“กองพยาน” ในดินแดนที่เรียกว่า “ภูเขาของพระเจ้า”
ดูจากแผนที่แสดงทวีป ถ้าคุณเลาะไปตามฝั่งทะเลแอฟริกาด้านตะวันตก และมุ่งไปทางตะวันออกเลียบตามอ่าวกินี ตรงจุดที่ชายฝั่งทะเลเลี้ยวลงใต้ คุณจะมองเห็นประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐแคเมอรูน. ถ้าคุณลงใต้ไปตามชายฝั่ง คุณก็มาถึงหาดทรายสีดำยาวเหยียด. ทรายดำที่นี่เป็นผลจากการพ่นเถ้าถ่านของภูเขาไฟแคเมอรูน.
ยอดเขาทรงกรวยสูง 4,070 เมตรลูกนี้สูงตระหง่านเหนือบริเวณนั้นโดยสิ้นเชิง. ยามตะวันลับขอบฟ้าทอแสงทาบแนวลาดของภูเขาแคเมอรูน ทำให้เกิดภาพสีต่าง ๆ เจิดจ้างามจับตาเป็นอย่างยิ่ง—มีทั้งสีม่วง, สีส้ม, สีทอง, และสีแดงเข้ม. ทะเลและหนองน้ำใกล้เคียงก็สะท้อนแสงสีเหล่านี้ทั้งหมดเหมือนกระจก ทำให้ยากแก่การจะแยกท้องฟ้าจากแผ่นดิน. จึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมชาวเผ่าพื้นเมืองที่นี่จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่า มองโก มา โลบา ซึ่งแปลว่า “ราชรถของเทพเจ้า” หรือโดยทั่วไปแล้วมักจะเรียกว่า “ภูเขาของพระเจ้า.”
ห่างไปทางทิศใต้ มีหาดทรายสีขาวทอดยาวไกลหลายกิโลเมตร มีต้นมะพร้าวขึ้นเป็นทิวแถว. นอกจากแนวฝั่งที่สวยงามชื่นตาแล้ว ภูมิประเทศส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยป่าดงดิบแผ่ไปจนจรดชายแดนคองโกและสาธารณรัฐแอฟริกากลาง และทางเหนือจรดพรมแดนไนจีเรียและสาธารณรัฐชาด ด้านใต้ทะเลทรายสะฮารา. บริเวณด้านตะวันตกของประเทศเป็นเทือกเขา ทำให้นักท่องเที่ยวนึกถึงส่วนต่าง ๆ ของยุโรป. อย่างไรก็ดี อากาศที่ร้อนจะทำให้คุณไม่ลืมไปว่า คุณเองอยู่ไม่ไกลจากเส้นศูนย์สูตร. สภาพความแตกต่างของภูมิประเทศทำให้คนนำเที่ยวหลายคนพรรณนาสภาพประเทศแคเมอรูนว่าเป็นภาพจำลองทวีปแอฟริกาในขนาดย่อส่วน. ความคิดเช่นนั้นได้รับการเสริมโดยกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ และมีภาษาที่เป็นทางการและภาษาถิ่นมากกว่า 220 ภาษา.
หากคุณไปเยือนแคเมอรูน คุณอาจพักที่โรงแรมใหญ่สักแห่งหนึ่งในเมืองท่าดูอาลา หรือที่นครยาอุนเด เมืองหลวง. แต่คุณอาจพลาดโอกาสที่จะได้รู้จักวิถีชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พยานพระยะโฮวามากกว่า 24,000 คนผู้เอาการเอางานก่อตั้ง “กองพยาน” ขึ้นทั่วดินแดนที่เรียกว่าเป็น “ภูเขาของพระเจ้า.”a คุณน่าจะลองเดินทางท่องทั่วประเทศเพื่อไปพบพยานฯบางคนบ้าง. การที่คุณสำรวจดินแดนแถบแอฟริกาตะวันตกแห่งนี้คงจะได้ผลตอบแทนอันอุดมแน่ ๆ.
การเดินทางโดยเรือขุด, รถรับจ้าง, หรือรถจักรยาน?
ตรงที่แม่น้ำซานากา แม่น้ำสายยาวที่สุดในแคเมอรูนไหลออกสู่มหาสมุทร บริเวณนั้นเกิดเป็นดินดอนสามเหลี่ยมกว้างใหญ่. ที่จะเข้าถึงผู้คนในท้องถิ่นกว้างใหญ่แถบนี้ พยานพระยะโฮวามักจะต้องเดินทางโดยเรือขุด. นี้แหละเป็นวิธีที่ผู้ประกาศราชอาณาจักรกลุ่มเล็กเก้าคนที่เอมบีอะโกทำ. สองคนในจำนวนนี้อยู่หมู่บ้านโยโย ไกลออกไปถึง 25 กิโลเมตร. ที่คนเหล่านี้จะไปถึงเอมบีอะโกได้ก็ต้องใช้กำลังพายเรืออย่างแข็งขัน กระนั้นเขาไปร่วมประชุมคริสเตียนไม่ขาด. ขณะเยี่ยมคนกลุ่มนี้ ผู้ดูแลเดินทางเสนอให้เปิดชมวีดิทัศน์ พยานพระยะโฮวา—องค์การเบื้องหลังชื่อนี้. แต่กว่าจะทำได้ไม่ง่ายอย่างที่พูด. ในหมู่บ้านอันห่างไกลเช่นนั้น เขาจะได้เครื่องเล่นวีดิทัศน์, เครื่องโทรทัศน์, และไฟฟ้าจากที่ไหน?
ระหว่างช่วงการเยี่ยมของผู้ดูแลในสัปดาห์นั้น ผู้ประกาศบางคนได้ประกาศกับนักเทศน์ประจำคริสตจักรท้องถิ่น. พวกเขาต้องประหลาดใจที่นักเทศน์ได้ต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น และเขาได้พูดคุยเรื่องพระคัมภีร์ด้วยกันอย่างมีชีวิตชีวา. เมื่อสังเกตว่านักเทศน์มีไม่เพียงแต่เครื่องเล่นวิดีโอ แต่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าด้วย บราเดอร์เหล่านั้นจึงสลัดความกลัวแล้วทำใจกล้าขอยืมอุปกรณ์เหล่านั้น. เนื่องจากการสนทนาเรื่องพระคัมภีร์ก่อนหน้านั้นเป็นไปอย่างออกรส นักเทศน์จึงยินยอมช่วยเหลือ. เย็นวันเสาร์ มี 102 คนได้ชมวีดิทัศน์ รวมนักเทศน์พร้อมทั้งสมาชิกโบสถ์ส่วนใหญ่ด้วย. พยานพระยะโฮวาสองคนจากโยโยได้พาคนสนใจมาถึงสองลำเรือ. พวกเขาไม่คิดว่าการพายเรือทวนน้ำช่วงน้ำกำลังขึ้นเป็นเรื่องลำบาก. หลังจากดูวีดิทัศน์แล้ว เขาต่างก็ได้รับกำลังกระตุ้นหนุนใจมาก และภูมิใจที่ตนสังกัดในองค์การใหญ่ซึ่งมีเป้าประสงค์จะถวายเกียรติพระยะโฮวา.
การไปยังหมู่บ้านที่เรือไปไม่ถึงก็ต้องโดยสารไปกับรถรับจ้าง. บริเวณที่จอดรถรอผู้โดยสารจะมีผู้คนคับคั่งส่งเสียงจ้อกแจ้กตลอดเวลา. ความสับสนเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย เมื่อถูกห้อมล้อมด้วยคนขายน้ำเย็น, ขายกล้วย และเด็กเก็บค่าโดยสาร. งานของเด็กเก็บค่าโดยสารคือพาผู้โดยสารไปยังรถที่จอดรออยู่ ซึ่งทุกคันจะบอกว่า “รถกำลังจะออก.” แต่ที่ว่า “กำลังจะออก” ก็อย่าได้คิดว่าเป็นไปอย่างที่พูด. คนที่เดินทางต้องเสียเวลารอนานหลายชั่วโมง บางครั้งหลายวันด้วยซ้ำ. พอคนโดยสารขึ้นนั่งเบียดเสียดในรถแล้ว และคนขับได้จัดของซึ่งก็มีกระเป๋าเดินทาง, สัมภาระต่าง ๆ, และบางครั้งมีทั้งไก่และแพะเป็น ๆ ไว้บนหลังคารถที่มีโครงเหล็กบรรทุกของ รถก็แล่นเข้าป่าลัดเลาะไปตามทางดินที่มีแต่ฝุ่น เป็นหลุมเป็นบ่อ.
ผู้เผยแพร่เดินทางคนหนึ่งเหนื่อยหน่ายการเดินทางแบบนี้ จึงไม่ขอเอาด้วย. เวลานี้เขาใช้จักรยานเดินทางไปทั่วทุกแห่ง. เขาพูดว่า “ตั้งแต่ผมตกลงใจใช้จักรยานเยี่ยมจากประชาคมหนึ่งไปอีกประชาคมหนึ่ง ผมไปถึงตรงเวลาเสมอ. จริงอยู่ การเดินทางอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเวลารอรถรับจ้างนานเป็นวันหรือสองวัน. ในช่วงหน้าฝน แทบจะมองไม่เห็นถนนบางช่วงเพราะน้ำเจิ่งนอง. คุณต้องถอดรองเท้าเดินลุยน้ำลุยโคลน. วันหนึ่งรองเท้าข้างหนึ่งของผมหล่นจมหายไปกับสายน้ำหาไม่เจอ กระทั่งหลายสัปดาห์ผ่านไป ลูกสาวพยานฯพบโดยบังเอิญขณะหาปลา! ผมดีใจที่ผมได้ใส่รองเท้าคู่นี้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากข้างหนึ่งไปอยู่กับปลาเสียนาน. บางครั้งผมผ่านท้องที่ซึ่งพยานพระยะโฮวาไม่เคยประกาศมาก่อน. ชาวบ้านถามผมเสมอว่าผมได้นำอะไรติดตัวมาบ้าง. ดังนั้น ผมจึงจัดวารสารและจุลสารไว้อย่างที่จะหยิบได้ง่าย. ผมแวะพักที่ไหน ผมจะเสนอสิ่งพิมพ์ที่ยึดพระคัมภีร์เป็นหลักออกมาและให้คำพยานสั้น ๆ. ผมเชื่อว่าพระยะโฮวาจะบันดาลให้เมล็ดพืชแห่งความจริงนี้งอกงาม.”
ส่วนที่ลึกใจกลางประเทศ
พยานพระยะโฮวาบากบั่นจะบอกข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรแก่ผู้อื่นกระทั่งลึกในใจกลางประเทศแคเมอรูน ที่หมู่บ้านซึ่งซุกตัวอยู่ในป่าลึก. ทั้งนี้ต้องใช้ความบากบั่นมากทีเดียว แต่ผลที่ได้รับน่าชื่นใจ.
แมรีเป็นผู้เผยแพร่เต็มเวลาได้เริ่มการศึกษาพระคัมภีร์กับเด็กสาวชื่ออาร์เลตต์. เมื่อเสร็จการศึกษาครั้งแรก แมรีได้ถามอาร์เลตต์ว่าจะเดินไปส่งเธอถึงประตูได้ไหม เพราะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันในภูมิภาคนี้ของแอฟริกา. แต่เด็กสาวบอกว่า เธอเดินไม่ไหวเพราะเท้าเจ็บ. เท้าอาร์เลตต์อักเสบจนกลัดหนอง เนื่องด้วยหมัดไชเข้าไปอยู่ในเนื้อ. แมรีแข็งใจเขี่ยเอาตัวหมัดออกทีละตัว. ต่อมา เธอรู้ด้วยว่า ตอนกลางคืนเด็กสาวคนนี้ทนทรมานเพราะถูกปิศาจรังควาน. แมรีเพียรชี้แจงให้เด็กสาวรับรู้ว่าควรไว้วางใจพระยะโฮวาอย่างไร โดยเฉพาะการอธิษฐานออกนามพระองค์ด้วยเสียงดัง.—สุภาษิต 18:10.
อาร์เลตต์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว. ทีแรกครอบครัวไม่เห็นว่าจะผิดตรงไหนกับการศึกษาพระคัมภีร์ เนื่องจากเธอก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดทั้งทางกายภาพและด้านเชาวน์ปัญญา. แต่ครั้นพวกเขารู้ว่าอาร์เลตต์ต้องการเป็นพยานพระยะโฮวา พวกเขาจึงห้ามเธอศึกษาต่อ. สามสัปดาห์ต่อมา แม่ของอาร์เลตต์สังเกตเห็นอาร์เลตต์หดหู่ซึมเศร้า จึงได้ติดต่อขอแมรีกลับมานำการศึกษากับลูกสาวอีก.
พอถึงคราวจะไปร่วมการประชุมหมวด แมรีจ้างรถไปรับอาร์เลตต์ทั้งสองวัน. ทว่า คนขับรถไม่ยอมไปรับอาร์เลตต์ถึงบ้าน อ้างว่าทางผ่านไม่ได้. ดังนั้น แมรีจึงจัดการพาอาร์เลตต์เดินมาดักรถที่ถนน. พระยะโฮวาได้โปรดอวยพรความพยายามเหล่านี้อย่างแท้จริง. เดี๋ยวนี้อาร์เลตต์เข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ ของประชาคมทุกวาระ. เพื่อช่วยเธอให้ทำได้เช่นนี้ แมรีมารับเธอไปอย่างไม่เห็นแก่เหนื่อยยาก. เขาเดินไปด้วยกันแต่ละเที่ยวกินเวลา 75 นาที. เนื่องจากการประชุมเช้าวันอาทิตย์เริ่ม 8:30 น. แมรีเองต้องออกจากบ้านเวลา 6:30 น. แต่ก็สามารถมาถึงตรงเวลา. อาร์เลตต์หวังว่าอีกไม่นานจะแสดงเครื่องหมายการอุทิศตัวด้วยการรับบัพติสมา. แมรีกล่าวดังนี้: “ใครก็ตามที่ไม่ได้เห็นเธอตอนเริ่มศึกษาคงไม่สามารถนึกภาพได้ว่าเธอเปลี่ยนไปมากแค่ไหน. ดิฉันขอบพระคุณพระยะโฮวาเหลือเกินที่พระองค์ทรงอวยพรเธอ.” แมรีเป็นตัวอย่างที่ดีจริง ๆ ในการแสดงความรักแบบเสียสละ.
ส่วนที่ไกลทางเหนือ
แคเมอรูนตอนเหนือหลากหลายด้วยความแตกต่างและความแปลกประหลาด. ในช่วงฤดูฝน พื้นที่จะแปรเปลี่ยนเป็นสวนกว้างไพศาลและเขียวชอุ่ม. แต่ครั้นมีแสงแดดแรงกล้า ผักหญ้าก็มีอันเหี่ยวแห้งร่วงโรย. เวลาเที่ยงวัน เมื่อตะวันอยู่เหนือศีรษะ หาร่มเงาได้ยาก ฝูงแกะจะนอนขดตัวหลบแดดข้างกำแพงดินแดงของบ้าน. กลางดินทรายและหญ้าแห้ง ร่องรอยพืชใบเขียวที่หลงเหลืออยู่ก็จะมีเพียงใบของต้นบาโอบับไม่กี่ใบ. แม้ต้นไม้เหล่านี้ไม่ใหญ่เท่าไม้จำพวกเดียวกันในป่าดงดิบก็ตาม แต่มันทนทานได้พอกัน. ความสามารถของมันที่คงทนต่อสภาพแวดล้อมแห้งแล้งได้ดีเปรียบได้กับความกระตือรือร้นและความกล้าของเหล่าพยานฯไม่กี่คนซึ่งได้เข้าไปอยู่ในแถบถิ่นนี้เพื่อให้ความสว่างของความจริงฉายออกไป.
บางประชาคมในแถบนี้อยู่กระจายห่างกันประมาณ 500 ถึง 800 กิโลเมตร และความรู้สึกที่ว่าอยู่โดดเดี่ยวนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง. แต่มีคนสนใจหลายคนทีเดียว. เหล่าพยานฯจากที่อื่น ๆ ย้ายมาช่วยในเขตนี้. เพื่อทำงานรับใช้ให้บังเกิดผล พวกเขาต้องเรียนภาษาฟูฟูลเดภาษาท้องถิ่น.
พยานฯคนหนึ่งจากการูอาได้ตัดสินใจจะใช้เวลาสักสองสามวันเผยแพร่ที่บ้านเกิดของเขาเอง ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 160 กิโลเมตร. เขาได้พบบางคนที่แสดงความสนใจ แต่เนื่องจากค่าโดยสารแพงมากทำให้ไม่สามารถกลับเยี่ยมได้สม่ำเสมอ. ต่อมาประมาณสองสามสัปดาห์ พยานฯได้รับจดหมายจากคนสนใจขอร้องให้เขากลับไปเยี่ยมอีก. กระนั้น เขาก็ยังไม่มีเงินพอเป็นค่ารถ เขาจึงไม่สามารถกลับไปเยี่ยมได้. นึกภาพดูซิว่าพยานฯรู้สึกแปลกใจเพียงไรเมื่อคนนั้นได้มาหาเขาที่บ้านในเมืองการูอาและบอกว่ามีสิบคนในหมู่บ้านกำลังรอการเยี่ยมของเขา!
อีกหมู่บ้านหนึ่งใกล้ชายแดนชาด กลุ่มคนสนใจประมาณ 50 คนได้รวมตัวกันจัดการศึกษาพระคัมภีร์ขึ้นเอง. เขาจัดเตรียมการเพื่อให้สามคนในกลุ่มได้เข้าร่วมประชุมที่ประชาคมใกล้ที่สุดในชาด. เมื่อคนเหล่านี้กลับมาแล้วจะได้นำการศึกษากับทั้งกลุ่ม. จริง ๆ แล้ว คำตรัสของพระเยซูใช้ได้ผลดียิ่งกับกลุ่มนี้ที่ว่า “การเกี่ยวนั้นเป็นการใหญ่นักหนา, แต่คนทำการยังน้อยอยู่. เหตุฉะนั้นจงอธิษฐานขอต่อเจ้าของของการเกี่ยวนั้น, ให้ใช้คนทำการหลายคนไปในการเกี่ยวของพระองค์.”—มัดธาย 9:37, 38.
การให้คำพยานในเมืองใหญ่
หลังจากหนังสือมีจำนวนไม่เพียงพออยู่หลายปี ประมาณสองปีมาแล้ววารสารหอสังเกตการณ์ แล ตื่นเถิด! ในประเทศแคเมอรูนหาอ่านได้อย่างสะดวก. ความกระตือรือร้น และความสนใจจะอ่านวารสารเหล่านี้มีมากจริง ๆ ขณะที่ผู้คนจำนวนมากมีโอกาสอ่านวารสารเป็นครั้งแรก. ไพโอเนียร์พิเศษคู่สมรสหนุ่มสาวที่รับมอบหมายไปทำงานในเมืองหนึ่งสามารถจำหน่ายวารสาร 86 เล่มเฉพาะเช้าวันแรกในเขตงานใหม่ของเขา. ผู้ประกาศบางคนจำหน่ายได้ถึง 250 เล่มภายในเดือนเดียว! อะไรคือเคล็ดลับแห่งความสำเร็จของเขา? เสนอวารสารแก่ทุกคน.
พยานฯคนหนึ่งทำงานในสำนักงานซึ่งเปิดให้คนทั่วไปเข้าได้. เขาจะวางวารสารไว้ในที่ใคร ๆ มองเห็นได้เสมอ. สตรีผู้หนึ่งมองดูวารสารแต่ไม่ได้หยิบเอาไป. พยานฯดูออกว่าเธอสนใจ จึงได้เสนอให้เธอหนึ่งฉบับ ซึ่งเธอก็รับไป. พยานฯแปลกใจที่เห็นเธอกลับมาวันรุ่งขึ้น. เธอไม่เพียงแต่ต้องการให้ค่าบำรุงสำหรับวารสารที่ได้รับไป แต่เธอต้องการรับวารสารอีก. ทำไม? เนื่องจากเธอเคยถูกข่มขืน เธอจึงเลือกเอาฉบับที่ตีพิมพ์เรื่องนั้นลง. เธอใช้เวลาทั้งคืนอ่านและอ่านทบทวนดูคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนั้นด้วยความรู้สึกว่าเธอได้รับการบรรเทา เธอต้องการรู้จักพยานพระยะโฮวามากขึ้น.
แม้แต่ผู้เยาว์ก็สามารถมีส่วนในการเผยแพร่ข่าวสารเรื่องความหวังตามหลักพระคัมภีร์. เมื่อครูของเด็กหญิงพยานฯวัยหกขวบขอให้เธอร้องเพลงสวดของคาทอลิก เด็กปฏิเสธโดยบอกว่าเธอเป็นพยานพระยะโฮวา. ครั้นครูขอให้ร้องเพลงศาสนาของเธอเองเพื่อเธอจะได้คะแนน. เธอเลือกบทเพลง “คำสัญญาของพระเจ้าเรื่องอุทยาน” และร้องโดยอาศัยความจำ. ครูจึงถามว่า “เพลงที่หนูร้องนั้น หนูได้เอ่ยถึงอุทยาน. อุทยานมีอยู่ที่ไหน?” เด็กหญิงอธิบายถึงจุดมุ่งหมายของพระเจ้าที่จะทรงจัดสร้างอุทยานบนแผ่นดินโลกในไม่ช้า. ครูรู้สึกประหลาดใจจากการตอบของเด็ก จึงได้ขอหนังสือเล่มที่เด็กคนนี้กำลังศึกษาอยู่จากบิดามารดาของเธอ. เขาเต็มใจให้คะแนนเด็กสำหรับสิ่งที่เธอเรียนจากหนังสือนี้ แทนที่จะให้คะแนนจากบทเรียนเกี่ยวกับศาสนาที่เธอได้รับการสอน. บิดามารดาของเด็กจึงเสนอครูว่าถ้าต้องการให้คะแนนอย่างถูกต้อง ครูควรศึกษาด้วยตนเองเสียก่อน. แล้วการศึกษากับครูก็ได้เริ่มขึ้น.
วางแผนสำหรับการเยี่ยมหรือ?
ในที่ต่าง ๆ หลายแห่งทั่วโลกเวลานี้ ผู้คนเมินเฉยต่อข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร. พวกเขาไม่สนใจไม่ว่าเรื่องพระเจ้าหรือคัมภีร์ไบเบิล. บ้างก็ชะงักงันเพราะความกลัวและไม่ยอมต้อนรับคนแปลกหน้าที่ประตูบ้าน. ทั้งหมดนี้เป็นข้อท้าทายจริง ๆ สำหรับพยานพระยะโฮวาในงานรับใช้ของเขา. แต่ในประเทศแคเมอรูนช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง!
ณ ที่นี่ การออกไปเผยแพร่ตามบ้านยังความเบิกบานจริง ๆ. แทนที่จะเคาะประตูเรียก ตามธรรมเนียมแล้วมักจะตะโกนว่า “กอง, กอง, กอง.” แล้วจะมีเสียงถามจากในบ้านว่า “คุณเป็นใคร?” ครั้นแล้วเราแนะนำตัวว่าเราเป็นพยานพระยะโฮวา. ปกติแล้ว บิดามารดาจะบอกลูกให้ยกม้านั่งมาตั้งใต้ร่มไม้ บางทีก็เป็นใต้ต้นมะม่วง. แล้วเราก็ใช้โอกาสนั้นสนทนากันอย่างเพลิดเพลินเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าว่าหมายถึงอะไร และจะทำอะไรเพื่อขจัดสถานการณ์อันเป็นความทุกข์เดือดร้อนของมนุษยชาติให้หมดสิ้น.
ภายหลังการพูดคุยดังกล่าวแล้วหญิงเจ้าบ้านก็จะระบายความในใจออกมาว่า “ดิฉันเป็นทุกข์หนักใจที่เห็นว่าความจริงซึ่งฉันได้สืบเสาะหานั้นไม่เคยพบในศาสนาที่ฉันเชื่อมาตั้งแต่แรกเกิดจนอายุปานนี้แล้ว. ดิฉันขอบคุณพระเจ้าที่ได้ทรงเผยความจริงแก่ดิฉัน. ดิฉันเคยเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการในโบสถ์. เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการแต่ละคนจะยกรูปปั้นพระแม่มาเรียไปตั้งอยู่ในบ้านของเขานานหนึ่งสัปดาห์ เพื่อเขาจะได้ทูลขอจากแม่พระ. สำหรับดิฉัน ดิฉันเคยขอพระแม่มาเรียช่วยดิฉันให้รู้ความจริง. แต่บัดนี้พระเจ้าทรงแจ้งให้ดิฉันรู้ว่าความจริงไม่ได้อยู่ที่มาเรีย. ดิฉันขอขอบคุณพระยะโฮวา.”
ฉะนั้น ถ้าวันใดคุณคิดว่าคุณต้องการความชื่นชมยินดีเหลือล้นซึ่งจะได้จากการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า ทำไมไม่ลองไปเยือนภูมิภาคส่วนนี้ของแอฟริกาตะวันตกบ้าง? นอกจากค้นพบ “แอฟริกาขนาดย่อส่วน” ไม่ว่าโดยทางเรือ โดยรถรับจ้าง หรือโดยรถจักรยานแล้ว คุณยังจะมีส่วนร่วมในการสร้าง “กองพยาน” ในดินแดนที่เรียกว่า “ภูเขาของพระเจ้า.”
[เชิงอรรถ]
a “กองพยาน” อาจเป็นความหมายของคำภาษาฮีบรูซึ่งได้รับการแปลว่า “กิเลียด.” นับตั้งแต่ปี 1943 โรงเรียนว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแห่งกิเลียดได้ส่งมิชชันนารีออกไปเปิดเขตงานประกาศทั่วแผ่นดินโลก รวมทั้งในแคเมอรูนด้วย.
[ที่มาของภาพหน้า 22]
Map: Mountain High Maps® Copyright © 1995 Digital Wisdom, Inc.