การพัฒนาการรู้จักบังคับตน
“ผลแห่งพระวิญญาณคือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดกลั้นไว้นาน ความปรานี ความดี ความเชื่อ ความอ่อนสุภาพ การรู้จักบังคับตน. การเช่นนั้นไม่มีพระบัญญัติห้ามเลย.”—ฆะลาเตีย 5:22, 23, ล.ม.
1. ใครเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการรู้จักบังคับตน ดังเห็นได้จากคัมภีร์ข้อใดบ้าง?
พระเจ้ายะโฮวาและพระเยซูคริสต์ทรงวางตัวอย่างอันดีเลิศแก่พวกเราในด้านการรู้จักบังคับตน. นับตั้งแต่มนุษย์เริ่มไม่เชื่อฟังในสวนเอเดนเป็นต้นมา พระยะโฮวาก็ยังทรงไว้ซึ่งคุณลักษณะนี้ไม่เปลี่ยนแปลง. (เทียบกับยะซายา 42:14.) เก้าครั้งในคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเราอ่านว่าพระองค์ “ทรงอดพระทัยได้นาน.” (เอ็กโซโด 34:6) ทั้งนี้ต้องอาศัยการรู้จักบังคับตน. และเป็นที่แน่นอนว่าพระบุตรของพระเจ้าได้สำแดงการรู้จักบังคับพระองค์เองอย่างดีเยี่ยม เพราะ “เมื่อพระองค์ถูกว่า พระองค์ก็ไม่ทรงด่าตอบ.” (1 เปโตร 2:23, ล.ม.) กระนั้น พระเยซูจะสามารถทูลขอพระบิดาทางภาคสวรรค์สนับสนุนพระองค์โดย “ทูตสวรรค์กว่าสิบสองกอง” ก็ได้.—มัดธาย 26:53.
2. เรามีตัวอย่างที่ดีอะไรบ้างในคัมภีร์ไบเบิลในเรื่องมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แต่ก็ได้แสดงการรู้จักบังคับตน?
2 อนึ่ง เรามีตัวอย่างดี ๆ บางรายในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งกล่าวถึงการการรู้จักบังคับตนของมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์. เช่น คุณสมบัติข้อนี้ได้ปรากฏให้เห็นขณะเกิดเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของโยเซฟ บุตรชายยาโคบบรรพชนผู้อาวุโส. โยเซฟได้สำแดงการรู้จักบังคับตนเองเพียงใดเมื่อภรรยาโพติฟาพยายามยั่วยวนท่าน! (เยเนซิศ 39:7-9) และตัวอย่างที่ดีของชายหนุ่มชาวฮีบรูสี่คนที่สำแดงการรู้จักบังคับตนโดยปฏิเสธการรับประทานอาหารอันโอชะที่กษัตริย์บาบูโลนเสนอให้ เนื่องจากข้อจำกัดที่กำหนดไว้ในบัญญัติของโมเซ.—ดานิเอล 1:8-17.
3. ใครบ้างเป็นที่รู้จักกันในด้านความประพฤติที่ดี เห็นได้จากหลักฐานอะไร?
3 สำหรับตัวอย่างการรู้จักบังคับตนในสมัยปัจจุบัน เราสามารถชี้ไปที่พยานพระยะโฮวาโดยส่วนรวม. พยานพระยะโฮวาสมควรได้รับคำชม ตามที่สารานุกรมนิว คาทอลิก ยกย่องไว้ว่า—คนเหล่านี้เป็น “กลุ่มหนึ่งในโลกผู้มีความประพฤติเยี่ยมยอด.” อาจารย์สอนมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์คนหนึ่งบอกว่า “พยานฯ ปฏิบัติเคร่งครัดตามความรู้ที่เขาเรียนจากพระคัมภีร์.” เกี่ยวกับการประชุมใหญ่ซึ่งพยานพระยะโฮวาได้จัดขึ้นที่กรุงวอร์ซอ ปี 1989 นักข่าวชาวโปแลนด์รายงานว่า “ประชาชน 55,000 คน ไม่สูบบุหรี่แม้แต่มวนเดียวตลอดสามวัน! . . . การแสดงถึงระเบียบวินัยเหนือชั้นเช่นนี้ประทับใจข้าพเจ้าและทำให้ข้าพเจ้านึกชมเชยแกมความรู้สึกครั่นคร้าม.”
การเกรงกลัวพระเจ้าและเกลียดสิ่งชั่ว
4. หนึ่งในบรรดาสิ่งที่ช่วยเหลือที่สำคัญยิ่งต่อการรู้จักบังคับตนได้แก่อะไร?
4 สิ่งส่งเสริมที่วิเศษยิ่งประการหนึ่งในการพัฒนาการรู้จักบังคับตนนั้นคือความยำเกรงพระเจ้า ความกลัวที่เป็นประโยชน์ว่าจะทำสิ่งใด ๆ อันยังความไม่พอพระทัยมาสู่พระบิดาฝ่ายสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรัก. ความกลัวพระเจ้าด้วยใจเคารพยำเกรงนั้นสำคัญขนาดไหนสำหรับเราย่อมเห็นได้จากข้อเท็จจริงที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้หลายครั้งหลายหน. ในคราวที่อับราฮามจวนจะถวายยิศฮาคเป็นบูชายัญอยู่แล้ว พระเจ้าตรัสว่า “เจ้าอย่าทำอันตรายแก่ลูกชายนั้นเลย เพราะเดี๋ยวนี้เรารู้ว่าเจ้าเกรงกลัวพระเจ้า ด้วยเจ้ามิได้หวงลูกคนเดียวของเจ้าไว้จากเรา.” (เยเนซิศ 22:12) ไม่สงสัยเลยว่าตอนนั้นคงต้องมีความกดดันทางอารมณ์อย่างรุนแรง ดังนั้น อับราฮามคงต้องสำแดงการรู้จักบังคับตนอย่างมากที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้าถึงขั้นหยิบมีดขึ้นมาหมายจะฆ่ายิศฮาคบุตรชายสุดที่รักของตน. ใช่แล้ว ความเกรงกลัวพระเจ้าช่วยเราให้สำแดงการรู้จักบังคับตน.
5. การชังความชั่วมีบทบาทอย่างไรต่อการรู้จักบังคับตน?
5 สิ่งที่เกี่ยวเนื่องอย่างใกล้ชิดกับความยำเกรงพระยะโฮวาได้แก่การเกลียดสิ่งที่ชั่ว. เราอ่านที่สุภาษิต 8:13 ดังนี้: “ความยำเกรงพระยะโฮวาคือการชังความชั่ว.” ส่วนการเกลียดสิ่งที่ชั่วนั้นช่วยเราให้สำแดงการรู้จักบังคับตน. คัมภีร์ไบเบิลบอกเราครั้งแล้วครั้งเล่าให้เกลียดสิ่งชั่ว. (บทเพลงสรรเสริญ 97:10; อาโมศ 5:14, 15; โรม 12:9) สิ่งชั่วมักจะน่าสนุกเพลิดเพลิน น่าลิ้มน่าลอง เป็นที่ชวนตาชวนใจ เราจึงต้องชังสิ่งนั้นเพื่อเสริมกำลังป้องกันตัวเองไว้จากสิ่งนั้น ๆ. การชังสิ่งชั่วดังกล่าวย่อมเสริมความตั้งใจของเราที่จะสำแดงการบังคับตนเอง และด้วยเหตุนั้น จึงเป็นการป้องกันเราให้พ้นอันตราย.
การรู้จักบังคับตนเป็นแนวทางที่สุขุม
6. ทำไมการยับยั้งความโน้มเอียงในทางที่เห็นแก่ตัวเองโดยการสำแดงการรู้จักบังคับตนจึงเป็นแนวทางอันสุขุม?
6 สิ่งส่งเสริมสำคัญอีกประการหนึ่งเพื่อสำแดงการรู้จักบังคับตนคือ หยั่งรู้ค่าความสุขุมของการแสดงคุณลักษณะนี้ให้ปรากฏ. พระยะโฮวาตรัสสั่งให้เราสำแดงการรู้จักบังคับตนก็เพื่อประโยชน์ของเราเอง. (เทียบกับยะซายา 48:17, 18.) พระวจนะของพระองค์เพียบพร้อมด้วยคำแนะนำมากมายซึ่งแสดงให้เห็นว่า การยับยั้งความโน้มเอียงอันเห็นแก่ตัวโดยการสำแดงการรู้จักบังคับตนนั้นเป็นสิ่งฉลาดสุขุมเพียงไร. เราไม่สามารถหลบหลีกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของพระเจ้าอันเปลี่ยนแปลงมิได้นั้นแล้วรอดตัวไปได้. พระวจนะของพระองค์แจ้งดังนี้: “คนใดหว่านพืชอย่างใดลงก็จะเกี่ยวเก็บผลอย่างนั้น ด้วยว่าผู้ใดที่หว่านสำหรับเนื้อหนังของตนเอง จะเกี่ยวเก็บผลอนิจจังจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ใดหว่านสำหรับพระวิญญาณจะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น.” (ฆะลาเตีย 6:7, 8) ตัวอย่างที่เห็นชัดคือเรื่องการกินการดื่ม. ความเจ็บป่วยหลายอย่างเนื่องมาจากคนเรากินจุหรือดื่มจัด. การปล่อยตัวตามอำเภอใจอย่างเห็นแก่ตัวเช่นนั้นทำให้เราขาดความนับถือตัวเอง. ยิ่งกว่านั้น คนเราไม่สามารถแสดงความเห็นแก่ตัวอยู่ร่ำไปโดยไม่ได้ก่อความเสียหายต่อสายสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับคนอื่น. ที่ร้ายแรงอย่างยิ่งก็คือเมื่อเราขาดการรู้จักบังคับตน สัมพันธภาพระหว่างเรากับพระบิดาฝ่ายสวรรค์ก็พลอยเสียไปด้วย.
7. อะไรคืออรรถบทสำคัญประการหนึ่งของพระธรรมสุภาษิต ดังปรากฏอยู่ในคัมภีร์ข้อไหน?
7 เหตุฉะนั้น เราต้องเฝ้าบอกตัวเองเสมอว่าความเห็นแก่ตัวก่อความเสียหายแก่เรา. อรรถบทที่เด่นของพระธรรมสุภาษิต ซึ่งเน้นเรื่องการมีวินัยกับตัวเอง คือว่าความเห็นแก่ตัวไม่ให้ผลคุ้มค่าและการสำแดงการรู้จักบังคับตนเป็นความฉลาดสุขุม. (สุภาษิต 14:29; 16:32) และเป็นที่น่าสังเกตว่า การมีวินัยกับตัวเองหมายรวมถึงหลายอย่าง ไม่เพียงแต่หลบหลีกความชั่ว. ต้องมีวินัยกับตนเองหรือการรู้จักบังคับตนที่จะกระทำสิ่งที่ถูกต้องเช่นกัน ซึ่งอาจทำได้ยากเพราะเป็นการฝืนแนวโน้มทางความคิดอันไม่สมบูรณ์ของเรา.
8. ประสบการณ์อะไรชี้ถึงความสำคัญของการรู้จักบังคับตน?
8 ตัวอย่างความสุขุมของการสำแดงการรู้จักบังคับตนคือกรณีของพยานพระยะโฮวาคนหนึ่งที่ยืนเข้าคิวในธนาคาร แล้วชายคนหนึ่งได้แซงคิวตัดหน้าเขา. แม้พยานฯ รู้สึกเคืองบ้าง แต่เขาก็สำแดงการรู้จักบังคับตน. ในวันเดียวกันเขาต้องไปพบวิศวกรคนหนึ่งเพื่อจะได้ลายเซ็นสำหรับโครงการสร้างหอประชุม. และปรากฏว่าวิศวกรคนนั้นเป็นใคร? ก็ชายที่แซงคิวที่ธนาคารนั่นเอง! วิศวกรคนนั้นไม่เพียงแต่มีอัธยาศัยดี แต่เขาคิดค่าธรรมเนียมจากพยานฯ ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์จากอัตราปกติ. พยานฯ ดีใจเพียงไรที่ตนได้แสดงการรู้จักบังคับตนในเช้าวันนั้นโดยระงับความโกรธเสีย!
9. การทำอะไรที่นับว่าสุขุมเมื่อเราเผชิญปฏิกิริยาหยาบคายในงานประกาศตามบ้านเรือน?
9 หลายครั้งเมื่อเราไปตามบ้านเพื่อประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า หรือเมื่อยืนอยู่ตามมุมถนนด้วยความพยายามจะเร้าความสนใจของผู้คนที่สัญจรไปมาให้รับรู้ข่าวสาร เรามักได้ยินคำพูดว่าร้ายหรือหยาบคาย. แนวทางอันสุขุมเป็นอย่างไร? คำแนะนำข้อนี้แจ้งอยู่ในสุภาษิต 15:1 ว่า “คำตอบอ่อนหวานกระทำให้ความโกรธผ่านพ้นไป.” กล่าวอีกนัยหนึ่ง เราจำต้องสำแดงการรู้จักบังคับตน. และไม่เฉพาะพยานพระยะโฮวาเท่านั้นที่ได้ประสบคำกล่าวนี้เป็นความจริง แต่คนอื่นเคยประสบเช่นกัน. คุณค่าของการรู้จักบังคับตนในทางบำบัดรักษานั้นนับวันบรรดาแพทย์ที่เชี่ยวชาญต่างก็ตระหนักในเรื่องนี้มากขึ้นทุกที.
ความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวช่วยได้
10, 11. ทำไมความรักเป็นเครื่องช่วยอย่างแท้จริงในการรู้จักบังคับตน?
10 คำพรรณนาของเปาโลเกี่ยวกับความรักที่ 1 โกรินโธ 13:4-8 แสดงว่าอำนาจของความรักสามารถช่วยเราให้สำแดงการรู้จักบังคับตน. “ความรักอดทนนาน.” ที่จะอดทนนานได้ต้องมีการรู้จักบังคับตน. “ความรักไม่อิจฉาริษยาหวงแหน ไม่อวดตัว ไม่พองตัว.” คุณลักษณะแห่งความรักช่วยเราควบคุมความคิดและอารมณ์ของตัวเอง ทั้งจะยับยั้งแนวโน้มใด ๆ ในทางอิจฉาริษยา อวดตัวหรือพองตัว. ความรักกระตุ้นเราให้ประพฤติตรงกันข้าม ทำให้เราเป็นคนอ่อนโยน ถ่อมใจอย่างพระเยซู.—มัดธาย 11:28-30.
11 เปาโลกล่าวต่อไปว่าความรัก “ไม่ประพฤติหยาบโลน.” ต้องรู้จักบังคับตนเช่นกันเพื่อจะประพฤติอย่างสุภาพเรียบร้อยตลอดเวลา. คุณลักษณะของความรักป้องกันเราไว้ห่างจากการโลภ จาก ‘การหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง’ เสียอย่างเดียว. ความรัก “ไม่ปล่อยตัวให้เกิดโทโส.” ช่างง่ายเพียงไรที่จะปล่อยโทโสเข้าครอบงำเพราะสิ่งที่คนอื่นพูดหรือกระทำ! แต่ความรักจะส่งเสริมเราให้รู้จักบังคับตนและไม่พูดหรือทำการใด ๆ ซึ่งเราจะรู้สึกเสียใจภายหลัง. ความรัก “ไม่จดจำความเสียหาย.” ธรรมชาติของมนุษย์มักจะสุมความเจ็บแค้นหรือเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ. แต่ความรักจะช่วยเราลบล้างความคิดดังกล่าวออกจากจิตใจของเรา. ความรัก “ไม่ยินดีในการอธรรม.” การรู้จักบังคับตนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะไม่ยินดีในการอธรรม เช่นภาพลามกหรือละครโทรทัศน์ที่ทำให้คนเลวทราม. นอกจากนั้น ความรักย่อม “ทนรับเอาทุกสิ่ง” และ “อดทนทุกสิ่ง.” จำเป็นต้องใช้การรู้จักบังคับตนเพื่อจะทนกับสิ่งต่าง ๆ ได้ อดทนในความทุกข์ยากหรือภาระผูกพันต่าง ๆ และไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้เราท้อแท้ คิดผูกพยาบาท หรือทำให้เราคิดจะเลิกรับใช้พระยะโฮวา.
12. วิธีหนึ่งซึ่งแสดงถึงการหยั่งรู้ค่าต่อทุกสิ่งที่พระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงกระทำนั้นคืออะไร?
12 ถ้าเรารักพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์พร้อมกับหยั่งรู้ค่าอย่างแท้จริงต่อคุณลักษณะต่าง ๆ อันดีเลิศของพระองค์ และขอบคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่งที่ทรงกระทำเพื่อเรา เราย่อมต้องการทำให้พระองค์พอพระทัยโดยที่เรารู้จักบังคับตนอยู่เสมอ. อนึ่ง ถ้าเรามีความรักอย่างแท้จริงต่อพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้านายของเรา และหยั่งรู้ค่าทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเรา เราจะเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ให้ ‘รับเอาหลักทรมานของเราแล้วติดตามพระองค์ไปอย่างไม่ละลด.’ (มาระโก 8:34) เป็นที่แน่นอนว่าการสำแดงการรู้จักบังคับตนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเรา. ความรักที่เรามีต่อพี่น้องคริสเตียนชายหญิงจะป้องกันมิให้เราก่อความเจ็บช้ำน้ำใจแก่เขาด้วยการกระทำอันเห็นแก่ตัว.
ความเชื่อและความถ่อมใจช่วย
13. ทำไมความเชื่อสามารถช่วยเราเป็นคนรู้จักบังคับตนได้?
13 เครื่องช่วยสำคัญอีกอย่างหนึ่งเพื่อการสำแดงการรู้จักบังคับตนได้แก่ความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าและคำสัญญาของพระองค์. ความเชื่อจะส่งเสริมเราให้วางใจในพระยะโฮวา และรอเวลากำหนดที่พระองค์จะทรงจัดการกับเรื่องราวต่าง ๆ ให้เรียบร้อย. อัครสาวกเปาโลก็พูดในจุดเดียวกันนี้ที่โรม 12:19 ว่า “ดูก่อนท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าทำการแก้แค้น . . . ด้วยมีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า [ยะโฮวา, ล.ม.] ตรัสว่า การแก้แค้นนั้นเป็นพนักงานของเรา เราเองจะตอบแทน.’” ในเรื่องนี้ ความถ่อมใจช่วยเราได้เหมือนกัน. ถ้าเราสุภาพอ่อนโยน เราจะไม่หุนหันโกรธง่าย ไม่ว่าเรารับความเสียหายจริง ๆ หรือคิดไปเอง. เราจะไม่ด่วนใช้สิทธิโดยพลการ แต่จะแสดงการรู้จักบังคับตนและเต็มใจคอยท่าพระยะโฮวา.—เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 37:1, 8.
14. ประสบการณ์อะไรแสดงว่าถึงแม้คนที่ขาดการรู้จักบังคับตนก็ยังอาจเรียนรู้ แล้วสำแดงการรู้จักบังคับตนได้?
14 ข้อที่ว่าเราสามารถเรียนการสำแดงการรู้จักบังคับตนนั้นเห็นได้ชัดจากประสบการณ์ของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนมีอารมณ์รุนแรง. เขาแสดงอารมณ์ร้ายถึงขนาดเมื่อตำรวจได้รับแจ้งให้มาระงับการทะเลาะวิวาทที่ชายคนนี้กับพ่อของเขาก่อเหตุขึ้น เขาชกตำรวจสามนายจนลุกไม่ขึ้นก่อนที่คนอื่นกำราบเขาได้! ต่อมาเขามีโอกาสพบปะพยานพระยะโฮวาแล้วได้เรียนรู้การสำแดงการรู้จักบังคับตน ซึ่งเป็นผลประการหนึ่งแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า. (ฆะลาเตีย 5:22, 23) เวลานี้ สามสิบปีต่อมา ผู้ชายคนนี้ยังคงปฏิบัติพระยะโฮวาด้วยความซื่อสัตย์.
การรู้จักบังคับตนภายในวงครอบครัว
15, 16. (ก) อะไรจะช่วยสามีให้รู้จักบังคับตน? (ข) การรู้จักบังคับตนเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะภายใต้สภาพการณ์เช่นไร ดังเห็นได้จากประสบการณ์อะไร? (ค) เหตุใดฝ่ายภรรยาจำต้องสำแดงการรู้จักบังคับตน?
15 การรู้จักบังคับตนเป็นสิ่งจำเป็นแน่นอนภายในวงครอบครัว. เพื่อสามีจะรักภรรยาของตนเหมือนรักตัวเอง เขาจึงต้องควบคุมความคิด คำพูด และการกระทำของเขาอย่างจริงจัง. (เอเฟโซ 5:28, 29) ใช่แล้ว ฝ่ายสามีต้องรู้จักบังคับตนเพื่อที่จะปฏิบัติตามถ้อยคำของอัครสาวกเปโตรที่ 1 เปโตร 3:7: “ท่านทั้งหลายที่เป็นสามี จงอยู่กับเขาต่อไปในลักษณะเดียวกันตามความรู้.” โดยเฉพาะเมื่อภรรยาไม่มีความเชื่อในพระเจ้า สามีทีมีความเชื่อจะต้องสำแดงการรู้จักบังคับตน.
16 เพื่อให้ตัวอย่างประกอบ: ผู้ปกครองคนหนึ่งมีภรรยาซึ่งไม่เชื่อพระเจ้าแถมมีอารมณ์ร้ายด้วย. กระนั้น สามีได้สำแดงการรู้จักบังคับตน และข้อนี้เป็นประโยชน์แก่ตัวเขามากมายจนแพทย์ประจำตัวพูดกับเขาว่า “จอห์น ถ้าไม่ใช่เพราะคุณมีลักษณะนิสัยเยือกเย็นแต่กำเนิด คุณก็คงยึดถือศาสนาที่บังเกิดผลโน้มน้าวใจจริง ๆ.” ที่จริง เรามีศาสนาที่บังเกิดผลโน้มน้าวใจจริง ๆ เพราะ “พระเจ้าไม่ได้ทรงประทานน้ำใจขลาดกลัว แต่น้ำใจที่มีพลัง มีความรักและมีสติมั่นคงแก่เรา” ซึ่งช่วยเราสำแดงการรู้จักบังคับตน. (2 ติโมเธียว 1:7, ล.ม.) นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ฝ่ายภรรยาจำต้องมีการรู้จักบังคับตนเพื่อจะเป็นคนนอบน้อมเชื่อฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสามีไม่มีความเชื่อในพระเจ้า.—1 เปโตร 3:1-4.
17. ทำไมการรู้จักบังคับตนมีบทบาทสำคัญในสายสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดากับลูก?
17 อนึ่ง การรู้จักบังคับตนเป็นสิ่งจำเป็นต่อความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดากับลูก. ที่จะมีบุตรที่รู้จักบังคับตน ก่อนอื่นบิดามารดาต้องวางตัวอย่างที่ดีเสียเอง. ครั้นบุตรจำต้องรับการว่ากล่าวตีสอนในทางใดทางหนึ่ง ก็ควรว่ากล่าวด้วยความเยือกเย็นสุขุมและด้วยความรัก ซึ่งต้องอาศัยการรู้จักบังคับตนโดยแท้. (เอเฟโซ 6:4; โกโลซาย 3:21) ทีนี้ เมื่อบุตรจะแสดงว่าเขารักบิดามารดาจริง ๆ เขาก็ต้องเชื่อฟัง และแน่นอน การเชื่อฟังก็ต้องรู้จักบังคับตน.—เอเฟโซ 6:1-3; เทียบกับ 1 โยฮัน 5:3.
การใช้เครื่องช่วยที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้
18-20. การจัดเตรียมฝ่ายวิญญาณสามอย่างอะไรบ้างซึ่งเราต้องฉวยเอาเป็นประโยชน์เพื่อปลูกฝังคุณลักษณะต่าง ๆ ซึ่งช่วยเราสำแดงการรู้จักบังคับตน?
18 ที่เราจะวัฒนาขึ้นในการเกรงกลัวพระเจ้า ในความรักแบบไม่เห็นแก่ตัว ในความเชื่อศรัทธา ในการเกลียดการชั่ว และรู้จักบังคับตน เราจะต้องฉวยประโยชน์จากการช่วยเหลือทุกอย่างที่พระเจ้ายะโฮวาได้ทรงจัดเตรียมไว้. ขอให้เราพิจารณาการจัดเตรียมทางด้านวิญญาณสามอย่างซึ่งสามารถช่วยเราเป็นคนรู้จักบังคับตน. ประการแรกได้แก่สิทธิพิเศษอันดีเลิศแห่งการอธิษฐาน. อย่าให้เรามัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่ได้อธิษฐาน. ใช่แล้ว เราควรปรารถนาจะ “อธิษฐานอย่างไม่ละลด” “หมั่นอธิษฐานอยู่เสมอ.” (1 เธซะโลนิเก 5:17; โรม 12:12) ขอให้เราจัดเอาเรื่องการปลูกฝังการรู้จักบังคับตนไว้ในคำอธิษฐานของเรา. แต่คราวใดเราพลาดพลั้งไม่ได้สำแดงการรู้จักบังคับตนเอง ด้วยใจถ่อมให้เราทูลขอพระบิดาของเราในสวรรค์โปรดยกความผิดให้เรา.
19 การช่วยเหลือขอบเขตที่สองเพื่อสำแดงการรู้จักบังคับตนนั้นก็โดยรับเอาความช่วยเหลือที่ได้จากการเลี้ยงตัวด้วยพระวจนะของพระเจ้าและจากสรรพหนังสือที่ส่งเสริมให้เราเข้าใจพระคัมภีร์และปฏิบัติตามความรู้นั้น. นับว่าเป็นเรื่องง่ายจริง ๆ ที่เราจะละเลยส่วนนี้แห่งงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์! เราต้องสำแดงการรู้จักบังคับตนเองและย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าไม่มีหนังสือใดสำคัญกว่าคัมภีร์ไบเบิล และหนังสือซึ่งจัดเตรียมโดย “บ่าวสัตย์ซื่อและสุขุมรอบคอบ” และด้วยเหตุนี้เราจึงต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เราจะอ่านเป็นอันดับแรก. (มัดธาย 24:45-47) เคยมีคำกล่าวอย่างถูกต้องว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำทุกสิ่งในชีวิตประจำวัน แต่เราต้องเลือกว่าเราจะใช้เวลาทำอะไร. เราเป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริงไหม? ถ้าเราตระหนักถึงความต้องการฝ่ายวิญญาณ เราก็จะสำแดงการรู้จักบังคับตนที่จำเป็นเพื่อปิดโทรทัศน์ แล้วตระเตรียมการเพื่อเข้าร่วมประชุมหรืออ่านหอสังเกตการณ์ ซึ่งอาจเป็นฉบับล่าที่เราพึงได้รับ.
20 ขอบเขตที่สาม เป็นเรื่องการทำสิ่งที่เหมาะที่ควรต่อการประชุมของประชาคมและการประชุมใหญ่ เช่นการประชุมหมวดหรือการประชุมภาค. การประชุมเหล่านั้นทุกครั้งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเราไหม? เรามาร่วมประชุมเตรียมพร้อมเพื่อจะมีส่วนและครั้นโอกาสอำนวยเราก็เข้าส่วนเต็มที่ไหม? เราได้กระทำอย่างสมควรต่อการประชุมต่าง ๆ มากแค่ไหน เราก็จะได้รับการเสริมความตั้งใจมากขึ้นเท่านั้นที่จะสำแดงการรู้จักบังคับตนในทุกสถานการณ์.
21. เราจะได้บำเหน็จอะไรบ้างเนื่องจากการพัฒนาการรู้จักบังคับตนอันเป็นผลแห่งพระวิญญาณ?
21 เราสามารถคาดหมายรางวัลอะไรจากการพยายามจริงจังเพื่อเป็นคนรู้จักบังคับตนอยู่เสมอ? สิ่งหนึ่งคือ เราจะไม่ต้องเก็บเกี่ยวผลความขมขื่นเนื่องด้วยการเห็นแก่ตัว. เราจะนับถือตัวเองและมีสติรู้สึกผิดชอบที่ปราศจากมลทิน. เราจะรักษาตัวพ้นจากความยุ่งยากมากมายและยังคงเดินต่อไปในเส้นทางที่นำไปสู่ชีวิต. ยิ่งกว่านั้น เราจะสามารถทำการดีที่สุดที่เราจะทำได้. สำคัญที่สุด เราจะเป็นผู้ที่ใส่ใจต่อคำกล่าวที่สุภาษิต 27:11 ที่ว่า “บุตรชายของเราเอ๋ย จงฉลาด และกระทำใจของเราให้ยินดีเพื่อเราจะตอบบุคคลที่ตำหนิเราได้.” นี่แหละคือรางวัลอันใหญ่ที่สุดที่เราจะพึงได้—คือสิทธิพิเศษในการทำให้พระยะโฮวา พระบิดาของเราทางภาคสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรักทรงเบิกบานสำราญพระทัย!
คุณจำได้ไหม?
▫ ความเกรงกลัวพระเจ้าช่วยเราอย่างไรที่จะสำแดงการรู้จักบังคับตน?
▫ เหตุใดความรักช่วยให้เราสำแดงการรู้จักบังคับตน?
▫ การรู้จักบังคับตนส่งเสริมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอย่างไร?
▫ เราต้องถือเอาเป็นประโยชน์จากการจัดเตรียมอะไร หากเราจะพัฒนาการรู้จักบังคับตน?
[รูปภาพหน้า 15]
โยเซฟสำแดงการรู้จักบังคับตนเมื่อถูกล่อใจ
[รูปภาพหน้า 17]
ต้องมีการรู้จักบังคับตนที่จะว่ากล่าวตีสอนบุตรด้วยความสุขุมและความรัก