ความสุขรับประกันแล้ว!
“ความสุขมีแก่ผู้ที่รู้สำนึกถึงความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของตน” พระเยซูคริสต์ได้ตรัส. (มัดธาย 5:3, ล.ม.) ตรงข้ามกับสติปัญญาตามประเพณีนิยมทั่วไป พระเยซูทรงชี้ถึงการสนองความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของตนแทนการสนองความกระหายฝ่ายวัตถุว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับความสำเร็จในการมุ่งแสวงความสุข. คำตรัสนี้ของพระเยซู ซึ่งถ้าทำตาม ก็เท่ากับเป็นการรับประกันความสุข.
อย่างไรก็ดี การรู้สำนึกถึงความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของตนหมายความยิ่งกว่าเพียงสำนึกว่ามีความจำเป็นนั้น. บ่อยมากทีเดียวที่ความจำเป็นซึ่งไม่ได้รับการสนองตอบเป็นแหล่งแห่งความกระวนกระวายและความขุ่นเคืองแทนที่จะเป็นความสุข. สุภาษิตในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวดังนี้: “การเลื่อนสิ่งที่คาดหมายทำให้หัวใจเจ็บป่วย.” (สุภาษิต 13:12, ล.ม.) ด้วยเหตุนี้ ความสุขจะเบ่งบานเมื่อคนเราดำเนินการเพื่อระบุความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของตนแล้วตอบสนอง. จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร?
ตอนนี้แหละที่คัมภีร์ไบเบิลเข้ามามีบทบาท. เพราะเหตุใด? ก็เพราะคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้นที่สามารถจัดให้มีคำตอบสำหรับคำถามซึ่งหลายคนได้ใคร่ครวญกันมานานแล้วโดยไม่พบคำตอบที่น่าพอใจ. ตัวอย่างเช่น คุณเคยสงสัยไหมว่า ‘จุดมุ่งหมายของชีวิตคืออะไร? ทำไมมนุษย์อยู่บนแผ่นดินโลกนี้? อนาคตมีอะไรไว้ให้?’ นอกจากจะให้คำตอบที่น่าพอใจสำหรับคำถามเหล่านี้และคำถามอื่น ๆ อีกมาก คัมภีร์ไบเบิลยังให้การชี้แนะสำหรับการดำเนินชีวิตด้วย ซึ่งได้ช่วยหลายล้านคนให้รับมือกับปัญหายุ่งยากซับซ้อนที่เราทั้งหลายเผชิญในทุกวันนี้และซึ่งมักจะขัดขวางการที่เราค้นหาความสุข. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกล่าวว่า “พระวจนะของ [พระเจ้า] เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพเจ้า, และเป็นแสงสว่างตามทางของข้าพเจ้า.” (บทเพลงสรรเสริญ 119:105) ใช่ คัมภีร์ไบเบิลเป็นเครื่องนำทางที่แน่ใจได้ซึ่งสามารถช่วยคุณให้ประสบความสำเร็จในการมุ่งแสวงความสุข. ขอพิจารณาสองตัวอย่างในชีวิตจริงต่อไปนี้.
จากความขุ่นเคืองสู่ความสุขในชีวิตสมรส
การสมรสอาจเป็นแหล่งแห่งความสุขหรือความทุกข์ก็ได้. น่าเศร้าที่สำหรับหลายคน การสมรสเป็นแบบหลัง. อย่างไรก็ตาม เมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล ได้ช่วยหลายคนพบความสุขในชีวิตสมรสซึ่งเมื่อก่อนไม่มีความสุข.
หยุงคุนและเหม่ยซิ่วเคยมีประสบการณ์เช่นนี้. “เจ็ดปีแรกแห่งชีวิตสมรสของเราไม่มีความสุข” หยุงคุนเปิดเผย. “ผมใช้เวลาอยู่กับภรรยาและลูกสาวสองคนน้อยมาก. ที่จริง ผมมักจะนอนค้างที่สถานทำงานบ่อย ๆ.” ถึงแม้มีสิ่งจำเป็นฝ่ายวัตถุทุกอย่าง พวกเขาก็ไม่มีความสุข. ภรรยาของเขาเสริมว่า “นอกจากที่สามีดิฉันจัดหาสิ่งฝ่ายวัตถุให้เราแล้ว เขาปล่อยให้ดิฉันดูแลเรื่องต่าง ๆ ทั้งหมดในครอบครัว. ดิฉันรู้สึกเคืองจริง ๆ.” เขาทั้งสองกระทั่งคิดจะเลิกกันด้วยซ้ำ.
หยุงคุนมีปัญหาอื่น ๆ ทางครอบครัวด้วย. เนื่องจากปัญหายุ่งยากครั้งก่อนในครอบครัว เขาไม่พูดกับพี่สาวถึงเจ็ดปี. เป็นเช่นนั้นทั้ง ๆ ที่พวกเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงร้อยเมตร. แต่ตอนนี้ เขามีชีวิตสมรสที่เป็นสุขและมีความสัมพันธ์อันดีกับพี่สาว. เพราะเหตุใดจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่โตนี้ขึ้น?
“ผมกับภรรยาเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับพยานพระยะโฮวาและเข้าร่วมการประชุมเรื่องคัมภีร์ไบเบิลประจำสัปดาห์” หยุงคุนชี้แจง. พี่สาวของเขาก็ทำเช่นเดียวกัน. พวกเขาเริ่มนำสิ่งที่เรียนรู้ไปปฏิบัติและรู้สึกประหลาดใจกับผลที่เกิดขึ้น. หยุงคุนได้งานที่ทำให้เขาสามารถเอาใจใส่ไม่เพียงสิ่งจำเป็นด้านวัตถุของครอบครัวเท่านั้น แต่สิ่งจำเป็นฝ่ายวิญญาณและอารมณ์ด้วย. บัดนี้ พวกเขามีชีวิตครอบครัวที่มีความสุขและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน.
เธอพบจุดมุ่งหมายในชีวิต
ผู้ที่ศึกษาด้านจิตวิทยาของมนุษย์กล่าวว่า เพื่อจะมีความสุข เราจำเป็นต้องมีเหตุผลสำหรับการมีชีวิตอยู่ มีจุดมุ่งหมายในชีวิต. ชีวิตที่เพ่งความสนใจอยู่ที่การมุ่งแสวงสิ่งฝ่ายวัตถุอย่างเห็นแก่ตัวไม่สนองความจำเป็นนี้. ลี่หนี วัยยี่สิบหกปีพบว่านี้เป็นความจริง.
“ดิฉันเคยทำงานวันละ 12 ชั่วโมง สัปดาห์ละเจ็ดวัน” เธอบอก. “เป้าหมายของดิฉันคือการเปิดร้านเสริมสวยขนาดใหญ่.” แม้ว่าเธอเกือบจะทำให้ความฝันเป็นจริงขึ้นมา แต่เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดไปในชีวิต. “ดิฉันเคยสงสัยในเรื่องจุดมุ่งหมายของชีวิต. แค่ทำงานและหาเงินเท่านั้นหรือ?”
แล้ววันหนึ่งก็มีคนเข้ามาที่ร้านและถามเธอตรงกับคำถามที่เธอเคยสงสัยนั้น. คนนั้นบอกว่า คัมภีร์ไบเบิลสามารถตอบคำถามนั้นได้. แม้เธอไม่เคยอ่านคัมภีร์ไบเบิลมาก่อน แต่เธอก็ตกลงจะจัดเวลาหนึ่งชั่วโมงทุกสัปดาห์เพื่อตรวจสอบพระคัมภีร์.
จากการศึกษาประจำสัปดาห์ ลี่หนีเรียนรู้ว่า คัมภีร์ไบเบิลได้บอกล่วงหน้าถึงหลายสิ่งที่เธอกำลังรู้เห็นอยู่ทุกวัน. เธอรู้สึกประหลาดใจที่คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาล่วงหน้าอย่างแม่นยำจริง ๆ ถึงสภาพการณ์ที่มีอยู่รอบตัวเธอ เช่นที่ว่า “คนจะเป็นคนรักตัวเอง, เป็นคนเห็นแก่เงิน, เป็นคนอวดตัว, เป็นคนจองหอง, เป็นคนหลู่เกียรติยศของพระเจ้า, เป็นคนไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา, เป็นคนอกตัญญู, เป็นคนพาล, เป็นคนไม่รักซึ่งกันและกัน, เป็นคนไม่ยอมเป็นไมตรีกับใคร, เป็นคนหาความใส่เขา, เป็นคนไม่มีสติรั้งใจ, เป็นคนดุร้าย, เป็นคนชังคนดี, เป็นคนทรยศ, เป็นคนหัวดื้อ, เป็นคนหัวสูง, เป็นคนรักการสนุกสนานมากกว่ารักพระเจ้า.” เธอได้ศึกษาคำพยากรณ์อื่น ๆ ซึ่งชี้ถึงความทุกข์ยากอย่างไม่เคยมีมาก่อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากสงคราม, ความอดอยาก, และภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งเห็นกันอยู่ทั่วโลก.—2 ติโมเธียว 3:1-5; มัดธาย 24:7, 12.
จากนั้นลี่หนีได้เรียนรู้บางสิ่งซึ่งทำให้ชีวิตเธอมีความสุขมาก นั่นคือ สภาพการณ์ดังกล่าวในโลกซึ่งมักปล้นความสุขไปจากผู้คนนั้นเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ยุคใหม่ในประวัติศาสตร์มนุษย์อยู่ใกล้แล้ว. (มัดธาย 24:3-14) นอกจากนี้ เธออ่านพบในคัมภีร์ไบเบิลด้วยว่า พระผู้สร้างมนุษยชาติทรงประสงค์จะสถาปนาโลกใหม่บนแผ่นดินโลก ที่ซึ่งความมั่งคั่งอย่างที่มนุษย์ไม่สมบูรณ์ไม่เคยรู้เห็นมาก่อนเลยนั้นจะมีอยู่ทั่วไปในโลก. (บทเพลงสรรเสริญ 72:16; ยะซายา 65:17, 18, 21, 22) สังคมในอนาคตที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้จะไม่ถูกทำให้เสียหายเนื่องด้วยความโลภ, ความเห็นแก่ตัว, และการนิยมวัตถุ กับบรรดาผลอันเลวร้ายของสิ่งเหล่านั้น. (บทเพลงสรรเสริญ 37:9-11, 29; 1 โกรินโธ 6:9, 10) เธอรู้สึกตื่นเต้นเมื่ออ่านถ้อยคำต่อไปนี้ในคัมภีร์ไบเบิล: “มีฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ซึ่งเรากำลังรอท่าอยู่ตามคำสัญญาของพระองค์ และซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่ที่นั่น.”—2 เปโตร 3:13, ล.ม.
ความสุขรอท่าคุณอยู่
แทนที่จะใช้เวลาทั้งหมดของเธอมุ่งติดตามเป้าหมายฝ่ายวัตถุ บัดนี้ลี่หนีใช้เวลาส่วนมากเพื่อบอกคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้เรียนรู้. คุณอยากจะรู้มากขึ้นไหมเกี่ยวกับคำสัญญาอันยอดเยี่ยมเหล่านี้? คุณอยากค้นพบวิธีที่คัมภีร์ไบเบิลสามารถช่วยคุณให้พบความสุขที่ลี่หนี, หยุงคุน, เหม่ยซิ่ว, และคนอื่น ๆ อีกหลายล้านคนได้พบไหม? พยานพระยะโฮวาเต็มใจอย่างยิ่งที่จะช่วยคุณ.
[รูปภาพหน้า 8, 9]
พระผู้สร้างของเรามีพระประสงค์จะสร้างอุทยานบนแผ่นดินโลก