การเพ่งดูโลก
อยู่ด้วยกัน?
ตามเลอ มองด์ หนังสือรายวันแห่งปารีส การสมรสกำลังลดน้อยลงในฝรั่งเศส. แนวโน้มตลอด 20 ปีที่ผ่านมาแสดงว่าคู่ชายหญิงจำนวนมากขึ้นเลือกอยู่ด้วยกันโดยไม่สมรส. สถาบันศึกษาสถิติจำนวนประชากรแห่งชาติของฝรั่งเศสรายงานว่า อย่างน้อยครึ่งหนึ่งในจำนวนคนที่เข้าสู่การสมรสเคยอยู่ด้วยกันมาก่อนแล้ว ในบางกรณีเป็นเวลาหลายปี. หลายคู่อาจคิดว่าการกินอยู่ด้วยกันก่อนการสมรสเพิ่มพูนโอกาสสำหรับการสมรสที่ประสบผล แต่ข้อเท็จจริงแสดงว่าไม่เป็นเช่นนั้น. เลอ มองด์ ให้ข้อสังเกตว่า “การอยู่กินด้วยกันก่อนแต่งงานไม่ได้เสริมความมั่นคงของสายสัมพันธ์สมรส” และความสัมพันธ์เช่นนั้น “ปรากฏว่าแข็งแรงน้อยกว่าเพราะมักจะจบลงด้วยการแยกทางกัน.” สถิติแสดงว่าคู่ที่อยู่ด้วยกันก่อนการสมรสลงเอยด้วยการหย่าร้างมากกว่าคู่ที่ไม่ทำอย่างนั้น.
เด็กที่ไม่กระฉับกระเฉง
เด็กญี่ปุ่นมากกว่าครึ่งซึ่งมีอายุระหว่าง 10 ถึง 15 ปี มีโทรทัศน์ และเกมส์คอมพิวเตอร์ของตนเอง และหนึ่งในสามมีโทรศัพท์ของตนเองตามรายงานในหนังสือปกขาวประจำปี 1990 เกี่ยวกับคนหนุ่มสาว แห่งรัฐบาลญี่ปุ่น. เยาวชนส่วนใหญ่ใช้เวลาว่างอยู่กับบ้าน ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือการ์ตูน และเล่นเกมส์วีดีโอ มากกว่าออกนอกบ้าน. หนังสือปกขาวเชื่อมโยงกิจวัตรแบบไม่กระฉับกระเฉงของเด็กในบ้านกับความสามารถที่มีขีดจำกัดในการสมาคมกับคนอื่น ๆ รวมทั้งครอบครัวของเขา และขาดการร่วมในกิจกรรมของชุมชน. ตามการศึกษานี้ เด็กญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 90 บอกว่าเขาไม่สามารถที่จะแสดงออกถึงความคิดและความรู้สึกส่วนลึกสุดของตนได้.
เผ่าจับหนู
ชาวนาในทมิฬ นาดู ประเทศอินเดีย ได้พยายามควบคุมปัญหาสัตว์ที่ใช้ฟันแทะโดยเคมีภัณฑ์, ยาฆ่าแมลง, และกับดัก. เมื่อไม่ประสบผลสำเร็จชาวนาได้จ้างเผ่าอิรูลาสำหรับงานนี้ ตามรายงานใน อินเดีย ทูเดย์. ระหว่างปีแรกเผ่าอีรูลาจับหนู 140,000 ตัว ในเนื้อที่ 100,000 ไร่. เผ่าอีรูลา “ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง แต่วิธีของเขาอาศัยความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์ที่ใช้ฟันแทะ.” พวกเขาขังหนูไว้ในโพรงของมันโดยปิดรูทางออก. เนื่องด้วยสามารถจับหนูจำนวนมหาศาลเช่นนี้ได้ พวกอีรูลากำลังสำรวจความเป็นไปได้ที่จะใช้เนื้อหนูเป็นอาหารไก่และปลา และการนำหนังหนูไปทำเป็นหนังที่ใช้ประโยชน์ได้. อินเดีย ทูเดย์ กล่าวว่า “การทดลองพิสูจน์อย่างสิ้นเชิงว่าวิธีของเผ่าอีรูลาเป็นวิธีที่แน่นอนที่สุด” และเป็นวิธีที่คุ้มค่าในการควบคุมหนู.
การลักลอบส่งออกนก
กองทุนสัตว์ป่าโลกรายงานว่า “นกจำนวนอย่างน้อย 225,000 ตัว มูลค่าขายปลีก 1,250 ล้านบาท มีการลักลอบหรือนำเข้าโดยใช้เอกสารปลอมทุก ๆ ปี.” ตัวอย่างเช่น นกแก้วถูกจับโดยคนพื้นเมืองในป่าดงดิบแห่งแอฟริกา, อินโดนีเซีย, เม็กซิโก, และอเมริกาใต้และขายในราคาถูก. “เมื่อนกเหล่านั้นถึงผู้รับซื้อในสหรัฐหรือยุโรป นกบางตัว เช่น อิมพีเรียล อะเมซอนขนาดใหญ่แห่งโดมินิกาในทะเลแคริบเบียนได้ราคา 2.5 ล้านบาทต่อตัว” ตามข้อสังเกตของ เดอะ วอล สตรีต เจอร์นัล. นกแก้วหลายชนิดอยู่ในอันตรายอย่างน่าวิตกในการสูญพันธุ์จากป่า. ประมาณกันว่านกร้อยละ 90 ที่ถูกลักลอบ “ตายในระหว่างทางเพราะมีการให้อาหารไม่ถูกต้อง และการกระทำแบบไร้เมตตา.”
เอดส์ในเอเชีย
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1990 มีผู้ป่วยโรคเอดส์ที่รายงานตัว 2,000 รายในเอเชีย. แต่รายงานของสหประชาชาติเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า WHO (องค์การอนามัยโลก) ประมาณว่ามีผู้คนที่ติดเชื้อไวรัส HIV ในเอเชียทั้งสิ้น 500,000 คน. ตามวารสารเอเชียวีค “สหประชาชาติเพิ่งรายงานว่าผู้ป่วยด้วยโรคเอดส์ในเอเชียจะเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกต.” เพื่อจะจัดการกับปัญหานี้ WHO แนะนำการศึกษาและการรณรงค์ให้ความรู้ที่ดีขึ้น.