม+
22 พอผมพูดจบ พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
สำหรับพวกเขาแล้วคำพูดของผมเป็นเหมือนน้ำที่โปรยปราย*ลงมา
23 พวกเขารอผมเหมือนรอฝน
และรับฟังคำของผมเหมือนดื่มน้ำฝนในฤดูใบไม้ผลิ+
24 เมื่อผมยิ้มให้ พวกเขาก็แทบไม่เชื่อตาตัวเอง
ใบหน้าที่สดชื่นของผมทำให้พวกเขาสบายใจ
25 ผมสั่งพวกเขาเหมือนเป็นหัวหน้า
ผมเป็นเหมือนกษัตริย์ในหมู่กองทหาร+
และเป็นเหมือนผู้ปลอบโยนคนโศกเศร้า+
30 “ตอนนี้คนที่อายุน้อยกว่าผมกลับหัวเราะเยาะผม+
ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนผมไม่ยอมให้พ่อของพวกเขาอยู่กับหมาเฝ้าแกะของผมด้วยซ้ำ
2 แล้วพวกเขาจะมีประโยชน์อะไรกับผม?
เรี่ยวแรงพวกเขาก็ไม่มี
3 พวกเขาหมดแรงเพราะอดอยากขาดแคลน
พวกเขากินดินแห้ง
บนแผ่นดินที่ถูกทำลายและถูกทิ้งร้าง
4 พวกเขาเก็บใบไม้ใบหญ้า*มากิน
และเก็บรากไม้ในป่าที่ไม่มีประโยชน์มาเป็นอาหาร
5 พวกเขาถูกขับไล่ออกจากชุมชน+
ผู้คนตะโกนไล่พวกเขาเหมือนเป็นขโมย
6 พวกเขาอาศัยอยู่ตามหุบเขา
ในโพรงใต้ดินและในซอกหิน
7 พวกเขาร้องออกมาจากพุ่มไม้
และเบียดกันอยู่ในดงต้นตำแย
8 พวกเขาถูกผลักไส*ออกไปจากแผ่นดิน
เพราะเป็นลูกของคนโง่และคนชั้นต่ำ
11 เพราะพระเจ้าทำให้ผมหมดทางสู้*และตกต่ำ
พวกเขาจึงทำอะไรโดยไม่เกรงใจผมเลย
12 พวกเขาลุกฮือขึ้นมาทางขวาของผม
พวกเขาปล่อยให้ผมหนี
แล้วก็ตั้งสิ่งกีดขวางที่เป็นอันตรายไว้ตามทาง
14 พวกเขาเข้ามาเหมือนผ่านช่องกว้างในกำแพง
พวกเขาโจมตีผมตอนที่ผมกำลังแย่
15 ผมหวาดกลัวเหลือเกิน
ศักดิ์ศรีของผมสาบสูญไปเหมือนลม
และความหวังที่ผมจะรอดก็สูญสลายไปเหมือนเมฆ
19 พระเจ้าเหวี่ยงผมลงในโคลน
ผมกลายเป็นแค่ฝุ่นและขี้เถ้า
20 ผมร้องให้พระองค์ช่วย แต่พระองค์ไม่ตอบ+
ผมลุกขึ้นยืน แต่พระองค์มองดูเฉย ๆ
21 พระองค์หันมาเล่นงานผมอย่างหนัก+
พระองค์ทำร้ายผมไม่ยั้งมือ
22 พระองค์ให้ลมหอบผมขึ้นไป
แล้วก็เหวี่ยงผมไปมาในพายุ
23 เพราะผมรู้ว่าพระองค์จะฆ่าผมให้ตาย
และส่งผมไปยังที่ที่ทุกคนต้องไป
24 คงไม่มีใครตีคนบอบช้ำให้ตาย+
ตอนที่เขาร้องขอความช่วยเหลือในยามยากลำบาก
25 ผมเคยร้องไห้เมื่อเห็นคนตกทุกข์ได้ยากไม่ใช่หรือ?
ผมเคยโศกเศร้าเมื่อเห็นคนยากจนไม่ใช่หรือ?+
26 ผมหวังว่าจะได้อะไรดี ๆ แต่กลับเจอเรื่องร้าย ๆ
ผมหวังจะเห็นแสงสว่าง แต่กลับมีความมืด
27 จิตใจของผมไม่เคยสงบ
ความทุกข์ก็ประดังเข้ามา
28 ผมเดินไปมาหน้าตาโศกเศร้า+ ไม่เห็นแสงแดด
ผมลุกขึ้นท่ามกลางฝูงชนและร้องให้คนช่วย
29 ผมกลายเป็นพี่น้องกับหมาใน
และเป็นเพื่อนกับนกกระจอกเทศ+
31 พิณของผมมีไว้เล่นเพลงเศร้าเท่านั้น
และเสียงปี่ของผมคลอไปกับเสียงร้องไห้
31 “ผมได้ทำสัญญาไว้กับตาของผมแล้ว+
ผมจะจ้องมองผู้หญิงอื่น*ได้อย่างไร?+
2 ถ้าผมทำอย่างนั้น ผมจะได้อะไรจากพระเจ้าเบื้องบน
และจะได้มรดกอะไรจากผู้มีพลังอำนาจสูงสุดในสวรรค์?
3 คนชั่วจะต้องเจอหายนะ
และคนที่ทำร้ายคนอื่นต้องพบภัยพิบัติไม่ใช่หรือ?+
4 พระองค์เห็นว่าผมใช้ชีวิตอย่างไร+
และเฝ้าดูผมทุกย่างก้าวไม่ใช่หรือ?
5 ผมเคยโกหกหรือหลอกลวงใครไหม?+
7 ถ้าผมทำอะไรนอกลู่นอกทาง+
หรือใจผมหลงไปกับสิ่งที่ตาเห็น+
หรือมือผมทำเรื่องชั่วช้าเลวทราม
8 ก็ขอให้คนอื่นได้กินพืชผลที่ผมหว่าน+
และให้ต้นไม้ที่ผมปลูกถูกถอนรากถอนโคน*
9 ถ้าผมไปหลงผู้หญิงอื่น+
และดักรอ+อยู่ที่ประตูของเพื่อนบ้าน
10 ก็ขอให้ภรรยาของผมไปโม่แป้งให้ชายอื่น
และให้ชายอื่นนอนกับเธอ+
11 เพราะการทำอย่างนั้นน่าอาย
และเป็นความผิดที่สมควรถูกผู้พิพากษาลงโทษ+
12 มันจะเป็นเหมือนไฟที่เผาผลาญ+
และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี
13 ถ้าคนรับใช้ชายหญิงกล่าวหาผม
และผมไม่ให้ความยุติธรรมกับพวกเขา
14 แล้วผมจะทำอย่างไรถ้าพระเจ้าเอาเรื่องนั้นมาถามผม?
ผมจะตอบอย่างไรเมื่อพระองค์สอบสวนผม?+
15 ผู้ที่สร้างผมในท้องแม่ก็สร้างพวกเขาด้วยไม่ใช่หรือ?+
พระเจ้าองค์เดียวกันได้สร้างพวกเราไม่ใช่หรือ?+
16 ถ้าผมไม่ยอมให้ของกับคนจนเมื่อพวกเขาร้องขอ+
หรือถ้าผมทำให้แม่ม่ายผิดหวัง*+
17 ถ้าผมกินอาหารอยู่คนเดียว
ไม่แบ่งให้ลูกกำพร้า+
18 (ตั้งแต่เป็นหนุ่ม ผมดูแลลูกกำพร้าเหมือนเป็นพ่อของพวกเขา
และตั้งแต่ผมยังเด็ก* ผมคอยช่วยเหลือแม่ม่าย)
19 ถ้าผมเห็นใครกำลังจะหนาวตายเพราะไม่มีเสื้อผ้า
หรือเห็นคนจนไม่มีเสื้อผ้าใส่+
20 ถ้าผมไม่ได้เอาผ้าทอขนแกะของผมให้เขาห่ม
จนเขาสรรเสริญเยินยอผม+
21 ถ้าผมชูกำปั้นใส่ลูกกำพร้า+
เมื่อเขามาขอความช่วยเหลือที่ประตูเมือง*+
22 ก็ขอให้แขน*ของผมหลุดจากไหล่
และกระดูกข้อศอกหักเสีย*
23 เพราะผมกลัวหายนะจากพระเจ้า
และผมคงสู้หน้าพระองค์ผู้มีสง่าราศีไม่ได้
24 ถ้าผมไว้ใจทองคำ
หรือพูดกับทองคำบริสุทธิ์ว่า ‘มีเจ้าแล้วอุ่นใจจริง ๆ’+
25 ถ้าผมดีใจที่ตัวเองร่ำรวย+
เพราะมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย+
26 ถ้าผมเห็นดวงอาทิตย์ส่องแสง
หรือดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า+
27 แล้วใจผมแอบหลงไป
และส่งจูบเพื่อบูชาสิ่งเหล่านั้น+
28 ผมก็มีความผิดสมควรถูกผู้พิพากษาลงโทษ
เพราะผมไม่นับถือพระเจ้าเที่ยงแท้ในสวรรค์
29 ผมเคยดีใจที่เห็นศัตรูพินาศ+
หรือสะใจเมื่อเขาเจอหายนะไหม?
30 ผมไม่เคยทำบาปโดยแช่งเขาให้ตาย+
31 คนในเต็นท์ของผมก็พูดไม่ใช่หรือว่า
33 ผมเคยพยายามปกปิดความผิดเหมือนคนอื่น ๆ+
และซ่อนบาปไว้ในเสื้อหรือ?
34 ผมเคยกลัวฝูงชนนินทา
หรือกลัวครอบครัวของคนอื่นดูหมิ่น
จนต้องนิ่งเงียบและไม่กล้าออกนอกบ้านหรือ?
35 คงจะดีถ้ามีใครฟังผมพูดบ้าง+
ผมจะได้ลงชื่อรับรองคำพูดของผม*
ขอให้ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดตอบผมหน่อย+
ผมอยากให้ผู้ที่กล่าวหาผมเขียนข้อกล่าวหาไว้ในกระดาษ
36 ผมจะได้แบกมันไว้บนบ่า
และพันมันไว้รอบหัวเหมือนมงกุฎ
37 ผมจะได้คอยรายงานพระองค์ทุกฝีก้าว
และเข้าพบพระองค์ได้อย่างมั่นใจเหมือนเป็นขุนนาง
38 ถ้าผืนดินของผมร้องกล่าวโทษผม
และรอยไถก็ร้องไห้ด้วย
39 ถ้าผมกินพืชผลโดยไม่ได้จ่ายเงินซื้อมา+
หรือทำให้เจ้าของที่ดินทุกข์ใจเพราะยึดที่ของเขามา+
40 ก็ขอให้ที่ดินของผมมีต้นหนามงอกขึ้นแทนข้าวสาลี
และมีหญ้าเหม็น ๆ งอกมาแทนข้าวบาร์เลย์”
คำพูดของโยบจบลงแค่นี้
32 ชายทั้งสามจึงไม่พูดอะไรกับโยบอีก เพราะโยบมั่นใจว่าตัวเองไม่ผิด*+ 2 แต่เอลีฮูลูกชายของบาราเคลชาวบูส+ตระกูลรามโกรธมาก เขาโกรธโยบเพราะโยบพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกแทนที่จะเป็นพระเจ้า+ 3 เขาโกรธเพื่อนของโยบทั้งสามคนมากด้วย เพราะพวกเขาตอบโยบไม่ได้ มีแต่ตำหนิพระเจ้าว่าชั่วช้า+ 4 เอลีฮูรอจะพูดกับโยบ เพราะเขาอายุน้อยกว่าคนอื่น ๆ+ 5 เมื่อเอลีฮูเห็นว่าชายทั้งสามคนไม่มีอะไรจะพูดอีก เขาก็โมโห 6 แล้วเอลีฮูลูกชายบาราเคลชาวบูสก็เริ่มพูดว่า
“ผมอายุยังน้อย
ส่วนพวกท่านนั้นอายุมากแล้ว+
ผมจึงไม่ได้พูดอะไรเพราะเกรงใจพวกท่าน+
และผมไม่กล้าบอกพวกท่านว่าผมรู้อะไร
7 ผมคิดว่า ‘ให้คนสูงอายุพูดเถอะ
และให้คนที่อายุมากสอนสิ่งที่พวกเขารู้’
8 แต่มนุษย์ได้พลังจากพระเจ้า
และลมหายใจของผู้มีพลังอำนาจสูงสุดทำให้พวกเขามีความเข้าใจ+
9 อายุมากใช่ว่าจะฉลาดเสมอไป
และไม่ได้มีแต่คนสูงอายุที่เข้าใจอะไรถูกต้อง+
10 ดังนั้น ผมขอร้องว่า ‘ฟังผมเถอะ
แล้วผมจะบอกว่าผมรู้อะไรบ้าง’
11 ผมรอให้พวกท่านพูด
ผมรอฟังว่าพวกท่านคิดอย่างไร+
ตอนที่พวกท่านพยายามสรรหาถ้อยคำมาพูด+
13 ดังนั้น อย่าพูดเลยว่า ‘พวกเราฉลาด’
และอย่าพูดว่า ‘พระเจ้าเป็นผู้พิสูจน์ว่าเขาผิด ไม่ใช่มนุษย์’
14 โยบไม่ได้พูดกับผม
ดังนั้น ผมจะไม่พูดกับเขาแบบเดียวกับที่พวกท่านพูด
15 คนเหล่านี้ถอดใจแล้ว พวกเขาไม่ตอบอะไรอีก
พวกเขาไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
16 ผมรอฟังอยู่ แต่พวกเขาไม่พูดต่อ
พวกเขาเอาแต่ยืนเฉย ไม่พูดอะไรเลย
17 ดังนั้น ผมจะพูดบ้าง
ผมจะบอกว่าผมรู้อะไร
18 เพราะผมอยากพูดอะไรหลายอย่าง
พลังจากพระเจ้าที่อยู่ในตัวผมทำให้ผมต้องพูด
19 ผมอัดอั้นตันใจเหมือนถุงเหล้าองุ่นใหม่ที่จวนจะระเบิด+
20 ขอให้ผมได้พูดเถอะ ผมจะได้สบายใจขึ้น
ผมจะพูดให้พวกท่านฟัง
21 ผมจะไม่เข้าข้างใคร+
และจะไม่ประจบเอาใจใครทั้งนั้น
22 เพราะผมประจบใครไม่เป็น
ถ้าผมทำอย่างนั้น ผู้ที่สร้างตัวผมคงจะจัดการผมทันที
33 “แต่ตอนนี้ท่านโยบ โปรดฟังผมเถอะ
ขอให้ฟังทุกเรื่องที่ผมจะพูด
2 ผมจำเป็นต้องพูด
ผมนิ่งเงียบต่อไปไม่ได้แล้ว
3 คำพูดของผมบอกให้รู้ว่าผมจริงใจ+
และผมบอกเรื่องที่ผมรู้ด้วยความสัตย์จริง
4 พระเจ้าสร้างผมด้วยพลังของพระองค์+
และลมหายใจของผู้มีพลังอำนาจสูงสุดทำให้ผมเกิดมา+
5 ตอบผมเถอะ ถ้าท่านตอบได้
ถ้าท่านมีอะไรจะโต้แย้งผมก็พูดมาเลย
6 ในสายตาของพระเจ้าเที่ยงแท้ ผมไม่ได้ต่างอะไรกับท่าน
ผมก็ถูกสร้างจากดินเหมือนกัน+
7 ดังนั้น อย่ากลัวผมเลย
และไม่ต้องรู้สึกถูกกดดัน
8 แต่ผมได้ยินที่ท่านพูด
ผมได้ยินท่านบอกหลายครั้งว่า
9 ‘ผมบริสุทธิ์ไม่ได้ทำอะไรผิด+
ผมเป็นคนสะอาดไม่เคยทำชั่ว+
10 แต่พระเจ้ายังหาเรื่องเล่นงานผม
พระองค์มองผมเป็นศัตรู+
11 พระองค์เอาเท้าผมใส่ขื่อไว้
ไม่ว่าผมจะไปไหนพระองค์ก็เฝ้าดู’+
12 แต่ที่ท่านพูดนั้นไม่ถูกเลย ผมจึงอยากบอกท่านว่า
พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่ามนุษย์มาก+
13 ทำไมท่านจึงต่อว่าพระองค์?+
เพราะท่านคิดว่าพระองค์ไม่ตอบท่านอย่างนั้นหรือ?+
14 ที่จริง พระเจ้าพูดแล้วพูดอีก
แต่ไม่มีใครสนใจฟังเลย
15 ทั้งในความฝัน ในนิมิตตอนกลางคืน+
ตอนที่ทุกคนกำลังหลับสนิท
ตอนที่พวกเขาหลับอยู่บนเตียง
16 พระองค์ก็เปิดหูพวกเขา+
และประทับคำสอนไว้ในความคิดจิตใจของพวกเขา
17 เพื่อให้คนเราเลิกทำชั่ว+
และไม่หยิ่งจองหอง+
18 พระเจ้าช่วยเขาให้รอดจากหลุมศพ+
และช่วยให้พ้นจากคมดาบ
19 คนเราจะได้บทเรียนเมื่อนอนเจ็บอยู่บนเตียง
และปวดกระดูกอยู่ไม่หาย
20 จนเขาเบื่ออาหาร
ไม่ยอมแตะต้องแม้แต่อาหารดี ๆ+
21 เนื้อของเขาเหี่ยวแห้ง
กระดูกก็โผล่ออกมา
22 เขาใกล้จะลงหลุมแล้ว
และชีวิตเขาอยู่ในเงื้อมมือเพชฌฆาต
23 ถ้ามีผู้ส่งข่าวคนหนึ่ง*มาช่วยเขา
คือผู้ส่งข่าวหนึ่งคนจากหนึ่งพันคนที่จะพูดแทนเขา
เพื่อบอกมนุษย์ว่าอะไรถูกต้อง
24 พระเจ้าก็จะโปรดปรานเขาและพูดว่า
‘เขาไม่ต้องลงหลุมแล้ว+
เรามีค่าไถ่สำหรับเขาแล้ว!+
25 ให้เนื้อหนังของเขาเปล่งปลั่ง*ยิ่งกว่าตอนเป็นเด็ก+
และให้เขากลับมีเรี่ยวแรงเหมือนตอนเป็นหนุ่ม’+
26 เขาจะอ้อนวอนพระเจ้า+ และพระองค์จะเมตตาเขา
เขาจะได้เห็นหน้าพระเจ้าและจะร้องด้วยความดีใจ
และพระองค์จะช่วยให้มนุษย์เป็นคนดีพร้อมในสายตาของพระองค์อีกครั้ง
28 พระองค์ไถ่ชีวิตผมให้รอดจากหลุมศพ+
และผมยังได้เห็นแสงสว่างต่อไป’
29 พระเจ้าทำทั้งหมดนี้
ถึงสองครั้งสามครั้งเพื่อมนุษย์
30 เพื่อช่วยเขาออกจากหลุมศพ
ให้เขาได้เห็นแสงแห่งชีวิต+
31 ท่านโยบ ฟังผมก่อน
อย่าเพิ่งพูดอะไร ผมจะพูดต่อ
32 หรือถ้าท่านมีอะไรจะพูดก็พูดเลย
พูดมาเถอะ เพราะผมก็อยากพิสูจน์ว่าท่านไม่ผิด
33 ถ้าท่านไม่มีอะไรจะพูด ก็ขอให้ฟังผม
นิ่งฟังก่อน แล้วผมจะบอกให้ท่านรู้”
34 แล้วเอลีฮูพูดต่อไปว่า
2 “โปรดฟังผม ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย
ฟังผมเถอะ พวกท่านที่มีความรู้มาก
3 เพราะหูมีไว้ฟังเพื่อจะใคร่ครวญ
เหมือนที่ลิ้น*มีไว้ชิมรสอาหาร
4 ให้เรามาชั่งดูว่าอะไรถูก
ให้เรามาตัดสินกันว่าอะไรดี
6 ผมโกหกหรือที่บอกว่าผมควรถูกพิพากษาอย่างยุติธรรม?
ถึงผมไม่ได้ทำผิด แต่บาดแผลของผมไม่มีทางรักษาแล้ว’+
7 ใครจะเป็นเหมือนโยบ
ที่ดื่มการเยาะเย้ยเหมือนดื่มน้ำ?
8 เขาเป็นพวกเดียวกับคนทำผิด
และเป็นเพื่อนกับคนชั่ว+
9 เพราะเขาพูดว่า ‘ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ที่มนุษย์จะพยายามทำให้พระเจ้าพอใจ’+
10 ดังนั้น โปรดฟังผม ท่านทั้งหลายผู้มีความเข้าใจ*
ไม่มีวันที่พระเจ้าเที่ยงแท้จะทำชั่ว+
และไม่มีทางที่ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดจะทำผิด!+
11 เพราะพระองค์จะตอบแทนมนุษย์ตามการกระทำของเขา+
และให้เขารับผลจากสิ่งที่เขาทำ
13 ใครจะมอบหมายให้พระองค์ดูแลโลก
และตั้งพระองค์ให้ปกครองทั่วทั้งโลกได้?
14 ถ้าพระองค์เฝ้าดูมนุษย์
ถ้าพระองค์เอาพลังชีวิตและลมหายใจของเขาคืนไป+
15 มนุษย์ทุกคนคงจะตายกันหมด
และคงจะกลับกลายเป็นดิน+
16 ดังนั้น ถ้าท่านมีความเข้าใจก็ขอให้สนใจ
และตั้งใจฟังเรื่องที่ผมพูด
17 คนที่เกลียดความยุติธรรมควรมีอำนาจปกครองไหม?
ท่านจะตำหนิผู้ที่ใช้อำนาจอย่างถูกต้องชอบธรรมไหม?
18 ท่านจะพูดกับกษัตริย์ไหมว่า ‘พระองค์ไม่ได้เรื่องเลย’
หรือบอกพวกเจ้านายไหมว่า ‘ท่านชั่วช้าจริง ๆ’?+
19 พระเจ้าไม่เคยลำเอียงเข้าข้างเจ้านาย
และไม่เคยเห็นแก่คนรวยมากกว่าคนจน*+
เพราะพวกเขาทุกคนล้วนเป็นผลงานของพระองค์+
20 พวกเขาอาจตายกะทันหัน+กลางดึก+
พวกเขาสั่นไปทั้งตัวแล้วก็สิ้นใจ
แม้แต่คนมีอำนาจก็ยังต้องตาย แต่ไม่ใช่เพราะน้ำมือมนุษย์+
21 เพราะพระเจ้าจับตาดูมนุษย์+
พระองค์เห็นทุกย่างก้าวของเขา
22 ไม่มีความมืดมัวหรือเงามืดทึบ
ที่คนชั่วจะซ่อนตัวได้+
23 เพราะพระเจ้าไม่ได้กำหนดเวลา
เพื่อเรียกมนุษย์มารับการพิพากษา
24 พระองค์โค่นผู้มีอำนาจโดยไม่ต้องสอบสวน
และตั้งคนอื่นให้ทำหน้าที่แทนพวกเขา+
25 เพราะพระองค์รู้ว่าพวกเขาทำอะไร+
พระองค์กำจัดพวกเขาตอนกลางคืน และพวกเขาก็ย่อยยับไป+
26 พระองค์ทำลายพวกเขาเพราะความชั่วที่พวกเขาทำ
พระองค์ลงมือต่อหน้าทุกคน+
27 เพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังพระองค์แล้ว+
และไม่สนใจแนวทางของพระองค์เลย+
28 พวกเขาทำให้คนจนต้องร้องขอให้พระองค์ช่วย
พระองค์จึงได้ยินเสียงคร่ำครวญของคนที่เดือดร้อน+
29 ถ้าพระเจ้านิ่งเงียบ ใครจะตำหนิพระองค์ได้?
ถ้าพระเจ้าไม่ให้เห็นหน้า ใครจะเห็นพระองค์ได้?
ไม่ว่าพระองค์จะทำอย่างนั้นกับใครหรือชาติไหน ผลก็เป็นแบบเดียวกัน
30 เพื่อไม่ให้คนที่ทิ้งพระเจ้าได้ปกครอง+
หรือล่อลวงประชาชน
31 เพราะใครจะพูดกับพระเจ้าได้ว่า
‘ผมถูกลงโทษทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำผิด+
32 ถ้าผมทำผิดเพราะไม่รู้
ก็สอนผมสิ ผมจะได้ไม่ทำอีก’?
33 พระเจ้าควรจะให้รางวัลตามที่ท่านพอใจหรือถ้าท่านไม่ยอมรับการตัดสินของพระองค์?
ท่านต้องเป็นคนเลือกเอง ไม่ใช่ผม
ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ดี ก็บอกผมมาเถอะ
34 คนทั้งหลายที่มีความเข้าใจ*
คนฉลาดที่ฟังผมพูดจะบอกว่า
35 ‘โยบพูดทั้ง ๆ ที่ไม่มีความรู้+
และไม่เข้าใจอะไรเลย’
36 ให้โยบถูกทดสอบ*จนถึงที่สุด
เพราะเขาพูดเหมือนคนชั่ว
37 เขาทำบาปอยู่แล้ว แต่ก็ยังกบฏอีก+
เขาตบมือเยาะเย้ยต่อหน้าพวกเรา
และต่อว่าพระเจ้าเที่ยงแท้เสียมากมาย”+
35 เอลีฮูพูดต่อไปอีกว่า
2 “ท่านมั่นใจว่าท่านทำถูกจนถึงกับบอกว่า
‘ผมเป็นฝ่ายถูกมากกว่าพระเจ้า’ อย่างนั้นหรือ?+
3 เพราะท่านพูดว่า ‘จะมีประโยชน์อะไรหรือ?*
ชีวิตผมจะดีกว่านี้หรือถ้าผมไม่ได้ทำบาป?’+
4 ผมจะตอบท่าน
และตอบเพื่อน+ท่านด้วย
5 ลองมองขึ้นไปบนฟ้า
และดูเมฆ+ที่อยู่บนโน้นสิ
6 ถ้าท่านทำบาป ท่านทำให้พระเจ้าเสียใจหรือ?+
ถ้าท่านทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ท่านทำให้พระองค์เดือดร้อนหรือ?+
7 ถ้าท่านทำดี ท่านให้อะไรพระองค์
หรือพระองค์ได้อะไรจากท่าน?+
8 ถ้าท่านทำชั่ว ก็มีแต่มนุษย์ด้วยกันเท่านั้นที่เดือดร้อน
ถ้าท่านทำดี ก็มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ได้ประโยชน์
10 แต่ไม่มีใครพูดว่า ‘พระเจ้าผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของผมอยู่ที่ไหน?+
พระองค์ผู้ทำให้มีเสียงร้องเพลงยามค่ำคืนอยู่ที่ไหน?’+
13 พระเจ้าจะไม่ฟังเสียงร้องทุกข์ที่ไม่จริงใจ*แน่ ๆ+
ผู้มีพลังอำนาจสูงสุดไม่สนใจเสียงนั้นเลย
14 แล้วพระองค์จะฟังหรือเมื่อท่านบ่นว่าพระองค์ไม่สนใจท่าน?+
พระองค์กำลังจะตัดสินคดีของท่านแล้ว ขอให้รอพระองค์เถอะ+
15 เพราะพระองค์ไม่ได้โกรธเคืองเอาเรื่องท่าน
และไม่ถือสาที่ท่านไม่ระวังคำพูด+
16 โยบพูดเพ้อเจ้อหาสาระไม่ได้
เขาพูดมากทั้ง ๆ ที่ไม่รู้อะไรเลย”+
36 เอลีฮูพูดต่อไปว่า
2 “อดทนฟังผมอธิบายอีกสักหน่อยเถอะ
เพราะผมยังมีเรื่องที่จะชี้แจงแทนพระเจ้า
3 ผมจะพูดให้ท่านเข้าใจชัดเจนว่าผมรู้อะไร
และจะประกาศความยุติธรรมของผู้ที่สร้างผมขึ้นมา+
4 ผมจะไม่โกหกแน่ ๆ
เพราะเรื่องนี้มาจากพระเจ้าผู้รอบรู้+
7 พระองค์เฝ้าดูคนดี+
พระองค์ให้พวกเขาขึ้นครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์*+ และพวกเขาจะได้รับการยกย่องตลอดไป
8 แต่ถ้าพวกเขาตกทุกข์ได้ยาก
เหมือนถูกล่ามโซ่และมัดไว้
9 พระองค์จะบอกให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาทำอะไรลงไป
คือที่พวกเขาทำผิดเพราะความหยิ่ง
10 พระองค์เปิดหูพวกเขาเพื่อให้ฟังคำตักเตือน
และบอกพวกเขาให้เลิกทำชั่ว+
11 ถ้าพวกเขาเชื่อฟังและรับใช้พระองค์
พวกเขาจะมีความสุขความเจริญไปตลอดชีวิต+
12 แต่ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟัง พวกเขาจะตายเพราะดาบ+
และตายไปโดยไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
13 คนที่ทิ้งพระเจ้าจะมีแต่ความโกรธแค้น
แม้พระองค์จะมัดพวกเขาไว้ พวกเขาก็ไม่ร้องขอความช่วยเหลือ
15 แต่พระเจ้าช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก
พระองค์เปิดหูพวกเขาเมื่อพวกเขาถูกกดขี่
16 พระองค์ฉุดท่านออกจากความทุกข์ทรมาน+
ออกมาสู่ที่โล่งกว้างที่มีอิสระเสรี+
ให้ท่านได้กินอาหารดี ๆ เพื่อปลอบใจท่าน+
17 แล้วท่านจะพอใจเมื่อได้เห็นคนชั่วถูกพิพากษา+
เมื่อมีการพิพากษาตัดสินอย่างยุติธรรม
18 แต่ท่านต้องระวัง อย่าโกรธจนอาฆาตแค้น+
และอย่าหลงไปเพราะเห็นแก่สินบนก้อนโต
19 ถึงท่านจะร้องขอความช่วยเหลือ
หรือดิ้นรนไป ท่านก็หนีความทุกข์ไม่พ้น+
20 อย่าร้องหาเวลากลางคืน
ตอนที่ผู้คนหายไปจากที่ของตน
21 ระวังให้ดี อย่าหันไปทำชั่ว
อย่าเห็นว่าการทำชั่วดีกว่าการรับทุกข์+
22 พระเจ้าได้รับการยกย่องเพราะพระองค์มีอำนาจมาก
ใครจะสั่งสอนได้ดีเท่าพระองค์?
25 มนุษย์ทุกคนเห็นการงานนั้นแล้ว
พวกเขามองดูจากที่ไกล ๆ
27 พระองค์ดึงหยดน้ำขึ้นไป+
ให้เมฆหมอกกลั่นตัวเป็นฝน
28 แล้วเมฆก็เทฝนลงมา+
และมีฝนโปรยปรายมาให้มนุษย์
29 ใครจะเข้าใจเมฆที่แผ่เป็นชั้น ๆ
หรือเข้าใจเสียงฟ้าร้องจากที่อยู่ของพระเจ้า?+
31 พระองค์ดูแลมนุษย์ด้วยสิ่งเหล่านี้
พระองค์ให้พวกเขามีอาหารอุดมสมบูรณ์+
32 พระองค์กำสายฟ้าไว้
และให้มันพุ่งไปที่เป้าหมาย+
33 เสียงฟ้าร้องบอกให้รู้เรื่องพระองค์
แม้แต่ฝูงสัตว์ก็ยังรู้ว่าใคร*กำลังมา
37 “แล้วใจผมก็เต้นแรง
จนแทบจะออกมานอกอก
2 ฟังให้ดีสิ พระองค์ส่งเสียงดังสนั่น
และมีเสียงดังเหมือนฟ้าร้องออกมาจากปากพระองค์
3 พระองค์ส่งเสียงออกไปทั่วผืนฟ้า
และส่งสายฟ้า+ไปทั่วทุกมุมโลก
4 หลังจากนั้นก็มีเสียงฟ้าคำราม
พระองค์ส่งเสียงดังกึกก้อง+
พระองค์ไม่กักสายฟ้าเอาไว้ตอนที่ใคร ๆ ได้ยินเสียงของพระองค์
5 พระเจ้าส่งเสียงดังสนั่น+อย่างน่ามหัศจรรย์
พระองค์ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินความเข้าใจของเรา+
6 เพราะพระองค์พูดกับหิมะว่า ‘ตกลงบนโลก’+
และพูดกับฝนว่า ‘ตกให้หนัก ๆ’+
7 พระเจ้าทำให้มนุษย์ทุกคนต้องหยุดทำงาน*
เพื่อให้พวกเขารู้จักการงานของพระองค์
8 สัตว์ป่าวิ่งเข้าโพรงของมัน
และซ่อนตัวอยู่ในรัง
11 พระองค์ให้เมฆอุ้มความชื้นไว้
พระองค์กระจายสายฟ้า+ไปทั่วเมฆ
12 เมฆหมุนวนและเคลื่อนไปตามที่พระองค์สั่ง
มันทำทุกอย่างที่พระเจ้าสั่ง+ให้มันทำกับพื้นโลก
13 พระองค์ใช้มันเพื่อลงโทษ*+และเพื่อรดน้ำแผ่นดิน
และเพื่อแสดงว่าพระองค์มีความรักที่มั่นคง+
14 ท่านโยบ ฟังทางนี้
หยุดสักครู่และใคร่ครวญถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระเจ้าทำ+
15 ท่านรู้หรือว่าพระเจ้าควบคุม*เมฆอย่างไร
และพระองค์ทำให้มีฟ้าแลบออกมาจากเมฆได้อย่างไร?
16 ท่านรู้หรือว่าเมฆลอยได้อย่างไร?+
ทั้งหมดนี้เป็นผลงานที่น่ามหัศจรรย์ของพระเจ้าผู้รอบรู้ทุกสิ่ง+
17 ทำไมเสื้อผ้าที่ท่านใส่ถึงได้ร้อน
ตอนที่ลมใต้+พัดมาและทุกสิ่งบนโลกหยุดนิ่ง?
18 ท่านจะช่วยพระเจ้ากางท้องฟ้า+
ซึ่งเป็นเหมือนแผ่นโลหะขัดเงาได้หรือ?
19 บอกพวกเราสิว่าควรพูดอะไรกับพระองค์
พวกเราไม่รู้จะพูดอะไรเพราะอยู่ในความมืด
20 ผมควรบอกพระองค์หรือว่าผมอยากพูดด้วย?
มีใครพูดเรื่องสำคัญที่พระองค์จำเป็นต้องรู้หรือ?+
22 ลำแสงสีทองส่องมาจากทางเหนือ
สง่าราศีของพระเจ้ายิ่งใหญ่+น่าเกรงขาม
23 เราไม่มีทางเข้าใจผู้มีพลังอำนาจสูงสุดได้+
พระองค์มีอำนาจล้นเหลือ+
พระองค์ไม่เคยทำอะไรขัดกับความยุติธรรม+และความถูกต้องชอบธรรมของพระองค์+
24 ดังนั้น มนุษย์ต้องเกรงกลัวพระองค์+
เพราะพระองค์ไม่ชอบคนที่คิดว่าตัวเองฉลาด”+
38 แล้วพระยะโฮวาตอบโยบออกมาจากพายุว่า+
2 “ใครมาบิดเบือนคำพูดของเรา
และพูดออกไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีความรู้?+
3 ขอให้เจ้าเตรียมพร้อมอย่างลูกผู้ชาย
เราจะถามและเจ้าต้องตอบเรา
4 เจ้าอยู่ที่ไหนตอนที่เราวางฐานรากของโลก?+
บอกเรามาสิถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ารู้
5 เจ้ารู้หรือว่าใครกำหนดขนาดของโลก
และใครเอาสายวัดไปวัดความกว้างของโลก?
6 เสาของโลกตั้งอยู่บนอะไร
หรือใครวางหินหัวมุมให้มัน?+
7 เจ้าอยู่ที่ไหนเมื่อดาวรุ่งทั้งหลายส่งเสียงร้องยินดี
8 แล้วใครปิดประตูกั้นทะเลไว้+
เมื่อมันออกมาจากแหล่งกำเนิด
9 เมื่อเราห่มมันไว้ด้วยเมฆ
และห่อมันด้วยเมฆหนาทึบ
10 เมื่อเรากำหนดขอบเขตให้มัน
และทำประตูกับกลอนประตูให้มันด้วย+
11 แล้วเราก็พูดว่า ‘เจ้ามาได้แค่นี้ ไปไกลกว่านี้ไม่ได้
คลื่นสูงของเจ้าต้องหยุดอยู่ตรงนี้แหละ’?+
12 เจ้าเคยสั่งเวลาเช้า
หรือบอกแสงยามเช้าว่าควรปรากฏตรงไหน+
13 เพื่อให้มันส่องไปทั่วทุกมุมโลก
และขับไล่คนชั่วออกไปอย่างนั้นหรือ?+
14 แผ่นดินเปลี่ยนรูปไปเหมือนดินเหนียวที่ถูกตราประทับ
ทุกสิ่งปรากฏชัดเหมือนลวดลายบนผืนผ้า
15 แต่แสงสว่างของคนชั่วหมดไปแล้ว
และแขนของพวกเขาที่เคยยกขึ้นก็ถูกหักแล้ว
16 เจ้าเคยลงไปถึงตาน้ำของทะเล
หรือสำรวจใต้น้ำลึกแล้วหรือ?+
18 เจ้ารู้หรือว่าโลกกว้างใหญ่แค่ไหน?+
บอกเรามาถ้าเจ้ารู้เรื่องเหล่านี้
19 ความสว่างอาศัยอยู่ที่ไหน?+
และบ้านของความมืดอยู่ที่ไหน?
20 เจ้าพามันกลับไปยังถิ่นของมัน
และรู้จักทางไปบ้านของมันหรือ?
21 เจ้ารู้เพราะตอนนั้นเจ้าเกิดแล้ว
และอยู่มานานแล้วอย่างนั้นหรือ?
22 เจ้าเคยเข้าไปในคลังหิมะ+
หรือเคยเห็นคลังลูกเห็บ+
23 ที่เราเก็บไว้ใช้ในยามคับขัน
และในวันศึกสงครามหรือ?+
25 ใครเจาะช่องให้น้ำเทลงมา
และทำทางให้พายุฟ้าคะนองเคลื่อนไป+
26 เพื่อให้ฝนตกบนแผ่นดินที่ไม่มีคนอยู่
ในที่กันดารซึ่งไม่มีคนอาศัย+
27 เพื่อให้แผ่นดินรกร้างได้ความชุ่มฉ่ำ
และมีต้นหญ้างอกขึ้นมา?+
29 น้ำแข็งออกมาจากท้องใคร
และใครคลอดหิมะออกมา+
30 ตอนที่ผิวน้ำเป็นเหมือนกับหิน
และผิวมหาสมุทรกลายเป็นน้ำแข็ง?+
33 เจ้ารู้จักกฎควบคุมท้องฟ้า+
และสั่งให้กฎเหล่านั้นควบคุมโลกได้หรือ?
34 เจ้าจะตะโกนสั่งเมฆ
ให้เทฝนลงมาใส่ตัวเจ้าได้หรือ?+
35 เจ้าส่งสายฟ้าออกไปได้หรือ?
มันจะกลับมาและบอกเจ้าว่า ‘พวกเรากลับมาแล้ว!’ อย่างนั้นหรือ?
37 ใครฉลาดพอที่จะนับเมฆได้
และใครจะคว่ำเมฆเหมือนคว่ำเหยือกน้ำ+
38 จนทำให้ดินกลายเป็นโคลน
และเศษดินเกาะกันเป็นก้อน?
39 เจ้าจะล่าเหยื่อมาให้สิงโต
หรือให้อาหารลูกสิงโตจนอิ่ม+
40 ตอนที่พวกมันหมอบอยู่ในถ้ำ
และซุ่มอยู่ในโพรงได้หรือ?
41 ใครเตรียมอาหารให้อีกา+
เมื่อลูกของมันร้องให้พระเจ้าช่วย
และเดินเปะปะหาอาหารเพราะไม่มีอะไรกิน?
39 “เจ้ารู้หรือว่าแพะภูเขาตกลูกเมื่อไร?+
เจ้าเคยเฝ้าดูกวางออกลูกหรือ?+
2 เจ้ารู้หรือว่ามันตั้งท้องกี่เดือน?
เจ้ารู้เวลาที่มันจะตกลูกหรือ?
3 มันหมอบลงเมื่อจะออกลูก
แล้วความเจ็บปวดของมันก็สิ้นสุด
4 ลูกของมันแข็งแรงและเติบโตอยู่ในทุ่ง
แล้วก็จากไป ไม่กลับมาหาแม่อีกเลย
5 ใครปล่อยลาป่าให้เป็นอิสระ+
และใครแก้มัดพวกมัน?
6 เรายกที่ราบกันดารให้เป็นบ้านของมัน
และให้มันอยู่บนผืนดินที่มีเกลือ
7 มันเยาะเย้ยเมืองที่อึกทึกวุ่นวาย
และไม่ได้ยินเสียงตะโกนของเจ้านาย
8 มันท่องไปตามภูเขาเพื่อหาทุ่งหญ้า
และเที่ยวหาต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว
9 วัวป่าจะยอมรับใช้เจ้าหรือ?+
มันจะนอนในคอกสัตว์*ของเจ้าหรือ?
10 เจ้าจะเอาเชือกมัดวัวป่าให้มันไถนา
หรือมันจะตามเจ้าไปไถนาในหุบเขาหรือ?
11 เจ้าจะไว้ใจกำลังมหาศาลของมัน
และใช้มันทำงานหนักหรือ?
12 เจ้าจะให้มันแบกพืชผล*กลับมา
และมันจะหอบข้าวไปที่ลานนวดของเจ้าหรือ?
13 นกกระจอกเทศกระพือปีกอย่างร่าเริง
แต่ขนและปีกของมันจะเทียบกับนกกระสาได้หรือ?+
14 มันวางไข่บนพื้น
แล้วเอาดินกลบไว้ให้อุ่น
15 มันลืมไปว่าอาจมีคนมาย่ำ
หรือสัตว์ป่าอาจเหยียบแตกได้
16 มันไม่เคยอ่อนโยนกับลูก เหมือนกับว่าไม่ใช่ลูกของมัน+
ถึงลูกของมันจะตาย มันก็ไม่กังวล
17 เพราะพระเจ้าไม่ได้ให้สติปัญญากับมัน*
และไม่ให้มันมีความเข้าใจ
18 แต่เมื่อมันลุกขึ้นและกระพือปีก
มันก็หัวเราะเยาะม้าและคนขี่
19 เจ้าได้ให้กำลังกับม้าหรือ?+
เจ้าสร้างแผงคอที่ปลิวไสวให้มันหรือ?
20 เจ้าทำให้มันกระโดดเหมือนตั๊กแตนได้หรือ?
เสียงหายใจของมันก็ดังน่ากลัว+
22 มันหัวเราะเยาะความกลัวและไม่หวั่นเกรงอะไร+
มันไม่เคยวิ่งหนีดาบ
23 กระบอกใส่ลูกธนูกระทบตัวมัน
หอกและหอกสั้นเป็นประกายแวววาว
24 มันตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น และพุ่งทะยานออกไป*
มันยืนนิ่งไม่ได้*เมื่อได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์
25 เมื่อเสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้น มันก็ร้อง
มันได้กลิ่นสงครามแต่ไกล
มันได้ยินเสียงแม่ทัพสั่งให้ประจัญบาน+
26 เหยี่ยวกางปีกร่อนและบินไปทางใต้
เพราะสติปัญญาของเจ้าหรือ?
27 เจ้าสั่งให้นกอินทรีบินขึ้นไป+
และสร้างรังของมันไว้บนที่สูง+
28 ให้มันนอนอยู่บนหน้าผา
และอาศัยอยู่บนภูเขาหินหรือ?
29 มันมองหาอาหารอยู่บนนั้น+
ตาของมันมองเห็นแต่ไกล
30 ลูกอ่อนของมันกินเลือดเหยื่อ
และซากศพอยู่ที่ไหน มันก็ไปที่นั่น”+
40 พระยะโฮวาพูดกับโยบต่อไปว่า
2 “มนุษย์ควรจับผิดและโต้แย้งผู้มีพลังอำนาจสูงสุดหรือ?+
ให้คนที่คิดตำหนิพระเจ้าตอบมาเถอะ”+
3 โยบจึงตอบพระยะโฮวาว่า
4 “ตัวผมต่ำต้อยด้อยค่า+
จะกล้าตอบพระองค์ได้อย่างไร?
ผมได้แต่เอามือปิดปากไว้+
5 ผมพูดไปครั้งหนึ่งแล้ว และจะไม่พูดอะไรอีก
ผมพูดไปสองครั้งด้วยซ้ำ และไม่ขอพูดอะไรอีกแล้ว”
6 แล้วพระยะโฮวาตอบโยบออกมาจากพายุว่า+
7 “ขอให้เจ้าเตรียมพร้อมอย่างลูกผู้ชาย
เราจะถามและเจ้าต้องตอบเรา+
8 เจ้าคิดว่าเราไม่ยุติธรรม*หรือ?
เจ้าจะตำหนิเราเพื่อให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกหรือ?+
9 แขนของเจ้ามีกำลังมากเหมือนแขนพระเจ้าเที่ยงแท้หรือ?+
เสียงของเจ้าดังกึกก้องเหมือนเสียงพระองค์หรือ?+
10 แสดงให้เห็นสิว่าเจ้ามีเกียรติยศและสง่าราศี
อวดมาเลยว่าเจ้ายิ่งใหญ่น่าเกรงขาม
11 ระบายความโกรธของเจ้าออกมาเลย
และมองดูทุกคนที่หยิ่งจองหองแล้วทำให้พวกเขาตกต่ำ
12 มองดูทุกคนที่หยิ่งจองหองแล้วทำให้พวกเขาต่ำต้อย
และเหยียบย่ำคนชั่วให้ย่อยยับอยู่กับที่
13 เอาดินกลบพวกเขาทุกคน
มัดพวกเขาไว้ในที่มืด
14 แล้วเราจะยอมรับ*ว่า
มือขวาของเจ้าสามารถช่วยเจ้าให้รอดได้
15 ดูเบเฮโมท*สิ เราสร้างมันไว้เหมือนที่เราได้สร้างเจ้า
มันกินหญ้าเหมือนวัว
16 ดูกำลังที่สะโพกของมัน
และดูกล้ามเนื้อท้องที่ทรงพลังของมันสิ
17 มันทำหางชี้ตรงและแข็งเหมือนต้นสนซีดาร์
เอ็นต้นขาของมันถักทอเข้าด้วยกัน
18 กระดูกของมันเหมือนท่อทองแดง
ขาของมันเหมือนท่อนเหล็ก
19 มันเป็นผลงานชิ้นเอก*ของพระเจ้า
มีแต่ผู้ที่สร้างมันเท่านั้นที่จะฟันมันตายได้
20 บนภูเขามีอาหารสำหรับมัน
สัตว์ป่าทั้งหลายก็วิ่งเล่นอยู่บนนั้น
21 มันนอนใต้พุ่มไม้หนาม
และซ่อนตัวอยู่ใต้พงอ้อในหนองน้ำ
22 พุ่มไม้หนามบังแดดให้มัน
มันอยู่กลางดงต้นป๊อปลาร์ในหุบเขา
23 ถึงแม่น้ำจะไหลเชี่ยว มันก็ไม่กลัว
เมื่อน้ำในแม่น้ำจอร์แดน+ซัดมากระทบปาก มันก็ไม่สะทกสะท้าน
24 ใครจะจับมันได้ ถ้ามันจ้องอยู่
หรือใครจะเอาตะขอเกี่ยวจมูกมันได้?
3 มันจะอ้อนวอนให้เจ้าสงสาร
หรือจะพูดกับเจ้าอย่างสุภาพหรือ?
4 มันจะทำสัญญากับเจ้า
ว่าจะยอมเป็นทาสเจ้าตลอดชีวิตหรือ?
5 เจ้าจะเล่นกับมันเหมือนเล่นกับนก
หรือล่ามมันไว้ให้ลูกสาวของเจ้าดูเล่นหรือ?
6 พ่อค้าจะขอซื้อมันไหม?
พวกเขาจะเอามันไปแบ่งกันไหม?
7 เจ้าจะเอาฉมวกแทงหนังของมัน+
และแทงหัวของมันได้หรือ?
8 ลองจับมันดูสิ
มันจะสู้กับเจ้าจนเจ้าลืมไม่ลงและไม่กล้าทำอีกเลย
9 อย่าหวังว่าจะปราบมันได้
แค่เห็นมันเจ้าก็ขวัญหนีดีฝ่อ*แล้ว
10 ไม่มีใครกล้าไปแหย่มัน
แล้วใครจะมาสู้กับเราได้?+
11 ใครได้ให้อะไรเราก่อน เราจึงต้องตอบแทนเขา?+
ทุกอย่างที่อยู่ใต้ฟ้าเป็นของเราทั้งนั้น+
12 เราอยากพูดเรื่องขาของมัน
เรื่องกำลังและร่างกายที่น่ามหัศจรรย์ของมัน
13 ใครจะถอดเกราะที่หุ้มตัวมันออกได้?
ใครจะมุดเข้าไปในปากมัน?
14 ใครจะกล้าง้างปากมัน?
มันมีฟันเต็มปากและน่ากลัว
15 หลังของมันมีเกล็ด*
เรียงติดกันเป็นแถว ๆ
16 แต่ละเกล็ดชิดกันมาก
จนไม่มีช่องให้อากาศผ่านได้
17 เกล็ดของมันติดกันแน่น
จนแยกออกจากกันไม่ได้
18 เมื่อมันพ่นลมหายใจก็มีแสงวาบออกมา
และตาของมันเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า
19 มีฟ้าแลบออกจากปากมัน
และมีประกายไฟพุ่งออกมา
20 ควันออกมาจากจมูกมัน
เหมือนเตาไฟที่เติมเชื้อเข้าไป
21 ลมหายใจของมันทำให้ถ่านหินติดไฟ
และมีเปลวไฟพุ่งออกมาจากปากของมัน
22 คอของมันแข็งแรงมาก
ใครเจอมันเข้าก็หวาดผวา
23 หนังที่ท้องของมันแข็งแกร่ง
เหมือนแผ่นเหล็กติดแน่นถอดไม่ได้
24 หัวใจของมันแข็งเหมือนหิน
แข็งเหมือนหินโม่แผ่นล่าง
25 เมื่อมันโผล่ขึ้นมา แม้แต่คนแข็งแรงก็ยังผวา
เมื่อมันฟาดหัวฟาดหาง ใคร ๆ ก็ตกตะลึง
26 ดาบยังฟันมันไม่เข้า
หอก ลูกศร หรือลูกธนูก็ทำอะไรมันไม่ได้+
27 สำหรับมัน เหล็กไม่ต่างอะไรกับฟาง
และทองแดงก็เหมือนไม้ผุ
28 เจอลูกศรมันก็ไม่หนี
เหวี่ยงก้อนหินไปมันก็เห็นเป็นแค่ตอข้าว
29 สำหรับมัน กระบองเป็นเหมือนตอข้าว
มันหัวเราะเยาะหอกที่พุ่งเข้ามา
30 เกล็ดท้องของมันคมเหมือนเศษกระเบื้องแตก
31 มันทำให้ทะเลเดือดเหมือนหม้อต้มน้ำ
มันทำให้ทะเลปั่นป่วนเหมือนหม้อต้มขี้ผึ้ง
32 มีฟองคลื่นเป็นทางตามหลังมันไป
จนใคร ๆ คิดว่าทะเลมีผมขาว
33 บนโลกนี้ไม่มีอะไรเหมือนมันอีกแล้ว
มันเป็นสัตว์ที่ถูกสร้างไม่ให้รู้จักความกลัว
34 มันจ้องหน้าสัตว์ทุกตัวที่เย่อหยิ่ง
มันเป็นราชาของสัตว์ป่าที่น่าเกรงขาม”
42 โยบจึงตอบพระยะโฮวาว่า
2 “ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าพระองค์ทำได้ทุกอย่าง
และทุกสิ่งที่พระองค์คิดไว้จะต้องสำเร็จ+
3 พระองค์พูดว่า ‘ใครมาบิดเบือนคำพูดของเราทั้ง ๆ ที่ไม่มีความรู้?’+
ผมพูดออกไปโดยไม่เข้าใจอะไรเลยจริง ๆ
ผมพูดถึงสิ่งที่มหัศจรรย์เกินกว่าที่ผมจะเข้าใจได้+
4 พระองค์บอกว่า ‘ขอให้ฟังเราพูด
เราจะถามและเจ้าต้องตอบเรา’+
5 ผมเคยได้ยินเรื่องของพระองค์แล้ว
แต่ตอนนี้ผมได้เห็นพระองค์ด้วยตาของผมเอง
7 หลังจากพระยะโฮวาพูดกับโยบแล้ว พระยะโฮวาก็บอกเอลีฟัสชาวเทมานว่า
“เราโกรธเจ้าและเพื่อนสองคนของเจ้ามาก+ เพราะพวกเจ้าไม่ได้พูดความจริงเกี่ยวกับเรา+เหมือนโยบผู้รับใช้ของเรา 8 ตอนนี้ให้พวกเจ้าเอาวัวตัวผู้ 7 ตัวกับแกะตัวผู้ 7 ตัวไปหาโยบผู้รับใช้ของเราและถวายเครื่องบูชาเผาเพื่อไถ่ความผิดของพวกเจ้า แล้วโยบผู้รับใช้ของเราจะอธิษฐานเพื่อพวกเจ้า+ เราจะฟังคำขอของเขาแน่นอน*และจะไม่จัดการพวกเจ้าเพราะความโง่ของพวกเจ้า ที่พวกเจ้าไม่ได้พูดความจริงเกี่ยวกับเราเหมือนโยบผู้รับใช้ของเรา”
9 เอลีฟัสชาวเทมาน บิลดัดชาวชูอาห์ และโศฟาร์ชาวนาอามาห์จึงไปทำตามที่พระยะโฮวาสั่ง และพระยะโฮวาก็ฟังคำอธิษฐานของโยบ
10 หลังจากที่โยบอธิษฐานเพื่อเพื่อน ๆ แล้ว+ พระยะโฮวาก็ช่วยโยบให้พ้นจากความทุกข์ทรมาน+และให้เขากลับมาร่ำรวยเหมือนเดิม พระยะโฮวาให้โยบมีทุกสิ่งมากกว่าเดิมถึงสองเท่า+ 11 พี่น้องทุกคนทั้งชายและหญิง รวมทั้งเพื่อนเก่าทุกคน+พากันมาหาโยบและกินอาหารกับเขาที่บ้าน พวกเขาเห็นใจและปลอบใจโยบที่เจอความทุกข์ต่าง ๆ นานาซึ่งพระยะโฮวายอมให้เกิดขึ้น แต่ละคนเอาเงินกับห่วงทองคำมาให้โยบด้วย
12 พระยะโฮวาได้อวยพรให้ชีวิตของโยบตอนหลังดีกว่าตอนแรก+ แล้วโยบก็มีแกะ 14,000 ตัว อูฐ 6,000 ตัว วัว 1,000 คู่ และลาตัวเมีย 1,000 ตัว+ 13 และเขายังมีลูกชายอีก 7 คนกับลูกสาวอีก 3 คน+ 14 เขาตั้งชื่อลูกสาวคนแรกว่าเยมีมาห์ คนที่สองเคสิยาห์ และคนที่สามเคเรนหัปปุค 15 ไม่มีผู้หญิงคนไหนในแผ่นดินที่สวยเท่าลูกสาวของโยบ และพ่อของพวกเธอก็แบ่งมรดกให้พวกเธอเหมือนกับพี่ชายน้องชาย
16 หลังจากนั้น โยบมีชีวิตต่อไปอีก 140 ปี และได้เห็นลูกหลานต่อไปอีกสี่ชั่วอายุ 17 ในที่สุด โยบก็ตายตอนที่แก่ชรามาก เขามีชีวิตยืนยาวและมีความสุข
อาจแปลว่า “คนที่ถูกเกลียดชัง”
หรือ “ไม่มีที่ติและซื่อตรง”
แปลตรงตัวว่า “วัว 500 คู่”
แปลตรงตัวว่า “ลาตัวเมีย”
เป็นสำนวนภาษาฮีบรูหมายถึงลูกของพระเจ้าที่เป็นทูตสวรรค์
หรือ “ไม่มีที่ติและซื่อตรง”
หรืออาจแปลได้ว่า “ฟ้าผ่า”
หรือ “หาว่าพระเจ้าไม่ดี”
เป็นสำนวนภาษาฮีบรูหมายถึงลูกของพระเจ้าที่เป็นทูตสวรรค์
หรือ “ไม่มีที่ติและซื่อตรง”
แปลตรงตัวว่า “กลืน”
หรือ “แผลเปื่อยรุนแรง”
หรือ “คนรู้จัก”
หรือ “ความมืดและเงาของความตาย”
เข้าใจว่าหมายถึงจระเข้หรือสัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่แข็งแรงชนิดอื่น ๆ
แปลตรงตัวว่า “หมดแรง”
หรือ “วางแผนก่อความเสียหาย”
หรือ “ผู้ส่งข่าว”
แปลตรงตัวว่า “ผู้บริสุทธิ์”
หรือ “ประกายไฟปลิวขึ้นข้างบน”
หรือ “จะมีสัญญา (ข้อตกลง) กับคุณ”
แปลตรงตัวว่า “มีสันติสุข”
หรือ “ไม่มีความรักที่มั่นคงต่อ”
หรือ “ขบวนนักเดินทางชาวเสบา”
แปลตรงตัวว่า “ไถ่”
หรือ “แลก”
แปลตรงตัวว่า “เห็นอะไรดี ๆ”
แปลตรงตัวว่า “เป็นแค่เงา”
หรือ “ไม่มีที่ติ”
หรือ “สู้คดีกับพระองค์ในศาล”
แปลตรงตัวว่า “มีสติปัญญาในหัวใจ”
หรือ “กำจัด”
อาจเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่
อาจเป็นกลุ่มดาวนายพราน
อาจเป็นกระจุกดาวลูกไก่ในกลุ่มดาววัว
อาจเป็นสัตว์ทะเลตัวใหญ่
หรืออาจแปลได้ว่า “คู่กรณี”
แปลตรงตัวว่า “เรียกเรามาได้”
หรือ “ไม่ได้ทำอะไรผิด”
หรือ “ไม่ได้ทำอะไรผิด”
หรือ “คนที่ซื่อสัตย์”
แปลตรงตัวว่า “หน้า”
แปลตรงตัวว่า “คนชั่ว”
หรือ “เป็นคนกลาง”
แปลตรงตัวว่า “เอาไม้ออกไปจากตัวผม”
หรือ “ลมหายใจ”
แปลตรงตัวว่า “และพระองค์ก็ยังซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้ในใจ”
หรือ “ดินแดนแห่งความมืดและเงาของความตาย”
หรือ “คนคุยโวจะเป็นฝ่ายถูกหรือ?”
แปลตรงตัวว่า “มีหัวใจ”
แปลตรงตัวว่า “ลื่นล้ม”
หรืออาจแปลได้ว่า “พูดกับ”
แปลตรงตัวว่า “เพดานปาก”
หรือ “ไม่มีอะไรติดตัว”
หรือ “ผู้นำ”
แปลตรงตัวว่า “ทำให้เข็มขัดของพวกผู้มีอำนาจหลวม”
แปลตรงตัวว่า “หัวใจ”
แปลตรงตัวว่า “ทำไมผมถึงกัดเนื้อตัวเอง”
หรืออาจแปลได้ว่า “ถ้ามี ผมจะอยู่เงียบ ๆ และตาย”
แปลตรงตัวว่า “แค่สองอย่างที่อย่าทำกับผม”
แปลตรงตัวว่า “เขา” ซึ่งอาจหมายถึงโยบ
หรือ “มีแต่ความกระวนกระวายใจ”
หรืออาจแปลได้ว่า “แล้วถูกตัดไป”
แปลตรงตัวว่า “ผม”
หรือ “เอาเขาไปขึ้นศาลในฐานะคู่กรณี”
แปลตรงตัวว่า “คนไม่สะอาด”
แปลตรงตัวว่า “คนสะอาด”
หรือ “อาลัยอาวรณ์”
หรือ “มีแต่ลมตะวันออก” หมายถึงลมตะวันออกที่ร้อนระอุซึ่งพัดจากทะเลทราย
หรือ “ความผิดของคุณสอนให้คุณพูดอย่างนี้”
แปลตรงตัวว่า “ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์”
หรือ “พยายามเอาชนะ”
คือ ความหวังที่จะฟื้นตัวได้
แปลตรงตัวว่า “ของพระองค์”
หรือ “กำลัง” แปลตรงตัวว่า “เขาสัตว์”
หรือ “มีเงาของความตาย”
หรืออาจแปลได้ว่า “เฝ้ามองจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน”
หรืออาจแปลได้ว่า “ไม่สะอาด”
หรือ “เดินกะเผลก”
แปลตรงตัวว่า “สิ่งที่ไม่ใช่ของเขา”
แปลตรงตัวว่า “เขาจะไม่มีชื่อ”
หรือ “ในที่ที่เขาอยู่ชั่วคราว”
หรือ “ดูถูก”
หรือ “ญาติ”
แปลตรงตัวว่า “ผมรอดมาโดยมีแค่ผิวของฟัน”
คำว่า “มนุษย์” ในภาษาฮีบรูคือ “อาดัม”
แปลตรงตัวว่า “ลิ้น”
หรือ “เนย”
แปลตรงตัวว่า “ไม่ได้กลืน”
หรือ “มีอำนาจ”
หรือ “กลองฉิ่ง”
หรือ “ฟังคำแนะนำของคนชั่ว” “มีแผนการแบบคนชั่ว”
หรือ “สอนอะไรพระเจ้าได้”
แปลตรงตัวว่า “ไขกระดูกชุ่มชื้น”
หรืออาจแปลได้ว่า “ทำร้ายผม”
แปลตรงตัวว่า “และเขาจะลากทุกคนตามไปด้วย”
หรือ “ดีใจ”
แปลตรงตัวว่า “ถอดเสื้อผ้าจากคนที่เปลือยกาย”
หรือ “ลูกกำพร้า”
แปลตรงตัวว่า “กับดักนก”
แปลตรงตัวว่า “หลังคาโค้งของท้องฟ้า”
หรือ “พวกเขาต้องอายุสั้น”
แปลตรงตัวว่า “แม่น้ำ”
หรือ “ก้อนทองคำ”
หรือ “ก้อนทองคำ”
คือ วันพิพากษาของพระองค์
หมายถึงกำแพงหินกั้นดินในพื้นที่เพาะปลูกแบบขั้นบันได
หรืออาจแปลได้ว่า “พวกเขาสกัดน้ำมันอยู่ระหว่างกำแพงหิน”
หรืออาจแปลได้ว่า “พระเจ้าไม่เอาผิดกับใคร”
แปลตรงตัวว่า “เจาะเข้าไปใน”
แปลตรงตัวว่า “ที่สูงของพระองค์”
แปลตรงตัวว่า “และลมหายใจของใครออกมาจากคุณ?”
ไม่ใช่สถานที่จริง ๆ แต่หมายถึงสภาพของคนตายที่ร่างกายเน่าเปื่อยกลายเป็นดินและสาบสูญไปตลอดกาล
แปลตรงตัวว่า “วงกลม”
แปลตรงตัวว่า “ราหับ”
แปลตรงตัวว่า “พูดเป็นภาษิต”
หรือ “ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ใจของผมจะไม่ตำหนิตัวเอง”
แปลตรงตัวว่า “เท”
แปลตรงตัวว่า “หิน”
น่าจะหมายถึงการทำเหมือง
แปลตรงตัวว่า “หินเหล็กไฟ”
หรือ “บริสุทธิ์”
หรือ “เอธิโอเปีย”
แปลตรงตัวว่า “ความพินาศ”
แปลตรงตัวว่า “น้ำหนัก”
แปลตรงตัวว่า “พูดเป็นภาษิต”
หรือ “คนรับใช้”
แปลตรงตัวว่า “ซ่อนตัว”
แปลตรงตัวว่า “ในรัง”
แปลตรงตัวว่า “หยด”
หรือ “ต้นชะคราม”
แปลตรงตัวว่า “ถูกเฆี่ยน”
แปลตรงตัวว่า “ทำให้สายธนูของผมหย่อน”
หรืออาจแปลได้ว่า “ไม่มีใครช่วยพวกเขา”
แปลตรงตัวว่า “กระดูกผมถูกเจาะ”
อาจหมายถึงผิวหนังของเขา
หรืออาจแปลได้ว่า “ความเจ็บป่วยร้ายแรงทำให้ผมเสียโฉม”
หรืออาจแปลได้ว่า “ร้อนเพราะเป็นไข้”
หรือ “สนใจผู้หญิงอื่นอย่างไม่สมควร”
หรือ “ให้ลูกหลานของผมสูญสิ้น”
แปลตรงตัวว่า “ทำให้แม่ม่ายตามัว”
แปลตรงตัวว่า “ตั้งแต่ผมอยู่ในท้องแม่”
หรืออาจแปลได้ว่า “เมื่อผมเห็นว่าผมได้รับความช่วยเหลือที่ประตูเมือง”
หรือ “สะบัก”
หรือ “หลุดจากเบ้า” “หลุดจากกระดูกท่อนบน”
แปลตรงตัวว่า “เนื้อ”
หรือ “คนต่างถิ่น”
หรือ “นี่คือลายมือชื่อของผม”
หรือ “เพราะโยบเป็นฝ่ายถูกในสายตาของตัวเอง”
หรือ “ตักเตือนโยบ”
หรือ “ทูตสวรรค์องค์หนึ่ง”
หรือ “สุขภาพดี”
แปลตรงตัวว่า “ร้องเพลง”
หรืออาจแปลได้ว่า “และผมไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”
แปลตรงตัวว่า “เพดานปาก”
แปลตรงตัวว่า “หัวใจ”
หรือ “คนชั้นสูงมากกว่าคนต่ำต้อย”
แปลตรงตัวว่า “หัวใจ”
หรืออาจแปลได้ว่า “ได้โปรดเถอะพระเจ้า ขอให้โยบถูกทดสอบ”
หรืออาจแปลได้ว่า “จะมีประโยชน์อะไรกับพระเจ้าหรือ?”
แปลตรงตัวว่า “แขน”
หรือ “คำโกหก”
แปลตรงตัวว่า “หัวใจ”
หรืออาจแปลได้ว่า “พระองค์ให้กษัตริย์ขึ้นครองบัลลังก์”
หรืออาจแปลได้ว่า “พบจุดจบ”
หรืออาจแปลได้ว่า “ใครจะวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่พระองค์ทำ” หรือ “ใครจะเอาผิดพระองค์ได้”
หรือ “สืบค้นได้”
แปลตรงตัวว่า “แสง”
หรืออาจแปลได้ว่า “อะไร”
แปลตรงตัวว่า “ประทับตราเพื่อปิดมือมนุษย์ทุกคนไว้”
แปลตรงตัวว่า “เป็นไม้เรียว”
หรือ “สั่ง”
คือ แสงอาทิตย์
เป็นสำนวนภาษาฮีบรูหมายถึงลูกของพระเจ้าที่เป็นทูตสวรรค์
หรือ “เงาของความตาย”
หรืออาจแปลได้ว่า “ฟ้าแลบ”
อาจเป็นกระจุกดาวลูกไก่ในกลุ่มดาววัว
อาจเป็นกลุ่มดาวนายพราน
แปลตรงตัวว่า “มัซซาโรท” คำที่เกี่ยวข้องกับคำนี้ซึ่งอยู่ใน 2พก 23:5 อยู่ในรูปพหูพจน์หมายถึงกลุ่มดาวจักรราศี
อาจเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่
หรืออาจแปลได้ว่า “มนุษย์”
หรืออาจแปลได้ว่า “จิตใจ”
หรือ “รางหญ้า”
แปลตรงตัวว่า “เมล็ดพืช”
แปลตรงตัวว่า “ทำให้มันลืมสติปัญญา”
แปลตรงตัวว่า “มันออกไปเจอชุดเกราะ”
แปลตรงตัวว่า “กลืนพื้นดิน”
หรืออาจแปลได้ว่า “มันไม่เชื่อ”
หรือ “เจ้าลบล้างความยุติธรรมของเรา”
หรือ “จะชมเชยเจ้า”
อาจเป็นฮิปโปโปเตมัส
แปลตรงตัวว่า “ชิ้นแรก”
อาจเป็นจระเข้
แปลตรงตัวว่า “เชือกปอ”
แปลตรงตัวว่า “หนาม”
หรือ “ล้มลง”
หรืออาจแปลได้ว่า “มันภูมิใจที่มีเกล็ด”
ดูคำว่า “ลานนวดข้าว” ในส่วนอธิบายศัพท์
แปลตรงตัวว่า “เราจะยกหน้าเขาขึ้นแน่นอน”