ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ต95 8/8 น. 12-16
  • แค็ตตะโคมคืออะไร?

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • แค็ตตะโคมคืออะไร?
  • ตื่นเถิด! 1995
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • ประวัติ​แค็ตตะโคม
  • การ​เยือน​แค็ตตะโคม
  • การ​ผสมผเส​แนว​ความ​คิด
  • อุโมงค์แห่งโอเดสซา—เขาวงกตใต้ดิน
    ตื่นเถิด! 2010
  • โลกใต้ดินของปารีส
    ตื่นเถิด! 1999
  • โรมในหลายโฉมหน้า
    ตื่นเถิด! 2001
  • รูปเคารพ
    ตื่นเถิด! 2014
ดูเพิ่มเติม
ตื่นเถิด! 1995
ต95 8/8 น. 12-16

แค็ตตะโคม​คือ​อะไร?

โดย​ผู้​สื่อ​ข่าว ตื่นเถิด! ใน​อิตาลี

ในทาง​เดิน​มืด​มิด​ซึ่ง​ซ่อน​อยู่​ใน​ส่วน​ลึก​ใต้​กรุง​โรม​โบราณ คือ​แค็ตตะโคม. แค็ตตะโคม​คือ​อะไร​แน่? ถูก​สร้าง​ขึ้น​มา​เพื่อ​อะไร?

โดย​แท้​แล้ว แค็ตตะโคม​คือ​อุโมงค์​ที่​ขุด​เข้า​ไป​ใน​ศิลา​เพื่อ​ใช้​เป็น​สุสาน. คิด​กัน​ว่า​คำ “แค็ตตะโคม” ซึ่ง​มี​ความหมาย​ไม่​แน่ชัด (อาจ​หมายความ​ว่า “ที่​ใน​โพรง”) เป็น​ชื่อ​สถาน​ที่​ซึ่ง​ใช้​เรียก​สุสาน​เฉพาะ​แห่ง​บน​เส้น​ทาง​อัปปีอัน เวย์ ใกล้​กรุง​โรม. จน​ใน​ที่​สุด ชื่อ​นี้​ก็​ถูก​ใช้​กับ​สุสาน​ทั้ง​หมด​ที่​อยู่​ใต้​พื้น​ดิน. ถึง​แม้​จะ​มี​แค็ตตะโคม​ใน​หลาย​ส่วน​ของ​ที่​ลุ่ม​แถบ​เมดิเตอร์เรเนียน แต่​แค็ตตะโคม​ใน​กรุง​โรม​ก็​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ดี​ที่​สุด​และ​ใหญ่​ที่​สุด​ด้วย—ประมาณ​กัน​ว่า​แค็ตตะโคม​เหล่า​นั้น​มี​ความ​ยาว​ทั้ง​หมด​หลาย​ร้อย​กิโลเมตร. มี​การ​ระบุ​ว่า​มี​แค็ตตะโคม​มาก​ถึง 60 แห่ง ทั้ง​หมด​อยู่​ห่าง​ไม่​กี่​กิโลเมตร​นอก​ใจ​กลาง​กรุง​ใน​ประวัติศาสตร์​นี้​ตาม​ทางหลวง​ที่​ผู้​สำเร็จ​ราชการ​แห่ง​โรม​สร้าง​ขึ้น ซึ่ง​เชื่อม​กรุง​โรม​กับ​แคว้น​ต่าง ๆ.

ดู​เหมือน​ว่า​ใน​ระหว่าง​ศตวรรษ​แรก คริสเตียน​ชาว​โรมัน​ไม่​มี​สุสาน​ของ​ตน​เอง​แต่​ฝัง​ศพ​พวก​เขา​ไว้​กับ​พวก​นอก​รีต. จน​ถึง​กลาง​ศตวรรษ​ที่​สอง​เมื่อ​ผู้​ที่​ประกาศ​ตัว​เป็น​คริสเตียน​เริ่ม​ถูก​ครอบงำ​ด้วย​แนว​คิด​ของ​พวก​นอก​รีต ผู้​เปลี่ยน​มา​นับถือ​ศาสนา​คริสเตียน​ที่​มั่งคั่ง​ก็​ได้​จัด​สรร​ที่​ดิน​สำหรับ​สุสาน “คริสเตียน.” เพื่อ​แก้​ปัญหา​ใน​เรื่อง​พื้นที่​โดย​ไม่​ต้อง​ไป​จาก​กรุง​ไกล​เกิน​ไป การ​ขุด​จึง​ได้​เริ่ม​ขึ้น.

ประวัติ​แค็ตตะโคม

อาจ​เป็น​ได้​ว่า​การ​ขุด​ครั้ง​แรก​เริ่ม​ทำ​กัน​ตาม​ด้าน​ข้าง​เนิน​เขา หรือ​ไม่​ก็​ใน​เหมือง​ร้าง. ลุดวิก แฮร์ตลิง และ เอ็นเกิลเบิร์ต เคียร์ชบาวม์ อธิบาย​ใน​หนังสือ​ของ​เขา​เรื่อง​แค็ตตะโคม​ว่า “แล้ว​งาน​ขุด​ทาง​เดิน​ใต้​ดิน​สูง​ไม่​เกิน​หนึ่ง​ช่วง​ตัว​คน​ก็​เริ่ม​ต้น. มี​การ​ขุด​อุโมงค์​ย่อย​ตาม​แนว​ขวาง​ไป​ทาง​ซ้าย​และ​ขวา​ซึ่ง​ภาย​หลัง​ปลาย​ทาง​จะ​เชื่อม​เข้า​กับ​ทาง​เดิน​อีก​เส้น​หนึ่ง​ซึ่ง​ขนาน​กับ​เส้น​ทาง​แรก. ด้วย​วิธี​นี้ เครือข่าย​เส้น​ทาง​ง่าย ๆ แล้ว​ก็​ค่อย ๆ ใหญ่​และ​ซับซ้อน​จึง​ถูก​สร้าง​ขึ้น.”

พัฒนาการ​ครั้ง​ใหญ่​ที่​สุด​เกิด​ขึ้น​ระหว่าง​ศตวรรษ​ที่​สาม​และ​ที่​สี่ พอ​ถึง​ช่วง​นี้ สิ่ง​ที่​ถือ​ว่า​เป็น​ศาสนา​คริสเตียน​ก็​ถูก​ปนเปื้อน​ไป​ทั่ว​โดย​คำสอน​และ​กิจ​ปฏิบัติ​นอก​รีต. พร้อม​กับ​สิ่ง​ที่​เรียก​กัน​ว่า​การ​เปลี่ยน​ศาสนา​ของ​คอนสแตนติน​ใน​ปี​สากล​ศักราช 313 แค็ตตะโคม​ก็​กลาย​เป็น​ทรัพย์​สิน​ของ​คริสตจักร​แห่ง​โรม และ​สุด​ท้าย แค็ตตะโคม​บาง​แห่ง​ก็​กิน​เนื้อ​ที่​ใหญ่​มหึมา. เมื่อ​รวม​กัน​แล้ว แค็ตตะโคม​ของ​โรม​อาจ​มี​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​หลาย​แสน หรือ​ไม่​ก็​หลาย​ล้าน.

ใน​ช่วง​นี้ สุสาน​ต่าง ๆ ได้​รับ​การ​ตกแต่ง​และ​ขยาย และ​มี​การ​สร้าง​บันได​ใหม่ ๆ เพื่อ​ความ​สะดวก​ใน​การ​เข้า​ชม​สำหรับ​ผู้​มา​เยือน​ซึ่ง​หลั่งไหล​เข้า​มา​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ. ความ​โด่งดัง​ของ​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ซึ่ง​ทึกทัก​เอา​ว่า​เป็น​ของ​โปป​และ​เหล่า​ผู้​พลี​ชีพ​เพื่อ​ความ​เชื่อ​ได้​แพร่​ไป (โดย​เฉพาะ​ใน​ยุโรป​ภาค​เหนือ) ถึง​ขนาด​ที่​แค็ตตะโคม​นั้น​กลาย​เป็น​เป้าหมาย​ของ​ผู้​แสวง​บุญ​จำนวน​มาก. พร้อม​กับ​ความ​ล่ม​จม​ของ​โรม​และ​การ​บุกรุก​ครั้ง​แรก​ของ​คน​เถื่อน​เมื่อ​ต้น​ศตวรรษ​ที่​ห้า ทั่ว​ทั้ง​บริเวณ​นั้น​กลาย​เป็น​เขต​อันตราย​สุด​ขีด และ​การ​ใช้​แค็ตตะโคม​เป็น​สถาน​ฝัง​ศพ​ก็​หยุด​ไป.

ใน​ช่วง​ศตวรรษ​ที่​แปด อุโมงค์​ฝัง​ศพ​เหล่า​นั้น​ได้​รับ​ความ​เสียหาย​อย่าง​หนัก​เมื่อ​ถูก​ปล้น​สะดม​ไม่​เพียง​โดย​กองทัพ​ผู้​รุกราน​เท่า​นั้น แต่​โดย “ผู้​ไกล่เกลี่ย​ชาว​โรมัน​ที่​ยอม​โอน​อ่อน” ด้วย ตาม​ที่​แฮร์ตลิง​กับ​เคียร์ชบาวม์​กล่าว ซึ่ง​ยอม​ยก​ของ​ที่​ระลึก​ศักดิ์สิทธิ์​จำนวน​มาก​มาย​แก่ “อธิการ​โบสถ์​ชาว​เยอรมัน​และ​ชาว​แฟรงก์​ซึ่ง​กระหาย​แรง​กล้า​ที่​จะ​ได้​วัตถุ​โบราณ​ทาง​ศาสนา​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อย ๆ” เพื่อ​เสริม​เกียรติภูมิ​แก่​โบสถ์​วิหาร​และ​อาราม​ต่าง ๆ ของ​ตน. เมื่อ​ไม่​สามารถ​บูรณะ​หรือ​ป้องกัน​แค็ตตะโคม​ได้ โปป​พอล​ที่​หนึ่ง​จึง​นำ​อัฐิ​ที่​ยัง​เหลือ​อยู่​ส่วน​ใหญ่​ไป​ไว้​ใน​ที่​ปลอด​ภัย​ภาย​ใน​กำแพง​เมือง ที่​ซึ่ง​ต่อ​มา​ได้​มี​การ​สร้าง​โบสถ์​ใหญ่​โต​ขึ้น​บน​สิ่ง​ที่​เชื่อ​กัน​ว่า​เป็น​ซาก​ที่​เหลือ​ของ “ผู้​บริสุทธิ์​ที่​พลี​ชีพ​เพื่อ​ความ​เชื่อ.” ส่วน​แค็ตตะโคม​เอง​ถูก​ทอดทิ้ง​และ​ลืม​เลือน​ไป.

คู่มือ​โบราณ​สำหรับ​เส้น​ทาง​เที่ยว​ชม​แค็ตตะโคม​แห่ง​ศตวรรษ​ที่​ห้า​ถึง​ศตวรรษ​ที่​เก้า​ซึ่ง​เตรียม​ขึ้น​เพื่อ​นำ​ทาง​ผู้​มา​เยือน​ไป​สู่​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ที่​มี​ชื่อเสียง​นั้น​เป็น​เบาะ​แส​อัน​มี​ค่า​แก่​พวก​ผู้​เชี่ยวชาญ​ซึ่ง ใน​ศตวรรษ​ที่ 17 และ​จาก​นั้น​ก็​ใน​ศตวรรษ​ที่ 19 ได้​เริ่ม​ค้นคว้า, ระบุ, และ​สำรวจ​สุสาน​ที่​ถูก​ปิด​ซ่อน​ใต้​ซาก​หัก​พัง​และ​ต้นไม้​ใบ​หญ้า. ตั้ง​แต่​นั้น​มา ได้​มี​การ​ดำเนิน​งาน​วิจัย​และ​บูรณะ​มาก​มาย และ​ปัจจุบัน​จึง​เป็น​ไป​ได้​ที่​จะ​ไป​เยือน​สถาน​ที่​ซึ่ง​ชวน​ให้​สะเทือน​ใจ​เหล่า​นี้​หลาย​แห่ง.

การ​เยือน​แค็ตตะโคม

เรา​อยู่​บน​อัปปีอัน เวย์ เส้น​ทาง​ที่​อัครสาวก​เปาโล​เคย​เดิน​ทาง​เมื่อ​ท่าน​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ยัง​กรุง​โรม​ใน​ฐานะ​นัก​โทษ. (กิจการ 28:13-16) แม้​จะ​อยู่​ห่าง​แค่​สาม​กิโลเมตร​นอก​กำแพง​กรุง​โบราณ เรา​ก็​มา​อยู่​ใน​ชนบท​ที่​โล่ง​แจ้ง ห้อม​ล้อม​ด้วย​ต้น​สน​ไพน์​และ​ต้น​สน​ไซ​เพรส​อัน​งดงาม​ซึ่ง​ขึ้น​ท่ามกลาง​อนุสาวรีย์​และ​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ของ​ทางหลวง​ที่​เคย​คับคั่ง​ใน​อดีต.

หลัง​จาก​ซื้อ​ตั๋ว​เข้า​ชม​แล้ว​เรา​ก็​ลง​ไป​ตาม​บันได​ที่​ชัน​จน​ถึง​ระดับ​ความ​ลึก​ราว 12 เมตร. มัคคุเทศก์​อธิบาย​ว่า​แค็ตตะโคม​นี้​ถูก​จัด​แบ่ง​เป็น​ห้า​ชั้น​ต่าง ๆ กัน ลึก​ถึง​ระดับ 30 เมตร ซึ่ง​ถ้า​ลึก​กว่า​ระดับ​นั้น​ก็​จะ​พบ​น้ำ. แท้​จริง​แล้ว กรุง​โรม​แวดล้อม​ไป​ด้วย​หิน​ทัฟฟ์​เป็น​บริเวณ​กว้าง ซึ่ง​ก็​คือ​หิน​ภูเขา​ไฟ​ที่​เนื้อ​ไม่​แน่น​และ​น้ำ​ซึม​ผ่าน​ได้ ง่าย​แก่​การ​ขุด​เจาะ แต่​ก็​แข็ง​แกร่ง.

เรา​เดิน​ตาม​ทาง​แคบ กว้าง​หนึ่ง​เมตร​และ​สูง​ราว 2.5 เมตร. ผนัง​สี​น้ำตาล​เข้ม​ที่​หยาบ​และ​ชื้น และ​ยัง​มี​รอย​ที่​เห็น​ชัด​ซึ่ง​เกิด​จาก​อีเต้อ​ของ​ช่าง​ขุด คือ​พวก​คน​งาน​ที่​ขุด​อุโมงค์​แคบ​เหล่า​นี้. อุโมงค์​ฝัง​ศพ​บน​สอง​ข้าง​ทาง​ถูก​เปิด​และ​ชิง​เอา​สิ่ง​ของ​ไป​นาน​แล้ว แต่​บาง​อุโมงค์​ยัง​มี​กระดูก​ชิ้น​เล็ก​ชิ้น​น้อย​อยู่. ขณะ​ที่​เรา​เดิน​ต่อ​ไป​ใน​ความ​มืด เรา​ตระหนัก​ว่า​ถูก​ราย​ล้อม​ไป​ด้วย​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​นับ​พัน.

วิธี​ฝัง​ศพ​ผู้​ตาย​ที่​ประหยัด​และ​ใช้​ได้​ดี​ที่​สุด​คือ ขุด​เป็น​โพรง​สี่​เหลี่ยม​ผืน​ผ้า​ตาม​ผนัง​เรียง​ซ้อน​กัน​ขึ้น​ไป. ตาม​ปกติ​แล้ว​โพรง​เหล่า​นี้​จะ​บรรจุ​หนึ่ง​ศพ แต่​บาง​ครั้ง​ก็​สอง​หรือ​สาม. โพรง​เหล่า​นี้​ถูก​ปิด​ด้วย​อิฐ, แผ่น​หิน​อ่อน​หนา ๆ, หรือ​กระเบื้อง​ดิน​เผา แล้ว​ผนึก​ด้วย​ปูน​ขาว. หลาย​โพรง​ไม่​มี​คำ​จารึก​ไว้. อาจ​ใช้​สิ่ง​ของ​เล็ก ๆ ติด​ไว้​ด้าน​นอก​โพรง​เพื่อ​ให้​จำ​ได้ เช่น เอา​เหรียญ​หรือ​เปลือก​หอย​กด​ฝัง​ใน​ปูน​ขาว​ที่​ยัง​ไม่​แห้ง หรือ​ตุ๊กตา​เล็ก ๆ ทำ​จาก​กระดูก​อย่าง​ที่​แค็ตตะโคม​ของ​พริสซิลลา ซึ่ง​สันนิษฐาน​ได้​ว่า​ถูก​ติด​ไว้​โดย​บิดา​มารดา​ที่​โศก​เศร้า​เนื่อง​ด้วย​บุตร​สาว​เสีย​ชีวิต​ก่อน​วัย​อัน​ควร. อุโมงค์​ฝัง​ศพ​หลาย​แห่ง​เล็ก​มาก มี​ที่​พอ​สำหรับ​ทารก​แรก​เกิด​เท่า​นั้น​เอง.

เรา​ถาม​ว่า “จะ​ทราบ​อายุ​แค็ตตะโคม​ได้​อย่าง​ไร?” มัคคุเทศก์​ของ​เรา​ตอบ​ว่า “เรื่อง​นั้น​ไม่​ต้อง​เดา​ครับ. คุณ​เห็น​เครื่องหมาย​นี้​ไหม?” เรา​ก้ม​ลง​ตรวจ​ดู​เครื่องหมาย​ที่​ประทับ​บน​กระเบื้อง​ดิน​เผา​แผ่น​ใหญ่​ซึ่ง​ใช้​ปิด​โพรง​บน​ผนัง​โพรง​หนึ่ง. “ตรา​บน​ดิน​เผา​นี้​ถูก​ประทับ​ไว้​ตอน​ทำ​แผ่น​กระเบื้อง​นี้. โรงงาน​เหล่า​นั้น ซึ่ง​หลาย​โรง​เป็น​ทรัพย์​สิน​ของ​จักรพรรดิ ได้​ประทับ​ข้อมูล​บน​อิฐ​และ​กระเบื้อง​ที่​พวก​เขา​ผลิต​เพื่อ​บ่ง​บอก​บ่อ​ดิน​เหนียว, ชื่อ​โรงงาน, หัวหน้า​คน​งาน, ขุนนาง​ใหญ่ (ผู้​สำเร็จ​ราชการ) ซึ่ง​ดำรง​ตำแหน่ง​ใน​ปี​นั้น, และ​อื่น ๆ. นี้​เป็น​องค์​ประกอบ​ที่​เป็น​ประโยชน์​อย่าง​ยิ่ง​ใน​การ​กำหนด​วัน​เวลา​ที่​แม่นยำ​สำหรับ​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ต่าง ๆ. อุโมงค์​เก่า​แก่​ที่​สุด​มี​อายุ​ย้อน​ไป​ถึง​ตอน​กลาง​ศตวรรษ​ที่​สอง​สากล​ศักราช และ​ที่​ใหม่​ที่​สุด​ก็​ราว ๆ ปี​สากล​ศักราช 400.”

การ​ผสมผเส​แนว​ความ​คิด

เห็น​ได้​ชัด​ว่า​บาง​คน​ที่​ใช้​สถาน​ที่​เหล่า​นี้​มี​ความ​รู้​บ้าง​เกี่ยว​กับ​พระ​คัมภีร์​บริสุทธิ์ เนื่อง​จาก​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​จำนวน​หนึ่ง​มี​การ​ตกแต่ง​ด้วย​ภาพ​เหตุ​การณ์​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. แต่​ไม่​มี​อะไร​ที่​แสดง​ถึง​การ​นมัสการ​นาง​มาเรีย​หรือ​เรื่องราว​สำคัญ​อื่น ๆ ซึ่ง​มี​ให้​เห็น​ทั่ว​ไป​ใน​ศิลปะ “ศักดิ์สิทธิ์” สมัย​หลัง ๆ เช่น​ที่​เรียก​กัน​ว่า​การ​ตรึง​กางเขน​พระ​เยซู.

นอก​จาก​นั้น เรา​เห็น​ภาพ​ที่​ไม่​มี​ความ​เกี่ยว​ข้อง​ใด ๆ กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย. “จริง​ครับ” มัคคุเทศก์​ยอม​รับ. “หลาย​ภาพ​ใน​แค็ตตะโคม​นี้​และ​ที่​อื่น ๆ ถูก​ยืม​มา​จาก​ศิลปะ​นอก​รีต. คุณ​จะ​เห็น​ได้​ว่า​มี ออร์ฟีอุส ซึ่ง​เป็น​คน​กึ่ง​เทพ​และ​วีรบุรุษ​ชาว​กรีก​ผสม​โรมัน; คิวปิด​และ​ไซคี​ซึ่ง​แสดง​ถึง​ความ​เป็น​ไป​ของ​จิตวิญญาณ​ใน​ชีวิต​นี้​และ​ชีวิต​ภาย​หลัง​ความ​ตาย; เถา​องุ่น​และ​การ​เก็บ​เกี่ยว​ผล​องุ่น สัญลักษณ์​อัน​มี​ชื่อ​ของ​พวก​ที่​นับถือ​เทพ​ดีโอนีซุส​อัน​เกี่ยว​กับ​ความ​ปีติ​ยินดี​เป็น​ล้น​พ้น​ใน​ชีวิต​ภาย​หลัง​ตาย. ตาม​ที่​ผู้​คง​แก่​เรียน​ใน​นิกาย​เจซูอิต​ชื่อ อันโตนิโอ เฟร์รัว ได้​กล่าว ทั้ง​หมด​ที่​เอา​มา​จาก​ศิลปะ​เกี่ยว​กับ​การ​บูชา​รูป​ปั้น​ได้​แก่ การ​ทำ​ให้​สิ่ง​มี​ชีวิต​แบบ​นามธรรม​มี​ลักษณะ​เป็น​บุคคล​คือ; สี่​ฤดู​ที่​สำแดง​โดย​กาม​เทพ; ภาพ​เหตุ​การณ์​ที่​ซับซ้อน​ยิ่ง​ขึ้น​ซึ่ง​ให้​ภาพ​สี่​ฤดู​แห่ง​ปี เช่น คิมหันต์​สวม​มงกุฎ​ฝัก​ข้าว​โพด​กับ​ดอก​ลิลี และ​อื่น ๆ.”

เรื่องราว​สำคัญ ๆ ที่​มี​ให้​เห็น​ซ้ำ​แล้ว​ซ้ำ​เล่า​ได้​แก่: นก​ยูง สัญลักษณ์​แห่ง​ความ​เป็น​อมตะ เพราะ​ถือ​กัน​ว่า​เนื้อ​ของ​มัน​ไม่​เน่า​เปื่อย; นก​ฟีนิกซ์​ใน​เทพ​นิยาย​ก็​เป็น​สัญลักษณ์​แห่ง​ความ​เป็น​อมตะ​เช่น​กัน เพราะ​กล่าว​กัน​ว่า​มัน​ตาย​ใน​เปลว​ไฟ​แล้ว​คืน​ชีพ​อีก​จาก​เถ้า​กระดูก​ของ​มัน; จิตวิญญาณ​คน​ตาย​ที่​แวดล้อม​ด้วย​นก, ดอกไม้, และ​ผลไม้ กำลัง​กิน​เลี้ยง​ใน​ชีวิต​ภาย​หลัง​ความ​ตาย. นับ​เป็น​การ​ผสมผเส​จริง ๆ ใน​เรื่อง​แนว​ความ​คิด​แบบ​นอก​รีต​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล!

คำ​จารึก​บาง​อย่าง​เป็น​ถ้อย​คำ​ที่​สะเทือน​ใจ​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ ดู​เหมือน​สะท้อน​ถึง​ความ​เชื่อ​มั่น​ว่า ผู้​ตาย​นอน​หลับ​รอ​คอย​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย เช่น: “อะควิลีนา​นอน​หลับ​อย่าง​สงบ.” (โยฮัน 11:11, 14) ตรง​ข้าม​กับ​คำสอน​ใน​พระ​คัมภีร์ คำ​จารึก​อื่น ๆ แสดง​แนว​ความ​คิด​ที่​ว่า ผู้​ตาย​สามารถ​ช่วยเหลือ​หรือ​สื่อ​ความ​กับ​คน​เป็น​ได้ เช่น: “ขอ​ให้​ระลึก​ถึง​สามี​และ​ลูก​ของ​เธอ​ด้วย​นะ”; “โปรด​อธิษฐาน​เผื่อ​เรา​ด้วย”; “ฉัน​อธิษฐาน​เผื่อ​เธอ”; “ฉัน​อยู่​อย่าง​สงบ​สุข.”

แต่​ทำไม​จึง​มี​การ​ผสมผเส​แนว​คิด​ของ​พระ​คัมภีร์​กับ​ของ​พวก​นอก​รีต? นัก​ประวัติศาสตร์ เจ. สตีเวนสัน กล่าว​ว่า “หลักการ​คริสเตียน​ของ​คริสต์​ศาสนิกชน​บาง​คน​ถูก​แทรกซึม​ด้วย​แนว​ความ​คิด​ที่​ได้​รับ​มา​จาก​การ​ที่​เป็น​คน​นอก​รีต​ใน​อดีต.” เห็น​ได้​ชัด​ว่า​พวก​ผู้​เชื่อถือ​ใน​โรม​ไม่​ปฏิบัติ​ประสาน​กับ​ความ​รู้​ที่​ได้​รับ​ถ่ายทอด​มา​จาก​สาวก​แท้​ของ​พระ​เยซู​อีก​ต่อ​ไป.—โรม 15:14.

ขณะ​ที่​เรา​เยี่ยม​ชม​ต่อ​ไป อิทธิพล​ที่​เกิด​ขึ้น​เนื่อง​จาก​ความ​เลื่อมใส​ต่อ​ผู้​ตาย​อัน​ไม่​เป็น​ไป​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​เห็น​ชัด​ขึ้น​เรื่อย ๆ. หลาย​คน​ปรารถนา​จะ​ถูก​ฝัง​ใกล้ ๆ กับ​อุโมงค์​ของ​บาง​คน​ที่​ถือ​กัน​ว่า​เป็น​ผู้​พลี​ชีพ​เพื่อ​ความ​เชื่อ ด้วย​ความ​คิด​ที่​ว่า จาก​ตำแหน่ง​ของ​เขา​ใน​แดน​สุขาวดี​ใน​สวรรค์ ผู้​พลี​ชีพ​เพื่อ​ความ​เชื่อ​คน​นั้น​อาจ​ช่วย​ร้อง​ขอ​ให้​คน​ที่​ต่ำ​กว่า​ได้​รับ​รางวัล​อย่าง​เดียว​กัน.

หลาย​คน​มโนภาพ​ว่า​แค็ตตะโคม​อยู่​ใต้​กรุง​พอ​ดี แต่​ไม่​ใช่​เช่น​นั้น. แค็ตตะโคม​ทั้ง​หมด​อยู่​ภาย​นอก​ห่าง​จาก​ใจ​กลาง​กรุง​ไม่​กี่​กิโลเมตร. แท้​จริง กฎหมาย​โรมัน​ห้าม​การ​ฝัง​ศพ​ภาย​ใน​กำแพง​กรุง. กฎหมาย​สิบ​สอง​แผ่น​ศิลา ซึ่ง​นำ​มา​ใช้​ใน​ศตวรรษ​ที่​ห้า​ก่อน​สากล​ศักราช แถลง​ดัง​นี้: Hominem mortuum in urbe ne sepelito neve urito (จะ​ฝัง​หรือ​เผา​ศพ​ภาย​ใน​กรุง​มิ​ได้).

มัคคุเทศก์​ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า “พวก​เจ้าหน้าที่​รู้​จัก​สุสาน​เหล่า​นี้​ดี​ถึง​ขนาด​ที่​ใน​ช่วง​การ​กดขี่​ข่มเหง​จาก​จักรพรรดิ​วา​เลอ​เรียน​นั้น เมื่อ​คริสเตียน​ถูก​กัน​ไม่​ให้​เข้า​แค็ตตะโคม โปป ซิกสตุส ที่​สอง​ถูก​ประหาร​เมื่อ​ถูก​พบ​ว่า​อยู่​ที่​นี่ (ปี​สากล​ศักราช 258).”

พอ​เลี้ยว​อีก​หัว​มุม​หนึ่ง​ใน​ทาง​เดิน​อัน​วก​วน​นั้น เรา​เห็น​แสง​สลัว ๆ ส่อง​ตรง​สุด​ทาง​เดิน แล้ว​เรา​ก็​รู้​ว่า​การ​เยือน​ของ​เรา​มา​ถึง​ตอน​จบ. เรา​กล่าว​อำลา​มัคคุเทศก์ ขอบคุณ​ที่​เขา​ให้​ข้อมูล​น่า​สนใจ และ​ขณะ​ที่​เรา​ขึ้น​มา​ตาม​บันได​สูง​ชัน​อีก​อัน​หนึ่ง​เพื่อ​กลับ​สู่​พื้น​ผิว​โลก เรา​อด​ครุ่น​คิด​ถึง​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​เห็น​มา​ไม่​ได้.

เป็น​ไป​ได้​ไหม​ว่า​สิ่ง​เหล่า​นี้​เป็น​ส่วน​ที่​หลง​เหลือ​ของ​ศาสนา​คริสเตียน? ยาก​จะ​เป็น​ได้. พระ​คัมภีร์​พยากรณ์​ว่า ไม่​นาน​หลัง​จาก​ความ​ตาย​ของ​เหล่า​อัครสาวก หลัก​คำสอน​ที่​พระ​เยซู​และ​เหล่า​สาวก​ของ​พระองค์​ได้​สอน​นั้น​จะ​เกิด​การ​ปนเปื้อน. (2 เธซะโลนิเก 2:3, 7) แท้​จริง หลักฐาน​ที่​เรา​ได้​เห็น​เกี่ยว​กับ​การ​บูชา​ผู้​ตาย​และ​ผู้​ที่​พลี​ชีพ​เพื่อ​ความ​เชื่อ​และ​เกี่ยว​กับ​ความ​คิด​เรื่อง​จิตวิญญาณ​อมตะ คือ​พยาน​หลักฐาน​ที่​จูง​ใจ​ให้​เชื่อ ไม่​ใช่​ใน​เรื่อง​ความ​เชื่อ​ที่​อาศัย​คำสอน​ของ​พระ​เยซู แต่​ใน​เรื่อง​อิทธิพล​รุนแรง​แบบ​นอก​รีต​ซึ่ง​มี​อยู่​แล้ว​ท่ามกลาง​คริสเตียน​ชาว​โรมัน​ที่​ออกหาก​ใน​ศตวรรษ​ที่​สอง​ถึง​ศตวรรษ​ที่​สี่​แห่ง​สากล​ศักราช.

[จุด​เด่น​หน้า 14]

อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ที่​ทึกทัก​ว่า เป็น​ของ​โปป​กลาย​เป็น​เป้าหมาย​ของ​ผู้​แสวง​บุญ​จำนวน​มาก

[จุด​เด่น​หน้า 15]

แค็ตตะโคม​แห่ง​หนึ่ง​มี​ห้า​ชั้น​ลึก​ถึง​สาม​สิบ​เมตร

[รูปภาพ​หน้า 16]

แค็ตตะโคม​แสดง​ให้​เห็น​อิทธิพล​ของ​การ​ออกหาก​จาก​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล ซึ่ง​มี​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า

[รูปภาพ​หน้า 13]

ขวา: มี​การ​ใช้​นก​บาง​ชนิด​เป็น​สัญลักษณ์​แห่ง​ความ​เป็น​อมตะ

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Archivio PCAS

ขวา​สุด: แผน​ผัง​ทาง​เดิน​อัน​วก​วน​ของ​แค็ตตะโคม บาง​แห่ง​ใน​โรม

ขวา​ล่าง: ตรา​ประทับ​บน​อิฐ เป็น​ประโยชน์​สำหรับ​การ​ระบุ​วัน​เวลา​ของ​อุโมงค์​ฝัง​ศพ

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Soprintendenza Archeologica di Roma

ล่าง: ห้อง​ใต้​ดิน​สำหรับ​ตั้ง โลง​ศพ​ของ​โปป

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์