การเสนอข่าวดี—โดยการให้คำพยานในตอนเย็น
1 มหาปุโรหิตชาวยิวบอกแก่สาวกรุ่นแรก ๆ ของพระเยซูบางคนว่า “เจ้าได้ให้กรุงยะรูซาเลมแพร่หลายไปด้วยคำสอนของเจ้า.” (กิจ. 5:28) เห็นได้ชัดว่าพี่น้องเหล่านั้นได้ทำงานอย่างดียิ่งในการให้คำพยานในเมืองนั้น และไม่เป็นที่สงสัยว่าพวกเขาทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อพบทุกคนในเขตทำงานของเขา. พวกเขาดำเนินต่อ ๆ ไปในการให้คำพยานอย่างทั่วถึงในบริเวณนั้นและในที่อื่น ๆ.—กิจ. 8:25.
2 ในหลายดินแดนในสมัยนี้ เราได้ทำให้คำสอนเรื่องความจริงแพร่ไปจนทั่ว. มีการเพิ่มพูนอันดีเยี่ยมในจำนวนผู้ประกาศและการเพิ่มขึ้นที่ประสานกันของจำนวนประชาคม. เขตทำงานได้ลดน้อยลงและมีการทำบ่อยครั้งขึ้น. จึงมีความจำเป็นสำหรับพวกเราที่จะขยายเขตงานของเราเพื่อนำข่าวดีไปถึงผู้คนมากขึ้น.
ผลประโยชน์ของการให้คำพยานตอนเย็น
3 ผู้ประกาศหลายคนพบว่าพวกเขาสามารถทำให้เขตทำงานของเขากว้างขึ้นโดยการเยี่ยมตามบ้านในช่วงเย็น. ในเวลานั้น พวกเขาสามารถเข้าพบเจ้าของบ้านหลายคนซึ่งตามปกติแล้วจะไม่อยู่บ้านในช่วงกลางวัน. ผู้ประกาศหลายคนรายงานว่าได้พบไม่คนใดก็คนหนึ่งในเกือบทุกบ้านในเขตทำงานของเขาเมื่อเขาเยี่ยมในช่วงเย็น. ไม่เพียงแต่จะพบผู้คนมากขึ้นอยู่บ้านเท่านั้นแต่คนเหล่านั้นที่ได้พบก็ยังอยู่ในอารมณ์ที่ผ่อนคลายมากกว่าและเต็มใจรับฟังข่าวสารของเราด้วย. ผู้ดูแลหมวดเคยช่วยหลายประชาคมจัดให้มีการให้คำพยานตอนเย็น. ผู้ประกาศทุกคนได้รับการหนุนใจให้สนับสนุนการให้คำพยานตอนเย็นวันพุธเป็นประจำในช่วงการเยี่ยมของผู้ดูแลหมวด.
4 คุณเคยลองให้คำพยานในช่วงเย็นในเขตทำงานของคุณไหม? เนื่องจากในช่วงฤดูร้อนดวงอาทิตย์ตกช้ากว่า เราจึงมีโอกาสอยู่นอกบ้านได้นานกว่าที่เคย. ส่วนหนึ่งของช่วงเย็นนั้นอาจใช้ในการให้คำพยานตามบ้านหรือการเยี่ยมบ้านที่ไม่มีคนอยู่ในคราวการเยี่ยมครั้งก่อน. และบางทีต่อจากนั้นเราอาจกลับเยี่ยมเยียนหรือนำการศึกษาพระคัมภีร์. แม้ว่าในช่วงที่เวลากลางวันมีน้อยกว่าในช่วงต่อไปของปีนั้น เราก็อาจสามารถใช้ช่วงต้น ๆ ของตอนเย็นในการให้คำพยานตามบ้านได้. แน่นอน เราจำเป็นต้องใช้สามัญสำนึกและแสดงความสุขุมรอบคอบ โดยเฉพาะเมื่อให้คำพยานในแถบที่อาจไม่ค่อยปลอดภัยหลังจากค่ำแล้ว.
จงเห็นใจผู้อื่น
5 เพื่อประสบความสำเร็จในการให้คำพยานตอนเย็น เราจำต้องระลึกเสมอถึงเรื่องสำคัญบางเรื่อง. ตัวอย่างเช่น เนื่องจากผู้คนในบางท้องที่อาจกลัวคนที่มาเยี่ยมในตอนเย็นโดยไม่ได้คาดหมาย เราปรารถนาจะเป็นคนที่อบอุ่นและเป็นมิตรในการแนะนำตัวเราและบอกให้ทราบโดยเร็วถึงจุดประสงค์ในการเยี่ยมของเรา. หากเราสามารถแสดงความห่วงใยอย่างแท้จริงต่อสวัสดิภาพของเจ้าของบ้าน เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะรู้สึกสบายใจขึ้นและอาจมีแนวโน้มจะเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเขาออกมา.
6 ในบางแห่ง เจ้าของบ้านได้มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของเขา. นั่นอาจทำให้เราต้องใช้เครื่องพูดติดต่อภายใน หรือเจ้าของบ้านอาจพูดคุยกับเราผ่านทางประตูที่ปิดหรือต้องการจะเห็นเราโดยทางช่องมองที่ประตู. โดยการที่เรายอมรับการดำเนินการที่เจ้าของบ้านทำไว้ เขาก็อาจพอใจจะรับฟังความจริงที่เราต้องการให้แก่เขา.
7 หลายประชาคมมีตารางเวลาการให้คำพยานตอนเย็นสัปดาห์ละหนึ่งครั้งหรือมากกว่านั้น. การทำเช่นนี้ทำให้ผู้ประกาศซึ่งทำงานอาชีพเต็มเวลามีโอกาสมากขึ้นในการมีส่วนในการประกาศและกระทั่งได้ทำงานกับผู้ประกาศที่เขาไม่เคยได้ทำงานด้วยมาก่อนเลยเพราะเวลาทำงานไม่ตรงกัน. การให้คำพยานตอนเย็นทำให้มีทางเป็นไปได้ที่ผู้ประกาศบางคนจะใช้เวลามากขึ้นในการประกาศ และอีกทางหนึ่ง การทำเช่นนี้ทำให้พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการให้ข่าวดีแก่คนอื่น ๆ. เช่นเดียวกัน ได้มีการเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์หลายรายอันเป็นผลเนื่องจากการได้ติดต่อกับคนที่ไม่เคยได้รับฟังพวกพยานพระยะโฮวามาก่อนเลย.
8 อาจเป็นได้ไหมสำหรับคุณที่จะมีส่วนร่วมในการให้คำพยานในตอนเย็นและชื่นชมยินดีกับโอกาสที่เพิ่มขึ้นนี้ในการ “กระทำการประกาศข่าวดี”? (2 ติโม. 4:5) หากมีพวกเรามากขึ้นสามารถตอบคำถามนี้ในทางที่เห็นด้วย เราเองเช่นกันอาจจะเป็นผู้ที่กำลังทำงานที่ดีขึ้นในการแพร่ความจริงไปทั่วเขตทำงานของเรา.