การรณรงค์ให้คำพยานที่ประสบผลสำเร็จในกรีซ
พยานพระยะโฮวาได้เผชิญการต่อต้านมานานแล้วในประเทศกรีซ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ, เจ้าหน้าที่ในศาล, และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบางคนได้ข่มเหงพยานฯบ่อยครั้งเนื่องจากความกดดันโดยนักเทศน์นักบวชกรีกออร์โทด็อกซ์. บางครั้งเหตุผลที่อ้างคือกฎหมายของกรีซที่ต่อต้านการชักจูงให้เปลี่ยนศาสนา ในโอกาสอื่นเหตุผลคือการที่พยานฯปฏิเสธโดยอาศัยคัมภีร์ไบเบิลที่จะไม่ทำสงครามหรือยอมรับการถ่ายเลือด.—ยะซายา 2:2-5; กิจการ 15:28, 29.
ด้วยความพยายามที่จะส่งเสริมความเข้าใจมากขึ้นในท่ามกลางผู้มีอำนาจที่สุจริตใจในกรีซ พยานฯราว ๆ 200 คนซึ่งรัฐบาลกรีกยอมรับฐานะเป็นผู้เผยแพร่ศาสนา อีกทั้งบางคนซึ่งมีอาชีพทางกฎหมายได้เข้าร่วมในการรณรงค์ทั่วประเทศเมื่อไม่นานมานี้. พวกเขาได้เสนอจุลสารที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ มีชื่อว่า พยานพระยะโฮวาในกรีซ, อีกทั้งหนังสือพยานพระยะโฮวา—ผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า. พวกเขาได้จัดเตรียมเอกสารไปด้วยหลายฉบับซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่มีพื้นฐานอันชอบด้วยกฎหมายในการข่มเหงพยานพระยะโฮวา. พยานฯได้ไปเยี่ยมผู้บัญชาการตำรวจ, นายกเทศมนตรี, พนักงานอัยการ, และข้าราชการคนอื่น ๆ.
การตอบรับล่ะ? ประสบการณ์ที่ดีนับร้อย ๆ เรื่อง. โปรดพิจารณาตัวอย่างบางเรื่อง.
ผู้บัญชาการสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในมาซิโดเนียตะวันตกยินดีต้อนรับพี่น้อง และบอกว่า “ผมรู้จักพวกคุณมานานแล้ว . . . ผมนิยมชมชอบระเบียบของพวกคุณ. . . . ผมไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเรื่องการชักจูงให้เปลี่ยนศาสนา และหากผมมีอำนาจ ผมจะยกเลิกกฎหมายนั้นเสีย.”
ผู้กำกับของสถานีตำรวจต่าง ๆ ในหลายเมืองได้ออกความเห็น เช่น “ผมขอชมเชยคุณในเรื่องบริการสังคมที่พวกคุณทำ.” “ชุมชนของพวกคุณไม่เคยสร้างปัญหาให้ตำรวจ คุณทำให้งานด้านสังคมสำเร็จลุล่วงไป.” “เราไม่มีปัญหากับพวกคุณเลย. เรานับถือและนิยมชมชอบพวกคุณ.”
ในเมืองไพรีอัส เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นสูงในหน่วยรักษาความปลอดภัยบอกพี่น้องด้วยน้ำตาคลอหน่วยว่า เขารู้จักอธิษฐานถึงพระเจ้ายะโฮวาโดยเรียกชื่อผ่านทางพระเยซูคริสต์. เขาทำให้พยานฯประหลาดใจต่อไปอีกด้วยซ้ำเมื่อบอกว่า เขารู้ว่าพวกพยานฯคาดหมายการข่มเหงบางอย่างก่อนอาร์มาเก็ดดอน และเขาหวังว่าพระเจ้าจะใช้เขาเพื่อช่วยพยานฯในตอนนั้น! เขายอมรับคำเชิญของพี่น้องที่จะมีการสนทนากันต่อไป.
เจ้าหน้าที่รัฐบาลตอบรับ
นายกเทศมนตรีคนหนึ่งในเมืองเธสซาลีได้พูดเกี่ยวกับหนังสือผู้ประกาศ ว่า “หนังสือนี้สมควรมีไว้ในห้องสมุดของเทศบาล—ในที่ที่เห็นเด่นชัด!” ดังนั้น เขาเอาหนังสืออื่น ๆ ออกจากชั้นแล้ววางหนังสือผู้ประกาศ ไว้ที่นั่นเพื่อจะเห็นหน้าปกได้ชัด.
ในกรีซภาคเหนือ นายกเทศมนตรีคนหนึ่งได้ทักทายพี่น้องที่มาเยี่ยมนั้นอย่างอบอุ่นและบอกว่า “พวกคุณเป็นคนดีที่สุดซึ่งผมอยากให้มีอยู่ในเขตเทศบาลของผม.” นายกเทศมนตรีผู้ใจดีคนหนึ่งในเกาะ ยูบีอะเหนือ ได้บอกพี่น้องว่า “ผมเป็นอดีตนายทหาร. แต่ผมนิยมชมชอบพวกคุณมากจริง ๆ.” เขาเห็นด้วยอย่างกระตือรือร้นกับข่าวสารที่พยานฯเสนอ. เมื่อพวกเขาแสดงให้เห็นหนังสือที่สรรแล้วซึ่งจัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ เขาบอกว่า “หากผมสัญญาว่าจะอ่านหนังสือทั้งหมดนี้ คุณจะให้หนังสือพวกนี้แก่ผมไหม?” พวกเขาตอบว่า “แน่นอนครับ พวกผมให้หนังสือทั้งหมดนี้แก่ท่าน!” เขาดีใจและแทบจะไม่อยากให้พี่น้องลาจากไป.
ในแถบชานเมืองแอททิคา นายกเทศมนตรีคนหนึ่งยินดีรับหนังสือที่พี่น้องเสนอให้และขอให้พวกเขานำสรรพหนังสือของสมาคมฯมาให้เขาเรื่อย ๆ. ขณะที่พวกเขากำลังจะจากไป เขาบอกพยานฯว่า “ประชาชนได้รับความผิดหวังอย่างมากจากพวกนักการเมืองและสืบแสวงหาความจริงแท้ ๆ ในที่อื่นบางแห่ง. ผมแน่ใจว่านับแต่นี้ไป พวกคุณจะมีธุระยุ่งทีเดียวเพราะคุณมีความจริง.”
พนักงานอัยการตอบรับ
พวกพี่น้องซึ่งไปเยี่ยมผู้ทำการแทนพนักงานอัยการคนหนึ่งในกรีซภาคเหนือหวนระลึกว่า “เขาประทับใจเนื่องจากหนังสือและการเสนอของเรา อีกทั้งการที่เราพยายามจะทำให้แน่ใจว่า ผู้คนของเราไม่ใช่ว่าจะหมดทางช่วยเมื่อเผชิญประเด็นสำคัญเรื่องการถ่ายเลือด. ในที่สุด เขาขอบคุณเราและชมเชยเราอย่างอบอุ่นสำหรับการริเริ่มมาเยี่ยมและแจ้งข่าวให้เขาทราบ. ทีหลัง เราทราบว่าเมื่อสี่ปีก่อนเขาได้เรียกตำรวจแล้วสั่งการให้จับกุมพี่น้องสองคนซึ่งกำลังทำงานรับใช้ตามบ้านอยู่.”
พยานฯสองคนที่เป็นทนายความซึ่งไปเยี่ยมสำนักงานของพนักงานอัยการในกรุงเอเธนส์รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้พบพนักงานอัยการชื่อดังผู้สูงวัยกว่าซึ่งได้รับความนับถืออย่างกว้างขวางเข้ามาหาพวกเขา. เขาพาคนทั้งสองเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งแล้วบอกว่ากฎหมายห้ามการชักจูงให้เปลี่ยนศาสนานั้นไม่มีรากฐานและก่อให้เกิดความสับสนในระบบศาลของกรีก. เขาขอบคุณพยานฯพร้อมกับจับมืออย่างมีไมตรีจิต.
ในภาคเหนือของกรีซ พนักงานอัยการคนหนึ่งแสดงความเป็นมิตรจริง ๆ และยอมรับสรรพหนังสือ. ขณะที่เขาพลิกหน้าหนังสือคำถามที่หนุ่มสาวถาม-คำตอบที่ได้ผล เขาตกตะลึงที่เห็นความหลากหลายของบทต่าง ๆ ในสารบัญ. เขาออกความเห็นว่า “เรื่องต่าง ๆ ในหนังสือเล่มนี้ ผมไม่เคยเห็นในหนังสือทั้งหมดของคริสตจักรออร์โทด็อกซ์.”
พนักงานอัยการคนหนึ่งในเบออทีอะยอมรับว่า ในอดีต เขาเคยออกคำสั่งให้มีการถ่ายเลือดแก่พยานฯซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของพวกเขา. แต่หลังจากพี่น้องหาเหตุผลกับเขาในเรื่องนั้นแล้ว เขาแถลงว่า “ผมจะไม่ออกคำสั่งเช่นนั้นอีกในอนาคต!” เขาตกลงใจว่าจะปรึกษากับคณะกรรมการประสานงานกับโรงพยาบาลสำหรับพยานพระยะโฮวาในท้องถิ่นเพื่อว่าจะสามารถตรวจสอบทางเลือกทั้งหมดที่พอจะใช้แทนเลือดได้. เขายินดีรับหนังสือหนุ่มสาวถาม.
บรรณารักษ์ตอบรับ
มีการเสนอหนังสือแก่บรรณารักษ์หลายคนด้วย. ในห้องสมุดแห่งหนึ่งในกรุงเอเธนส์ บรรณารักษ์ที่สุภาพคนหนึ่งยอมรับสรรพหนังสือและออกความเห็นว่า “ดีมากจริง ๆ ที่คุณนำหนังสือมาให้เรา เพราะหนังสือส่วนใหญ่ที่เรามีในห้องสมุดคัดค้านพวกคุณ. . . . บาทหลวงหัวเสียมากที่เห็นหนังสือของคุณในห้องสมุด. . . . นั่นไม่สำคัญหรอก. ควรรับฟังความเห็นทุกอย่าง.”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในห้องสมุดเทศบาลในเกาะครีตซึ่งได้รู้จักพยานพระยะโฮวาในค่ายทหาร บอกพี่น้องว่า เขารู้สึกประทับใจเนื่องจากการที่พยานฯไม่ยอมมีส่วนในสงคราม. เขาเคยถามตัวเองอยู่เสมอว่า ‘ทำไมคนพวกนี้ต้องทนทุกข์?’ เขายอมรับหนังสือจากพี่น้องและพูดถึงการรณรงค์ในตอนนั้นว่า “พวกคุณได้ทำงานที่ดีเลิศและน่าจะทำเช่นนี้หลายปีมาแล้ว. . . . ในกรีซมีอคติมากมาย.” เขาขอพี่น้องไปเยี่ยมเขาอีกในเร็ว ๆ นี้.
ระหว่างการรณรงค์พิเศษนี้ พวกพี่น้องได้จำหน่ายหนังสือผู้ประกาศ มากกว่า 1,000 เล่ม, จุลสารพยานพระยะโฮวาในกรีซ 1,600 เล่ม อีกทั้งหนังสือปกแข็งและวารสารหลายร้อยเล่มด้วย. ที่ดีกว่านั้นอีกคือ พวกเขาได้พูดกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีกหลายร้อยคนโดยตรง. ขณะนี้ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาในกรีซ และตลอดทั่วโลกมีความหวังว่า ผู้มีอำนาจที่สุจริตใจในกรีซจะมีทัศนะที่เที่ยงธรรมมากขึ้นต่อพยานพระยะโฮวา.