มิถุนายน
วันอังคารที่ 1 มิถุนายน
เปนินนาห์ก็เอาแต่เยาะเย้ยฮันนาห์ ทำให้ฮันนาห์ทุกข์ใจมาก—1 ซม. 1:6
ฮันนาห์แม่ของผู้พยากรณ์ซามูเอลต้องสู้กับปัญหาหนัก ตลอดหลายปีเธอมีลูกไม่ได้ (1 ซม. 1:2) ในวัฒนธรรมอิสราเอล ใครเป็นหมันแสดงว่าคนนั้นถูกสาปแช่ง นี่ทำให้ฮันนาห์อายมาก (ปฐก. 30:1, 2) นอกจากนั้น สิ่งที่ทำให้ปัญหาหนักขึ้นคือ เปนินนาห์ภรรยาอีกคนมีลูกให้สามีเธอได้และเอาแต่เยาะเย้ยฮันนาห์ ฮันนาห์เครียดจนรับไม่ไหว เธอเสียใจ “ร้องไห้และไม่ยอมกินอาหาร” เธอ “ทุกข์ใจมาก” จริง ๆ (1 ซม. 1:7, 10) แล้วอะไรช่วยให้เธอสบายใจขึ้น? ฮันนาห์อธิษฐานระบายความรู้สึกกับพระยะโฮวา หลังจากอธิษฐานเธอก็เล่าให้มหาปุโรหิตเอลีฟัง เอลีบอกเธอว่า “ขอให้กลับไปอย่างสบายใจเถอะ เธออธิษฐานขออะไรจากพระเจ้าของอิสราเอลก็ขอให้ได้อย่างนั้น” ผลคือ “เธอก็กลับไปและกินอาหาร และหน้าตาก็ไม่เศร้าอีกต่อไป” (1 ซม. 1:17, 18) การอธิษฐานช่วยให้ฮันนาห์สงบใจ ห20.02 น. 21 ว. 4-5
วันพุธที่ 2 มิถุนายน
ให้คำพูดของพวกคุณเป็นคำพูดที่กรุณาเสมอเหมือนอาหารที่ปรุงด้วยเกลือ พวกคุณจะได้รู้ว่าควรตอบแต่ละคนอย่างไร—คส. 4:6
อีกไม่นานพระยะโฮวาจะทำให้โลกนี้ถึงจุดจบ และคนที่ “เต็มใจตอบรับความจริงซึ่งทำให้ได้ชีวิตตลอดไป” เท่านั้นที่จะรอด (กจ. 13:48) ดังนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่เราอยากช่วยคนในครอบครัวและญาติ ๆ ให้มารับใช้พระยะโฮวาด้วยกันกับเรา พระยะโฮวาพ่อที่รักเรา “ไม่อยากให้ใครต้องถูกทำลาย แต่อยากให้ทุกคนกลับตัวกลับใจ” (2 ปต. 3:9) เราต้องจำไว้เสมอว่าการประกาศเรื่องความรอดมีทั้งวิธีที่ดีและไม่ดี เราอาจระมัดระวังคำพูดมากเวลาคุยกับคนที่ไม่รู้จัก แต่อาจพูดตรงเกินไปตอนที่ประกาศกับคนในครอบครัวและญาติ ๆ พอมองย้อนกลับไปตอนที่พยายามประกาศกับคนในครอบครัวและญาติ ๆ ครั้งแรก หลายคนรู้สึกเสียใจและคิดว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะไม่พูดอย่างนั้น ตอนที่ประกาศกับคนในครอบครัวและญาติ ๆ คงจะดีถ้าเราคิดถึงคำแนะนำของอัครสาวกเปาโลในข้อคัมภีร์วันนี้ ไม่อย่างนั้นเราอาจทำให้พวกเขาไม่พอใจแทนที่จะฟังเรา ห19.08 น. 14-15 ว. 3-5
วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน
พระคริสต์ . . . เป็นตัวอย่างเพื่อให้พวกคุณเดินตามรอยเท้าของท่านอย่างใกล้ชิด—1 ปต. 2:21
คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้เรียนความจริงเกี่ยวกับพระเยซู? พระเยซูเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในเอกภพรองจากพระยะโฮวาเท่านั้น พระเยซูเป็นค่าไถ่ ท่านเต็มใจสละชีวิตเพื่อเรา เมื่อเราแสดงว่าเชื่อในค่าไถ่ของท่านโดยการกระทำ บาปของเราจะได้รับการอภัย เราจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าและได้ชีวิตตลอดไป (ยน. 3:16) นอกจากนั้น พระเยซูเป็นมหาปุโรหิตของเรา ท่านอยากช่วยเราให้ได้รับประโยชน์จากค่าไถ่และสนิทกับพระเจ้า (ฮบ. 4:15; 7:24, 25) ไม่ใช่แค่นั้น พระเยซูยังเป็นกษัตริย์ในรัฐบาลของพระเจ้าด้วย พระยะโฮวาจะใช้ท่านเพื่อทำให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถือ กำจัดความชั่ว และนำพรที่ไม่มีวันสิ้นสุดมาให้เราในโลกใหม่ (มธ. 6:9, 10; วว. 11:15) พระเยซูเป็นคนที่เราควรเลียนแบบ (1 ปต. 2:21) ท่านเป็นตัวอย่างให้เราในการทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อทำตามความต้องการพระเจ้า (ยน. 4:34) เมื่อคุณเชื่อสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอนเกี่ยวกับพระเยซูลูกของพระเจ้า คุณก็รักท่าน ความรักนี้กระตุ้นให้คุณใช้ชีวิตตามความต้องการของพระยะโฮวาเหมือนที่พระเยซูทำ ห20.03 น. 9 ว. 12-13
วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน
อธิษฐานเป็นประจำ—1 ธส. 5:17
พระเยซูอธิษฐานบ่อยมากตลอดวันสุดท้ายที่อยู่บนโลก ตอนที่ท่านตั้งการระลึกถึงการตายของท่านเอง ท่านอธิษฐานก่อนส่งขนมปังและเหล้าองุ่น (1 คร. 11:23-25) และก่อนที่จะออกไปจากที่ที่ท่านกับสาวกฉลองปัสกา ท่านก็อธิษฐานกับสาวกอีก (ยน. 17:1-26) พอท่านกับสาวกมาถึงภูเขามะกอกตอนกลางคืน ท่านก็อธิษฐานอีกหลายครั้ง (มธ. 26:36-39, 42, 44) และสิ่งสุดท้ายที่ท่านทำก่อนตายก็คือการอธิษฐาน (ลก. 23:46) โดยการอธิษฐาน พระเยซูให้พระยะโฮวาอยู่ในทุกเหตุการณ์สำคัญของวันนั้น เหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมพระเยซูถึงทนการทดสอบและความยากลำบากได้ก็คือท่านพึ่งพระยะโฮวาพ่อของท่านโดยการอธิษฐาน แต่พวกอัครสาวกกลับไม่ได้อธิษฐานบ่อย ๆ ในคืนนั้น ผลก็คือพวกเขากลัวตอนที่เจอการทดสอบ (มธ. 26:40, 41, 43, 45, 56) เมื่อเราเจอการทดสอบหรือความยากลำบาก เราจะรักษาความซื่อสัตย์ไว้ได้ก็ต่อเมื่อเราทำตามตัวอย่างของพระเยซูและ “อธิษฐานอยู่เรื่อย ๆ” ห19.04 น. 9 ว. 4-5
วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน
เรายะโฮวาไม่เปลี่ยนแปลง—มลค. 3:6
พระยะโฮวาเกลียดไสยศาสตร์มาก! พระองค์บอกชาวอิสราเอลว่า “อย่าให้ใครเอาลูกชายหรือลูกสาวไปเผาบูชายัญและอย่าให้ใครเป็นผู้ทำนายโชคชะตา ใช้เวทมนตร์ ถือโชคลาง และทำตัวเป็นพ่อมด อย่าให้มีคนทำคาถาอาคม ปรึกษาคนทรงหรือหมอดู และอย่าติดต่อคนตาย เพราะพระยะโฮวาเกลียดคนที่ทำอย่างนี้” (ฉธบ. 18:10-12) แม้คริสเตียนไม่ได้อยู่ใต้กฎหมายที่พระยะโฮวาให้กับชาวอิสราเอล แต่เราก็รู้ว่าพระองค์ยังไม่เลิกเกลียดไสยศาสตร์ พระยะโฮวาเตือนเราไม่ให้ไปยุ่งกับไสยศาสตร์เพราะพระองค์รู้ว่าซาตานใช้สิ่งนี้เพื่อทำร้ายผู้คน ซาตานใช้ไสยศาสตร์เพื่อสนับสนุนเรื่องโกหกของมัน รวมทั้งเรื่องที่ว่าคนตายยังมีวิญญาณอยู่ที่ไหนสักแห่ง (ปญจ. 9:5) นอกจากนั้น ซาตานยังใช้ไสยศาสตร์เพื่อทำให้ผู้คนกลัวและไม่สนใจพระยะโฮวา มันต้องการให้คนที่ใช้ไสยศาสตร์พึ่งปีศาจชั่วแทนที่จะพึ่งพระองค์ ห19.04 น. 21 ว. 5-6
วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน
ถ้าคุณทำชั่ว ก็ระวังตัวให้ดี—รม. 13:4
การทำร้ายเด็กทางเพศเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก คนที่ทำร้ายเด็กทางเพศได้ทำลายความไว้ใจของเด็ก และทำลายความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของเด็ก เราต้องปกป้องเด็ก ๆ ไม่ให้เจอเรื่องชั่วร้ายแบบนี้ และคนที่เคยตกเป็นเหยื่อต้องได้รับการปลอบโยนและความช่วยเหลือ (1 ธส. 5:14) เมื่อคนหนึ่งในประชาคมมีความผิดฐานทำร้ายเด็กทางเพศ นั่นทำให้ประชาคมคริสเตียนเสียชื่อเสียง (มธ. 5:16; 1 ปต. 2:12) เราจะไม่ยอมให้คนทำชั่วแบบนี้ซึ่งไม่กลับใจยังเป็นสมาชิกของประชาคม คนแบบนี้ทำให้ชื่อเสียงที่ดีของประชาคมเสียหาย ถ้ามีคนในประชาคมก่ออาชญากรรม เช่น ทำร้ายเด็กทางเพศ เขาก็ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง (เทียบกับกิจการ 25:8) แม้ผู้ดูแลไม่มีสิทธิ์ลงโทษตามกฎหมายกับคนที่ทำผิด แต่พวกเขาจะไม่ปกป้องคนที่ทำร้ายเด็กทางเพศไม่ให้รับโทษ ห19.05 น. 9 ว. 4-7
วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน
พระเจ้าถือว่าความฉลาดของโลกนี้เป็นความโง่—1 คร. 3:19
เราสามารถรับมือกับทุกปัญหาได้ด้วยความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาครูองค์ยิ่งใหญ่ของเรา (อสย. 30:20, 21) คัมภีร์ไบเบิลที่พระองค์ให้กับเราช่วยให้เรามีทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อจะ “มีความสามารถเพียงพอ” และ “มีความพร้อมสำหรับงานที่ดีทุกอย่าง” (2 ทธ. 3:17) เมื่อเราเอาคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ เราจะฉลาดกว่าคนที่สนับสนุน “ความฉลาดของโลกนี้” (สด. 119:97-100) หลายครั้งความฉลาดของโลกอาจดูน่าสนใจสำหรับเราเพราะเรามีแนวโน้มที่เห็นแก่ตัว เราอาจรู้สึกว่าการไม่ทำตามความคิดและการกระทำของคนทั่วไปในโลกเป็นเรื่องยาก นี่เลยเป็นเหตุผลที่คัมภีร์ไบเบิลเตือนว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ใครมาชักชวนให้หลงด้วยปรัชญาและคำหลอกลวงเหลวไหลตามที่มนุษย์สอนต่อ ๆ กันมา” (คส. 2:8) คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับสมัยสุดท้ายว่า ผู้คนจะ “เป็นคนรักสนุก” (2 ทธ. 3:4) นอกจากนั้น มีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศ เช่น โรคเอดส์ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าความฉลาดของโลกเป็นสิ่งที่โง่จริง ๆ—2 ปต. 2:19 ห19.05 น. 21 ว. 1-2; น. 22 ว. 4-5
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน
ยืนหยัดต่อสู้กับกลอุบายของมาร—อฟ. 6:11
ซาตานหลอกชาวอิสราเอลให้เชื่อว่าพวกเขาต้องทำตามธรรมเนียมของชาติที่อยู่รอบ ๆ ซึ่งไม่ได้นมัสการพระยะโฮวา ชาติเหล่านั้นเชื่อว่าพระของพวกเขาจะทำให้ฝนตกก็ต่อเมื่อพวกเขาทำพิธีกรรมบางอย่าง ชาวอิสราเอลที่ขาดความเชื่อในพระยะโฮวาคิดว่าพวกเขาต้องทำแบบนั้นเหมือนกันถึงจะไม่เกิดความแห้งแล้งที่ยาวนาน พวกเขาเลยทำพิธีกรรมบางอย่างเพื่อนมัสการพระบาอัลซึ่งเป็นพระเท็จ อีกวิธีที่ซาตานใช้คือความต้องการที่จะทำผิดศีลธรรม ชาติอื่น ๆ นมัสการพระของพวกเขาโดยใช้การผิดศีลธรรมที่น่ารังเกียจซึ่งรวมถึงการมีโสเภณีประจำวิหารทั้งผู้ชายและผู้หญิง ชาติเหล่านั้นไม่เพียงแต่ปล่อยให้มีการรักร่วมเพศและการผิดศีลธรรมทางเพศรูปแบบอื่น ๆ แต่พวกเขายังถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ (ฉธบ. 23:17, 18; 1 พก. 14:24) ชาติเหล่านั้นเชื่อว่าพิธีกรรมแบบนี้ทำให้พระของพวกเขาอวยพรให้แผ่นดินอุดมสมบูรณ์ ชาวอิสราเอลหลายคนชอบพิธีกรรมเกี่ยวกับการผิดศีลธรรมทางเพศของชาติเหล่านั้นและทำให้พวกเขาหลงไปนมัสการพระเท็จ ห19.06 น. 2 ว. 3; น. 4 ว. 7-8
วันพุธที่ 9 มิถุนายน
พระเจ้าไม่ทำสิ่งที่ชั่ว พระองค์จึงไม่มีวันลืมงานที่พวกคุณทำ และความรักที่พวกคุณมีต่อชื่อของพระองค์—ฮบ. 6:10
สมาชิกครอบครัวเบเธลหลายคนได้รับงานมอบหมายใหม่ พี่น้องที่ซื่อสัตย์เหล่านี้อาจรู้สึกยากที่ต้องออกจากงานมอบหมายเดิมที่พวกเขารักมาก ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ได้รับงานมอบหมายใหม่ คุณจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างไร? ให้สนิทกับพระยะโฮวาเสมอโดยอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวันและคิดใคร่ครวญเรื่องที่อ่านอย่างลึกซึ้ง นอกจากนั้น ให้ออกประกาศกับประชาคมใหม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พระยะโฮวาจะไม่ลืมคนที่รับใช้ต่อ ๆ ไปอย่างซื่อสัตย์ถึงเขาจะทำได้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ขอให้คุณใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายต่อ ๆ ไป ขออย่ายอมให้ความกังวลกับชีวิตในโลกนี้มา “บดบัง” กิจกรรมของคริสเตียน (มธ. 13:22) อย่าฟังคนที่ไม่ได้รับใช้พระเจ้า เพื่อน หรือแม้แต่ญาติ ๆ ที่หวังดีซึ่งพยายามบอกให้คุณหาเงินเยอะขึ้นเพื่อจะมีชีวิตดีกว่า (1 ยน. 2:15-17) ขอให้เราไว้วางใจพระยะโฮวาซึ่งสัญญาว่าจะให้เรามีทุกอย่างที่จำเป็น “เมื่อเราต้องการความช่วยเหลือ” ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็ง สิ่งที่ช่วยให้เราสงบใจได้ รวมถึงเรื่องวัตถุสิ่งของด้วย—ฮบ. 4:16; 13:5, 6 ห19.08 น. 20 ว. 4; น. 21-22 ว. 7-8
วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน
มอบภาระของคุณไว้กับพระยะโฮวาเถอะ แล้วพระองค์จะช่วยคุณ—สด. 55:22
คุณกำลังเจอกับเรื่องเครียด ๆ อยู่ไหม? เราได้กำลังใจที่รู้ว่าตอนที่เราเจอกับปัญหาและรู้สึกแย่ พระยะโฮวาเข้าใจเรา พระองค์รู้ว่าเรามีขีดจำกัด พระองค์ถึงกับรู้ว่าเราคิดและรู้สึกอย่างไร (สด. 103:14; 139:3, 4) ถ้าเราพึ่งพระยะโฮวา พระองค์จะช่วยเรารับมือกับปัญหาที่ทำให้เครียดได้ ความเครียดอาจทำให้คุณท้อและคิดลบได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น ขอให้จำไว้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยคุณรับมือกับความเครียด พระองค์ทำอย่างไร? พระองค์เชิญคุณเล่าให้พระองค์ฟังว่าคุณเจอปัญหาอะไรและรู้สึกอย่างไร และพระองค์จะตอบคำอธิษฐานของคุณ (สด. 5:3; 1 ปต. 5:7) ดังนั้น ให้อธิษฐานถึงพระยะโฮวาบ่อย ๆ เล่าให้พระองค์ฟังว่าคุณเจอปัญหาอะไรบ้าง แม้พระองค์ไม่ได้พูดกับคุณโดยตรง แต่พระองค์ก็พูดกับคุณผ่านทางคัมภีร์ไบเบิลและองค์การของพระองค์ เรื่องราวต่าง ๆ ที่คุณได้อ่านในคัมภีร์ไบเบิลจะทำให้คุณมีกำลังใจและมีความหวัง นอกจากนั้น พี่น้องในประชาคมก็ให้กำลังใจคุณได้ด้วย—รม. 15:4; ฮบ. 10:24, 25 ห19.06 น. 16 ว. 7-8
วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน
ทุกประเทศจะเกลียดชังคุณเพราะคุณเป็นสาวกของผม—มธ. 24:9
เมื่อถูกข่มเหง ให้คุณอธิษฐาน “ระบายความในใจต่อพระยะโฮวาเหมือนเทน้ำ” ให้บอกพระยะโฮวาพ่อที่รักคุณว่าคุณกลัวและกังวลเรื่องอะไร (พคค. 2:19) ยิ่งคุณอธิษฐานแบบนั้นมากขึ้น คุณก็จะยิ่งสนิทกับพระยะโฮวา (รม. 8:38, 39) มั่นใจว่าคำสัญญาต่าง ๆ เกี่ยวกับรัฐบาลของพระเจ้าจะเป็นจริง (กดว. 23:19) ถ้าคุณไม่ได้เชื่อมั่นเต็มร้อยว่าคำสัญญาของพระเจ้าจะเป็นจริง มันก็ง่ายที่ซาตานกับคนของมันจะทำให้คุณกลัว (สภษ. 24:10; ฮบ. 2:15) ให้ทำโปรเจ็คศึกษาส่วนตัวเรื่องคำสัญญาต่าง ๆ เกี่ยวกับรัฐบาลของพระเจ้าและค้นคว้าว่าทำไมคุณถึงมั่นใจได้ว่าคำสัญญาเหล่านี้จะเป็นจริง การทำแบบนี้ช่วยอย่างไร? ลองดูตัวอย่างของสแตนลีย์ โจนส์ซึ่งติดคุก 7 ปีเพราะความเชื่อ อะไรช่วยให้เขาอดทนอย่างซื่อสัตย์? เขาบอกว่า “เพราะผมมีความรู้เกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้าและไม่เคยสงสัยเลยในเรื่องนี้ ผมจึงมีความเชื่อที่เข้มแข็งและรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงได้” ถ้าคุณมีความเชื่อเต็มร้อยในคำสัญญาของพระเจ้า คุณจะสนิทกับพระองค์มากขึ้นและจะไม่กลัวจนเลิกรับใช้พระองค์—สภษ. 3:25, 26 ห19.07 น. 2 ว. 1; น. 3 ว. 6-7
วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน
เมื่อเข้าไปในหมู่บ้านไหนเมืองไหนก็ตาม ให้ไปหาคนที่เต็มใจต้อนรับคุณและสนใจฟัง แล้วพักอยู่ที่บ้านนั้นจนกว่าจะไป—มธ. 10:11
ทำไมการสอนคนให้เป็นสาวกถึงเป็นงานที่สำคัญมาก? เพื่อที่คนเราจะเป็นเพื่อนของพระเจ้าได้ เขาต้องเป็นสาวกของพระคริสต์เท่านั้น นอกจากนั้น คนที่ติดตามพระคริสต์จะมีชีวิตที่ดีกว่าทั้งในตอนนี้และมีโอกาสที่จะมีชีวิตตลอดไปในอนาคต (ยน. 14:6; 17:3) พระคริสต์ได้มอบหมายหน้าที่สำคัญนี้ให้กับเรา แต่เราไม่ได้ทำงานนี้ด้วยตัวเอง อัครสาวกเปาโลเขียนเกี่ยวกับตัวเขาและเพื่อนคริสเตียนว่า “เราเป็นเพื่อนร่วมงานของพระเจ้า” (1 คร. 3:9) มันเป็นสิทธิพิเศษที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ที่พระยะโฮวากับพระเยซูให้โอกาสมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบได้เป็นเพื่อนร่วมงานของพระองค์ งานสอนคนให้เป็นสาวกทำให้เรามีความสุขมาก อย่างแรกคือ เราต้อง “หา” คนที่อยากเรียนรู้เรื่องพระยะโฮวา เมื่อเราพยายามบอกทุกคนเรื่องพระยะโฮวา เราก็แสดงให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นพยานพระยะโฮวา และเมื่อเราเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซูที่ให้ประกาศ เราก็ทำให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นคริสเตียนแท้ ห19.07 น. 15 ว. 3-5
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน
สติปัญญาเป็นเครื่องป้องกัน เหมือนที่เงินเป็นเครื่องป้องกัน แต่ข้อดีของความรู้และสติปัญญาคือ ช่วยรักษาชีวิตของคนที่มีสิ่งเหล่านี้—ปญจ. 7:12
สิ่งแรกที่ทำให้หลายคนประทับใจคือหลักการที่ใช้ได้จริงในคัมภีร์ไบเบิล พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ไปหาคนที่พูดภาษาจีนกลางในนิวยอร์กเล่าว่า “ฉันพยายามแสดงให้พวกเขาเห็นว่าฉันสนใจและตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาพูด ถ้าฉันรู้ว่าพวกเขาเพิ่งย้ายมาใหม่ ฉันจะถามว่า ‘เป็นยังไงบ้าง คุณปรับตัวได้หรือยัง? ได้งานทำแล้วไหม? คนที่นี่เป็นยังไง พวกเขาดีกับคุณไหม?’” บางครั้งการทำแบบนี้เปิดโอกาสให้คุยเรื่องคำสอนของคัมภีร์ไบเบิล และถ้าเห็นว่าเหมาะ พี่น้องหญิงคนนี้จะพูดเสริมว่า “คุณคิดว่าอะไรจะช่วยให้เราไม่มีปัญหากับคนอื่น? อยากให้คุณดูภาษิตข้อหนึ่งจากคัมภีร์ไบเบิลได้ไหม? ข้อนั้นบอกว่า ‘การเริ่มหาเรื่องทะเลาะก็เหมือนเปิดประตูระบายน้ำ ให้รีบเดินหนีก่อนจะเริ่มเถียงกัน’ คุณคิดว่าคำแนะนำนี้ดีไหม?” (สภษ. 17:14) การเริ่มต้นพูดคุยแบบนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าใครที่เราจะกลับมาเยี่ยมได้อีก ห19.07 น. 23 ว. 13
วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน
จะเป็นอย่างไรถ้าคนหนึ่งล้มแล้วไม่มีใครช่วยให้เขาลุกขึ้น?—ปญจ. 4:10
สำหรับคนที่ได้รับงานมอบหมายใหม่ สิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเขาต้องการคือความเข้าใจไม่ใช่ความสงสาร พวกเขาอาจมีปัญหาสุขภาพ มีคนในครอบครัวที่ไม่สบาย หรืออาจเสียใจที่คนรักตายจากไป และถึงพวกเขาอาจไม่แสดงออกหรือพูดออกมา แต่พวกเขาคงเศร้าที่ต้องจากพี่น้องและเพื่อน ๆ พวกเขาต้องใช้เวลารับมือกับความรู้สึกหลายอย่างที่ประเดประดังเข้ามา การไปรับใช้กับพวกเขาและตัวอย่างที่ดีของคุณจะช่วยพวกเขาปรับตัวได้ง่ายขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่เคยรับใช้ในต่างประเทศเป็นเวลานานบอกว่า “ตอนที่ฉันทำงานมอบหมายเดิม ฉันนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน แต่พอย้ายมาเขตใหม่ แค่โอกาสจะเปิดคัมภีร์ไบเบิลหรือวีดีโอยังแทบจะไม่มีเลย แต่พี่น้องที่นี่ชวนฉันไปเยี่ยมและไปศึกษาด้วยกัน การได้รับใช้กับพี่น้องที่ซื่อสัตย์และกระตือรือร้นแบบนี้ ได้เห็นพวกเขานำการศึกษากับคนที่ก้าวหน้า มันช่วยฉันให้รู้สึกดีขึ้นมากและช่วยให้ฉันมองเรื่องต่าง ๆ ในแง่บวกมากขึ้น และนอกจากนั้น ฉันยังได้เรียนรู้วิธีที่จะเริ่มต้นคุยกับคนในเขตใหม่ด้วย ทั้งหมดนี้ช่วยฉันให้กลับมามีความสุขเหมือนเดิม” ห19.08 น. 22 ว. 10; น. 24 ว. 13-14
วันอังคารที่ 15 มิถุนายน
ผมขอเตือนยูโอเดียกับสินทิเคให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในฐานะสาวกของผู้เป็นนาย—ฟป. 4:2
เหมือนยูโอเดียกับสินทิเค บางครั้งอาจเป็นเรื่องยากมากที่เราจะรักพี่น้องเพราะเรามักจะมองแต่ความผิดพลาด แต่เราทุกคนทำผิดกันทุกวัน ถ้าเราเอาแต่มองข้อผิดพลาดของคนอื่น มันก็ยากมากขึ้นที่จะรักพวกเขา ตัวอย่างเช่น ถ้าพี่น้องคนหนึ่งลืมช่วยเราทำความสะอาดหอประชุม เราอาจเริ่มหงุดหงิด แล้วเมื่อเราเริ่มคิดถึงข้อผิดพลาดอื่น ๆ ที่พี่น้องคนนั้นเคยทำ เราก็จะยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกรักเขาน้อยลง ถ้าคุณเจอแบบนั้น คงจะดีถ้าจะคิดถึงข้อเท็จจริงนี้ พระยะโฮวาเห็นข้อผิดพลาดทั้งของเราและของพี่น้อง แต่พระองค์ก็ยังรักทั้งเราและรักพี่น้องด้วย ดังนั้น เราต้องเลียนแบบความรักของพระยะโฮวาและมองที่ส่วนดีของพี่น้องเสมอ เมื่อเราพยายามเต็มที่ที่จะรักพี่น้อง เราก็จะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น—ฟป. 2:1, 2 ห19.08 น. 9 ว. 7-8
วันพุธที่ 16 มิถุนายน
พระยะโฮวา . . . สนใจคนถ่อม—สด. 138:6
พระยะโฮวารักคนถ่อม และเฉพาะคนถ่อมจริง ๆ เท่านั้นที่จะสนิทกับพระองค์ได้ แต่ “คนหยิ่งนั้นพระองค์ไม่อยากอยู่ใกล้” เราทุกคนอยากให้พระยะโฮวาพอใจและรักเรา นี่เลยเป็นเหตุผลที่ดีที่เราจะพยายามเป็นคนถ่อม ความถ่อมตรงข้ามกับความหยิ่งหรือทะนงตัว คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าคนถ่อมคิดว่าพระยะโฮวายิ่งใหญ่กว่าเขามากและเขายอมรับว่าคนอื่นดีกว่าเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (ฟป. 2:3, 4) บางคนดูเผิน ๆ จากข้างนอกเหมือนเป็นคนถ่อม แต่จริง ๆ แล้วเขาอาจไม่ถ่อมก็ได้ เขาอาจแค่เป็นคนเงียบ ๆ และขี้อาย หรือเป็นคนนอบน้อมและสุภาพเรียบร้อยเพราะวัฒนธรรมหรือพ่อแม่สอนให้เขาเป็นอย่างนั้น แต่ลึก ๆ แล้วเขาอาจเป็นคนหยิ่งมากก็ได้ และในไม่ช้าคนอื่นจะเห็นว่าเขาเป็นคนอย่างไรจริง ๆ—ลก. 6:45 ห19.09 น. 2 ว. 1, 3-4
วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน
ท่านจะลงโทษ . . . คนที่ไม่เชื่อฟังข่าวดีเรื่องพระเยซูผู้เป็นนายของเรา—2 ธส. 1:8
“ข่าวดีเรื่องพระเยซูผู้เป็นนายของเรา” คือความจริงทุกอย่างที่ท่านสอน การเชื่อฟังข่าวดีหมายถึงการเอาคำสอนของพระเยซูมาใช้ซึ่งรวมถึงการให้การปกครองของพระเจ้าสำคัญที่สุดในชีวิต ทำตามมาตรฐานของพระองค์ และประกาศเรื่องรัฐบาลของพระองค์ (มธ. 6:33; 24:14) นอกจากนั้น การเชื่อฟังยังหมายถึงการสนับสนุนพี่น้องผู้ถูกเจิมของพระคริสต์ตอนที่พวกเขาทำงานสำคัญในการประกาศข่าวดีและสอนคนให้เป็นสาวก (มธ. 25:31-40) อีกไม่นานพวกเขาจะตอบแทน “แกะอื่น” ที่ช่วยเหลือพวกเขา (ยน. 10:16) พวกเขาจะตอบแทนอย่างไร? ผู้ถูกเจิม 144,000 คนจะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายแล้วไปสวรรค์ครบทั้งหมดก่อนสงครามอาร์มาเกดโดนจะเริ่มขึ้น พวกเขาจะไม่มีวันตาย พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพสวรรค์ที่จะจัดการกับโกกและคุ้มครอง “ชนฝูงใหญ่” ซึ่งเป็นคนของพระยะโฮวา (วว. 2:26, 27; 7:9, 10) ตอนนั้น ชนฝูงใหญ่จะดีใจที่ได้สนับสนุนผู้ถูกเจิมช่วงที่พวกเขายังอยู่บนโลก ห19.09 น. 12-13 ว. 16-18
วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน
คุณจะสดชื่น—มธ. 11:29
ทำไมเราถึงรู้สึกสดชื่นตอนที่ได้ทำงานที่พระเยซูมอบหมาย? เรามีผู้ดูแลที่ดีที่สุด พระยะโฮวาเป็นผู้ดูแลองค์สูงสุด พระองค์ไม่ใช่เจ้านายจอมโหดที่ไม่เห็นค่าคนอื่น พระองค์เห็นค่างานทุกอย่างที่เราทำ (ฮบ. 6:10) พระองค์ยังให้พลังที่จำเป็นกับเราด้วยเพื่อเราจะทำงานที่พระองค์มอบหมายได้สำเร็จ (2 คร. 4:7; กท. 6:5) พระเยซูกษัตริย์ของเราก็เป็นผู้ดูแลที่ยอดเยี่ยม ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติกับคนอื่น (ยน. 13:15) นอกจากนั้น เรายังมีผู้ดูแลในประชาคมที่พยายามจะเลียนแบบพระเยซู “ผู้เลี้ยงแกะที่ยิ่งใหญ่” (ฮบ. 13:20; 1 ปต. 5:2) ตอนที่ผู้ดูแลสอนและปกป้องเรา พวกเขาพยายามแสดงความรัก ให้กำลังใจ และแสดงความกล้าหาญ เรามีเพื่อนที่ดีที่สุดด้วย ไม่มีใครในโลกนี้มีเป้าหมายชีวิตที่ดีเหมือนพวกเรา และไม่มีใครในโลกรักกันแบบพวกเรา เราได้ทำงานกับพี่น้องที่มีมาตรฐานสูงทางศีลธรรมแต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น และถึงพวกเขาจะมีพรสวรรค์แต่ก็เจียมตัวและมองว่าคนอื่นสำคัญกว่าตัวเอง พวกเขาไม่ได้มองว่าคนอื่นเป็นแค่คนที่ทำงานด้วยกันแต่มองว่าเป็นเพื่อนจริง ๆ พวกเขารักเรามากจนถึงกับเต็มใจตายแทนเราได้ ห19.09 น. 20 ว. 1; น. 23 ว. 12-14
วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน
พวกคุณไม่ได้อยู่ในความมืด ดังนั้น เมื่อวันนั้นมาถึง พวกคุณจะไม่เหมือนขโมยที่แปลกใจเมื่อแสงของกลางวันส่องมาถึงโดยไม่ทันรู้ตัว—1 ธส. 5:4
คำว่า “วันของพระยะโฮวา” ที่เปาโลพูดถึง หมายถึงช่วงเวลาที่เริ่มตั้งแต่การโจมตี “บาบิโลนใหญ่” ซึ่งก็คือกลุ่มศาสนาเท็จทั้งหมดในโลก ไปจนถึงสงครามอาร์มาเกดโดน (1 ธส. 5:1-6; วว. 16:14, 16; 17:5) เปาโลยังช่วยให้เรารู้ด้วยว่าต้องทำอะไรเพื่อจะพร้อมสำหรับ “วันของพระยะโฮวา” เราต้องไม่ “หลับใหลเหมือนคนอื่น ๆ” และต้อง “ตื่นตัว” อยู่เสมอในการรักษาความเป็นกลางและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ถ้าเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวก็เท่ากับว่าเราเป็น “คนของโลกนี้” (ยน. 15:19) เรารู้ว่ารัฐบาลของพระเจ้าเป็นความหวังเดียวเท่านั้นที่จะทำให้โลกสงบสุข เราอยากช่วยคนอื่นให้ตื่นตัวและหันมาสนใจสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าจะเกิดขึ้น เมื่อความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่เริ่มขึ้น มันก็สายเกินไปแล้วที่ใครจะหันมารับใช้พระยะโฮวา ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะรีบประกาศตั้งแต่ตอนนี้ ห19.10 น. 8 ว. 3; น. 9 ว. 5-6
วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน
เอาม้วนหนังสือมาม้วนหนึ่งและเขียนทุกอย่างที่เราพูดกับเจ้าไว้ในนั้น คือเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล [และ] ยูดาห์—ยรม. 36:2
เมื่อเขียนเสร็จ เยเรมีย์ต้องไว้ใจบารุคเพื่อนของเขาให้ไปบอกประชาชน (ยรม. 36:5, 6) บารุคทำงานที่อันตรายนี้อย่างกล้าหาญ คุณนึกออกไหมว่าเยเรมีย์ภูมิใจในตัวบารุคขนาดไหนที่บารุคไปที่ลานวิหารและทำตามที่เขาขอ? (ยรม. 36:8-10) พอพวกเจ้านายของยูดาห์รู้เรื่องที่บารุคทำ ก็สั่งให้บารุคเอาม้วนหนังสือไปอ่านให้พวกเขาฟัง (ยรม. 36:14, 15) พวกเจ้านายตัดสินใจเอาสิ่งที่ได้ยินไปบอกกษัตริย์เยโฮยาคิม พอกษัตริย์เยโฮยาคิมได้ฟังก็โกรธจัด กษัตริย์เผาม้วนหนังสือและสั่งให้จับเยเรมีย์กับบารุค แต่เยเรมีย์เอาม้วนหนังสืออีกม้วนให้บารุคและบอกถ้อยคำของพระยะโฮวากับบารุค บารุคจึงเขียน “ตามคำบอกของเยเรมีย์เหมือนในม้วนหนังสือม้วนแรกที่กษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์เผาทิ้งไป”—ยรม. 36:26-28, 32 ห19.11 น. 3-4 ว. 4-6
วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน
พระเจ้าเป็นผู้ที่กระตุ้นพวกคุณให้มีทั้งความต้องการและกำลังเพื่อจะทำสิ่งที่พระองค์พอใจ—ฟป. 2:13
พระยะโฮวาสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่จำเป็นเพื่อทำให้ความประสงค์ของพระองค์เป็นจริง เช่น พระองค์เป็นครู ผู้ให้กำลังใจ และผู้ประกาศข่าวดี นี่เป็นแค่บางอย่างที่พระองค์เป็น (อสย. 48:17; 2 คร. 7:6; กท. 3:8) แต่หลายครั้งพระยะโฮวาก็ใช้มนุษย์เพื่อทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นตามที่พระองค์ตั้งใจไว้ด้วย (มธ. 24:14; 28:19, 20; 2 คร. 1:3, 4) พระองค์ให้สติปัญญาและกำลังที่จำเป็นเพื่อใช้ใครก็ได้ ให้เป็นอะไรก็ได้ในการทำให้ความประสงค์ของพระองค์เป็นจริง นี่เป็นความหมายทั้งหมดของชื่อพระยะโฮวาตามที่นักวิชาการหลายคนบอกไว้ เราทุกคนอยากเป็นคนที่พระยะโฮวาใช้ได้ แต่บางคนอาจคิดว่าพระยะโฮวายังใช้เขาอยู่ไหม ทำไมพวกเขาคิดแบบนั้น? พวกเขารู้สึกว่ารับใช้พระยะโฮวาได้ไม่มากอย่างที่อยากทำเพราะอายุ สภาพการณ์ในชีวิต หรือเพราะไม่ค่อยมีความสามารถ ส่วนบางคนก็พอใจการรับใช้ที่ทำอยู่และรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำมากขึ้น ห19.10 น. 20 ว. 1-2
วันอังคารที่ 22 มิถุนายน
การรักเงินเป็นรากเหง้าของความชั่วทุกชนิด—1 ทธ. 6:10
วัตถุนิยมอาจทำให้ความเชื่ออ่อนลงและทำให้เราสนใจอย่างอื่นมากกว่าพระยะโฮวา อัครสาวกเปาโลบอกว่า “ทหารประจำการที่อยากให้นายพอใจคงไม่มัวยุ่งอยู่กับการค้าขายหาเลี้ยงชีพ” (2 ทธ. 2:4) ทหารโรมันไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานอื่น เหมือนกับทหารที่ดี เราไม่อยากสนใจอย่างอื่นนอกจากการทำให้ผู้บังคับบัญชาของเราพอใจซึ่งก็คือพระยะโฮวากับพระเยซู สิ่งนี้สำคัญที่สุดและมีค่ามากกว่าอะไรก็ตามที่โลกของซาตานเสนอให้ เราอยากทำให้แน่ใจว่า มีเวลาและกำลังพอที่จะรับใช้พระยะโฮวาและรักษาความเชื่อที่เป็นเหมือนโล่ และอยากทำให้แน่ใจด้วยว่าเครื่องอาวุธอย่างอื่นที่พระเจ้าให้กับเรายังอยู่ในสภาพดี เราต้องระวังอยู่เสมอ เพราะอะไร? อัครสาวกเปาโลเตือนว่า “คนที่มุ่งแต่จะร่ำรวย” จะ “ทิ้งความเชื่อไป”—1 ทธ. 6:9, 10 ห19.11 น. 17 ว. 12, 14-15
วันพุธที่ 23 มิถุนายน
ความพินาศจะเกิดกับพวกเขาทันทีโดยไม่ทันรู้ตัว—1 ธส. 5:3
จะมีการประกาศว่า “สงบสุขและปลอดภัยแล้ว!” ก่อน “วันของพระยะโฮวา” เริ่มต้น (1 ธส. 5:1-6) “วันของพระยะโฮวา” ใน 1 เธสะโลนิกา 5:2 หมายถึง “ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่” (วว. 7:14) เราจะรู้ได้อย่างไรว่าความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าจะมีคำประกาศที่แปลกที่สุดซึ่งเป็นสัญญาณที่ทำให้รู้ว่าความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จะเริ่มขึ้นแล้ว พวกผู้นำของโลกจะประกาศว่า “สงบสุขและปลอดภัยแล้ว!” พวกผู้นำศาสนาต่าง ๆ จะเข้าร่วมด้วยไหม? อาจเป็นไปได้ แต่สิ่งที่เรารู้คือคำประกาศนั้นเป็นคำโกหกอีกอย่างหนึ่งที่มีต้นตอมาจากพวกปีศาจ คำโกหกนี้อันตรายมากเพราะจะทำให้ผู้คนคิดว่าปลอดภัยแล้วทั้ง ๆ ที่ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กำลังจะเริ่มขึ้น ตอนนั้น “ความพินาศจะเกิดกับพวกเขาทันทีโดยไม่ทันรู้ตัว เหมือนความทุกข์ปวดร้าวของผู้หญิงตอนเจ็บท้องใกล้คลอด” แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวา? เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จะเริ่มเมื่อไร พวกเขาเลยอาจแปลกใจตอนที่เหตุการณ์นี้เริ่มขึ้น แต่พวกเขาก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว ห19.09 น. 9 ว. 7-8
วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน
มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง . . . เวลาค้นหาและเวลาเลิกค้นหา—ปญจ. 3:1, 6
ตอนที่ตัดสินใจ ให้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ยิ่งคุณมีเป้าหมายชัดเจน คุณก็จะยิ่งทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณตัดสินใจว่าจะอ่านคัมภีร์ไบเบิลบ่อยขึ้น ถ้าคุณไม่มีตารางที่ชัดเจน คุณอาจทำตามที่ตั้งใจไว้ไม่สำเร็จ ผู้ดูแลตัดสินใจบำรุงเลี้ยงพี่น้องบ่อยขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้ ดังนั้น เพื่อพวกเขาจะทำสำเร็จ พวกเขาอาจถามคำถามเหล่านี้ เช่น “เรากำหนดหรือยังว่าควรไปเยี่ยมบำรุงเลี้ยงพี่น้องคนไหนบ้าง? เรากำหนดเวลาที่แน่นอนหรือยังว่าจะไปเยี่ยมพวกเขาเมื่อไหร่?” นอกจากนั้น ให้มองตามความเป็นจริงด้วย ไม่มีใครมีเวลา เงิน หรือกำลังที่จะทำทุกอย่างที่อยากทำได้ ให้มองสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริงและมีเหตุผล อาจมีบางครั้งที่คุณต้องตัดสินใจใหม่เมื่อเห็นว่าไม่มีทางทำได้สำเร็จ ห19.11 น. 29 ว. 11-12
วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน
พวกเขาเป็นคนที่ผ่านความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่ และได้ซักเสื้อคลุมของตัวเองและทำให้ขาวด้วยเลือดของลูกแกะของพระเจ้า—วว. 7:14
คำพยากรณ์ที่อิสยาห์ 65:21-23 บอกว่าชีวิตบนโลกจะเป็นอย่างไรในอนาคต ชีวิตตอนนั้นไม่ใช่แค่อยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไร คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าประชาชนของพระเจ้าจะทำงานที่มีประโยชน์และทำให้มีความสุข เราแน่ใจว่าในตอนสิ้นสุดสมัยพันปีที่พระเยซูปกครอง “สิ่งที่พระเจ้าสร้างจะได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสความเสื่อม และมีเสรีภาพที่งดงามแบบที่ลูกของพระเจ้ามี” (รม. 8:21) เหมือนกับที่พระยะโฮวาจัดเตรียมบางอย่างเพื่อให้ชาวอิสราเอลมีความสมดุลทั้งการทำงานและการพักผ่อน พระองค์ก็จะทำเหมือนกันให้กับประชาชนของพระองค์ในสมัยพันปีที่พระเยซูปกครอง และเราแน่ใจได้ว่าตอนนั้นจะมีเวลาสำหรับการนมัสการพระเจ้า การนมัสการพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้มีความสุขในตอนนี้ และเราจะมีเวลาสำหรับการทำอย่างนั้นในโลกใหม่แน่นอน ทุกคนที่ซื่อสัตย์จะมีความสุขในสมัยพันปีที่พระเยซูปกครอง เพราะตอนนั้นเราทุกคนจะมีงานที่มีความสุขและได้รับใช้พระยะโฮวา ห19.12 น. 12 ว. 15; น. 13 ว. 17-18
วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน
ให้สิ่งที่ผมสั่งคุณในวันนี้อยู่ในหัวใจของคุณ ให้พร่ำสอนลูก ๆ ด้วยคำสอนนี้—ฉธบ. 6:6, 7
การ “พร่ำสอน” คำสอนของพระเจ้าหมายความอย่างไร? “พร่ำสอน” หมายถึง “สอนและเตือนโดยย้ำบ่อย ๆ” เพื่อจะทำอย่างนี้ พ่อแม่ต้องมีเวลาให้ลูกเป็นประจำ บางครั้งอาจจะน่าเหนื่อยและน่าท้อใจเพราะต้องสอนเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่พ่อแม่ควรพยายามมองว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะช่วยลูกให้เข้าใจคำสอนของพระเจ้าและเอาไปใช้ ให้พยายามเข้าใจลูกแต่ละคน สดุดีบท 127 เปรียบลูกกับลูกธนู (สด. 127:4) ลูกธนูอาจทำจากวัสดุที่หลากหลายและมีขนาดแตกต่างกัน ลูกแต่ละคนก็แตกต่างกันด้วย ฉะนั้น พ่อแม่ก็ต้องหาวิธีสอนให้เหมาะกับลูกแต่ละคน สามีภรรยาคู่หนึ่งในประเทศอิสราเอลที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูก 2 คนให้รับใช้พระยะโฮวาบอกถึงสิ่งที่ช่วยพวกเขาว่า “เราศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับลูก ๆ แยกกัน” หัวหน้าครอบครัวจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะเป็นไปได้ไหมหรือจำเป็นไหมที่จะศึกษากับลูกแต่ละคนแยกกัน ห19.12 น. 26-27 ว. 18-20
วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน
ให้คุณทำกับคนอื่นเหมือนที่อยากให้คนอื่นทำกับคุณ—มธ. 7:12
ในช่วงที่เราเจอความทุกข์และปัญหา เราเห็นค่าคนที่ลงมือช่วยในสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ไรอันที่สูญเสียพ่ออย่างกะทันหันเพราะอุบัติเหตุบอกว่า “ตอนเศร้ามาก ๆ แม้แต่เรื่องธรรมดาที่ทำอยู่ทุกวันก็ทำไม่ไหว การมีคนช่วยแม้จะเล็กน้อยนิดเดียวก็ทำให้มีกำลังใจมาก” อย่าคิดว่าการช่วยเหลือของคุณไม่มีประโยชน์ ถ้าคุณทำสิ่งที่เป็นการช่วยคนอื่นจริง ๆ แม้จะเล็กน้อยนิดเดียวก็ช่วยให้กำลังใจได้มาก มาระโกสาวกในศตวรรษแรกเป็นคริสเตียนที่มีงานยุ่ง แต่เขาก็ยังหาเวลาไปช่วยและให้กำลังใจอัครสาวกเปาโล ส่วนเปาโลก็สบายใจที่จะขอความช่วยเหลือจากมาระโก แองเจลาที่กำลังเศร้าเพราะยายถูกฆ่าอย่างทารุณเห็นค่าคนที่เต็มใจช่วยเธอ เธอบอกว่า “เพื่อนที่เต็มใจช่วยจริง ๆ จะเป็นคนที่เราไม่ต้องรู้สึกเกรงใจที่จะขอความช่วยเหลือ และพวกเขาจะช่วยโดยไม่ลังเล” ฉะนั้น เราอาจถามตัวเองว่า ‘คนอื่นมองว่าฉันเต็มใจให้กำลังใจเพื่อนร่วมความเชื่อและช่วยในสิ่งที่พวกเขาต้องการจริง ๆ ไหม?’ ห20.01 น. 11-12 ว. 14-16
วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน
คนที่กินขนมปังและดื่มจากถ้วยของผู้เป็นนายอย่างไม่เหมาะสม ก็ทำผิด—1 คร. 11:27
ผู้ถูกเจิมอาจกินขนมปังและดื่มเหล้าองุ่น “อย่างไม่เหมาะสม” ในการประชุมอนุสรณ์ได้อย่างไร? ก็โดยการที่เขากินขนมปังและดื่มเหล้าองุ่นแต่ไม่ได้ทำตามมาตรฐานที่ถูกต้องของพระยะโฮวา (ฮบ. 6:4-6; 10:26-29) ผู้ถูกเจิมรู้ว่าเขาต้องซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไปถ้าอยากได้รับ ‘รางวัล นั่นก็คือชีวิตในสวรรค์ตามที่พระเจ้าเรียกโดยทางพระคริสต์เยซู’ (ฟป. 3:13-16) พลังบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ให้ถ่อม ไม่ใช่หยิ่ง (อฟ. 4:1-3; คส. 3:10, 12) ฉะนั้น ผู้ถูกเจิมไม่รู้สึกว่าเขาดีกว่าคนอื่น เขารู้ว่าพระยะโฮวาไม่ได้ให้พลังบริสุทธิ์ของพระองค์กับผู้ถูกเจิมมากกว่าผู้รับใช้คนอื่น เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเข้าใจความจริงในคัมภีร์ไบเบิลดีกว่าคนอื่น และเขาจะไม่บอกพี่น้องว่า “คุณก็ถูกเจิมเหมือนกัน คุณน่าจะกินขนมปังกับเหล้าองุ่นในการประชุมอนุสรณ์นะ” แทนที่จะทำอย่างนั้น เขาถ่อมตัวและรู้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้เดียวที่เลือกคนให้ไปสวรรค์ ห20.01 น. 27-28 ว. 4-5
วันอังคารที่ 29 มิถุนายน
เข้าไปใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วพระองค์จะเข้ามาใกล้ชิดกับคุณ—ยก. 4:8
พระยะโฮวาอยากให้เราสนิทและพูดคุยกับพระองค์ พระยะโฮวาบอกให้เรา “อธิษฐานบ่อย ๆ” และพระองค์ก็พร้อมฟังเราเสมอ (รม. 12:12) พระองค์ไม่เคยยุ่งหรือเหนื่อยเกินไปจนไม่มีเวลาที่จะฟังเรา ส่วนเราก็ฟังพระองค์ได้โดยอ่านคัมภีร์ไบเบิลและสื่อต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราเข้าใจคัมภีร์ไบเบิล นอกจากนั้น เรายังฟังพระยะโฮวาได้โดยตั้งใจฟังการประชุม ถ้าเราคุยกับพระยะโฮวาเป็นประจำ เราก็จะสนิทกับพระองค์เสมอ พระยะโฮวาอยากให้เราระบายความรู้สึกกับพระองค์ (สด. 62:8) เราควรถามตัวเองว่า ‘ตอนที่อธิษฐาน ฉันพูดแบบกว้าง ๆ ไม่เจาะจง พูดซ้ำ ๆ แบบท่องจำเหมือนจดหมายที่ถ่ายเอกสาร หรือฉันพูดจากใจเหมือนจดหมายที่ตั้งใจเขียนด้วยมือ?’ คุณต้องรักและอยากจะสนิทกับพระยะโฮวามากแน่ ๆ ดังนั้น คุณต้องคุยกับพระองค์บ่อย ๆ เล่าความรู้สึกของคุณ เล่าให้พระองค์ฟังทั้งเรื่องสุขเรื่องทุกข์และเรื่องที่คุณกังวล ขอให้มั่นใจว่าคุณขอความช่วยเหลือจากพระองค์ได้ ห20.02 น. 9 ว. 4-5
วันพุธที่ 30 มิถุนายน
ให้เอาใจใส่ฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของพวกคุณ ให้ทำหน้าที่ผู้ดูแล—1 ปต. 5:2
พระยะโฮวาแต่งตั้งผู้ดูแลให้ทำหน้าที่สำคัญโดยให้พวกเขามีหน้าที่ดูแลเอาใจใส่ประชาชนของพระองค์ พวกเขาเรียนหลายอย่างได้จากวิธีที่เนหะมีย์ปฏิบัติต่อประชาชนของพระยะโฮวา เนหะมีย์เป็นผู้ว่าราชการของยูดาห์ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจมาก (นหม. 1:11; 2:7, 8; 5:14) ขอให้คิดถึงปัญหาที่เขาเจอ เขาพบว่าชาวยิวใช้วิหารในแบบที่ไม่ได้แสดงความนับถือต่อการนมัสการพระยะโฮวา พวกเขาไม่ได้บริจาคสิ่งของต่าง ๆ ให้กับคนเลวีตามที่กฎหมายบอกไว้ และไม่ได้ทำตามกฎหมายเรื่องวันสะบาโต แถมผู้ชายบางคนยังแต่งงานกับผู้หญิงต่างชาติด้วย เนหะมีย์ต้องจัดการกับเรื่องนี้ (นหม. 13:4-30) เนหะมีย์ไม่ได้ใช้อำนาจของตัวเองบังคับประชาชนให้ทำตามความคิดของเขา แต่เขาขอการชี้นำจากพระยะโฮวาโดยอธิษฐานอย่างจริงจังถึงพระองค์และสอนกฎหมายของพระองค์ให้กับประชาชน (นหม. 1:4-10; 13:1-3) นอกจากนั้น เขาถ่อมตัวโดยทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องร่วมชาติ ถึงขนาดที่ช่วยพวกเขาสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็มด้วย—นหม. 4:15 ห19.09 น. 16 ว. 9-10