การพิชิตทั้งซาตานและกิจการของมัน
“เพราะเหตุนี้ จงยอมตัวอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า แต่จงต่อต้านพญามาร แล้วมันจะหนีไปจากท่านทั้งหลาย.”—ยาโกโบ 4:7, ล.ม.
1. “มือของคนชั่วช้า” กระทบกระเทือนมนุษยชาติสมัยนี้อย่างไร?
โยบพูดไว้ถูกต้องทีเดียวว่า “แผ่นดินก็ถูกมอบให้อยู่ในเงื้อมมือของคนชั่วช้า.” (โยบ 9:24) และเวลานี้พวกเราเผชิญกับช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์. ทำไมล่ะ? เพราะว่ายุคนี้เป็น “สมัยสุดท้าย” แห่งการครอบงำที่ชั่วร้ายของซาตานทั่วแผ่นดินโลก. ฉะนั้น ไม่น่าประหลาดใจที่ ‘คนชั่วและคนเจ้าเล่ห์จะกำเริบมากขึ้น ด้วยการชักนำคนอื่นให้หลง ทั้งตัวเองก็ถูกล่อลวงให้หลงผิดด้วย’ โดยการปลุกเร้าของซาตาน. (2 ติโมเธียว 3:1, 13) นอกจากนั้น การกดขี่ข่มเหง, ความอยุติธรรม, ความโหดร้าย, อาชญากรรม, ความยากลำบากด้านการครองชีพ, การเจ็บป่วยเรื้อรัง, ความเจ็บปวดในวัยชรา, จิตใจห่อเหี่ยวท้อแท้—สิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวและอีกมากอาจมีผลกระทบพวกเราอย่างหนักหน่วง.
2. เราอาจรับมือการโจมตีของซาตานในเวลานี้อย่างไร?
2 ซาตานพญามาร ปรปักษ์สำคัญ กำลังมุ่งโจมตีมนุษยชาติและโดยเฉพาะผู้นมัสการแท้ของพระเจ้า. ซาตานมีเป้าหมายจะทำให้ทุกคนที่มีศักยภาพจะเป็นผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงกลายเป็นศัตรูของพระเจ้า และนำคนเหล่านั้นไปสู่ความหายนะพร้อมกับตัวมันเองและภูตผีบริวาร. แต่พวกเราได้รับคำรับรองว่าถ้าเราอดทนด้วยความซื่อสัตย์มั่นคง พญามารจะหนีจากเรา. เช่นเดียวกับพระเยซู เราสามารถ ‘เรียนรู้การเชื่อฟัง’ พระเจ้าจากสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องทนเอา และโดยพระกรุณาอันไม่พึงได้รับของพระเจ้า เราสามารถได้ชีวิตนิรันดร์.—เฮ็บราย 5:7, 8; ยาโกโบ 4:7; 1 เปโตร 5:8-10.
3, 4. (ก) เปาโลต้องต่อสู้กับการทดลองอะไรบ้างที่รุมล้อมจากภายนอก? (ข) อะไรคือความห่วงใยของเปาโลในฐานะเป็นคริสเตียนผู้ปกครอง?
3 อัครสาวกเปาโลก็เช่นกันถูกทดลองหลาย ๆ ทาง. เมื่อระบุหลักฐานฐานะเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ ท่านเขียนไว้ดังนี้: “ข้าพเจ้าทำเกินกว่าเขาอีก คือในกิจการต่าง ๆ ข้าพเจ้าทำมากกว่าเขา. ในการถูกติดคุกข้าพเจ้าก็ติดมามากกว่าเขา, ในการถูกโบยตีข้าพเจ้าก็ถูกเกินขนาด, ในการเผชิญภัยน่ากลัวตายข้าพเจ้าก็ถูกบ่อย ๆ. พวกยูดายได้เฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้ง ๆ ละสามสิบเก้าที. เขาเฆี่ยนข้าพเจ้าด้วยหวายสามครั้ง, เขาเอาก้อนหินขว้างข้าพเจ้าครั้งหนึ่ง, ข้าพเจ้าเผชิญภัยเรือแตกสามครั้ง, ข้าพเจ้าอยู่ในทะเลวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ข้าพเจ้าได้เที่ยวไปบ่อย ๆ, เผชิญภัยอันน่ากลัวในแม่น้ำ, เผชิญโจรภัย, เผชิญภัยในพวกพี่น้องของข้าพเจ้าเอง, เผชิญภัยกับคนต่างชาติ, เผชิญภัยในเมือง, เผชิญภัยในป่า, เผชิญภัยในทะเล, เผชิญภัยท่ามกลางพี่น้องทรยศ, ด้วยทำการเหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก, ด้วยการอดหลับอดนอนบ่อย ๆ ด้วยอดข้าวอดน้ำ ด้วยทนหนาวและเปลือยกาย.
4 “และนอกจากนั้นยังมีการอื่นที่บีบข้าพเจ้าอยู่ทุกวัน ๆ, คือความปรารภปรารมภ์ถึงคริสตจักร [ประชาคม, ล.ม.] ทั้งปวง. มีใครบ้างเป็นคนอ่อนกำลังและข้าพเจ้าไม่ได้แสดงตัวเป็นคนอ่อนกำลัง? มีใครบ้างที่ถูกนำให้สะดุดและข้าพเจ้าไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนด้วย?” (2 โกรินโธ 11:23-29) ด้วยเหตุนี้ เปาโลคงความซื่อสัตย์มั่นคงเสมอเมื่อเผชิญการข่มเหงและความยากลำบากต่าง ๆ จากภายนอก และในฐานะที่เป็นคริสเตียนผู้ปกครอง ท่านห่วงใยอย่างลึกซึ้งในการชูกำลังพี่น้องชายหญิงที่อ่อนแอในประชาคม ช่วยพวกเขารักษาความซื่อสัตย์มั่นคง. ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีอะไรเช่นนั้นสำหรับคริสเตียนผู้ปกครองสมัยนี้!
ซื่อสัตย์มั่นคงภายใต้การข่มเหง
5. เมื่อเกิดการข่มเหงโดยตรง จะรับมือได้อย่างไร?
5 ซาตานใช้เครื่องมืออะไรทำลายความซื่อสัตย์มั่นคง? ตามที่กล่าวข้างต้น ยุทธวิธีอันชั่วร้ายยิ่งอย่างหนึ่งของซาตานคือการข่มเหงโดยตรง แต่มีวิธีรับมือ. เอเฟโซ 6:10, 11 (ล.ม.) แนะนำเราดังนี้: “จงรับเอาพลังต่อ ๆ ไปในองค์พระผู้เป็นเจ้าและในพลานุภาพแห่งฤทธิ์เดชของพระองค์. จงสวมยุทธภัณฑ์ครบชุดจากพระเจ้า เพื่อท่านจะสามารถยืนมั่นต่อต้านยุทธอุบาย [หรือ “การอันมีเล่ห์เหลี่ยม”, ล.ม., เชิงอรรถ] ของมารได้.”
6. อาจแสดงให้เห็นอย่างไรว่าพยานพระยะโฮวาประสบ “ชัยชนะเหลือล้น”?
6 พยานพระยะโฮวาเคยได้ต่อสู้กับความยากลำบากบ่อย ๆ ในสมัยสุดท้ายนี้. ฉะนั้น เราสามารถพูดเหมือนเปาโลได้ว่า “ในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านั้น เราทั้งหลายมีชัยชนะเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย.” (โรม 8:37) ข้อนี้ได้รับการยืนยันจากบันทึกเกี่ยวกับความซื่อสัตย์มั่นคงของพยานพระยะโฮวาในค่ายกักกันประเทศเยอรมนี, ออสเตรีย, โปแลนด์, และยูโกสลาเวีย สมัยที่นาซียึดครองระหว่างปี 1933 และ 1945, ภายใต้การกดขี่แห่งระบอบคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกตั้งแต่ปี 1945 ถึง 1989, และในระหว่างการกดขี่ข่มเหงเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งทำให้เกิดความทุกข์ลำเค็ญตามส่วนต่าง ๆ ของแอฟริกาและทางลาตินอเมริกา.
7. รายงานจากประเทศเอธิโอเปียได้ให้ตัวอย่างที่น่าเร้าใจอะไรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์มั่นคง?
7 พยานพระยะโฮวาในประเทศเอธิโอเปียให้ตัวอย่างที่เร้าใจเกี่ยวกับความซื่อสัตย์มั่นคงระหว่างปี 1974 ถึง 1991. ผู้คุมคนหนึ่งที่ฝักใฝ่การเมืองพูดกับบราเดอร์ที่เป็นนักโทษว่า “ปล่อยสิงโตออกจากสวนสัตว์ยังมีอันตรายน้อยกว่าปล่อยพวกคุณเป็นอิสระ!” ผู้ข่มเหงที่โหดเหี้ยมเหล่านี้ได้ทรมานผู้รับใช้ของพระยะโฮวา และหลังจากนั้นหลายปีศาลอุทธรณ์สั่งประหารชีวิต. ร่างของบราเดอร์คนหนึ่งถูกแขวนประจานเพื่อเตือนใจคนอื่นทั่วไป. พี่น้องชายคนอื่น ๆ ซึ่งยื่นอุทธรณ์การถูกตัดสินประหารชีวิตก็ได้รับการปล่อยตัวโดยคำสั่งของศาลที่มีใจกว้างกว่า และ ‘ผู้มีชัย’ ที่ซื่อสัตย์บางคนให้คำบรรยายหรือเล่าประสบการณ์ ในระเบียบวาระการประชุมภาค การสอนจากพระเจ้า ในเมืองแอดดิสอาบาบา ต้นปี 1994.a—โยฮัน 16:33; เทียบกับ 1 โกรินโธ 4:9.
8. ซาตานได้พยายามใช้ประโยชน์จาก “การกวาดล้างชาติพันธุ์” อย่างไร?
8 ซาตานไม่อาจจะทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของพี่น้องชายหญิงที่ภักดีเหล่านั้นด้วยวิธีโจมตีซึ่ง ๆ หน้าโดยตรง. ฉะนั้น มันใช้กลอุบายและเล่ห์เหลี่ยมอื่น ๆ อะไรบ้าง? วิวรณ์ 12:12 (ล.ม.) พูดถึงสมัยสุดท้ายดังนี้: “วิบัติแก่แผ่นดินโลกและทะเล เพราะพญามารได้ลงมาถึงพวกเจ้าแล้ว มีความโกรธยิ่งนัก ด้วยรู้ว่ามันมีระยะเวลาอันสั้น.” เมื่อไม่สามารถขจัดไพร่พลที่ภักดีต่อพระเจ้าโดยการข่มเหง ด้วยความโกรธมันจึงพยายามผลาญชีวิตประชากรเป็นหมู่ใหญ่ ด้วยเจตนาทำลายล้างไพร่พลของพระยะโฮวาพร้อม ๆ กับประชาชนคนอื่น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย. ด้วยเหตุนั้น การกวาดล้างชาติพันธุ์ตามที่เรียกกันจึงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของอดีตยูโกสลาเวีย และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในไลบีเรีย, บุรุนดี, และรวันดา.
9. เหตุใดกลยุทธ์ของซาตานล้มเหลวอยู่เนือง ๆ? ยกตัวอย่าง.
9 แต่กลยุทธ์ของซาตานมักจะเกิดผลกลับตาลปัตร เพราะความทุกข์ที่มาจากซาตานได้ปลุกสุจริตชนให้ตระหนักว่า ความหวังอย่างเดียวของพวกเขาอยู่ที่ราชอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งพยานพระยะโฮวาประกาศข่าวนี้ด้วยความกระตือรือร้น. (มัดธาย 12:21) ที่แท้แล้ว ผู้สนใจพากันหลั่งไหลมายังราชอาณาจักร! อย่างเช่น ในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาที่ได้รับความเสียหายหนักจากการสู้รบกัน ครั้นวันที่ 26 มีนาคม 1994 การประชุมอนุสรณ์รำลึกถึงการวายพระชนม์ของพระเยซู มีผู้ร่วมประชุม 1,307 คน มากกว่าปีก่อน 291 คน. ยอดจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมมากเป็นประวัติการณ์ในเมืองซาราเยโว (414 คน), เซนะซา (223 คน) เมืองทุซลา (339 คน) เมืองบันจาลูกา (255 คน), และที่เมืองอื่นด้วย. ในโครเอเชียที่อยู่ใกล้เคียงได้ยอดใหม่จำนวนผู้เข้าร่วมการประชุม 8,326 คน. ความรุนแรงที่เกิดขึ้นรอบข้างไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางพยานพระยะโฮวาในดินแดนเหล่านั้นซึ่งปฏิบัติตามพระบัญชาที่ให้ “ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ากว่าพระองค์จะเสด็จมา.”—1 โกรินโธ 11:26.
ในประเทศรวันดาที่มีการต่อสู้อย่างหนัก
10, 11. (ก) เกิดเหตุการณ์อะไรในประเทศรวันดาซึ่งถือกันว่าเป็นคริสเตียน? (ข) มิชชันนารีที่ซื่อสัตย์ได้พูดเกี่ยวกับตัวเองอย่างไร?
10 ในปี 1993 ประเทศรวันดาซึ่งมีผู้ประกาศราชอาณาจักร 2,080 คนแต่ผู้ร่วมการประชุมภาค “การสอนจากพระเจ้า” มีถึง 4,075 คนและ 230 คนรับบัพติสมา. จากจำนวนนี้มี 142 คนสมัครเป็นไพโอเนียร์สมทบทันที. จำนวนการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านได้เพิ่มขึ้นเป็น 7,655 รายในปี 1994—เห็นได้ชัดว่า ซาตานไม่ชอบการเพิ่มทวีเช่นนี้! แม้พลเมืองส่วนใหญ่อ้างตัวเป็นคริสเตียน แต่การสังหารหมู่ภายในประเทศระหว่างชนเผ่าฮูตูกับทุตซีก็ได้เริ่มขึ้น. หนังสือพิมพ์ของวาติกันชื่อ โลแซร์วาโตเร โรมาโน ยอมรับว่า “เรื่องนี้เป็นการล้างชาติพันธุ์อย่างแน่นอน ซึ่งนับว่าน่าเสียดายที่แม้แต่ชาวคาทอลิกก็เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย.” ประมาณกันว่า พลเมืองทั้งชาย, หญิง, และเด็กเสียชีวิตไปถึงห้าแสนคน และราว ๆ สองล้านคนถูกทำให้ไร้ที่อยู่ หรือไม่ก็ต้องหนีไป. โดยที่พวกเขาคงความเป็นกลางอย่างคริสเตียนที่ไม่ก่อความรุนแรง พยานพระยะโฮวาต่างก็พยายามอยู่ร่วมกัน. พี่น้องชายหญิงของเราหลายร้อยคนถูกฆ่า. แต่ในประชาคมหนึ่งที่มีผู้ประกาศราชอาณาจักร 65 คน ซึ่ง 13 คนถูกฆ่านั้น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุมเพิ่มขึ้นเป็น 170 คน ในเดือนสิงหาคม 1994. สิ่งของบรรเทาทุกข์จากเหล่าพยานฯในประเทศอื่นรวมอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ส่งไปถึงเที่ยวแรก. พวกเราทูลอธิษฐานเพื่อพี่น้องที่รอดชีวิตอยู่.—โรม 12:12; 2 เธซะโลนิเก 3:1, 2; เฮ็บราย 10:23-25.
11 ระหว่างความสยดสยอง มิชชันนารีสามคนที่อยู่ในรวันดาหนีรอดไปได้. เขารายงานดังนี้: “พวกเราตระหนักว่า พี่น้องของเราทั่วโลกได้เผชิญสภาพการณ์ที่คล้ายคลึงกัน หรือเลวร้ายกว่า และพวกเรารู้ว่าทุกอย่างเป็นส่วนแห่งสัญลักษณ์ชี้ถึงสมัยสุดท้ายแห่งระบบชั่วนี้. กระนั้น ครั้นคนเรามีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์นั้น ๆ ด้วยตัวเอง นั่นทำให้เขารู้ซึ้งในความเป็นจริงของสิ่งต่าง ๆ และทำให้เกิดความหยั่งรู้ค่าว่าชีวิตนั้นช่างมีค่าเพียงใด. คัมภีร์บางข้อมีความหมายเป็นพิเศษสำหรับพวกเรา และเราตั้งหน้าคอยเวลานั้นอย่างใจจดใจจ่อเมื่อสิ่งเก่า ๆ จะไม่มีการฟื้นคิดขึ้นมาอีก. ขณะที่คอย พวกเราต้องการง่วนอยู่กับการรับใช้พระยะโฮวา.”
เยาวชนรักษาความซื่อสัตย์มั่นคง
12, 13. (ก) เด็กสาวคนหนึ่งได้ยึดมั่นแนวทางที่ซื่อสัตย์มั่นคงอย่างไร? (ข) เวลานี้ เยาวชนของเราอาจจะรับการสนับสนุนให้มีกำลังใจได้จากแหล่งไหน?
12 พระเยซูตรัสว่า คนเหล่านั้นที่ถูกสมาชิกในครอบครัวตัดขาดเพราะเห็นแก่ความจริงจะได้รับตอบแทน “ร้อยเท่า.” (มาระโก 10:29, 30) ข้อนี้เป็นจริงกับเอ็งเทเลีย เด็กหญิงวัยสิบขวบในแอฟริกาเหนือ ซึ่งรักพระนามของพระเจ้า—ยะโฮวา—ทันทีที่เธอได้ยินชื่อนี้. เธอศึกษากับพยานพระยะโฮวาและแต่ละเที่ยวที่เดินไปร่วมประชุมนั้นใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง ถึงแม้บ่อยครั้งครอบครัวที่ต่อต้านขัดขวางเธอจะปิดประตูไม่ยอมให้เธอเข้าบ้านเมื่อกลับจากการประชุม. เธอเริ่มออกประกาศตามบ้านเมื่ออายุ 13 ปี และการขัดขวางจากครอบครัวยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น. วันหนึ่ง พวกญาติ ๆ ได้จับเธอมัดมือมัดเท้าและปล่อยเธอนอนตากแดดร้อนจัดนานถึงเจ็ดชั่วโมง และสาดน้ำสกปรกราดตัวเธอเป็นพัก ๆ. พวกเขาเฆี่ยนตีเธออย่างรุนแรงจนตาบอดไปข้างหนึ่ง ในที่สุดก็ไล่เธอออกจากบ้าน. อย่างไรก็ตาม เธอได้งานทำในโรงพยาบาลและผลสุดท้ายเธอมีคุณสมบัติได้เป็นพยาบาล. เธอรับบัพติสมาเมื่ออายุ 20 ปีและสมัครเป็นไพโอเนียร์สมทบทันที. ด้วยความรู้สึกประทับใจที่เธอได้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง ทางครอบครัวจึงชวนเธอกลับมาอยู่ที่บ้านอีก และมีเก้าคนในครอบครัวตอบรับการศึกษาพระคัมภีร์ที่บ้าน.
13 เอ็งเทเลียได้รับกำลังใจมากมายจากเพลงสรรเสริญบท 116 โดยเฉพาะข้อ 1-4 ซึ่งเธออ่านแล้วอ่านอีกที่ว่า: “ข้าพเจ้ารักพระยะโฮวา, เพราะพระองค์ได้ทรงฟังน้ำเสียงและคำทูลอธิษฐานของข้าพเจ้า. เพราะพระองค์ได้ทรงเงี่ยพระกรรณฟังข้าพเจ้า, เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจะร้องทูลพระองค์ตลอดชีวิตของข้าพเจ้า. เชือกแห่งความตายได้พันข้าพเจ้าไว้, และความเจ็บปวดแห่งเมืองผีมาปะทะข้าพเจ้าแล้ว: ข้าพเจ้ามีความทุกข์และเสียใจ. จึงได้ร้องทูลออกพระนามพระยะโฮวาไป: ‘ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงโปรดช่วยจิตวิญญาณของข้าพเจ้าให้รอด.’” พระยะโฮวาทรงตอบคำทูลอธิษฐานเช่นนั้น!
14. พยานฯชาวโปแลนด์ได้แสดงความซื่อสัตย์ภักดีอย่างโดดเด่นอย่างไร?
14 เช่นเดียวกับในสมัยพระเยซู ซาตานมักจะใช้ความคลั่งไคล้ทางศาสนาปลุกเร้าการกดขี่ข่มเหง แต่มันทำไม่สำเร็จ. ที่เห็นได้เด่นชัดคือตัวอย่างของพี่น้องของเราที่ประเทศโปแลนด์ ตามที่พรรณนาในหนังสือประจำปีของพยานพระยะโฮวา ปี 1914 (ภาษาอังกฤษ). แม้แต่เด็กหนุ่มสาวก็จำต้องพิสูจน์ตัวเป็นผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง. เมื่อปี 1946 เด็กหญิงอายุ 15 ปีถูกสั่งว่า “แค่ทำสัญลักษณ์รูปกางเขนของคาทอลิกเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเธอถูกยิงแน่!” เพราะเธอได้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง เธอจึงถูกลากตัวเข้าไปในป่า ถูกทรมานอย่างโหดร้ายแล้วถูกยิง.—เทียบกับมัดธาย 4:9, 10.
กลวิธีอื่น ๆ ที่แฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยมของซาตาน
15, 16. (ก) นโยบายอันร้ายกาจของซาตานได้แก่อะไร และเราจะต้านทานมันโดยวิธีใด? (ข) เหตุใดจึงไม่จำเป็นที่เยาวชนของเราต้องสะดุดล้ม?
15 จริง ๆ แล้ว นโยบายอันชั่วร้ายของซาตานก็คือ “ครอบครองหรือไม่ก็ทำลาย”! มันมีอาวุธร้ายมากมายที่จะนำออกมาใช้. ฉะนั้นจึงไม่ประหลาดใจเลยที่อัครสาวกเปาโลกล่าวเตือนดังนี้: “เพราะเรามีการปล้ำสู้ ไม่ใช่กับเลือดและเนื้อ แต่ต่อสู้กับรัฐบาล ต่อสู้กับผู้มีอำนาจ ต่อสู้กับผู้ครอบครองโลกแห่งความมืดนี้ ต่อสู้กับอำนาจวิญญาณชั่วในสวรรค์สถาน. ฉะนั้น จงสวมยุทธภัณฑ์ครบชุดจากพระเจ้าเพื่อท่านทั้งหลายจะสามารถต้านทานได้ในวันชั่วร้าย และภายหลังที่ท่านได้ทำทุกสิ่งอย่างถ้วนถี่แล้วจะยืนมั่น.” (เอเฟโซ 6:12, 13, ล.ม.) ความปรารถนาอยากได้ซึ่งวัตถุเงินทอง, การบันเทิงอันเสื่อมทรามและการโฆษณาชวนเชื่อ, ดนตรีแบบปิศาจ, ความกดดันจากเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน, การใช้ยาเสพย์ติดให้โทษ, และการเมาเหล้า สิ่งเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งยังความเสียหายแก่ชีวิตของเราได้. ดังนั้น อัครสาวกจึงแนะนำต่อไปอีกว่า “และนอกนั้นจงเอาความเชื่อเป็นโล่, ด้วยโล่นั้นจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย.”—เอเฟโซ 6:16.
16 ดูเหมือนจำเป็นต้องทำเช่นนั้นโดยเฉพาะในปัจจุบันเมื่อคำนึงถึงแนวดนตรีที่แปลกพิสดาร ซึ่งซาตานกำลังใช้เพื่อให้ซึมซาบไปทั่วโลก. ดนตรีบางประเภทเกี่ยวข้องโดยตรงกับลัทธิซาตาน. รายงานจากสำนักงานเขตแซนดิเอโก (สหรัฐ) แจ้งว่า “มีการจัดคอนเสิร์ตขึ้นที่นี่ พวกเด็กราว ๆ 15,000 คนซึ่งแห่กันมาชมวงดนตรีพากันร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ‘นาตาซ’ คือคำซาตานซึ่งสะกดกลับหลัง.” มีการพรรณนาลัทธิซาตานว่าเป็นหลุมลึก ซึ่งหนุ่มสาวบางคนพลัดตกลงไป “เพราะพวกเขาได้เร่ร่อนอย่างสิ้นหวัง, เคียดแค้นและเดียวดาย.” ส่วนพวกคุณที่เป็นหนุ่มสาวในประชาคมคริสเตียน ไม่จำเป็นที่คุณจะสะดุดล้ม! พระยะโฮวาทรงจัดยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณครบชุดให้คุณแล้ว ซึ่งลูกศรของซาตานจะไม่สามารถพุ่งทะลุได้.—บทเพลงสรรเสริญ 16:8, 9.
17. อาจขจัดความหดหู่ท้อแท้ใจได้อย่างไร?
17 ลูกศรเพลิงของซาตานถูกออกแบบเพื่อควบคุมอารมณ์ความรู้สึก. ด้วยความกดดันต่าง ๆ ในชีวิต เป็นต้นว่า ความเจ็บป่วยทางกาย หรือภาวะหดหู่ท้อแท้อย่างหนัก ปรปักษ์ของเราอาจทำให้บางคนเกิดความรู้สึกว่าตนไร้ค่า. บางคนอาจท้อแท้ใจเนื่องจากไม่สามารถใช้เวลาหลาย ๆ ชั่วโมงในงานรับใช้พระเจ้า หรืออาจเป็นเพราะตนไม่สามารถไปร่วมการประชุมประชาคมได้ทุกนัด. การดูแลด้วยความรักของพวกผู้ปกครองและพี่น้องชายหญิงผู้มีน้ำใจเอื้อเฟื้อก็อาจช่วยขจัดความบอบช้ำทางจิตใจที่ยุ่งยากได้. จงระลึกอยู่เสมอว่า พระยะโฮวาทรงรักผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์. (1 โยฮัน 4:16, 19) บทเพลงสรรเสริญ 55:22 บอกดังนี้ “จงทอดภาระของท่านไว้กับพระยะโฮวา, และพระองค์จะทรงเป็นธุระให้: พระองค์จะไม่ยอมให้คนชอบธรรมแตกฉานซ่านเซ็นไป.”
18. บางคนต้องต่อสู้กับอุบายอันมีเล่ห์เหลี่ยมแบบไหนของซาตาน?
18 “ยุทธอุบาย” อันมีเล่ห์เหลี่ยมของซาตานยังปรากฏให้เห็นเมื่อไม่นานมานี้ด้วยรูปแบบใหม่. ในบางประเทศผู้ใหญ่หลายคนได้ประสบกับความคิดต่าง ๆ ที่ผุดขึ้นมาซึ่งแสดงถึงความฝังใจอย่างไม่ลบเลือนที่ว่า เมื่อตอนเป็นเด็กตนถูกกระทำทารุณโดยลัทธิบูชาซาตาน. ความคิดเหล่านี้มาจากที่ไหน? แม้มีการค้นคว้ากันอย่างกว้างขวางก็ตาม ความเห็นก็ยังแตกต่างกันมากมาย. บางคนถือว่าความคิดดังกล่าวเกิดจากความทรงจำจริง ๆ, บางคนถือว่าเป็นจินตนาการ—บางทีนักจิตบำบัดที่น่าสงสัยอาจเป็นผู้ก่อขึ้น—และยังมีบางคนถือว่าเป็นประสาทหลอนอย่างหนึ่งซึ่งความบอบช้ำทางจิตใจในวัยเด็กเป็นสาเหตุ.
19. (ก) โยบต้องต่อสู้กับความนึกคิดเช่นไร? (ข) พวกผู้ปกครองอาจติดตามแบบอย่างของอะลีฮูได้อย่างไร?
19 เป็นเรื่องน่าสนใจที่โยบผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องรับมือกับ “ความคิดต่าง ๆ” ซึ่งซาตานถ่ายทอดผ่านทางอะลีฟาศและโซฟาร์. (โยบ 4:13-18; 20:2, 3) ด้วยเหตุนี้ โยบจึงประสบกับ “ความร้อนใจ” ซึ่งยังผลให้ท่านพูด “หุนหัน” เรื่อง “ความน่าหวาดเสียว” ที่รบกวนใจของท่าน. (โยบ 6:2-4; 30:15, 16, ฉบับแปลใหม่) อะลีฮูฟังโยบอย่างเงียบ ๆ และด้วยความจริงใจได้ช่วยโยบให้เห็นแง่คิดอันฉลาดล้ำของพระยะโฮวาในเรื่องต่าง ๆ. ทุกวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ผู้ปกครองที่มีความเข้าใจแสดงว่าตนใส่ใจดูแลผู้มีความทุกข์หนักใจ โดยไม่เพิ่มความ “กดดัน” ให้แก่ผู้ที่มีความทุกข์อยู่แล้ว. แทนที่จะทำเช่นนั้น เขาจะทำเหมือนอะลีฮู โดยเอาใจใส่ฟังเรื่องราวที่เขาพูด แล้วจึงใช้น้ำมันอันได้แก่พระคำของพระเจ้าทาบรรเทาความเจ็บปวด. (โยบ 33:1-3, 7; ยาโกโบ 5:13-15) ฉะนั้น ใครก็ตามที่รู้สึกว่าความบอบช้ำในจิตใจคอยรบกวนอารมณ์ความรู้สึกของตน ไม่ว่าเป็นจริงหรือคิดเอาเอง, หรือเป็น “คนที่ตกใจด้วยความฝัน, และ . . . โดยนิมิตร้าย” เช่นโยบเคยเป็นมาแล้ว ก็อาจจะพบคำปลอบโยนตามหลักพระคัมภีร์ภายในประชาคม ซึ่งบรรเทาความปวดร้าวได้.—โยบ 7:14; ยาโกโบ 4:7.
20. คริสเตียนที่เป็นทุกข์อาจได้รับการช่วยเหลืออย่างไรเพื่อคงความสงบฝ่ายวิญญาณ?
20 เวลานี้คริสเตียนย่อมแน่ใจได้ว่า ซาตานอยู่เบื้องหลังความคิดที่น่ากลัวเหล่านี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง. หากมีบางคนในประชาคมประสบความทุกข์แนวนี้ พวกเขาควรสุขุม มองดูอาการทางจิตที่ทำให้หวาดกลัวที่ติดตรึงเช่นนั้นว่าเป็นความพยายามโดยตรงของซาตานที่จะรบกวนความสุขสงบฝ่ายวิญญาณของเขา. พวกเขาต้องการการช่วยเหลือสนับสนุนด้วยความอดทนและด้วยความเข้าใจตามหลักการแห่งคัมภีร์ไบเบิล. โดยการหันเข้าหาพระยะโฮวาอย่างจริงใจและรับผลประโยชน์จากการบำรุงเลี้ยงฝ่ายวิญญาณ คนเหล่านั้นที่ประสบความทุกข์จะทำให้ตัวเองได้ประโยชน์จากพลังการเยียวยารักษาที่เกินกว่ากำลังปกติ. (ยะซายา 32:2; 2 โกรินโธ 4:7, 8) ดังนั้น เขาจะสามารถอดทนได้ด้วยความซื่อสัตย์และไม่ยอมปล่อยความคิดที่แทรกซึมด้วยสิ่งชั่วร้ายรบกวนความสงบสุขของประชาคม. (ยาโกโบ 3:17, 18) ใช่แล้ว พวกเขาจะสามารถต่อต้านพญามารได้ แสดงน้ำใจอย่างเดียวกันกับพระเยซูเมื่อพระองค์ตรัสว่า “อ้ายซาตาน, จงไปเสียให้พ้น!”—มัดธาย 4:10; ยาโกโบ 4:7.
21. พระคัมภีร์เตือนอย่างไรเกี่ยวด้วยวิธีต่าง ๆ อันมีเล่ห์เหลี่ยมของซาตาน?
21 พวกเรารู้ว่าซาตานตั้งเป้าจะทำให้ความคิดจิตใจของเราเสื่อมทรามไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเหมือนอัครสาวกเปาโลกล่าวเตือนไว้ที่ 2 โกรินโธ 11:3 ดังนี้: “แต่ข้าพเจ้าเกรงว่า, งูนั้นได้ล่อลวงนางฮาวาด้วยอุบายของมันฉันใด, จะมีเหตุอันหนึ่งอันใดล่อลวงจิตใจของท่านทั้งหลายให้หลงจากความสัตย์ซื่อและความบริสุทธิ์ต่อพระคริสต์ฉันนั้น.” ความเสื่อมเสียของบรรดาเนื้อหนังหรือสังคมมนุษยชาติที่ห่างเหินพระเจ้าในทุกวันนี้สะกิดใจเราให้นึกถึงความเสื่อมเสียซึ่ง “ผู้โค่นล้ม” ลูกพันธุ์ผสมที่เสื่อมทรามและรุนแรงในสมัยโนฮาก่อให้เกิด. (เยเนซิศ 6:4, 12, 13, ล.ม., เชิงอรรถ; ลูกา 17:26) เหตุฉะนั้น ไม่แปลกที่ซาตานจะกระทำการอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมและอาศัยกลวิธีเพื่อระบายความโกรธแค้น โดยเฉพาะต่อไพร่พลของเจ้า.—1 เปโตร 5:8; วิวรณ์ 12:17.
22. เมื่อซาตานไม่ก่อกวนพวกเราอีกต่อไป จึงอาจคาดหมายจะรับพระพรอะไร?
22 ไม่มีการเอ่ยชื่อซาตานเสียด้วยซ้ำในบทท้าย ๆ ของพระธรรมโยบ. การท้าทายอันหยาบหยามของมันที่ว่ามนุษย์ไม่สามารถรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระเจ้านั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริงก็โดยที่โยบได้แสดงความซื่อสัตย์มั่นคง. ทำนองเดียวกัน ในอนาคตอันใกล้เมื่อ “ชนฝูงใหญ่” ซึ่งประกอบด้วยผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงพากัน “ออกมาจากความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” ซาตานจะถูกกักไว้ในเหว. มนุษย์ชายหญิงที่มีความเชื่อ รวมทั้งโยบผู้ซื่อสัตย์จะสมทบกับ “ชนฝูงใหญ่” ร่วมรับพระพรนานัปการในอุทยาน เลอเลิศยิ่งกว่าบำเหน็จตอบแทนที่โยบเคยได้รับเสียอีก.—วิวรณ์ 7:9-17; 20:1-3, 11-13; โยบ 14:13.
[เชิงอรรถ]
a ดูหนังสือประจำปีของพยานพระยะโฮวา ปี 1992 (ภาษาอังกฤษ) หน้า 177.
คำถามทบทวน
▫ โยบ, พระเยซู, และเปาโลได้วางตัวอย่างที่ดีเช่นไรในด้านความซื่อสัตย์มั่นคง?
▫ ผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงได้เผชิญกับซาตานอย่างไร?
▫ เยาวชนอาจต่อต้านขัดขวางวิธีการอันเป็นอุบายของซาตานอย่างไร?
▫ จะทำอย่างไรเพื่อรับมือกับอุบายล่อลวงของซาตาน?
[รูปภาพหน้า 7]
ในประเทศเอธิโอเปีย เมสวัดและโยอาลานรับใช้พระยะโฮวาเต็มเวลาตามแบบอย่างบิดาของพวกเขาซึ่งถูกประหารชีวิต
[รูปภาพหน้า 7]
เอ็งเทเลีย เยาวชนผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงในแอฟริกาเหนือ