ธุรกิจบันเทิงเคยเป็นพระเจ้าของผม
เสียงปรบมือกึกก้องยาวนานเป็นเสียงที่ไพเราะเสนาะหูของผม. เสียงนั้นทำให้ผมมีกำลังใจ ทำให้การฝึกซ้อมหลายชั่วโมงนับไม่ถ้วนนั้นดูคุ้มค่า. ผมเป็นนักแสดงกายกรรมกลางเวหา และหลงใหลคลั่งไคล้กับความสำเร็จ.
ส่วนของการแสดงของผมก็คือการตีลังกาข้ามหลังช้าง, การยืนด้วยศีรษะบนเสาที่เลี้ยงประคองโดยไหล่ของชายอีกคนหนึ่งอย่างน่าหวาดเสียว, การแสดงกลที่สลับซับซ้อน, และการเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมในฐานะตัวตลก.
นั่นเป็นเวลากว่า 45 ปีมาแล้ว ตอนผมอายุได้เพียง 17 ปี. เดี๋ยวนี้ ผมรู้สึกพิศวงในสมรรถภาพของร่างกายวัยหนุ่มอันกระฉับกระเฉงที่สามารถแสดงผาดโผนจากการฝึกหัดอย่างมีระเบียบวินัยและมีกฎเกณฑ์เข้มงวดในการดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง. แทบจะกล่าวได้ว่าธุรกิจบันเทิงกลายเป็นชีวิตจิตใจของผม, พระเจ้าของผม, และเป็นอยู่เช่นนั้นนานกว่า 20 ปี.
การเข้าสู่วงการละครสัตว์
ผมเกิดในเมืองเค็มพ์ซี รัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย. เรายากจน—บ้านของเรามีกระสอบข้าวโพดที่ทาด้วยสีขาวเป็นผนังห้องและเศษสังกะสีเก่าเป็นหลังคา. ไม่กี่ปีต่อมา เราย้ายลึกลงไปทางใต้อีก ถึงเมืองทารี. ครอบครัวของเราไม่ได้เคร่งศาสนา แม้ว่าเราจะเป็นสมาชิกในนามของนิกาย เชิร์ช ออฟ ไครสต์ ก็ตาม.
ในปี 1939 คุณพ่อของผมเข้ารับราชการทหาร. คุณแม่จึงเก็บเสื้อผ้าของเราซึ่งเป็นสมบัติอย่างเดียวที่มีอยู่ แล้วย้ายไปซิดนีย์ พร้อมด้วยพี่สาวน้องสาวสามคนและผม. ที่นั่น ผมได้เข้าโรงเรียนฝึกนักกายกรรมและแสดงความสามารถที่มีอยู่ในตัวออกมาอย่างน่าประหลาด. ในเวลาไม่กี่เดือน ผมกลายเป็นนักกายกรรมที่เชี่ยวชาญ. ครั้นแล้วในปี 1946 ผมได้รับข้อเสนอให้ทำงานในคณะละครสัตว์เพื่อฝึกเป็นนักกายกรรมกลางเวหา.
ละครสัตว์คณะนั้นแสดงไม่ซ้ำเมืองแทบทุกคืน. ฝูงชนมาชมความตื่นตาตื่นใจของละครสัตว์ แต่แน่นอน สิ่งที่พวกเขาไม่เห็นคือการต่อยตีกันและเสียงเอะอะโวยวายจากการเมาสุราที่มีอยู่หลังฉาก. พวกเขายังไม่รู้ถึงพฤติกรรมที่หละหลวมทางศีลธรรมของนักแสดงหลายคนที่พวกเขาชื่นชอบกันอย่างมาก.
ผมไปงานเลี้ยงเป็นประจำและดูเหมือนว่ามีส่วนพัวพันในการชกต่อยกันเสมอ. ผมดีใจที่ไม่เคยชอบการดื่มจัด. ผมยังหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาหยาบคาย และทนไม่ได้ที่ได้ยินใครพูดคำสบถต่อหน้าผู้หญิง. นั่นเป็นสาเหตุหลายครั้งที่ทำให้ผมมีส่วนในการชกต่อย.
ในเมืองใหญ่ ๆ ทุกเมืองที่เราแสดง จะมีการส่งคนไปหาบาทหลวงคาทอลิกท้องถิ่น พร้อมด้วยบัตรเข้าชมฟรีสำหรับบาทหลวง และมีการบริจาคให้ทางโบสถ์. ถือกันว่าการทำเช่นนี้นำโชคมาให้ ทั้งทำให้มั่นใจว่าละครสัตว์จะมีผู้เข้าชมมากมาย.
เปลี่ยนเป็นการแสดงเบ็ดเตล็ด
ในปี 1952 นักแสดงเบ็ดเตล็ดบางคนบอกผมว่าวิธีที่จะทำเงินมากขึ้นและประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นคือการแสดงเบ็ดเตล็ด. ดังนั้น ผมจึงเริ่มการแสดงเบ็ดเตล็ดหลายหลากด้วยการท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ. จากนั้น ผมก็เวียนแสดงตามไนต์คลับ และในที่สุดก็ได้แสดงตามโรงละครชั้นนำหลายแห่งในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์. ผมปรากฏตัวพร้อมกับนักแสดงชื่อดัง ในขณะเดียวกันก็สร้างชื่อเสียงโด่งดังให้ตัวเองในฐานะนักแสดงกลและนักกายกรรม.
ผมรู้สึกว่าการเปลี่ยนมาแสดงเบ็ดเตล็ดเป็นการเลือกที่ถูกต้อง แต่ผมผิดหวังที่ว่า งานเลี้ยงต่าง ๆ, การผิดศีลธรรม, และการดื่มจัดในวงการแสดงเบ็ดเตล็ดนั้นแย่ยิ่งกว่าในคณะละครสัตว์. ตอนนี้ ผมต้องติดต่อกับพวกรักร่วมเพศทั้งชายและหญิง. การใช้ยาเสพย์ติดก็เริ่มปรากฏให้เห็น แต่ผมดีใจที่ไม่เคยเข้าไปพัวพันกับสิ่งเหล่านั้น.
ผมมีแต่คิดเรื่องสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและปรับปรุงการแสดงให้ดีขึ้น. ธุรกิจบันเทิงและการสรรเสริญเยินยอที่ได้รับเป็นสิ่งเดียวที่ผมอยากได้. สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผมได้สมตามความปรารถนา. ผมถึงกับปลงใจว่าจะไม่มีวันแต่งงาน. สำหรับผมแล้วไม่ต้องการรับผิดชอบใด ๆ—ผมกำลังสนุกเหลือเกิน. ธุรกิจบันเทิงเป็นพระเจ้าของผม. แต่แผนการที่วางไว้อย่างเลิศลอยก็ล้มเหลวเสียได้.
การสมรส
วันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังหานักเต้นระบำปลายเท้าหญิงที่มีความสามารถเพื่อร่วมในการแสดงเบ็ดเตล็ดไปตามที่ต่าง ๆ ผมได้พบหญิงสาวที่สวยที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผมเคยเห็นมา. เธอชื่อโรบิน. เธอไม่ได้เป็นนักเต้นระบำปลายเท้าที่เก่งกาจเท่านั้น แต่ยังเป็นนักดัดตนตัวยงอีกด้วย. ผมปีติยินดีที่เธอเต็มใจรับงานนี้และได้มาเป็นเพื่อนร่วมกับผมในการแสดงคู่ที่ประสบความสำเร็จ. ห้าเดือนต่อมา ในเดือนมิถุนายน 1957 เราแต่งงานกัน. ต่อจากนั้นเป็นเวลาสามปี เราทำงานตามไนต์คลับ, ร่วมแสดงตามที่ต่าง ๆ, และออกโทรทัศน์.
หลังจากที่เราแต่งงานแล้ว เราเก็บตัวและหลีกเลี่ยงการคบหากับนักแสดงอื่น ๆ ในงานสังคมมากเท่าที่จะมากได้. แม้แต่เมื่อไปแสดงตามไนต์คลับต่าง ๆ ผมจะทำให้แน่ใจว่าโรบินอยู่ในห้องแต่งตัวจนกว่าจะถึงเวลาที่เราต้องขึ้นเวที. ตัวตลกพูดเรื่องตลกที่หยาบโลน และนักดนตรีบางคนใช้ยาเสพย์ติด. คนพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วดื่มเหล้าเป็นกิจวัตรและใช้ภาษาหยาบคาย.
ทำงานในต่างประเทศ
ในปี 1960 เราได้รับสัญญาว่าจ้างให้ไปแสดงต่างประเทศ. ‘นี่เป็นโอกาสทองของเราแล้ว’ ผมคิด. แต่ ในตอนนี้เรามีลูกสาวตัวน้อย ๆ คือจูลี ที่ต้องคิดถึง. กระนั้น ผมก็หอบหิ้วครอบครัวไปทั่วตะวันออกไกล มีชีวิตอยู่กับการเดินทาง ซึ่งบางครั้งแสดงถึงห้ารอบต่อคืน. เป็นเช่นนี้นานกว่าหนึ่งปี และจากนั้น เราก็กลับออสเตรเลีย.
เนื่องจากการแสดงของเราได้บรรลุถึงระดับนานาชาติ ดังนั้นจึงเป็นที่ต้องการมาก. แต่มีโอกาสจำกัดในออสเตรเลียเพราะมีประชากรจำนวนน้อยเมื่อเทียบเคียงกันแล้ว. ดังนั้นในปี 1965 เราจึงไปต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง. คราวนี้ เราไม่ได้มีเพียงจูลี แต่มีลูกสาวตัวน้อย ๆ อีกคนหนึ่งคือ อะแมนดา. ในช่วงห้าปีต่อมา เราทำงานใน 18 ประเทศด้วยกัน.
ผมทำให้ครอบครัวตกเข้าสู่ความยุ่งยากอันน่าหวาดหวั่นเนื่องจากความคิดฝังหัวที่ต้องการทำอะไรให้ได้ดีที่สุด. คราวหนึ่งผมจ้างชายคนหนึ่งให้ถือปืนลูกปราย ยืนเฝ้าป้องกันลูก ๆ ของเราซึ่งอยู่ห่างจากที่เรากำลังแสดงอยู่เพียง 60 เมตรเท่านั้น. บ่อยครั้ง ผมโต้แย้งกับเจ้าของไนต์คลับซึ่งต้องการให้โรบินนั่งกับแขกเพื่อคะยั้นคะยอแขกให้ดื่มเหล้า แต่พวกสำมะเลเทเมาดังกล่าวคาดหมายมากกว่านั้น. เราทำงานตามไนต์คลับกับพวกเต้นระบำเปลื้องผ้า, โสเภณี, และพวกรักร่วมเพศ ซึ่งบางคนในพวกนั้นยื่นข้อเสนอลามกอนาจารให้ผมหรือไม่ก็ภรรยา. และพวกนักดนตรีในวงร็อกมักจะมึนเมายาเสพย์ติด.
ในระหว่างที่เราเดินทาง ผมมีเวลามากมายในช่วงกลางวันสำหรับการเที่ยวชมโน่นชมนี่. ผมไปเที่ยวเป็นประจำตามสวนสัตว์, สุเหร่า, วัด, โบสถ์, หรือในที่ที่มีเทศกาลทางศาสนา. ผมไปในที่เหล่านี้เนื่องจากอยากรู้อยากเห็น ไม่ใช่เพราะมีใจเอนเอียงไปในทางศาสนาแต่อย่างใด. ผมประหลาดใจที่มีการนมัสการหลายสิ่งหลายอย่าง. มีรูปปั้นของคนซึ่งมีหัวเป็นสัตว์ และสัตว์ซึ่งมีหัวเป็นคนทั้งผู้ชายและผู้หญิง. ในประเทศหนึ่ง ผู้คนถึงกับนมัสการอวัยวะเพศของผู้ชายและผู้หญิง คงเชื่อกันว่าการทำเช่นนี้จะเพิ่มความสามารถในทางเพศและการสืบพันธุ์ของผู้ที่นมัสการ.
ในอีกประเทศหนึ่ง เด็กชายและผู้ชายที่โตแล้วจะเอามีดสามคมสับหลังของตนเองจนกระทั่งเลือดไหล. วันที่ผมอยู่ในประเทศนั้น ชายสามคนเสียชีวิตเนื่องจากเลือดออกมากเกินไป. ในโบสถ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีแห่งหนึ่ง ผมรู้สึกขยะแขยงที่เห็นหีบสารภาพบาปติดป้ายว่า “สารภาพหนึ่งครั้ง 1 ฟรังก์; สารภาพสองครั้ง 2 ฟรังก์; สารภาพสามครั้ง 2.50 ฟรังก์.” ผมคิดในใจว่า ‘ถ้านั่นคือศาสนา ผมไม่ขอร่วมด้วยหรอก!’
กลับออสเตรเลีย
ในปี 1968 เราส่งจูลีกลับบ้าน แต่สำหรับพวกเราที่เหลืออยู่ต้องใช้เวลาอีก 18 เดือนเพื่อเก็บเงินให้พอจ่ายค่าโดยสารกลับบ้าน. ในปี 1970 เรามาถึงบ้านพร้อมด้วยเงินหรือชื่อเสียงเพียงเล็กน้อยอันเป็นผลจากงานหนักของเรา. เงินส่วนใหญ่หมดไปกับเครื่องแต่งตัว, โน้ตเพลง, การเดินทาง, ที่พัก, และเอเย่นต์ที่ทุจริตคดโกง. ที่เรามีก็แค่อุปกรณ์ที่ใช้แสดงบนเวทีและสิ่งที่สามารถนำใส่กระเป๋าเดินทางของเราได้.
หลังจากกลับออสเตรเลีย ผมขยายกิจการใหญ่ขึ้นและได้กลายเป็นเอเย่นต์ติดต่องานแสดงเอง. ผมได้รับสัญญาว่าจ้างให้เป็นตัวตลกในละครเรื่องยาวทางโทรทัศน์ซึ่งมีชื่อว่า เดอะ เยลโลว์ เฮาส์. ผมเขียนและผลิตการแสดงละครใบ้และละครตลกของเด็กให้กับสโมสรต่าง ๆ ขณะเดียวกันผมยังคงแสดงกับโรบินต่อไป. ธุรกิจบันเทิงยังคงเป็นพระเจ้าของผม. โรบินและลูก ๆ เริ่มได้รับความเสียหาย เพราะผมไม่ได้แสดงบทบาทสามีหรือพ่อ.
ข้อท้าทายของศาสนา
วันหนึ่ง แม่ยายของผมซึ่งอาศัยอยู่กับเรา เอาหนังสือ ความจริงซึ่งนำไปสู่ชีวิตถาวร มาให้โรบินดู. “ลองอ่านดูซิ” เธอบอก. “เกี่ยวกับศาสนา แต่เป็นศาสนาที่ต่างออกไป.” โรบินปฏิเสธ โดยบอกว่าจากสิ่งที่ได้เห็นในต่างประเทศทำให้เธอไม่สนใจศาสนา. อย่างไรก็ตาม คุณแม่ของเธอไม่เลิกรา. คุณแม่ตามโรบินอยู่สัปดาห์หนึ่ง โดยรบเร้าว่าเธอจะต้องอ่านหนังสือเล่มนั้นให้ได้. ในที่สุด โรบินยอมแพ้ เพียงเพื่อให้คุณแม่ของเธอสบายใจ.
ราวกับว่าในทันใดนั้นตาของโรบินเปิดออก เธออธิบายในภายหลัง. เธอรู้สึกประทับใจในคำตอบสำหรับคำถามมากมายที่เธอมี จนเธออยากรู้มากขึ้นอีก. สองสัปดาห์ต่อมา คุณแม่ของเธอจัดแจงให้พยานพระยะโฮวาสองคนมาเยี่ยมที่บ้านของเรา. หลังจากมาเยี่ยมได้สองสามครั้ง พวกเขาก็เชิญเราไปยังการประชุมใหญ่ซึ่งจัดขึ้นใกล้ ๆ. ผมไปอย่างเสียไม่ได้. แท้จริง ผมรู้สึกประทับใจถึงขนาดที่ว่าเราเริ่มเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ ที่หอประชุมของพยานฯ.
กระนั้น ธุรกิจบันเทิงยังคงเป็นพระเจ้าของผม ดังนั้นในไม่ช้าผมก็ตระหนักว่า ผมกับพวกพยานฯ ไปกันไม่ได้. อย่างไรก็ตาม โรบินต้องการเรียนรู้ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลต่อไป แม้ผมจะไม่เรียนก็ตาม. ผมรู้สึกเดือดดาล. ผมคิดว่า ‘คนพวกนี้มีสิทธิอะไรที่เข้ามายุ่งเรื่องของผมกับภรรยา โดยเอาสิ่งไร้สาระทางศาสนามาใส่สมองของเธอ?’
แม้ผมขู่ว่าจะทำให้ชีวิตสมรสขาดสะบั้นแต่ก็ไร้ผล. โรบินยังคงแน่วแน่และศึกษาต่อไป. เธอถึงกับเริ่มออกไปพูดคุยกับคนอื่น ๆ ตามบ้านเกี่ยวกับความเชื่อของเธอ. ผมทนไม่ได้อีกต่อไป เมื่อเธอบอกผมว่าเธอต้องการรับบัพติสมาและเป็นพยานฯ ที่อุทิศตัว. อย่างไรก็ตาม เธอได้รับคำแนะนำให้คอยจนกระทั่งเลิกทำงานธุรกิจบันเทิงเสียก่อน.
‘อะฮ้า!’ ผมคิด. ‘ผมชนะแล้ว. พวกเขาคงไม่อยากได้เธอ. เธอจะไม่มีวันเลิกการแสดง.’ แต่ผมคิดผิด. โรบินให้เวลาผมหนึ่งปี เธอบอกว่าหลังจากนั้นเธอจะเลิก. ผมหัวเราะ โดยเชื่อว่าเธอจะไม่มีวันทิ้งการแสดงซึ่งเธอชอบมาก. แต่อีกครั้งหนึ่งผมคิดผิดถนัด. หนึ่งปีต่อมา เธอหันหลังให้กับธุรกิจบันเทิงและรับบัพติสมา. ส่วนจูลี ลูกสาวของเราและคุณแม่ของโรบินก็รับบัพติสมาเช่นกัน.
ผมต่อสู้กับความจริง
หลังจากนั้น ผมว่าร้ายโรบินต่าง ๆ นานา โดยบอกเธอว่าเธอทำให้ผมผิดหวัง เธอไม่ได้สนใจในตัวผม. “ธุรกิจบันเทิงเป็นชีวิตจิตใจของผม. ไม่มีอะไรอีกแล้วที่ผมจะทำได้” ผมโอดครวญ. “ปัญหายุ่งยากของผมเป็นความผิดของคุณคนเดียว.” ผมถึงกับขู่จะทำร้ายร่างกายพวกพยานฯ ซึ่งผมโทษพวกเขาว่าเป็นสาเหตุทำให้การแสดงของเราต้องมีอันเลิกไปและเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดระหว่างเรา.
โรบินเริ่มวางวารสารเกี่ยวกับพระคัมภีร์ทั่วบ้าน โดยหวังว่าผมจะอ่าน. วิธีนี้ไม่ได้ผล ดังนั้น เธอจึงเลิกทำในที่สุด. แต่เธอไม่เคยเลิกอธิษฐานถึงพระยะโฮวา ขอให้ผมยอมเรียนความจริงโดยวิธีใดวิธีหนึ่งและพวกเราทั้งครอบครัวจะได้อยู่ในโลกใหม่ด้วยกัน.
ต่อมาระยะหนึ่ง ผมเริ่มยอมฟังพวกพยานฯ เมื่อพวกเขามาเยี่ยมที่บ้าน และเป็นครั้งคราวผมยอมไปประชุมตามคำชวนของลูก ๆ. แต่ผมวิพากษ์วิจารณ์ทุกสิ่งที่ได้ยินที่นั่น. กระนั้น ผมยอมรับกับตนเองว่า ผู้คนที่หอประชุมของพยานฯ ซึ่งมีกันหลายชาติ—ไม่ว่าอาหรับ, กรีก, อิตาลี, อังกฤษ, และออสเตรเลีย—ทุกคนดูเข้ากันได้ดี. พวกเขาเป็นมิตรเสมอ และไม่มีใครใช้ภาษาหยาบคายหรือพูดคุยในเรื่องผิดศีลธรรม.
การช่วยเหลือจากคริสเตียนแท้
ในที่สุด ผมยอมศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจำกับเท็ด วีแลนด์ คนที่มีความกรุณาและถ่อมเป็นพิเศษ. เขารับใช้ที่เบเธล สำนักงานสาขาของพยานพระยะโฮวา. มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่ผมกำลังเกรี้ยวกราดใส่โรบิน เท็ดเรียกผมลงไปที่รถยนต์ของเขา แล้วก้มเข้าไปในที่เก็บของท้ายรถ และเอามะม่วงให้ผมกล่องหนึ่ง. บังเอิญมะม่วงเป็นผลไม้โปรดของผม แต่ผมไม่คิดว่าเท็ดรู้. เป็นเช่นนี้อยู่หลายสัปดาห์ คือแต่ละครั้งที่เท็ดมาเยี่ยมจะมีมะม่วงหนึ่งกล่อง. วันหนึ่ง เขาก้มเข้าไปเอาของในที่เก็บของท้ายรถซึ่งผมคิดว่าเป็นกล่องผลไม้เหมือนเดิม แล้วก็หันมาด้วยสีหน้าราบเรียบบอกว่า “คุณคิดว่าจะแขวนสิ่งนี้ไว้บนผนังได้ไหม?” สิ่งนั้นคือข้อคัมภีร์ประจำปี ซึ่งพวกพยานฯ ติดไว้ในบ้านของตน. ผมจะพูดอะไรได้? ผมก็แขวนสิ่งนั้นไว้บนผนัง.
ขณะที่การศึกษาพระคัมภีร์ของผมกับเท็ดก้าวหน้า เขาแสดงให้ผมเห็นจากพระคัมภีร์ว่าธุรกิจบันเทิงไม่ได้เสนออนาคตที่แท้จริงให้. เขาอธิบายว่า ความหวังอันแน่นอนอย่างเดียวสำหรับอนาคตที่มีความสุขขึ้นอยู่กับความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์เกี่ยวกับราชอาณาจักร ซึ่งพระคริสต์ทรงสอนให้เราอธิษฐานขอ. (มัดธาย 6:9, 10) ถึงแม้ผมยังมีสัญญาว่าจ้างทางธุรกิจบันเทิงที่ต้องปฏิบัติตาม แต่ผมก็เริ่มเข้าร่วมการประชุมประจำประชาคมอย่างสม่ำเสมอ. ผมลงทะเบียนในโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าและถึงกับเริ่มมีส่วนในการเผยแพร่ตามบ้าน.
ผมเริ่มมองเห็นว่าธุรกิจบันเทิงไม่มีอะไรเสนอให้. ผมไม่เห็นได้อะไรทางด้านวัตถุตลอดเวลาที่ทุ่มเทตัวเองให้กับสิ่งที่เคยเป็นพระเจ้าของผม. ครอบครัวต้องลำบาก—ต้องมีชีวิตอยู่กับการเดินทางทั่วโลก. ที่จริง ธุรกิจบันเทิงเกือบจะทำให้ชีวิตสมรสของผมพังทลาย. แต่บัดนี้ พระผู้สูงสุดแห่งเอกภพกำลังเสนอโอกาสที่จะมีชีวิตตลอดไปในอุทยานบนแผ่นดินโลกภายใต้การครอบครองแห่งราชอาณาจักรของพระองค์.
ดังนั้น ผมจึงทำการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต. เมื่อหมดสัญญางานแสดงของผม ผมจึงตัดสายสัมพันธ์กับวงการนี้อย่างสิ้นเชิง. ผมไม่เคยหวนกลับไปที่ไนต์คลับใด ๆ หรือสมาคมคบหากับคนเหล่านั้นที่ทำธุรกิจบันเทิงเป็นอาชีพ. เท็ดทบทวนคำถามกับผม ซึ่งผู้ที่ประสงค์จะรับบัพติสมาต้องพิจารณา. อย่างไรก็ตาม เท็ดเสียชีวิต และไม่นานหลังจากนั้นผมก็รับบัพติสมา ในวันที่ 26 กรกฎาคม 1975. ผมคอยท่าที่จะพบกับบุคคลยอดเยี่ยมคนนี้ในโลกใหม่ เมื่อเขาเป็นขึ้นจากตาย.—โยฮัน 5:28, 29.
ไม่ขาดพระพร
พระยะโฮวาทรงให้เรามากกว่าที่เราเคยได้รับตลอดช่วงหลายปีที่อยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงนั้น. พระองค์ทรงปลดปล่อยผมจากโลกบันเทิงที่เสื่อมทรามผิดศีลธรรม. พระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานของภรรยาผู้ซื่อสัตย์ของผม ซึ่งยืนหยัดกับผมและไม่ยอมเลิกรา. พระองค์ทรงอวยพรเราที่มีแม่ยายและลูกสาวคนโตสองคนพร้อมด้วยลูกเขยซึ่งล้วนแต่ขยันขันแข็งในงานรับใช้ฝ่ายคริสเตียน. เลติเชีย ลูกสาวคนเล็กของเราและมีคา หลานคนโตจากทั้งหมดสามคน เป็นผู้เผยแพร่ข่าวดีที่ยังไม่รับบัพติสมา. พระยะโฮวายังอวยพระพรผมให้มีสิทธิพิเศษรับใช้เป็นผู้ปกครองในประชาคมคริสเตียน.
โรบินและผมไม่มีทางตอบแทนพระยะโฮวาได้หมดสำหรับสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเรา. กระนั้น เราสามารถเตือนคนอื่น ๆ—โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว—ถึงอันตรายต่าง ๆ ในโลกของธุรกิจบันเทิงและประเภทของความบันเทิงแบบผิด ๆ. เราสามารถเตือนพวกเขาโดยอาศัยการสังเกตส่วนตัวของเราถึงความทุกข์เดือดร้อนอันเป็นผลจากการผิดศีลธรรม, ยาเสพย์ติด, การดื่มจัด, ประเภทของดนตรีที่เสื่อมทราม, เพลงที่เน้นเรื่องเพศแบบผิดทำนองคลองธรรม, และอันตรายต่าง ๆ ที่พัวพันอยู่ด้วยเมื่อไปเที่ยวบ่อย ๆ ตามไนต์คลับหรือการแสดงคอนเสิร์ตร็อก. สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นส่วนของโลกซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของซาตานพญามารโดยสิ้นเชิง.—2โกรินโธ 4:4.
เป็นการง่ายที่จะเข้าไปติดกับดักการนมัสการซาตานโดยไม่รู้ตัว ดังที่ผมเคยเป็นคราวที่ถือเอาธุรกิจบันเทิงเป็นเสมือนพระเจ้า. อย่างไรก็ตาม เวลานี้ภรรยาและผมมีความสุขที่ได้หนุนใจหนุ่มสาวทั้งหลายให้นมัสการพระยะโฮวา พระเจ้าองค์เดียวที่สามารถสนองความปรารถนาทุกอย่างของหัวใจ—พระเจ้าซึ่งใฝ่พระทัยพวกเราอย่างแท้จริงในทุกวิถีทาง.—เล่าโดย วิเวียน เอ. วีกส์.
[รูปภาพหน้า 14]
หญิงสาวที่ผมแต่งงานด้วยเป็นนักดัดตน
[รูปภาพหน้า 15]
โรบินและผมในปัจจุบัน