การศึกษาพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจพร้อมด้วยภูมิหลัง
พระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจก่อประโยชน์ถาวร
1. การตรวจดู “พระคัมภีร์ทุกตอน” เผยให้เราเห็นภาพอันรุ่งโรจน์อะไรกับตา?
การตรวจดู ‘พระคัมภีร์ทุกตอนที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า’ เผยให้เราเห็นกับตาถึงภาพอันสง่างามแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาและพระประสงค์เรื่องราชอาณาจักรของพระองค์. เราได้เห็นแล้วว่าคัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่เป็นเล่มเดียว มีอรรถบทอันทรงพลังประการเดียวคือ การพิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาและการทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำหรับแผ่นดินโลกสำเร็จในที่สุดโดยทางราชอาณาจักรของพระองค์ภายใต้พระคริสต์ พงศ์พันธุ์ตามคำสัญญา. ตั้งแต่หน้าแรก ๆ ของคัมภีร์ไบเบิล อรรถบทประการเดียวนี้ได้รับการเปิดเผยเป็นขั้น ๆ และอธิบายโดยทางพระธรรมต่าง ๆ ที่ตามมา จนกระทั่งในบทท้าย ๆ ความเป็นจริงอันรุ่งโรจน์แห่งพระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าโดยทางราชอาณาจักรของพระองค์จึงถูกทำให้ปรากฏชัด. คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่น่าทึ่งจริง ๆ! เริ่มตั้งแต่การทรงสร้างอันน่าเกรงขามเกี่ยวกับฟ้าสวรรค์ที่ประกอบด้วยวัตถุและแผ่นดินโลกพร้อมด้วยสิ่งมีชีวิตบนแผ่นดินโลก คัมภีร์ไบเบิลเป็นบันทึกที่มีขึ้นโดยการดลใจและเชื่อถือได้เล่มเดียวที่บอกเราเกี่ยวกับการปฏิบัติของพระเจ้ากับมนุษยชาติมาจนถึงสมัยของเรา และพาเราไปจนได้เห็นการสร้าง “ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่” อันรุ่งโรจน์ของพระยะโฮวาเป็นจริงอย่างครบถ้วน. (วิ. 21:1, ล.ม.) เนื่องด้วยพระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาพระเจ้าสำเร็จสมบูรณ์โดยทางราชอาณาจักรของพงศ์พันธุ์นั้น พระองค์จึงได้รับการมองดูว่ามีความสัมพันธ์ฉันบิดาผู้กรุณากับครอบครัวมนุษย์ที่มีเอกภาพและมีความสุข ซึ่งร่วมกันกับบรรดาผู้อยู่ในสวรรค์ในการสรรเสริญพระองค์และทำให้พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์.
2, 3. ตลอดพระคัมภีร์ทั้งเล่ม มีการเผยให้เห็นเป็นขั้น ๆ อย่างไรถึงอรรถบทที่เกี่ยวกับพงศ์พันธุ์?
2 ตลอดพระคัมภีร์ทั้งเล่มมีการเผยให้เห็นเป็นขั้น ๆ อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ถึงอรรถบทนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับพงศ์พันธุ์นั้น! เมื่อตรัสคำพยากรณ์แรกที่เขียนโดยการดลใจ พระเจ้าทรงสัญญาว่า ‘พงศ์พันธุ์ของหญิง’ จะบดขยี้หัวของงู. (เย. 3:15, ล.ม.) เมื่อผ่านไปกว่า 2,000 ปี พระเจ้าตรัสกับอับราฮามผู้ซื่อสัตย์ว่า “โดยทางพงศ์พันธุ์ของเจ้า ทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะทำให้ตนเองได้พระพรเป็นแน่.” อีกกว่า 800 ปีต่อมา พระยะโฮวาทรงประทานคำสัญญาที่คล้ายกันนี้กับผู้สืบเชื้อสายคนหนึ่งของอับราฮามคือกษัตริย์ดาวิดผู้ภักดี ซึ่งแสดงว่าพงศ์พันธุ์นั้นจะเป็นกษัตริย์. เมื่อเวลาผ่านไป ผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาร่วมพยากรณ์ด้วยความตื่นเต้นถึงสง่าราศีของการปกครองโดยราชอาณาจักรนั้น. (เย. 22:18, ล.ม.; 2 ซามู. 7:12, 16; ยซา. 9:6, 7; ดานิ. 2:44; 7:13, 14) ครั้นแล้ว พงศ์พันธุ์นั้นจึงมาปรากฏหลังจากคำสัญญาแรกในสวนเอเดนกว่า 4,000 ปี. ผู้นี้ซึ่งเป็น ‘พงศ์พันธุ์ของอับราฮาม’ ด้วยคือพระเยซูคริสต์ “พระบุตรของพระผู้สูงสุด” และพระยะโฮวาทรงประทาน “บัลลังก์ของดาวิดราชบิดาของท่าน” แก่ท่าน.—ฆลา. 3:16; ลูกา 1:31-33, ล.ม.
3 แม้ว่าพงศ์พันธุ์นี้ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ถูกเจิมของพระเจ้าถูกบดขยี้ด้วยความตายโดยพงศ์พันธุ์ทางโลกนี้ของงูก็ตาม พระเจ้าทรงปลุกผู้นั้นให้เป็นขึ้นจากบรรดาคนตาย และยกท่านขึ้นอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์เอง ที่ซึ่งท่านผู้นั้นคอยเวลากำหนดของพระเจ้าเพื่อจะ ‘บดขยี้หัวของซาตาน.’ (เย. 3:15, ล.ม.; เฮ็บ. 10:13; โรม 16:20) ครั้นแล้วพระธรรมวิวรณ์ก็นำนิมิตทั้งหมดสู่จุดสุดยอดอันรุ่งโรจน์. พระคริสต์ทรงครองอำนาจแห่งราชอาณาจักรและเหวี่ยง “งูตัวแรกเดิมนั้น ผู้ถูกเรียกว่าพญามารและซาตาน” จากสวรรค์ลงมายังแผ่นดินโลก. เป็นเวลาสั้น ๆ ที่พญามารก่อวิบัติแก่แผ่นดินโลกและทำสงครามกับ ‘ผู้ที่เหลืออยู่แห่งพงศ์พันธุ์ของผู้หญิงของพระเจ้า.’ แต่พระคริสต์ซึ่งเป็น “กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย” ทรงตีทำลายนานาชาติ. งูตัวแรกเดิมคือซาตานถูกกักไว้ในเหวลึก แล้วในที่สุดจะถูกทำลายตลอดไป. ระหว่างนั้น โดยทางเยรูซาเลมใหม่หรือเจ้าสาวของพระเมษโปดก ผลประโยชน์จากเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์ถูกนำมาใช้กับมนุษยชาติเพื่อเป็นพระพรแก่บรรดาครอบครัวแห่งแผ่นดินโลก. โดยวิธีนี้ อรรถบทอันยิ่งใหญ่ของพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจจึงถูกเปิดเผยต่อหน้าเราอย่างรุ่งโรจน์งดงามน่าตื่นเต้น!—วิ. 11:15; 12:1-12, 17; 19:11-16; 20:1-3, 7-10; 21:1-5, 9; 22:3-5, ล.ม.
การได้รับประโยชน์ จากบันทึกที่มีขึ้นการดลใจนี้
4. เราจะรับประโยชน์สูงสุดจากพระคัมภีร์บริสุทธิ์ได้อย่างไร? และเพราะเหตุใด?
4 เราจะได้รับประโยชน์เต็มที่จากพระคัมภีร์บริสุทธิ์ได้อย่างไร? เราจะรับประโยชน์ได้โดยการยอมให้คัมภีร์ไบเบิลดำเนินงานในชีวิตของเรา. โดยการศึกษาพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจทุกวันและนำไปใช้ เราสามารถได้รับการชี้นำจากพระเจ้า. “พระคำของพระเจ้ามีชีวิตและทรงพลัง” และสามารถเป็นพลังอันยอดเยี่ยมเพื่อความชอบธรรมในชีวิตของเรา. (เฮ็บ. 4:12, ล.ม.) หากเราศึกษาและปฏิบัติตามคำชี้นำในพระคำของพระเจ้าเรื่อยไป เราจะบรรลุการ “สวมบุคลิกภาพใหม่ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าในความชอบธรรมและความภักดีที่แท้จริง.” เราจะถูกเปลี่ยนใหม่ในพลังที่กระตุ้นจิตใจเรา และเราจะถูกเปลี่ยนเป็นคนใหม่โดยการเปลี่ยนความคิดจิตใจเรา เพื่อพิสูจน์กับตัวเราเองในเรื่อง “พระทัยประสงค์อันดี ที่น่ารับไว้และสมบูรณ์พร้อมของพระเจ้า.”—เอเฟ. 4:23, 24, ล.ม.; โรม 12:2, ล.ม.
5. เราสามารถเรียนรู้อะไรจากเจตคติและตัวอย่างของโมเซ?
5 เราจะเรียนรู้ได้มากมายจากการสังเกตวิธีที่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์คนอื่น ๆ ของพระเจ้าได้รับประโยชน์จากการศึกษาพระคำของพระเจ้าและไตร่ตรองพระคำนั้น. ตัวอย่างเช่น โมเซ ‘คนถ่อมใจมากยิ่งกว่าคนทั้งปวง’ เป็นคนที่สอนง่ายและเต็มใจจะเรียนรู้เสมอ. (อาฤ. 12:3, ฉบับแปลใหม่) เราควรมีความหยั่งรู้ค่าอย่างจริงจังในพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาเสมอพร้อมด้วยการอธิษฐานอย่างที่ท่านมี. โมเซนั่นเองที่กล่าวว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า, พระองค์เป็นที่อาศัยของพวกข้าพเจ้าทุกชั่วอายุต่อ ๆ กันมา. ก่อนภูเขาทั้งหลายได้บังเกิดขึ้น และก่อนพระองค์ได้ทรงสร้างแผ่นดินกับพิภพโลก, พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าอยู่ตั้งแต่อดีตกาลจนตลอดอนาคตกาล.” โมเซรู้จักพระปัญญาของพระเจ้าอย่างละเอียดเนื่องจากพระยะโฮวาทรงใช้ท่านในการเขียนพระธรรมเล่มแรก ๆ ของคัมภีร์ไบเบิล. ดังนั้น ท่านจึงเข้าใจความสำคัญของการแสวงหาพระปัญญาจากพระยะโฮวาทุกวัน. ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงอธิษฐานถึงพระเจ้าว่า “ขอทรงโปรดสอนให้ข้าพเจ้านับวันคืนทั้งหลายของพวกข้าพเจ้าเป็น, เพื่อจะได้มีใจประกอบไปด้วยสติปัญญา.” เนื่องจาก “ชั่วอายุของข้าพเจ้า” อาจจะสั้นเพียง 70 ปี หรือ 80 ปีในกรณีที่ “มีกำลังมาก” เราจะมีสติปัญญาหากเราเลี้ยงตัวเองด้วยพระคำของพระองค์ทุกวัน เพราะเมื่อเราทำเช่นนั้น “คุณงามความดีของพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกข้าพเจ้า” จะ “อยู่กับข้าพเจ้า” ดังที่ได้อยู่กับโมเซ ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์.—เพลง. 90:1, 2, 10, 12, 17.
6. เราจะบรรลุผลสำเร็จเหมือนยะโฮซูอะได้อย่างไร?
6 จำเป็นจริง ๆ ที่จะใคร่ครวญพระคำของพระเจ้าทุกวัน! พระยะโฮวาทรงแจ้งเรื่องนี้อย่างชัดเจนแก่ยะโฮซูอะผู้สืบตำแหน่งต่อจากโมเซ โดยบอกท่านว่า “ขอแต่เพียงกล้าหาญและเข้มแข็งมากที่จะเอาใจใส่ทำตามกฎหมายทั้งสิ้นที่โมเซผู้รับใช้ของเราได้บัญชาแก่เจ้า. อย่าได้เลี่ยงไปข้างขวาหรือข้างซ้ายจากกฎหมายนั้นเลย เพื่อเจ้าจะปฏิบัติอย่างสุขุมรอบคอบทุกแห่งที่เจ้าจะไป. หนังสือกฎหมายนี้ไม่ควรให้ขาดจากปากของเจ้า และเจ้าต้องอ่านออกเสียงแผ่วเบา ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อว่าเจ้าจะได้ทำตามสิ่งที่เขียนไว้นั้นทุกข้อทุกประการ เพราะถ้าเจ้าทำอย่างนั้นเจ้าจะบรรลุผลสำเร็จและเจ้าจะปฏิบัติอย่างสุขุมรอบคอบ.” การที่ยะโฮซูอะอ่านข้อกฎหมายของพระยะโฮวามิได้ขาดทำให้ท่าน “บรรลุผลสำเร็จ” ไหม? พระพรของพระยะโฮวาที่มีแก่การสู้รบอย่างกล้าหาญของท่านในคะนาอันให้คำตอบในเรื่องนี้.—ยโฮ. 1:7, 8, ล.ม.; 12:7-24.
7. ดาวิดแสดงความหยั่งรู้ค่าสติปัญญาจากพระเจ้าอย่างไร และความหยั่งรู้ค่าอย่างเดียวกันนี้มีการแสดงไว้อย่างไรในเพลงสรรเสริญบท 119?
7 ขอให้พิจารณาดาวิดผู้เป็นที่รักด้วยซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งซึ่งถือว่าสติปัญญาจากพระยะโฮวาเป็นสิ่งล้ำค่า. ท่านสำแดงความหยั่งรู้ค่าจากหัวใจจริง ๆ ต่อ “กฎหมาย,” “คำเตือนสติ,” “คำสั่ง,” “พระบัญญัติ,” และ “คำพิพากษา” ของพระยะโฮวา! ดังที่ดาวิดพรรณนาสิ่งเหล่านี้ว่า “น่าปรารถนายิ่งกว่าทองคำ ใช่แล้ว ยิ่งกว่าทองนพคุณ; และหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง คือน้ำผึ้งที่หยดจากรวง.” (เพลง. 19:7-10, ล.ม.) ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญอีกผู้หนึ่งได้นำเอาใจความที่แสดงถึงความปลาบปลื้มยินดีนี้มาขยายและกล่าวซ้ำด้วยความไพเราะซึ่งปลุกเร้าจิตวิญญาณ ตลอดเพลงสรรเสริญบทที่ 119. ขณะที่เราศึกษาพระคำของพระเจ้าทุกวันและปฏิบัติตามคำแนะนำอันสุขุมของพระคำ ขอให้เราสามารถทูลพระยะโฮวาได้เสมอว่า “พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพเจ้า, และเป็นแสงสว่างตามทางของข้าพเจ้า. ข้อปฏิญาณของพระองค์น่าอัศจรรย์; เหตุฉะนั้นจิตต์ใจของข้าพเจ้าจึงถือรักษาไว้.”—เพลง. 119:105, 129.
8. คำกล่าวอะไรของซะโลโมที่เราควรทำให้เป็นคำพูดของเราเอง?
8 ในสมัยที่ซะโลโมราชบุตรของดาวิดยังซื่อสัตย์ ท่านก็ดำเนินชีวิตตามพระคำของพระเจ้าด้วย และในคำกล่าวของท่านเช่นกันที่เราสามารถพบถ้อยคำกระตุ้นใจที่แสดงความหยั่งรู้ค่าซึ่งเราควรทำให้เป็นคำพูดของเราเอง. โดยการอ่านพระคัมภีร์ทุกวันและนำไปใช้ เราจะเข้าใจเต็มที่ถึงความหมายอันลึกซึ้งในถ้อยคำของซะโลโมที่ว่า “ความผาสุกมีแก่คนนั้นที่พบพระปัญญา, และแก่คนนั้นที่รับความเข้าใจ. ในระยะพระหัตถ์เบื้องขวาของพระปัญญานั้นมีวันคืนอยู่ยืดยาว; และในพระหัตถ์เบื้องซ้ายมีทรัพย์มั่งคั่งและเกียรติศักดิ์. วิถีของพระปัญญานั้นคือทางความโสมนัส, และทางทั้งหลายของพระปัญญานั้นคือสันติสุข. พระปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่คนนั้น ๆ ที่ฉวยเอาพระองค์ไว้ได้: และทุกคนที่ยึดถือพระองค์ไว้นั้นก็จะมีความผาสุก.” (สุภา. 3:13, 16-18) การศึกษาพระคำของพระเจ้าทุกวันและการเชื่อฟังจะทำให้มีความสุขยิ่งในเวลานี้ พร้อมด้วยความมั่นใจใน “วันคืนอยู่ยืดยาว” นั่นคือชีวิตนิรันดร์ในโลกใหม่ของพระยะโฮวา.
9. การหนุนใจอะไรที่เราจะได้จากตัวอย่างของท่านยิระมะยา?
9 ท่ามกลางคนเหล่านั้นที่รักและเชื่อฟังพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ ผู้ที่ไม่ควรถูกมองข้ามคือผู้พยากรณ์ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า. ตัวอย่างเช่น ยิระมะยาได้รับงานมอบหมายที่ยากมาก. (ยิระ. 6:28) ดังที่ท่านกล่าวว่า “คำของพระยะโฮวาเป็นความดูหมิ่น, แลเป็นความเยาะเย้ยแก่ข้าพเจ้าทุกวัน.” แต่ท่านได้รับการเสริมให้เข้มแข็งด้วยการศึกษาพระคำของพระเจ้า และแท้จริงแล้ว ท่านเองถูกใช้ให้เขียนพระธรรมสี่เล่มในพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจคือพระธรรมพงศาวดารกษัตริย์ฉบับต้นและฉบับสอง, ยิระมะยา, และบทเพลงร้องทุกข์ของยิระมะยา. ดังนั้น เกิดอะไรขึ้นเมื่อความท้อแท้ดูเหมือนครอบงำยิระมะยาและท่านคิดจะเลิกประกาศ “คำของพระยะโฮวา”? ให้ยิระมะยาเป็นผู้ตอบเองก็แล้วกัน: “แต่คำของพระองค์อยู่ในใจข้าพเจ้าเหมือนอย่างไฟปิดไว้ในกะดูกทั้งปวงของตัวข้าพเจ้า, แลข้าพเจ้าจึงเหน็ดเหนื่อยด้วยการนิ่งอยู่, แลข้าพเจ้าจะนิ่งต่อไปมิได้.” ท่านอดไม่ได้ที่จะกล่าวพระคำของพระยะโฮวาออกมา และในการทำเช่นนั้น ท่านพบว่าพระยะโฮวาสถิตกับท่าน “เหมือนอย่างผู้มีฤทธิ์อันพิลึกพึงกลัว.” ถ้าเราศึกษาและศึกษาพระคำของพระเจ้าต่อ ๆ ไปจนพระคำนั้นกลายเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของเราอย่างที่เป็นส่วนหนึ่งของยิระมะยาแล้ว ฤทธิ์อำนาจที่ไม่มีผู้ใดเอาชนะได้ของพระยะโฮวาจะอยู่กับเราเช่นกัน และเราจะสามารถเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างในการพูดถึงพระประสงค์อันรุ่งโรจน์เกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระองค์ต่อ ๆ ไป.—ยิระ. 20:8, 9, 11.
10. พระคัมภีร์มีบทบาทอย่างไรในชีวิตของพระเยซู? และพระองค์ทรงอธิษฐานเช่นไรเพื่อเหล่าสาวกของพระองค์?
10 แล้วจะว่าอย่างไรกับ “พระเยซู ผู้นำองค์เอกและผู้ปรับปรุงความเชื่อของเราให้สมบูรณ์ขึ้น” ผู้เป็นแบบอย่างอันดีเยี่ยมของเรา? พระองค์ทรงคุ้นเคยกับพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจเหมือนผู้พยากรณ์ทั้งหลายและเหล่าผู้ซื่อสัตย์อื่น ๆ ที่อยู่ก่อนพระองค์ไหม? เป็นเช่นนั้นแน่นอน ดังที่การยกข้อคัมภีร์มากมายขึ้นมากล่าวและวิถีชีวิตของพระองค์ซึ่งประสานกับพระคัมภีร์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน. เนื่องด้วยพระคำของพระเจ้าอยู่ในพระทัยของพระองค์ พระองค์จึงเสนอตัวอยู่บนแผ่นดินโลกนี้เพื่อทำตามพระทัยประสงค์ของพระบิดา “ข้าพเจ้ามาแล้ว; ตามในคัมภีร์ม้วนนั้นมีคำเขียนไว้กล่าวถึงข้าพเจ้า: ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า, ข้าพเจ้ายินดีที่จะประพฤติตามน้ำพระทัยของพระองค์; แท้จริงพระบัญญัติของพระองค์อยู่ในใจของข้าพเจ้า.” (เฮ็บ. 12:2, ล.ม.; เพลง. 40:7, 8; เฮ็บ. 10:5-7) ดังนั้น พระคำของพระเจ้ามีบทบาทสำคัญในการทำให้พระเยซูบริสุทธิ์โดยพระยะโฮวา หรือแยกพระองค์ไว้ต่างหากสำหรับงานรับใช้. พระเยซูทรงอธิษฐานให้สาวกของพระองค์ได้รับการทำให้บริสุทธิ์เช่นกันดังนี้: “ขอทรงทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ด้วยความจริง; พระคำของพระองค์เป็นความจริง. พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาในโลกฉันใด ข้าพเจ้าก็ใช้เขาไปในโลกฉันนั้น. และข้าพเจ้าทำตัวให้บริสุทธิ์เพราะเห็นแก่เขา เพื่อเขาจะได้บริสุทธิ์โดยความจริงเช่นกัน.”—โย. 17:17-19, ล.ม.
11. (ก) เปโตรเน้นกับคริสเตียนผู้ถูกเจิมในเรื่องอะไรอันเกี่ยวกับพระคำของพระเจ้า? (ข) เหตุใดการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลจึงมีความสำคัญต่อชนฝูงใหญ่ด้วย?
11 เมื่อได้รับการทำให้บริสุทธิ์ “ด้วยความจริง” แล้ว เหล่าสาวกที่ติดตามรอยพระบาทของพระเยซูซึ่งได้รับกำเนิดและถูกเจิมโดยพระวิญญาณต้อง ‘ตั้งมั่นคงอยู่ในคำของพระองค์’ เพื่อจะเป็นสาวกของพระองค์อย่างแท้จริง. (โย. 8:31) ดังนั้น เมื่อเขียนถึง “คนเหล่านั้นที่ได้รับความเชื่อ” เปโตรจึงเน้นความจำเป็นต้องศึกษาและเอาใจใส่พระคำของพระเจ้าอย่างต่อเนื่องดังนี้: “ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้ามักจะเตือนท่านทั้งหลายเสมอถึงสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าท่านทราบสิ่งเหล่านี้แล้ว และตั้งมั่นคงอยู่ในความจริงซึ่งมีอยู่ในท่าน.” (2 เป. 1:1, 12, ล.ม.) ข้อเตือนใจซึ่งมีมาอย่างต่อเนื่องดังที่พบในการอ่านและศึกษาพระคำของพระเจ้าทุกวันนั้นเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันสำหรับทุกคนที่หวังจะเป็น “ชนฝูงใหญ่” ซึ่งโยฮันเห็นในนิมิตหลังจากพรรณนาเรื่องเหล่าผู้ถูกประทับตรา 144,000 คนจากตระกูลต่าง ๆ ของยิศราเอลฝ่ายวิญญาณ. เพราะหากชนฝูงใหญ่นี้มิได้รับน้ำแห่งความจริงที่ให้ชีวิตอยู่เรื่อย ๆ พวกเขาจะ “ร้องเสียงดังไม่หยุดว่า ‘ความรอดนั้นเราได้เนื่องมาจากพระเจ้าของเราผู้ประทับบนราชบัลลังก์ และเนื่องมาจากพระเมษโปดก’” ด้วยความเข้าใจได้อย่างไร?—วิ. 7:9, 10, ล.ม.; 22:17, ล.ม.
12. เหตุใดเราจึงต้องไตร่ตรองพระคำของพระเจ้าเป็นประจำ?
12 เราไม่อาจเลี่ยงได้! วิธีที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ วิธีที่จะพบความรอดไปสู่ชีวิตนิรันดร์คือ การศึกษาพระคัมภีร์และดำเนินชีวิตของเราทุกวันตามพระคัมภีร์. เราต้องไตร่ตรองพระคำของพระเจ้าเป็นประจำ โดยมีเจตคติที่หยั่งรู้ค่าอย่างจริงจังเหมือนกับท่านผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญซึ่งกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะประกาศกิจการของพระยะโฮวา; เพราะข้าพเจ้าจะระลึกถึงการอัศจรรย์ของพระองค์ตั้งแต่กาลโบราณมา. ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญดูบรรดากิจการของพระองค์ด้วย, และจะรำพึงถึงกิจการที่พระองค์ได้ทรงกระทำนั้น.” (เพลง. 77:11, 12) การใคร่ครวญ ‘การอัศจรรย์และกิจการ’ ของพระยะโฮวายังจะกระตุ้นเราให้แข็งขันในการงานที่ดีด้วย โดยคำนึงถึงชีวิตนิรันดร์. วัตถุประสงค์ของหนังสือ “พระคัมภีร์ทุกตอนมีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์” นี้คือเพื่อหนุนกำลังใจทุกคนที่รักความชอบธรรมให้มีส่วนร่วมในผลประโยชน์อันถาวรและน่าพึงพอใจซึ่งเกิดจากการศึกษาพระคำของพระเจ้าเป็นประจำและนำไปใช้.
ใน “วิกฤตกาล”
13. เรากำลังอยู่ใน “วิกฤตกาล” แบบใด?
13 ยุคปัจจุบันเป็นยุควิกฤติที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์. สิ่งน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ จะระเบิดขึ้นเมื่อไรก็ได้. แท้จริงแล้ว บอกได้เลยทีเดียวว่าความรอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ในอันตราย. ถ้อยคำของอัครสาวกเปาโลจึงนับว่าเหมาะสมยิ่งที่ว่า “แต่จงรู้ข้อนี้ คือในสมัยสุดท้ายจะเกิดวิกฤตกาลซึ่งยากที่จะรับมือได้. เพราะว่าคนจะรักตัวเอง, รักเงินทอง, อวดตัว, จองหอง, เป็นคนหมิ่นประมาท, ไม่เชื่อฟังบิดามารดา, อกตัญญู, ไม่ภักดี, ไม่มีความรักใคร่ตามธรรมชาติ, ไม่ยอมตกลงกัน, เป็นคนใส่ร้าย, ไม่มีการรู้จักบังคับตน, ดุร้าย, ไม่รักความดี, เป็นคนทรยศ, หัวดื้อ, พองตัวด้วยความหยิ่ง, เป็นคนรักการสนุกสนานแทนที่จะรักพระเจ้า, มีความเลื่อมใสต่อพระเจ้าในรูปแบบหนึ่ง แต่ปฏิเสธพลังแห่งความเลื่อมใสนั้น; และจงผินหลังให้คนเหล่านี้.”—2 ติโม. 3:1-5, ล.ม.
14. เมื่อคำนึงถึงสมัยนี้ เราควรเอาใจใส่คำแนะนำอะไรของเปาโล?
14 เหตุใดจึงผินหลังให้คนเช่นนั้น? ก็เพราะแนวทางที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้าของพวกเขาจะสิ้นสุดลงด้วยความพินาศในอีกไม่ช้า! แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ให้เราหันมาหาคำสอนที่เป็นประโยชน์ในพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจพร้อมกับผู้ที่มีหัวใจสุจริตทั้งหลาย โดยทำให้พระคัมภีร์เป็นรากฐานแห่งการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา. ให้เราเอาใจใส่ถ้อยคำที่เปาโลมีไปถึงหนุ่มติโมเธียวที่ว่า “แต่ส่วนท่าน จงดำเนินต่อไปในสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และสิ่งที่ท่านถูกโน้มน้าวใจให้เชื่อ.” (2 ติโม. 3:14, ล.ม.) ใช่แล้ว เปาโลบอก “จงดำเนินต่อไป” ในสิ่งเหล่านั้น. เมื่อทำเช่นนั้น เราต้องถ่อมใจยอมให้พระคัมภีร์สอนเรา, ว่ากล่าวเรา, จัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยสำหรับเรา, และตีสอนเราด้วยความชอบธรรม. พระยะโฮวาทรงทราบว่าเราต้องการอะไร เพราะความคิดของพระองค์สูงกว่าความคิดของเรามากนัก. พระองค์ทรงบอกเราโดยทางพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระองค์ว่าสิ่งใดจะเป็นประโยชน์แก่เรา เพื่อเราจะถูกเตรียมไว้พร้อมและมีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับการงานที่ดีแห่งการให้คำพยานถึงพระนามและราชอาณาจักรของพระองค์. เปาโลให้คำแนะนำที่ดีเยี่ยมนี้ในบริบทที่พรรณนา “วิกฤตกาล” ซึ่งเกิดขึ้น “ในสมัยสุดท้าย” ว่า “พระคัมภีร์ทุกตอนมีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์เพื่อการสั่งสอน, เพื่อการว่ากล่าว, เพื่อจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย, เพื่อตีสอนด้วยความชอบธรรม, เพื่อคนของพระเจ้าจะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน, เตรียมพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง.” ขอให้เราทุกคนรอดพ้นจากยุควิกฤตินี้โดยเอาใจใส่คำแนะนำที่มีขึ้นโดยการดลใจนี้!—2 ติโม. 3:16, 17, ล.ม., ยซา. 55:8-11.
15. (ก) การไม่เชื่อฟังก่อผลเช่นไร? (ข) โอกาสอันรุ่งโรจน์อะไรที่เปิดให้เนื่องจากการเชื่อฟังของพระคริสต์?
15 การเชื่อฟังพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจควรจะเป็นเป้าหมายของเรา. โดยการไม่เชื่อฟังพระคำและพระบัญชาของพระยะโฮวานี่เองที่มนุษย์คนแรกตกเข้าสู่บาปและความตาย “และด้วยเหตุนั้น ความตายจึงลามถึงคนทั้งปวง.” ดังนั้น มนุษย์จึงสูญเสียโอกาสซึ่งเขาอาจได้อยู่ในอุทยานอย่างสวนเอเดนเพื่อ “จะยื่นมือหยิบผลไม้ที่ให้ชีวิตเจริญกินเข้าไปทำให้อายุยืนอยู่เป็นนิตย์.” (โรม 5:12, ล.ม.; เย. 2:17; 3:6, 22-24) แต่โดยการเชื่อฟังของพระคริสต์และโดยอาศัยเครื่องบูชาไถ่ของ “พระเมษโปดกของพระเจ้า” ที่พระยะโฮวาจะทรงบันดาล “แม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต ใสดุจแก้วผลึก” ไหลออกไปเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติทั้งปวงที่อุทิศตัวแด่พระองค์ด้วยความเชื่อฟัง. ดังที่อัครสาวกโยฮันได้เห็นในนิมิตที่ว่า “บนฝั่งนี้และฝั่งโน้นของแม่น้ำมีต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งผลิตผลสิบสองครั้ง ออกผลแต่ละเดือน. และใบของต้นไม้เหล่านั้นสำหรับรักษาชาติต่าง ๆ ให้หาย.”—โย. 1:29; วิ. 22:1, 2, ล.ม.; โรม 5:18, 19.
16. พระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจก่อประโยชน์ถาวรเช่นไร?
16 อีกครั้งหนึ่งที่หนทางสู่ชีวิตนิรันดร์เปิดออกสำหรับมนุษยชาติ. ฉะนั้น ความสุขจึงมีแก่คนที่เอาใจใส่ข้อคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจที่ว่า “ท่านต้องเลือกเอาชีวิตเพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ตัวท่านและลูกหลานของท่าน โดยรักพระยะโฮวาพระเจ้าของท่าน โดยรับฟังพระสุรเสียงของพระองค์และโดยยึดมั่นอยู่กับพระองค์; เพราะพระองค์คือชีวิตและอายุยืนนานของท่าน.” (บัญ. 30:19, 20, ล.ม.) ขอให้คำสรรเสริญมีแด่พระยะโฮวา พระเจ้าและพระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ผู้ทรงทำการจัดเตรียมอันยิ่งใหญ่นี้เพื่อให้ชีวิตโดยทางเครื่องบูชาไถ่ของพระบุตรของพระองค์และโดยทางราชอาณาจักรถาวรของพระองค์. เรารู้สึกปลาบปลื้มยินดีและรู้สึกขอบคุณมากมายจริง ๆ ที่เราสามารถอ่านแล้วอ่านอีก, ศึกษาแล้วศึกษาอีก, และใคร่ครวญความจริงอันล้ำค่าเหล่านี้ เพราะ “พระคัมภีร์ทุกตอนมีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์” อย่างแท้จริง ซึ่งนำไปสู่ชีวิตถาวรไม่ว่าในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน. (โยฮัน 17:3; เอเฟ. 1:9-11) ครั้นแล้วทุกสิ่งจะเป็น ‘ความบริสุทธิ์สำหรับพระยะโฮวา.’—ซคา. 14:20; วิ. 4:8.