ธันวาคม
วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม
คนตายจะฟื้นขึ้นมา—ลก. 20:37
พระยะโฮวามีความสามารถและอำนาจที่จะปลุกคนให้ฟื้นขึ้นมาไหม? แน่นอน พระองค์เป็น “ผู้มีพลังอำนาจสูงสุด” (วว. 1:8) พระองค์เลยมีอำนาจมากพอที่จะกำจัดทุกอย่างที่เป็นศัตรูของพระองค์แม้แต่ความตาย (1 คร. 15:26) อีกเหตุผลหนึ่งที่เรารู้ว่าพระยะโฮวาปลุกคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ก็คือพระองค์มีความจำไม่จำกัด พระองค์เรียกชื่อดวงดาวได้ทุกดวง (อสย. 40:26) และพระองค์ก็จำทุกคนที่ตายไปแล้วได้ (โยบ 14:13; ลก. 20:38) พระองค์ถึงขนาดจำรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับคนที่จะปลุกขึ้นมา เช่น พระองค์จำรหัสพันธุกรรมของพวกเขาได้ จำรูปร่างหน้าตาและบุคลิกได้ จำได้ว่าพวกเขาเจออะไรมาบ้างในชีวิต และจำได้หมดว่าพวกเขามีความทรงจำอะไรบ้าง เราเห็นว่าเราเชื่อคำสัญญาเรื่องการฟื้นขึ้นจากตายได้ เพราะเรารู้ว่าพระยะโฮวาอยากทำอย่างนั้น และพระองค์มีความสามารถกับอำนาจที่จะทำได้ อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราเชื่อคำสัญญานี้ได้นั่นคือ พระองค์เคยปลุกคนให้ฟื้นขึ้นจากตายมาแล้ว ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลพระยะโฮวาให้พลังอำนาจนี้กับผู้รับใช้บางคนซึ่งรวมถึงพระเยซู ห23.04 น. 9 ว. 7-9
วันอังคารที่ 2 ธันวาคม
ให้คำพูดของพวกคุณเป็นคำพูดที่กรุณาเสมอเหมือนอาหารที่ปรุงด้วยเกลือ—คส. 4:6
ถ้าเราอธิบายความเชื่อแบบที่น่าฟังและอ่อนโยน คนที่เราคุยด้วยก็อาจอยากฟังเรามากกว่าและอยากคุยกับเราต่อ แต่ก็เป็นไปได้ที่เราจะเจอคนที่ดูถูกความเชื่อของเราหรือคุยกับเราแค่เพราะอยากเอาชนะ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องคุยกับเขาต่อ (สภษ. 26:4) แต่นั่นก็คงเป็นแค่ไม่กี่คน คนส่วนใหญ่น่าจะอยากฟังถ้าเราพูดแบบอ่อนโยน เราเห็นแล้วว่าถ้าเราพยายามเป็นคนอ่อนโยน เราจะได้ประโยชน์มากจริง ๆ ให้คุณขอความเข้มแข็งจากพระยะโฮวาเพื่อคุณจะอ่อนโยนได้ตอนที่มีคนมาว่าคุณหรือมีคนมาถามเรื่องที่อาจเกิดความขัดแย้ง ให้จำไว้ว่าถึงมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่ถ้าคุณเป็นคนอ่อนโยน คุณก็จะช่วยไม่ให้เกิดการโต้เถียงหรือทะเลาะกัน นอกจากนั้น ถ้าคุณตอบแบบอ่อนโยนและด้วยความนับถือ คุณก็อาจช่วยให้คนที่ถามคุณมองพยานฯ และความจริงในคัมภีร์ไบเบิลดีขึ้น ให้ “พร้อมเสมอที่จะอธิบาย” เรื่องความเชื่อของคุณ และ “ให้ทำอย่างสุภาพและด้วยความนับถือจากใจ” (1 ปต. 3:15) ขอให้คุณพยายามทำให้ความอ่อนโยนกลายเป็นจุดแข็งของคุณ ห23.09 น. 19 ว. 18-19
วันพุธที่ 3 ธันวาคม
ปลูกฝัง . . . ความอดทนอดกลั้น—คส. 3:12
ให้เรามาดู 4 อย่างที่แสดงว่าเราเป็นคนอดทน อย่างแรก คนที่อดทนจะไม่โกรธง่าย ตอนที่เขากำลังเครียด เขาจะไม่พูดหรือทำอะไรที่ไม่ดีใส่คนอื่น หรือถ้ามีใครทำให้เขาโมโห เขาจะพยายามใจเย็นและไม่เอาคืนคนที่ทำให้เขาเจ็บใจ (อพย. 34:6) อย่างที่ 2 คนที่อดทนจะรอแบบใจเย็น ๆ ได้ ถ้าเขาต้องรอนานเกินกว่าที่เขาคิดไว้ เขาจะพยายามไม่หงุดหงิดหรืออารมณ์เสีย (มธ. 18:26, 27) อย่างที่ 3 คนที่อดทนจะไม่ทำอะไรรีบร้อนโดยไม่คิดให้ดีซะก่อน ถ้าเป็นเรื่องสำคัญคนที่อดทนจะไม่รีบลงมือทำอะไรโดยไม่วางแผนก่อน แต่เขาจะใช้เวลามากพอที่จะวางแผนว่าต้องทำอะไรบ้าง และตอนที่เขาทำงานนั้นเขาก็จะไม่รีบร้อนทำแบบลวก ๆ ให้เสร็จ ๆ ไป อย่างที่ 4 คนที่อดทนจะไม่บ่นตอนที่เจอปัญหาหรือความลำบาก เขาจะยังรับใช้พระยะโฮวาได้อย่างมีความสุขถึงแม้ต้องเจอกับปัญหา (คส. 1:11) เราทุกคนที่เป็นคนของพระยะโฮวาต้องทำทั้งหมดนี้ ห23.08 น. 20-21 ว. 3-6
วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม
พระยะโฮวาเป็นผู้ตรวจดูหัวใจ—สภษ. 17:3
เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่เราต้องปกป้องหัวใจก็คือพระยะโฮวาเป็นผู้ตรวจดูหัวใจของเรา นี่หมายความว่าพระองค์เห็นเราในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น และรู้ว่าเราเป็นคนยังไงจริง ๆ พระยะโฮวาจะรักเราถ้าเรามีคำแนะนำของพระองค์ในหัวใจและในความคิดเราเสมอ ซึ่งจะช่วยให้เราได้ชีวิตตลอดไป (ยน. 4:14) แล้วถ้าเราทำแบบนั้น เราก็จะไม่คิดถึงการทำผิดศีลธรรม ไม่สนใจคำโกหกของซาตาน และไม่เลียนแบบคนในโลกนี้ (1 ยน. 5:18, 19) เมื่อเราสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น เราก็จะรักและนับถือพระองค์มากขึ้น และเพราะเราไม่อยากทำอะไรให้พระองค์เสียใจ เราก็เลยไม่แม้แต่จะคิดที่จะทำผิด มาร์ทาพี่น้องหญิงคนหนึ่งจากโครเอเชียเคยถูกล่อใจให้ทำผิดศีลธรรมทางเพศ เธอเขียนว่า “ตอนนั้นฉันรู้สึกสับสนมากและรู้สึกยากจริง ๆ ที่จะห้ามใจตัวเอง แต่ความเกรงกลัวพระยะโฮวาปกป้องฉัน” ความเกรงกลัวพระยะโฮวาช่วยยังไง? มาร์ทาบอกว่าเธอคิดถึงผลเสียที่จะตามมาถ้าเธอตัดสินใจทำผิด เราเองก็ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน ห23.06 น. 20-21 ว. 3-4
วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม
พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดบอกว่า “แล้วชาติทั้งหลายจะต้องรู้ว่าเราคือยะโฮวา เมื่อเราจะทำให้พวกเขาเห็นว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า”—อสค. 36:23
พระเยซูรู้ว่าความประสงค์ของพระยะโฮวาก็คือพระองค์อยากให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถือและพ้นจากคำตำหนิทุกอย่าง พระเยซูก็เลยสอนให้สาวกอธิษฐานว่า “พระเจ้า พ่อของพวกเราในสวรรค์ ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ” (มธ. 6:9) พระเยซูรู้ว่านี่เป็นประเด็นสำคัญที่สุดและมีผลกระทบกับทุกสิ่งที่พระยะโฮวาสร้าง ที่จริง ไม่มีใครในเอกภพอีกแล้วที่ทำให้ชื่อของพระยะโฮวาเป็นที่เคารพนับถือได้มากเท่าพระเยซู แต่ตอนที่พระเยซูถูกจับ พวกศัตรูกล่าวหาท่านว่าอะไร? พวกเขากล่าวหาว่าท่านหมิ่นประมาทพระเจ้า พระเยซูรู้แน่นอนว่าการทำให้ชื่อที่บริสุทธิ์ของพระยะโฮวาแปดเปื้อนเป็นบาปที่ร้ายแรงที่สุด ท่านก็เลยทุกข์ใจมากที่โดนข้อกล่าวหานี้ นี่เลยอาจเป็นเหตุผลที่พระเยซู “รู้สึกเครียดมาก” ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ท่านจะถูกจับ—ลก. 22:41-44 ห24.02 น. 11 ว. 11
วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม
จะสร้างบ้านได้ต้องอาศัยสติปัญญา—สภษ. 24:3
ในการวิ่งแข่งเพื่อชีวิต เราต้องรักพระยะโฮวากับพระเยซูมากกว่าญาติและคนในครอบครัวของเรา (มธ. 10:37) แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องทำหน้าที่ของเราในครอบครัว จริง ๆ แล้วเพื่อเราจะทำให้พระยะโฮวาและพระเยซูยอมรับเรา เราต้องทำหน้าที่ของเราในครอบครัวให้ดีที่สุด (1 ทธ. 5:4, 8) เมื่อเราทำอย่างนั้น เราก็จะมีความสุขมากขึ้น ถ้าสามีกับภรรยารักกันและนับถือกัน พ่อแม่รักและสอนลูก และลูก ๆ ก็เชื่อฟังพ่อแม่ ทุกคนในครอบครัวก็จะมีความสุข เพราะพระยะโฮวาออกแบบให้เราเป็นอย่างนั้น (อฟ. 5:33; 6:1, 4) ไม่ว่าคุณจะเป็นสามีภรรยา พ่อแม่ หรือลูก ๆ ให้ทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล อย่าคิดเอาเองว่าควรทำยังไง อย่าแค่ทำตามธรรมเนียมและวัฒนธรรมที่คนทั่ว ๆ ไปทำกัน หรือสนใจแต่ที่ผู้เชี่ยวชาญบอก ให้คุณใช้หนังสือและสื่อขององค์การเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจว่าจะเอาหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ยังไง ห23.08 น. 28 ว. 6-7
วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม
อ่านและคิดใคร่ครวญทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อจะทำทุกอย่างตามที่เขียนไว้ในกฎหมายนั้นได้อย่างครบถ้วน แล้วเจ้าจะประสบความสำเร็จในชีวิต และตัดสินใจได้อย่างฉลาดสุขุม—ยชว. 1:8
พี่น้องหญิงจำเป็นต้องเรียนทักษะที่เป็นประโยชน์และใช้ได้จริง ซึ่งบางอย่างถ้าเรียนตั้งแต่เด็ก ๆ ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเขาทั้งชีวิต เช่น ให้เรียนรู้ที่จะอ่านและเขียนได้คล่อง บางวัฒนธรรมหลายคนคิดว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องอ่านออกเขียนได้ แต่นี่เป็นทักษะที่จำเป็นมากสำหรับคริสเตียนทุกคน (1 ทธ. 4:13) ดังนั้น ให้พยายามเรียนที่จะอ่านและเขียนต่อไปแม้คุณจะรู้สึกว่ายาก ถ้าคุณอ่านและเขียนได้คล่อง คุณจะได้ประโยชน์อะไร? มันจะช่วยให้คุณหางานได้ง่ายขึ้นและมีรายได้ เป็นนักเรียนและเป็นครูสอนคัมภีร์ไบเบิลที่ดีขึ้น และที่สำคัญคุณจะสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้นเพราะคุณได้อ่านและคิดใคร่ครวญคำสอนของพระองค์ในคัมภีร์ไบเบิล—1 ทธ. 4:15 ห23.12 น. 20 ว. 10-11
วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม
พระยะโฮวารู้วิธีช่วยคนที่เลื่อมใสพระองค์ให้ผ่านการทดสอบ—2 ปต. 2:9
ขอพระยะโฮวาช่วยให้เอาชนะการล่อใจ เราเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ เราเลยต้องต่อสู้อยู่เรื่อย ๆ เพื่อจะไม่ทำผิด แต่ไม่ใช่แค่นั้น ซาตานพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะทำให้เราสู้กับการล่อใจได้ยากขึ้น วิธีหนึ่งที่มันใช้ก็คือความบันเทิงที่ไม่ดี ความบันเทิงแบบนี้จะทำให้เราคิดในเรื่องที่ไม่ดีซึ่งจะทำให้เราไม่สะอาดในสายตาของพระเจ้า และอาจทำให้เราทำบาปร้ายแรง (มก. 7:21-23; ยก. 1:14, 15) เพื่อเราจะเอาชนะการล่อใจได้ เราต้องให้พระยะโฮวาช่วย ในตัวอย่างคำอธิษฐานของพระเยซู ท่านบอกให้พวกสาวกพูดถึงเรื่องนี้ด้วย ท่านบอกว่า “ขอพระองค์ช่วยปกป้องพวกเราไว้จากซาตานตัวชั่วร้าย และช่วยให้เอาชนะการล่อใจได้” (มธ. 6:13) พระยะโฮวาอยากช่วยเรา แต่เราต้องขอให้พระองค์ช่วย และตัวเราเองก็ต้องทำอย่างที่เราอธิษฐานด้วย ห23.05 น. 5-6 ว. 15-17
วันอังคารที่ 9 ธันวาคม
เชือกสามเกลียวจะไม่ขาดง่าย ๆ—ปญจ. 4:12
เมื่อทั้งสามีภรรยามองว่าสายสัมพันธ์กับพระยะโฮวาเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิตของพวกเขา พวกเขาก็พร้อมจะเอาคำแนะนำของพระองค์มาใช้ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องเจอปัญหาที่จะทำให้ความรักของพวกเขาจืดจางลง หรือถ้าพวกเขาเจอปัญหาจริง ๆ ก็สามารถรับมือกับปัญหาได้ นอกจากนั้น คนที่สนิทกับพระยะโฮวาจะเลียนแบบพระองค์และพยายามแสดงคุณลักษณะเหมือนกับพระองค์ เช่น ความกรุณา ความอดทน และการให้อภัย (อฟ. 4:32–5:1) ถ้าสามีภรรยาแสดงคุณลักษณะเหล่านี้เสมอ มันก็ง่ายขึ้นที่พวกเขาจะรักกันมากขึ้นเรื่อย ๆ พี่น้องหญิงที่ชื่อเลน่าซึ่งแต่งงานมามากกว่า 25 ปีแล้วบอกว่า “มันเป็นเรื่องง่ายที่จะรักและนับถือคนที่สนิทกับพระยะโฮวา” ให้เรามาดูตัวอย่างหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลด้วยกัน พระยะโฮวาเลือกโยเซฟกับมารีย์ให้เป็นพ่อแม่ของพระเยซูซึ่งเป็นเมสสิยาห์ในอนาคต ทั้งที่จริง ๆ แล้วลูกหลานของดาวิดก็มีเยอะมากแต่ทำไมพระยะโฮวาถึงเลือก 2 คนนี้? เพราะพวกเขาทั้งสองคนต่างก็สนิทกับพระยะโฮวา และพระองค์รู้ว่าพวกเขาจะให้พระองค์สำคัญที่สุดในชีวิตคู่ของพวกเขา ห23.05 น. 21 ว. 3-4
วันพุธที่ 10 ธันวาคม
เชื่อฟังและยอมรับอำนาจคนที่นำหน้า—ฮบ. 13:17
พระเยซูผู้นำของเราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ แต่ผู้ดูแลที่นำหน้าในประชาคมไม่ได้เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบ เราเลยอาจรู้สึกยากที่จะเชื่อฟังโดยเฉพาะตอนที่พวกเขาขอให้เราทำอะไรที่เราไม่อยากทำ อัครสาวกเปโตรก็เคยรู้สึกแบบนั้น ตอนที่ทูตสวรรค์บอกให้เขากินสัตว์ที่ไม่สะอาดตามกฎหมายของโมเสส เขาก็ไม่ยอมกิน เขาปฏิเสธทูตสวรรค์ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่ถึง 3 ครั้ง (กจ. 10:9-16) เพราะอะไร? เพราะคำแนะนำใหม่นี้ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลยสำหรับเขา ส่วนอัครสาวกเปาโลเชื่อฟังตอนที่พวกผู้ดูแลในเยรูซาเล็มได้แนะนำเขาให้พาผู้ชาย 4 คนไปที่วิหาร และชำระตัวตามพิธีกรรมเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขากำลังทำตามกฎหมายนี้อยู่ เปาโลรู้ว่าคริสเตียนไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายของโมเสสแล้ว และเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเต็มใจเชื่อฟัง คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “วันรุ่งขึ้น เปาโลก็พา 4 คนนั้นไปด้วยและชำระตัวตามพิธีกรรมพร้อมกับพวกเขา” (กจ. 21:23, 24, 26) การที่เปาโลเชื่อฟังช่วยสร้างสันติสุขและทำให้พี่น้องเป็นหนึ่งเดียวกัน—รม. 14:19, 21 ห23.10 น. 10 ว. 15-16
วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม
คนที่เกรงกลัวพระยะโฮวาจะได้เป็นเพื่อนสนิทของพระองค์—สด. 25:14
คุณอาจไม่คิดว่าความกลัวจะทำให้คนเราเป็นเพื่อนสนิทกันได้ แต่คนที่อยากสนิทกับพระยะโฮวาจะต้อง “เกรงกลัวพระยะโฮวา” ไม่ว่าเราจะรับใช้พระยะโฮวามานานขนาดไหนแล้ว เราทุกคนต้องเกรงกลัวพระองค์เสมอ แต่ความเกรงกลัวพระยะโฮวาหมายถึงอะไร? คนที่เกรงกลัวพระยะโฮวาจะรักพระองค์และไม่อยากทำอะไรที่จะทำลายสายสัมพันธ์ที่เขามีกับพระองค์ พระเยซูก็ “เกรงกลัวพระองค์” (ฮบ. 5:7) ท่านไม่รู้สึกกลัวพระยะโฮวา (อสย. 11:2, 3) แต่ท่านรักพระองค์มากและเต็มใจเชื่อฟัง (ยน. 14:21, 31) เราก็เป็นเหมือนกับพระเยซูได้ เรานับถือและเกรงกลัวพระยะโฮวามากเพราะพระองค์แสดงความรักในทุกอย่างที่พระองค์ทำ พระยะโฮวาฉลาด ยุติธรรม และมีอำนาจ นอกจากนั้น เรารู้ว่าพระองค์รักเราและสนใจจริง ๆ ว่าเราทำตามที่พระองค์สอนหรือเปล่า และสิ่งที่เราทำมีผลต่อพระองค์ด้วย ถ้าเราไม่เชื่อฟัง พระยะโฮวาก็เสียใจ แต่ถ้าเราเชื่อฟัง เราก็จะทำให้พระองค์ดีใจและมีความสุข—สด. 78:41; สภษ. 27:11 ห23.06 น. 14 ว. 1-2; น. 15 ว. 5
วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม
เมื่อเขาแข็งแกร่งแล้ว เขาก็กลายเป็นคนหยิ่งจนทำให้เขาต้องพินาศ เขาทำสิ่งที่พระยะโฮวาพระเจ้าห้าม—2 พศ. 26:16
เราเห็นว่าตอนที่กษัตริย์อุสซียาห์มีอำนาจมากขึ้น เขาไม่เห็นค่าสิ่งดีต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาเคยทำเพื่อเขา บทเรียนคืออะไร? สิ่งดีต่าง ๆ ในชีวิตและในงานรับใช้ของเราทั้งหมดมาจากพระยะโฮวาทั้งนั้น แทนที่เราจะอวดความสำเร็จของตัวเอง เราควรยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวาที่เราทำแบบนั้นได้ (1 คร. 4:7) เราต้องยอมรับว่าเราเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบและต้องได้รับคำแนะนำตลอด พี่น้องชายคนหนึ่งที่อายุประมาณ 60 ปีบอกว่า “ผมได้เรียนรู้ว่าผมต้องไม่หงุดหงิดและไม่ท้อใจเมื่อมีคนอื่นมาแนะนำ แต่ผมจะพยายามแก้ไขตัวเองและพยายามก้าวหน้าต่อ ๆ ไป” ถ้าเราเกรงกลัวพระยะโฮวา เชื่อฟังพระองค์ และเป็นคนถ่อมเสมอ ชีวิตเราก็จะมีความสุข—สภษ. 22:4 ห23.09 น. 10 ว. 10-11
วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม
พวกคุณต้องอดทนไว้ เพื่อว่าเมื่อพวกคุณทำตามความต้องการของพระเจ้าแล้ว จะได้รับสิ่งที่พระองค์สัญญา—ฮบ. 10:36
คริสเตียนในยุคแรกต้องมีความอดทน นอกจากจะต้องอดทนกับปัญหาทั่ว ๆ ไปที่คนส่วนใหญ่เจอ พวกเขายังต้องเจอความยากลำบากมากกว่านั้นด้วย หลายคนถูกข่มเหงไม่ใช่แค่จากพวกหัวหน้าศาสนาชาวยิวและจากเจ้าหน้าที่โรมัน แต่จากครอบครัวของตัวเองด้วยซ้ำ (มธ. 10:21) บางครั้งคริสเตียนเหล่านี้ต้องสู้กับอิทธิพลของพวกทรยศพระเจ้าและคำสอนเท็จของคนพวกนั้นที่สร้างความแตกแยก (กจ. 20:29, 30) แม้จะเจอปัญหาทั้งหมดนี้ คริสเตียนเหล่านี้ก็อดทนได้และยังซื่อสัตย์เสมอ (วว. 2:3) พวกเขาอดทนได้ยังไง? พวกเขาคิดถึงตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิล เช่น โยบ (ยก. 5:10, 11) และพวกเขาก็อธิษฐานขอกำลังจากพระยะโฮวา (กจ. 4:29-31) นอกจากนั้น คริสเตียนเหล่านี้คิดถึงผลดีถ้าพวกเขาแสดงความอดทน (กจ. 5:41) เราก็อดทนได้เหมือนกันถ้าเราดูตัวอย่างความอดทนของคนในคัมภีร์ไบเบิลและในหนังสือต่าง ๆ ขององค์การ แล้วคิดใคร่ครวญ ห23.07 น. 3 ว. 5-6
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม
คุณต้องทำให้การปกครองของพระเจ้าและความถูกต้องชอบธรรมของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แล้วพระองค์จะให้คุณมีสิ่งจำเป็นทั้งหมดนี้—มธ. 6:33
พระยะโฮวากับพระเยซูจะไม่หมดหวังในตัวเรา หลังจากที่อัครสาวกเปโตรปฏิเสธพระเยซู เขาก็ต้องตัดสินใจเรื่องหนึ่งที่สำคัญในชีวิต นั่นก็คือ เขาจะเลิกเป็นสาวกของพระเยซูหรือจะไม่ยอมแพ้และติดตามท่านต่อ ๆ ไป? สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เปโตรตัดสินใจได้คือการนึกถึงคำพูดของพระเยซู ก่อนหน้านั้นพระเยซูบอกเปโตรว่าท่านอธิษฐานถึงพระยะโฮวาขอให้ความเชื่อของเปโตรไม่หมดไป และท่านก็มั่นใจว่าเขาจะช่วยพี่น้องของเขาให้มีความเชื่อเข้มแข็ง (ลก. 22:31, 32) เราก็เหมือนกัน ตอนที่เราต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิต พระยะโฮวาก็อาจใช้ผู้ดูแลที่เป็นผู้บำรุงเลี้ยงมาช่วยให้เรามั่นใจว่าเราจะซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไปได้ (อฟ. 4:8, 11) เหมือนกับที่พระยะโฮวาดูแลให้เปโตรและอัครสาวกคนอื่น ๆ มีสิ่งจำเป็นในชีวิต พระองค์ก็จะดูแลเราด้วยถ้าเราให้งานรับใช้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ห23.09 น. 24-25 ว. 14-15
วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม
คนที่เมตตาคนจนก็เหมือนให้พระยะโฮวายืม พระองค์จะตอบแทนเขาสำหรับสิ่งที่เขาทำ—สภษ. 19:17
พระยะโฮวาสังเกตเห็นแม้แต่สิ่งเล็กน้อยที่สุดที่เราทำเพื่อคนอื่น พระองค์มองว่ามันเป็นเครื่องบูชาที่มีค่ามาก และถือว่าพระองค์เป็นหนี้ที่จะต้องตอบแทนเรา ถ้าคุณเคยเป็นผู้ช่วยงานรับใช้หรือเป็นผู้ดูแลมาก่อนแต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว พระยะโฮวาก็ยังไม่ลืมความรักที่คุณมีและไม่ลืมงานที่คุณเคยทำ (1 คร. 15:58) นอกจากนั้น พระยะโฮวายังเห็นด้วยว่าคุณยังคงแสดงความรักต่อ ๆ ไป พระยะโฮวาอยากให้เราทุกคนรักพระองค์และรักคนอื่นมากขึ้น เราจะรักพระยะโฮวามากขึ้นโดยอ่านคัมภีร์ไบเบิลและคิดใคร่ครวญ และอธิษฐานพูดคุยกับพระองค์เป็นประจำ เราจะรักพี่น้องมากขึ้นโดยหาวิธีที่จะช่วยเหลือพวกเขา ถ้าเราพยายามแสดงความรักมากขึ้น เราก็จะยิ่งสนิทกับพระยะโฮวาและพี่น้องมากขึ้น และเราจะเป็นเพื่อนกับพระองค์และกับพวกเขาตลอดไป ห23.07 น. 10 ว. 11; น. 11 ว. 13; น. 13 ว. 18
วันอังคารที่ 16 ธันวาคม
แต่ละคนจะต้องแบกความรับผิดชอบของตัวเอง—กท. 6:5
คริสเตียนแต่ละคนต้องตัดสินใจเองว่าจะดูแลสุขภาพของตัวเองยังไง คัมภีร์ไบเบิลมีกฎแค่ไม่กี่ข้อเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ เราต้องงดเว้นจากเลือดและไม่ยุ่งเกี่ยวกับผีปีศาจ (กจ. 15:20; กท. 5:19, 20) นอกจากเรื่องเหล่านี้แล้ว เราก็ต้องตัดสินใจเองว่าเราจะดูแลสุขภาพของเรายังไง ตัวเราเองอาจชอบแบบหนึ่งเป็นพิเศษและไม่ชอบอีกแบบหนึ่ง แต่เราต้องเคารพสิทธิ์ของพี่น้องที่จะเลือกเองว่าจะรักษาแบบไหน เราต้องจำไว้ว่า (1) รัฐบาลของพระเจ้าเท่านั้นที่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ อย่างหายขาดและถาวร (อสย. 33:24) (2) คริสเตียนแต่ละคนต้อง “มั่นใจ” ว่าวิธีการรักษาที่เขาเลือกเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขา (รม. 14:5) (3) เราต้องไม่ตัดสินคนอื่นหรือทำให้พี่น้องรู้สึกไม่สบายใจ (รม. 14:13) (4) คริสเตียนจะแสดงความรักกับพี่น้อง และถึงเราจะมีสิทธิ์ที่จะเลือกการดูแลสุขภาพของเราเอง แต่เราจะไม่ให้เรื่องนี้สำคัญกว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันของประชาคม—รม. 14:15, 19, 20 ห23.07 น. 24 ว. 15
วันพุธที่ 17 ธันวาคม
ตลอดเวลาที่เป็นนาศีร์ เขาจะต้องรักษาตัวให้บริสุทธิ์เพื่อพระยะโฮวา—กดว. 6:8
คุณรักพระยะโฮวาไหม? คุณรักพระองค์แน่ ๆ มีผู้รับใช้ของพระยะโฮวามากมายที่รักพระองค์ตั้งแต่สมัยโบราณ (สด. 104:33, 34) หลายคนได้เสียสละเพื่อจะได้นมัสการพระองค์ หนึ่งในนั้นคือพวกนาศีร์หรือ “คนที่อุทิศตัวไว้” มีการใช้คำว่านาศีร์เมื่อพูดถึงชาวอิสราเอลที่กระตือรือร้นซึ่งเต็มใจเสียสละหลายอย่างเพื่อรับใช้พระยะโฮวาในแบบพิเศษ กฎหมายของโมเสสบอกว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็สามารถปฏิญาณตัวว่าจะอยู่อย่างนาศีร์ช่วงหนึ่งเพื่อพระยะโฮวาได้ (กดว. 6:1, 2) การปฏิญาณหรือการสัญญาแบบนั้นเกี่ยวข้องกับการทำตามข้อกำหนดบางอย่างซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ชาวอิสราเอลทุกคนต้องทำ แล้วทำไมบางคนถึงเลือกปฏิญาณว่าจะเป็นนาศีร์? เพราะพวกเขารักพระยะโฮวามากและเห็นค่าสิ่งดี ๆ มากมายที่พระองค์ทำเพื่อพวกเขา—ฉธบ. 6:5; 16:17 ห24.02 น. 14 ว. 1-2
วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม
พระยะโฮวา . . . ใครที่รักพระองค์และทำตามคำสั่งของพระองค์ พระองค์ก็รักเขาไม่เปลี่ยนแปลง—ดนล. 9:4
ในคัมภีร์ไบเบิลคำฮีบรูที่แปลว่า “ความภักดี” หรือ “ความรักที่มั่นคง” หมายถึงความรักที่เกิดจากความผูกพันอย่างลึกซึ้ง คำนี้มักใช้เมื่อพูดถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ และคำนี้ก็ใช้กับความรักที่ผู้รับใช้พระเจ้ามีต่อกันด้วย (1 ซม. 20:14, 15) ความภักดีสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป ให้เรามาดูตัวอย่างของผู้พยากรณ์ดาเนียลที่ทำให้เห็นเรื่องนี้ ตลอดชีวิตของดาเนียล เขาเจอเหตุการณ์หลายอย่างที่ทดสอบว่าเขาภักดีกับพระยะโฮวาหรือเปล่า แต่เหตุการณ์ที่หนักที่สุดเกิดขึ้นตอนที่เขาอายุ 90 กว่าแล้ว พวกข้าราชสำนักหลายคนไม่ชอบดาเนียลและไม่นับถือพระยะโฮวา พวกเขาเลยวางแผนจะฆ่าดาเนียล พวกเขาขอให้กษัตริย์ดาริอัสออกคำสั่งอย่างหนึ่งที่จะทดสอบว่าดาเนียลภักดีกับกษัตริย์หรือภักดีกับพระยะโฮวา สิ่งที่ดาเนียลต้องทำก็คือเขาต้องไม่อธิษฐานถึงพระยะโฮวา 30 วัน แต่ดาเนียลไม่ยอมเลิกภักดีกับพระยะโฮวา—ดนล. 6:12-15, 20-22 ห23.08 น. 5 ว. 10-12
วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม
รักกันเรื่อยไป—1 ยน. 4:7
พระยะโฮวาอยากให้เราแสดงความรักกับพี่น้องต่อ ๆ ไป ถ้าพี่น้องคนไหนทำให้เราเสียใจ เราควรคิดว่าเขาอาจไม่ได้ตั้งใจทำให้เราเจ็บและเขาเองก็กำลังพยายามทำให้พระยะโฮวาพอใจอยู่เหมือนกัน (สภษ. 12:18) พระยะโฮวารักผู้รับใช้ของพระองค์ทุกคนแม้พวกเขาจะมีจุดอ่อนหรือข้อบกพร่อง เมื่อเราทำผิด พระยะโฮวาไม่ได้ทิ้งเราหรือพระองค์ไม่ได้โกรธเราไม่หาย (สด. 103:9) ดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ที่เราจะต้องเลียนแบบพระยะโฮวาพระเจ้าที่ให้อภัยเสมอ (อฟ. 4:32–5:1) ขอให้จำไว้ด้วยว่ายิ่งจุดจบของโลกชั่วใกล้เข้ามา เราก็ยิ่งต้องสนิทกับพี่น้องของเราให้มากขึ้น เราคาดหมายได้เลยว่าการข่มเหงจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเราอาจถึงกับต้องติดคุกเพราะความเชื่อ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะต้องการพี่น้องของเรามากยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา—สภษ. 17:17 ห24.03 น. 15-16 ว. 6-7
วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม
พระยะโฮวาชี้นำมนุษย์ทุกย่างก้าว—สภษ. 20:24
คัมภีร์ไบเบิลมีบันทึกเรื่องราวของวัยรุ่นหลายคนที่สนิทกับพระยะโฮวาด้วย พวกเขาทำให้พระองค์พอใจและชีวิตของพวกเขาก็มีความสุข ดาวิดเป็นคนหนึ่งที่เป็นอย่างนั้น เขาเลือกรับใช้พระยะโฮวาตั้งแต่อายุน้อย ๆ และต่อมาเขาก็เป็นกษัตริย์ที่ภักดี (1 พก. 3:6; 9:4, 5; 14:8) ถ้าคุณศึกษาเรื่องราวของดาวิด คุณจะได้กำลังใจที่จะรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ หรือคุณอาจลองศึกษาส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องราวของมาระโกและทิโมธีก็ได้ คุณจะเห็นว่าพวกเขารับใช้พระยะโฮวาตั้งแต่อายุน้อยและรับใช้อย่างซื่อสัตย์ตลอดชีวิต การตัดสินใจของพวกเขาทำให้พระยะโฮวามีความสุข ชีวิตคุณจะเป็นแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้คุณใช้ชีวิตยังไง ถ้าคุณไว้วางใจพระยะโฮวาและไม่พึ่งความเข้าใจของตัวเอง พระองค์ก็จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างฉลาด (สภษ. 20:24) คุณจะมีชีวิตที่ดีและมีความสุข ขอให้จำไว้ว่าพระยะโฮวาเห็นค่าสิ่งที่คุณทำเพื่อพระองค์ ไม่มีชีวิตแบบไหนที่จะดีไปกว่าการใช้ชีวิตเพื่อพระยะโฮวาพ่อที่รักของเราในสวรรค์ ห23.09 น. 13 ว. 18-19
วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม
ให้อภัยกันอย่างใจกว้างต่อไป—คส. 3:13
อัครสาวกเปาโลรู้ว่าพี่น้องคริสเตียนเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น ตอนที่เขาไปที่ประชาคมในกรุงเยรูซาเล็ม มีพี่น้องบางคนไม่เชื่อว่าเขาเข้ามาเป็นสาวกจริง ๆ (กจ. 9:26) ต่อมา มีบางคนพูดไม่ดีลับหลังเปาโลและทำให้เขาเสียชื่อเสียง (2 คร. 10:10) เปาโลยังเห็นผู้ดูแลทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องซึ่งอาจทำให้พี่น้องคนอื่นไม่สบายใจ (กท. 2:11, 12) และมาระโกซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเปาโลก็ทำให้เขาเสียใจและผิดหวังมาก ๆ ด้วย (กจ. 15:37, 38) สถานการณ์ทั้งหมดนี้อาจทำให้เปาโลไม่คบหากับพี่น้องเหล่านี้ก็ได้ แต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น เปาโลมองพี่น้องในแง่บวกและยังคงรับใช้พระยะโฮวาอย่างกระตือรือร้นต่อ ๆ ไป อะไรช่วยให้เปาโลทำแบบนั้นได้? เปาโลรักพี่น้องของเขามาก นี่เลยทำให้เขาสนใจแต่ส่วนดีของพี่น้องและไม่มองที่ความไม่สมบูรณ์แบบของพวกเขา นอกจากนี้ ความรักยังช่วยให้เขาทำสิ่งที่เขาเองเขียนไว้ในข้อคัมภีร์ประจำวันนี้ ห24.03 น. 15 ว. 4-5
วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม
ทาสของผู้เป็นนายไม่ควรทะเลาะวิวาทกับใคร แต่ต้องสุภาพอ่อนโยนกับทุกคน—2 ทธ. 2:24
คัมภีร์ไบเบิลมีหลายตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าความอ่อนโยนเป็นคุณลักษณะที่มีค่ามากจริง ๆ ให้เรามาดูตัวอย่างของอิสอัคด้วยกัน ตอนที่เขาอาศัยอยู่ในเมืองเกราร์ซึ่งเป็นเขตของพวกฟีลิสเตีย พวกเพื่อนบ้านขี้อิจฉามาถมบ่อน้ำทุกบ่อที่คนรับใช้ของอับราฮัมพ่อของเขาเคยขุดไว้ แต่แทนที่จะไปเอาเรื่องคนพวกนั้นเพื่อปกป้องสิทธิ์ของเขา อิสอัคกลับย้ายบ้านไปอยู่ไกลออกไปและขุดบ่อน้ำขึ้นใหม่ (ปฐก. 26:12-18) แต่พวกฟีลิสเตียก็มาอ้างอีกว่าบ่อน้ำเป็นของพวกเขา ถึงอิสอัคเจอแบบนั้นเขาก็ยังพยายามรับมือแบบใจเย็น ๆ (ปฐก. 26:19-25) อะไรช่วยเขาให้ยังคงอ่อนโยนได้แม้จะมีคนมาหาเรื่องเขาขนาดนั้น? อิสอัคคงได้เห็นตัวอย่างวิธีแก้ปัญหาแบบใจเย็น ๆ ของอับราฮัม และได้ดูตัวอย่างของซาราห์ซึ่งมี “ใจที่สงบและอ่อนโยน”—1 ปต. 3:4-6; ปฐก. 21:22-34 ห23.09 น. 15 ว. 4
วันอังคารที่ 23 ธันวาคม
เราจะทำตามที่พูดไว้ และจะทำให้สำเร็จตามที่ได้ตั้งใจ—อสย. 46:11
เมื่อถึงเวลาที่พระยะโฮวากำหนดไว้ พระองค์ส่งพระเยซูลูกชายที่พระองค์รักมากมาบนโลกเพื่อสอนผู้คนเกี่ยวกับรัฐบาลนี้และสละชีวิตเป็นค่าไถ่เพื่อจะช่วยให้เราหลุดพ้นจากบาปและความตาย ต่อมาพระเยซูฟื้นขึ้นจากตายและกลับไปสวรรค์เพื่อจะปกครองเป็นกษัตริย์ในรัฐบาลนี้ เรื่องหลักของคัมภีร์ไบเบิลคือพระยะโฮวาทำให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ ซึ่งพระองค์ทำอย่างนั้นโดยใช้รัฐบาลที่พระเยซูปกครองทำให้ความประสงค์เกี่ยวกับโลกเป็นจริง ความประสงค์ของพระยะโฮวาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พระยะโฮวารับประกันว่าทุกอย่างที่พระองค์ตั้งใจไว้จะสำเร็จแน่นอน (อสย. 46:10, เชิงอรรถ;ฮบ. 6:17, 18) เมื่อถึงเวลา คนที่เชื่อฟังและสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นลูกหลานของอาดัมกับเอวาจะ “มีชีวิตอยู่ตลอดไป” ในโลกที่จะเปลี่ยนเป็นสวนอุทยาน (สด. 22:26) แต่ความประสงค์ของพระยะโฮวาไม่ได้มีแค่นี้ ความประสงค์สูงสุดของพระองค์ก็คือพระองค์จะทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทั้งในสวรรค์และโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน และทั้งหมดจะภักดีและยอมอยู่ใต้อำนาจพระยะโฮวาซึ่งเป็นผู้ปกครององค์สูงสุดของพวกเขา (อฟ. 1:8-11) คุณรู้สึกทึ่งใช่ไหมที่เห็นพระยะโฮวาทำให้ความประสงค์ของพระองค์เป็นจริงในวิธีที่ยอดเยี่ยม? ห23.10 น. 20 ว. 7-8
วันพุธที่ 24 ธันวาคม
“ขอให้มีใจเข้มแข็ง” . . . พระยะโฮวาผู้เป็นจอมทัพบอกว่า “เราอยู่กับพวกเจ้า”—ฮกก. 2:4
ตอนที่ชาวยิวกลับจากการเป็นเชลยที่บาบิโลนและมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาก็ต้องเจอกับความยากลำบากในการหาเลี้ยงครอบครัว ตอนนั้นอิสราเอลอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเปอร์เซีย และที่นั่นก็มีแต่ความไม่สงบทางการเมือง ไม่ใช่แค่นั้น ชาวยิวยังเจอกับการต่อต้านจากชาติที่อยู่รอบ ๆ ด้วย ชาวยิวบางคนเลยรู้สึกว่ายากที่จะจดจ่อกับการสร้างวิหาร ดังนั้น พระยะโฮวาเลยส่งผู้พยากรณ์ 2 คนไปให้กำลังใจ คือฮักกัยและเศคาริยาห์ งานของผู้พยากรณ์สองคนนี้เกิดผลมากจริง ๆ (ฮกก. 1:1; ศคย. 1:1) แต่พอผ่านไปเกือบ 50 ปี ชาวยิวเหล่านั้นก็ท้อใจอีก พระยะโฮวาก็เลยส่งเอสรา ซึ่งเป็นผู้คัดลอกกฎหมายของโมเสส เดินทางจากบาบิโลนมาที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะช่วยชาวยิวให้เห็นว่าพวกเขาควรให้การนมัสการพระยะโฮวาสำคัญที่สุดในชีวิต (อสร. 7:1, 6) เหมือนกับที่คำพยากรณ์ของฮักกัยและเศคาริยาห์ช่วยผู้รับใช้พระยะโฮวาในสมัยนั้นให้ไว้วางใจพระองค์แม้เจอการต่อต้าน คำพยากรณ์เหล่านั้นก็ช่วยเราให้มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะช่วยเราเสมอแม้ต้องเจอกับความไม่แน่นอนและความยากลำบากในชีวิต—สภษ. 22:19 ห23.11 น. 14-15 ว. 2-3
วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม
ให้ปลูกฝังความรัก เพราะความรักผูกพันผู้คนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างแท้จริง—คส. 3:14
เราจะแสดงความรักต่อพี่น้องได้ยังไง? วิธีหนึ่งก็คือโดยให้กำลังใจกัน เราสามารถ “ให้กำลังใจกันเสมอ” ได้ ถ้าเราเห็นอกเห็นใจกัน (1 ธส. 4:18) แล้วเราจะรักกันอยู่เสมอได้ยังไง? โดยพยายามเต็มที่ที่จะให้อภัยกัน ทำไมตอนนี้เรายิ่งต้องรักกันให้มาก ๆ? เปโตรให้เหตุผลว่า “จุดจบของทุกสิ่งมาใกล้แล้ว ดังนั้น . . . รักกันให้มาก ๆ” (1 ปต. 4:7, 8) ยิ่งจุดจบของโลกใกล้เข้ามา เราก็ยิ่งคาดหมายได้ว่าสิ่งที่พระเยซูพูดไว้จะเกิดขึ้นแน่ ๆ นั่นคือ “ทุกประเทศจะเกลียดชังคุณเพราะคุณเป็นสาวกของผม” (มธ. 24:9) เพื่อจะรับมือได้เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้าเราทำแบบนั้นซาตานจะไม่สามารถทำให้เราแตกแยกกันได้เพราะเรารักกัน—ฟป. 2:1, 2 ห23.11 น. 13 ว. 18-19
วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม
เราเป็นเพื่อนร่วมงานของพระเจ้า—1 คร. 3:9
ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลมีพลังมาก เมื่อเราสอนผู้คนให้รู้จักพระยะโฮวาและสอนว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแบบไหน เราก็ได้เห็นสิ่งที่น่าประทับใจหลายอย่าง เราได้เห็นว่าคนที่เคยถูกปิดหูปิดตาเพราะคำโกหกของซาตานเริ่มเห็นว่าพระยะโฮวามีคุณลักษณะที่ดีอะไรบ้าง เช่น พวกเขารู้สึกประทับใจในพลังอำนาจของพระองค์ที่ไม่มีขีดจำกัด (อสย. 40:26) พวกเขาสามารถไว้วางใจพระยะโฮวาได้เพราะพระองค์แสดงความยุติธรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ (ฉธบ. 32:4) และพวกเขารู้สึกทึ่งที่ได้เห็นว่าสติปัญญาของพระองค์ล้ำลึกจริง ๆ (อสย. 55:9; รม. 11:33) นอกจากนั้น พวกเขาได้รับกำลังใจที่รู้ว่าพระองค์เป็นความรัก (1 ยน. 4:8) เมื่อพวกเขาพยายามสนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น ความหวังของพวกเขาที่จะได้เป็นลูกของพระองค์และมีชีวิตตลอดไปก็ยิ่งชัดเจนขึ้น พวกเรามีสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ได้ช่วยหลายคนให้เข้ามาใกล้ชิดกับพระยะโฮวาพ่อในสวรรค์ของเรา เมื่อเราทำอย่างนี้พระยะโฮวาก็มองว่าเราเป็น “เพื่อนร่วมงานของ [พระองค์]”—1 คร. 3:5 ห24.02 น. 12 ว. 15
วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม
ถ้าคุณสัญญาแล้วไม่ทำตาม อย่าสัญญาเลยดีกว่า—ปญจ. 5:5
ถ้าคุณกำลังศึกษาคัมภีร์ไบเบิลหรือโตมาในครอบครัวที่เป็นพยานฯ คุณกำลังคิดที่จะรับบัพติศมาไหม? ถ้าใช่ นั่นเป็นเป้าหมายที่ดีมาก แต่ก่อนที่คุณจะรับบัพติศมา คุณต้องอุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาก่อน คุณจะอุทิศตัวให้พระยะโฮวายังไง? คุณจะทำอย่างนั้นได้โดยอธิษฐานสัญญาว่าจะนมัสการพระยะโฮวาผู้เดียวและสัญญาว่าคุณจะให้ความต้องการของพระองค์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คุณสัญญากับพระยะโฮวาว่าจะรักพระองค์ “สุดหัวใจ สุดชีวิต สุดความคิด และสุดกำลัง” (มก. 12:30) การอุทิศตัวคือการอธิษฐานส่วนตัวระหว่างคุณกับพระยะโฮวา ส่วนการรับบัพติศมาคือการแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณได้อุทิศตัวให้กับพระยะโฮวาแล้ว ตอนที่คุณอุทิศตัว คุณได้ทำสัญญาที่สำคัญมากกับพระองค์ ดังนั้นคุณต้องรักษาสัญญา และพระองค์ก็คาดหมายให้คุณทำอย่างนั้นด้วย—ปญจ. 5:4 ห24.03 น. 2 ว. 2; น. 4 ว. 5
วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม
ให้สามีทุกคนรักภรรยาเหมือนรักตัวเอง ส่วนภรรยาก็ควรนับถือสามีจากใจ—อฟ. 5:33
คนที่แต่งงานแล้วต้องเจอปัญหาไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะคัมภีร์ไบเบิลบอกตรง ๆ ว่าคนที่แต่งงานแล้วจะ “มีความยุ่งยากในชีวิต” (1 คร. 7:28) ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เพราะการแต่งงานคือการเอาคนสองคนที่ไม่สมบูรณ์แบบมาอยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างนิสัยไม่เหมือนกัน มีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบต่างกัน และสามีภรรยาบางคู่อาจเป็นคนละเชื้อชาติและอาจมีวัฒนธรรมและภูมิหลังที่ต่างกันด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ต่างฝ่ายต่างอาจแสดงนิสัยที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแต่งงาน และนิสัยบางอย่างก็อาจทำให้พวกเขาถึงขั้นทะเลาะกัน แล้วแทนที่แต่ละคนจะพยายามช่วยกันแก้ไขก็กลับโทษกันไปโทษกันมาทั้ง ๆ ที่พวกเขาอาจทำผิดกันทั้งคู่ บางคู่อาจถึงกับคิดว่าการแยกกันอยู่หรือการหย่าร้างอาจเป็นทางออกที่ดีก็ได้ แต่การทำแบบนี้จะทำให้พวกเขามีความสุขมากกว่าจริง ๆ ไหม? ไม่ พระยะโฮวาอยากให้สามีภรรยานับถือการจัดเตรียมเรื่องชีวิตคู่ และอยากให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันต่อไปถึงแม้ว่าคู่ของเขาอาจจะเป็นคนที่อยู่ด้วยกันได้ยาก ห24.03 น. 16 ว. 8; น. 17 ว. 11
วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม
ความหวังนั้นจะเป็นจริงแน่นอน—รม. 5:5
หลังจากที่รับบัพติศมาแล้ว ถ้าคุณตั้งใจสนิทกับพระยะโฮวาและรักพระองค์มากขึ้น มันก็จะทำให้คุณมั่นใจในความหวังที่จะได้ชีวิตตลอดไปในโลกใหม่ที่เป็นอุทยานมากขึ้นด้วย (ฮบ. 5:13–6:1) คุณอาจรู้สึกว่าโรม 5:2-4 เป็นจริงกับชีวิตของคุณ คุณเจอความยากลำบากหลายอย่างแต่ก็ยังอดทนมาได้และรู้สึกได้ว่าพระเจ้าพอใจในตัวคุณ ยิ่งคุณมั่นใจว่าพระยะโฮวารักและพอใจคุณ คุณก็จะยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าพระองค์อยากทำตามสัญญา คุณมั่นใจในความหวังของคุณมากกว่าตอนที่เรียนคัมภีร์ไบเบิลใหม่ ๆ ความหวังของคุณยิ่งชัดขึ้น คุณเห็นค่ามันมากขึ้น และรู้สึกว่าพระเจ้าอยากให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับคุณจริง ๆ พอเป็นแบบนี้ ความหวังก็จะมีผลกับทุกแง่มุมในชีวิตของคุณ ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่คุณปฏิบัติกับคนในครอบครัว การตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในชีวิต หรือแม้แต่การใช้เวลาของคุณ หลังจากที่เปาโลบอกว่าเมื่อพระเจ้าพอใจก็ทำให้เกิดความหวัง เขาพูดถึงจุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งด้วย เขาบอกว่าความหวังของคุณจะเป็นจริง—รม. 15:13 ห23.12 น. 12-13 ว. 16-19
วันอังคารที่ 30 ธันวาคม
พระยะโฮวาเป็นผู้ทำให้ชีวิตคุณมั่นคง—อสย. 33:6
เมื่อเราเจอกับปัญหาหนัก เราอาจจะมีความคิดที่ไม่สมดุล รู้สึกไม่มั่นคง และอาจทำอะไรที่ปกติแล้วเราจะไม่ทำ เราอาจเจอความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามาเหมือนเรือที่โดนคลื่นใหญ่ซัดลูกแล้วลูกเล่า แล้วพระยะโฮวาจะช่วยเรายังไงตอนที่เราเป็นแบบนี้? พระองค์รับรองกับเราว่าพระองค์จะทำให้เรามั่นคง เหมือนกับตอนที่เรือเจอพายุ เรืออาจโคลงเคลงไปมาจนพลิกคว่ำได้ เพื่อจะไม่เป็นแบบนี้ เรือหลายลำจึงมีครีบติดอยู่ใต้ท้องเรือทั้ง 2 ข้าง ครีบเหล่านี้จะช่วยให้เรือไม่ให้โคลงเอียงเวลาโดนคลื่นซัด ซึ่งนี่จะทำให้ผู้โดยสารที่อยู่บนเรือรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นและไม่ค่อยเมาเรือ แต่เพื่อที่ครีบเหล่านี้จะทำงานได้ดี เรือก็ต้องแล่นไปข้างหน้าเรื่อย ๆ คล้ายกัน พระยะโฮวาจะทำให้เรามั่นคงถ้าเรารับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไปแม้จะเจอปัญหา ห24.01 น. 22 ว. 7-8
วันพุธที่ 31 ธันวาคม
ผมวางใจพระเจ้า ผมไม่กลัว—สด. 56:4
ตอนที่คุณรู้สึกกลัว ลองถามตัวเองว่า ‘พระยะโฮวาเคยทำอะไรมาแล้วบ้าง?’ ให้คุณคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์สร้าง ตัวอย่างเช่น ลองดูว่าพระยะโฮวาดูแลนกและดอกไม้ต่าง ๆ ยังไง แม้สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้างตามแบบของพระองค์และไม่สามารถนมัสการพระองค์ได้ แต่พระยะโฮวาก็ยังดูแลพวกมันอย่างดี ดังนั้น พระองค์ยิ่งสนใจและอยากดูแลเรามากยิ่งกว่านั้นอีกใช่ไหม? (มธ. 6:25-32) การคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้จะทำให้เราวางใจพระยะโฮวามากขึ้น นอกจากนั้น ลองคิดถึงสิ่งที่พระยะโฮวาทำเพื่อผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย คุณอาจลองค้นคว้าเรื่องราวของคนในสมัยคัมภีร์ไบเบิลที่มีความเชื่อเข้มแข็ง หรือลองอ่านประสบการณ์ของผู้รับใช้พระยะโฮวาในปัจจุบัน อีกอย่างที่คุณทำได้ก็คือ ให้ลองคิดใคร่ครวญด้วยว่าพระยะโฮวาดูแลคุณเป็นส่วนตัวยังไง พระองค์ช่วยคุณให้มารู้จักความจริงได้ยังไง (ยน. 6:44) พระองค์ตอบคำอธิษฐานของคุณยังไงบ้าง (1 ยน. 5:14) และแต่ละวันคุณได้ประโยชน์จากการที่พระยะโฮวายอมสละลูกชายที่รักของพระองค์เป็นค่าไถ่ยังไง—อฟ. 1:7; ฮบ. 4:14-16 ห24.01 น. 4 ว. 6; น. 7 ว. 17