“มีผู้ใดเล่าจะเสมอเหมือนพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา?”
“มีผู้ใดเล่าจะเสมอเหมือนพระพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา? ผู้ซึ่งประทับอยู่เบื้องสูง.”—บทเพลงสรรเสริญ 113:5.
1, 2. (ก) พยานพระยะโฮวามีทัศนะเช่นไรต่อพระเจ้าและคัมภีร์ไบเบิล? (ข) คำถามอะไรควรแก่การนำขึ้นมาพิจารณา?
บรรดาผู้สรรเสริญพระยะโฮวาเป็นผู้ได้รับพระพรอย่างแท้จริง. นับว่าเป็นสิทธิพิเศษอย่างยิ่งยวดที่ได้อยู่ท่ามกลางฝูงชนผู้มีความสุข! ในฐานะที่เป็นพยานของพระองค์ พวกเรารับรองเอาคำแนะนำ, ข้อกฎหมาย, คำสอน, คำทรงสัญญา, ตลอดทั้งคำพยากรณ์ที่มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล พระวจนะของพระองค์. พวกเราปีติยินดีที่จะเรียนรู้จากคัมภีร์ไบเบิลและ “ได้รับการสั่งสอนจากพระยะโฮวา.”—โยฮัน 6:45, ล.ม.
2 เนื่องจากพยานพระยะโฮวาเคารพยำเกรงพระเจ้าอย่างสุดซึ้ง พวกเขาสามารถถามว่า “มีผู้ใดเล่าจะเสมอเหมือนพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา?” (บทเพลงสรรเสริญ 113:5) ถ้อยคำดังกล่าวของผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญแสดงนัยถึงความเชื่อ. แต่ทำไมเหล่าพยานฯจึงมีความเชื่อในพระเจ้า? และพวกเขาสรรเสริญพระเจ้าด้วยเหตุผลอะไร?
ความเชื่อและคำกล่าวสรรเสริญเป็นการเหมาะสม
3. บทเพลงสรรเสริญฮัลเลลคืออะไร และเหตุใดจึงได้ชื่อเช่นนั้น?
3 ความเชื่อในพระยะโฮวาเป็นเรื่องที่มีเหตุผลสำหรับพวกเรา เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าองค์นั้น ไม่มีใครเสมอเหมือน. มีการเน้นข้อนี้ในบทเพลงสรรเสริญบท 113, 114, และ 115, อันเป็นส่วนของชุดเพลงฮัลเลลหกบท. ตามสำนักสอนของอาจารย์ชาวยิวฮิลเลล ได้มีการร้องเพลงสรรเสริญบท 113 และ 114 ระหว่างการรับประทานปัศคาของชาวยิว หลังจากรินเหล้าองุ่นถ้วยที่สองพร้อมกับการชี้แจงความสำคัญเกี่ยวด้วยการฉลองนั้น. ส่วนเพลงบท 115 จนถึงบท 118 จะร้องก็ต่อเมื่อรินเหล้าองุ่นถ้วยที่สี่เสร็จแล้ว. (เทียบกับมัดธาย 26:30.) ที่เรียกว่า “บทเพลงฮัลเลล” ก็เพราะเป็นเพลงที่ร้องซ้ำคำฮัลเลลูยาห์!—“จงสรรเสริญยาห์!”
4. อะไรคือความหมายของคำ “ฮาละลูยา [ฮัลเลลูยาห์]” และคำนี้ปรากฏกี่ครั้งในคัมภีร์ไบเบิล?
4 “ฮัลเลลูยาห์!” เป็นการถ่ายตัวอักษรของคำจากภาษาฮีบรูซึ่งปรากฏ 24 ครั้งในพระธรรมบทเพลงสรรเสริญ. ส่วนที่อื่นในพระคัมภีร์นั้น แบบคำกรีกปรากฏอยู่สี่ครั้ง เกี่ยวเนื่องกับความปีติยินดีที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นบาบูโลนใหญ่ จักรภพโลกแห่งศาสนาเท็จถูกทำลาย และความยินดีที่เกิดขึ้นเมื่อพระเจ้ายะโฮวาเริ่มปกครองในฐานะพระบรมมหากษัตริย์. (วิวรณ์ 19:1-6) ขณะที่เรากำลังพิจารณาเพลงสรรเสริญสามบทเหล่านี้ เราอาจสร้างจินตภาพว่าตัวเองก็ร้องเพลงนี้สรรเสริญพระยะโฮวาไปด้วย.
จงสรรเสริญยาห์!
5. เพลงสรรเสริญบท 113 ตอบคำถามอะไร และคำสั่งในบทเพลงสรรเสริญ 113:1, 2 นั้นนำไปใช้กับใครเป็นพิเศษ?
5 เพลงสรรเสริญบท 113 ตอบคำถามที่ว่า ทำไมจึงสรรเสริญพระยะโฮวา? บทนั้นขึ้นต้นด้วยคำสั่งดังนี้: “จงพากันยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวา. ท่านทั้งหลายผู้ทาสของพระยะโฮวา, จงสรรเสริญ, จงสรรเสริญพระนามของพระยะโฮวา. สาธุแก่พระนามของพระยะโฮวา ตั้งแต่ปัจจุบันนี้ไปตลอดอนาคตกาล.” (บทเพลงสรรเสริญ 113:1, 2) “ฮัลเลลูยาห์!” ถูกแล้ว “จงสรรเสริญยาห์!” พระบัญชานี้ใช้หมายถึงไพร่พลของพระเจ้าเป็นพิเศษใน “สมัยอวสาน” นี้. (ดานิเอล 12:4, ล.ม.) ตั้งแต่นี้ไปตลอดนิรันดรกาล พระนามของพระยะโฮวาจะได้รับการยกย่องทั่วแผ่นดินโลก. เหล่าพยานของพระองค์เวลานี้ประกาศว่าพระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้า พระคริสต์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ และราชอาณาจักรได้ถูกสถาปนาแล้วในสวรรค์. ซาตานพญามารและองค์การของมันไม่อาจขัดขวางคำสรรเสริญนี้ที่ถวายแด่พระยะโฮวา.
6. โดยวิธีใดพระยะโฮวารับคำสรรเสริญ ‘ตั้งแต่ตะวันขึ้นจนตะวันตก’?
6 บทเพลงแห่งคำสรรเสริญจะกังวานออกไปจนกระทั่งพระยะโฮวาทรงบันดาลให้บทเพลงนี้ทั่วถึงทั้งแผ่นดินโลก. “พระนามของพระยะโฮวาควรเป็นที่สรรเสริญตั้งแต่ทิศตะวันออกจนถึงทิศตะวันตก.” (บทเพลงสรรเสริญ 113:3) นี้ไม่หมายถึงแต่เพียงการนมัสการประจำวันที่มาจากมนุษย์บางคนบนแผ่นดินโลก. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกส่องสว่างไปทั่วแผ่นดินโลก. ทุกแห่งที่ดวงตะวันส่องไปถึง พระนามยะโฮวาย่อมได้รับการสรรเสริญภายหลังผู้คนได้รับการปลดปล่อยพ้นจากการเป็นทาสแก่ศาสนาเท็จและองค์การของซาตาน. ที่จริง เพลงบทนี้จะร้องไม่รู้จบเนื่องจากเวลานี้เหล่าพยานผู้ถูกเจิมของพระยะโฮวาและคนเหล่านั้นผู้ซึ่งจะเป็นบุตรทางภาคพื้นโลกของพระมหากษัตริย์ที่พระองค์ทรงตั้งไว้คือพระเยซูคริสต์ก็กำลังร้องเพลงบทนี้อยู่. พวกเขาช่างได้รับสิทธิพิเศษอะไรเช่นนั้นในฐานะเป็นนักร้องถวายคำสรรเสริญแด่พระยะโฮวา!
พระยะโฮวาเป็นองค์ที่ไม่มีใครเทียบเท่า
7. ความเลอเลิศของพระยะโฮวาสองประการอะไรบ้างมีกล่าวถึงในบทเพลงสรรเสริญ 113:4?
7 ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญเพิ่มเติมว่า “พระยะโฮวาทรงสถิตอยู่ในที่สูงเหนือชนประเทศทั้งปวง, และพระรัศมีของพระองค์ปรากฏอยู่เหนือฟ้าสวรรค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 113:4) นี้เป็นการให้ข้อสังเกตสองแง่เกี่ยวด้วยความใหญ่ยิ่งสูงสุดของพระเจ้า ได้แก่ (1) สำหรับพระยะโฮวาองค์ใหญ่ยิ่ง “เหนือชนประเทศทั้งปวง” นั้น พวกเขาเป็นเหมือนน้ำหยดเดียวจากถังและเป็นเพียงฝุ่นติดบนตาชั่ง; (ยะซายา 40:15; ดานิเอล 7:18) (2) พระรัศมีของพระองค์แรงกล้ายิ่งกว่ารัศมีของท้องฟ้าที่เป็นวัตถุ เพราะบรรดาทูตสวรรค์ทรงกระทำตามพระราชประสงค์อันประเสริฐยิ่งของพระองค์.—บทเพลงสรรเสริญ 19:1, 2; 103:20, 21.
8. เหตุใดและโดยวิธีใดพระยะโฮวาถ่อมพระองค์สังเกตความเป็นไปทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก?
8 โดยได้รับแรงกระตุ้นเมื่อคำนึงถึงความที่เลิศลอยของพระเจ้า ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญได้กล่าวดังนี้: “มีผู้ใดเล่าจะเสมอเหมือนพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา? ผู้ซึ่งประทับอยู่เบื้องสูง, ผู้ซึ่งทรงถ่อมพระทัยทอดพระเนตรลงมาพิจารณาดูฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก.” (บทเพลงสรรเสริญ 113:5, 6) พระเจ้าทรงเลิศลอยยิ่งจนต้องถ่อมพระองค์เพื่อพิจารณาความเป็นไปทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก. แม้ว่าพระยะโฮวาไม่ด้อยกว่าใคร ๆ หรือต้องขึ้นกับผู้ใด แต่พระองค์ทรงแสดงความถ่อมพระทัยด้วยการสำแดงความเมตตาและสงสารต่อคนผิดบาปที่ต่ำต้อย. การจัดเตรียมพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ให้เป็น “เครื่องบูชาระงับพระพิโรธ” สำหรับคริสเตียนผู้ถูกเจิมและสำหรับโลกมนุษย์เช่นนั้น เป็นการแสดงออกซึ่งความถ่อมพระทัยของพระยะโฮวา.—1 โยฮัน 2:1, 2.
พระยะโฮวาทรงมีพระทัยเมตตาสงสาร
9, 10. โดยวิธีใดพระเจ้า ‘ยกคนอนาถาขึ้นเพื่อให้นั่งกับเจ้านายได้’?
9 เพื่อเป็นการย้ำในเรื่องความเมตตาสงสารของพระเจ้า ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญกล่าวเพิ่มว่าพระยะโฮวา “ทรงโปรดยกคนอนาถาขึ้นจากผงคลีดิน, และทรงอุ้มคนขัดสนออกจากกองหยากเยื่อ; เพื่อให้นั่งกับเจ้านายได้, คือกับเจ้านายแห่งพลไพร่ของพระองค์. พระองค์ทรงโปรดแก่หญิงหมันให้มีเหย้าเรือน,ให้เป็นมารดาหน้าชื่นเพราะเกิดบุตรหลายคน. จงพากันสรรเสริญพระยะโฮวา.” (บทเพลงสรรเสริญ 113:7-9) ประชาชนของพระยะโฮวามีความเชื่อว่าพระองค์สามารถช่วยคนขัดสนที่ซื่อตรงให้เปลี่ยนสถานะได้ และประทานแก่เขาอย่างเหมาะสมตามความจำเป็นและความต้องการ. ‘ท่านผู้ใหญ่ยิ่งและเป็นที่เทิดทูนไว้ทรงชุบดวงจิตคนถ่อมใจและคนที่มีใจชอกช้ำให้ฟื้นชื่นขึ้น.’—ยะซายา 57:15.
10 โดยวิธีใดพระยะโฮวา ‘ยกคนอนาถา และโปรดให้เขานั่งกับเจ้านาย’? เมื่อเป็นพระทัยประสงค์ของพระเจ้า พระองค์ทรงตั้งผู้รับใช้ของพระองค์ไว้ในตำแหน่งอันมีเกียรติเท่ากับพวกเจ้านาย. พระองค์ทรงกระทำเช่นนั้นในกรณีของโยเซฟ ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการด้านอาหารแห่งอียิปต์. (เยเนซิศ 41:37-49) ในแผ่นดินยิศราเอล การนั่งกับเจ้านายหรือผู้มีอำนาจหน้าที่ท่ามกลางไพร่พลของพระยะโฮวานั้นเป็นสิทธิพิเศษที่น่าทะนุถนอม. เช่นเดียวกันกับบรรดาคริสเตียนผู้ปกครองสมัยนี้ ชายเหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือและพระพรจากพระเจ้า.
11. เหตุใดอาจกล่าวได้ว่าบทเพลงสรรเสริญ 113:7-9 นำมาใช้ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไพร่พลของพระยะโฮวาสมัยปัจจุบัน?
11 เรื่อง ‘การทำให้หญิงหมันเป็นมารดาหน้าชื่น’ ล่ะ? พระเจ้าโปรดนางฮันนาที่เป็นหมันให้มีบุตรชายคนหนึ่งคือซามูเอล ผู้ซึ่งนางได้สละมอบให้เพื่อปฏิบัติรับใช้พระองค์. (1 ซามูเอล 1:20-28) ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เริ่มต้นกับพระเยซูและตอนที่มีการหลั่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงบนเหล่าสาวกในวันเพ็นเตคอสเต ปีสากลศักราช 33 ผู้หญิงโดยนัยของพระเจ้า ได้แก่ซีโอนฝ่ายสวรรค์ เริ่มต้นให้บังเกิดบุตรฝ่ายวิญญาณ. (ยะซายา 54:1-10, 13; กิจการ 2:1-4) และเช่นเดียวกันกับการที่พระเจ้าทรงกู้ชาวยิวกลับไปยังแผ่นดินบ้านเกิดหลังจากพลัดถิ่นไปอยู่ในบาบูโลน ในปี 1919 พระองค์ได้ทรงปลดปล่อยชนที่เหลือผู้ถูกเจิม “ยิศราเอลของพระเจ้า” พ้นจากการเป็นเชลยแก่บาบูโลน แล้วทรงอวยพรให้พวกเขาเจริญรุ่งเรืองมากมายฝ่ายวิญญาณ ถึงขนาดถ้อยคำในบทเพลงสรรเสริญ 113:7-9 จึงใช้หมายถึงพวกเขา. (ฆะลาเตีย 6:16) ในฐานะเป็นพยานที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวา ชนที่เหลือแห่งยิศราเอลฝ่ายวิญญาณและสหายร่วมงานของเขาผู้มีความหวังทางแผ่นดินโลกต่างก็เต็มใจยินดีตอบรับถ้อยคำตอนท้ายสุดของบทเพลงสรรเสริญ 113 ที่ว่า “จงพากันสรรเสริญพระยะโฮวา.”
ข้อพิสูจน์ที่ว่าพระยะโฮวาหาที่เปรียบไม่ได้
12. เพลงสรรเสริญบท 114 แสดงให้เห็นความล้ำเลิศของพระยะโฮวาอย่างไร?
12 เพลงสรรเสริญบท 114 แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาหาที่เปรียบไม่ได้โดยเล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งหาที่เปรียบไม่ได้ที่เกี่ยวข้องกับชาติยิศราเอล. ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญร้องดังนี้: “ครั้นพวกยิศราเอลได้ออกไปจากประเทศอายฆุบโต, คือพงศ์พันธุ์ของยาโคบออกไปจากคนต่างภาษา; ตระกูลยูดากลายเป็นที่บริสุทธิ์ของพระองค์, ประเทศยิศราเอลกลายเป็นพระอาณาเขตต์ของพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 114:1, 2) พระเจ้าทรงโปรดช่วยยิศราเอลหลุดจากการเป็นทาสชาวอียิปต์ ซึ่งภาษาของคนเหล่านั้นฟังดูแปลกหู. การช่วยไพร่พลของพระยะโฮวาให้รอด ซึ่งถูกเรียกเป็นยูดาและยิศราเอลในลักษณะความหมายเหมือนกันในเชิงบทกวี แสดงว่าพระเจ้าสามารถช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ในปัจจุบันให้รอดได้ทุกคน.
13. บทเพลงสรรเสริญ 114:3-6 แสดงให้เห็นอย่างไรถึงความใหญ่ยิ่งของพระยะโฮวา และใช้ได้กับประสบการณ์ต่าง ๆ ของชาติยิศราเอล?
13 พระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาเหนือสารพัดสิ่งที่พระองค์ได้สร้างขึ้นมาก็ประจักษ์ชัดในถ้อยคำต่อไปนี้: “ทะเลเห็นแล้ว, จึงหลบหนีไป; แม่น้ำยาระเดนก็ไหลย้อนกลับ. ภูเขาใหญ่ได้โลดเต้นเหมือนแกะตัวผู้, และภูเขาน้อยกระโดดเหมือนลูกแกะ. ทะเลเอ๋ย, อะไรทำให้เจ้าเจ็บจนหลบหลีกหนีไป? แน่ะแม่น้ำยาระเดนเอ๋ย, เหตุใดจึงไหลย้อนกลับ? แน่ะภูเขาใหญ่ทั้งปวง, เหตุไรจึงโลดเต้นเหมือนแกะตัวผู้; และภูเขาน้อยกะโดดเหมือนลูกแกะ?” (บทเพลงสรรเสริญ 114:3-6) ทะเลแดง “หลบหนีไป” เมื่อพระเจ้าทรงแยกน้ำออกเป็นช่องให้ไพร่พลของพระองค์เดินผ่าน. คราวนั้น ชาวยิศราเอลได้เห็นพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระยะโฮวาปฏิบัติการต่อสู้พวกอียิปต์ที่จมน้ำตายเมื่อน้ำไหลย้อนกลับ. (เอ็กโซโด 14:21-31) เมื่อพระองค์ทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจคล้าย ๆ กัน แม่น้ำยาระเดน “ไหลย้อนกลับ” เป็นโอกาสให้พวกยิศราเอลข้ามเข้าไปในประเทศคะนาอันได้. (ยะโฮซูอะ 3:14-16) ‘ภูเขากะโดดเหมือนแกะตัวผู้’ อย่างที่ควันพลุ่งจากภูเขาซีนายและสะเทือนหวั่นไหวเมื่อได้มีการตั้งพระบัญญัติแห่งคำสัญญาไมตรี. (เอ็กโซโด 19:7-18) ครั้นบทเพลงใกล้จบ ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญได้ใส่คำถามลงไป อาจเป็นการชวนให้คิดว่า สิ่งที่ไม่มีชีวิต อาทิ ทะเล, แม่น้ำ, ภูเขา, และเนินเขาทั้งปวงต่างก็เกรงขามเนื่องจากสิ่งเหล่านี้ที่สำแดงฤทธิ์อำนาจของพระยะโฮวา.
14. ฤทธิ์อำนาจของพระยะโฮวาได้สำแดงให้เห็นอย่างไรที่มะรีบาและคาเดศ และเหตุการณ์ครั้งนั้นน่าจะส่งผลกระทบผู้รับใช้ของพระองค์สมัยนี้อย่างไร?
14 ยังกล่าวเป็นนัยในเรื่องอำนาจของพระยะโฮวา ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญได้ร้องเพลงดังนี้: “แน่ะแผ่นดินโลก, จึงหวั่นไหวตรงพระพักตรองค์พระผู้เป็นเจ้า, คือตรงพระพักตรพระเจ้าของพวกยาโคบ, ผู้ได้ทรงบันดาลให้ศิลากลายเป็นบ่อน้ำ, และหินเหล็กไฟกลายเป็นน้ำพุ.” (บทเพลงสรรเสริญ 114:7, 8) กล่าวโดยนัย ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญแสดงให้เห็นว่ามนุษยชาติควรเกรงกลัวพระยะโฮวา พระเจ้าและผู้ครอบครองทั่วโลก. พระองค์ทรงเป็น “พระเจ้าของพวกยาโคบ” หรือยิศราเอลดังที่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของยิศราเอลฝ่ายวิญญาณ และของสหายพวกเขาทางแผ่นดินโลกด้วย. ที่มะรีบาและคาเดศในป่า พระยะโฮวาได้ทรงสำแดงอำนาจของพระองค์โดยกระทำการอัศจรรย์ให้น้ำไหลพล่านออกมาประทานแก่ชาวยิศราเอล “ทรงบันดาลให้ศิลากลายเป็นบ่อน้ำ, และหินเหล็กไฟกลายเป็นน้ำพุ.” (เอ็กโซโด 17:1-7; อาฤธโม 20:1-11) การเตือนเช่นนี้ที่ให้ระลึกถึงอำนาจอันน่าครั่นคร้ามของพระยะโฮวาและการเอาพระทัยใส่ด้วยความอ่อนละมุนย่อมทำให้เหล่าพยานของพระองค์มีเหตุผลหนักแน่นสำหรับความเชื่อในพระองค์อย่างไม่มีข้อสงสัย.
ไม่เหมือนพระเจ้าที่ประดิษฐ์ขึ้น
15. อาจเคยมีการร้องเพลงสรรเสริญบท 115 โดยวิธีใด?
15 เพลงสรรเสริญบท 115 เร้าใจเราให้สรรเสริญและไว้วางใจพระยะโฮวา. บทนี้ชี้แจงว่าพระพรและความช่วยเหลือมาจากพระองค์ ทั้งพิสูจน์ว่ารูปเคารพต่าง ๆ ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด. อาจเป็นได้ที่เคยร้องเพลงบทนี้โต้ตอบกันในหมู่นักร้อง. นั้นคือคนหนึ่งอาจร้องท่อนนี้: “ท่านทั้งหลายที่เกรงกลัวพระยะโฮวา, จงวางใจพึ่งในพระยะโฮวาเถิด:” ผู้ร่วมประชุมคงได้ร้องตอบว่า “พระองค์เป็นผู้ทรงอุปถัมภ์และเป็นโล่ห์.”—บทเพลงสรรเสริญ 115:11.
16. เราสามารถมองเห็นความแตกต่างอะไรได้ระหว่างพระยะโฮวากับรูปเคารพของชาติต่าง ๆ?
16 เกียรติยศสมควรมีแก่พระนามของพระยะโฮวา ไม่ใช่ตัวเรา คือแก่พระเจ้าแห่งความรักกรุณา, หรือความรักอย่างซื่อสัตย์, และแห่งความจริง. (บทเพลงสรรเสริญ 115:1) พวกศัตรูอาจถามเป็นเชิงเยาะเย้ยว่า “พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหนเล่า?” แต่ประชาชนของพระยะโฮวาจะตอบได้ทำนองนี้: ‘พระเจ้าของเราอยู่ในสวรรค์และทรงกระทำอะไร ๆ ให้เสร็จตามชอบพระทัยของพระองค์.’ (ข้อ 2, 3) อย่างไรก็ตาม รูปเคารพของนานาประเทศทำอะไรไม่ได้เลย เพราะเป็นรูปปั้นที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยเงินและทอง. แม้นมีปาก, มีตา, มีหู, รูปเหล่านั้นก็พูดไม่ได้ มองไม่เห็นและยินไม่ได้. ถึงแม้มีจมูกแต่ก็ดมกลิ่นไม่ได้, มีเท้าแต่ไม่สามารถเดินได้ ไม่อาจเปล่งเสียงผ่านลำคอออกมาได้. คนทั้งหลายที่ทำรูปเคารพที่ไม่มีฤทธิ์ขึ้นมา อีกทั้งคนที่วางใจรูปเหล่านั้นในที่สุดย่อมปราศจากชีวิตพอกัน.—ข้อ 4-8.
17. เนื่องจากคนตายสรรเสริญพระยะโฮวาไม่ได้ เราควรทำประการใด และพร้อมด้วยความคาดหวังอะไร?
17 ต่อจากนั้นก็เป็นคำกล่าวเตือนให้ไว้วางใจพระยะโฮวา ในฐานะเป็นผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่ปกป้องชาติยิศราเอล รวมทั้งเชื้อวงศ์ปุโรหิตของอาโรน และทุกคนที่เกรงกลัวพระเจ้า. (บทเพลงสรรเสริญ 115:9-11) ในฐานะเป็นผู้ที่เกรงกลัวพระยะโฮวา พวกเราให้ความเคารพอย่างสุดซึ้งแด่พระเจ้าและกลัวพระองค์อย่างสมควร ด้วยเกรงว่าจะทำให้พระองค์ไม่พอพระทัย. อีกประการหนึ่ง พวกเรามีความเชื่อว่า “พระผู้ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดินโลก” ทรงอวยพระพรชนที่นมัสการพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์. (ข้อ 12-15) สวรรค์เป็นบัลลังก์ที่ประทับของพระองค์ แต่พระเจ้าได้สร้างแผ่นดินโลกเป็นบ้านถาวรสำหรับมนุษยชาติที่ซื่อสัตย์และเชื่อฟัง. เพราะเหตุที่คนตายไม่รู้สึกตัว สงบนิ่งไม่สามารถสรรเสริญพระยะโฮวาได้ แต่ควรที่พวกเราคนเป็น ๆ นี้แหละพึงสรรเสริญพระองค์ด้วยศรัทธาอันแรงกล้าและด้วยความจงรักภักดี. (ท่านผู้ประกาศ 9:5) เฉพาะคนที่สรรเสริญพระยะโฮวาเท่านั้นจะได้รับชีวิตนิรันดร และสามารถจะ “ถวายคำสรรเสริญแก่พระยะโฮวา” ตลอดไป และประกาศคุณความดีของพระองค์ “จนตลอดอนาคตกาล.” ฉะนั้น ให้พวกเรายืนหยัดอย่างซื่อสัตย์ร่วมกันกับคนเหล่านั้นซึ่งได้ฟังคำพูดแนะนำที่ว่า “จงสรรเสริญพระยะโฮวาเถิด!”—บทเพลงสรรเสริญ 115:16-18.
คุณลักษณะต่าง ๆ ของพระยะโฮวาที่ยอดเยี่ยม
18, 19. คุณลักษณะประการต่าง ๆ ของพระยะโฮวาทำให้พระองค์ต่างไปจากพระเท็จทั้งหลายในทางใด?
18 ไม่เหมือนรูปเคารพที่ปราศจากชีวิต พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ทรงสำแดงคุณลักษณะต่าง ๆ อันยอดเยี่ยม. พระองค์ทรงเป็นแบบฉบับของความรักและ “ทรงเมตตากรุณา, ผู้ทรงอดพระทัยได้นาน, และบริบูรณ์ด้วยความดี.” (เอ็กโซโด 34:6; 1 โยฮัน 4:8) พระองค์ช่างต่างกันเพียงใดกับพระโมเล็คที่โหดเหี้ยมของชาวคะนาอัน ซึ่งต้องนำเด็กไปถวายเป็นบูชายัญ! เชื่อกันว่ารูปปั้นของพระเจ้าองค์นี้มีร่างเป็นคน มีหัวเป็นโค. มีการบอกเล่ากันว่า ได้มีการทำรูปเคารพนี้ให้ร้อนจนแดง แล้วเขาจะโยนเด็กลงไปในหว่างแขนที่เหยียดออก และร่างเด็กจะร่วงลงสู่เตาไฟเบื้องล่าง ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชน. แต่พระยะโฮวาทรงมีความรักและทรงพระเมตตามากจริง ๆ ด้วยเหตุนี้ ความคิดในเรื่องการใช้มนุษย์เผาบูชายัญดังกล่าวไม่เคยแม้แต่จะ ‘มีในพระหฤทัยของพระองค์.’—ยิระมะยา 7:31.
19 อนึ่ง คุณลักษณะต่าง ๆ ที่สำคัญของพระยะโฮวานับรวมความยุติธรรมที่สมบูรณ์พร้อม สติปัญญาอันไม่มีขอบเขต และฤทธานุภาพทุกประการ. (พระบัญญัติ 32:4; โยบ 12:13; ยะซายา 40:26) จะว่าอย่างไรเรื่องพระเจ้าองค์ต่าง ๆ ในเทพนิยาย? แทนการปฏิบัติในทางยุติธรรม พระเจ้าของบาบูโลนและเทพธิดาทั้งหลายล้วนแต่อาฆาตพยาบาท. พระต่าง ๆ ที่ชาวอียิปต์สักการะก็หาใช่สุดยอดแห่งปัญญาไม่ แต่ถูกพรรณนาให้เห็นภาพว่ามีความอ่อนแอเยี่ยงปุถุชนธรรมดา. นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพระเจ้าและเทพธิดาเหล่านั้นเป็นผลผลิตของมนุษย์ผู้ “ไร้สติ” ซึ่งอ้างตัวเป็นคนฉลาด. (โรม 1:21-23) พระทั้งหลายของชาวกรีกได้รับการสันนิษฐานว่าต่างก็วางอุบายห้ำหั่นกัน. ยกตัวอย่าง ในนิยาย พระซีอุสใช้อำนาจของตนในทางผิดโดยได้ขับโครนุสราชบิดาออกจากบัลลังก์ ซึ่งโครนุสเองเคยได้ขับไล่อุรานุสราชบิดาตัวเองออกจากราชสมบัติ. ช่างเป็นพระพรเพียงใดที่จะปฏิบัติและยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวา พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเป็นองค์เที่ยงแท้ ผู้ทรงสำแดงความรัก ความยุติธรรม สติปัญญาและอำนาจให้ประจักษ์ในแนวทางที่สมบูรณ์พร้อม.
พระยะโฮวาทรงคู่ควรกับคำสรรเสริญนิรันดร์
20. กษัตริย์ดาวิดให้เหตุผลอย่างไรสำหรับการสรรเสริญพระนามพระยะโฮวา?
20 ดังเห็นได้จากบทเพลงสรรเสริญฮัลเลล พระยะโฮวาสมควรได้รับการสรรเสริญนิรันดร์. ทำนองเดียวกัน เมื่อดาวิดและสหายชาวยิศราเอลได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์เพื่อการก่อสร้างพระวิหาร ท่านกล่าวปราศรัยต่อที่ชุมนุมว่า “สาธุ, ความสุขจงมีแก่พระยะโฮวา พระเจ้าของยิศราเอลบิดาทวดของเราสืบ ๆ ไปเป็นนิตย์. ข้าแต่พระยะโฮวา, ยศศักดิ์, อำนาจ, รัศมี, ความชัยชนะ, และเดชานุภาพคงมีแก่พระองค์, เพราะสรรพสิ่งในสวรรค์ก็ดี, ที่พิภพโลกก็ดี, เป็นของพระองค์; ข้าแต่พระยะโฮวา, ราชสมบัติสิทธิ์ขาดแก่พระองค์, พระองค์ทรงสถิตอยู่เหนือสิ่งสารพัตร. ทรัพย์สมบัติและยศศักดิ์มาแต่พระองค์. และพระองค์ทรงครอบครองอยู่ทั่ว; พระหัตถ์ของพระองค์ประกอบด้วยอำนาจและฤทธิ์เดช; คนทั้งปวงต้องอาศัยพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงตั้งให้เป็นใหญ่, และทรงอุดหนุนกำลัง. เหตุฉะนั้น, ข้าแต่พระยะโฮวา, บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายขอขอบพระเดชพระคุณพระองค์, และสรรเสริญพระนามอันล้ำเลิศของพระองค์.”—1 โครนิกา 29:10-13.
21. วิวรณ์ 19:1-6 ให้หลักฐานอะไรเกี่ยวด้วยการที่พระยะโฮวาได้รับคำสรรเสริญจากพลโยธาทางภาคสวรรค์?
21 พระยะโฮวาจะได้รับการถวายพระพรและคำสรรเสริญนิรันดร์ในสวรรค์เช่นกัน. อัครสาวกโยฮันได้ยินเสียงของ “ชนเป็นอันมากในสวรรค์” กล่าวว่า “ประชาชนทั้งหลาย จงสรรเสริญยาห์! ความรอดและสง่าราศีและฤทธิ์เดชมีแด่พระเจ้าของเรา เพราะการพิพากษาของพระองค์ถูกต้องและเที่ยงธรรม. ด้วยว่าพระองค์ได้ทรงสำเร็จโทษหญิงแพศยาตัวสำคัญ [บาบูโลนใหญ่] ที่ทำให้แผ่นดินโลกเสื่อมทรามด้วยการล่วงประเวณีของนาง และพระองค์ทรงแก้แค้นเรื่องโลหิตของบรรดาทาสของพระองค์ที่มือของนาง.” คนเหล่านั้นได้กล่าวอีกว่า “ประชาชนทั้งหลาย, จงสรรเสริญยาห์!” และ “ผู้ปกครองยี่สิบสี่คนพร้อมด้วยสิ่งมีชีวิตทั้งสี่” ก็ได้ทำเช่นเดียวกัน. สุรเสียงจากพระที่นั่งตรัสว่า “จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา, ท่านทั้งหลายที่เป็นทาสของพระองค์, ที่เกรงกลัวพระองค์, ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย.” ครั้นแล้วโยฮันกล่าวเพิ่มดังนี้: “ข้าพเจ้าได้ยินประหนึ่งเสียงชนเป็นอันมากและประหนึ่งเสียงน้ำมากหลาย และเสียงฟ้าร้องสนั่น. เขาเหล่านั้นตรัสว่า ‘ประชาชนทั้งหลาย, จงสรรเสริญยาห์ เพราะพระยะโฮวาพระเจ้าของเรา, ผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ, ได้เริ่มครอบครองเป็นกษัตริย์แล้ว.’”—วิวรณ์ 19:1-6, ล.ม.
22. พระยะโฮวาจะได้รับคำสรรเสริญโดยวิธีใดในโลกใหม่ที่พระองค์ทรงสัญญาไว้?
22 นับว่าเหมาะสมเสียจริง ๆ ที่พลโยธาทางภาคสวรรค์สรรเสริญพระยะโฮวา! ในโลกใหม่ของพระองค์ซึ่งใกล้เข้ามาทุกที บรรดาผู้ซื่อสัตย์ที่เป็นขึ้นจากตายจะร่วมสมทบกับพวกที่รอดชีวิตผ่านอวสานแห่งระบบนี้ถวายคำสรรเสริญแด่พระยะโฮวา. ภูเขาทั้งหลายอันสูงตระหง่านจะเปล่งเสียงเพลงถวายคำสรรเสริญแด่พระเจ้า. เนินเขาเขียวชอุ่มและต้นไม้ที่เกิดผลอุดมจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์. สรรพสิ่งที่มีชีวิตและลมหายใจเข้าออกจะร้องเพลงประสานเสียงสรรเสริญพระนามพระยะโฮวาอย่างมโหฬาร! (บทเพลงสรรเสริญ 148) จะได้ยินเสียงของคุณร่วมร้องกับชนฝูงใหญ่ที่มีความชื่นชมยินดีนั้นไหม? จะเป็นเช่นนั้นถ้าคุณรับใช้ยาห์ด้วยความภักดีร่วมกับไพร่พลของพระองค์. คุณควรให้เรื่องนี้เป็นจุดมุ่งหมายในชีวิตทีเดียว เพราะมีผู้ใดเล่าจะเสมอเหมือนพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเรา?
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ ทำไมจึงสรรเสริญพระเจ้ายะโฮวา?
▫ ในทางใดพระยะโฮวาเป็นผู้ที่ไม่มีใครเทียบเท่า?
▫ มีพยานหลักฐานอะไรแสดงว่าพระยะโฮวาทรงมีความเมตตาสงสาร?
▫ พระยะโฮวาต่างกันอย่างไรกับพวกพระเท็จทั้งหลายและรูปเคารพที่ปราศจากชีวิต?
▫ ทำไมเรากล่าวได้ว่าพระยะโฮวาจะรับคำสรรเสริญนิรันดร์ทั้งในสวรรค์และที่แผ่นดินโลก?
[รูปภาพหน้า 9]