เคมีสังเคราะห์ล้นโลก
ศตวรรษนี้อาจเรียกได้อย่างเหมาะเจาะว่า ยุคเคมี. สารประกอบทางเคมีที่มนุษย์ผลิตทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไป. บ้านของเรา, สำนักงาน, และโรงงาน เต็มไปด้วยละอองลอย, น้ำตาลเทียม, เครื่องสำอาง, สีย้อม, หมึก, สีทา, ยาฆ่าแมลงและยาปราบศัตรูพืช, ยา, พลาสติก, สารทำความเย็น, ผ้าใยสังเคราะห์—รายชื่อสารเคมียาวเหยียดเป็นหางว่าว.
เพื่อสนองความต้องการของโลกในเรื่องผลิตภัณฑ์เหล่านี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) บอกว่า แต่ละปีการผลิตสารเคมีทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ. องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ขณะนี้มีสารเคมีราว ๆ 100,000 ชนิดอยู่ในตลาด และแต่ละปีมีสารเคมีชนิดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 ถึง 2,000 ชนิด.
อย่างไรก็ตาม การมีสารเคมีมากมายเช่นนี้ชวนให้สงสัยว่า สารเคมีดังกล่าวกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของเราเองอย่างไร. เป็นที่ชัดเจนว่า เรากำลังเผชิญสถานการณ์ที่ไม่เคยประสบมาก่อน. แพทย์คนหนึ่งพูดว่า “พวกเราอยู่ในชั่วอายุที่ถูกทดลอง และผลกระทบอย่างเต็มที่จะไม่มีใครรู้เป็นเวลาหลายสิบปีข้างหน้า.”
สารเคมีมากขึ้นก็เสี่ยงมากขึ้นหรือ?
องค์การอนามัยโลกให้ข้อสังเกตว่า คนที่มักจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมลพิษทางสารเคมีคือ “คนจนที่ไม่รู้หนังสือซึ่งแทบจะไม่มีหรือไม่มีโอกาสเลยในการได้รับการอบรมอย่างเหมาะสม หรือได้รับข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดจากสารเคมี ซึ่งพวกเขาได้รับโดยตรงหรือโดยอ้อมทุกวัน.” เป็นเช่นนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของยาฆ่าแมลง/ยาปราบศัตรูพืช. แต่เราทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากสารเคมี.
หนังสือกรีน ฮิสตอรี ออฟ เดอะ เวิลด์ บอกว่า บ่อน้ำในแคลิฟอร์เนียประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ มีระดับมลพิษรวมทั้งยาฆ่าแมลง/ยาปราบศัตรูพืชสูงกว่าระดับปลอดภัยที่ทางการกำหนดไว้. หนังสือดังกล่าวเสริมว่า “ในฟลอริดา มีการปิดบ่อน้ำไปแล้ว 1,000 บ่อเพราะการปนเปื้อน, ในฮังการี เมืองและหมู่บ้าน 773 แห่งมีน้ำที่ไม่เหมาะสำหรับการบริโภค, ในบริเตน สิบเปอร์เซ็นต์ของชั้นหินอุ้มน้ำมีมลพิษสูงกว่าขีดปลอดภัยขององค์การอนามัยโลก และในบางส่วนของทั้งบริเตนและสหรัฐ ไม่อาจให้ทารกเกิดใหม่ดื่มน้ำประปาได้เพราะมีไนเตรตสูง.”
ปรอทเป็นสารเคมีอีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์แต่ก็อาจเป็นพิษได้. มันกระจายเข้าไปในสิ่งแวดล้อมโดยตัวการต่าง ๆ ตั้งแต่ปล่องควันของโรงงานอุตสาหกรรมไปจนถึงหลอดฟลูออเรสเซนต์นับพัน ๆ ล้านหลอด. ทำนองเดียวกัน ตะกั่วก็สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์หลายชนิด นับตั้งแต่น้ำมันเชื้อเพลิงจนถึงสีทา. แต่เช่นเดียวกับปรอท มันอาจเป็นพิษได้ โดยเฉพาะต่อเด็ก. รายงานหนึ่งจากกรุงไคโร อียิปต์ บอกว่า การได้รับสารตะกั่วจากการพ่นปล่อยในลักษณะต่าง ๆ อาจทำให้ไอคิวของเด็กลดลงถึง “สี่จุดจากระดับไอคิว” ของเด็กทั่วไป.
ตามรายงานของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ แต่ละปีปรอทราว ๆ 100 ตัน, ตะกั่ว 3,800 ตัน, ฟอสเฟต 3,600 ตัน, และสารซักฟอก 60,000 ตันทะลักสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันเนื่องมาจากกิจกรรมของมนุษย์. เป็นที่เข้าใจได้ว่า ทะเลแห่งนี้กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ. แต่ไม่ใช่ทะเลดังกล่าวแห่งเดียว. ที่จริง สหประชาชาติประกาศให้ปี 1998 เป็นปีมหาสมุทรสากล. ทั่วโลก มหาสมุทรทุกแห่งตกอยู่ในภาวะคับขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมลพิษ.
แม้เทคโนโลยีทางเคมีให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์แก่เราหลายอย่าง แต่เราก็ใช้และขจัดสารเคมีหลายชนิดในแบบที่ก่อความเสียหายอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม. เราทำตัวเองให้ตกเป็น “ทาสของความก้าวหน้า” ดังที่นักเขียนคอลัมน์ประจำหนังสือพิมพ์คนหนึ่งกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ไหม?
[กรอบหน้า 4]
สารเคมีและปฏิกิริยาทางเคมี
คำว่า “สารเคมี” ใช้กับสารมูลฐานทุกชนิดที่ประกอบเป็นโลกรอบตัวเรา รวมทั้งธาตุหลักมูลมากกว่าหนึ่งร้อยชนิด เช่น เหล็ก, ตะกั่ว, ปรอท, คาร์บอน, ออกซิเจน, และไนโตรเจน. สารประกอบทางเคมี หรือการรวมตัวของธาตุต่างชนิดกัน หมายรวมถึงสิ่งต่าง ๆ อย่างเช่น น้ำ, กรด, เกลือ, และแอลกอฮอล์. สารประกอบเหล่านี้หลายชนิดเกิดตามธรรมชาติ.
ปฏิกิริยาทางเคมีได้รับการนิยามว่าเป็น “กระบวนการซึ่งสารชนิดหนึ่งถูกแปรสภาพด้วยวิธีการทางเคมีไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง.” ไฟเป็นปฏิกิริยาทางเคมี; มันแปรสภาพสารที่เผาไหม้ได้ เช่น กระดาษ, น้ำมันเบนซิน, ไฮโดรเจน, และอื่น ๆ ทำนองนี้ ให้เป็นสารหรือกลุ่มสารอีกชนิดหนึ่งที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง. ปฏิกิริยาทางเคมีหลายชนิดเกิดขึ้นไม่หยุดทั้งรอบตัวเราและภายในตัวเรา.
[รูปภาพหน้า 3]
คนยากจนได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดจากสารเคมี