ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • มส บท 17 น. 199-215
  • คุณไว้ใจพระคัมภีร์ไบเบิลได้ไหม?

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • คุณไว้ใจพระคัมภีร์ไบเบิลได้ไหม?
  • ชีวิต—เกิดขึ้นมาอย่างไร? โดยวิวัฒนาการหรือมีผู้สร้าง?
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​วิทยาศาสตร์
  • คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​สุขอนามัย
  • พระ​คัมภีร์​กับ​ประวัติศาสตร์
  • ความ​ซื่อ​สัตย์​และ​ความ​สอดคล้อง​กัน
  • แหล่งแห่งสติปัญญาล้ำเลิศอันหาที่เปรียบไม่ได้
    จุดมุ่งหมายของชีวิตคืออะไร?—คุณจะพบได้อย่างไร?
  • คุณจะได้การนำทางจากแหล่งไหน?
    ความสุข—จะพบได้อย่างไร?
  • คุณไว้ใจคัมภีร์ไบเบิลได้ไหม?
    คุณไว้ใจคัมภีร์ไบเบิลได้ไหม?
  • จะไว้วางใจหนังสือนี้ได้ไหม?
    หนังสือสำหรับทุกคน
ดูเพิ่มเติม
ชีวิต—เกิดขึ้นมาอย่างไร? โดยวิวัฒนาการหรือมีผู้สร้าง?
มส บท 17 น. 199-215

บท 17

คุณ​ไว้​ใจ​พระ​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​ไหม?

1. (ก) หลาย​คน​คิด​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล ซึ่ง​ขัด​กัน​กับ​คำ​กล่าว​ของ​พระ​คัมภีร์​เอง? (ข) มี​คำ​ถาม​อะไร​ขึ้น​มา?

หลาย​คน​คิด​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​เพียง​หนังสือ​ที่​นัก​ปราชญ์​สมัย​อดีต​แต่ง​ขึ้น​มา. ศาสตราจารย์​มหาวิทยาลัย เจรัลด์ เอ. ลารือ​ยืน​ยัน​ว่า “ทัศนะ​ของ​ผู้​เขียน​เหล่า​นั้น​ซึ่ง​แสดง​ออก​ใน​พระ​คัมภีร์​สะท้อน​ถึง​ความ​คิด​เห็น ความ​เชื่อ​ศรัทธา​และ​แนว​ความ​คิด​ใน​สมัย​ของ​เขา และ​อยู่​ใน​วง​จำกัด​ตาม​ขนาด​ความ​รู้​ที่​มี​ใน​สมัย​นั้น.”1 แต่​คัมภีร์​ไบเบิล​เอง​บอก​ว่า​เป็น​หนังสือ​ที่​เขียน​ขึ้น​โดย​การ​ดล​บันดาล​จาก​พระเจ้า. (2 ติโมเธียว 3:16) ถ้า​คำ​กล่าว​นี้​จริง พระ​คัมภีร์​ย่อม​ปราศจาก​ทัศนะ​ผิด​พลาด​ที่​แพร่​หลาย​ใน​คราว​ที่​มี​การ​เขียน​ตอน​ต่าง ๆ. คัมภีร์​ไบเบิล​จะ​ทน​ต่อ​การ​ตรวจ​สอบ​โดย​ความ​สว่าง​ของ​ความ​รู้​สมัย​ปัจจุบัน​ได้​ไหม?

2. ความ​รู้​ใหม่ ๆ มัก​จะ​กระทบ​กระทั่ง​การ​เขียน​ของ​มนุษย์​อย่าง​ไร​ซึ่ง​ว่า​ด้วย​เรื่อง​วิทยาศาสตร์?

2 ขณะ​ที่​เรา​ตรึกตรอง​คำ​ถาม​นี้​พึง​จำ​ไว้​ว่า เมื่อ​ความ​รู้​ก้าว​หน้า​ไป​เรื่อย ๆ มนุษย์​ต้อง​ปรับ​แง่​คิด​ของ​ตน​เพื่อ​ให้​ทัน​กับ​ความ​รู้​และ​การ​ค้น​พบ​ใหม่​อยู่​เสมอ. หนังสือ ไซเยนติฟิค มันธ์ลิ ว่า​ไว้​ครั้ง​หนึ่ง “จะ​คาด​หมาย​ไม่​ได้​ว่า บทความ​ที่​เขียน​ขึ้น​มา​ใน​บาง​กรณี​เพียง​แต่​เมื่อ​ห้า​ปี​มา​แล้ว จะ​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ว่า​เป็น​การ​แสดง​ถึง​ความ​คิด​ล่า​สุด​ใน​สาขา​วิทยาศาสตร์​ซึ่ง​บทความ​นั้น​กล่าว​ถึง.”2 แต่​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​รับ​การ​เขียน​และ​การ​รวบ​รวม​ใน​ช่วง​เวลา​ประมาณ 1,600 ปี และ​ครบ​ถ้วน​เกือบ 2,000 ปี​มา​แล้ว. อาจ​กล่าว​ได้​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​ความ​ถูก​ต้อง​แม่นยำ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​ปัจจุบัน​นี้?

คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​วิทยาศาสตร์

3. คน​สมัย​โบราณ​คิด​อย่าง​ไร​ใน​เรื่อง​การ​ทรง​ตัว​ของ​แผ่นดิน​โลก แต่​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​อย่าง​ไร?

3 สมัย​ที่​เขียน​คัมภีร์​ไบเบิล​นั้น มี​การ​สันนิษฐาน​กัน​ว่า​ลูก​โลก​ห้อยอยู่​ได้​อย่าง​ไร​ใน​ที่​ว่าง​เปล่า. เช่น บาง​คน​เชื่อ​ว่า​ช้าง​สี่​ตัว​ยืน​บน​หลัง​เต่า​ทะเล​ตัว​มหึมา​หนุน​โลก​ไว้. ถึง​กระนั้น แทน​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​จะ​สะท้อน​ถึง​ทัศนะ​อัน​น่า​ขบ​ขัน​และ​ไม่​เป็น​ตาม​หลัก​วิทยาศาสตร์​ของ​ผู้​คน​ใน​สมัย​ที่​มี​การ​จารึก​นั้น แต่​ได้​กล่าว​แต่​เพียง​ว่า “[พระเจ้า] ทรง​กาง​แผ่น​ฟ้า​เหนือ​ออก​ไป​ยัง​ที่​เวิ้งว้าง​และ​ทรง​ให้​โลก​ห้อย​อยู่​โดย​มิ​ได้​ติด​กับ​อะไร.” (โยบ 26:7) ใช่​แล้ว คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ถูก​ต้อง​นาน​กว่า 3,000 ปี​มา​แล้ว​ว่า ไม่​มี​สิ่ง​ใด ๆ ซึ่ง​ประจักษ์​แก่​ตา​ได้​หนุน​พิภพ​ไว้ ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​สอดคล้อง​กับ​กฎ​ของ​ความ​โน้มถ่วง​และ​การ​เคลื่อน​ไหว​ซึ่ง​พึ่ง​เข้าใจ​กัน​เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้. ผู้​รอบรู้​ทาง​ศาสนา​คน​หนึ่ง​ให้​ข้อ​สังเกต​ดัง​นี้ “พวก​ที่​ไม่​ยอม​รับรอง​คัมภีร์​ศักดิ์สิทธิ์​ว่า​เป็น​มา​โดย​การ​ดล​บันดาล​ก็​คง​กระอักกระอ่วน​ใน​การ​ตอบ​คำ​ถาม​ที่​ว่า​โยบ​รู้​ความ​จริง​ได้​อย่าง​ไร.”3

4, 5. (ก) ครั้ง​หนึ่ง​มนุษย์​เคย​เชื่อ​ว่า​โลก​มี​สัณฐาน​เป็น​อย่าง​ไร? (ข) พระ​คัมภีร์​แจ้ง​ว่า​โลก​มี​สัณฐาน​เป็น​อย่าง​ไร?

4 เรื่อง​สัณฐาน​ของ​โลก ดิ เอ็นไซโคลพีเดีย อเมริกานา บอก​ว่า “ตอน​แรก​มนุษย์​เคย​คิด​ว่า​โลก​แบน. . . . ความ​นึก​คิด​ที่​ว่า พิภพ​มี​สัณฐาน​กลม​ยัง​ไม่​เป็น​ที่​รับรอง​กัน​อย่าง​กว้างขวาง​กระทั่ง​ศตวรรษ​ที่ 14 ถึง 16.”4 แต่​ครั้น​แล้ว​การ​เริ่ม​นำ​เอา​เข็มทิศ​มา​ใช้​และ​วิธี​การ​อื่น ๆ ที่​ดี​กว่า​จึง​ช่วย​การ​เดิน​เรือ​ใน​ทะเล​ไป​ได้​ไกล​กว่า​เดิม. สารานุกรม​อีก​เล่ม​หนึ่ง​อธิบาย​ว่า “การ​เดิน​เรือ​เพื่อ​ค้น​พบ​ดินแดน​ใหม่​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​โลก​กลม ไม่​แบน​อย่าง​ที่​คน​ส่วน​มาก​เคย​เชื่อ​กัน​มา.”5

5 กระนั้น​นาน​ก่อน​การ​เดิน​เรือ​ดัง​กล่าว อัน​ที่​จริง​ก็​ประมาณ 2,700 ปี​มา​แล้ว พระ​คัมภีร์​แถลง​ไว้​ว่า “องค์​ที่​ประทับ​เบื้อง​สูง​บน​ขอบ​จักรวาล​แห่ง​พิภพ จน​มอง​ลง​มา​เห็น​ชาว​โลก​เท่า​ตัว​ตั๊กแตน.” (ยะซายา 40:22) คำ​ภาษา​ฮีบรู ชู​ก ซึ่ง​ได้​รับ​การ​แปล “ขอบ” อาจ​แปล​ว่า “ลูก​กลม” ได้​เหมือน​กัน ดัง​ที่​หนังสือ​ของ​เดวิดสัน​ชื่อ ศัพทานุกรม​วิเคราะห์​ภาษา​ฮีบรู​และ​คัลดี แจ้ง​ไว้. ด้วย​เหตุ​นั้น การ​แปล​ใน​ฉบับ​อื่น​จึง​บอก​ว่า “ลูก​โลก” (ดูเอย์​เวอร์ชัน) และ “โลก​กลม.” (มอฟฟัทท์) ฉะนั้น คัมภีร์​ไบเบิล​จึง​ไม่​ได้​รับ​เอา​ทัศนะ​ผิด ๆ ที่​ว่า โลก​แบน​ซึ่ง​แพร่​หลาย​สมัย​ที่​มี​การ​จารึก​คัมภีร์. คัมภีร์​ไบเบิล​ถูก​ต้อง.

6. พระ​คัมภีร์​พรรณนา​ถึง​วัฏจักร​อะไร​อัน​น่า​ทึ่ง ซึ่ง​โดย​ทั่ว​ไป​แล้ว​สิ่ง​นี้​ไม่​เป็น​ที่​เข้าใจ​ใน​สมัย​โบราณ?

6 มนุษย์​ได้​รู้​มา​นาน​แล้ว​ว่า​แม่น้ำ​ไหล​ลง​สู่​ทะเล​และ​มหาสมุทร แต่​กระนั้น ทะเล​ก็​ไม่​ลึก​ไป​กว่า​เดิม. กระทั่ง​ได้​เรียน​รู้​ว่า​โลก​มี​สัณฐาน​กลม บาง​คน​เคย​เชื่อ​ว่า​น้ำ​ไม่​ลึก​ไป​กว่า​เดิม เพราะ​น้ำ​ได้​ไหล​ล้น​ออก​ไป​ทาง​ปลาย​แผ่นดิน​โลก. ต่อ​มา​จึง​เข้าใจ​ว่า ดวง​อาทิตย์ “สูบ” น้ำ​นับ​ล้าน ๆ แกล​ลอน​ขึ้น​จาก​ทะเล​ทุก​วินาที ด้วย​การ​ระเหย​เป็น​ไอ​น้ำ. ทั้ง​นี้​ทำ​ให้​เกิด​มี​เมฆ และ​ครั้น​ลม​พัด​เมฆ​ลอย​ไป​เหนือ​แผ่นดิน​ที่​ซึ่ง​ไอ​น้ำ​ใน​อากาศ​กลั่น​ตัว​ตก​เป็น​ฝน​หรือ​หิมะ. แล้ว​น้ำ​ก็​ไหล​ลง​สู่​แม่น้ำ​และ​ไหล​ลง​สู่​ทะเล​อีก. วัฏจักร​อัน​น่า​ทึ่ง​เช่น​นี้ แม้​ไม่​เป็น​ที่​เข้าใจ​กัน​อย่าง​กว้างขวาง​ใน​คราว​โบราณ ก็​มี​กล่าว​ไว้​แล้ว​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ว่า “บรรดา​แม่น้ำ​ทั้ง​หลาย​ไหล​ลง​สู่​ทะเล ถึง​กระนั้น​ทะเล​ก็​ไม่​รู้​จัก​เต็ม. ถึง​แม้​ว่า​แม่น้ำ​ทั้ง​หลาย​จะ​ไหล​ลง​ไป​แล้ว​ลง​ไป​อีก.”—ท่าน​ผู้​ประกาศ 1:7.

7, 8. (ก) ได้​มี​การ​พิสูจน์​ให้​เห็น​อย่าง​ไร​ว่า​สิ่ง​ที่​พระ​คัมภีร์​พูด​ถึง​การ​กำเนิด​ของ​เอกภพ​นั้น​ถูก​ต้อง​แม่นยำ? (ข) ปฏิกิริยา​ของ​นัก​ดาราศาสตร์​บาง​คน​เป็น​เช่น​ไร​ต่อ​ความ​รู้​ใหม่ ๆ นี้ และ​ทำไม?

7 เกี่ยว​กับ​การ​กำเนิด​ของ​เอกภพ พระ​คัมภีร์​กล่าว​ว่า “เมื่อ​เดิม​พระเจ้า​ได้​นฤมิต​สร้าง​ฟ้า​และ​ดิน.” (เยเนซิศ 1:1) แต่​นัก​วิทยาศาสตร์​หลาย​คน​เคย​ถือ​ว่า​ข้อ​นี้​ไม่​ถูก​ต้อง​ตาม​หลัก​วิทยาศาสตร์​เพราะ​เขา​ได้​ยืน​ยัน​ว่า​เอกภพ​ไม่​มี​การ​เริ่ม​ต้น. แต่​เมื่อ​ชี้​ให้​เห็น​ความ​รู้​ใหม่ ๆ โรเบิร์ต จัสโทร นัก​ดาราศาสตร์​ชี้​แจง​ว่า “แก่น​ของ​พัฒนาการ​อัน​แสน​ประหลาด​นี้​คือ ใน​บาง​แง่​เอกภพ​มี​การ​เริ่ม​ต้น.” ณ ที่​นี่ จัสโทร​พาด​พิง​ถึง​ทฤษฎี​ว่า​ด้วย​การ​ระเบิด​ใหญ่​ซึ่ง​เป็น​ที่​ยอม​รับ​กัน​ใน​ปัจจุบัน ดัง​ได้​พูด​ไว้​ที่​บท 9. เขา​บอก​ต่อ​ไป​ว่า “เวลา​นี้​เรา​เห็น​วิธี​ที่​หลักฐาน​ทาง​ดาราศาสตร์​นำ​ไป​สู่​แง่​คิด​ตาม​พระ​คัมภีร์​เกี่ยว​ด้วย​การ​เริ่ม​ต้น​ของ​โลก. ข้อ​ปลีกย่อย​ต่าง​กัน แต่​เนื้อหา​สำคัญ​ทาง​ดาราศาสตร์​และ​บันทึก​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​พระ​ธรรม​เยเนซิศ​นั้น​เหมือน​กัน.”6

8 ปฏิกิริยา​ต่อ​การ​ค้น​พบ​เช่น​นั้น​เป็น​เช่น​ไร? จัสโทร​เขียน​ดัง​นี้ “นัก​ดาราศาสตร์​รู้สึก​พะอืดพะอม​อย่าง​น่า​ประหลาด. ปฏิกิริยา​ของ​พวก​เขา​ก่อ​ให้​มี​การ​แสดง​ออก​อย่าง​น่า​สนใจ​เกี่ยว​ด้วย​การ​ตอบรับ​ของ​จิตใจ​ของ​นัก​วิทยาศาสตร์—เป็น​ที่​เชื่อ​กัน​ว่า​เป็น​จิตใจ​ที่​ปราศจาก​อคติ—เมื่อ​นัก​วิทยาศาสตร์​เอง​ได้​พบ​หลักฐาน​ซึ่ง​ขัด​กับ​ความ​เชื่อ​ท่ามกลาง​นัก​วิทยาศาสตร์. การณ์​กลับ​กลาย​เป็น​ว่า​นัก​วิทยาศาสตร์​ก็​ประพฤติ​อย่าง​ที่​พวก​เรา​ทำ​กัน​เมื่อ​ความ​เชื่อถือ​ของ​เรา​ขัด​แย้ง​กับ​หลักฐาน. เรา​หงุดหงิด เรา​แกล้ง​ทำ​เป็น​ว่า​ไม่​มี​ข้อ​ขัด​แย้ง​เกิด​ขึ้น หรือ​เรา​อาจ​ปก​ปิด​เรื่อง​นั้น​ด้วย​คำ​พูด​ที่​ไร้​ความ​หมาย.”7 แต่​ข้อ​เท็จ​จริง​ยัง​มี​อยู่​ที่​ว่า ขณะ​ที่ “วิทยาศาสตร์​ได้​พบ​หลักฐาน” ซึ่ง​ขัด​แย้ง​กัน​กับ​สิ่ง​ที่​นัก​วิทยาศาสตร์​เคย​เชื่อ​มา​นาน​แล้ว​เกี่ยว​กับ​ต้น​กำเนิด​ของ​เอกภพ หลักฐาน​นั้น​ยืน​ยัน​ข้อ​ความ​ที่​เขียน​ไว้​ใน​คัมภีร์​หลาย​พัน​ปี​มา​แล้ว.

9, 10. (ก) พระ​คัมภีร์​พูด​อย่าง​ไร​เรื่อง​น้ำ​ท่วม​โลก? (ข) ปัจจุบัน​มี​พยาน​หลักฐาน​อะไร​ที่​พิสูจน์​ว่า​สิ่ง​ที่​พระ​คัมภีร์​พูด​นั้น​เป็น​ความ​จริง?

9 ใน​สมัย​โนฮา คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ว่า น้ำ​ท่วม​ครั้ง​ใหญ่​ได้​ท่วม​ยอด​ภูเขา​สูง​ที่​สุด​และ​ทำลาย​ชีวิต​มนุษย์​ทุก​คน​นอก​เรือ​ใหญ่​ที่​โนฮา​ได้​สร้างขึ้น. (เยเนซิศ 7:1-24) หลาย​คน​เยาะเย้ย​เรื่อง​นี้. แต่​ผู้​คน​ได้​พบ​ซาก​เปลือก​หอย​บน​ภูเขา​สูง. และ​มี​หลักฐาน​มาก​ขึ้น​ว่า​น้ำ​ท่วม​ใหญ่​เคย​เกิด​ขึ้น​ใน​อดีต​เมื่อ​ไม่​นาน​เท่า​ไร​นั้น​ซึ่ง​ได้​แก่​ฟอสซิล​และ​ซาก​สัตว์​จำนวน​มาก​มหาศาล ที่​จม​อยู่​ใต้​โคลน​แข็ง​เป็น​ปึก. เดอะ แซทเธอร์เคย์ อิฟนิง โพสท์ ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า “สัตว์​เหล่า​นี้​จำนวน​มาก​อยู่​ใน​สภาพ​ไม่​เน่า​เปื่อย ครบ​ทุก​ส่วน​ไม่​เสียหาย และ​ยัง​อยู่​ใน​ท่า​ยืน​หรือ​คู้​เข่า​ตัว​ตรง. . . . ภาพ​นี้​น่า​ตื่นเต้น​จริง ๆ ต่าง​ไป​จาก​ความ​คิด​แต่​ก่อน ๆ ของ​เรา. ฝูง​สัตว์​จำนวน​มาก​มาย สัตว์​อ้วน​พี​ซึ่ง​ไม่​ได้​ถูก​ออก​แบบ​ให้​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ใน​แถบ​หนาว​จัด กำลัง​กิน​หญ้า​อย่าง​สงบ​ใน​ทุ่ง​หญ้า​ที่​ได้​รับ​แสง​อาทิตย์​เต็ม​ที่ . . . แล้ว​สัตว์​เหล่า​นี้​ตาย​กะทันหัน​ปราศจาก​ร่องรอย​ใด ๆ ที่​แสดง​ว่า มัน​ถูก​ทำ​ร้าย​รุนแรง และ​ตาย​ทันที​โดย​ไม่​ทัน​จะ​กลืน​อาหาร​ที่​อยู่​ใน​ปาก​ด้วย​ซ้ำ ครั้น​แล้ว​สัตว์​เหล่า​นั้น​ถูก​แช่​แข็ง​อย่าง​ฉับพลัน กระทั่ง​เซลล์​ทุก​เซลล์​ใน​ร่าง​กาย​ของ​มัน​คง​สภาพ​อยู่.”8

10 เรื่อง​นี้​เข้า​กัน​อย่าง​เหมาะเจาะ​กับ​เหตุ​การณ์​ใน​คราว​น้ำ​ท่วม​โลก. คัมภีร์​ไบเบิล​พรรณนา​สมัย​นั้น​ด้วย​คำ​พูด​อย่าง​นี้ “บรรดา​ตา​น้ำ​และ​บ่อ​น้ำพุ​ทั้ง​หลาย​ได้​พลุ่ง​ขึ้น​จาก​บาดาล และ​ช่อง​ฟ้า​สวรรค์​ก็​เปิด​ออก.” “น้ำ​ยิ่ง​ทวี​มาก​ขึ้น​บน​แผ่นดิน” ไม่​ต้อง​สงสัย​คง​จะ​มี​พายุ​เย็น​เยือก​ใน​แถบ​ขั้ว​โลก​พัด​มา​ด้วย. (เยเนซิศ 1:6-8; 7:11, 19) ณ แถบ​นั้น อุณหภูมิ​คง​เปลี่ยน​แปลง​เร็ว​มาก​และ​รุนแรง​ด้วย. ฉะนั้น​สัตว์​หลาก​หลาย​ชนิด​จม​มิด​อยู่​และ​คง​สภาพ​อยู่​ใต้​โคลน​แข็ง​เป็น​ปึก. สัตว์​ตัว​หนึ่ง​คง​เป็น​ช้าง​ดึกดำบรรพ์​ซึ่ง​นัก​ขุด​ค้น​ใน​ไซบีเรีย​ได้​พบ​เข้า​ดัง​เห็น​ได้​ใน​ภาพ​ประกอบ. หญ้า​ยัง​คา​ปาก​และ​ตก​ค้าง​อยู่​ใน​กระเพาะ​ของ​มัน และ​เมื่อ​ปล่อย​ให้​เนื้อ​ที่​แข็ง​นั้น​อ่อน​ตัว​ก็​ทำ​เป็น​อาหาร​กิน​ได้.

11. ความ​รู้​ใหม่ ๆ ที่​ทวี​มาก​ขึ้น​เป็น​การ​ยืน​ยัน​ถึง​เรื่อง​ใด​อีก​ใน​พระ​คัมภีร์ ทั้ง​นี้​ทำ​ให้​นัก​วิทยาศาสตร์​บาง​คน​ต้อง​ลง​ความ​เห็น​อย่าง​ไร?

11 ยิ่ง​ได้​ตรวจ​สอบ​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​ละเอียด​มาก​ขึ้น ก็​ยิ่ง​พบ​กับ​ความ​ถูก​ต้อง​แม่นยำ​อย่าง​น่า​ทึ่ง. ดัง​ที่​กล่าว​ไว้​ที่​หน้า 36 และ 37 ของ​หนังสือ​นี้ คัมภีร์​ไบเบิล​วาง​ขั้น​ตอน​เรื่อง​การ​สร้าง​ตาม​ลำดับ​ซึ่งวิทยาศาสตร์​สมัย​ปัจจุบัน​ก็​ยืน​ยัน​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ยาก​แก่​การ​อธิบาย ถ้า​พระ​คัมภีร์​เป็น​เพียง​ผล​งาน​ของ​มนุษย์. เรื่อง​นี้​เป็น​อีก​ตัว​อย่าง​หนึ่ง​เกี่ยว​กับ​ราย​ละเอียด​มาก​มาย​ใน​คัมภีร์​ซึ่ง​ได้​รับ​การ​ยืน​ยัน​เพราะ​ความ​รู้​เพิ่ม​ทวี​ขึ้น. ด้วย​เหตุ​ผล​ที่​ดี ไอแซค นิวตัน นัก​วิทยาศาสตร์​ชั้น​แนว​หน้า​มา​ตลอด​ทุก​ยุค​สมัย​ได้​กล่าว​อย่าง​นี้ “ไม่​มี​วิทยาศาสตร์​สาขา​ใด​จะ​มี​หลักฐาน​ดี​ไป​กว่า​ศาสนา​ที่​ยึด​หลัก​คัมภีร์​ไบเบิล.”9

คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​สุขอนามัย

12. นาย​แพทย์​คน​หนึ่ง​เทียบเคียง​ให้​เห็น​เช่น​ไร​ระหว่าง​การ​ใช้​ความ​เชื่อถือ​โชค​ลาง​รักษา​โรค​กับ​สิ่ง​ที่​ได้​บอก​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์?

12 ตลอด​หลาย​ศตวรรษ​ผู้​คน​รู้​เท่า​ไม่​ถึง​การณ์​ใน​ด้าน​อนามัย. นาย​แพทย์​คน​หนึ่ง​ถึง​กับ​ตั้ง​ข้อ​สังเกต​ว่า “คน​จำนวน​มาก​ยัง​คง​เชื่อถือ​โชค​ลาง​หลาย​อย่าง เช่น ถ้า​พก​ลูก​นัต​ติด​กระเป๋า​จะ​ป้องกัน​โรค​ไข​ข้อ​อักเสบ ถ้า​เอา​มือ​จับ​คางคก หูด​จะ​ขึ้น การ​เอา​ผ้า​สำลี​สี​แดง​พัน​คอ​จะ​รักษา​อาการ​เจ็บ​คอ” และ​อย่าง​อื่น ๆ. กระนั้น​เขา​ชี้​แจง​ว่า “ไม่​มี​คำ​กล่าว​เช่น​นั้น​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. แค่​นี้​ก็​เป็น​เรื่อง​น่า​ทึ่ง​อยู่​แล้ว.”10

13. ชาว​อียิปต์​โบราณ​ใช้​อะไร​รักษา​โรค​ซึ่ง​เป็น​อันตราย​ต่อ​ผู้​ป่วย?

13 และ​เป็น​สิ่ง​น่า​ทึ่ง​อีก​อย่าง​เมื่อ​คน​เรา​เปรียบ​เทียบ​การ​รักษา​โรค​ที่​เสี่ยง​อันตราย​ซึ่ง​ปฏิบัติ​กัน​ใน​อดีต​กับ​สิ่ง​ที่​มี​กล่าว​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. ยก​ตัว​อย่าง เอกสาร​ทาง​ยา​ของ​ชาว​อียิปต์​โบราณ​ที่​เรียก​ว่า พาไพรัส​เอเบอร์ กล่าว​ถึง​การ​ใช้​มูล​สัตว์​รักษา​โรค​หลาย​โรค. มี​การ​แนะ​นำ​ให้​เอา​อุจจาระ​ผสม​นม​สด​แล้ว​ละเลง​ปิด​แผล​หลัง​จาก​สะเก็ด​แผล​หลุด​แล้ว. และ​วิธี​เอา​เศษ​ไม้​หรือ​เสี้ยน​ออก​จาก​แผล​อ่าน​ว่า “ให้​เอา​เลือด​ไส้​เดือน​ไป​ต้ม​และ​บด​กับ​น้ำมัน; ฆ่า​ตัว​ตุ่น​แล้ว​ต้ม​แช่​น้ำมัน; มูล​ลา​ผสม​นม​สด. ให้​พอก​ตรง​ปาก​แผล.”11 การ​รักษา​ด้วย​วิธี​ดัง​กล่าว บัด​นี้​รู้​กัน​แล้ว​ว่า จะ​ทำ​ให้​เกิด​การ​อักเสบ​อย่าง​ร้ายแรง​ได้.

14. พระ​คัมภีร์​บอก​เรื่อง​การ​กำจัด​สิ่ง​ปฏิกูล​ไว้​อย่าง​ไร วิธี​นี้​เป็น​การ​ป้องกัน​อย่าง​ไร?

14 พระ​คัมภีร์​พูด​อย่าง​ไร​เกี่ยว​กับ​อุจจาระ? พระ​คัมภีร์​สั่ง​ไว้​อย่าง​นี้ “และ​ท่าน​ต้อง​มี​ไม้​เสี้ยม​รวม​ไว้​กับ​เครื่อง​อาวุธ​และ​เมื่อ​ท่าน​นั่ง​ลง​ใน​ที่​ข้าง​นอก​นั้น ท่าน​จง​ใช้​ไม้​ขุด​หลุม​ไว้ และ​หัน​ไป​กลบ​สิ่ง​ปฏิ-กูล​ของ​ท่าน​เสีย.” (พระ​บัญญัติ 23:13, ฉบับ​แปล​ใหม่) ดัง​นั้น นอก​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ไม่​ได้​บอก​ให้​ใช้​อุจจาระ​เพื่อ​การ​เยียว​ยา​รักษา​แล้ว พระ​คัมภีร์​ยัง​ได้​กำชับ​ให้​กำจัด​สิ่ง​ปฏิกูล​ด้วย​วิธี​ที่​ปลอด​ภัย​ด้วย. กระทั่ง​มา​ถึง​ศตวรรษ​นี้ คน​ทั่ว ๆ ไป​ก็​ยัง​ไม่​รู้​ถึง​อันตราย​ของ​การ​ที่​แมลงวัน​ลง​ตอม​อุจจาระ​ที่​เรี่ย​ราด ไม่​กลับ​ให้​มิดชิด. ทั้ง​นี้​ก่อ​ให้​เกิด​การ​ระบาด​ของ​โรค​ร้ายแรง​ซึ่ง​มี​แมลงวัน​เป็น​พาหะ​และ​ทำ​ให้​หลาย​คน​เสีย​ชีวิต. กระนั้น วิธี​แก้​ง่าย ๆ ก็​มี​บันทึก​อยู่​ใน​คัมภีร์​มา​ทุก​ยุค​ทุก​สมัย.

15. ถ้า​ได้​มี​การ​ปฏิบัติ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ใน​พระ​คัมภีร์​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​การ​แตะ​ต้อง​ศพ อาจ​ช่วย​ให้​หลีก​เลี่ยง​การ​ปฏิบัติ​แบบ​ไหน​ใน​โรง​พยาบาล​อัน​เป็น​สาเหตุ​ให้​หลาย​คน​เสีย​ชีวิต​โดย​ใช่​เหตุ?

15 ใน​ระหว่าง​ศตวรรษ​ที่​แล้ว​บุคลากร​ทาง​การ​แพทย์​จะ​เดิน​ออก​จาก​ห้อง​ผ่า​ศพ​ตรง​เข้า​ไป​ห้อง​ทำ​คลอด​เพื่อ​ตรวจ​ครรภ์​ทันที โดย​ไม่​ได้​ล้าง​มือ​เสีย​ด้วย​ซ้ำ. ด้วย​เหตุ​นี้​เชื้อ​จาก​ศพ​คน​ตาย​จึง​แพร่​ไป​ติด​คน​อื่น​และ​หลาย​คน​ตาย. แม้​แต่​เมื่อ​มี​การ​สาธิต​ให้​เห็น​คุณค่า​ของ​การ​ล้าง​มือ หลาย​คน​ใน​วงการ​แพทย์​ได้​ต่อ​ต้าน​มาตรการ​ด้าน​สุขอนามัย​เช่น​นั้น. ไม่​สงสัย โดย​ที่​เขา​ไม่​รู้ พวก​เขา​ปฏิเสธ​สติ​ปัญญา​ที่​มี​อยู่​ใน​พระ​คัมภีร์ เพราะ​กฎหมาย​ของ​พระ​ยะโฮวา​สำหรับ​ชาว​ยิศราเอล​นั้น​ระบุ​ว่า​คน​ที่​แตะ​ต้อง​ศพ​ถือ​ว่า​เป็น​มลทิน​และ​ต้อง​อาบ​น้ำ​ชำระ​ตัว​และ​ซัก​เสื้อ​ผ้า​ของ​ตน​ให้​สะอาด.—อาฤธโม 19:11-22.

16. คำ​สั่ง​ที่​ให้​ทำ​สุหนัต​ใน​วัน​ที่​แปด​เผย​ให้​เห็น​ถึง​สติ​ปัญญา​ที่​เหนือ​กว่า​ความ​รู้​ของ​มนุษย์​อย่าง​ไร?

16 เพื่อ​เป็น​สัญลักษณ์​แสดง​ถึง​คำ​สัญญา​ที่​พระองค์​ทำ​ไว้​กับ​อับราฮาม พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ตรัส​ว่า “ชาย​ทั้ง​หลาย​ใน​พงศ์พันธุ์​ของ​เจ้า​เมื่อ​อายุ​ได้​แปด​วัน ​แล้ว . . . ต้อง​รับ​สุหนัต​สิ้น​ทุก​คน.” ต่อ​มา​ข้อ​เรียก​ร้อง​นี้​ได้​ย้ำ​กับ​ชาติ​ยิศราเอล​อีก​ครั้ง​หนึ่ง. (เยเนซิศ 17:12; เลวี​ติ-โก 12:2, 3) ไม่​มี​คำ​อธิบาย​ว่า​ทำไม​เจาะจง​ให้​รับ​สุหนัต​ใน​วัน​ที่​แปด แต่​ตอน​นี้​การ​ศึกษา​ค้นคว้า​ทาง​การ​แพทย์​ได้​ค้น​พบ​ว่า คุณสมบัติ​ของ​ไว​ตา​มิน​เค ตัว​ทำ​ให้​เลือด​แข็งตัว​จะ​อยู่​ใน​ระดับ​ที่​พอ​เพียง​ใน​ช่วง​นั้น. อีก​สาร​หนึ่ง​ซึ่ง​สำคัญ​ต่อ​การ​แข็งตัว​ของ​เลือด​คือ โปรทรอมบิน ดู​เหมือน​ว่า​ใน​วัน​ที่​แปด​จะ​สูง​กว่า​ช่วง​อื่น​ใน​ชีวิต​ของ​เด็ก. อาศัย​หลักฐาน​ข้อ​นี้ นาย​แพทย์ เอส. ไอ. แมคมิลเลน​ได้​สรุป​ว่า “วัน​ที่​เหมาะ​ที่​สุด​สำหรับ​การ​ทำ​สุหนัต​คือ​วัน​ที่​แปด.”12 เรื่อง​นี้​เป็น​เพียง​เหตุ​บังเอิญ​ไหม? เปล่า​เลย. มัน​เป็น​ความ​รู้​ที่​ได้​รับ​จาก​พระเจ้า​ผู้​รอบรู้.

17. ผล​การ​ค้น​พบ​อะไร​อีก​ทาง​วิทยาศาสตร์​ซึ่ง​ยืน​ยัน​ว่า​พระ​คัมภีร์​ถูก​ต้อง?

17 การ​ค้น​พบ​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ของ​วิทยาศาสตร์​สมัย​ใหม่​คือ​ขนาด​ของ​ผล​กระทบ​ที่​ทัศนะ​ทาง​ใจ​และ​อารมณ์​มี​ต่อ​สุขภาพ. สารานุกรม​ฉบับ​หนึ่ง​ชี้​แจง​อย่าง​นี้ “ตั้ง​แต่​ปี 1940 ปรากฏ​ชัด​มาก​ขึ้น​ทุก​ที​ว่า​การ​ทำ​งาน​ของ​อวัยวะ​ต่าง ๆ เกี่ยว​พัน​อย่าง​ใกล้​ชิด​กับ​สภาพ​จิตใจ​ของ​แต่​ละ​คน.”13 อย่าง​ไร​ก็​ดี ความ​เกี่ยว​ข้อง​กัน​อย่าง​ใกล้​ชิด​ระหว่าง​สภาพ​จิตใจ​และ​สุขภาพ​ด้าน​ร่าง​กาย​มี​กล่าว​ไว้​ใน​คัมภีร์​นาน​มา​แล้ว. ตัว​อย่าง​เช่น “ใจ​ที่​สงบ​เป็น​ความ​จำเริญ​ชีวิต​ฝ่าย​กาย แต่​ความ​อิจฉา​ริษยา​คือ​ความ​เปื่อย​เน่า​ของ​กระดูก.”—สุภาษิต 14:30; 17:22.

18. พระ​คัมภีร์​แนะ​นำ​คน​เรา​อย่าง​ไร​เพื่อ​หลีก​เลี่ยง​ความ​รู้สึก​ต่าง ๆ ที่​ให้​โทษ​แก่​ร่าง​กาย​และ​เน้น​อย่าง​ไร​ใน​เรื่อง​การ​แสดง​ความ​รัก?

18 เหตุ​ฉะนั้น พระ​คัมภีร์​ชี้​นำ​มนุษย์​ให้​หลีก​เลี่ยง​อารมณ์​และ​ทัศนคติ​ที่​ก่อ​ความ​เสียหาย​ดัง​นี้ “จง​ประพฤติ​ให้​เหมาะ​สม . . . มิ​ใช่​ใน​การ​วิวาท​ริษยา​กัน” ทั้ง​ตักเตือน​อีก​ด้วย​ว่า “ใจ​ขมขื่น และ​ใจ​ขัด​เคือง ใจ​โกรธ​และ​การ​ทะเลาะ​เถียง​กัน และ​การ​พูด​เสียดสี​กัน​กับ​การ​คิด​ปอง​ร้าย​ทุก​อย่าง จง​ให้​อยู่​ห่าง​จาก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เถิด และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เมตตา​ซึ่ง​กัน​และ​กัน มี​ใจ​เอ็นดู​ซึ่ง​กัน​และ​กัน.” (โรม 13:13; เอเฟโซ 4:31, 32) พระ​คัมภีร์​สนับสนุน​เรา​ให้ “สวม​ความ​รัก​ทับ​สิ่ง​เหล่า​นี้​ทั้ง​หมด.” พระ​เยซู​ทรง​กำชับ​สาวก​ของ​พระองค์​ดัง​นี้ “เรา​ให้​บัญญัติ​ใหม่​ไว้​แก่​เจ้า​ทั้ง​หลาย คือ​ให้​เจ้า​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน. เรา​รัก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​มา​แล้ว​ฉัน​ใด เจ้า​จง​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​ด้วย​ฉัน​นั้น.” ใน​คำ​เทศน์​บน​ภูเขา พระองค์​ถึง​กับ​ตรัส​ว่า “จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน.” (โกโลซาย 3:12-15; โยฮัน 13:34; มัดธาย 5:44) หลาย​คน​อาจ​เยาะเย้ย​หา​ว่า​การ​ทำ​เช่น​นี้​แสดง​ถึง​ความ​อ่อนแอ แต่​เขา​เอง​รับ​ผล​เสียหาย. นัก​วิทยาศาสตร์​ได้​มา​รู้​ว่า การ​ขาด​ความ​รัก​เป็น​มูล​เหตุ​สำคัญ​ที่​ทำ​ให้​เกิด​ความ​เจ็บ​ป่วย​ทาง​จิตใจ​และ​ปัญหา​อื่น ๆ มาก​มาย.

19. วิทยาศาสตร์​สมัย​ใหม่​ได้​ค้น​พบ​อะไร​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ความ​รัก?

19 แลนเซท นิตยสาร​การ​แพทย์​อังกฤษ เคย​พูด​ไว้​ว่า “การ​ค้น​พบ​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​ของ​วิทยาศาสตร์​ด้าน​จิตใจ​ก็​คือ​อำนาจ​ของ​ความ​รัก​ที่​จะ​ป้องกัน​และ​รักษา​จิตใจ.”14 และ​นาย​แพทย์ ฮันซ์ เซไล ผู้​เชี่ยวชาญ​โรค​เครียด​ได้​กล่าว​ว่า “ไม่​ใช่​ถูก​เกลียด​หรือ​นาย​จ้าง​ที่​น่า​รำคาญ​หรอก​ที่​จะ​มี​แผล​ใน​กระเพาะ​อาหาร ความ​ดัน​โลหิต​สูง​และ​โรค​หัวใจ. แต่​ผู้​ที่​เกลียด​ชัง​คน​อื่น หรือ​ผู้​ซึ่ง​ยอม​ให้​ความ​ข้องขัดใจ​เกิด​ขึ้น​กับ​ตัว​เอง​นั่น​แหละ​มี​โอกาส​เป็น​ได้. ‘จง​รัก​เพื่อน​บ้าน​ของ​ท่าน’ เป็น​หนึ่ง​ใน​คำ​กล่าว​แนะ​นำ​อัน​สุขุม​มาก​ที่​สุด​ด้าน​การ​เยียว​ยา.”15

20. นาย​แพทย์​คน​หนึ่ง​ได้​เปรียบ​เทียบ​ไว้​อย่าง​ไร ระหว่าง​คำ​สอน​ของ​พระ​คริสต์​ใน​คำ​เทศน์​บน​ภูเขา​กับ​คำ​แนะ​นำ​ของ​ผู้​ชำนาญ​โรค​จิต?

20 ที่​จริง สติ​ปัญญา​ที่​ได้​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ทัน​สมัย​และ​ล้ำ​หน้า​กว่า​การ​ค้น​พบ​หลาย​อย่าง​ใน​ปัจจุบัน. ดัง​ที่ ดร. เจมส์ ที. ฟิเชอร์ เขียน​ไว้​ว่า “ถ้า​คุณ​จะ​รวบ​รวม​บทความ​ข้อ​เขียน​ทุก​เรื่อง​เกี่ยว​กับ​สุขภาพ​จิต​เท่า​ที่​เคย​มี ซึ่ง​เขียน​โดย​นัก​จิตวิทยา​และ​จิตแพทย์​ผู้​ทรง​คุณวุฒิ​เป็น​เยี่ยม และ​ขัด​เกลา​แล้ว​คัด​เอา​คำ​พูด​ที่​เกิน​ความ​จำเป็น​ออก​ทิ้ง​ไป-ถ้า​คุณ​จะ​เอา​เนื้อ​ล้วน ๆ โดย​ไม่​มี​ผัก​ชี​โรย​หน้า​เลย และ​ถ้า​คุณ​จะ​ให้​กวี​ที่​เก่ง​กาจ​ที่​สุด​กล่าว​กระชับ​ความ​รู้​ทาง​วิทยาศาสตร์​ล้วน ๆ โดย​ไม่​มี​สิ่ง​เจือ​ปน คุณ​ก็​จะ​ได้​ข้อ​สรุป​ที่​ไม่​ครบ​ถ้วน​แห่ง​คำ​เทศน์​บน​ภูเขา.”16

พระ​คัมภีร์​กับ​ประวัติศาสตร์

21. ราว​หนึ่ง​ร้อย​ปี​มา​แล้ว นัก​วิจารณ์​เคย​ประเมิน​คุณค่า​ของ​ประวัติศาสตร์​ใน​พระ​คัมภีร์​ไว้​อย่าง​ไร?

21 ภาย​หลัง​ดาร์วิน​ออก​หนังสือ​ว่า​ด้วย​ทฤษฎี​วิวัฒนาการ​แล้ว บันทึก​อัน​เป็น​ประวัติศาสตร์​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ถูก​โจมตี​อย่าง​หนัก. ลีโอ นาร์ด วูลลีย์ นัก​โบราณคดี​ได้​ชี้​แจง “ตอน​ปลาย​ศตวรรษ​ที่​สิบ​เก้าเกิด​มี​กลุ่ม​นัก​วิจารณ์​หัวรุนแรง​ซึ่ง​พร้อม​จะ​ปฏิเสธ​รากฐาน​ใน​ด้าน​ประวัติศาสตร์​ของ​ทุก​สิ่ง​ที่​กล่าว​ไว้​ใน​พระ​ธรรม​ต่าง ๆ ตอน​ต้น​ของ​คัมภีร์​ภาค​พันธสัญญา​เดิม.”17 ที่​จริง นัก​วิจารณ์​บาง​คน​ถึง​กับ​กล่าว​ว่า​เรื่อง​ราว​ที่​บันทึก​ไว้​ไม่​มี​การ​ใช้​กัน​แพร่​หลาย​กระทั่ง​มา​ใน​สมัย​ซะโลโม​หรือ​ภาย​หลัง​จาก​นั้น และ​ดัง​นั้น จะ​มั่น​ใจ​ไม่​ได้​กับ​เรื่อง​ที่​กล่าว​ไว้​ใน​ตอน​ต้น​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล เนื่อง​จาก​ไม่​มี​การ​เขียน​เรื่อง​ราว​เหล่า​นั้น กระทั่ง​หลาย​ศตวรรษ​ภาย​หลัง​เหตุ​การณ์​ได้​เกิด​ขึ้น. หนึ่ง​ใน​บรรดา​ผู้​สนับสนุน​ทฤษฎี​นี้​กล่าว​เมื่อ​ปี 1892 ว่า “สมัย​ซึ่ง​เรื่อง​ราว​ก่อน​โมเซ​เกี่ยว​ข้อง​นั้น​เป็น​หลักฐาน​เพียง​พอ​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​เรื่อง​เหล่า​นั้น​เป็น​ลักษณะ​นิยาย. ตอน​นั้น​เป็น​ยุค​ก่อน​ที่​จะ​รู้​จัก​การ​เขียน​ทุก​อย่าง.”18

22. มี​หลักฐาน​อะไร​บ้าง​ที่​แสดง​ว่า​คน​สมัย​ดึกดำบรรพ์​เขียน​หนังสือ​ได้?

22 แต่​เมื่อ​ไม่​กี่​ปี​มา​นี้ หลักฐาน​ทาง​โบราณคดี​เพิ่ม​พูน​มาก​ขึ้น แสดง​ว่า​การ​เขียน​หนังสือ​เป็น​เรื่อง​ธรรมดา​นาน​ก่อน​สมัย​โมเซ​เสีย​อีก. นัก​โบราณคดี อัลไบรท์​บอก​ว่า “เรา​ต้อง​เน้น​ว่า​การ​เขียน​อักษร​ฮีบรู​นั้น​มี​อยู่​แล้ว​ใน​คะนาอัน​และ​แถบ​ใกล้​เคียง​ตั้ง​แต่​ยุค​บุรุษ​ต้น​ตระกูล​เรื่อย​มา และ​การ​เปลี่ยน​รูป​ตัว​อักษร​อย่าง​รวด​เร็ว​นั้น ก็​เป็น​หลักฐาน​ชัด​แจ้ง​ว่า​ตัว​อักษร​นั้น​ใช้​กัน​ทั่ว​ไป.”19 นัก​ประวัติศาสตร์​และ​นัก​ขุด​ค้น​ชั้น​นำ​อีก​คน​หนึ่ง​ได้​ตั้ง​ข้อ​สังเกต​ว่า “การ​ที่​เคย​ตั้ง​คำ​ถาม​ว่า​โมเซ​รู้​จัก​วิธี​เขียน​หรือ​ไม่​นั้น บัด​นี้​ปรากฏ​ว่า​เป็น​เรื่อง​เหลวไหล.”20

23. ได้​มี​การ​ค้น​พบ​อะไร​เกี่ยว​กับ​กษัตริย์​ซาร์กอน ทำ​ให้​แง่​คิด​ใน​เรื่อง​ใด​ได้​รับ​การ​แก้ไข?

23 บันทึก​เชิง​ประวัติศาสตร์​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​รับ​การ​สนับสนุน​ครั้ง​แล้ว​ครั้ง​เล่า​โดย​การ​ค้น​พบ​ความ​รู้​ใหม่ ๆ. ยก​ตัว​อย่าง กษัตริย์​ซาร์กอน​แห่ง​อัสซีเรีย​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​มา​นาน​แล้ว​จาก​บันทึก​ใน​พระ​คัมภีร์​เท่า​นั้น​คือ ที่​ยะซายา 20:1. ช่วง​ต้น​ศตวรรษ​ที่​สิบ​เก้า พวก​วิจารณ์​พระ​คัมภีร์​ถือ​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่​มี​มูล​ทาง​ประวัติศาสตร์. ครั้น​แล้ว​การ​ขุด​ค้น​ทาง​โบราณคดี​ได้​พบ​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ซึ่ง​เคย​เป็น​ราชวัง​อัน​หรูหรา​ของ​ซาร์กอน​ที่​คอร์​ซา​บัด มี​ทั้ง​บท​จารึก​มาก​มาย​บอก​เรื่อง​ราว​ใน​รัชกาล​ของ​กษัตริย์​องค์​นี้. ผล​ก็​คือ เวลา​นี้​ซาร์กอน​เป็น​กษัตริย์ อัสซีเรียองค์​หนึ่ง​ที่​รู้​จัก​กัน​มาก​ที่​สุด. โมเซ เพิร์ล​แมน นัก​ประวัติศาสตร์​อิสราเอล เขียน​ว่า “โดย​กะทันหัน​พวก​ช่าง​สงสัย​ซึ่ง​ไม่​แน่​ใจ​ใน​ความ​ถูก​ต้อง​แม้​แต่​ข้อ​ความ​ใน​ตอน​ต่าง ๆ แห่ง​คัมภีร์​ภาค​พันธสัญญา​เดิม​ซึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ประวัติศาสตร์​ได้​เริ่ม​เปลี่ยน​แง่​คิด​ของ​เขา.”21

24. บันทึก​ของ​ซาร์กอน​แห่ง​อัสซีเรีย คล้าย​กัน​มาก​แค่​ไหน​กับ​บันทึก​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​พูด​ถึง​การ​ตี​กรุง​ซะมาเรีย​แตก?

24 คำ​จารึก​ของ​ซาร์กอน​มี​ข้อ​ความ​ซึ่ง​ก่อน​หน้า​นี้​รู้​เพียง​แต่​จาก​พระ​คัมภีร์. ข้อ​ความ​นั้น​อ่าน​ว่า “ข้า​ล้อม​ซะมาเรีย​แล้ว​ได้​ชัย​ชนะ ได้​พา​ชาว​เมือง​นั้น​ไป​เป็น​เชลย 27,290 คน.”22 พระ​คัมภีร์​บันทึก​เรื่อง​นี้​ที่ 2 กษัตริย์ 17:6 ว่า “ใน​ปี​ที่​เก้า​แห่ง​รัชกาล​โฮเซอา กษัตริย์​อัสซีเรีย​ตี​กรุง​ซะมาเรีย​ได้​และ​กวาด​เอา​พวก​ยิศราเอล​ไป.” เพิร์ล​แมน​ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า “ที่​นี้​แหละ​คือ​บันทึก​ของ​ผู้​ตี​เมือง​ได้​และ​ของ​ฝ่าย​ผู้​แพ้​ซึ่ง​บันทึก​ของ​แต่​ละ​ฝ่าย​เกือบ​เป็น​ภาพ​กระจก​ของ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง.”23

25. ทำไม​เรา​ไม่​ควร​คาด​หมาย​ว่า เรื่อง​ราว​ใน​พระ​คัมภีร์​จะ​ตรง​กัน​กับ​ทุก​เรื่อง​ที่​ชาว​โลก​บันทึก​ไว้?

25 เรา​ควร​คาด​หมาย​ไหม​ว่า​บันทึก​ของ​คัมภีร์​กับ​บันทึก​ที่​ได้​จาก​แหล่ง​อื่น​จะ​ตรง​กัน​ใน​ข้อ​ปลีกย่อย​ทุก​อย่าง? ไม่​ควร​คิด​เช่น​นั้น ดัง​ที่​เพิร์ล​แมน​บอก​ว่า “รายงาน​เรื่อง​สงคราม​ที่​มา​ตรง​กัน​จาก​สอง​ฝ่าย​นั้น​เป็น​สิ่ง​ผิด​ปกติ​ใน​ตะวัน​ออก​กลาง. เรื่อง​เช่น​นี้​เกิด​ขึ้น​ก็​ต่อ​เมื่อ​ประเทศ​คู่​สงคราม​คือ​ยิศราเอล​กับ​ประเทศ​ใกล้​เคียง และ​เฉพาะ​แต่​เมื่อ​ชาติ​ยิศราเอล​แพ้​เท่า​นั้น. เมื่อ​ชาติ​ยิศราเอล​ชนะ ไม่​มี​บันทึก​แสดง​ความ​พ่าย​แพ้​ปรากฏ​อยู่​ใน​พงศาวดาร​ของ​ฝ่าย​ศัตรู​เลย.”24 ฉะนั้น​จึง​ไม่​แปลก​ที่​เรื่อง​ราว​ของ​ซันแฮริบ ราชบุตร​ของ​ซาร์กอน​ซึ่ง​ทำ​การ​รณรงค์​ใน​แผ่นดิน​ยิศราเอล​ขาด​ส่วน​สำคัญ​ไป. และ​นั้น​คือ​อะไร?

26. บันทึก​ของ​ซันแฮริบ​เป็น​อย่าง​ไร เมื่อ​เทียบ​กับ​การ​บันทึก​ใน​พระ​คัมภีร์​ว่า​ด้วย​การ​กรีฑา​ทัพ​เข้า​ไป​ใน​ยิศราเอล?

26 ภาพ​นูน​บน​กำแพง​ซึ่ง​ค้น​พบ​ได้​จาก​ราชวัง​ของ​กษัตริย์​ซันแฮริบ​แสดง​ถึง​การ​ยก​ทัพ​บุก​ยิศราเอล. นอก​จาก​นั้น​ยัง​ได้​พบ​ข้อ​เขียน​พรรณนา​เหตุ​การณ์​นั้น​ด้วย. หนึ่ง​คือ​แท่ง​ดิน​เหนียว​ทรง​ปริซึม อ่าน​ดัง​นี้ “ส่วน​ฮีศคียา​ชาว​ยิว เขา​ไม่​ยอม​อยู่​ใต้​แอก​ของ​เรา เรา​ได้​ล้อมหัวเมือง​ที่​เข้มแข็ง​ไว้ 46 เมือง . . . ส่วน​เขา​เอง​เรา​ขัง​ไว้​ใน​กรุง​ยะรูซาเลม​ใน​ราชวัง​ของ​เขา​เอง ดุจ​นก​ถูก​ขัง​อยู่​ใน​กรง . . . เรา​ได้​แบ่ง​เอา​ดินแดน​ของ​เขา​ไป แต่​เรา​ก็​ยัง​เพิ่ม​ส่วย​และ​กา​ตรู ​ของ​บรรณาการ​ที่​เขา​ต้อง​ถวาย​เรา​ฐานะ​ที่​เป็น​เจ้า​เหนือ​หัว.”25 ฉะนั้น​ข้อ​เขียน​ของ​ซันแฮริบ​ตรง​กัน​กับ​พระ​คัมภีร์​เมื่อ​กล่าว​ถึง​ชัย​ชนะ​ของ​อัสซีเรีย. แต่​ดัง​ที่​คาด​หมาย​ไว้ ซันแฮริบ​ไม่​ได้​กล่าว​ถึง​การ​ที่​เขา​ไม่​อาจ​พิชิต​ยะรูซาเลม และ​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​เขา​จำ​ใจ​กลับ​บ้าน​เพราะ​ทหาร​ของ​เขา 185,000 คน​ถูก​สังหาร​ภาย​ใน​คืน​เดียว.—2 กษัตริย์ 18:13–19:36; ยะซายา 36:1–37:37.

27. บันทึก​ใน​พระ​คัมภีร์​เรื่อง​การ​ลอบ​ปลง​พระ​ชนม์​กษัตริย์​ซันแฮริบ​เป็น​อย่าง​ไร​เมื่อ​เทียบ​กับ​บันทึก​ที่​เขียน​โดย​ชาว​โลก?

27 จง​พิจารณา​เรื่อง​การ​ปลง​พระ​ชนม์​ซันแฮริบ​และ​สิ่ง​ซึ่ง​การ​ค้น​พบ​เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้​เผย​ให้​ทราบ. พระ​คัมภีร์​แจ้ง​ว่า โอรส​สอง​องค์ คือ​อัดราเมเล็ค​และ​ซัศเมเซน​ได้​ลอบ​สังหาร​ซันแฮริบ. (2 กษัตริย์ 19:36, 37) กระนั้น บันทึก​เรื่อง​ราว​ทั้ง​ของ​นะโบไนดัส​กษัตริย์​บาบูโลน​และ​ของ​พระ​สงฆ์​เบอโรซซัส​แห่ง​บาบูโลน​ใน​ศตวรรษ​ที่​สาม​ก่อน​สากล​ศักราช​ระบุ​ว่า​มี​โอรส​องค์​เดียว ​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​สังหาร​ครั้ง​นั้น. รายงาน​ของ​ใคร​ถูก​ต้อง? การ​ให้​ข้อ​คิด​เห็น​เกี่ยว​กับ​การ​ค้น​พบ​เมื่อ​เร็ว ๆ นี้​จาก​ส่วน​หนึ่ง​ของ​แท่ง​ปริซึม​แห่ง​เอซันฮาโดน โอรส​ของ​ซันแฮริบ​ซึ่ง​ได้​สืบ​ราชบัลลังก์​ต่อ​มา​นั้น ฟิลิป บิเบอร์เฟลด์ นัก​ประวัติศาสตร์​เขียน​อย่าง​นี้ “เฉพาะ​เรื่อง​ที่​กล่าว​ใน​พระ​คัมภีร์​เท่า​นั้น​ปรากฏ​ว่า​ถูก​ต้อง. มี​การ​ยืน​ยัน​ใน​ข้อ​ปลีกย่อย​เล็ก ๆ น้อย ๆ ทุก​อย่าง​จาก​การ​จารึก​ของ​เอซันฮาโดน และ​ถูก​ต้อง​แม่นยำ​ใน​เรื่อง​นี้​อัน​เป็น​ประวัติศาสตร์​ชาติ​อัสซีเรีย​กับ​บาบูโลน​ยิ่ง​กว่า​แหล่ง​ที่​มา​จาก​บาบูโลน​ที​เดียว. นี้​เป็น​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​สำคัญ​อย่าง​ยิ่ง​สำหรับ​การ​ประเมิน​ค่า​แม้​แต่​มูลฐาน​ร่วม​สมัย​ที่​ไม่​กลมกลืน​กับ​เรื่อง​ราว​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล.”26

28. สิ่ง​ที่​พระ​คัมภีร์​กล่าว​ถึง​เบละซาซัร​ได้​รับ​การ​พิสูจน์​ว่า​เป็น​จริง​อย่าง​ไร?

28 สมัย​หนึ่ง มูลฐาน​สมัย​โบราณ​ที่​รู้​จัก​กัน​แตกต่าง​ไป​จาก​คัมภีร์ไบเบิล​เกี่ยว​กับ​เบละซาซัร​เช่น​กัน. พระ​คัมภีร์​ระบุ​เบละซาซัร​เป็น​กษัตริย์​ใน​คราว​บาบูโลน​ล่ม​จม. (ดานิเอล 5:1-31) อย่าง​ไร​ก็​ดี เอกสาร​อื่น ๆ ไม่​ได้​เอ่ย​ถึง​เบละซาซัร​เลย แต่​พูด​ว่า​นะโบไนดัส​เป็น​กษัตริย์​สมัย​นั้น. ฉะนั้น​พวก​ที่​ชอบ​วิจารณ์​ได้​อ้าง​ว่า​ไม่​เคย​มี​กษัตริย์​ชื่อ​เบละซาซัร​อยู่​เลย. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เมื่อ​เร็ว ๆ นี้​มี​การ​ค้น​พบ​เอกสาร​เก่า​แก่​หลาย​ชิ้น​ระบุ​ชื่อ​เบละซาซัร​ใน​ฐานะ​บุตร​ของ​นะโบไนดัส​และ​ปกครอง​ร่วม​รัชกาล​กับ​ราชบิดา​ใน​บาบูโลน. เห็น​ได้​ชัด​ว่า ด้วย​เหตุ​ผล​ข้อ​นี้ พระ​คัมภีร์​บอก​ว่า​เบละซาซัร​เสนอ​จะ​ตั้ง​ดานิเอล​เป็น “อุปราช​ชั้น​ตรี​ครอง​แผ่นดิน​นี้” เนื่อง​จาก​เบละซาซัร​เอง​เป็น​มหา​อุปราช​อยู่​แล้ว. (ดานิเอล 5:16, 29) ดัง​นั้น อาร์. พี. โดเวอร์​ที​ศาสตราจารย์​แห่ง​มหาวิทยาลัย​เยล เมื่อ​ได้​เปรียบ​เทียบ​พระ​ธรรม​ดานิเอล​กับ​เอกสาร​อื่น ๆ ที่​เก่า​แก่​จึง​กล่าว​ดัง​นี้ “อาจ​ตี​ความ​จาก​เรื่อง​ราว​ใน​พระ​คัมภีร์​ว่า​ดี​เลิศ​จริง ๆ เพราะ​มี​ชื่อ​เบละซาซัร บ่ง​บอก​ถึง​อำนาจ​ราชศักดิ์​ของ​เบละซาซัร ทั้ง​รับ​รู้​ด้วย​ว่า​มี​การ​ครอบครอง​ร่วม​รัชกาล​ใน​อาณาจักร​นั้น.”27

29. มี​การ​ค้น​พบ​หลักฐาน​อะไร ที่​รับรอง​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​พระ​คัมภีร์​พูด​ถึง​ปอนเตียว ปีลาต?

29 เอ็ม. เจ. โฮเวิร์ด ซึ่ง​ทำ​งาน​ร่วม​กับ​คณะ​สำรวจ​เมือง​กายซาไรอา ประเทศ​อิสราเอล​ปี 1979 ชี้​ถึง​อีก​ตัว​อย่าง​หนึ่ง​เกี่ยว​ด้วย​การ​ค้น​พบ​ซึ่ง​ยืน​ยัน​ถึง​ความ​ถูก​ต้อง​ทาง​ประวัติศาสตร์​ของ​บุคคล​ซึ่ง​มี​ชื่อ​ระบุ​ใน​พระ​คัมภีร์​ดัง​นี้ “นาน​ถึง 1,900 ปี ชื่อ​ปีลาต​ปรากฏ​อยู่​ใน​กิตติคุณ​ของ​พระ​เยซู​คริสต์ และ​ใน​เรื่อง​ราว​ซึ่ง​ไม่​ค่อย​แน่นอน​ของ​นัก​ประวัติศาสตร์​ชาว​โรมัน​และ​ชาว​ยิว​เท่า​นั้น. ไม่​มี​ใคร​รู้​อัตชีวประวัติ​ของ​เขา. บาง​คน​บอก​ว่า​ไม่​เคย​มี​ปีลาต​เสีย​ด้วย​ซ้ำ. แต่​ปี 1961 นัก​โบราณคดี​ชาว​อิตาเลียน​ได้​ทำ​การ​ขุด​ค้น​ซาก​โรง​ละคร​ของ​ชาว​โรมัน​ใน​เมือง​กายซาไรอา. คน​งาน​คน​หนึ่ง​ได้​พลิก​ย้าย​แผ่น​หิน​ซึ่ง​เคย​ใช้​เป็น​ขั้น​บันได. ด้าน​หลัง​ของ​แผ่น​หิน​นั้น​มี​การ​สลัก​ข้อ​ความ​ภาษา​ลาติน​ว่า ดัง​นี้ ‘มอบ​ให้​แก่​ทวย​ราษฎร์​แห่ง​กายซาไรอา ทิเบรียุม ปอนติอุส ปีลาต เจ้าเมือง​ยูดาย.’ นับ​ว่า​เป็น​การ​ขจัด​ความ​สงสัย​ได้​ชะงัด​นัก​ที่ว่า​ปีลาต​เคย​มี​ชีวิต​อยู่​จริง​หรือ​ไม่. . . . เป็น​ครั้ง​แรก​ที่​มี​อักษร​ที่​แกะ​ไว้​เป็น​หลักฐาน​แสดง​ประวัติ​ของ​ผู้​ที่​ได้​ออก​คำ​สั่ง​ให้​ตอก​ตรึง​พระ​คริสต์.”28—โยฮัน 19:13-16; กิจการ 4:27.

30. มี​การ​ค้น​พบ​อะไร​ใน​เรื่อง​การ​ใช้​อูฐ​ซึ่ง​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​เรื่อง​ราว​ใน​พระ​คัมภีร์​นั้น​ถูก​ต้อง?

30 การ​ค้น​พบ​ใน​ปัจจุบัน​ยัง​บอก​ราย​ละเอียด​ปลีกย่อย​ที่​บันทึก​อยู่​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เสีย​ด้วย​ซ้ำ. ยก​ตัว​อย่าง เวอร์เนอร์ เคลเลอร์​เขียน​เมื่อ​ปี 1964 ว่า​อูฐ​เมื่อ​สมัย​ก่อน​โน้น​ไม่​ใช่​สัตว์​ที่​จะ​เอา​มา​ใช้​งาน​ได้​และ​ด้วย​เหตุ​นั้น ฉาก​ที่ “เรา​รู้​จัก​ริบะคา​เป็น​ครั้ง​แรก ณ เมือง​นาโฮร​บ้าน​เกิด​ของ​เธอ​น่า​จะ​ต้อง​เปลี่ยน​เสีย​แล้ว. ‘อูฐ’ ที่​เป็น​สัตว์​เลี้ยง​ของ​อับราฮาม ซึ่ง​เธอ​กำลัง​จะ​ได้​เป็น​สะใภ้​ของ​ท่าน​ใน​เวลา​ต่อ​มา สัตว์​ที่​เธอ​ได้​ตัก​น้ำ​จาก​บ่อ​ให้​กิน​คือ—ลา.”29 (เยเนซิศ 24:10) อย่าง​ไร​ก็​ดี ใน​ปี 1978 โมเช ดา​ยัน ผู้​นำ​ฝ่าย​ทหาร​แห่ง​อิสราเอล​และ​เป็น​นัก​โบราณคดี​ได้​ให้​หลักฐาน​ว่า ใน​สมัย​โบราณ​มี​การ​ใช้​อูฐ “เพื่อ​การ​ขน​ส่ง” ฉะนั้น บันทึก​ใน​พระ​คัมภีร์​จึง​ถูก​ต้อง. ดา​ยัน​ได้​ชี้​แจง​ว่า “มี​การ​พบ​ภาพ​เขียน​แห่ง​ศตวรรษ​ที่​สิบ​แปด​ก่อน​คริสต์ศักราช​ที่​เมือง​ไบโบลส​ใน​โฟนีเซีย​เป็น​รูป​อูฐ​คู้​เข่า. และ​ภาพ​คน​ขี่​อูฐ​ปรากฏ​อยู่​บน​ตรา​รูป​กระบอก​ซึ่ง​ได้​ค้น​พบ​เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้​ใน​แคว้น​เมโส​โป​ตา​เมีย เป็น​วัตถุ​โบราณ​สมัย​บุรุษ​ต้น​ตระกูล​ของ​ยิว.”30

31. มี​หลักฐาน​อะไร​อีก​ซึ่ง​แสดง​ว่า​พระ​คัมภีร์​ถูก​ต้อง​ทาง​ประวัติศาสตร์?

31 หลักฐาน​ที่​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​ถูก​ต้อง​ทาง​ด้าน​ประวัติศาสตร์​นั้น​มี​มาก​จน​ไม่​อาจ​กล่าว​แย้ง​ได้. ขณะ​ที่​ความ​จริง​มี​ว่า​ไม่​เคย​พบ​บันทึก​ของ​ชาว​โลก​พูด​ถึง​ความ​พ่าย​แพ้​ของ​ชาว​อียิปต์​ใน​ทะเล​แดง​และ​การ​พ่าย​แพ้​ใน​คราว​อื่น ๆ เลย เรื่อง​นี้​ก็​ไม่​แปลก​เนื่อง​จาก​ผู้​ครอบครอง​มัก​จะ​ไม่​บันทึก​ความ​พ่าย​แพ้​ของ​ตน. กระนั้น บน​กำแพง​วิหาร​เมือง​คาร์นัค​ใน​อียิปต์​เขา​ได้​พบ​บันทึก​ของ​ฟาโรห์​ซีซัค​พรรณนา​ชัย​ชนะ​คราว​บุกรุก​แผ่นดิน​ยูดา​ใน​รัชกาล​ของ​ระฮับอาม​ราชโอรส​ของ​ซะโลโม. พระ​คัมภีร์​แถลง​เรื่อง​นี้​ที่ 1 กษัตริย์ 14:25, 26. นอก​จาก​นั้น ได้​ขุด​พบข้อ​ความ​ที่​เมซา​กษัตริย์​โมอาบ​บันทึก​การ​กบฏ​ต่อ​ชาติ​ยิศราเอล​บน​แผ่น​ศิลา​ซึ่ง​เรียก​กัน​ว่า ศิลา​จารึก​ของ​ชาว​โมอาบ. เรื่อง​นี้​หา​อ่าน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​พระ​ธรรม 2 กษัตริย์ 3:4-27 ได้​ด้วย.

32. ผู้​ที่​เข้า​ชม​พิพิธภัณฑ์​สมัย​นี้​พบ​เห็น​อะไร​ซึ่ง​ยืน​ยัน​เรื่อง​ราว​ใน​พระ​คัมภีร์?

32 ผู้​เข้า​ชม​พิพิธภัณฑ์​หลาย​แห่ง​อาจ​ได้​เห็น​ภาพ​บน​ฝา​ผนัง คำ​จารึก และ​รูป​ปั้น​ต่าง ๆ ซึ่ง​ยืน​ยัน​เรื่อง​ใน​พระ​คัมภีร์. กษัตริย์​ประเทศ​ยูดา​และ​ยิศราเอล เช่น ฮิศคียา มะนาเซ อัมรี อาฮาบ เพกา เมนาเฮม​และ​โฮเซอา ล้วน​มี​ชื่อ​อยู่​ใน​บันทึก​ของ​ผู้​ครอบครอง​ชาว​อัสซีเรีย. ภาพ​กษัตริย์​เยฮู​หรือ​ทูต​แทน​ท่าน​ขณะ​ถวาย​ของ​บรรณาการ​ปรากฏ​อยู่​ที่​อนุสาวรีย์​กษัตริย์​ซัลมาเนเซอร์. ราชวัง​ซูซัร​แห่ง​เปอร์เซีย​ที่​มาระดะคาย​และ​เอศเธระ​บุคคล​ที่​มี​ชื่อ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เคย​อยู่​ที่​นั่น​ก็​ได้​รับ​การ​บูรณะ​ให้​ผู้​คน​สมัย​นี้​ได้​ชม. ผู้​ไป​เที่ยว​พิพิธภัณฑ์​สามารถ​เห็น​รูป​ปั้น​ซีซาร์​แห่ง​โรม เช่น ออกุสตุส ติเบริอุส และ​คลอดิอุส ผู้​มี​ชื่อ​อยู่​ใน​พระ​คัมภีร์. (ลูกา 2:1; 3:1; กิจการ 11:28; 18:2) อัน​ที่​จริง มี​การ​พบ​เหรียญ​เงิน​เดนารี​รูป​ซีซาร์​ติเบริอุส—เงิน​เหรียญ​ที่​พระ​เยซู​ขอ​ดู​เมื่อ​พระองค์​ตรัส​เรื่อง​ภาษี.—มัดธาย 22:19-21.

33. ภูมิ​ประเทศ​แห่ง​อิสราเอล​ให้​หลักฐาน​อย่าง​ไร​ว่า​พระ​คัมภีร์​นั้น​ถูก​ต้อง?

33 ผู้​ที่​ไป​เยือน​อิสราเอล​สมัย​นี้​ซึ่ง​รู้​เรื่อง​ใน​พระ​คัมภีร์​ย่อม​สังเกต​ได้​ว่า​พระ​คัมภีร์​พรรณนา​ลักษณะ​ภูมิ​ประเทศ​อย่าง​แม่นยำ​จริง ๆ. ดร.​ซีฟ ชเรเมอร์ หัวหน้า​คณะ​สำรวจ​ด้าน​ธรณี​วิทยา​แถบ​แหลม​ซีนาย​กล่าว​ว่า “เรา​มี​แผนที่​ของ​เรา​เอง แต่​เมื่อ​ใด​พระ​คัมภีร์​ไม่​ลง​รอย​กับ​แผนที่ เรา​เลือก​พระ​คัมภีร์”31 เพื่อ​ให้​ตัว​อย่าง​วิธี​ที่​คน​เรา​จะ​สัมผัส​กับ​เรื่อง​ราว​ใน​พระ​คัมภีร์: ใน​กรุง​ยะรูซาเลม​ปัจจุบัน คน​เรา​อาจ​เดิน​เลาะ​ไป​ตาม​อุโมงค์​ยาว 1,749 ฟุต​ซึ่ง​เจาะ​ผ่าน​ชั้น​ผา​อัน​แข็ง​แกร่ง​เมื่อ 2,700 ปี​มา​แล้ว​เพื่อ​เป็น​ทาง​ส่ง​น้ำ​จาก​ลำธาร​ฆีโฮน​นอก​กำแพง​เมือง​ซึ่ง​อยู่​พ้น​สายตา แล้ว​น้ำ​จะ​ได้​ไหล​ลง​สู่​สระ​ซีโลอาม​ภาย​ใน​เมือง. พระ​คัมภีร์​ชี้​แจง​ว่า กษัตริย์​ฮิศคียา​ได้​สร้าง​อุโมงค์​นี้​เพื่อ​รับมือ​กับ​การ​ล้อม​กรุง​โดย​ซันแฮริบ.—2 กษัตริย์ 20:20; 2 โครนิกา 32:30.

34. ผู้​คง​แก่​เรียน​บาง​คน​ที่​มี​ภูมิ​ธรรม​กล่าว​อย่าง​ไร​ใน​เรื่อง​ความ​ถูก​ต้อง​แม่นยำ​ของ​พระ​คัมภีร์?

34 ที่​กล่าว​มา​นี้​เป็น​เพียง​ไม่​กี่​ตัว​อย่าง​ว่า​ทำไม​จึง​เป็น​การ​ไม่​ฉลาด​ที่​จะ​ประเมิน​ค่า​ความ​ถูก​ต้อง​แม่นยำ​ของ​พระ​คัมภีร์​ต่ำ​ไป. ยัง​มี​ตัว​อย่าง​อีก​มาก. ดัง​นั้น การ​สงสัย​ความ​น่า​เชื่อถือ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​โดย​ปกติ​แล้ว​ไม่​อาศัย​สิ่ง​ที่​พระ​คัมภีร์​กล่าว​หรือ​หลักฐาน​ที่​มี​เหตุ​ผล​แต่​อาศัย​การ​รู้​เท่า​ไม่​ถึง​การณ์. เอฟ. เคนยอน​อดีต​ผู้​อำนวย​การ​พิพิธภัณฑ์​แห่ง​กรุง​ลอนดอน​เขียน​ดัง​นี้: “โบราณคดี​ยัง​ไม่​ได้​ค้น​พบ​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง แต่​ผล​ที่​ได้​ทำ​สำเร็จ​มา​แล้ว​ยืน​ยัน​สิ่ง​ซึ่ง​เชื่อถือ​กัน​อยู่​แล้ว​คือ​ว่า​เมื่อ​ความ​รู้​เพิ่ม​พูน​ขึ้น ผล​ประโยชน์​ก็​ตก​อยู่​กับ​พระ​คัมภีร์​เสมอ.”32 และ​นัก​โบราณคดี​ชื่อ​ดัง​ท่าน​หนึ่ง​คือ​เนลสัน ก​ลุค กล่าว​ว่า “อาจ​กล่าว​ได้​อย่าง​เด็ดขาด​ว่า ไม่​มี​การ​ค้น​พบ​ใด ๆ ทาง​โบราณคดี​ที่​ขัด​แย้ง​กับ​พระ​คัมภีร์. โบราณคดี​ยืน​ยืน​อย่าง​คร่าว ๆ หรือ​ชี้​ราย​ละเอียด​คำ​แถลง​เกี่ยว​กับ​ประวัติศาสตร์​ใน​พระ​คัมภีร์.”33

ความ​ซื่อ​สัตย์​และ​ความ​สอดคล้อง​กัน

35, 36. (ก) ผู้​เขียน​คัมภีร์​ไบเบิล​หลาย​คน​ต่าง​ยอม​รับ​ความ​ผิด​พลาด​ของ​ตน​เอง​อย่าง​ไร? (ข) ทำไม​ความ​ซื่อ​สัตย์​ของ​ผู้​เขียน​เหล่า​นี้ เพิ่ม​น้ำหนัก​ให้​กับ​คำ​กล่าว​ของ​เขา​ที่​ว่า​พระ​คัมภีร์​นั้น​เป็น​มา​จาก​พระเจ้า?

35 ยัง​มี​อีก​สิ่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​บ่ง​ชี้​ว่า​พระ​คัมภีร์​มา​จาก​พระเจ้า​คือ​ความ​ซื่อ​สัตย์​ของ​ผู้​เขียน. มัน​ขัด​กับ​ธรรมชาติ​ของ​มนุษย์​ผู้​ไม่​สมบูรณ์​ที่​จะ​ยอม​รับ​ความ​พลั้ง​พลาด​ของ​ตน โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​เมื่อ​ต้อง​บันทึก​เป็น​ลายลักษณ์​อักษร. นัก​เขียน​ส่วน​ใหญ่​ใน​สมัย​โบราณ​ได้​เขียน​เฉพาะ​ความ​สำเร็จ​ของ​ตัว​เอง. แต่​โมเซ​เขียน​การ​ที่​ตน “ได้​ทำ​ผิด” และ​ด้วย​เหตุ​นี้​ท่าน​ถูก​ตัด​สิทธิ์​ไม่​ให้​นำ​ชน​ยิศราเอล​เข้า​ไป​ถึง​แผ่นดิน​แห่ง​คำ​สัญญา. (พระ​บัญญัติ 32:50-52; อาฤธโม 20:1-13) โยนา​เล่า​ความ​ดื้อ​รั้น​ของ​ตน. (โยนา 1:1-3; 4:1) เปาโล​ยอม​รับ​ว่า​ท่าน​เคย​ประพฤติ​ผิด. (กิจการ 22:19, 20; ทิทุส 3:3) และ​มัดธาย​อัครสาวก​ของ​พระ​คริสต์​ได้​รายงาน​ว่า​พวก​อัครสาวก​บาง​ครั้ง​ขาด​ความ​เชื่อ แสวง​จะ​ได้​ตำแหน่ง​สูง​และ​ได้​ทอดทิ้ง​พระ​เยซู​เมื่อ​พระองค์​ถูก​จับ.—มัดธาย 17:18-20; 18:1-6; 20:20-28; 26:56.

36 ถ้า​ผู้​เขียน​คัมภีร์​ไบเบิล​จะ​แปลง​เรื่อง​ให้​เพี้ยน​ไป​จาก​ความ​จริง​คง​จะ​เป็น​เรื่อง​ที่​ส่อ​ให้​เห็น​ความ​ไม่​ดี​ของ​พวก​เขา​มิ​ใช่​หรือ? พวก​เขา​คง​จะ​ไม่​เปิด​เผย​ความ​ผิด​พลาด​ของ​ตัว​เอง​แล้ว​กุ​เรื่อง​อื่น ๆ ที่​เป็น​ความ​เท็จ​ขึ้น​มา​ใช่​ไหม? ถ้า​เช่น​นั้น​แล้ว ความ​ซื่อ​สัตย์​ของ​ผู้​เขียน​คัมภีร์​ไบเบิล​เพิ่ม​น้ำหนัก​ให้​กับ​การ​อ้าง​ของ​เขา​ที่​ว่า พระเจ้า​ทรง​ชี้​นำ​เขา​ขณะ​ที่​เขา​จารึก​พระ​คัมภีร์.—2 ติโมเธียว 3:16.

37. ทำไม​ความ​สอดคล้อง​กัน​โดย​ตลอด​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลักฐาน​แน่น​หนา​ว่า​พระ​คัมภีร์​ได้​รับ​การ​ดล​บันดาล​จาก​พระเจ้า?

37 อนึ่ง ความ​สอดคล้อง​กัน​ใน​พระ​คัมภีร์​ยืน​ยัน​ว่า​พระเจ้า​เป็น​ผู้​ประพันธ์. เป็น​การ​ง่าย​ที่​จะ​บอก​ว่า พระ​ธรรม 66 เล่ม​ที่​ประกอบ​กัน​เป็น​พระ​คัมภีร์​เขียน​ภาย​ใน​ช่วง 1600 กว่า​ปี​โดย​บุคคล​ต่าง ๆ ราว 40 คน. แต่​คิด​ดู​ซิ​ว่า​ข้อ​เท็จ​จริง​นั้น​น่า​พิศวง​สัก​เพียง​ไร! สมมุติ​ว่า​การ​เขียน​หนังสือ​เล่ม​หนึ่ง​เริ่ม​ขึ้น​ใน​สมัย​จักรภพ​โรมัน แล้ว​การ​เขียน​ดำเนิน​ต่อ​มา​จน​ถึง​สมัย​ที่​มี​การ​ปกครอง​ระบอบ​ราชาธิปไตย​แล้ว​ยัง​คง​ทำ​ต่อ​มา​เรื่อย​กระทั่ง​ยุค​ปัจจุบัน​ที่​มี​การ​ปกครอง​แบบ​สาธารณรัฐ และ​ที่​ว่า​ผู้​เขียน​เหล่า​นั้น​มี​ภูมิหลัง​ต่าง​กัน เช่น นัก​รบ กษัตริย์ ปุโรหิต ชาว​ประมง กระทั่ง​คน​เลี้ยง​สัตว์​และ​อายุรแพทย์. คุณ​จะ​คาด​หมาย​ไหม​ว่า การ​ดำเนิน​เรื่อง​ทุก​ตอน​ใน​หนังสือ​นั้น​อยู่​ใน​อรรถบท​เดียว​กัน? กระนั้น พระ​คัมภีร์​ได้​รับ​การ​จารึก​ภาย​ใน​ช่วง​เวลา​นาน​พอ ๆ กัน ภาย​ใต้​ระบอบ​การ​ปกครอง​ต่าง ๆ กัน​และ​โดย​บุคคล​ต่าง ๆ ดัง​กล่าว​มา​แล้ว. และ​มี​ความ​สอดคล้อง​กัน​โดย​ตลอด. ข่าวสาร​อัน​เป็น​พื้น​ฐาน​มี​อรรถบท​เดียว​ตั้ง​แต่​ต้น​จน​จบ. ทั้ง​นี้​จะ​ไม่​เสริม​น้ำหนัก​ให้​กับ​คำ​อ้าง​ของ​พระ​คัมภีร์​ที​เดียว​หรือ​ที่​ว่า “มนุษย์​กล่าว​คำ​ซึ่ง​มา​จาก​พระเจ้า​ตาม​ที่​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​ได้​ทรง​ดล​ใจ​ให้​กล่าว​นั้น?”—2 เปโตร 1:20, 21.

38. คน​เรา​ต้อง​ทำ​อะไร​เพื่อ​จะ​ไว้​ใจ​พระ​คัมภีร์?

38 คุณ​จะ​ไว้​ใจ​พระ​คัมภีร์​ได้​ไหม? ถ้า​คุณ​ตรวจ​สอบ​ถึง​สิ่ง​ที่​กล่าว​ไว้​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล และ​ไม่​เพียง​รับรอง​เอา​สิ่ง​ที่​บาง​คน​บอก คุณ​จะ​มี​เหตุ​ผล​ที่​จะ​เชื่อ​มั่น​ได้. กระนั้น ยัง​มี​หลักฐาน​แน่น​หนา​ยิ่ง​ขึ้น​ว่า พระเจ้า​ทรง​ดล​บันดาล​ให้​มี​การ​เขียน​คัมภีร์​จริง ๆ ดัง​เรา​จะ​เห็น​ใน​บท​ถัด​ไป.

[คำ​โปรย​หน้า 202]

“เนื้อหา​สำคัญ​ทาง​ดาราศาสตร์​และ​บันทึก​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เยเนซิศ​นั้น​เหมือน​กัน”

[คำ​โปรย​หน้า 204]

น่า​ทึ่ง​ที่​ไม่​มี​คำ​กล่าว​เชิง​เชื่อ​โชค​ลาง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เลย

[คำ​โปรย​หน้า 206]

การ​เกี่ยว​ข้อง​อย่าง​ใกล้​ชิด​ระหว่าง​ทัศนะ​ทาง​ใจ​และ​สุขภาพ​ทาง​กาย​มี​การ​กล่าว​ถึง​ใน​พระ​คัมภีร์​นาน​มา​แล้ว

[คำ​โปรย​หน้า 215]

มัน​เป็น​การ​ขัด​กับ​ธรรมชาติ​ของ​มนุษย์​ที่​จะ​ยอม​รับ​ผิด​หรือ​ความ​พลั้ง​พลาด​โดย​เฉพาะ​เมื่อ​เขียน​บันทึก

[คำ​โปรย​หน้า 215]

คัมภีร์​ไบเบิล​สอดคล้อง​กัน​ตลอด​ทั้ง​เล่ม

[แผนภาพ​หน้า 201]

คัมภีร์​ไบเบิล​พรรณนา​วัฏจักร​ของ​น้ำ ซึ่ง​โดย​ทั่ว​ไป​แล้ว​ไม่​เป็น​ที่​เข้าใจ​กัน​ใน​สมัย​โบราณ

[ภาพ​หน้า 200]

คน​โบราณ​บาง​คน​เชื่อ​ว่า​โลก​ได้​รับ​การ​หนุน​ไว้​อย่าง​นี้

[ภาพ​หน้า 203]

สัตว์​ใหญ่​คล้าย​ช้าง​แช่​แข็ง ซึ่ง​ค้น​พบ​ใน​ไซบีเรีย. หลัง​จาก​หลาย​พัน​ปี​ผ่าน​ไป​ยัง​มี​หญ้า​คา​ปาก​และ​ตก​ค้าง​อยู่​ใน​กระเพาะ​ของ​มัน และ​เมื่อ​ปล่อย​ให้​เนื้อ​ซึ่ง​เย็น​จน​แข็ง​นั้น​อ่อน​ตัว​ก็​ทำ​เป็น​อาหาร​กิน​ได้

[ภาพ​หน้า 205]

เมื่อ​ศตวรรษ​ที่​แล้ว แพทย์​ไม่​ได้​ล้าง​มือ​ทุก​ครั้ง​หลัง​จาก​ถูก​ต้อง​ศพ จึง​เป็น​สาเหตุ​ให้​หลาย​คน​เสีย​ชีวิต

ห้อง​เก็บ​ศพ

แผนก​สูติกรรม

[ภาพ​หน้า 207]

การ​ที่​พระ​คัมภีร์​เน้น​เรื่อง​ความ​รัก​นั้น​สอดคล้อง​กับ​คำ​แนะ​นำ​อัน​มี​เหตุ​ผล​ของ​แพทย์

[ภาพ​หน้า 209]

รูป​แกะ​สลัก​หินปูน​ภาพ​กษัตริย์​ซาร์กอน ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​มา​นาน​จาก​พระ​คัมภีร์​แหล่ง​เดียว

[ภาพ​หน้า 210]

ภาพ​นูน​บน​กำแพง​ราชวัง​ของ​กษัตริย์​ซันแฮริบ ณ กรุง​นีนะเว แสดง​ให้​เห็น​การ​รับ​ทรัพย์​เชลย​จาก​เมือง​ลาคิช​ใน​แคว้น​ยูดา

แท่ง​ปริซึม​ทำ​ด้วย​ดิน​เหนียว​มี​ข้อ​ความ​พรรณนา​เรื่อง​กษัตริย์​ซันแฮริบ​กรีฑา​ทัพ​เข้า​ไป​ใน​ยิศราเอล

[ภาพ​หน้า 211]

อนุสาวรีย์​ประกาศ​ชัย​ชนะ​ของ​เอซันฮาโดน โอรส​ซันแฮริบ สนับสนุน​คำ​กล่าว​ที่ 2 กษัตริย์ 19:37 ที่​ว่า “เอซันฮาโดน​โอรส​ก็​ขึ้น​เสวย​ราชย์​แทน.”

คำ​จารึก​ข้าง​บน​นี้ ค้น​พบ​ที่​เมือง​กายซาไรอา​ยืน​ยัน​ว่า ปอนเตียว ปีลาต​เป็น​เจ้าเมือง​ยูดาย

[ภาพ​หน้า 212]

ภาพ​นูน​บน​กำแพง​ยืน​ยัน​บันทึก​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​พูด​ถึง​ซีซัค​ได้​มี​ชัย​ชนะ​แก่​พวก​ยูดาย

แผ่น​ศิลา​จารึก​ของ​ชาว​โมอาบ​พรรณนา​ถึง​เมซา​กษัตริย์​โมอาบ​ได้​กบฏ​ต่อ​สู้​ยิศราเอล​ตาม​ที่​กล่าว​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล

[ภาพ​หน้า 213]

กษัตริย์​เยฮู หรือ​ทูต​แทน​พระองค์​ถวาย​บรรณาการ​แก่​กษัตริย์​ซัลมาเน​เซอร์​ที่​สาม

รูป​ปั้น​หิน​อ่อน​ครึ่ง​ตัว​ของ​ออกุสตุส ซีซาร์​สมัย​พระ​เยซู​ประสูติ

เหรียญ​เงิน​เดนารี​มี​รูป​และ​คำ​จารึก​ของ​ซีซาร์​ทิเบริอุส เหมือน​เหรียญ​ที่​พระ​คริสต์​ขอ​ดู

[ภาพ​หน้า 214]

ภาย​ใน​อุโมงค์​ซึ่ง​กษัตริย์​ฮิศคียา​ได้​เจาะ​ไว้​เพื่อ​ส่ง​น้ำ​เข้า​กรุง​ยะรูซาเลม​ระหว่าง​ที่​ทหาร​อัสซีเรีย​ล้อม​เมือง

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์