พระเจ้าทรงเรียกร้องอะไรจากเรา?
“นี่แหละหมายถึงความรักต่อพระเจ้า คือว่าให้เราปฏิบัติตามบัญญัติของพระองค์; และกระนั้นบัญญัติของพระองค์ไม่เป็นภาระหนัก.”—1 โยฮัน 5:3, ล.ม.
1, 2. เหตุใดจึงไม่แปลกที่พระเจ้าทรงมีข้อเรียกร้องสำหรับผู้ที่ต้องการนมัสการพระองค์อย่างที่ทรงยอมรับ?
“ศาสนาของฉันก็ดีพอแล้วสำหรับฉัน!” นั่นคือคำพูดที่ผู้คนมักจะบอกกับเรามิใช่หรือ? กระนั้น จริง ๆ แล้ว ควรจะถามว่า “ศาสนาของฉันเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าไหม?” ถูกแล้ว พระเจ้าทรงมีข้อเรียกร้องสำหรับคนที่ต้องการนมัสการพระองค์อย่างที่ทรงยอมรับ. เรื่องนี้ควรทำให้เราประหลาดใจไหม? ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นเลย. สมมุติว่าคุณเป็นเจ้าของบ้านที่สวยงามหลังหนึ่ง ซึ่งคุณเพิ่งตบแต่งใหม่โดยเสียค่าใช้จ่ายไปมากมาย. คุณจะปล่อยให้ใครก็ได้อาศัยอยู่ที่นั่นไหม? ไม่ใช่อย่างนั้นแน่ ๆ! ผู้ที่จะมาเช่าอยู่คงจะต้องทำตามข้อเรียกร้องของคุณ.
2 ในทำนองคล้ายกัน พระยะโฮวาพระเจ้าทรงจัดเตรียมบ้านทางแผ่นดินโลกนี้สำหรับครอบครัวมนุษย์. ภายใต้การปกครองแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ แผ่นดินโลกจะได้รับการ “ตบแต่งใหม่”—พลิกโฉมให้กลายเป็นอุทยานที่สวยงาม. พระยะโฮวาจะทรงทำให้การนี้สำเร็จ. พระองค์ได้จ่ายด้วยราคาแพงทีเดียว โดยทรงประทานพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวเพื่อทำให้เรื่องนี้เป็นไปได้. แน่ละ พระเจ้าต้องมีข้อเรียกร้องสำหรับคนที่จะอาศัยอยู่ที่นั่น!—บทเพลงสรรเสริญ 115:16; มัดธาย 6:9, 10; โยฮัน 3:16.
3. ซะโลโมสรุปอย่างไรถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงคาดหมายจากเรา?
3 เราจะทราบได้โดยวิธีใดว่าข้อเรียกร้องของพระเจ้ามีอะไรบ้าง? พระยะโฮวาทรงดลใจกษัตริย์ซะโลโมผู้ฉลาดสุขุมให้สรุปสิ่งที่พระองค์ทรงคาดหมายจากเรา. หลังจากใคร่ครวญทุกสิ่งที่ท่านได้มุ่งติดตาม—ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ, โครงการก่อสร้าง, ความสนใจในดนตรี, และเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ—ซะโลโมได้มาตระหนักดังนี้: “บทสรุปของเรื่อง เมื่อได้ฟังทุกสิ่งแล้ว คือ: จงเกรงกลัวพระเจ้าเที่ยงแท้และถือรักษาพระบัญชาของพระองค์. เพราะนี่คือพันธะทั้งสิ้นของมนุษย์.”—ท่านผู้ประกาศ 12:13, ล.ม.
“บัญญัติของพระองค์ไม่เป็นภาระหนัก”
4-6. (ก) ความหมายตามตัวอักษรของคำกรีกที่ได้รับการแปลว่า “ภาระหนัก” คืออะไร? (ข) เหตุใดเราสามารถกล่าวได้ว่า พระบัญญัติของพระเจ้าไม่เป็นภาระหนัก?
4 “จง . . . ถือรักษาพระบัญชาของพระองค์.” โดยพื้นฐานแล้ว นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าทรงคาดหมายจากเรา. พระองค์ทรงเรียกร้องมากเกินไปไหม? ไม่เลย. อัครสาวกโยฮันบอกอะไรบางอย่างแก่เราที่ทำให้มั่นใจเกี่ยวกับพระบัญชา หรือข้อเรียกร้องของพระเจ้า. ท่านเขียนดังนี้: “นี่แหละหมายถึงความรักต่อพระเจ้า คือว่าให้เราปฏิบัติตามบัญญัติของพระองค์; และกระนั้นบัญญัติของพระองค์ไม่เป็นภาระหนัก.”—1 โยฮัน 5:3, ล.ม.
5 คำภาษากรีกที่ได้รับการแปลว่า “ภาระหนัก” ตามตัวอักษรมีความหมายว่า “หนัก.” คำนี้อาจพาดพิงถึงบางสิ่งที่ยากจะบรรลุ หรือยากจะทำให้สำเร็จได้. ที่มัดธาย 23:4 มีการใช้คำนี้พรรณนาถึง “ของหนัก” อันได้แก่กฎและประเพณีนิยมต่าง ๆ ที่มนุษย์ตั้งขึ้น ซึ่งพวกอาลักษณ์และฟาริซายวางบนประชาชน. คุณเข้าใจความหมายของคำพูดที่โยฮันผู้ชราแล้วได้กล่าวสรุปไหม? พระบัญชาของพระเจ้าไม่เป็นภาระหนัก อีกทั้งไม่ยากเกินไปที่เราจะปฏิบัติตามได้. (เทียบกับพระบัญญัติ 30:11.) ตรงกันข้าม หากเรารักพระเจ้า การทำตามข้อเรียกร้องของพระองค์ย่อมทำให้เรามีความสุข. การทำเช่นนี้จะให้โอกาสอันมีค่าแก่เราในการแสดงความรักของเราต่อพระยะโฮวา.
6 เพื่อจะแสดงความรักของเราต่อพระเจ้า เราจำต้องรู้อย่างแน่ชัดถึงสิ่งที่พระองค์ทรงคาดหมายจากเรา. ต่อไปนี้ ขอให้เราพิจารณาข้อเรียกร้องของพระเจ้าห้าประการ. ขณะที่เราพิจารณา ขอให้ระลึกถึงคำพูดของโยฮันที่ว่า “บัญญัติของพระองค์ไม่เป็นภาระหนัก.”
รับเอาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า
7. ความรอดของเราขึ้นอยู่กับอะไร?
7 ข้อเรียกร้องประการแรกได้แก่ การรับเอาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า. ขอพิจารณาคำตรัสของพระเยซูซึ่งบันทึกไว้ที่โยฮันบท 17. ฉากเหตุการณ์คือคืนสุดท้ายที่พระเยซูทรงมีชีวิตอยู่ฐานะมนุษย์. พระเยซูทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ในเย็นนั้นเพื่อเตรียมพวกอัครสาวกของพระองค์ให้พร้อมสำหรับการจากไปของพระองค์. พระองค์ทรงเป็นห่วงเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา—อนาคตที่ยั่งยืนตลอดไป. พระองค์ทรงทอดพระเนตรขึ้นไปยังท้องฟ้า และอธิษฐานเพื่อพวกเขา. ในข้อ 3 (ล.ม.) เราอ่านว่า “นี่แหละหมายถึงชีวิตนิรันดร์ คือการที่เขารับเอาความรู้ต่อ ๆ ไปเกี่ยวกับพระองค์ ผู้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และเกี่ยวกับผู้ที่พระองค์ทรงใช้มา คือพระเยซูคริสต์.” ใช่แล้ว ความรอดของพวกเขาขึ้นอยู่กับการที่พวกเขา “รับเอาความรู้ต่อ ๆ ไป” เกี่ยวกับพระเจ้าและพระคริสต์. ข้อนี้ใช้กับเราด้วย. เพื่อจะได้ความรอด เราต้องรับเอาความรู้เช่นนั้นต่อ ๆ ไป.
8. วลีที่ว่า “รับเอาความรู้ต่อ ๆ ไป” เกี่ยวกับพระเจ้าหมายความเช่นไร?
8 การ “รับเอาความรู้ต่อ ๆ ไป” เกี่ยวกับพระเจ้ามีความหมายเช่นไร? คำภาษากรีกซึ่งได้รับการแปลในที่นี้ว่า “รับเอาความรู้ต่อ ๆ ไป” หมายถึง “ได้มารู้, รู้จัก” หรือ “เข้าใจอย่างครบถ้วน.” โปรดสังเกตด้วยว่า การที่ถ่ายความหมายมาเป็น “รับเอาความรู้ต่อ ๆ ไป” แสดงว่านี่เป็นกระบวนการที่ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ. ดังนั้น การรับเอาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าหมายถึงการได้มารู้จักพระองค์ ไม่ใช่แค่อย่างผิวเผิน แต่อย่างใกล้ชิดสนิทสนม พัฒนามิตรภาพที่เปี่ยมด้วยความเข้าใจกับพระองค์. การมีสัมพันธภาพที่ต่อเนื่องกับพระเจ้านำมาซึ่งความรู้เกี่ยวกับพระองค์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ. กระบวนการนี้สามารถดำเนินต่อไปชั่วนิจนิรันดร์ เพราะเราไม่มีทางจะเรียนรู้ได้ทุกสิ่งเกี่ยวกับพระยะโฮวา.—โรม 11:33.
9. เราสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้างเกี่ยวกับพระยะโฮวาจากหนังสือแห่งการทรงสร้าง?
9 เราจะรับเอาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าได้โดยวิธีใด? มีหนังสือสอง เล่มที่สามารถช่วยเราได้. เล่มหนึ่งคือหนังสือแห่งการทรงสร้าง. สิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาได้ทรงสร้าง—ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต—ให้ความหยั่งเห็นเข้าใจบางอย่างแก่เราว่าพระองค์เป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะเช่นไร. (โรม 1:20) ลองพิจารณาดูบางตัวอย่าง. เสียงดังสนั่นของน้ำตกอันยิ่งใหญ่, การกระหน่ำของคลื่นที่โหมซัดเข้าฝั่งในยามที่เกิดพายุ, ภาพท้องฟ้าดารดาษไปด้วยดาวในคืนฟ้าใส—สิ่งเหล่านี้สอนเราว่าพระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าองค์เปี่ยมด้วย “ฤทธิ์เดชอันแรงกล้า” มิใช่หรือ? (ยะซายา 40:26) เด็กที่หัวเราะชอบใจขณะจ้องมองลูกสุนัขไล่กัดหางมันเอง หรือลูกแมวเล่นก้อนไหมพรม—นั่นแนะว่า พระยะโฮวา “พระเจ้าผู้ประกอบด้วยความสุข” ทรงเปี่ยมด้วยอารมณ์ขันมิใช่หรือ? (1 ติโมเธียว 1:11) รสชาติของอาหารอันโอชะ, กลิ่นหอมชื่นใจของดอกไม้ในทุ่งหญ้า, สีสันสดใสของผีเสื้อที่บอบบาง, เสียงนกร้องเพลงในฤดูใบไม้ผลิ, อ้อมกอดอันอบอุ่นของผู้เป็นที่รัก—สิ่งเหล่านี้ทำให้เราซาบซึ้งพระผู้สร้างของเราว่าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรัก ผู้ทรงประสงค์ให้เราเพลิดเพลินกับชีวิตมิใช่หรือ?—1 โยฮัน 4:8.
10, 11. (ก) มีสิ่งใดบ้างที่เกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระประสงค์ของพระองค์ซึ่งเราไม่สามารถเรียนรู้ได้จากหนังสือแห่งการทรงสร้าง? (ข) คำตอบสำหรับคำถามอะไรบ้างที่พบได้เฉพาะในคัมภีร์ไบเบิล?
10 อย่างไรก็ตาม มีขีดจำกัดในสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาจากหนังสือแห่งการทรงสร้าง. ตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงมีพระนามว่าอะไร? ทำไมพระองค์จึงสร้างแผ่นดินโลกและให้มนุษย์อยู่ที่นี่? เหตุใดพระองค์ทรงยอมให้มีความชั่ว? อนาคตมีอะไรรอเราอยู่? เพื่อจะตอบคำถามดังกล่าว เราต้องมีหนังสืออีกเล่มหนึ่งซึ่งให้ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า นั่นคือคัมภีร์ไบเบิล. ในหน้าต่าง ๆ ของคัมภีร์ไบเบิล พระยะโฮวาทรงเปิดเผยสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับพระองค์เอง รวมทั้งพระนาม, บุคลิกลักษณะ, และพระประสงค์ต่าง ๆ ของพระองค์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เราไม่สามารถได้จากแหล่งอื่นใด.—เอ็กโซโด 34:6, 7; บทเพลงสรรเสริญ 83:18; อาโมศ 3:7.
11 ในพระคัมภีร์ พระยะโฮวายังได้ทรงประทานความรู้ที่สำคัญยิ่งเกี่ยวกับบุคคลที่เราจำเป็นต้องรู้จักด้วย. ตัวอย่างเช่น พระเยซูคริสต์คือใคร และพระองค์ทรงมีบทบาทอะไรในการทำให้พระประสงค์ของพระยะโฮวาสำเร็จลุล่วง? (กิจการ 4:12) พญามารซาตานคือใคร? มันชักนำประชาชนให้เดินผิดทางด้วยวิธีใดบ้าง? เราจะสามารถหลีกเลี่ยงการล่อลวงของมันได้โดยวิธีใด? (1 เปโตร 5:8) คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ซึ่งจะช่วยนำชีวิตเราให้รอดพบได้ในคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น.
12. คุณจะอธิบายอย่างไรในเรื่องเหตุผลที่การรับเอาความรู้ของพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์ไม่ถือว่าเป็นภาระหนัก?
12 เป็นภาระหนักไหมในการรับเอาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์? ไม่เลย! คุณจำได้ไหมถึงความรู้สึกในตอนแรกเมื่อคุณได้เรียนรู้ว่าพระนามของพระเจ้าคือยะโฮวา, ราชอาณาจักรของพระองค์จะฟื้นฟูอุทยานบนแผ่นดินโลกนี้, พระองค์ทรงประทานพระบุตรผู้เป็นที่รักของพระองค์ให้เป็นค่าไถ่เพื่อปลดเปลื้องบาปของเรา, รวมทั้งความจริงอันล้ำค่าในเรื่องอื่น ๆ? นั่นเป็นเหมือนการปลดเอาม่านแห่งความเขลาออกไป และเป็นครั้งแรกที่มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแจ่มชัดมิใช่หรือ? การรับเอาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าไม่ใช่ภาระหนัก. การทำเช่นนั้นก่อผลเป็นความยินดี!—บทเพลงสรรเสริญ 1:1-3; 119:97.
การปฏิบัติตามมาตรฐานของพระเจ้า
13, 14. (ก) ขณะที่เรารับเอาความรู้ต่อ ๆ ไปเกี่ยวกับพระเจ้า เราจำต้องเปลี่ยนชีวิตของเราเช่นไรบ้าง? (ข) พระเจ้าทรงเรียกร้องเราให้หลีกเว้นจากกิจปฏิบัติที่ไม่สะอาดอะไรบ้าง?
13 ขณะที่เรารับเอาความรู้ต่อ ๆ ไปเกี่ยวกับพระเจ้า เรามาตระหนักว่า เราจำต้องเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งในชีวิตของเรา. นี่นำเรามาถึงข้อเรียกร้องประการที่สอง. เราต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของพระเจ้าสำหรับความประพฤติที่ถูกต้องและรับเอาความจริงของพระองค์. อะไรคือความจริง? สิ่งที่เราเชื่อและสิ่งที่เราทำนั้นพระเจ้าทรงถือว่าสำคัญจริง ๆ ไหม? ดูเหมือนว่า ผู้คนมากมายในทุกวันนี้ไม่ได้คิดอย่างนั้น. รายงานหนึ่งซึ่งจัดพิมพ์โดยคริสตจักรแห่งอังกฤษเมื่อปี 1995 แนะว่า การอยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้แต่งงานไม่น่าจะถือว่าเป็นบาป. บิชอปในคริสตจักรแห่งหนึ่งแถลงว่า “วลีที่ว่า ‘การอยู่กินด้วยกันในบาป’ นั้น เป็นการตราหน้าให้อับอายไปเปล่า ๆ และไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด.”
14 ถ้าอย่างนั้น “การอยู่กินด้วยกันในบาป” ไม่เป็นบาปอีกต่อไปแล้วหรือ? พระยะโฮวาทรงบอกเราด้วยถ้อยคำที่ชัดเจนว่า พระองค์ทรงรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการประพฤติเช่นนั้น. คัมภีร์ไบเบิลพระคำของพระองค์บอกดังนี้: “จงให้การสมรสเป็นที่น่านับถือท่ามกลางคนทั้งปวง และให้เตียงสมรสปราศจากมลทิน ด้วยว่าพระเจ้าจะทรงพิพากษาคนผิดประเวณีและคนเล่นชู้.” (เฮ็บราย 13:4, ล.ม.) เพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสอาจไม่เป็นบาปในสายตาของพวกนักเทศน์นักบวชและผู้ไปโบสถ์ที่ทำตามอำเภอใจ แต่เป็นบาปร้ายแรงในสายพระเนตรของพระเจ้า! เป็นเช่นนั้นด้วยกับการเล่นชู้, การร่วมประเวณีระหว่างญาติใกล้ชิด, และการรักร่วมเพศ. (เลวีติโก 18:6; 1 โกรินโธ 6:9, 10) พระเจ้าทรงเรียกร้องให้เราละเว้นจากกิจปฏิบัติเหล่านี้ ซึ่งพระองค์ทรงถือว่าไม่สะอาด.
15. ข้อเรียกร้องของพระเจ้าเกี่ยวข้องกับวิธีที่เราปฏิบัติต่อคนอื่นและสิ่งที่เราเชื่ออย่างไร?
15 อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ละเว้นจากกิจปฏิบัติที่พระเจ้าทรงถือว่าเป็นบาปยังไม่พอ. ข้อเรียกร้องของพระเจ้ายังรวมไปถึงวิธีที่เราปฏิบัติกับคนอื่นด้วย. ในครอบครัว พระองค์ทรงคาดหมายสามีและภรรยาให้มีความรักและความนับถือต่อกันและกัน. พระองค์ทรงเรียกร้องบิดามารดาให้เอาใจใส่ต่อความจำเป็นของบุตรของตนทั้งทางวัตถุ, ทางฝ่ายวิญญาณ, และทางด้านอารมณ์. พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้บุตรเชื่อฟังบิดามารของตน. (สุภาษิต 22:6; โกโลซาย 3:18-21) และจะว่าอย่างไรในเรื่องความเชื่อของเรา? พระยะโฮวาพระเจ้าทรงประสงค์ให้เราหลีกเลี่ยงความเชื่อและประเพณีนิยมที่มาจากการนมัสการเท็จ หรือที่ขัดกับความจริงอันบริสุทธิ์สะอาดของคัมภีร์ไบเบิล.—พระบัญญัติ 18:9-13; 2 โกรินโธ 6:14-17.
16. จงอธิบายว่าเหตุใดจึงไม่เป็นภาระหนักที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานของพระเจ้าสำหรับความประพฤติที่ถูกต้องและรับเอาความจริงของพระองค์.
16 การปฏิบัติตามมาตรฐานของพระเจ้าสำหรับความประพฤติที่ถูกต้องและรับเอาความจริงของพระองค์เป็นภาระหนักสำหรับเราไหม? เราจะไม่รู้สึกอย่างนั้นแน่หากเราได้พิจารณาถึงผลประโยชน์ทั้งหลายที่ได้รับ—ชีวิตสมรสซึ่งสามีและภรรยารักและไว้ใจกันและกัน แทนที่จะบ้านแตกสาแหรกขาดเนื่องจากความไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน; ครอบครัวซึ่งลูก ๆ รู้สึกถึงความรักและรู้สึกเป็นที่ต้องการของบิดามารดา แทนที่จะเป็นครอบครัวที่เด็ก ๆ ขาดความรัก ถูกละเลย และรู้สึกไม่เป็นที่ต้องการ; สติรู้สึกผิดชอบที่สะอาดและมีสุขภาพดี แทนที่จะรู้สึกผิดและตกเป็นเหยื่อของโรคเอดส์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ. แน่นอนทีเดียว ข้อเรียกร้องของพระยะโฮวาไม่ทำให้เราขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อเพลิดเพลินกับชีวิต!—พระบัญญัติ 10:12, 13.
แสดงความนับถือต่อชีวิตและเลือด
17. พระยะโฮวาทรงมีทัศนะอย่างไรในเรื่องชีวิตและเลือด?
17 ขณะที่คุณนำชีวิตตัวเองเข้ามาประสานกับมาตรฐานของพระเจ้า คุณก็จะเริ่มหยั่งรู้ว่า ชีวิตเป็นสิ่งมีค่ายิ่ง. ต่อไปนี้ให้เราพิจารณาข้อเรียกร้องประการที่สามของพระเจ้า. เราต้องแสดงความนับถือต่อชีวิตและเลือด. ชีวิตศักดิ์สิทธิ์จำเพาะพระยะโฮวา. ก็ควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะพระองค์ทรงเป็นแหล่งแห่งชีวิต. (บทเพลงสรรเสริญ 36:9) แม้กระทั่งชีวิตของเด็กที่อยู่ในครรภ์มารดายังไม่คลอดออกมาก็มีค่ามากจำเพาะพระยะโฮวา! (เอ็กโซโด 21:22, 23) เลือดเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต. ด้วยเหตุนั้น เลือดจึงศักดิ์สิทธิ์ในสายพระเนตรของพระเจ้าด้วย. (เลวีติโก 17:14) ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ควรประหลาดใจที่พระเจ้าทรงคาดหมายให้เรามีทัศนะแบบเดียวกันกับพระองค์ในเรื่องชีวิตและเลือด.
18. ทัศนะของพระยะโฮวาในเรื่องชีวิตและเลือดเรียกร้องอะไรจากเรา?
18 ความนับถือต่อชีวิตและเลือดเรียกร้องอะไรจากเรา? ในฐานะเป็นคริสเตียน เราจะไม่เสี่ยงชีวิตของเราโดยไม่จำเป็นเพียงเพื่อความตื่นเต้น. เรามีความสำนึกในเรื่องความปลอดภัย และดังนั้นเราจึงคอยดูแลให้รถและบ้านของเราอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย. (พระบัญญัติ 22:8) เราไม่ใช้ยาสูบ, เคี้ยวหมาก, ใช้ยาเสพย์ติดหรือยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทเพื่อได้ความเพลิดเพลิน. (2 โกรินโธ 7:1) เนื่องจากเราฟังพระเจ้าเมื่อพระองค์มีพระบัญชาให้ ‘ละเว้นจากเลือด’ เราจึงไม่ยอมรับการถ่ายเลือดเข้าสู่ร่างกายของเรา. (กิจการ 15:28, 29) แม้ว่าเรารักชีวิต แต่เราจะไม่พยายามรักษาชีวิตปัจจุบันเอาไว้โดยฝ่าฝืนกฎหมายของพระเจ้า และด้วยเหตุนั้นจึงทำลายความหวังเรื่องชีวิตนิรันดร์ ของเรา!—มัดธาย 16:25.
19. จงอธิบายวิธีที่เราได้รับประโยชน์จากการแสดงความนับถือต่อชีวิตและเลือด.
19 เป็นภาระหนักสำหรับเราไหมในการถือว่าชีวิตและเลือดศักดิ์สิทธิ์? ไม่เป็นเช่นนั้นแน่! ลองคิดดูก็แล้วกัน. เป็นภาระหนักไหมที่จะรักษาตัวให้ปลอดจากมะเร็งปอดอันเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่? เป็นภาระหนักไหมที่จะหลีกเลี่ยงจากการติดยาที่เป็นอันตรายไม่ว่าจะเป็นการติดทางจิตใจหรือทางกาย? เป็นภาระหนักไหมที่จะรักษาตัวไม่ให้ติดโรคเอดส์, โรคตับอักเสบ, หรือโรคอื่น ๆ ที่เกิดจากการถ่ายเลือด? เห็นได้ชัดว่า การที่เราหลีกเลี่ยงนิสัยและกิจปฏิบัติที่เป็นอันตรายเหล่านี้ให้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเอง.—ยะซายา 48:17.
20. ครอบครัวหนึ่งได้รับประโยชน์อย่างไรจากการมีทัศนะของพระเจ้าในเรื่องชีวิต?
20 ขอให้พิจารณาประสบการณ์นี้. หลายปีมาแล้ว สตรีพยานฯ คนหนึ่งซึ่งตั้งครรภ์ได้ประมาณสามเดือนครึ่งเกิดอาการตกเลือดในเย็นวันหนึ่ง จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรีบด่วน. หลังจากที่หมอได้ตรวจแล้ว เธอได้ยินหมอพูดกับพยาบาลคนหนึ่งว่าพวกเขาจำต้องทำให้เด็กแท้งออกมา. โดยรู้ว่าพระยะโฮวาทรงมีทัศนะเช่นไรในเรื่องชีวิตของทารกที่ยังไม่คลอด เธอปฏิเสธอย่างหนักแน่นไม่ยอมทำแท้ง โดยบอกหมอว่า “หากทารกยังมีชีวิตอยู่ ก็ขอให้ปล่อยเขาไว้ที่นั่น!” เธอยังตกเลือดต่อไปอีกหลายครั้ง แต่หลายเดือนต่อมาเธอก็ได้คลอดลูกก่อนกำหนดเป็นทารกเพศชายที่สมบูรณ์ดี ซึ่งปัจจุบันอายุได้ 17 ปีแล้ว. เธอเล่าว่า “เราเล่าให้ลูกชายทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น และเขาบอกว่าเขาดีใจที่ไม่ได้ถูกทิ้งลงถังขยะ. เขารู้ว่าเหตุผลประการเดียวที่เขายังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้ก็เพราะเรารับใช้พระยะโฮวา.” แน่นอน การมีทัศนะของพระเจ้าในเรื่องชีวิตหาได้เป็นภาระหนักแก่ครอบครัวนี้ไม่!
การรับใช้ร่วมกันกับไพร่พลที่ได้รับการจัดระเบียบของพระยะโฮวา
21, 22. (ก) พระยะโฮวาทรงคาดหมายให้เรารับใช้พระองค์ร่วมกันกับใคร? (ข) จะระบุตัวไพร่พลที่ได้รับการจัดระเบียบของพระเจ้าได้โดยวิธีใด?
21 เราหาได้ทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นเพื่อนำชีวิตของเราให้เข้ามาประสานกับมาตรฐานต่าง ๆ ของพระเจ้าแต่เพียงลำพังไม่. พระยะโฮวาทรงมีไพร่พลของพระองค์บนแผ่นดินโลกนี้ และพระองค์ทรงคาดหมายเราให้รับใช้พระองค์ร่วมกันกับพวกเขา. นี่นำเรามาถึงข้อเรียกร้องประการที่สี่. เราต้องรับใช้พระยะโฮวาร่วมกับองค์การที่ได้รับการชี้นำจากพระวิญญาณของพระองค์.
22 อย่างไรก็ตาม จะระบุตัวไพร่พลของพระเจ้าที่ได้รับการจัดระเบียบเป็นองค์การโดยวิธีใด? ตามมาตรฐานในพระคัมภีร์ พวกเขามีความรักแท้ในหมู่พวกเขาเอง, พวกเขามีความนับถืออย่างลึกซึ้งต่อคัมภีร์ไบเบิล, พวกเขาถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระเจ้า, พวกเขาประกาศเกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระองค์, และพวกเขาไม่เป็นส่วนของโลกชั่วนี้. (มัดธาย 6:9; 24:14; โยฮัน 13:34, 35; 17:16, 17) มีองค์การทางศาสนาเพียงองค์การเดียวเท่านั้นบนแผ่นดินโลกนี้ที่มีบรรทัดฐานเหล่านี้ทั้งหมดของศาสนาคริสเตียนแท้ นั่นคือพยานพระยะโฮวา!
23, 24. เราจะแสดงให้เห็นได้โดยวิธีใดว่า การรับใช้พระยะโฮวาร่วมกันกับไพร่พลที่ได้รับการจัดระเบียบของพระองค์นั้นไม่ใช่ภาระหนักแต่อย่างใด?
23 เป็นภาระหนักไหมในการรับใช้พระยะโฮวาร่วมกับไพร่พลที่ได้รับการจัดระเบียบของพระองค์? ไม่เลย! ในทางตรงกันข้าม นับเป็นสิทธิพิเศษอันมีค่าที่ได้รับความรักและการสนับสนุนจากครอบครัวแห่งพี่น้องชายหญิงคริสเตียนตลอดทั่วโลก. (1 เปโตร 2:17) ขอนึกภาพดูโดยสมมุติว่าคุณได้รอดชีวิตจากเรืออับปาง และพยายามลอยคออยู่กลางน้ำ. ขณะที่คุณรู้สึกว่าไม่สามารถจะพยุงตัวอยู่ได้อีกต่อไปแล้วนั้น ก็มีมือที่ยื่นออกมาจากเรือกู้ภัยลำหนึ่งช่วยคุณเอาไว้. ใช่แล้ว มีผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ อีกหลายคน! ในเรือกู้ภัย คุณและคนอื่น ๆ ผลัดกันพายเรือเข้าสู่ฝั่ง ระหว่างทางก็แวะช่วยผู้รอดชีวิตคนอื่น.
24 พวกเราอยู่ในสถานการณ์คล้ายกันมิใช่หรือ? เราถูกฉุดขึ้นมาจาก “น้ำ” ที่เป็นอันตรายของโลกชั่วนี้ เข้ามาสู่ “เรือกู้ภัย” ซึ่งก็ได้แก่องค์การทางแผ่นดินโลกนี้ของพระยะโฮวา. ภายในองค์การนี้ เรารับใช้เคียงบ่าเคียงไหล่กันขณะที่เรามุ่งหน้าไปสู่ “ฝั่ง” ซึ่งก็คือโลกใหม่ที่ชอบธรรมนั่นเอง. หากความกดดันในชีวิตทำให้เราอ่อนล้าลงในระหว่างทาง เรารู้สึกขอบคุณสักเพียงไรสำหรับการช่วยเหลือและการปลอบประโลมจากเพื่อนคริสเตียนแท้ด้วยกัน!—สุภาษิต 17:17.
25. (ก) เรามีพันธะอะไรต่อคนเหล่านั้นที่ยังคงอยู่ใน “น้ำ” แห่งโลกชั่วนี้? (ข) บทความถัดไปจะพิจารณาข้อเรียกร้องอะไรของพระเจ้า?
25 จะว่าอย่างไรกับคนอื่น ๆ—ประชาชนที่มีหัวใจสุจริตซึ่งยังคงอยู่ใน “น้ำ”? เรามีพันธะต้องช่วยพวกเขาให้เข้ามาสู่องค์การของพระยะโฮวามิใช่หรือ? (1 ติโมเธียว 2:3, 4) พวกเขาจำต้องได้รับการช่วยเหลือให้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อเรียกร้องของพระเจ้า. นี่นำเรามาถึงข้อเรียกร้องของพระเจ้าประการที่ห้า. เราต้องเป็นผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้าด้วยความภักดี. ในบทความถัดไป เราจะพิจารณาว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง.
คุณจำได้ไหม?
▫ เหตุใดพระบัญชาของพระเจ้าไม่เป็นภาระหนัก?
▫ เรารับเอาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าโดยวิธีใด?
▫ เหตุใดไม่เป็นภาระหนักที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานของพระเจ้าสำหรับความประพฤติที่ถูกต้องและที่จะรับเอาความจริงของพระองค์?
▫ ทัศนะของพระเจ้าต่อชีวิตและเลือดเรียกร้องอะไรจากเรา?
▫ พระเจ้าทรงคาดหมายให้เรารับใช้พระองค์ร่วมกันกับใคร และจะระบุตัวพวกเขาได้โดยวิธีใด?
[รูปภาพหน้า 18]
เราเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาจากหนังสือแห่งการทรงสร้างและจากคัมภีร์ไบเบิล
[ที่มาของภาพ]
Crocodile: By courtesy of Australian International Public Relations; bear: Safari-Zoo of Ramat-Gan, Tel Aviv