บท 2
แอบคบกันเสียหายตรงไหน?
เจสซิกาลำบากใจไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร. เริ่มจากเพื่อนร่วมชั้นชื่อเจเรมีแสดงความสนใจเธอ. เธอเล่าว่า “เขาหล่อมาก แถมเพื่อน ๆ ยังบอกว่าฉันไม่มีทางได้เจอหนุ่มที่ดีกว่านี้อีกแล้ว. สาว ๆ หลายคนอยากเป็นแฟนเขาแต่เขาไม่สน เขาสนใจฉันคนเดียว.”
ไม่นานหลังจากนั้น เจเรมีก็เริ่มชวนเจสซิกาไปเที่ยว. เจสซิกาบอกเจเรมีว่าเธอเป็นพยานพระยะโฮวาและพ่อแม่ไม่ให้เธอคบกับคนที่ไม่มีความเชื่อ. เธอเล่าว่า “เจเรมีจึงเสนอให้เราแอบคบกันโดยไม่ต้องให้พ่อแม่รู้.”
ถ้าคนที่คุณ ชอบชวนคุณแบบนี้ คุณจะทำอย่างไร? คุณคงคิดไม่ถึงว่าเจสซิกาจะยอมทำตามแผนของเจเรมี. เจสซิกาบอกว่า “ถ้าฉันเป็นแฟนเขา ฉันคงช่วยเขาให้รู้จักพระยะโฮวาและรักพระองค์ได้แน่.” ผลเป็นอย่างไร? เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน. แต่ก่อนอื่นให้มาดูว่า ทำไมบางคนแอบคบกันแบบลับ ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ถูก.
ทำไมพวกเขาทำแบบนี้?
ทำไมบางคนถึงแอบ มีแฟน? เดวิดพูดได้ตรงจุดว่า “พวกเขาไม่บอกพ่อแม่เพราะรู้ว่าพ่อแม่จะไม่ยอม.” เจนพูดถึงอีกเหตุผลหนึ่งว่า “การแอบมีแฟนแสดงว่าคุณเป็นตัวของตัวเอง. คุณรู้สึกว่าตัวเองโตแล้วแต่พ่อแม่ยังทำเหมือนคุณเป็นเด็ก คุณจึงตัดสินใจว่าจะทำอะไรเองโดยไม่บอกพ่อแม่.”
คุณคิดว่ามีเหตุผลอะไรอีกที่ทำให้บางคนแอบมีแฟน?
․․․․․
คุณรู้ว่าพระคัมภีร์สั่งให้คุณเชื่อฟังพ่อแม่. (เอเฟโซส์ 6:1) และถ้าพ่อแม่ไม่ยอมให้คุณมีแฟน พวกเขาคงมีเหตุผลที่ดี. แต่บางครั้งคุณอาจรู้สึกอย่างนี้.
● ทุกคนมีแฟนกันหมด แต่ฉันไม่มี. ฉันไม่เหมือนเพื่อน ๆ.
● ฉันชอบคนที่ไม่ได้เป็นพยานฯ.
● ฉันอยากมีแฟนเป็นพยานฯ แต่ก็ยังเด็กเกินไป.
คุณคงรู้ว่าพ่อแม่จะว่าอย่างไรกับความคิดข้างบนและลึก ๆ คุณรู้ว่าพ่อแม่เป็นฝ่ายถูก. แต่คุณอาจรู้สึกเหมือนมานามิ เธอบอกว่า “เป็นไปไม่ได้ที่วัยรุ่นในทุกวันนี้จะไม่มี แฟน. ฉันเองก็อยากมีแฟน. ฉันจึงรู้สึกกดดันมาก จนบางครั้งเริ่มสงสัยว่าตัวเองคิดถูกไหมที่ไม่ยอมมีแฟน.” เมื่อเจอความกดดันแบบนี้ บางคนจึงเริ่มแอบมีแฟนโดยไม่ให้พ่อแม่รู้. เขาทำกันอย่างไร?
“ให้ปิดเป็นความลับ”
คำว่า “แอบคบกัน” แสดงว่าต้องมีการโกหกหลอกลวงรวมอยู่ด้วย ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ. บางคนแอบติดต่อกันทางโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตโดยไม่ให้ใครรู้. เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น เขาจะทำเหมือนเป็นเพื่อนธรรมดา แต่เมื่อติดต่อกันทางโทรศัพท์ อีเมล หรือเอสเอ็มเอส กลับต่างกันอย่างลิบลับ.
อีกวิธีหนึ่งที่ทำกันคือ จัดไปเที่ยวหรือสังสรรค์กันเป็นกลุ่มจากนั้นค่อยแยกออกมาเป็นคู่. เจมส์เล่าว่า “ครั้งหนึ่งมีคนชวนพวกเราไปเที่ยวทั้งกลุ่ม พอไปถึงฉันจึงรู้ว่าพวกเขาทำอย่างนี้เพื่อช่วยเพื่อนสองคนให้ได้อยู่ด้วยกัน แล้วบอกพวกเราว่าให้ปิดเป็นความลับ.”
อย่างที่เจมส์บอก คนที่แอบคบกันมักมีเพื่อน ๆ คอยให้ความร่วมมือด้วย. แครอลบอกว่า “ส่วนใหญ่แล้ว มีเพื่อนอย่างน้อยหนึ่งคนที่รู้แผนการนั้นแต่ไม่ยอมบอกใครเพราะกลัวเพื่อนจะโกรธ.” บางครั้งก็มีการโกหกกัน. เบท อายุ 17 บอกว่า “หลายคนต้องโกหกเพื่อไม่ให้พ่อแม่รู้ว่าเขาแอบไปเที่ยวกับแฟน.” มิซากิ อายุ 19 เคยทำอย่างนั้น. เธอเล่าว่า “ฉันต้องระวังตอนโกหกพ่อแม่. ฉันบอกความจริงทุกอย่าง แค่ไม่ได้บอกว่ามีแฟนไปด้วยเพื่อพ่อแม่จะยังไว้ใจฉัน.”
อันตรายของการแอบคบกัน
ถ้าตอนนี้คุณแอบคบใครอยู่หรืออยากทำแบบนั้น ให้ถามตัวเองด้วยคำถามสองข้อต่อไปนี้.
จะมีผลอะไรตามมา? คุณตั้งใจจะแต่งงานกับคนนั้นเร็ว ๆ นี้ไหม? อีวาน อายุ 20 บอกว่า “การคบกันโดยไม่คิดจะแต่งงานเป็นเหมือนการโฆษณาของที่คุณไม่อยากขาย.” ผลเป็นอย่างไร? สุภาษิต 13:12 (ล.ม.) บอกว่า “ความคาดหมายที่ถูกเลื่อนออกไปทำให้ทุกข์ใจ.” คุณอยากให้คนที่คุณแคร์รู้สึกทุกข์ใจจริง ๆ ไหม? อันตรายอีกอย่างหนึ่งคือ พ่อแม่และผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงคุณไม่รู้ว่าคุณแอบคบเพศตรงข้ามอยู่ พวกเขาจึงไม่ได้คอยชี้แนะทำให้คุณมีโอกาสทำผิดศีลธรรมทางเพศได้ง่าย.—กาลาเทีย 6:7
พระยะโฮวาพระเจ้ารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ฉันทำ? พระคัมภีร์บอกว่า “ทุกสิ่งถูกเปิดเผยและปรากฏแจ้งแก่พระเนตรของพระองค์ผู้ซึ่งเราต้องให้การ.” (ฮีบรู 4:13) ถึงแม้คุณพยายามปิดเรื่องที่คุณหรือเพื่อนแอบมีแฟน แต่พระยะโฮวาก็รู้. และถ้าคุณโกหกจะยิ่งแย่เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าเกลียดการโกหก. “ลิ้นพูดปด” อยู่ในอันดับต้น ๆ เมื่อพระคัมภีร์พูดถึงสิ่งที่พระองค์รังเกียจ.—สุภาษิต 6:16-19
อย่าปกปิดเลย
ถ้าตอนนี้คุณแอบคบใครอยู่ก็ควรบอกให้พ่อแม่หรือพี่น้องคริสเตียนที่คุณนับถือรู้. และถ้าเพื่อนคุณแอบมีแฟน ก็อย่าช่วยเขาปกปิด. (1 ติโมเธียว 5:22) ถ้าคุณช่วยเขาปกปิดแล้วมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น คุณจะรู้สึกอย่างไร? คุณต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยมิใช่หรือ?
สมมุติว่าเพื่อนคุณเป็นเบาหวานและแอบกินของหวาน. คุณจะทำอย่างไรถ้าเพื่อนขอให้คุณช่วยเก็บเป็นความลับ? คุณจะช่วยเขาปกปิดหรือช่วยชีวิตเขาโดยลงมือทำอะไรบางอย่าง?
คล้ายกันคุณต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรถ้ารู้ว่าเพื่อนกำลังแอบมีแฟน. อย่ากลัวว่าจะเสียเพื่อน. เมื่อเวลาผ่านไป เพื่อนแท้จะรู้ว่าที่คุณทำแบบนั้นก็เพื่อประโยชน์ของเขา.—บทเพลงสรรเสริญ 141:5
แอบคบหรือเรื่องส่วนตัว?
การที่ชายหญิงคบกันอย่างไม่เปิดเผยไม่ได้เป็นการโกหกหลอกลวงเสมอไป เช่น บางคู่อยากรู้จักกันก่อนสักช่วงหนึ่งแต่ก็ไม่อยากให้หลายคนรู้. ทำไมล่ะ? อย่างที่โทมัสบอก อาจเพราะ “ไม่อยากถูกแซวว่า ‘เมื่อไรจะแต่งงานสักที?’”
การถูกคนอื่นกดดันจะทำให้เกิดผลเสีย. (เพลงไพเราะ 2:7) ในช่วงแรกที่คบกัน บางคนจึงตั้งใจไม่ให้คนอื่นรู้. (สุภาษิต 10:19) แอนนา อายุ 20 บอกว่า “การทำแบบนี้ทำให้ทั้งคู่มีเวลาตัดสินใจว่าจะเข้ากันได้ไหม. ถ้าคิดว่าเข้ากันได้ ค่อย บอกคนอื่น.”
ขณะเดียวกันก็ไม่ควรปิดบังพ่อแม่ของคุณหรือพ่อแม่ของแฟนเพราะพวกเขามีสิทธิ์จะรู้. ถ้าคุณไม่อยากบอก คุณน่าจะถามตัวเองว่าเพราะอะไร. หรือคุณรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าบอกไป พ่อแม่คงไม่ยอมให้คบกันใช่ไหม?
‘ฉันรู้ว่าต้องทำอย่างไร’
ในตอนต้นเราพูดถึงเจสซิกาที่แอบคบกับเจเรมี แต่ต่อมาเธอเปลี่ยนใจหลังจากได้คุยกับคริสเตียนคนหนึ่งที่เคยแอบมีแฟนเหมือนเธอ. เจสซิกาเล่าว่า “เมื่อฉันได้ยินว่าพี่น้องคนนั้นเลิกกับแฟน ฉันรู้เลยว่าต้องทำอย่างไร.” การเลิกกันง่ายไหม? ไม่ง่ายเลย. เจสซิกาบอกว่า “ฉันไม่เคยชอบใครมาก่อน ฉันมีแค่เขาคนเดียว. ฉันร้องไห้ทุกวันเป็นอาทิตย์ ๆ.”
ถึงแม้เจสซิกาจะออกนอกลู่นอกทางบ้าง แต่จริง ๆ แล้วเธออยากทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะเธอรักพระยะโฮวา. เมื่อเวลาผ่านไป บาดแผลจากการอกหักก็ค่อย ๆ หายไป. เธอบอกว่า “ตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับพระยะโฮวาดีกว่าแต่ก่อน. ขอบคุณพระองค์จริง ๆ ที่ช่วยชี้นำฉันในยามจำเป็น.”
ถ้าคุณพร้อมจะมีแฟนและได้พบคนที่ชอบแล้ว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเขานี่แหละ “ใช่”?
ข้อคัมภีร์หลัก
“เราปรารถนาจะประพฤติตัวซื่อสัตย์ในทุกสิ่ง.”—ฮีบรู 13:18
ข้อแนะ
ไม่จำเป็นต้องประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าคุณมีแฟน. แต่อย่างน้อยคุณควรบอกพ่อแม่ของคุณกับพ่อแม่ของแฟนเพราะพวกเขามีสิทธิ์จะรู้.
คุณรู้ไหม . . . ?
เพื่อจะคบกันได้นานต้องมีความไว้ใจกัน. การแอบคบกันทำให้พ่อแม่ไม่ไว้ใจคุณและยังทำลายสายสัมพันธ์ของคุณกับแฟนด้วย.
แผนปฏิบัติการ
ถ้าฉันแอบคบกับพยานฯ ด้วยกัน ฉันจะ ․․․․․
ถ้าเพื่อนฉันแอบมีแฟน ฉันจะ ․․․․․
สิ่งที่ฉันอยากถามพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ․․․․․
คุณคิดอย่างไร?
● ให้ย้อนไปดูหน้า 22 ที่พิมพ์ตัวหนา. ลองคิดดูว่า บางครั้งคุณ รู้สึกเหมือนข้อไหน?
● คุณจะแก้ปัญหานั้นอย่างไรโดยไม่แอบมีแฟน?
● คุณจะทำอย่างไรถ้ารู้ว่าเพื่อนแอบมีแฟน และทำไมคุณทำอย่างนั้น?
[คำโปรยหน้า 27]
“ฉันเลิกคบกับหนุ่มคนนั้นแล้ว. ทุกครั้งที่เห็นเขาที่โรงเรียน ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก. แต่ฉันก็รู้ว่าพระยะโฮวารู้ดีกว่า เราจึงควรไว้วางใจพระองค์.”—เจสซิกา
[ภาพหน้า 25]
เมื่อเพื่อนแอบมีแฟนแล้วเราช่วยปกปิด ก็เหมือนเราเห็นคนเป็นเบาหวานแอบกินของหวานแล้วช่วยปกปิด